= 2 = “ครับๆ พี่รู้แล้วครับ” พอพร้อมแล้ว เราพากันไปขึ้นรถ พ่อกับแม่มาพร้อมผม
ส่วนพ่อแม่ของแบมท่านขับรถกันไปเอง เรื่องเล็กๆน้อยๆ ทำให้ผมผ่อนคลายลงไปได้เยอะ
ดูแบมมีพลังกระฉับกระเฉงเป็นพิเศษ
มาถึงศาล ตรงไปพบทนายที่มารอผมก่อนแล้ว รวมทั้งทนายของบอลลูนก็มาแล้วด้วย
หลังแนะนำพ่อกับแม่ผม รวมทั้งพ่อแม่แบมรู้จักทนายเรียบร้อย เราก็เข้าห้องรอศาลขึ้นบัลลังก์ว่าความ
ระหว่างนั้นคู่กรณีก็มากันพร้อม ทีมจูงน้องเต้ยเข้ามาในห้อง ตามหลังทนายของเธอ
พอเห็นพวกผมนั่งกันอยู่ก่อน ไม่แม้แต่จะทักทายใครเลย น้องเต้ยลูกชายผมกระตุกมือออกจากทีม
“ปล่อยก่อน เต้ยจะไปหาพ่อกับน้าแบม ปู่ย่าด้วย” ผมลุกเดินเข้าไปหาลูกทันที
หลังเห็นทีมรั้งข้อมือลูกไว้ไม่ยอมปล่อย
“ขอพี่อุ้มลูกหน่อย” พูดจบผมก้มลงไปจะอุ้มเต้ย แต่ทีมเอาตัวเข้าบังทันที
“ไม่ได้ค่ะ ถ้าพี่ต้นอยากใกล้ชิดลูกเลือกทำตามข้อเสนอของทีมสิ เลิกกับอีตุ๊ดนั่น
น้องเต้ยจะได้มีพ่อไม่อายใคร” คำพูดของทีมไม่ไว้หน้าใครเลยผมละรู้สึกแย่ทันที
“น้าทีมปล่อยเต้ย จะไปหาพ่อ” ลูกพยายามขืนตัว แต่ทีมก็ไม่ยอมปล่อยให้มา น้องเต้ยจะร้องแล้วตอนนี้
“ผลั๊ก!..มาหาน้าแบมสิน้องเต้ย” ไม่รู้แบมโผล่มาตอนไหน ผลักทีมกระเด็นพร้อมกับ
รวบเอวน้องเต้ยมากอดไว้ก่อนจะเซตามร่างของทีมไป
“ว๊าย! อีตุ๊ดระยำมึงผลักกูทำไม” เสียงโวยวายของทีม ไม่มีผลกับแบม
เธอไม่สนอุ้มน้องเต้ยเดินลิ่วไปหาพ่อแม่ผมทันที
“น้องเต้ยอยู่กับปู่ย่าก่อนนะลูก น้าแบมมีช็อกโกแลตเมเบิร์นมาฝากด้วย”
ส่งลูกผมใส่ตักแม่เรียบร้อย ล้วงช็อกโกแลตของโปรดเต้ยออกมาให้ทันที ลูกชายผมพอเห็นเท่านั้น
รีบพนมมือไหว้ขอบคุณก่อนคว้าไว้ในมือ
“ขอบคุณมากครับน้าแบม”
“อีแบม มึงเอาหลานกูมาเดี๋ยวนี้นะ” ทีมปรี่เข้าไป แต่แบมก้าวออกมาขวางไว้
ในขณะที่ทนายสองฝ่ายมองเงียบๆ แม้แต่ทนายของทีมก็ไม่รู้จะว่ายังไง โชคดีที่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ศาลยังไม่มีใครเข้ามา
“หยุด!..หล่อนหมกน้องเต้ยไว้เป็นเดือนแล้ว ถึงเวลาที่เด็กได้อยู่กับปู่ย่าพ่อเขาพร้อมหน้าบ้าง
ขืนยังขยับเข้ามาอีกก้าว กูตบฟันร่วง” มีง้างมือตั้งท่าใส่ประกอบคำพูด ทีมหน้าเจื่อนไปทันที
เพราะรู้รสตีนรสมือแบมดีที่สุด เคยสัมผัสมาแล้วถึงขั้นนอนโรงบาล
“มึงกล้าก็ลองดูสิ กูจะได้ให้ทนายฟ้องมึงอีกข้อหา ที่แน่ๆพี่ต้นแพ้คดีแน่นอน
เพราะมีแฟนอัปรีย์นำความซวยมาให้” ถึงท่าทางจะติดเกรงแบมแต่ปากไม่ยอมลดราวาศอก
“เหรอ..ไว้มึงชนะก่อนค่อยตีปีก มายืนโอ่โดยไม่รู้ผล แทนที่จะตีปีกเยาะเย้ย
กูว่ามึงเหมือนไส้เดือนดิ้นแดดยังไงไม่รู้ว่ะ” แบมแรงกว่า ทำเอาทีมตั้งท่าจะกรี๊ดลั่น
จังหวะเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาพอดี ทำให้เธอได้แต่กัดฟันกรอด กำมือแน่น
“ได้เวลาศาลจะขึ้นบัลลังก์แล้วนะคะ ฝ่ายคู่กรณีทั้งสองท่านเตรียมเบิกพยาน
ขอให้ยื่นเอกสารตอนนี้เลยค่ะ” เป็นอันว่าพวกเรากลับเข้านั่งประจำที่คนละฝั่ง พอดีน้องหนุ่ยกับเขมเดินเข้ามาด้วย
“แบม..พี่แบม” เขมทักก่อน น้องหนุ่ยค่อยทักตาม
“มาสายนะไอ้ห่า นัดเก้าโมง ล่อซะสิบโมงครึ่ง” แบมบ่น
“กูมาศาลยังไม่ขึ้นนั่งแท่นเลย สายห่าไรมึง” เขมมันเถียง
“นั่งแท่นบ้านมึงแหนะ เขาเรียกบัลลังก์” แบมแก้
“เออ..นั่งไรก็ช่าง ขอกูสวัสดีพ่อแม่ก่อน” แบมมันเปิดทาง
พาเขมหนุ่ยมาทักทายไหว้พ่อแม่แบมกับพ่อแม่ผม
“หวัดดีครับพ่อแม่ ดีครับพี่ต้น บลาๆๆ” พวกเราต่างรับไหว้
พูดคุยกันพอหอมปากหอมคอ น้องหนุ่ยกลายเป็นเล่นกับลูกชายผมไปแล้ว
ในขณะทีมกำลังสุมหัวกับทนายจัดเรียงเอกสารกันอย่างขะมักเขม้น
ส่วนทนายฝั่งผมก็เตรียมเอกสารกันสองคน พร้อมกับยื่นให้เจ้าหน้าที่ศาล
ตอนนี้ทีมไม่มีเวลามาวีนเหวี่ยงใส่ ต้องรักษาภาพพจน์ของตัวเธอเองด้วย
“อยากมีเหรอมึง” เขมแซวน้องหนุ่ย
“หึ..แน่นอนกูอยาก” น้องหนุ่ยยักคิ้วกวนกลับ ผมนั่งมองพวกเขาที่เล่นกับลูกผมเงียบๆ
พ่อแม่พวกเราปรึกษาพูดคุยกันอยู่ เลยแบ่งเป็นกลุ่มๆ
“เสียใจด้วยนะ มึงไม่มีมดลูก” ประโยคหลัง ผมอ่านปากเป็นแบบนี้
เกือบขำท่าทางหน้าเหวอของน้องหนุ่ยที่อึ้งค้าง ส่วนเขมมันยักคิ้วกวนกลับได้ทะลึ่งไม่น้อย
ในศาลพวกน้องกลับดูไม่เคร่งเครียดกันเลย ผมที่แอบเครียดพลอยผ่อนคลายไปด้วย
แกะช็อกโกแลตป้อนลูกไปพลางๆ
“ทำความเคารพศาล” เสียงเจ้าหน้าที่บอก พวกเราหยุดภารกิจต่างๆ
ลุกยืนตรงนิ่งๆ ศาลเดินขึ้นบัลลังก์จากประตูหลัง ดูยังหนุ่มอยู่พอสมควร นึกว่าจะเป็นพวกผู้พิพากษาแก่ๆเสียอีก
หลังศาลนั่งลง พวกผมก็ทยอยนั่งกันเงียบๆ แต่น้องเต้ยยังเด็กเริ่มจะซนด้วย
ทำให้ดิ้นยุกยิก เป็นภาระของน้องหนุ่ยที่พาเจ้าตัวเล็กออกไปจากห้อง ไปเล่นข้างนอก
ในขณะที่สายตาทีมมองอย่างไม่ชอบใจ แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่งั้นน้องเต้ยอาจร้องขึ้นมา
ทำให้เป็นปัญหาในการพิจารณาคดี
“ทนายสองฝ่ายพร้อมแล้วนะ” ศาลเอ่ยปากครั้งแรก
หลังนั่งดูเอกสารที่เจ้าหน้าที่ยื่นให้ทั้งหมด จากทนายทั้งสองฝ่าย
“พร้อมครับท่าน..พร้อมแล้วครับ” ทนายทั้งคู่ต่างยืนทำความเคารพศาลแล้วค่อยตอบ
“ถ้างั้นทนายผู้ร้องเริ่มได้เลย” ศาลพูดจบ เจ้าหน้าที่กดบันทึกเทปการให้ปากคำทันที
“ศาลที่เคารพ นางสาวทีมทรxxx ในฐานะน้าสาวแท้ๆของเด็กชาย ตฤณหทัย พรสรวง
ได้ยื่นขอสิทธิ์ในการดูแลเด็กคนนี้พร้อมด้วยบิดามารดาของเธอซึ่งเป็นตากับยาย หลังพี่สาวเพียงคนเดียว
คือนางสาวทิพย์ทานxxx ซึ่งเป็นมารดาของเด็กเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเต้านม ใคร่ขออำนาจศาลพิพากษา
ให้สิทธิ์ดังกล่าวแก่ผู้ร้องด้วยเถิดครับ ควรมิควรแล้วแต่จะพิจารณา” ทนายผู้ร้องฝั่งของทีมลุกคำนับศาลก่อนเปิดประเด็น
“ทนายผู้ร้องยื่นเอกสารสิทธิ์ขอรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กชายตฤณหทัย ซึ่งฝ่ายผู้ร้องยืนยัน
เป็นคนดูแลมาตั้งแต่เกิด โดยทางครอบครัวนี้ได้แจงว่าบิดาผู้ให้กำเนิดไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดูเด็กแต่อย่างใด
ฝ่ายทนายผู้คัดค้านต้องการค้านหรือไม่” ศาลหันมาถามทางทนายฝั่งผม ลุงเริญลุกขึ้นยืนคำนับศาล ก่อนจะเอ่ยค้าน
“ขอค้านครับท่าน เนื่องจากนายต้นตระการบิดาของเด็กชายตฤณหทัย ส่งเสียเลี้ยงดูตั้งแต่
การฝากครรภ์จนถึงปัจจุบัน ความจริงไม่เป็นอย่างที่ฝ่ายผู้ร้องให้ข้อมูล ผู้ร้องให้การเท็จทางผู้คัดค้านขออำนาจศาล
ได้พิจารณาให้ผู้คัดค้านเป็นผู้ได้สิทธิ์ในการดูแลปกครองเด็กคนนี้ ผู้สืบสันดานโดยสายเลือดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ดูจากเอกสารใบแจ้งเกิดที่ยื่นประกอบคำให้การยืนยันชัดว่านายต้นตระการเป็นบิดาโดยชอบธรรม และบิลค่ารักษาพยาบาล
การฝากครรภ์ทำคลอดซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของบิดาเด็กแทบทั้งสิ้น ดังนั้นคำให้การของผู้ร้องถือเป็นเท็จไม่มีมูลความจริง
แต่อย่างใด ควรมิควรแล้วแต่ศาลจะพิจารณา” ศาลหยิบเอกสารขึ้นมาพิจารณา เป็นจังหวะที่ทนายผู้ร้องซึ่งกระซิบกระซาบ
กับทีมลุกขึ้นขออนุญาตศาล
“ขออนุญาตครับท่าน เอกสารบิลค่าฝากครรภ์ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการทำคลอด ล้วนเป็นเงินของทางครอบครัว
มารดาของเด็กชายตฤณหทัยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย แต่เอกสารผู้ที่นำไปเก็บไว้คือนายต้นตระการ เพราะระหว่างนั้นเป็นคนรับ
เป็นธุระเรื่องนี้ คำให้การของฝ่ายผู้คัดค้านถือว่าแอบอ้างประโยชน์ที่ไม่เป็นความจริง”
ศาลรับฟัง ก่อนจะมองมาทางฝั่งทนายของผม
“ศาลที่เคารพ นอกจากบิลค่าใช้จ่ายดังกล่าว ตลอดระยะเวลาที่เด็กชายอยู่ในความดูแลของมารดา
ทางนายต้นตระการรับผิดชอบค่าเลี้ยงดูมาโดยตลอด เด็กเองก็มีความผูกพันกับทางครอบครัวบิดา ทุกสัปดาห์ต้องมาอยู่กับ
ครอบครัวบิดารวมถึงปู่ย่าเป็นเวลาติดต่อกัน 3 วัน ตามเอกสารรูปถ่ายที่แนบมาให้ที่ xxx คำให้การของผู้ร้องที่อ้างว่าบิดา
ไม่เคยดูแลเอาใจใส่ ย่อมเป็นคำให้การเท็จ ขอให้ศาลโปรดพิจารณา” ศาลหยิบเอกสารพร้อมรูปถ่าย ที่ผมมอบให้ตอนน้องเต้ย
มาเที่ยวเล่นกินนอนตามข้อตกลงที่ทิพย์ให้กับผมไว้อาทิตย์ละ 3 วัน
“ศาลที่เคารพ เด็กไปอยู่กับบิดาตามรูปถ่ายจริง ผู้ร้องไม่ได้ค้านในเรื่องนี้ นั้นเพราะทางครอบครัว
และมารดาของเด็กไม่คิดจะปิดบังว่าเด็กมีพ่อเป็นใคร ให้สองพ่อลูกได้ทำความรู้จักกัน แต่ไม่ได้ไปอยู่เป็นเวลาอาทิตย์ละ 3 วัน
อย่างที่ผู้ค้านแจ้ง เพียงแค่ไปไม่นานได้พบหน้าพ่อก็กลับ รูปภาพประกอบทางผู้ค้านย่อมสามารถนำมาแสดงเป็นเรื่องปกติ
ขอพึ่งบารมีศาลโปรดใช้ดุลยพินิจพิจารณา ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด” ทนายของทีมคัดค้านคำให้การของลุงเริญ
รูปการตอนนี้ตึงเครียดพอสมควร เพราะฝ่ายนั้นค้านเอกสารเราบ้าคลั่ง
“ในเอกสารที่ยื่นมาขอเบิกตัวพยานให้ปากคำ ฝ่ายผู้ร้องมีพยานมาพร้อมแล้วหรือไม่” ศาลหันไปถามทนายทีม
“พร้อมครับ” พวกเราต่างสบตากันนิ่ง ไม่มีใครพูดอะไร
“ถ้าเช่นนั้นเชิญทนายผู้ร้องเบิกตัวพยาน นางสาวทีมทรXX ขึ้นให้การในชั้นศาล” ศาลพูดจบ
ทนายก็พยักหน้าให้ทีมขึ้นไปนั่งบนตั่งที่มีลักษณะเหมือนพาติชั่นกั้นส่วนล่างไว้ ให้เห็นแค่ระดับเอวขึ้นไป
พร้อมกับนำทีมกล่าวคำสาบานต่อศาล
“ข้าพเจ้านางสาวทีมทรxxx ขอสาบานต่อพระแก้วมรกต เจ้าพ่อศาลหลักเมืองและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
ว่าข้าพเจ้าจะเบิกความต่อศาลด้วยความสัตย์จริงทั้งสิ้น หากนำความเท็จมากล่าวแม้แต่น้อย ขอภยันตรายและความวิบัติทั้งปวง
จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าและครอบครัวโดยพลัน หากข้าพเจ้ากล่าวความจริงต่อศาลขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัว
ประสพแต่ความสุขความเจริญ” ทีมกล่าวได้โดยสีหน้าแววตาไม่มีสะทกสะท้าน ผมรู้สึกขยะแขยงผู้หญิงคนนี้ทับทวี....
มาต่อเท่านี้ก่อนนะคะ ตอนนี้ยาวพอกัน อ่านตาแฉะแน่ๆ
เลยแบ่งมาลงพรุ่งนี้อีกครึ่งค๊า ขอบคุณๆๆๆๆ เม้นท์ทุกเม้นท์ทุกกำลังใจ
Luk.
