ร้ายที่ 33 ผมตกใจแทบตายตอนที่ผมเจอพี่อาร์ต . .
ผมไม่นึกว่าพี่เขาจะมาสมัครงานที่เดียวกับที่ไอ้เจ้าขุนจอมบงการบริหารอยู่ ตอนนั้นผมแค่จะไปจ่ายเงินคืนที่ไอ้ขุนมันจ่ายให้ผม แต่ผมกลับเห็นเขายืนอยู่ตรงนั้น
คนที่ผมอยากจะลืม แต่ในใจของผมกลับคิดถึงเขาตลอดทุกวินาที . .
แฟนของแรกของผม . .
ตอนนั้นผมอายุ 18 อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญมาก . . ผมเจอเขาครั้งแรกที่บ้านเพราะพี่เขาเป็นพี่ข้างบ้าน ตอนแรกผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่เขาหรอก แต่พ่อกับแม่ผมท่านทะเลาะกันทุกวัน ต่างฝ่ายต่างสนใจแต่เรื่องของตัวเอง ทั้งๆที่มีผมอยู่แท้ๆ พวกท่านก็ไม่สนใจและก็มองข้ามผม . . ขนาดผมไม่กลับบ้านตั้งหลายวันเนื่องจากเบื่อเสียงทะเลาะของพวกท่าน ทั้งคู่ก็ยังไม่สนใจผม
จึงไม่แปลกที่ผมจะใช้บ้านพี่อาร์ตเป็นที่หลบภัยชั่วคราวของผม และดูเหมือนว่าพี่อาร์ตจะต้อนรับผมทุกครั้งที่บ้านผมเกิดเรื่องด้วย
จนกระทั่งผมไม่สามารถขาดพี่เขาได้อีกต่อไป . . ราวกับพี่อาร์ตเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผม ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะเป็นช่วงที่ผมต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ตาม แต่สมาธิทุกอย่างของผมกลับอยู่ที่เขา . . เขาคนเดียวเท่านั้น
แต่บ้านพี่อาร์ตไม่ได้มีฐานะอะไร เขาจึงเป็นเหมือนเสาหลักของบ้าน บ้านที่มีแม่ เขา และก็น้องสาวเท่านั้น ตอนที่ผมอยู่ม.6 พี่เขาก็เรียนอยู่ในมหาลัย ทั้งเรียนทั้งทำงานพิเศษไปด้วย ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรที่พี่เขาเป็นคนขยันผมจึงตามติดเขาไปทุกที่ที่เขาไปจนเหมือนคนโรคจิต
“ไนท์ บางทีไนท์ก็ไม่ต้องตามพี่ไปทุกหนทุกแห่งแบบนี้ก็ได้นะ”
“ทำไมล่ะพี่อาร์ต ไนท์ไม่ได้เดือดร้อนอะไร” นอกจากอยู่กับเขาและอยู่ที่โรงเรียนซึ่งมีไอ้มังกรกับพี่แมทคอยเป็นเพือนและพี่ที่ดีแล้ว ผมก็ไม่มีที่จะให้ยืนอยู่ต่อไปด้วยความสุขได้ ผมจึงตัวติดเขาอย่างกับปลิง
“นี่ไม่ต้องอ่านหนังสือหรือยังไง ตัวเองจะสอบอยู่แล้วแท้ๆ” พี่อาร์ตเป็นคนที่จริงจังกับงานมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ไนท์จะเข้าเอกชน” ผมพูดสั้นๆ ที่บ้านผมถึงแม้พ่อกับแม่จะมีปัญหากันเอามากๆ แต่เรื่องเงินที่คอยซัพพอร์ตผมล่ะก็ผมไม่มีวันขาดตกปกพร่อง ทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนั้น เงินมีมากมายใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด . . แต่โคตรจะไม่มีความสุข
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่พี่ทำงานโดยมีเรานั่งคอยอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ผู้จัดการพี่เขาจะว่า”
“ผมเป็นลูกค้านะ” ผมชูแก้วกาแฟให้เขาดู หยิบมันขึ้นมาหนึ่งแก้วจากจำนวนทั้งสิ้นห้าแก้ว นั่นหมายความว่าผมนั่งรอเขามาอย่างน้อยก็สี่ชั่วโมงแล้ว
“แต่ว่า . .”
“พี่อาร์ต พี่อาร์ตก็ตั้งใจทำงานไปเถอะนะ ไนท์ไม่กวน ไนท์จะอยู่นิ่งๆเงียบๆ เป็นลูกค้าที่ดี”
พี่อาร์ตส่ายหน้าอย่างระอาในความดื้อของผม แต่ท้ายที่สุดพี่เขาก็ยอมผมอยู่ดี
ผมตัวติดพี่อาร์ตมาก และพี่อาร์ตก็ดูมีความสุขดีที่มีผมอยู่ข้างๆ . . จนในที่สุด ผมก็ตัดสินใจซื้อคอนโดและให้พี่อาร์ตมาอยู่กับผมตอนปีหนึ่ง แรกเริ่มเดิมที พี่อาร์ตไม่อยากจะทิ้งแม่และน้องสาวเขาเอาไว้ แต่เนื่องจากคอนโดผมอยู่ติดกับที่ทำงานพิเศษของพี่เขาเอามากๆ เขาจึงมาค้างบ่อยและจะกลับไปหาแม่กับน้องสาวอีกครั้งในปลายสัปดาห์
ผมรู้สึกว่าพี่อาร์ตเป็นทั้งแฟนและครอบครัวของผม . . ผมรักเขามากและผมก็ขาดเขาไม่ได้ หากเขากลับบ้านดึก ผมจะคอยโทรเช็คหรือไม่บางทีผมก็ขับรถยนต์ไปรับ ตอนแรกพี่อาร์ตก็ไม่ได้คิดว่ามันน่ารำคาญอะไร แต่เมื่อเวลาผ่านไปจู่ๆพี่อาร์ตก็เปลี่ยนไป . .
เขาหงุดหงิดบ่อยขึ้น และเราก็มีปากมีเสียงกันมากขึ้น . .
ต่อหน้ามังกรและคนอื่นๆผมมักจะแสดงออกว่าผมเป็นคนเข้มแข็ง เอาเข้าจริงๆแล้วตัวผมเองกลับเปราะบางเอามากๆ หากมีคนมาสะกิดนิดเดียวผมอาจจะน้ำตาไหลยิ่งถ้าพี่อาร์ตเป็นคนสะกิดขึ้นมาล่ะก็ . . น้ำตาของผมยิ่งจะไหลเป็นเขื่อนแตกอย่างควบคุมไม่ได้
ผมเป็นเด็กมีปัญหามานานแล้ว . .
“ไนท์ พี่รบกวนเรามามากพอแล้ว . .พี่จะย้ายออก”
“ไม่ได้นะ” ผมรีบเอามือของตัวเองไปคว้าหลังพี่อาร์ตเอาไว้ทันที
“ปล่อยพี่เถอะไนท์”
“ไนท์ทำผิดอะไรอ่ะพี่อาร์ต ถ้าไนท์ผิดก็บอกไนท์มา ไนท์จะได้ปรับปรุงตัว . .”
“นี่ไนท์ไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าตัวเองน่ารำคาญแค่ไหน” ได้ยินแบบนั้นแล้วน้ำตาที่ผมพยายามกลั้นเอาไว้ก็ไหลไม่หยุดฉุดไม่อยู่ทันที . .
“ทำไม . .”
“มันน่ารำคาญเอามากๆ . . การที่ต้องมีใครไม่รู้ตามเราไปทุกหนทุกแห่งแบบนั้น ตอนแรกก็มีความสุขดีอยู่หรอก แต่พี่ทำมาหากินไม่ได้ พี่ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองเหมือนไนท์ ทุกอย่างพี่จะต้องดิ้นรนหาเอาเองเพื่อให้แม่กับน้องสบาย . .”
“แล้วไนท์ไปกวนพี่หาเงินตอนไหนอ่ะ ไนท์ก็อยู่เฉยๆของไนท์นี่นา”
“พอสักทีเถอะไนท์ โตเป็นผู้ใหญ่สักทีเถอะ”
“พี่อาร์ต”
“…”
“พี่อาร์ต!!!”
ไม่ว่าผมจะเรียกเท่าไหร่ แผ่นหลังที่สูงใหญ่แผ่นนั้นก็มีแต่จะห่างผมออกไปเรื่อยๆ
ผมวิ่งตามพี่เขาไปจนท้ายที่สุดผมก็เห็นพี่อาร์ตอยู่กับคนที่มารับ . . เขาหน้าตาดีมากและก็หล่อมาก พูดสั้นๆง่ายๆก็คือพี่อาร์ตคงทิ้งผมเพื่อไปหาเขาคนนั้นนั่นแหละ
ตอนนั้นผมแทบใจสลาย . . เท่านั้นยังไม่พอพี่แมทก็ดันมาเสียในช่วงเวลาใกล้ๆกันอีก ผมเศร้าถึงขีดสุด เศร้าชนิดที่ว่าไม่พูดไม่คุยกับใครเลยเป็นเวลาหลายต่อหลายเดือน จนกระทั่งผมก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ผมนั้นต้องอยู่กับเพื่อนตลอดเวลา เพราะไม่อย่างนั้นล่ะก็ หัวของผมก็จะหวนกลับมาคิดถึงเรื่องของคนที่ทิ้งผมไปอีก . .
คนใจร้ายพรรค์นั้น . .
แต่ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ลืมเขาไม่ลงอยู่ดี . .เขาเป็นรักแรก แฟนคนรัก คนที่ดูเหมือนพี่ชาย ครอบครัว คนรัก . . ที่อยู่ดีๆก็มาทิ้งผมไปเพียงเพราะเขาเจอคนใหม่ . .
ผมไม่ได้เจอเขาอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น เขาพอจะรู้จักผมดีล่ะมั้งว่าผมใช้ชีวิตยังไงและแบบไหน เขาจึงเลี่ยงที่จะเดินผ่านมาในเส้นทางชีวิตของผม จนกระทั่ง . .
ผมเจอพี่ชายของเจ้านาย . . ที่มีหน้าตาและท่าทางคล้ายพี่อาร์ตโคตร . .
ผมเกลียดขี้หน้าเขาทันที ผมเป็นคนเจ้าอารมณ์ไร้ซึ่งเหตุผลมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว สาเหตุแค่เพราะหน้าเหมือนคนที่เคยทิ้งผมไป ผมก็เกลียดเขาได้ แต่แปลกที่เขาคนนี้นิสัยไม่เหมือนพี่อาร์ตเลย
พี่อาร์ตจะเป็นคนอบอุ่น ดูเป็นผู้ใหญ่ และเป็นคนที่ดูแลเทคแคร์เก่งเอามากๆ ถึงแม้ว่าตอนสุดท้ายจะดีแตกก็เถอะ แต่เจ้าขุน . . เป็นคนที่มีหลายอย่างอยู่ในตัวและก็โคตรหลากหลายมุม บางครั้งก็เด็ก(ขี้แกล้ง โวยวาย ไร้สาระ) บางครั้งก็ผู้ใหญ่(ดูมีเหตุมีผล รับผิดชอบในหน้าที่การงาน) หลายครั้งหลายคราที่เขาโผล่มาตอนที่ผมนั้นกำลังเดือดร้อน
จนผมต้องติดหนี้บุญคุณของเขาโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจเลย . .
เจ้าขุนมันบอกให้ผมต้องมาทำงานกับมัน . . ให้ตาย . . เกิดมาไม่เคยทำงาน และที่สำคัญยังไม่เคยเป็นเด็กฝึกงานด้วย ผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ในหัว และยิ่งมันเห็นว่าผมเคยมีอดีตครั้งเก่ากับพี่อาร์ตมันยิ่งเอาใหญ่ รับพี่อาร์ตเข้ามาทำงานโดยที่ไม่ถามสุขภาพของของผมสักคำ . .
ตอนแรกผมเกร็งแทบตายที่ได้เจอเขา . .
“ฝากซีรอกซ์ให้พี่ทีนะ”
พี่อาร์ตพูดยิ้มๆส่วนผมหน้าบูดเพราะคิดว่าแม่งทิ้งกูไปแล้วเสือกมาปั้นหน้ายิ้มใส่กู
ผมซีรอกซ์งานให้พี่เขา . .ยื่นให้พี่อาร์ตและก็จะเดินไปหางานทำต่อ แต่พี่อาร์ตบอกผมเอาไว้ซะก่อน
“เย็นนี้ไปกินข้าวกับพี่ทีนะ”
ผมใจเต้นตู้มๆขึ้นมาหลังจากที่มันไม่รู้สึกอะไรมานานเต็มทีแล้ว วันนั้นทั้งวันผมตั้งหน้าตั้งตารอคอยการกินข้าวเย็นกับพี่อาร์ต พร้อมทั้งเรื่องคิดไปเองมากมายอยู่ในหัว พี่เขาจะขอผมคืนดี? หรือว่าพี่เขาจะถามสารทุกข์สุขดิบเฉยๆ? เอ๊ะ หรืออาจจะยืมเงินผม?
และเย็นวันนั้นผมก็ได้รู้คำตอบ . .
ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ไม่ไกลในบริเวณบริษัทของเจ้าขุน ผมนั่งอยู่กับพี่อาร์ตที่เอาแต่มองผมอย่างกระตือรือร้นราวกับพี่ชายมองน้องชาย . . ให้ตาย ผมไม่ชอบสายตาแบบนั้นเอาเสียเลย
“โตขึ้นเป็นกองเลยนะ” พี่อาร์ตยังคงยิ้มไม่หยุด
“พี่อาร์ตก็หล่อขึ้น”
“ฮ่าๆ ไม่จริงอ่ะ พี่ตกงานมาตั้งหลายเดือนนะ โทรมจะตาย”
จะยังไงก็ช่าง . . ผมก็มองพี่อาร์ตหล่อเสมออยู่ดี
“พี่มีเรื่องจะคุยกับไนท์”
หูของผมผึ่งขึ้นมาทันทีและก็กำลังลุ้นจัดว่าพี่ไนท์จะพูดเรื่องอะไร . .
“เรื่องอะไรครับ”
“พี่อยากให้ไนท์ . . ลืมพี่”
หัวใจของผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม . . ทำไมจู่ๆถึงพูดแบบนี้วะ
“พี่อาร์ต”
“พี่ได้ยินข่าวเรื่องไนท์อยู่เหมือนกัน ไนท์ยังคงเมาเพราะพี่ ยังคงคิดมากเพราะพี่ พี่ไม่อยากให้ไนท์เป็นแบบนั้นเลย”
“. . .”
“ไนท์อาจจะยังไม่รู้ตัว แต่เมื่อสองปีก่อน . . พี่ว่าไนท์ไม่เคยรักพี่เลย”
“. . .”
“ไนท์แค่ต้องการใครสักคน เพื่อที่ไนท์จะได้รู้สึกว่ามีใครสักคนอยู่ข้างๆไนท์”
“พี่อาร์ต!!!” ผมทุบโต๊ะเสียงดังจนคนทั้งร้านอาหารหันมามอง “พี่อาร์ตจะรู้อะไร!!!”
“รู้สิ . . ไนท์ ที่ผ่านมาไนท์ให้พี่เพียงแค่ความหลงใหล ไนท์ไม่ได้ให้ความรักกับพี่เลย”
“ทำไมจู่ๆถึงพูดเรื่องนี้ พอกันที!”
“แต่ตอนนั้นพี่รักไนท์จริงๆนะ”
“…”
“เพราะพี่รักไนท์ พี่ถึงปล่อยไนท์ไปยังไงล่ะ”
“ไม่ต้องมาพูดให้ตัวเองดูดีเลยพี่อาร์ต มันเสียเวลาเปล่า”
“คนๆนั้นมันเป็นเพื่อนพี่ มันไม่ใช่แฟนใหม่พี่” พี่อาร์ตเล่าให้ฟังอย่างใจเย็น “ที่พี่ต้องปล่อยไนท์ไปเพราะพี่อยากเห็นไนท์เป็นผู้ใหญ่ อยากเห็นไนท์ดูแลตัวเองให้เป็น ไนท์อยู่กับพี่ไม่ได้ตลอด ไนท์จะเอาหัวใจและเอาชีวิตมาฝากไว้กับพี่ไม่ได้”
“…”
“พี่รู้สึกแย่มากเลยรู้มั้ยที่ตอนนั้นพี่ทำให้ไนท์ต้องมาจมปลักอยู่กับพี่ เหมือนทำให้ไนท์ต้องรู้สึกอยากอยู่กับพี่ตลอดเวลา ทั้งๆที่ความจริง . . ไนท์ต้องหัดอยู่คนเดียวให้ได้”
“เลิกพูดได้รึยัง!!!!”
ผมทุบโต๊ะเสียงดังอีกคราอย่างไม่แคร์สายตาคนอื่น พี่อาร์ตทอดถอนใจและก็ไม่พูดอะไรอีก ผมหายใจหอบเร็ว ราวกับว่าทั้งโกรธทั้งอึ้งในเวลาเดียวกัน . .
“และถ้าไนท์ไม่ได้รักพี่อาร์ต . . แล้วทำไมไนท์ถึงไม่เคยลืมพี่อาร์ตเลยล่ะ . .”
“เราผ่านเรื่องอะไรมาด้วยกันก็มากนะ จะลืมกันง่ายๆก็ใจร้ายเกินไปหน่อยแล้ว”
ไม่ใช่แบบนั้น . . ยังไงก็ไม่ใช่ . .
“พี่อยากเตือนสติไนท์มานานแล้ว แต่พี่ไม่มีโอกาสสักที”
“มัวแต่จมอยู่กับงานน่ะสิ”
“เฮ้อ ทำไงได้ ปีหน้าอายก็จะเข้ามหาลัยแล้ว” พี่อาร์ตพูดถึงน้องสาวของตัวเอง “งานที่เดิมก็ห่วย พี่ขยันแทบตายแม่งก็ไม่ยอมเลื่อนขั้นให้พี่สักที”
“แล้วพี่คิดว่าไอ้เจ้าขุนมันจะเลื่อนขั้นให้พี่เร็วๆเหรอ”
“เฮ้ย” พี่อาร์ตดูตกใจ “ไนท์อย่าไปเรียกบอสแบบนั้นมันดูไม่ดี”
ผมลืมไปว่าต่อหน้าพนักงานคนอื่นผมต้องสุภาพกับเจ้าขุน . .
“ก็มันดูไม่ดี ก็เลยไม่ต้องพูดดีกับมันไง”
พนักงานคนอื่นที่ยกเว้นพี่อาร์ตน่ะ . . เอิ่ม
“ไม่เอานะไนท์ อย่าทำแบบนี้ เขาเป็นเจ้านายของไนท์ตอนนี้นะ” เสียงของพี่อาร์ตช่างเหมือนพี่ชายสั่งสอนน้องชายซะจริงๆ
“แปลกจังแฮะ อายุอานามเขาก็ห่างกับเรามาก ทำไมเราถึงไปเรียกเขาแบบนั้นล่ะ”
“ก็ไม่ชอบมัน”
“เพราะอะไร เพราะเขาหน้าคล้ายพี่เหรอ”
อ้าว เชี่ยแล้ว รู้อีก . . “คิดเหมือนกันเหรอ”
“ก็ไม่คล้ายเท่าไหร่หรอก บอสหล่อกว่าพี่เยอะ”
“โหย ไม่จริงอ่ะ” ผมเถียง “ไอ้นั่นไม่เห็นหล่อเลย ตัวก็ใหญ่อย่างกับควาย นิสัยก็โคตรแตกต่างจากน้องชายลิบลับเลย นี่รู้มั้ยว่าน้องชายมันอ่ะ น่ารักโคตร” จริงๆนะ เจ้านายน่ารักในสายตาของผมจริงๆนะ
“แล้วจะเล่าให้พี่ฟังได้มั้ย ว่าทำไมถึงต้องมาเป็นเด็กฝึกงานที่นี่”
ผมเล่าให้พี่อาร์ตฟังแบบหมดเปลือง พูดราวกับไม่ได้พูดมาสามเดือน น้ำไหลไฟดับ . .
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้เลิกเมาเพราะพี่”
“เพิ่งมาบอกไนท์เมื่อกี้เองนะ”
“เอาน่า” พี่อาร์ตดูมีท่าทีที่สบายๆ “พี่แปลกใจอยู่เรื่องหนึ่ง ทำไมเขาต้องให้ความสนอกสนใจไนท์ขนาดนั้นด้วย”
ผมที่กำลังดื่มน้ำเปล่าเข้าปากถึงกับสำลัก “แค่ก! มั่วอีกแล้ว”
“จริงๆนะ พี่รู้สึกได้” พี่อาร์ตทำท่าครุ่นคิด “เขาอาจจะชอบไนท์อยู่ก็ได้”
“ไม่มีทาง” ผมพูดสวนขึ้นมาทันที “พี่อาร์ตอย่ามั่วได้ป่ะ” เพิ่งคุยเรื่องมึงอยู่หยกๆ มึงเปลี่ยนไปพูดถึงบุคคลที่สามซะแล้วเหรอ ไอ้พี่อาร์ต . .
“งั้นเรามาลองพิสูจน์กันดูดีมั้ยล่ะ”
“เดี๋ยวนะ เมื่อตะกี้ยังคุยกันเรื่องไนท์กับพี่อาร์ตอยู่เลย แล้วนี่อะไร”
“ไนท์สังเกตอะไรได้รึเปล่า”
“อะไร”
“ไนท์คุยกับพี่ได้ราวกับเราไม่ใช่แฟนเก่ากัน . . ไนท์เป็นตัวของไนท์เอง พี่ก็เป็นตัวของพี่เอง และดูเหมือนตอนนี้เราจะมีความสุขกว่าแต่ก่อนอีกนะ”
“ไนท์ . .” ผมอ้าปากจะเถียง
“สักวันไนท์จะรู้ว่าไนท์ไม่ได้รักพี่จริงๆหรอก . . และเมื่อถึงตอนนั้นพี่เชื่อว่าเราจะเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันได้ จริงมั้ย”
ผมเถียงอะไรไม่ออกเลยสักคำ ไม่ใช่ว่าผมเชื่อผมยอมพี่อาร์ตหรอกนะ แต่ผมยังคิดไม่ออกต่างหากว่าสิ่งที่พี่เขาพูดนั้นมันเป็นความจริงหรือเปล่า ผมจึงไม่เถียงอะไรออกไป และก็นั่งเงียบอยู่เฉยๆ พี่อาร์ตดูจะสะใจที่ต้อนผมซะจนมุมได้
“แล้วตอนนี้ . . พี่อาร์ตโสดรึไง”
“หึ . . ไม่แล้ว” พี่อาร์ตโชว์แหวนสีดำที่สวมอยู่นิ้วนางข้างซ้ายขึ้นมา ให้ตาย . . ผมรู้สึกอิจฉาชะมัด
“สวยมั้ย”
“หืม? ไม่อ่ะ” พี่อาร์ตส่ายหน้า “ไนท์เคยเจอแล้ว”
“หา?”
“ก็เอาคนที่มารับพี่วันนั้นไง”
“เห้ย เดี๋ยวนะ ไหนบอกว่าเป็นเพื่อนกันไง ทำไมพูดจากลับกลอกงี้วะ!” เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่ใช่แฟนแต่เป็นเพื่อนกันอยู่หยกๆ อะไรของมัน ?
“ก็วันเวลาผ่านไปอะไรก็เปลี่ยนกันได้นี่ . . พี่จีบมันเอง”
พี่อาร์ตกระดิกเท้าชิวๆ ส่วนผมเบะปากอย่างหมั่นไส้ . .
“เห็นมั้ย . . ดูน้องไนท์ไม่เฮิร์ทเท่าไหร่ที่พี่มีแฟน เห็นมั้ยล่ะๆๆๆ คิดออกรึยังว่าตัวเองไม่ได้รักพี่ ตัวเองแค่ชอบอยู่กับพี่เฉยๆ”
“เลิกย้ำซะทีเถอะน่า . .” มันก็มีส่วนจริง . . ผมไม่มีอะไรเถียงสู้พี่อาร์ตได้เลย
“พี่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่างเรื่องบอสของเรา”
“นี่ยังไม่จบเรื่องนี้อีกเหรอ”
“แหม ก็เห็นเขามาชอบน้องพี่ทั้งที”
“อย่ามามั่วน่ะ”
“พี่ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วสินะ”
โคตรจะไม่ฟังใครเลย . .
หลังจากที่คุยเปิดใจกันในวันนั้นผมยอมรับว่าผมรู้สึกดีขึ้นมาก เหมือนได้เอาห่วงที่ผูกคอตัวผมเองอยู่นานออกไป ผมรู้สึกโล่งขึ้น สบายมากขึ้น และถ้าจะให้พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือมีความสุขมากขึ้นด้วย ดูเหมือนผมจะได้พี่ชายที่แสนดีของผมกลับคืนมา และเขาก็สอนให้ผมทำตัวดีๆต่อหน้าพี่ๆที่ออฟฟิศด้วย
ยกเว้นอยู่หนึ่งคน . . ที่ผมไม่ยอมดีด้วยเด็ดขาด
ก็ไม่ชอบไปแล้ว ก็ต้องไม่ชอบต่อไปดิ . . จะให้ผมยิ้มแล้วก็พูด ครับบอส ได้ครับบอส อย่างงี้อ่ะเหรอผมพูดไม่ค่อยลงหรอกถ้าใช้ความจริงใจน่ะ สิ่งที่ผมแสดงออกไปคือประชดประชันแบบสุดๆ นั่นถือว่าผมอ่อนให้ที่สุดแล้วนะ
พี่อาร์ตก็ยังคงหาทางพิสูจน์เรื่องนี้ต่อไปโดยที่เรียกผมไปใช้งานต่อหน้าเจ้าขุนโคตรบ่อย ตอนแรกผมก็เอือมอยู่หรอก แต่ผมเพิ่งนึกว่าในสถานที่ที่มีมนุษย์เงินเดือนเยอะขนาดนี้ผมรู้จักพี่อาร์ตคนเดียว เมื่อพี่เขาเรียกผมก็ไป เมื่อพี่เขาชวนไปดื่มตอนเลิกงานผมก็ไป ผมกับพี่อาร์ตเลยสนิทกันมากขึ้น และดูเหมือนจะแตกต่างก็เมื่อก่อนเอามากๆ
ที่ผ่านมาผมไม่ได้รักพี่เขาเลยจริงๆน่ะเหรอ . .
มันก็ไม่จริงร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก . . ยังไงก็ไม่มีทางแน่ๆ แต่ผมเชื่อสนิทใจแล้วว่าเป็นพี่น้องกันแล้วโคตรโอเค โคตรอุ่นใจ เหมือนผมมีพี่ชายอีกคนไว้คอยฟังสารทุกข์สุขดิบ
จนกระทั่งวันที่ไอ้บอสบ้านั่นมันสั่งให้ผมไปกับมัน พี่อาร์ตก็ทำตาล้อเลียนใส่ผมใหญ่ลับหลังไอ้บอสบ้า . . ซึ่งมันก็โคตรไร้เหตุผล ทำไมต้องเอาผมไปด้วยก็ไม่รู้ ทำไมไม่เอาลุงสมจิต คนขับรถของมัน หรือไม่ก็คุณจิ๊บ เลขาของมันไปแทนนะ . .
ตอนที่มันเข้าไปในห้องลองเสื้อ พี่อาร์ตก็ไลน์มาล้อเลียนผม
พี่บอกแล้วไง บอสต้องคิดอะไรกับไนท์ชัวร์ๆ 555ผมไม่ลังเลที่จะพิมพ์ตอบกลับไปอย่างกระแทกกระทั้น
อย่า มา มั่ว“นี่คือคอลเลคชั่นแรกที่จะให้คุณกานต์ลองนะคะ รบกวนด้วยนะคะ” พรึ่บ! ชุดสูทสีดำเงาวับโคตรสวยถูกยัดมาใสมือของผมอย่างงงๆ
“อะไรเหรอครับ”
“ช่วยเอาไปให้คุณกานต์ที่ห้องลองหน่อยนะคะ” พนักงานพูดด้วยท่าทางเขินๆ
“ทำไมต้องเป็นผมอ่ะ?”
“ก็ . . พวกเราเขินหุ่นคุณกานต์น่ะค่ะ” เธอพูดแล้วบิดไปมา ทำท่าเหมือนพนักงานคนอื่นๆข้างหลังเด๊ะๆ “คุณกานต์หุ่นดีเกินไปจริงๆนะคะ . . คุณไม่เคยเห็นเหรอคะ”
จะไปเคยเห็นได้ยังไงล่ะโว้ยยยยยยยยยยยยยยย . .
ผมถูกพนักงานสาวดันหลังให้เข้าไปในห้องลอง ไอ้บอสบ้าหันหน้ามาหาผมและก็เดินเข้ามาหา . .
โอเค ผมรู้แล้วล่ะว่ามันหุ่นดี . . แต่ทำไมผมต้องไม่กล้ามองด้วยวะ หุ่นดีๆโคตรๆอย่างไอ้มังกรผมก็เคยเห็นมาแล้วแต่ทำไมกับไอ้คนนี้ พอเห็นแล้วผมต้องก้มหน้างุดอย่างนั้นด้วยล่ะ . .
ยิ่งมันดึงผมกลับเข้าไปช่วยมันแต่งตัวอีกครั้งยิ่งทำให้ผมรู้เลยว่าผมไม่สามารถกล้ามองมันได้อย่างตรงๆได้ ไม่สามารถเลยจริงๆ
วันนั้นผมผ่านมาได้ด้วยอาการที่ปวดหัวหนึบๆกับเสียงล้อเลียนของไอ้เจ้าขุนที่ว่าผมเขินหุ่นมันจนถึงเที่ยงคืน คนบ้าอะไรลองชุดตั้งแต่บ่ายสองจนถึงเที่ยงคืน บ้ารึเปล่า!!! คลานออกจากเล้า YY