เช้าวันรุ่งขึ้นพิทตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงง เขาเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าทันทีที่ลุกขึ้นส่องกระจก รอยเขียวคล้ำกลับปรากฏชัดเจนรอบคอของเขา
เมื่อเห็นรอยนั้น พิทก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องราวเมื่อคืน เขาวิ่งออกไปข้างนอกเห็นชาวบ้านกำลังช่วยกันเก็บเศษขยะ และซากเรือที่ถูกพายุพัดถล่มเมื่อคืน
“ทิว” พิทนึกถึงทิว เขาไม่เห็นทิวเลยตั้งแต่เมื่อคืน เขาเดินร้องเรียกทิวทั่วบ้าน แต่กลับไม่มีแม้แต่วี่แวว
จิตใจของพิทเริ่มว้าวุ่นกังวลห่วงทิว เขาไม่สนใจแม้แต่จะรับสายของบรรณที่โทรหานับสิบครั้งในรอบเช้านี้
“คุณพิทครับๆ” เสียงร้องเรียกจากด้านล่าง พิทชะโงกหน้าลงไปมอง
“อ้าว พี่พล” พลคนงานที่ทางหน่วยงานส่งมาช่วยเขาในครั้งนี้ได้มาพร้อมกับลูกมืออีก 2-3 คน
“คุณพิทยังไม่อาบน้ำอีกหรือครับนี่ งั้นตามสบายนะครับ ผมไปรอที่วัดก่อน ท่าทางจะต้องใช้คนสร้างนั่งร้านอีกหลายคน เดี๋ยวผมไปบอกผู้ใหญ่บ้านให้หาคนมาช่วย”
ช่างพลเดินหายไป ส่วนพิทนั้นทรุดตัวนั่งลงกับพื้น เขาเหนื่อย สับสน และเป็นห่วงทิว จนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เขาตัดสินใจรับ
“ครับพี่บรรณ”
“เป็นอะไรไปรึเปล่าทำไมพี่โทรหาหลายครั้งไม่รับสาย”
“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะครับ พอดียุ่งๆน่ะครับ”
“อ๋อ ขอโทษด้วยเหมือนกันที่พี่โทรไปหลายครั้งนะ ว่าแต่ยุ่งเรื่องอะไร พี่พอช่วยอะไรได้บ้างมั๊ย”
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวคงเรียบร้อย”
“ครับ เมื่อคืนเห็นว่าชุมพรพายุเข้า เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ยังไงก็อย่าลืมทานข้าวเช้าด้วยนะ แล้วก็วิตามินที่พี่บอก ทานพร้อมอาหารนะ เดี๋ยวเที่ยงพี่โทรหาอีกที”
บรรณมักจะโทรมาด้วยความห่วงใยเช่นนี้เสมอ พิทอุ่นใจทุกครั้งที่มีคนคอยดูแล แต่วันนี้เขากลับไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจแม้แต่ตอบขอบคุณก่อนวางหู
เขาไปทำงานทั้งๆที่เป็นห่วงทิว ทิวหายไปทั้งคืน เขาไม่เคยหายไปนานแบบนี้ เป็นเพราะปกป้องพิทจนโดนผีตนนั้นทำร้ายรึเปล่าเขาถึงหายไป
ที่โบสถ์ชาวบ้านต่างช่วยกันลากไม้ไผ่มาต่อเป็นนั่งร้าน พิทยืนสั่งงานอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่าช่างพลสามารถดูแลตรงนี้ได้ พิทจึงขอตัวไปหาที่เงียบๆนั่งพัก
“เป็นอะไรไปโยม ดูท่าทางร้อนใจ” หลวงพ่อเดินมานั่งข้างๆในมือถือฝาบาตรที่เต็มไปด้วยข้าวสวย
“เอ่อ”พิทไม่รู้จะเริ่มยังไงดี “เพื่อนผมหายน่ะครับ”
หลวงพ่อยิ้มกริ่มเหมือนรู้เรื่องราว ก่อนจะหยิบข้าวในฝาบาตรโปรยไปตามพื้น ไม่นานนักพวกไก่แจ้ไก่วัดก็ออกมาจิกข้าวตามพื้นกิน
“หลวงพ่อ เอ่อ รู้เรื่องเมื่อคืนรึเปล่าครับ” พิทสงสัย
หลวงพ่อยิ้มอีกครั้งแต่ไม่พูดอะไร
“ไก่พวกนี้มันไม่ไปไหนไกลหรอกโยม แค่อาตมาโปรยข้าวให้มัน มันก็ออกมา”
“หมายความว่าไงครับ”
“ก็หมายความว่า เพื่อนโยมเขาไม่ไปไหนไกลหรอก เพียงแต่โยมไม่เห็นเขาในภพภูมินี้เท่านั้น”
“หมายความว่าผมจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วเหรอครับ” พิทรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
“โยมจำที่อาตมาบอกได้มั๊ยว่า เพื่อนโยมเขามาเพื่อเป็นสื่อให้โยม ตอนนี้เขากำลังทำหน้าที่เป็นสื่อพาโยมไปยังที่ที่โยมเคยคุ้นเคยอยู่ ก็เหมือนไก่พวกนี้ ที่ตามข้าวเหล่านี้ออกมา”
“พาผมไปเหรอครับ แล้วผมจะไปยังไง” พิทยังคงสงสัย
“ถ้าโยมอยากรู้ คืนนี้โยมมานั่งสมาธิกับอาตมาที่นี่สิ แต่อาตมาบอกไว้ก่อนนะ การรู้แจ้งในเรื่องที่โยมสงสัย จะต้องแลกกับอะไรหลายอย่าง โยมกลับไปคิดดูให้ดี ว่าโยมพร้อมจะเสี่ยงแล้วหรือยัง”
พิทกลับไปที่ไซด์งานอีกครั้ง งานเดินหน้าไปมาก เขาเริ่มที่จะวางแผนซ่อมแซมในสมุด งานไหนควรทำก่อนงานไหนทำทีหลัง แต่ถึงแม้ภายนอกเขาจะจดจ่อกับงาน แต่ภายในกลับว้าวุ่นอยู่กับสิ่งที่หลวงพ่อพูด