วันนี้ใจดี ฉลองวันเด็กควบวันเกิดคนโพสต์ ลงให้ 2 ตอนถ้วน ตอนที่ 11 ณ สวนเด็กเล่นในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“อาก้านคับ ต้นอยากเล่นอันนั้น” เด็กชายชี้ไปที่ยานอวกาศจำลองเล็กที่มีไว้ให้เด็กเล่น
“เอาซิครับ” อุ้มหลานชายวางบนเครื่องเล่นแล้วหยอดเหรียญเพื่อให้เครื่องเล่นทำงาน
“นึกถึงตอนเด็กนะครับ ผมไม่เคยได้เล่นอะไรแบบนี้เลย” ร่างบางหันไปพูดกับคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“นั่นสิ ตอนนั้นได้แค่เล่นม้าหมุน กระดานลื่น อะไรพื้นๆทั้งนั้น” ชายหนุ่มนึกถึงตอนเด็กๆไปด้วย
“จำ ได้ว่าตอนนั้นเล่นซ่อนหากันกับเด็กผู้หญิง พี่กัณฑ์บอกว่าจะพาไปหาที่ซ่อนดีๆ สุดท้ายผมก็โดนเจอคนแรกทุกที เพราะพี่แอบเอาแมลงสาบใส่กระเป๋ากางเกงผมไว้”
“แหม ก็ตอนนั้นยังเด็กนี่นา แล้วก็ก้านหนะเวลาร้องไห้ น่ารักที่สุดเลย” ตอบอย่างไม่สำนึกผิด
“หึ” เด็กหนุ่มทำเสียงในลำคอก่อนจะเลิกคิดเรื่องอดีต เมื่อเห็นว่ายานอวกาศที่หลานเล่นอยู่หยุดหมุนแล้ว
“ไปหาอะไรทานเถอะครับ” ก้านใบอุ้มหลานชายเดินนำร่างสูงไปที่ร้านอาหารประจำที่เขาและชายหนุ่มมาทานกันบ่อยๆ
“ต้น อยากทานอะไรครับ” กัณฑ์ถามเด็กชายซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา ตอนนี้กำลังแกะกล่องของเล่นชิ้นใหม่ ที่เขาพึ่งซื้อให้ตอนเดินมาที่ร้านอาหาร
“อยากกินข้าวไข่เจียวคับ” บอกโดยไม่ยอมละสายตาจากของเล่น มือเล็กๆนั่นง่วนอยู่กับการแกะกล่องของขวัญ
“มาอาแกะให้” ก้านใบอาสาเมื่อเห็นว่าหลานชายตัวน้อยแกะเองไม่ได้สักที
“ไม่ต้องก้าน ให้ต้นได้เรียนรู้ ถ้าก้านทำให้ตลอด ต่อไปต้นก็ทำอะไรเองไม่เป็น” พูดเบาๆกับคนที่หวังดีกำลังจะช่วยหลานแกะกล่องของเล่น
ร่าง บางชะงักในคำแนะนำนั้น จริงด้วยซินะ เหมือนเขาตอนเด็กๆเลย พี่กิ่งทำให้ทุกอย่าง มารู้ว่าเขาทำอะไรไม่เป็นเลยตอนเข้าค่ายพักแรมของโรงเรียนเล่นเอาลำบากพอดู จะว่าไปกัณฑ์ก็มีความรู้เกี่ยวกับเด็กมากทีเดียว เด็กหนุ่มแอบชมคนที่กำลังสั่งอาหารอยู่ในใจ ตั้งแต่เปิดใจลองคบกันกัณฑ์ก็แสดงความประทับใจให้เห็นมาตลอดจนกำแพงในใจเขา ลดลงไปกว่าครึ่ง คงในเร็ววันนี้เขาคงต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับชายหนุ่มเสียที
บรรยากาศ ในร้านครื้นเครงด้วยเสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าตัวเล็กและมุขฮาๆของกัณฑ์ทำให้ สามคนที่นั่งกินข้าวกันอยู่ถูกจับตาเป็นพิเศษโดยเฉพาะจากหญิงสาวคนหนึ่งที่ นั่งอยู่โต๊ะไม่ไกลนัก
อมาวตีบังเอิญมาทานข้าวร้านนี้พอดี ตั้งแต่กัณฑ์บอกเลิกกับหล่อน ชีวิตที่เคยสุขสบายก็กลับตาลปัดไปหมด หล่อนเคยมาง้อขอโอกาสกับกัณฑ์หลายครั้ง แต่ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็งมาตลอด โดยให้เหตุผลเพียงว่าเขาเจอคนที่เขารักจริงๆแล้ว และในวันนี้อมาวตีก็รู้แล้วว่าคนที่ชายหนุ่มพูดถึงคือใคร ความอิจฉาริษยาบวกความเคียดแค้นทำให้อมาวตีกำลังจะขาดสติ ทันทีที่โต๊ะนั้นเรียกเก็บเงิน อมาวตีก็ทำเช่นเดียวกัน และค่อยๆขับรถตามชายหนุ่มไปเงียบๆเพื่อทำอะไรบางอย่าง
...
“พี่ กลับก่อนนะครับ” กัณฑ์เอ่ยหลังจากมาส่งทั้งอาและหลานเรียบร้อยแล้ว โดยที่ต้นกล้านั้นเข้าไปสวัสดีคุณปู่คุณย่าก่อนผู้เป็นอา ซึ่งบัดนี้มายืนรอส่งคนที่อาสาเป็นสารถีให้เขาตั้งแต่บ่ายที่หน้าประตูรั้ว
“ขับรถดีๆนะครับ” เด็กหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะหันกลับเข้าไปยังตัวบ้านแต่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน
“เดี๋ยว” ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นอมาวตีนั่นเองที่เอ่ยคำนี้ ในมือของหล่อนถือปืนพกขนาดกะทัดรัดแต่อานุภาพร้ายแรงอยู่ด้วย
“คุณวตี.. วตี...” เด็กหนุ่มอุทานพร้อมกับกัณฑ์ที่เกือบจะขึ้นรถกลับไปแล้ว
“ทำไมค่ะกัณฑ์ ทำไมต้องเป็นไอ้เด็กนี่ด้วย” อมาวตีถามอย่างคนเสียสติ
“วตีผมว่าเราค่อยๆพูดค่อยๆจากันก็ได้นะ วางปืนลงก่อนเถอะ” ชายหนุ่มค่อยๆเกลี้ยกล่อม
“ไม่ค่ะ วตีแค่อยากรู้ว่าคุณรักเด็กนี่ใช่มั๊ย” ยืนเอาปลายปืนจ้องไปทางเด็กหนุ่มที่ยืนงงอย่างทำอะไรไม่ถูก
“วตี นี่เป็นเรื่องของเราสองคนนะ ก้านเขาไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย” พยายามเบี่ยงเบนความสนใจ
“ทำไมจะไม่เกี่ยวก็มันแย่งคุณไปจากวตี” อมาวตีเริ่มเสียงดัง
“วตี เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ผมก็พบคนที่ผมรักแล้ว เราควรจากกันด้วยดีนะ” ส่งสัญญาณให้ก้านใบพยายามหาที่หลบ
“ไม่ค่ะ ในเมื่อวตีไม่ได้ มันก็ต้องไม่ได้ด้วย”
และ ไม่ทันที่ใครจะคาดคิดอมาวตีเหนี่ยวไกปืนไปที่ก้านใบทันที แต่ยังช้ากว่ากัณฑ์ที่พุ่งเข้าไปขวางวิถีกระสุนไม่ให้ไปโดนคนที่เขารักได้ อย่างหวุดหวิด และคนที่โดนแรงกระสุนเต็มๆก็คือชายหนุ่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“พี่กัณฑ์ กัณฑ์ค่ะ”
สอง เสียงที่ตะโกนเรียกชื่อคนที่ทรุดลงไปต่อหน้าต่อตา เลือดสดๆทะลักออกมาจากบาดแผลทำให้ก้านใบตัวชาไปหมดรีบวิ่งมาประคองชายหนุ่ม ไว้มือก็กดที่บาแผลไปด้วย ส่วนอมาวตีรีบขึ้นรถจะขับหนีไปด้วยความตกใจเพราะเสียงปืนที่ดังลั่นทำให้ เป็นที่สนใจ แล้วอีกไม่ช้าคนก็จะแห่กันมาหล่อนจึงต้องรีบหนีไปเสียก่อน แต่เหมือนกรรมตามทันอารามรีบร้อนทำให้อมาวตีสตารท์รถไม่ติดเสียที สายตรวจที่อยู่แถวนั้นจึงมาทันจับตัวอมาวตีที่กำลังบ้าคลั่งไว้ได้ทันท่วงที
ส่วนทางฝั่งก้านใบนั้นได้แต่เรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างขวัญเสีย
“พี่กัณฑ์ พี่กัณฑ์อย่าเป็นอะไรนะ”
“คุณครับ เดี๋ยวพาคนเจ็บส่งโรงพยาบาลดีกว่าครับ” ตำรวจนั่นเองที่เตือนสติเขา
ก้าน ใบค่อยๆประคองชายหนุ่มขึ้นรถ โดยให้นายไหวที่วิ่งออกมาพร้อมคนในครอบครัวของเขาขับรถให้ เพราะเขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว เด็กหนุ่มกุมมือใหญ่ไว้ตลอดเวลา แนบแก้มที่เปื้อนน้ำตาลงไปสัมผัสกับหน้าผากกว้าง
“ไม่เอาก้าน อย่าร้องไห้” กัณฑ์บอกเสียงกระท่อนกระแท่น พยายามเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่หยดเป็นสายอย่างยากลำบากลำบาก เขารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน
“เพราะผม ฮึก ฮือ ... เพราะผมคนเดียว ถ้าวันนี้พี่ไม่ต้องมาส่งผมเรื่องมันคงไม่เกิด ถ้าพี่ไม่เอาตัวบังผม พี่ก็ไม่ต้องเจ็บแบบนี้ ฮึก...” ก้านใบพยายามกลั้นสะอื้น
“อย่าโทษตัวเองเลย ถ้าจะมีคนผิดก็คือพี่คนเดียวเท่านั้น ก้านเป็นอะไรหรือเปล่า” ยังมีแก่ใจเป็นห่วงคนที่กอดเขาอยู่
“ไม่ ฮึก.. ผมไม่เป็นไร พี่กัณฑ์อย่าทิ้งก้านไปนะ ฮึก... อย่าให้ก้านต้องอยู่โดยไม่มีพี่อีกเลย ฮือ...” พูดกับร่างที่เริ่มหายใจแผ่วลงเรื่อยๆ
“ก้านรักพี่นะ รักมากที่สุด พี่กัณฑ์ได้ยินมั๊ย ฮือ ฮือ พี่กัณฑ์” เด็กหนุ่มเรียกอีกฝ่ายอย่างแรงอีกครั้ง เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ค่อยๆหมดไปพร้อมสติของชายหนุ่มหลังจากที่ได้ยินคำที่ อยากได้ยินจากก้านใบมาตลอด “พี่กัณฑ์ อย่าทำแบบนี้กับก้านนะ พี่กัณฑ์” ก้านใบตะโกนเรียกชายหนุ่มด้วยหัวใจที่แหลกสลาย
“ลุงไหวครับช่วยขับเร็วๆหน่อยเถอะครับ” เร่งคนขับรถทำไมโรงพยาบาลถึงไกลเหลือเกิน
“นี่ เร็วที่สุดแล้วครับคุณหนู” ชายวัยกลางคนที่ทำหน้าที่ขับรถได้ยินบทสนทนานั้นตลอด เขาเองสงสารก้านใบเหลือเกิน คุณก้านไม่เคยเสียใจกับอะไรขนาดนี้มาก่อน คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองคนรักของคุณหนูของเขาด้วยเถิด
สามชั่วโมง เศษแล้วนับตั้งแต่กัณฑ์ถึงมือหมอ ตอนนี้คณะแพทย์ได้ทำการช่วยชีวิตชายหนุ่มอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากกระสุนทะลุปอดจึงทำให้ชายหนุ่มเป็นตายเท่ากัน และจากการเสียเลือดไปมากทางโรงพยาบาลจึงต้องขอรับบริจาคเลือดจากคนในครอบ ครัวที่มีเลือดกรุ๊ปเดียวกัน ซึ่งคนที่ทำหน้าที่นี้คือ การัน
“เป็น ไงบ้าง” คนที่ถามคนที่นอนให้เลือดอยู่ไม่ใช่บุพการีแต่อย่างใด เพราะคุณหญิงมารศรีนั้นเป็นลมลมพับไปตั้งแต่ทราบข่าว ทำให้คุณศิวะสามีจึงต้องไปดูแลภรรยา
“ผมไม่เป็นไรครับพี่กิ่ง น้ำใสๆคลอเต็มหน่วยตาที่แดงช้ำ แต่พี่กัณฑ์....” หยุดไว้แค่นั้นเพราะไม่อยากจะคิดอะไรอีกต่อไป
“กัณฑ์ก็ต้องไม่เป็นไร” ร่างสูงบีบมือร่างบางข้างที่ไม่ได้ให้เลือดเบาๆเพื่อเป็นการให้กำลังใจ
“คุณ ก้านละครับ” ถามถึงคนรักของพี่ชาย เขาเองยังเสียใจมากขนาดนี้ทั้งๆที่ด้วยการศึกษาและอาชีพทำให้เห็นคนเจ็บคน ตายมาเยอะ แล้วก้านใบเล่าจะเจ็บปวดสักแค่ไหน
“นั่งไม่พูดไม่จา เอาแต่ร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน” ตอบอย่างเป็นกังวล ก้านใบนั้นแทบไม่พูดอะไรเลยเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว เสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดก็ไม่มีกะจิตกะใจจะเปลี่ยนด้วยซ้ำ เขาเป็นห่วงน้องเหลือเกิน ถ้ากัณฑ์เป็นอะไรไปน้องเขาจะอยู่ได้ยังไง
“ผมต้องทำยังไงดี” การันพึมพำกับคัวเอง
“สิ่งที่การ์ทำได้ การ์ก็ทำหมดแล้ว อย่าห่วงเลย”
“ขอบคุณครับ” ค่อยๆปิดเปลือกตากลั้นหยดน้ำตาไม่ให้เอ่อออกมาอีก
มือใหญ่ลูบศรีสะเล็กเบาๆ อย่างน้อยกิ่งใบก็อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่ายังมีเขาอีกคนที่เป็นห่วงเสมอ
กา รันซึมซับความอบอุ่นนั้นเงียบๆ ‘เหมือนเหลือเกิน ช่างเหมือนกำลังใจที่พี่กัณฑ์มักจะส่งให้เวลาเขาท้อแท้เหลือเกิน ฝ่ามือนี้ ความอบอุ่น และการปลอบโยน’ คิดอย่างเจ็บปวด ได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้กัณฑ์เป็นอะไรเลย พี่ชายที่แสนดีของเขา
...
เวลา ดูเหมือนจะนานชั่วกัลป์ในการรอคอยของก้านใบ เด็กหนุ่มได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาเงียบๆ จนกระทั่งหมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินเพื่อแจ้งข่าว ทำให้คนที่เคยนั่งนิ่งลุกขึ้นตรงมาที่หมออย่างร้อนรน
“พี่กัณฑ์ไม่เป็นไรใช่มั๊ยครับหมอ” ถามด้วยน้ำตานองหน้าและอาการหายใจไม่ทั่วท้อง
ขณะ นี้ทางเราได้เอากระสุนออกมาแล้ว แต่ว่าเคราะห์ร้ายที่กระสุนถูกจุดสำคัญ ทำให้คนไข้เสียเลือดไปมากเกินไป และอวัยวะภายในทำงานได้ไม่ปกติ ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นโคม่าและยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอด หมอว่าทางที่ดีควรรีบไปดูใจคนไข้ก่อนดีกว่าครับ โอกาสรอด มีไม่ถึง 10% ทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปทิ้งไว้แต่ร่างซึ่งทรุดลงกับพื้นจนคน อื่นต้องรีบเข้ามาประคอง
“ทำใจดีๆไว้ก้าน กัณฑ์ไม่มีวันทิ้งนายไปทั้งอย่างนี้หรอก” กิ่งใบปลอบใจน้องชาย
“.................................”
“ก้าน มองพี่ กัณฑ์ต้องไม่เป็นไร” กิ่งใบจับใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดของก้านใบให้เงยขึ้นมา
“.............................”
“เรา เข้าไปดูกัณฑ์กันเถอะ” ร่างสูงพาก้านใบกับการันที่หน้าซีดไม่แพ้กันเข้าไปในห้องที่ทางโรงพยาบาล เพิ่งย้ายกัณฑ์เข้าไปมันคือห้อง ICU
สภาพภายในห้องเต็มไปด้วย อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย และคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงก็คือ กัณฑ์ สายต่างๆและท่อมากมายที่ติดอยู่บนตัวร่างสูงทำให้ก้านใบต้องสะอื้นออกมาอีก ครั้ง
“ฮึก...พี่กัณฑ์...”
ก้านใบเดินตรงไปเกาะราวอะลูมิเนียมเล็กๆที่กั้นเตียงอยู่ และเริ่มพูดกับคนที่นอนไม่ได้สติ
“พี่ กัณฑ์ ผมไม่ได้เข้ามาเพื่อจะลาพี่นะครับ ผมมาเพื่อที่จะบอกว่าผมรอพี่อยู่ ไม่ว่ายังไงพี่ก็ต้องกลับมา กลับมากินกาแฟที่ผมชงให้พี่ทุกเช้า กลับมากอดผมเหมือนที่พี่เคยกอด กลับมาแกล้งผมเหมือนที่พี่เคยทำเสมอ และก็กลับมาพาผมไปด้วยทุกที่ที่พี่ไป............. ผมจะรอนะครับ”
ร่าง บางยิ้มเศร้าๆให้กับคำพูดของตัวเอง นี่เขากำลังหลอกตัวเองเขารู้ดี กัณฑ์ไม่มีทางได้ยินคำอ้อนวอนของเขา แต่เขาอยากให้ชายหนุ่มรู้เหลือเกินว่าความเจ็บปวดที่ชายหนุ่มกำลังจะทิ้งไว้ ทำให้เขาแทบไม่อยากหายใจอีกต่อไปแล้ว
ทางฝั่งการันนั้นยืนฟังคำพูด ของก้านใบด้วยความสะเทือนใจ แต่เขาเองก็อยากบอกกัณฑ์ว่าเขาจะรอให้พี่ชายกลับมาเสมอเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เขาเสียใจเกินกว่าจะพูดอะไรได้ในตอนนี้
และ เมื่อเห็นว่าน้องชายพูดจบแล้วกิ่งใบจึงเดินมาโอบไหล่น้องเบาๆ แล้วจูงมือการันออกมาจากห้องนั้น ทิ้งให้คนที่นอนอยู่บนเตียงนอนอยู่อย่างสงบต่อไป
...............................................................................
หนึ่ง อาทิตย์ผ่านไปโดยที่ไร้วี่แววการฟื้นตัวของกัณฑ์ ทำให้ในตอนนี้ทางคณะแพทย์ได้เริ่มพูดถึงการถอดเครื่องช่วยหายใจแล้ว เพื่อที่จะให้คนไข้ได้จากไปด้วยความสงบ และทุกคนเริ่มเห็นด้วยกับเรื่องนี้ยกเว้นก้านใบที่แทบจะไม่มีสิทธิ์หรือ เสียงใดเลยที่จะให้ยื้อชีวิตของทายาทตระกูลกัณฑราชเอาไว้
“คุณลุง คุณป้าครับ อย่าถอดเครื่องช่วยหายใจของพี่กัณฑ์เลยนะครับ เดี๋ยวพี่กัณฑ์ก็ฟื้นแล้ว”
เด็ก หนุ่มวิงวอนอย่างสิ้นหวัง เมื่อวันนี้สองสามีภรรยาตั้งใจว่าจะปล่อยให้บุตรชายคนโตจากไปด้วยความสงบ เสียที เนื่องจากไม่อยากเห็นความทรมานของลูกชายอีกแล้ว
“ป้ากับลุง ก็ไม่อยากทำอย่างนี้นะลูก แต่แค่นี้กัณฑ์ก็ทรมานมากพอแล้ว ให้พี่เขาไปอย่างสงบเถอะนะ” คุณหญิงมารศรีเอ่ยด้วยตาบวมช้ำ และความเจ็บปวดอย่างเหลือแสน
“พี่การ์ครับ อย่าให้หมอถอดเครื่องช่วยหายใจพี่กัณฑ์นะครับ” ก้านใบหันไปอ้อนวอนสมาชิกอีกคนของตระกูลกัณฑราช
“พี่ ก็ไม่เห็นด้วยนะก้าน แต่ทางการแพทย์แล้วพี่กัณฑ์อยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น พี่เองก็สงสารพี่กัณฑ์ที่ต้องมาทรมานกับเครื่องพวกนี้” บอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ไม่ใช่ว่าพี่ไม่เสียใจ พี่เสียใจที่สุดและไม่น้อยไปกว่าก้านเลยแต่ยังไงเราก็ต้องให้พี่กัณฑ์ไปสบาย เถอะนะ” จับมือเล็กที่เกาะแขนเขาไว้อย่างปลอบโยนทั้งตัวเองและก้านใบ
เมื่อ ไม่ว่าจะอ้อนวอนอย่างไรก็ดูไม่ได้ผล ดังนั้นก้านใบจึงต้องเคารพการตัดสินใจของครอบครัวชายหนุ่มแต่โดยดี แต่ขอเข้าไปบอกลาคนที่เขารักที่สุดก่อนที่จะมีการทำการใดๆตามลำพัง
...........................................................................
ภาย ในห้อง ICU ของโรงพยาบาล ร่างร่างเดิมยังคงนอนนิ่งอยู่ การหายใจเป็นไปด้วยความสม่ำเสมอจากเครื่องปั๊มอากาศ ที่มอนิเตอร์บอกอัตราการเต้นของหัวใจคงที่ แต่อีกไม่กี่นาทีสิ่งเหล่านี้จะหายไปตลอดกาล
ร่างบางเดินตรงมาที่ เตียงช้าๆ มองร่างกายที่เคยกำยำบัดนี้ซีดเซียว หน้าตาที่เคยหล่อเหลาสะอาดเกลี้ยงเกลา มีไรเคราสากๆขึ้นทั่วใบหน้าคม บ่งบอกว่าเจ้าของไม่ได้ลุกขึ้นมาจัดการตัวเองนานแล้ว
ก้านใบโน้มตัวลงไปจูบเบาๆตามแนวสันกรามอีกฝ่าย พร้อมทั้งกระซิบถ้อยคำที่เขาอยากพูดไปด้วย
“พี่ กัณฑ์ครับ อีกไม่กี่นาที........ฮึก.......เขาก็จะพาพี่ไปจากผมแล้วนะครับ....พี่กัณฑ์ ฟื้นสิครับ พี่เคยบอกว่าพี่จะทำทุกอย่างที่ผมต้องการ... ฮึก .... ตอนนี้ผมต้องการให้พี่ฟื้นขึ้นมาคุยกับผม... เรายังมีหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำเลยนะครับ.......พี่กัณฑ์....ฟื้นขึ้นมาบอก ผมสิครับว่าพี่รักผม........พี่เคยบอกว่าจะไม่ปล่อยผมไปไง พี่กัณฑ์...ถ้าพี่ฟื้น ผมสัญญาว่าจะไม่หนีพี่อีก จะยอมตามใจทุกอย่าง แต่ได้โปรดกลับมาหาผมเถอะครับ.... ฮึก....... อย่าใจร้ายกับผมอีกเลย........ฮือ.......”
เด็กหนุ่มบีบมือหนาเบาๆเพื่อ ซึมซับความอบอุ่นนี้บางทีครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้าย ก้านใบยกมือข้างนั้นขึ้นมาแนบแก้มของตนเองและปล่อยให้น้ำตาหยดลงบนฝ่ามือหนา เงียบๆ และในทันใดนั้นคำวิงวอนก็ดูเหมือนจะสัมฤทธิ์ผลเพราะเด็กหนุ่มรับรู้ถึงการ เคลื่อนไหวเบาๆบริเวณนิ้วมือที่แนบแก้มเขาอยู่ ร่างสูงกำลังใช้ความพยายามอย่างหนักในการบังคับให้ร่างกายตนเองเคลื่อนไหว เขาอยากโอบกอดก้านใบเหลือเกิน อยากขอบคุณที่ให้กำลังใจในการต่อสู้ ถ้าไม่มีร่างเล็กเขาคงยอมแพ้ไปนานแล้ว
ก้านใบยิ้มทั้งน้ำตา ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแล้ว เด็กหนุ่มค่อยๆวางมือกัณฑ์ลงช้าๆและรีบเรียกหมอเข้ามาดูอาการของร่างสูง ซึ่งยังความยินดีปรีดาไปยังครอบครัวกัณฑราชอย่างเหลือล้นทันที่ที่ทราบ ข่าวดีนั้น
........................................................................