กราบขอประทานอภัย
สำหรับ FC ของน้องบอลลูน ที่อ่านตอนผ่านมาแล้วจิตตก
หรือรู้สึกหน่วงกับพฤติกรรมที่ได้ร่วมรับรู้ อยากบอกว่า.....
ชีวิตจริง มีสิ่งเลวร้ายกว่านี้อีกมากมาย การปล้น ชิง ฆ่า ข่มขืน
ล้วนเป็นข่าวหน้าหนึ่งติดท็อปฮิต แม้แต่การประหัตประหารทางภาคใต้
คนเขียนไม่ได้ยกอ้าง เข้าใจคนอ่านมีความมุ่งหวังเสพนิยายเพื่อความสุข
ความจรรโลงใจ แต่ฉากหรือเหตุการณ์ที่สอดแทรก เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นมุมมืดในสังคม
เผื่อวันหนึ่งเกิดมีโจรมาเยือนถึงประตูบ้าน เราจะได้มีสติพร้อมรับมือได้ทุกเมื่อ ไม่ได้พูดเกินจริง
ทุบรถเอาทรัพย์ ขึ้นบ้านยกเค้า ชิงทองวิ่งราว เป็นเรื่องสามัญไปเสียแล้ว คนที่ไม่เคยประสพย่อม
มองเป็นเรื่องไกลตัว แต่คนที่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ จะรู้ว่ามันเลวร้ายแค่ไหน
ส่วนกรณีของน้องทั้งสอง อยากให้เห็นมุมระวัง ความไม่ประมาท หากบูตัสคิดได้รอบคอบกว่านี้ จะมีสติ
ไม่ยอมให้ตนเองตกเป็นเบี้ยล่าง เพราะน้องมัวแต่กังวลห่วงบอลลูนมาก จึงขาดความเฉลียวแม้กระทั่งปืนจริงปืนปลอม
การกระทำอุกอาจถึงหน้ารั้วบ้าน ถ้าน้องไหวตัว ด้วยศิลปะทักษะการต่อสู้ จะต้องไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เจ็บตัวมากน้อย
แค่ไหน ยังดีกว่าไม่ได้สู้แล้วเป็นฝ่ายถูกกระทำ พอมานึกเสียใจทีหลังก็สิ้นทางต่อสู้แล้ว ถ้าไม่โชคดีพี่ชาติมาช่วยไว้
คิดดูเถอะว่า อะไรจะเลวร้ายแค่ไหน นิยายยังสามารถทำให้เหตุการณ์เปลี่ยนไปในทางที่แก้ไขได้ แต่ชีวิตคนเรายากที่จะ
ให้เป็นดังในนิยาย เพียงแต่ต้องระวัง ใช้ชีวิตไม่ยืนบนความประมาท พร้อมกับมีสติตลอดเวลา สุดท้ายอยากฝากเรื่อง
ผลกรรม คนเราทำกรรมอะไรไว้ กรรมดีกรรมชั่วชดเชยแทนกันไม่ได้ เพียงแต่กรรมดีจะทำให้กรรมชั่วที่ตามมาเอาคืน
เบาบางลงไป ไม่ต้องได้รับเต็ม 100% คนเขียนอยากให้ทุกคนรณรงค์เรื่องทำความดีให้มากๆ ไม่ใช่แค่เพื่อนตัวเราเอง
แต่เพื่อสังคมและคนรอบข้าง เท่านี้แหละที่อยากฝาก แฝงมากับการดำเนินชีวิตของน้องๆ ทุกคู่ในเรื่องนี้ปล.ขอบคุณพี่แวน VAN แอบขำ มีคำชมแกมตัดพ้อ เฉามือ ฮะฮ่าๆๆๆ ไม่แน่ตอนต่อจากนี้ อาจมืองิกเพราะแก้เยอะฮ่าๆๆ+++
ปลล. มีคนขอบคุณคนเขียน แต่ดันบอก ขอบคุณคุณ..วี งง?ตึ๊บ คนเขียนไม่ใช่พี่วีค่ะ แก้ความเข้าใจใหม่ อิอิ
ตอนหวาน แทนการขอบคุณสำหรับทุกเม้นท์ ทุกโพสที่แน่นหนึบ 4 หน้า ในวันเดียว ขอบังอาจอัพต่อเนื่อง
ไม่ใช่ฟิตปั๋งนะคะ แค่มีสต๊อกก็ทยอยลงได้ อิอิ..รักคนอ่านทุกคน บวก 1 แทนการขอบคุณกับนักเม้นท์ทุกคนจากตอนที่แล้วค่ะ
My love
Part 37 “เรียบร้อยครับ หมอให้ยาคลายเครียด น้องคงหลับถึงเช้า รอตื่นค่อยดูอาการอีกที”
หมอบอกผลการรักษา บอลลูนถูกพามาพักห้องพิเศษ ผมโล่งเหมือนยกกองไฟออกจากอก
งานนี้คงต้องหาของขวัญขอบคุณพี่ชาติเสียหน่อย ไม่ได้ทหารหาญคนเก่งมาช่วยไว้ น้องผมคงแย่สุดใจขาด
“มึงยังไม่ได้อาบน้ำเอาไง” โจ๊กมองสำรวจ ผมยังอยู่ในชุดนักเรียน
“รบกวนพี่ชาติพาไปเอาของที่บ้านหน่อยสิ กูต้องนอนเฝ้าน้อง”
“ได้..ไปเลยไหม” ผมพยักหน้า เข้าไปดูน้องอีกครั้ง หลับสนิทเอามือลูบหัวเบาๆกดจูบหน้าผาก
‘รักน้องมากจริงๆ รักยิ่งกว่าชีวิตผมอีก’ โชคดีของบอลลูน ไม่อย่างนั้นคงเลวร้ายสุดๆ
แทบไม่อยากนึก ถ้าพี่ชาติมาช่วยไม่ทัน เฮ้อ!..หน้าตาดีกลับนำภัยมาสู่ตัว กะเทยชั่วพวกนั้นน่ากลัวชะมัด
“พี่กลับไปเอาของที่บ้านนะครับ จะรีบมา” กระซิบบอกข้างหู ทั้งที่รู้น้องคงไม่รู้เรื่อง ฝากโจ๊กอยู่เฝ้าน้องไปก่อน
พี่ชาติคืนเป้ให้ เก็บสัมภาระเล็กน้อย ให้อาหารเจ้าบรีสกับบ็อบเรียบร้อย พี่เขาพามาส่งโรงบาลอีกครั้ง
ตลอดทางนั่งคิดอะไรพลางๆ ไม่ว่าสุขหรือทุกข์เพื่อนไม่เคยทิ้ง ถ้าตัวคนเดียวลำพัง ชีวิตคงเลวร้ายกว่านี้มาก
เข้าห้องวางของเรียบร้อย ตรงไปดูน้องหลับไม่รู้เรื่อง กลับมานั่งข้างโจ๊ก หันไปยิ้มขอบคุณมันอีกครั้ง
ซาบซึ้งน้ำใจกับมิตรภาพที่มีให้จริงๆ
“ขอบคุณมาก..โจ๊ก” หน้าหล่อคมเข้มคลี่ยิ้มอบอุ่น ก่อนมือใหญ่ขยี้หัวผมเบาๆ รั้งไหล่เข้าไปซุกอกกว้าง
รู้สึกปลอดภัยจัง ได้อยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงอ่อนโยน โจ๊กเป็นเพื่อนที่พึ่งพาได้เสมอ ไม่เคยหยาบกระด้าง
ในความสุภาพปนฮา แฝงความเป็นผู้นำเต็มเปี่ยม ไม่ใจร้อนวู่วาม ถึงแม้ไม่แรงเท่าแบม แต่โจ๊กเด็ดขาดเสมอ...
“อ้อมกอดมึง..เหมือนปราการคุ้มภัยให้กูเลย” ชมจากใจ
“หึหึ..อีกหน่อยกอดของใครบางคน ทำให้มึงรู้สึกปลอดภัยสัมผัสความสุข
ได้ดียิ่งกว่าอ้อมแขนกูหลายเท่าเลยล่ะ” มองหน้าไม่เข้าใจ
“ไม่ต้องอึน อ้อมกอดน้องมึงไง ลองเป็นปกติเท่กว่ากูเยอะ เรื่องเลวร้ายที่พวกมึงเจอคงเป็นกรรมเก่า
เกือบโดนกะเทยโทรม เป็นผลที่เคยทำมึงไว้ ข้างบนคงรู้น้องมันรักมึง ความรักเป็นพลังให้แคล้วคลาดจากสิ่งชั่วร้าย
ถึงรอดมาได้” ฟังมันพูด เผลอยิ้มตาม ความวิตกกังวลหายหมด เกิดกำลังใจชุ่มชื่นขึ้นมาแทน
“พูดเหมือนคนเห็นธรรม ไม่ยักรู้ศึกษาธรรมมะด้วย” แซวมันล่ะ
“กูเชื่อเรื่องบุพเพฯ ถ้าไม่ร่วมบุญแต่ชาติที่แล้ว คงไม่มารักชอบกันหรอก กูกับไอ้หนกก็ไม่ต่าง”
เปรียบตัวเองเฉย จริงอย่างว่า หน้าตาโจ๊กไม่จำเป็นต้องรอกนก คนสวยชอบมันเยอะแยะ ไม่มีสนใจแอ๊บแต๋วหน้าตาย
“พวกมึงลงตัวแล้วใช่ไหม” ไม่ได้ตามความคืบหน้าเลย ช่วงหลังมีแต่เรื่องวุ่นวายไม่หยุด
“หึหึ!เริ่มเขาที่เข้าทางล่ะ” มันยิ้มกริ่ม อาการแบบนี้แอบมีลับลมคมใน ทำให้อยากรู้เข้าไปใหญ่
“โจ๊ก..” ครางเรียก
“เออน่าสนใจเอาตัวเองให้รอดก่อน อย่ามัวอึน” มันโยกหัวผมเล่น รอยยิ้มละมุนอาบบนหน้าหล่อ
นอกจากบอลลูนแล้ว ในสายตาผมมีโจ๊กนี่แหละหล่อสุดๆเชียวล่ะ
พอโจ๊กกลับ อาบน้ำเสร็จนั่งอ่านแนวข้อสอบใบขับขี่ ความเงียบสงบทำให้มีสมาธิ ทบทวนจนขึ้นใจชักง่วง
ลุกไปดูน้องห่มผ้าให้เรียบร้อยปิดไฟเสร็จหลับอยู่ตรงโซฟา...
“ฮ้าวว!!” ลืมตาตื่น ยืดแขนขาบิดขี้เกียจ มองไปที่เตียง
“เฮ้ย!” ตกใจ..บอลลูนนั่งเอาหมอนหนุนหลัง ปรับเตียงสูงจ้องนิ่ง พรวดเข้าไปหาอย่างเร็ว
“บอลล!!!” น้ำเสียงตื่นเต้นมาก คว้าออดหัวเตียงกะเรียกพยาบาล มือเรียวใหญ่หยุดผมไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องกด ถึงเวลาเขามาตรวจเอง” หืม..คำพูดสำนวนแบบนี้
“บอล..” จ้องน้องครางเสียงแผ่ว แววตาบอลลูนนิ่งมาก ยากคาดเดาความรู้สึก เป็นแววตาที่ผม...?
“บอล..บอล..ครับ” เรียกซ้ำๆ น้องจ้องตอบไม่กะพริบ
“เรียกทำไม อยู่ใกล้กันแค่นี้” หา..ลักษณะคำพูดแบบนี้..?
“คนเดิมใช่ไหม” มือน้องยังไม่ปล่อยมือผม จ้องไม่วางตาสีหน้าท่าทางเดาไม่ออก
ต่างจากบอลลูนภาคเด็กซึ่งไม่มีมุมปิด เป็นภาคเจ้าชายคนเดิมกลับมาแล้วใช่ไหม..แบบนี้รับมือลำบากเหะ!
“หึหึ!!” หัวเราะขึ้นจมูก นิ้วหัวแม่มือไล้หลังมือผมเบาๆ อร๊าย!!..หน้าร้อนสู้ตาน้องไม่ได้
หลุบตาหลบอย่างยอมแพ้ มือข้างที่ว่างดันเชยคางผมขึ้นมาเฉย ตายห่า..หลบยังไงล่ะทีนี้
“อายเหรอ..” ไอ้หย๋า..ตอบยังไงเล่าเนี่ยะ
“ปวดหัวไหม ตัวร้อนเปล่า เจ็บตรงไหนไหม” ยอมรับประหม่ามาก หาทางเลี่ยงจากสถานการณ์ชวนระทึก
ใจเต้นกระเด็นกระดอนให้ได้ก่อน มันเหมือนจะหลุดออกมานอกอกแล้ว
“หายใจลึกๆสิ..บู” น้องพูดไปคนละเรื่อง ผมดันทำตาม รู้สึกเริ่มควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น
“จะ..จำได้เหรอ” ไม่แน่ใจต้องถามแบบไหน
“ความจำไม่ได้เสื่อม..ทำไมจำไม่ได้หืม” คำตอบเล่นเอาอึ้ง
“อ้าว!..แล้วก่อนหน้าล่ะ” หรือที่ผ่านมาน้องแกล้งทำนิสัยแบบนั้น
“เหมือนดูตัวเองในหนัง พอเข้าใจไหม รู้สึกทำตัวปัญญาอ่อนไปพอสมควร” พูดเองดันหน้าขึ้นสี
ทำเอาอดยิ้มไม่ได้ ปัญญาอ่อนที่ไหน..น่ารักตายชัก
“ไม่หรอก น่ารักดีออก” หลุดปากชมไปแล้ว
“แฮ่ม!!..ขอน้ำกินหน่อย” น้องกระแอมเบาๆ หาทางเลี่ยงดื้อๆ หน้าแดงแปร๊ด
พอรู้น้องเขินอยากขำอยากแกล้ง บอลลูนมาดเยอะขี้เก๊ก..คนเดิมกลับมาแล้ว
“หยิบให้ไม่ได้” อมยิ้มมุมปาก ไม่กล้ายิ้มกว้างกลัวหลุดขำ กระตุกมือเบาๆ ให้รู้น้องจับมือผมอยู่
“อะ..อืม” ยอมปล่อยเป็นอิสระ เฉมองรีโมท
“ทีวีดูได้ไหม” อยากหัวเราะดังๆ เก๊กเสียงซะนิ่ง
“ได้สิ ห้องแพงขนาดนี้ ทีวีดูไม่ได้เสียชื่อแย่” ได้ทีขี่แพะไล่..ฮ่าๆๆ! หน้าน้องออกอาการบื้อไปเลย
ได้แต้มเป็นครั้งแรกกับบอลลูนลุคนี้..อิอิ
“น้ำครับ” น้องรับไปจิบ
“มานี่ซิ” เรียกเข้าไปใกล้ๆ วางแก้วน้ำบนโต๊ะหัวเตียง
“เอาอะไรอีก ไม่ให้พยาบาลมาดูหน่อยเหรอ” เขินเหมือนกันเหะ
“อย่าเพิ่งน่า มาใกล้ๆ..ปุๆ!” ตบข้างเตียงให้นั่ง ขยับไปยืนแหละ
“อะไร..อ๊ะ!” ไม่ทันจบประโยค ถูกดึงจนร่างเกยพาดตักทั้งตัว
“บอลทำอะไร..อ๊ะ..อืม!” ได้แค่นั้น ปากถูกปิดด้วย..’จูบ’ น้องดึงอากาศผมหมดปอด ถึงยอมปล่อย หายใจแทบไม่ทัน
“ฮาาาา...” คาดว่าหน้าคงเห่อแดง อย่างไม่ต้องสงสัย
“ปากแบบนี้สมควรรีดพิษ” น้องเลียริมฝีปากไปมา ฟังแล้วอยากเอาหน้ามุดเตียง
นึกขึ้นได้ผมกำลังพาดตัวบนตักน้อง ขืนทำแบบนั้นคงไม่ได้มุดเตียงหรอก มุด..อร๊าย!!
“บ้า!ยังไม่ได้แปรงฟันใครให้..จูบ” เสียงอู้อี้มุดหน้าซุกอกดีกว่า เขินมาก..หน้าจะระเบิดแล้ว
อ้อมแขนแกร่งรวบกอดผมทั้งตัว โจ๊กพูดถูกอ้อมแขนนี้ให้ความสุขกว่าหลายเท่า
กลิ่นกายน้องมอมเมารู้สึกมึนไปหมด เสียงหัวใจตรงอกซ้ายที่แนบหูฟังอยู่ ทำให้หัวใจผมเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน
“เรียบร้อยแล้ว ขอบใจนะที่เอาแปรงสีฟันมาให้” น้องคงเห็นของใช้ตัวเองวางหน้ากระจกห้องน้ำ
ผมหยิบมาเผื่อบอลลูน
“หมายถึงพี่ต่างหาก..ยังไม่ได้แปรงฟัน” แย้งให้เข้าใจใหม่
“หึหึ..ไม่เหม็นหรอก หวานคล้ายวานิลา” บ้าไปแล้ว ตื่นใหม่นี่นะ ปากหวานวานิลา
ไปไม่ถูกเลยคราวนี้ แทนที่จะเหม็นบูดน้ำลาย เอ๋!..หรือหวานจริงหว่า? ตอนก่อนยังบอกจูบรสเค้กด้วยซ้ำ
“ไม่เชื่อเหรอ งั้นพิสูจน์อีกที” น้องจับคางแหงนขึ้น รีบเอามือปิดปากยั้งไว้ทันควัน
“พี่ทำธุระก่อน เดี๋ยวพยาบาลมาตรวจอายเขา” บอลลูนอมยิ้ม มองเหมือนรู้ทัน
“ขออย่างสิ”
“อะไร”
“อย่าแทนตัวเองว่าพี่..ได้ไหม” ปกติก็ใช้พี่มาตลอด
“แล้วให้แทนว่าไง”
“บูววว..สิ” พูดเสียงนุ่มจัง ฟังแล้วขนลุกซู่เล่นเป่าใส่หูนี่นา
“อื้อ..ปล่อยก่อน พี่จะเข้าห้องน้ำ” อ้อมแขนกระชับแน่นเฉย
“บอกอยู่หยกๆ..อย่าพี่” มันชินนิ
“บะ..บูจะเข้าห้องน้ำ” อร๊าย!! อายมากๆ ทำไมมันเขินแบบนี้วะ
“ทำไมไม่ให้แทนว่าพี่ล่ะ” หาเรื่องเบนความสนใจ อ้อมกอดมันรัดแน่นจนแนบชิด
แถมใจก็เต้นตึกๆตักๆ ลืมความกังวลอื่นๆในหัวไปจนหมด
“คนเป็นแฟนกัน ผู้ชายไม่ชอบให้แฟนทำตัวแก่กว่า เข้าใจรึยังหืม” เออ!..ไม่ถามก็ดีหรอก
กลายเป็นเบลอหูอื้อตาลายล่องลอยมายืนในห้องน้ำได้ยังไงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
เจอเด็กผู้ชายหน้าบ้านๆ ตาโตเป็นไข่ห่านจ้องตัวเองอยู่ หน้าเป็นสีเชอร์รี่สุกมองตอบงงๆ...ใครหว่า?
ทำไมหน้าตาตลกชะมัด เผยรอยยิ้มช้าๆ ก่อนจะขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ ฉีกไปถึงหูแล้ว อาการหนัก..บูตัสสส!!
“ครับ..ผมแวะเข้าไปที่สำนักงาน คุณวิรุณเตรียมเอกสารไว้ด้วย” กลับออกมาหลังทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย
ปรับอารมณ์ให้ปกติ รู้สึกเบาโหวง ดีกว่าตอนแรกมาก เห็นน้องคุยโทรศัพท์อยู่
“ตกลงครับ เจอกันบ่ายนี้” วางสายเสร็จ หันมายกยิ้มนิดๆ ตาคมสวยมองผมเหมือนล้อเลียน
ทำเอาวางมือไม้ไม่ถูก เกะกะไปเลย...
“แปรงฟันแล้วสินะ” ถามประหลาด เข้าไปทำธุระไม่แปรงได้ไงกัน
“อืม..” พยักหน้าพร้อมเสียงขานต่ำในคอ
“งั้นมานี่หน่อย” เรียกอีกแล้ว แต่ผมก็ยอมเดินเข้าไปหา
“ให้ทำอะไร” อยากให้ช่วยหยิบอะไรหรือเปล่า
“ขอกอดหน่อย” เย้ย!..ขอกันซึ่งหน้าเลยเหรอะ
“เออแหะๆ..มันดูไม่เหมาะเนอะ โรงบาลนะ” ชะงักยืนบิดมือไปมา ไม่ชินการพูดตรงๆของน้องเลยเหะ
“มาน่า..กอดหน่อย” แหนะ!..นี่มันภาคบังคับออกคำสั่งสิท่า แต่น้ำเสียงติดอ้อน เลยดูเป็นการขอร้องมากกว่าสั่ง
“ไม่เอา..เดี๋ยวพยาบาลมาเจอ” อายนะ..ทำไมไม่อายบ้างเนี่ยะ
“ไม่ได้จะเอา แค่กอด” อรึ้ย!..บอลลูนคนนี้รับมือยากจริงเชียว หน้าหล่อยิ้มมุมปาก เจ้าเล่ห์มากอ่ะ..?
“กอดไปแล้วนี่ ยังมี..จูบด้วย” อ้างแหละ โดนไปสองเด้งยังจะเอา
“คิดถึง..ขอกอดหน่อยน่า ที่ทำมันไม่พอหรอก” อร๊าย!..บอลลูนสมองกลับไปแล้ว
คำพูดแบบนี้ฆ่ากันชัดๆ หน้าไหม้แล้วตอนนี้
“แค่กอดนะ” ขาเสือกยอมเดินเข้าไปหาต้อยๆ นี่มันอะไรกันวะกู
“อ๊ะ!..อย่าเพิ่ง..อืม..อื้อ” อีกแหละ ได้จังหวะรวบไปกอด จับท้ายทอยเงยรับจูบอีกแล้ว
ปวกเปียกอีกรอบ จูบเก่งชะมัดดูดวิญญาณเลยไหม
“อือ..เฮือกกก!!” หายใจหอบอีกครั้ง
“ไหน..บอกกอดอย่างเดียวไง” ตัดพ้อใส่ ขี้โกงนี่หว่า
“รับปากเมื่อไหร่ บูเหมาเอาเองหรอก” กรรม!..เจ้าเล่ห์จริงด้วย
“ไม่เอาแล้วนะ ใครมาเห็นดูไม่เหมาะ” ยกเหตุผลมารองรับ
“หึหึ!..ช่างใครสิ ไม่มีความจำเป็นต้องสนใจอีก บูคิดยังไงก็พอ” เว้ย! ทำไมความคิดน้องกลายเป็นแบบนี้เนี่ยะ
“ไม่อายเหรอ ไม่กลัวโดนมองแปลกๆแล้วเหรอ” สงสัยมาก
“ไม่แล้ว..ที่ผ่านมารู้แล้ว เอาความรู้สึกไปยึดติดสังคม ไม่ได้ช่วยให้เรามีความสุขเสียหน่อย
ทุกวันนี้ไม่มีใครเลี้ยงเรานิ มีกันสองคนแค่นี้ ผ่านอะไรมาเข้าใจแล้วล่ะ ต่อไปบอลดูแลบูเอง”
โอยย!! ทำไมใจมันฟูฟ่อง อัดแน่นจนจะโผบินเสียอย่างนั้น
“ไม่เกลียดตุ๊ดแล้วเหรอ” แอบกังวล
“เกลียดสิ..” ชะงักกึก น้องดันยิ้มกว้าง หลังผมอึ้งมองนิ่งๆ
“เกลียดไม่เคยเปลี่ยน แต่เกลียดตุ๊ดกับกะเทยเลว ซึ่งไม่ใช่ทุกคน ที่สำคัญดันรัก..ตุ๊ดชื่อบูตัส ไปเต็มๆนี่สิ
ต่อให้อยากเกลียดตุ๊ดทั้งโลก คงทำไม่ได้แล้วล่ะ” อร๊ายย!!!..เป็นคำสารภาพรักที่ทำให้สิ้นเรี่ยวแรง
ละลายปวกเปียกเหมือนของเหลวไปเรียบร้อย ดีที่น้องกอดให้ซบอก ไม่กล้าสบตาคมสวยที่จ้องอย่างมีความหมาย
“เป็นอะไร เงียบไปเลย” ถามอีก
“อื้อ..” ได้แต่ครางอู้อี้ จะให้พูดอะไรเล่า แม้แต่ปากยังบังคับไม่ได้
คาดว่ามันกำลังยิ้มจนกล้ามเนื้อเกร็งไปหมดแล้ว
“บอกความรู้สึกบูมาสิ แบบนี้ไม่ยุติธรรม” น้องเอามือลูบท้ายทอยผมเบาๆ
ลามปามแหละเล่นหัวเชียว แต่ดันเขินจนไม่อยากใส่ใจ
“ก็..รัก” วุ้ย!..อายสาดดด!!!
“รักใคร” อรึ้ย! ยังจะเอาอีก โอยใครช่วยเอาน้ำแข็งประคบหน้าที ตอนนี้ไม่ไหวกลัวควันลอยจากหน้าจนไฟลุก
“เร็วซิ..รักใครหืม” เร่งอีก ไม่ยอมเงยขึ้นจากอกน้อง ขอเป็นที่หลบภัยก่อน ซุกจนจะสิงร่างกันแล้ว
“รักบอล..ครับ” ถึงจะเขินแทบกัดลิ้นตาย ยินดีสารภาพความรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจ
ชั่วโมงนี้ไม่ใช่เวลามากั๊ก หลายเหตุการณ์สอนให้รู้ว่า เวลาไม่เคยคอยใคร ความสุขจะอยู่กับเรานานแค่ไหนไม่รู้
มีโอกาสควรกอดเอาไว้ให้แน่น ก่อนที่มันจะหลุดหายไป
“ขอบคุณครับ..บู” น้องกดจมูกสูดหายใจบนหัว สัมผัสอ่อนโยนอบอุ่นที่ได้รับ
ทำเอาน้ำตาไหลไม่มีเหตุผล รู้อย่างเดียวไม่ใช่ความเสียใจ
ตรงข้ามมันดีใจ...ดีใจที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ ไม่เคยรู้สึกแบบนี้นานแค่ไหนแล้ว
นับจริงๆเป็นครั้งที่สอง รู้สึกดีใจจนน้ำตาไหล
ก่อนหน้าเคยรู้สึกแบบนี้ ตอนเจอเด็กตัวขาวจ้ำม่ำ นอนบนเบาะ แล้วพ่อกับแม่บอกผมว่า
‘เขาคือน้องของผม’ ความดีใจในตอนนั้นมากมายมหาศาลไม่ต่างกัน เพียงแต่ฐานะของคนที่ทำให้ดีใจเปลี่ยนไปแล้ว
วันนั้นผมดีใจที่มีเขามาเป็นน้องชาย ผมฝันอยากมีมานาน วันนี้ดีใจที่เขาเปลี่ยนจากน้องชายเป็นคนรัก ผมรักน้อง
พร้อมจะอยู่เคียงข้างไปตลอดชีวิต..เพื่อคนๆเดียว
‘บอลลูน’/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ต่อด้านล่าง