My love
Part 18
บอลลูนพาไปไหว้พ่อกับแม่น้องเอก ก่อนมารวมตัวในศาลาริมน้ำ เพิ่งรู้บ้านน้องอยู่ติดคลองบรรยากาศดีมาก
ปลูกหญ้าญี่ปุ่นเป็นเนินสวย ต้นมะพร้าวกับต้นลำพูริมตลิ่งเลียบคลองดูร่มรื่นสบายตา
“พี่บูรับน้ำอะไร เดี๋ยวผมให้จีจี้บริการ” น้องเอกถาม
“มีน้ำอะไรบ้าง” โจ๊กขอรายการด้วย
“หลายอย่างพี่โจ๊ก จะกรึ๊บก็ได้ขอพ่อกับแม่แล้ว แต่ห้ามเมาน็อก” น้องเอกยิ้มแผล่
โจ๊กพยักหน้าต้องการเหล้าแน่ พ่อมันเป็นทหารไม่มีการด่า
“กูเอาด้วย” ผมอยากลอง เผื่อตอนรับน้องได้ดื่ม ฝึกไว้ก่อนดีกว่า
“โสชงให้พี่โจ๊กเอง” ว่าแล้วคุณเธอลุกไปคว้าแขนจีจี้ตรงไปยังโต๊ะเครื่องดื่ม ชงเหล้าให้ผมกับโจ๊กอย่างขันอาสา
ผมได้แต่หันไปสบตาคมสวยตุ๊ดหล่ออย่างไม่รู้จะช่วยยังไง ตั้งแต่มาน้องโสเกาะโจ๊กอย่างตังเม
ส่วนน้องอริษาหรือน้องษาเพื่อนเธอก็สิงน้องวิทย์แจ ลูกแพรไม่ยอมห่างบอลลูนเลย
บรรยากาศยามเย็นแดดร่มลมตกกับบาบีคิวปิ้งย่างพร้อมเสริฟ แกล้มกับเครื่องดื่มตรงศาลาริมน้ำ
แถมบริการกีตาร์โปร่งเกาเพลงเพราะๆ สลับกันเล่นระหว่างน้องวิทย์กับน้องหนุ่ย ต่างขยันหาเพลงซึ้งมาแข่งกันอีก
ทำให้ช่วยผ่อนคลายลงได้เยอะ โจ๊กมันคงกรึ่ม หน้าแดงระเรื่อตาคมหวานเยิ้มดูหล่อเข้าไปใหญ่
บอลลูนคงไม่รู้ว่าผมแอบดื่มเหล้า แก้วผมผสมโค๊กหลอกตาเอาไว้เรียบร้อย
“พี่โจ๊กโทรศัพท์เอาติดตัวมาหรือเปล่าคะ” คุณน้องโสเธอถาม
“ทำไม” มันก็มึนถามกลับ
“โสยืมโทรแป๊ป แบตโสหมด” เธอมองตาปรอย มันไม่คิดมากล้วงโทรศัพท์ส่งให้
เธอรับไปกดยุกยิกไม่เห็นคุยกับใคร สักแป๊ปก็ส่งคืนตุ๊ดหล่อแสนดีเก็บซุกกระเป๋าดังเดิม ยิ้มตาหวานจนสาวอึ้ง
ชวนน้องเอก น้องวิทย์ น้องหนุ่ยยกแก้วชนเฉย ลูกแพรกับบอลลูนลุกไปตักของกินเพิ่ม เธอขอให้น้องไปช่วยถือ
บอลเดินตามไปเงียบๆ หน้าหล่อไม่หือไม่อือ
“หน้าตาขึ้นปกอย่างพี่โจ๊กยังไม่มีแฟน” น้องโสยังคงติดใจประเด็นความโสดของโจ๊กไม่เลิก
ล้วงประวัติตุ๊ดหล่อหุ่นใหญ่อย่างไม่ย่อท้อ
“พี่โจ๊กเขาไม่สนเอง สาวห้องผมชอบตั้งหลายคน กรี๊ดทั้งโรงเรียน แพ้ไอ้บอลมันที่ไหน” น้องเอกแฉ
คงเห็นใจความพยายามของเธอ แต่ที่น้องพูดมาก็ถูก โจ๊กมันไม่สนมากกว่า ใช่มีแต่สาวแท้ซะที่ไหน สาวเทียม ตุ๊ด กระเทย
อ้อนวอนขอมันเป็นแฟนกันตรึม ติดแต่มันเป็นตุ๊ด...?
“ต๊าย!!..พรหมลิขิตพี่โจ๊กเชื่อเรื่องนี้ไหม” เธอหันไปเขย่าแขนมัน ตาบิ๊กอายส่องประกายวิ๊งค์ๆ
มันใช้ตาคมหวานเยิ้มมองเธอยิ้มๆ
“เชื่อสิ พี่โคตรเชื่อพรหมลิขิต” มันไม่ได้เมา โจ๊กคอแข็งดื่มเก่งมากเล่าว่านั่งดื่มเป็นเพื่อนพ่อประจำ
ก็มันลูกชายคนเดียวแถมเป็นคนโตอีก
“โสดีใจที่พี่โจ๊กเชื่อ สงสัยพรหมลิขิตเกิดกับโสแล้วค่ะ” ผมหันสบตาน้องหนุ่ยที่อมยิ้มขำคำพูดเธอ
พวกน้องวิทย์ก็ด้วย แต่ทุกคนเก็บอาการเก่ง
“ลิขดลิขิตอะไรยะยัยโส” ลูกแพรควงแขนบอลลูนกลับเข้ามา มือเธอวางเปล่า
แต่น้องถือจานผลไม้กับจานบาบีคิวเต็มสองมือ
“ฉันกำลังคุยเรื่องพรหมลิขิตกับเนื้อคู่” เธอหันไปยิ้มให้ลูกแพร
“ยัยโสโดนศรกามเทพปักอกอย่างจังเลยยัยแพร” น้องษาที่นั่งเปิดหนังสือค้นเพลงให้น้องวิทย์เล่นกีตาร์เงยหน้าเสริม
เกือบลืมว่าเธอมาด้วย รู้สึกจะสนใจแต่น้องวิทย์ สร้างโลกของเธอเพียงลำพัง
“จริงหรือโส แกเจอใครเข้าแล้วล่ะ” ลูกแพรถาม แทนที่เธอจะตอบ กลับคว้าแขนล่ำของโจ๊กหมับแล้วยิ้มให้เฉย
คนถามเอามือปิดปากทำตาโตเบิกโพลงทำท่าลุ้นเต็มแก่
“อร๊าย!..ดีใจด้วย” แล้วพวกเธอก็ใช้ฝ่ามือปรบแทคกัน ผมได้แต่มองอย่างขำๆ ชำเลืองดูโจ๊กมันเสือกยักคิ้วให้ผมเฉย
รู้มันเนียนนิ่ง ตลกอ่ะ..อยากหัวเราะก็เกรงผิดเทศะ จู่ๆดันหัวเราะขึ้นมาคงมีคนสงสัย
เลยได้แต่นั่งก้มหน้าเกร็งกรามจนเมื่อยแก้ม ผู้หญิงพวกนี้อะไรกันนักหนา
บรรยากาศกินดื่มเป็นไปเรื่อยๆ บุคคลซึ่งรับหน้าที่สนทนาโดยไม่มีใครแย่งพูดเป็นของลูกแพรกับน้องโส
รับมุกกันอย่างสนุกสนานคุยกันไม่พ้นเรื่องโจ๊กกับบอลลูน คนหลังยกโค้กดื่มชิวๆ
ผมไม่รู้ว่าน้องดื่มเหล้าหรือเปล่าไม่กล้ายุ่ง แอบกระซิบถามน้องหนุ่ยแทน
“บอลกินเหล้าไหม”
“คอแข็งตัวพ่อในกลุ่มเลย” ความรู้ใหม่ ผมจิบไปแก้วชักร้อนวูบๆ
“วันนี้บอลคงกินไปหลายแก้วสิ” เผื่อน้องหนุ่ยรู้
“มันบอกต้องไปส่งผู้หญิง พาบูกับพี่โจ๊กกลับอีกเลยของด” ผมฟังแล้วเผลอยิ้ม น้องคิดแบบนี้จริงดิ
“เรามาชนกันเถอะ” ผมยกแก้วชนน้องหนุ่ย แถมชูใส่บอลลูนเป็นการชวนน้องชนด้วย
ดันจ้องนิ่งก่อนเมินหน้าสำรวจน้ำในคลองเฉยเลย ปล่อยผมชูแก้วเก้อ โชคดีไม่มีใครสนใจว่าผมชูแก้วชวนน้องชน
เผลอหน้าแตกอย่างแรง อะไรของเขา..ชวนชนดันเมินใส่..?
ยิ่งดื่มยิ่งสนุกผมชวนน้องหนุ่ยกับโจ๊กชนอีก แอบลุกไปเติมด้วย ตอนแรกได้โจ๊กสอนชง
พอเป็นแล้วไม่รอใคร แก้วที่สี่ชักรู้สึกหน้าตึงๆเห่อๆ คล้ายจะเป็นลมพิษ
“เฮ้ย!บูตัสเป็นอะไร ทำไมแดงไปทั้งตัว” น้องหนุ่ยเสียงดัง ไม่รู้แดงแบบไหน รู้แต่มันร้อนวูบวาบ
“จริงด้วยค่ะพี่บูตัส แดงทั้งตัวเลย แพ้อะไรหรือเปล่า” น้องจีจี้นั่งฝั่งตรงข้ามทักบ้าง
คราวนี้แต่ละคนสนใจผมหมด บอลลูนอยู่หัวโต๊ะแถวเดียวกับผม ถึงกับมายืนข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่
“บู..ไปกินอะไรมา” น้องถามเสียงร้อนรน
“ไม่รู้..” หายใจลำบากแปลกๆ
“กลิ่นเหล้า อย่าบอกนะ..” น้องก้มสูดจมูกฟุตฟิตใกล้ๆปาก
“กินเหล้าใช่ไหม..ห๊ะ!” เสียงตวาดของน้องเล่นเอาผมสะดุ้ง
“เห้ย! ใจเย็นสิว่ะ” น้องหนุ่ยรีบห้าม ก่อนจะโอบผมซึ่งเริ่มหายใจลำบากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แถมร้อนไปทั้งตัว
“แม่งเอร้ย!!” น้องดึงผมออกจากอ้อมแขนน้องหนุ่ย สบถเสียงดัง
“หะ..หายใจไม่ออก” ผมละล่ำละลัก..ชักเริ่มหอบแล้ว
“ไอ้วิทย์ ฝากส่งลูกแพรด้วย” รู้สึกเหมือนตัวลอยหวืด ตาลายไปหมดโลกหมุนติ้วๆหายใจอย่างเหนื่อย
เหมือนโลกนี้ไม่มีอากาศ สติดับวูบ?
“มึงเป็นน้อง ไม่รู้เหรอว่าพี่แพ้แอลกอฮอลล์อย่างแรง” ใครคุยกัน ตาผมหนักแต่หูได้ยิน
คอแห้งจนกลืนน้ำลายแสบไปหมด
“กูจะรู้หรือว่ะ บูไม่เคยดื่มมาก่อน แล้วมึงเป็นแฟนประสาอะไรห๊ะ ปล่อยให้กินเหล้า” เสียงบอลลูน
“กูคิดว่านิดหน่อย คงไม่เป็นไร” น้องหนุ่ยตอบเสียงแผ่ว
“พอๆเถียงกันทำไม พี่เป็นเพื่อนสนิทยังไม่รู้มันแพ้เหล้ารุนแรงขนาดนี้ ดีแล้วที่รู้คราวหลังจะได้ระวัง” เสียงโจ๊ก
ผมค่อยๆดันเปลือกตาขึ้น ก่อนจะปรับการมองขาวโพลนไปหมด
“ฟื้นแล้ว” ภาพค่อยชัดขึ้น โจ๊กกำลังจ้องผมอย่างเป็นห่วง หน้าตาดูโทรมนิดหน่อย
เหลือบเห็นบอลลูนแววตาสั่นระริก น้องถอนหายใจยาว คนต่อไปเป็นน้องหนุ่ยสีหน้าเหมือนโล่งอก
“ขอน้ำหน่อย” คอแห้งมาก บอลลูนหยิบหลอดจ่อปาก ช้อนท้ายทอยช่วยยกหัวให้กินง่าย จิบจนหายอยาก
เตียงถึงค่อยปรับส่วนหัวขึ้นสูงกลายเป็นนั่งพิงสามารถมองหน้าทุกคนได้ถนัด
“โรงบาล” ผมถามหลังแน่ใจว่าใช่
“ถูก..” โจ๊กยืนยันความเข้าใจของผม
“กูมาได้ไง” จำได้แค่เวียนหัวเหมือนโลกหมุนโคลง แล้วก็วูบไป..
“น้องมึงอุ้มใส่รถ” มันยังคุยเดี่ยว สองหนุ่มจ้องผมนิ่ง น้องหนุ่ยยิ้มอบอุ่นส่งให้ตลอด
แต่บอลลูนยังหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่เลิก คงโกรธผมน่าดู
“แล้วพวกมึง..” สำรวจทีละคน
“พวกกูไม่ค่อยได้นอน เจ็ดโมงเช้าแล้ว” โจ๊กบอก มิน่าเคราเขียว มันยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนผ้า สวมชุดเมื่อวานอยู่เลย
“มึงไม่ได้กลับบ้าน” ถึงกับอยู่โยงเฝ้าผม
“ไม่มีใครได้กลับ ทั้งสามคน” พูดไม่ออก รู้สึกแย่ขึ้นมาทันที
“ขอโทษ..” ปากบอกโจ๊ก แอบชำเลืองมองบอลลูน ผมเป็นพี่กลับทำตัวเป็นภาระหน้าอายชะมัด
สมควรที่น้องจะโกรธ ขายหน้าด้วยสิ
“คิดมาก..ข้อดีทำให้รู้ ว่าบูแพ้แอลกอฮอลล์” น้องหนุ่ยเข้ามากุมมือกระชับบีบเบาๆ ส่งกำลังใจให้
“พี่โจ๊กผมไปส่ง ฟื้นแล้วหมอคงให้กลับ พี่กลับไปนอนก่อนดีกว่า” บอลลูนพูดกับโจ๊ก ผมรีบพยักหน้าเห็นด้วย
ตามันแดงเหมือนคนอดนอน คงโทรบอกที่บ้านมาอยู่ดูแลผม มันเป็นรุ่นพี่ทิ้งผมอยู่กับน้องๆคงดูไม่ดีนัก
คิดแล้วตื้นตันใจชะมัด เพื่อนแท้เห็นกันยามยาก
“กูกลับก่อน เย็นจะแวะเข้าไปหาที่บ้าน โชคดีเป็นวันอาทิตย์..หึหึ” มันหัวเราะทิ้งท้าย โดนแซวจนได้
บอลลูนมองผมแวบ ก่อนคุยกับน้องหนุ่ย
“ฝากหน่อย กูจะรีบมา” น้องหนุ่ยพยักหน้า
“ไม่ต้องห่วง แฟนทั้งคน” บอลลูนเงียบไม่พูดอะไร เดินตามโจ๊กออกไป ปล่อยผมอยู่กับน้องหนุ่ยลำพัง
“เช็ดตัวไหม” น้องหนุ่ยถาม หลังเรานั่งเงียบอึดใจใหญ่
“กลับไปอาบน้ำที่ห้องดีกว่า” ผมขยับตัวลงจากเตียง
“จะไปไหน” น้องปรี่เข้ามาประคอง เหมือนผมเป็นคนป่วย รู้สึกดีขึ้นมากอาการต่างๆไม่มีแล้ว
แทบจะปกติทุกอย่าง ยกเว้นเพลียนิดหน่อย
“ไปเข้าห้องน้ำ” ผมบอก น้องช่วยประคองไปส่งแค่ประตู ไม่อยากขัดใจคนอยากบริการ
ทั้งที่ความจริงผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ก็แอบดีใจอมยิ้มคนเดียว น้องหนุ่ยนิสัยน่ารักจริงๆ
ออกจากห้องน้ำ รู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะหลังได้ทำธุระส่วนตัวเล็กน้อย ประหลาดใจที่ไอ้เขมมานั่งไขว้ห้างพาดแขนกับโซฟา
ลอยหน้าลอยตาในนี้ ส่วนน้องหนุ่ยไปนั่งบนเตียงคนป่วยโน้นแล้ว
“เขม..” ผมทัก ไอ้เถื่อนหน้าหล่อหันมายิ้มโชว์ฟันขาว
“ฮ่ะฮ่าๆๆ..อ่อนฉิบหาย แพ้เหล้า” หัวเราะเยาะอีก ไอ้ห่านิ...
“เออ...แล้วมึงมาได้ไง” ผมค้อนไปที
“กูเจอไอ้หน้าหล่อแฟนทอมหน้าขาวข้างล่าง คุยกันนิดหน่อยถึงรู้ว่ามึงอยู่ที่นี่” มันอธิบายสั้นๆ
เสือกเข้าใจว่าโจ๊กเป็นแฟนกนก ผมไม่แก้ข่าวปล่อยให้มันคิดไปเถอะ
“กูถาม มึงมาโรงบาลทำไมต่างหาก” ไม่สำนึกยิ้มกวนผมอีก
“พาเมียมาฝากท้อง” ดูมัน..ปากอย่างนี้ผมสู้ไหวไม่เนี่ยะ
“มึงไม่ไปดูเมียกับลูก มาเสนอหน้าห้องกู” รีบไล่เสียเลย ชำเลืองดูน้องหนุ่ยหน้าดำหน้าแดงจ้องไอ้เขมนิ่ง
ไม่รู้ก่อนหน้าเกิดอะไรหรือเปล่า น้องหนุ่ยถึงได้หุบปากหน้าตาเหมือนอยากถวายบาทาไอ้เถื่อนนี่เหลือเกิน
“แวะดูเมียน้อย เมียกับลูกฝากหมอไว้ก่อน ของตายไม่มีไปไหน เมียน้อยท้องไม่ได้สิ วางใจได้ที่ไหน มีแต่หน้าอ่อนรุมป้อ”
ผมอึ้งค้าง ไม่เคยเจอใครหน้าด้านเท่ามันมาก่อน คิดหาคำสวนไม่ออก
“พูดให้มันดีหน่อย ปากแบบนี้เดี๋ยวได้นอนโรงบาล” น้องหนุ่ยลุกยืนพรวด จ้องอย่างเอาเรื่อง
“หนุ่ยใจเย็น มันปากเสียแบบนี้แหละ” ผมรีบเข้าไปกำแขนน้องไว้ อธิบายให้เข้าใจนิสัยไอ้เขม
“อ้าว..ว่าปากกูเสีย ลองจูบดูไหม” ไอ้ห่านิ..กวนสุดติ่งจริงๆ
“มึงหุบปากได้ไหม แฟนกูโกรธแล้วเห็นเปล่า” ผมตะคอกมัน
“นี่แฟนมึง ทำไมตุ๊ดชอบจืดๆหว้า มันต้องเข้มแมนอย่างกูนี่ หน้าอ่อนอย่างนี้เอาไปทำไม ชอบกินเด็กหรือมึง”
มันพูดไม่เห็นหัวน้องหนุ่ยเลย ไม่สนด้วยว่าคนฟังจะรู้สึกยังไง
“มึงไสหัวออกไปเลย ใครใช้ให้เข้ามาว่ะ” น้องหนุ่ยสติแตกขยับจะกระโจนเข้าใส่
ผมต้องดึงแขนไว้แน่น ดีที่ตัวน้องกับผมพอกัน
“หนุ่ยใจเย็น เขมมึงกลับไปก่อนเถอะ กูไม่อยากมีเรื่อง” ผมรีบไล่
“มึงบ้าอะไรมาสั่งกูกลับ การจีบที่ได้ผลควรเริ่มจากตอนป่วย ต้องรีบทำคะแนนต่างหาก” ตีมึนจนอยากถีบยอดหน้ามาก
“ไอ้เขมมมมม!!!” ผมเสียงดังใส่แล้ว
“เฮ้ย! ไม่ต้องตะโกน เดี๋ยวพยาบาลแตกตื่นกันหมด กูไม่กวนก็ได้ ขออยู่อีกสิบนาที รอแม่เสร็จธุระก่อน” มันพาแม่มานี่เอง
“มึงพาแม่มาตรวจ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เปล่า..แม่มาคุยกับพี่สาว เป็นหมออยู่ที่นี่” มีพี่เป็นหมอด้วย
“แล้วมึงไม่อยู่กับพวกเขาล่ะ” ผมถาม
“อยู่ให้บ่นเหรอ สู้อยู่กับมึงดีกว่าเจริญหูเจริญตากว่ากันเยอะ”
“กูมีแฟนแล้ว มึงเลิกกวนซักที ให้เกียรติแฟนกูหน่อย” ผมบอก พร้อมกับมองหน้าน้องหนุ่ยให้รู้ว่าผมแคร์แค่ไหน
ทำให้คนข้างกายยกยิ้มยั่วมันทันที ไม่ยักเห็นมุมนี้ของน้องหนุ่ยมาก่อน อารามชนะแล้วสะใจ
“ก็แค่แฟน ไม่ใช่ผัวสักหน่อย แฟนยังไงก็เลิกได้ กูไม่เลิกจีบหรอก เสือกทำให้กูสับสนเอง
ไม่เคยรู้สึกกับตุ๊ดแต๋วมาก่อน หน้าขาวๆน่ารักน่ากดอย่างมึงนี่คนแรกเลยจริงๆ” เออ..อึ้งกับคำพูดไม่อ้อมแบบตายสนิท
ถ้ามีโจ๊กหรือแบม ไม่ก็กนกอยู่ด้วยคงจะดี ฝีปากพวกมันเหนือชั้นกว่าผมมาก คงช่วยจัดการกำราบไอ้เขมได้
“เลิกพ่อง..สัด” คำนี้ไม่ใช่ผมพูด แต่เป็นคนข้างๆที่กำหมัดแน่นหน้าแดงก่ำ
จ้องตาไอ้เขมที่บัดนี้ผุดลุกพรวดยืนจังก้า ข่มความสูงจนน้องหนุ่ยดูตัวจ้อยไปทันที
“ขอโทษกูเดี๋ยวนี้ไอ้ตี๋” มันพูดเสียงแข็งไม่ติดเล่น
“ทำไมกูต้องขอโทษ แค่นี้น้อยไปด้วยซ้ำ” น้องหนุ่ยก็แรงได้ใจจริง ยืดอกเอียงคอยกไหล่กวนๆ
เออ..เอาเข้าไปไม่ได้ดูเลยว่าสู้เขาไหวเปล่า..
“แน่ใจไม่ขอโทษ” ไอ้เข้มมันหรี่ตา จ้องจนดูน่าสะพึงกลัว
“กู..ไม่ขอ..โทษ” น้องเอานิ้วชี้ที่ปาก ย้ำช้าๆชัดๆ
“ดี..กูจะบอกแม่มึง” อ้าว..ไอ้เถื่อนขี้ฟ้องนี่หว่า โดนรุ่นน้องกวนใส่ดันอ้างฟ้องแม่เฉยเลย
“เฮ้ย!..อย่านะมึง” แต่น้องหนุ่ยกลับหน้าซีดกลัวคำขู่
“งั้นมึงต้อง..ขอ..โทษ..กู” ไอ้เขมเลียนแบบ ชี้นิ้วตรงปากแล้วพูดเน้นที่ละคำ แต่ท่าทางดูหน้าถีบกว่ากันเยอะ
“จิ๊..สัด..ขอโทษ!” น้องสบถอย่างหัวเสีย พูดห้วนมาก
“เดี๋ยวมึงเจอดี ชักเอาใหญ่ นี่แม่มึงรู้หรือเปล่ามีแฟนเป็นตุ๊ด..หืม” ตกลงมันยังไงกันสองคนนี่
“เรื่องกู” น้องหนุ่ยก็กวนได้ใจมาก
“แสดงว่าไม่รู้ กูบอกป้านิ่มดีไหมน๊า” มันขู่เฉย
“มึงอย่าเสือก” น้องยังคงเสต็ปห้วนได้คงเส้นคงวา
“ไม่เสือกไม่ได้หรอก คนนี้กูกำลังจีบ” ชักปวดกบาล ผมกลายเป็นคนยืนฟังพวกมันปะทะคารมจนชักเมื่อย
แอบขยับมานั่งห้อยขาบนเตียงเนียนฟังคู่ปรับที่ไม่รู้ไปไฟว์เตอร์กันตอนไหน ยืนประจันหน้าห่ำหั่นกันทางสายตาและวาจาเป็นที่เรียบร้อย
โดยทั้งคู่ยังไม่มีใครเฉลียวว่าผมหนีออกมานั่งเป็นสักขีพยานอยู่ตรงนี้
“มึงก็ไปจีบคนอื่นเซ!!!!!” น้องหนุ่ยเสียงสูงตามอารมณ์ที่ขึ้นปรี๊ด
“ไม่เอา กูจะจีบคนนี้” นี่พวกเขาคุยกันเรื่องผม หรือเจตนาเอาชนะกันเอง ฟังเหมือนเด็กกำลังแย่งของเล่นยังไงไม่รู้
“อะ..ไอ้...แม่งเอ้ยยย!!” ฝ่ายได้เปรียบเหมือนเป็นไอ้เขม ที่ยั่วน้องหนุ่ยผู้อบอุ่นให้สติแตกง่ายๆ
ความจริงใครโดนคงไม่ต่าง บอลลูนถึงล่อมันซะน่ายับ คงทนบทบาทกวนขั้นเทพของมันไม่ได้เช่นกัน
“เอางี้..กูมีข้อเสนอ” มันเปลี่ยนท่าทาง หย่อนตูดนั่งลงสบายเฉิบ ขาไขว้ห้างแขนสองข้างนาบไปกับพนักโซฟา
เอียงศีรษะเท่ๆ แล้วยักคิ้วให้น้องหนุ่ยได้น่าถีบสุดๆ แต่น้องหลับตาสูดหายใจสะกดกลั้น ก่อนลืมตามองหน้ามันนิ่ง
“ข้อเสนอเหี้ยอะไร” น้องยอมฟังเหะ
“ข้อเสนอเหี้ยให้เหี้ยเล่น แต่กูไม่ใช่หรือมึงใช่..เหี้ย” โอยผมเผลอเอามือกุมหัว
ไอ้ห่าเขมมึงจะเทพเกินไปแล้ว กวนตีนมากกกก!!!!
“งั้นก็ไม่ต้องคุย” น้องหนุ่ยตัดบท
“ป๊อดเหรอ..อ่อน” งานนี้ลางมวยนอกเวทีมาไกลๆ แต่น้องหนุ่ยก็มีความอดทนเป็นเลิศ
นี่ขนาดกำหมัดจนข้อขึ้น ยังไม่บุ่มบ่ามกระแทกปากแดงๆของไอ้เถื่อนมันอีก
“มึงรีบพูด” น้องขบกราม สะกดเสียงให้เรียบนิ่ง
“งัดข้อกัน ถ้ามึงต้านกูได้ถึงนาที ไม่ต้องชนะกูหรอก แค่แขนไม่ล้มพับภายในเวลาที่กำหนด
กูจะเลิกวุ่นวายบูตัสหน้าขาวทันที แม้ใจอยากฟัดสักแค่ไหนก็เถอะ”
คำท้าห่าไรของมัน แต่ผมก็ไม่แทรกขัด ยังคงนั่งห้อยขามองพวกมันเงียบๆ
“แล้วถ้ากูแพ้ล่ะ” น้องหนุ่ยถาม
“มึงต้องยอมให้กูจีบ..โอเคไหม ถือว่ามึงได้เปรียบมากนะ มึงเป็นแฟนกันแล้ว
กูแค่ขอสิทธิ์ในการจีบ แฟนมึงไม่สนเสียอย่างกูทำอะไรได้” เออ..ข้อเสนอห่าเหวจริงๆ
“ตกลง” นั่นปะไร ว่าแล้วนิสัยผู้ชาย ยอมให้ใครท้าทายได้ที่ไหน
“งั้นเริ่มเลย ..บูตัส มึงเป็นสักขีพยาน” มันเรียกผม
“กูเหรอ” เผลอชี้หน้าตัวเอง นึกว่าพวกมึงลืมกูไปแล้ว
“เออ..มึงแหละ นั่งบื้ออยู่ได้ พวกกูพนันเพราะมึง” อ้าว..โคตรเหี้ยกูสั่งพวกมึงพนันหรือไง
แต่เพื่อไม่ให้พวกมันวางมวยทางออกนี้ดีสุด เกิดวางมวยจริงน้องหนุ่ยคงแย่
ดูยากได้เปรียบไอ้เขม ทั้งส่วนสูงน้ำหนักเลยล่ะ
“ตกลง” ผมรับคำ น้องหนุ่ยสบตาเหมือนอยากบอกไม่มีทางเลือก ผมยิ้มให้อย่างเข้าใจ ไม่อยากให้น้องคิดมาก
จากนั้นสองหนุ่มต่างวัย ก็นั่งกับพื้นแบบไม่สนฟ้า ยกศอกตั้งบนโต๊ะกลางโซฟา
ดีที่เป็นไม้ไม่ใช่กระจก ตาจ้องกันเหมือนกำลังเพ่งพลังจิตเข้าห่ำหันนำไปก่อน
ค่อยเอามือไปกระชับจับไว้มั่น รอสัญญาณนิ่งๆ
แอบเห็นน้องหนุ่ยบีบมือไอ้เขมเพื่อตัดกำลัง คงไม่เป็นผลเท่าไหร่ หน้าไอ้เขมยังอมยิ้มยั่วได้อีก
ดูตรงนิ้วที่ประสานก็พอรู้ อีกคนช่างแข็งแรง ขณะที่น้องหนุ่ยนิ้วเรียวขาวตามรูปร่าง ส่วนไอ้เขมทั้งดิบทั้งเถื่อน
สมเป็นเด็กช่างอาชีวะ ได้แต่ภาวนาขอให้น้องหนุ่ยยืนหยัดทนได้ถึงนาทีก็แล้วกัน
“พร้อม..เริ่ม” ไอ้เขมมันถาม พอน้องหนุ่ยพยักหน้ามันก็ให้เริ่ม สงครามงัดข้อ
ที่มีนาฬิกาจับเวลาตั้งอยู่ใกล้ๆ เป็นตัวกำหนดชะตาของสองนักพนันผู้ยิ่งใหญ่ คนหนึ่งปกป้องศักดิ์ศรีและคนรักในฐานะแฟนพึงกระทำ
อีกคนหวังแค่โอกาสในการตีประชิดเพื่อทำคะแนน แต่ทั้งคู่ไม่มีใครถามผมสักคำ..เห็นด้วยหรือเปล่า
ที่ผมไม่ค้านเพราะดูบ้าๆบอๆ มีเรื่องที่น่าสนใจกว่านั้นอีก ‘สองคนทำเหมือนรู้จักกันดี’
มาลงให้ก่อน ต้องรีบออกไปทำธุระค่ะ
ยังไงพรุ่งนี้จะรีบมาลงส่วนที่เหลือให้นะคะ คาดว่าน่าจะลงได้ตอนเช้า
ตอนนี้ยุ่งเรื่องหนังสืออยู่ เลยวุ่นๆนิดนึงค่ะ
รักคนอ่าน คิดถึงคนรอ อย่างอนกันน๊า..จุ๊บๆ
Luk.
ปล.บวก 1 คะแนน ให้ทุกเม้นท์กับตอนที่ผ่านมานะคะ ขอบคุณกับมาลัยเม้นท์น้ำใจที่มอบให้ค่ะ