Lesson 58
( Kim Part )
หลังจากที่ผมพยายามสอบถามอาการป่วยของผมจากคนแปลกหน้าที่คอยอยู่เฝ้าผมตลอดเวลาแค่ดูเหมือนเค้าจะพยายามเลี่ยงไม่ตอบผมและเฉไฉไปเรื่องอื่นซะดื้อจนผมเลิกถาม แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าผมหายสงสัยนะ ผมยังคงสงสัยอยู่...สงสัยมาก มากขึ้นทุกวัน จนวันนี้ผมได้ออกจากโรงพยาบาลแต่ทำไมผมยังไม่เห็นแม่เลยถามถึงพี่โชว์ก็เงียบ
“พี่จะพาผมไปไหน” ผมหันไปถามเมื่อขึ้นนั่งบนรถของพี่เค้าเรียบร้อยแล้ว
“พากลับบ้านเราไง” หือ คำพูดดูกำกวมไปนะพี่
“บ้านเรา....ยังไงอ่ะพี่”
“ก็คิมอยู่บ้านเดียวกับพี่นี่นา”
“เฮ้ย พี่มั่วแล้ว บ้านผมอยู่ราชบุรี อีกอย่างผมอยู่กับแม่แค่สองคนนะ” หรือว่าพี่เค้าเป็นมิจฉาชีพเนี่ย ชักไม่น่าไว้ใจแล้วสิ
“เอาไว้ถึงบ้านพี่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังละกันนะ” พี่โชว์บอกแล้วยิ้มพร้อมกับออกรถทันที เฮ้อ มันอะไรกันเนี่ยผมงงไปหมดแล้ว
ผมหลับมาตลอดการเดินทางอาจจะเป็นเพราะร่างกายผมมันยังไม่ค่อยฟื้นเท่าไร เหมือนรู้สึกว่าจะอ่อนแรงตลอดเวลาเลย เหมือนเลือดในตัวมันน้อยแปลกๆ มารู้สึกตัวอีกทีก็เพราะโดนปลุกจากพี่โชว์เนี่ยแหละ
“ที่นี่ที่ไหน” ผมลืมตามองรอบๆ...มันไม่ใช่บ้านผมนิ แถมที่นี่ก็ใหญ่เวอร์มากๆ อยู่กันอลังการดีเนอะ
“บ้านของเราไงครับ”
“…” ผมไม่พูดอะไร ก็นะผมทำตัวไม่ถูก อยู่ๆก็มีคนเข้ามาในชีวิตผมแล้วก็คอยดูแลผมเสมือนว่าเราเป็นคนรักกันมานานยังไงยังงั้น ทั้งๆที่ผมจำได้ว่าก่อนที่จะตื่นมาอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลผมกลับบ้านด้วยอาการเหนื่อยอ่อนเพราะทำกิจกรรมของสภานักเรียนถึงบ้านก็หลับเลยน้ำท่าไม่ได้อาบ
“โอ้ยยยย....” อยู่ๆผมก็จี๊ดขึ้นมาที่หัวพอพยายามนึกเรื่องแล้วเรียงลำดับเหตุการณ์วนไปวนมาก็ยิ่งปวดมากขึ้นเรื่อยๆ
“เป็นไรครับคิม...ป้าน้อย!!! ป้าน้อย!!! ช่วยขนของคิมขึ้นไปบนห้องทีครับ”
“ว้ายยยย หนูคิมกลับมาแล้วหรอคะ....มานี่ๆเดี๋ยวป้าขนไปให้ คุณหนูพาหนูคิมขึ้นไปพักเถอะค่ะ”
“ขอบคุณมากครับป้า” จากนั้นผมก็โดนช้อนตัวขึ้นแล้วก็ถูกวางลงบนที่นอนนุ่มๆในเวลาต่อมา
“เป็นอะไรไปครับ” พี่โชว์ถามเมื่อวางผมลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว
“ผมปวดหัวนิดหน่อยน่ะพี่” พี่โชว์เงียบไม่พูดอะไรอีก...แต่มันเงียบเกินไป เงียบจนน่าอึดอัด
“ผมถามอะไรพี่หน่อย”
“ไม่ต้องถามหรอก...เดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟังเอง” ผมก็พยักหน้าแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตารอสิ่งที่พี่โชว์จะบอก
“คิมอายุเท่าไหร่” พี่โชว์ถามขึ้น
“17 จะ 18 ครับ” เฮ้ยเดี๋ยว แล้วไหงกลายเป็นว่าพี่เค้ามาถามผมล่ะ
“…”
“พี่เงียบทำไมล่ะ...มีอะไรหรือเปล่า” ผมถามกลับ
“มีแน่ๆ...เพราะคิมอายุ 21 แล้วต่างหาก” ห๊ะ!!!! 21 เป็นไปไม่ได้หรอกก็ในเมื่อผมยังอยู่ ม.6 อยู่เลยนะ
“พี่อย่ามาล้อผมเล่นน่า ฮ่าๆๆๆๆ” ผมหัวเราะเปรียบเสมือนว่ามันเป็นเรื่องขำขันทั่วไป พี่เค้าคงอำผมเล่น
“แม่คิมก็เสียไปแล้วด้วย” เฮ้ย พี่หยอกแรงไปป่าว
“พี่...จะล้อเล่นก็มีขอบเขตหน่อยดิ อย่าลามปรามไปถึงแม่ผม” ผมบอกเสียงแข็ง
“หน้าตาพี่มันบอกว่าล้อเล่นหรือเปล่า” ผมจ้องหน้าพี่โชว์ทันที หน้าตาจริงจังเหมือนกำลังสับสนอะไรบางอย่าง และสายตาที่คอยเป็นห่วงแบบนั้น...
“พี่ ผมไม่สนุกนะ” เสียงผมเริ่มกลายเป็นตวาด
“แล้วก็อีกอย่างที่คิมควรรู้…คิมเป็นแฟนพี่”
“พี่โชว์!!!!! เพี๊ยะ” ผมตบหน้าพี่เค้าเต็มแรง บ้าบอไปกันใหญ่แล้วผมไม่ได้กินหญ้านะที่ใครพูดอะไรก็เชื่อแม่งหมดน่ะ
“…”
“ผมไม่รู้หรอกนะว่ารู้จักพี่ตอนไหน แต่สิ่งที่พี่พูดมาน่ะมันไม่มีความจริงอะไรเลยสักนิด ก่อนที่ผมจะมานอนอยู่โรงพยาบาลผมยังคุยกับแม่อยู่เลย ผมไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกันด้วย แล้วพี่มาพูดอะไรที่มันขัดแย้งกับความจริงแบบนี้ พี่กำลังแต่งนิยายขายอยู่หรือไง!!!!!” ผมใส่อารมณ์เต็มที่ ไม่สนใจแล้วว่าเค้าจะเป็นใครมาจากไหน แต่สิ่งที่เค้าพูดออกมามันยากเกินจะเชื่อจริงๆ
“งั้นดูนี่....ดูวันที่ เดือน ปี อันนี้เป็นหลักฐานอย่างแรก” พี่โชว์เปิดโทรศัพท์แล้วยื่นมาให้ผมผมก็รับมาดู
“แค่นี้ไม่พอหรอกพี่ พี่อาจจะเปลี่ยนเอาก็ได้ ผมก็ทำเป็น” พูดจบพี่โชว์ก็ลุกขึ้นไปหาอะไรบางอย่างในตู้
“อ่ะนี่ปฏิทินของปีล่าสุด ก็คือปีนี้”
“…” ผมก็รับมาดูอย่างเสียไม่ได้
“ปฏิทินน่ะ เค้าคงไม่ถ่ายล่วงหน้ากันถึง 4 ปีหรอก...จริงไหม” ผมถึงกับเถียงไม่ออก หรือว่าสิ่งที่พี่เค้าพูดมามันจะเป็นความจริง
“อ่ะนี่....รูปวันเผาแม่ของคิม พี่ถ่ายไว้แล้วก็มีรูปเจดีย์เก็บกระดูกของแม่คิมด้วย” ผมเปิดดูก็พบว่า...แม่ผมเสียแล้วจริงๆแล้วคนที่ยืนอยู่ในรูปก็คือผม ที่ยืนน้ำตานองหน้า ผมเปิดดูไปเรื่อยๆก็น้ำตาไหลมาเฉยๆ นี่มันเรื่องอะไรกัน
“ผมความจำ....เสื่อมหรอ” ผมถามกลับ
“หายไป 4 ปี ลืมหมดทุกอย่างในระหว่างนั้น...แม้กระทั่งเรื่องของเรา” ผมก็เงยหน้ามองหน้าพี่โชว์ทันที พี่เค้ามีสีหน้าเศร้าหมองเหลือเกิน เห็นแล้วก็สงสารจับจิต
“คิมอาจจะไม่เชื่อ พี่ให้ดูนี่” พูดจบพี่โชว์ก็ขนอัลบั้มรูปออกมามากมาย ผมนั่งเปิดดูก็เป็นรูปที่ผมกับพี่โชว์แล้วก็ใครนักหน้าไม่รู้ไปเที่ยวด้วยกันแต่ส่วนมากจะเป็นผมกับพี่โชว์จู๋จี๋กันหรือแม้กระทั่งจูบกัน นี่ผมทำเรื่องน่าอายขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย
“งั้นก็หมายความว่า...”
“ใช่ คิมกับพี่น่ะเป็นแฟนกัน” ผมอึ้งไปหลายวินาที ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย
“โอ้ยยยยย”
“คิมๆ พักผ่อนก่อนดีกว่า คิมอาจจะรับรู้เรื่องพวกนี้ไวเกินไป แต่พี่อยากให้คิมวางใจว่าพี่หวังดีกับคิมจริงๆนะ” พี่โชว์โยนของลงข้างเตียงแล้วก็ดันให้ผมเอนนอนลง
“ผมจะพยายามนึกให้ออกครับ”
“นึกอะไรครับ หืม”
“ก็นึกเรื่องผมกับ....พี่ไงครับ” ผมบอกเขินๆ มันทำตัวไม่ถูกโอ้ย อยากจะบ้าตาย
“ไม่ต้องพยายามนึกหรอก...บางทีคิมอาจจะอยากลืมมันไปทั้งหมดเลยก็ได้ คิมถึงต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้” พี่โชว์ลูบหัวผม แววตาของพี่เค้าตอนนี้เหมือนจะเสียใจกับอะไรบางอย่าง...อะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้
“นอนซะนะ ตื่นมาจะได้หายปวดหัว” พี่โชว์ดึงผ้าขึ้นมาห่มให้ผมแล้วเอนตัวเองนอนลงข้างๆผม เรื่องราวบางอย่างที่พี่โชว์ปิดผมไว้มันคืออะไร...ผมต้องรู้ให้ได้