Lesson 61
(Kim Part)
“คิม...คิมตื่นได้แล้วไปกินข้าวกัน”
“อือ” ผมตอบรับเสียงงัวเงียเพราะถูกปลุกให้ตื่น ผมขยี้ตาตัวเองแล้วก็มองรอบๆ ทิวทัศน์ต้นไม้เยอะจังเลยแฮะ
“ที่ไหนเนี่ย” ผมถามออกไป เพราะผมไม่รู้เรื่องอะไรหรอก ก็ตลอดการเดินทางผมหลับอย่างเดียว ฮ่าๆๆๆๆๆ นี่สินะที่เค้าเรียกว่าอยู่อย่างราชา ไปไหนก็มีคนพาไป อยากได้อะไรก็แค่บอกเดี๋ยวมันก็ลอยมาอยู่ตรงหน้า
“ลำปางแล้ว คิมลงมาก่อนเร็ว ป่านนี้ไอ้วินกับเฟียร์รอนานแย่แล้ว” ผมก็พยักหน้าแล้วก็ค่อยๆก้าวขาเดินลงจากรถ โดยมีพี่โชว์คอยพยุงผมอยู่เพราะผมพึ่งตื่นเลยยังเดินเซๆอยู่
“กูนึกว่าตามไปปลุกกันในฝันแล้ว” พี่วินแซวทันทีที่ผมกับพี่โชว์เดินมาถึงโต๊ะ
“เสือก!!!” สั้นๆง่ายๆได้ใจความครับ
“แล้วพวกมึงสั่งอะไรไปบ้างแล้วเนี่ย” พี่โชว์ถามต่อพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ให้ผมนั่ง
“เสือก!!! รอแดกอย่างเดียวก็พอ” แบบนี้เค้าเรียกว่าทีใครทีมันหรือเปล่า...นั่งไปได้สักพักอาหารก็ค่อยๆทยอยมาแล้วครับ แต่ละอย่างน่ากินทั้งนั้นเลยเมื่อพนักงานตักข้าวปุ๊บผมก็จ้วงเลยครับ หิวๆ
“ค่อยๆก็ได้คิมเดี๋ยวติดคอหรอก” พี่โชว์หันมาบอกผม
“ก็หิวอ่ะ” ตอบแค่นั้นแหละ แล้วก็กลับมาสนใจกับอาหารตรงหน้าต่อ กินกันไปเพลินๆจนหมด ตบท้ายด้วยของหวานเรียบร้อยก็ได้เวลาเดินทางต่อแล้วครับ
“อื้มมมมม อิ่มจังเลย ง่วงอีกแล้วอ่ะ” ผมพูดขึ้นหลังจากขึ้นรถแล้ว ผมก็เตรียมตีตั๋วนอนต่อทันทีครับ ก็นะผมเป็นราชานี่ อิอิ
“นิ่งหลับขยับแดก เลี้ยงง่ายๆจริงๆหยั่งกับลูกหมา”
“อ้าวพี่วิน พูดแบบนี้ก็สวยสิ”
“พี่หล่อครับ คิมหมาน้อย” หลอกด่าผมหรอ ฟ้องพี่โชว์ดีกว่า
“พี่โชว์ พี่วินว่าคิมอ่ะ” ผมทำเสียงโคตรแรดใส่พี่โชว์
“แล้วจริงหรือเปล่าล่ะครับ หมาน้อย” ไอ้บ้า!!!!!!!!!
“เออ ไม่สนใจแม่งแล้ว” พูดจบผมก็คว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงทันที จะไม่คุยด้วยทั้งคู่เลยคอยดู
“คิม กินขนมป่าว” เสียงเฟียร์ถามผม
“เอาเลยเฟียร์ เราอยากนอน” ผมพูดจบไอ้บ้าสองตัวข้างหน้ามันก็หัวเราะผม แค้น!!! แค้น!!!! แค้น!!!!!! หลังจากนั้นสักพักผมก็เริ่มเคลิ้มแล้วหลับไปในที่สุด
“ตรงไหนวะ....แยกนี้หรอวะ.....ไอ้ควายเอ้ยมึงโง่จังวะ กูบอกว่าแยกหน้าอีกแยกนึงไง...ไอ้สัดมึงอ่ะบอกทางไม่รู้เรื่อง...โอ้ยวันนี้จะถึงไหมเนี่ย” เสียงคนคุยกันเอะอ่ะดังลั่นรถไปหมดจนผมต้องตื่นขึ้นมาเพราะไม่สามรถทนความรำคาญได้อีกต่อไป
“…” ผมลุกขึ้นมานั่งมองไปรอบๆก็รู้เลยว่าอยู่ใจกลางเมืองแน่นอน ด้วยสภาพรถที่แออัดเต็มถนนไปหมดแถมผู้คนก็พลุกพร่านเต็มเมือง
“อึ้ย ตื่นเลยขอโทษทีนะคิม” เฟียร์บอกผม ผมก็พยักหน้ารับส่งๆไปเพราะกำลังเบลอๆอยู่ สติยังไม่เต็มร้อยดีครับ
“จะไปไหนกันหรอ” ผมถามต่อ
“ว่าจะไปร้านเสื้อผ้าน่ะ พี่อยากซื้อเสื้อผ้ากันใหม่หน่อย” พี่โชว์ตอบ ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แล้วก็นั่งฟังเค้าบอกทางกันต่อไปจนกระทั่งเจอกับร้านเสื้อผ้าร้านใหญ่ร้านนึง ดูท่าทางจะไฮโซน่าดูเพราะดูจากขนาดร้านที่ใหญ่โตแถมการจัดร้านยังออกแนวผู้ดีอีกต่างหาก
“เห็นไหม ถ้ามึงฟังกูดีๆก็ถึงนานแล้ว”
“โถ่ มึงช่างกล้านะไอ้สัดวิน พูดเหี้ยอะไรวกไปวนมา ควายเอ้ยมึงไปเรียนภาษาไทยของเด็ก ป.1 ใหม่นู้น” เฮ้อ กัดกันตลอดทางมันเวรกรรมอะไรของผมเนี่ยที่จะต้องมานั่งฟังหมา ฟังเหี้ย ฟังควาย ด่ากันเนี่ย!!!
“เลิกกัดกันได้แล้วน่า ลงไปสักทีเถอะ” ผมพูดจบก็ลงจากรถ ยืดเส้นยืดสายนิดหน่อยแล้วก็เดินเข้าไปในร้าน แต่พอถึงหน้าร้านผมกับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเข้ามาในหัว ผมมองป้ายหน้าร้านทั้งชื่อ รูปทรง ทำไมมันคุ้นแบบนี้นะ
“เป็นอะไรหรือเปล่าคิม” เฟียร์ถามผม
“เปล่าๆ ไม่เป็นไร เราแค่รู้สึกแปลกๆน่ะ”
“ยังไงหรอ” เฟียร์ก็ยังถามผมต่อ
“เปล่าหรอก เราแค่รู้สึกเหมือนเคยมาที่นี่น่ะ เอ้อ แล้วสองคนนั้นล่ะ”
“เห็นว่าจะไปซื้อน้ำมาให้น่ะ เรารีบเข้าไปดูเสื้อผ้ากันก่อนเถอะ” ผมก็พยักหน้าแล้วเดินเข้าไปพร้อมกับเฟียร์พอก้าวขาเข้าไปในร้านก็มีคนในร้านวิ่งปรี่เข้ามาหาผม ผมก็ตกใจสิเพราะว่ายังไม่ได้ตั้งตัว
“รัน รันไปไหนมาพี่เป็นห่วงนะรู้ไหม ไม่ส่งข่าวส่งคราวมาบ้างเลย!!!” อะไรวะ กูงงไม่รู้เรื่องอยู่ดีๆก็วิ่งมารัดผมซะแน่นเลย
“โอ้ยยยยยย” ผมเจ็บจี๊ดอยู่ในหัวอย่างรุนแรง ทำไมถึงเป็นฉับพลันแบบนี้หล่ะ มีภาพของผมที่กำลังคุยกับใครก็ไม่รู้ในร้านนี้ลอยเข้ามาในหัวแถมผมยังคุยอยู่กับคนที่วิ่งเข้ามากอดผมด้วย
“ไม่ไหว!!! ไม่ไหวแล้ว” ผมรู้สึกภาพมันซ็อนกันมาเรื่อยๆๆๆ จนผมไม่สามารถรับได้ จนกระทั่งผมไม่รู้สึกตัวในที่สุด
( Show Part )
“ไอ้โชว์คิมเป็นไรไม่รู้ไปที่ร้านเร็ว!!!” ไอ้วินหันมาบอกผมหลังจากที่วางโทรศัพท์ ผมก็รีบวิ่งไปที่ร้านเสื้อผ้านั้นอย่างรวดเร็ว
“คิมเป็นอะไร!!!” หมดสติไปแล้วพี่
“เกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมรันถึงเป็นแบบนี้ พวกคุณเป็นญาติรันหรอ”
“ใช่ครับ ตอนนี้รันกำลังป่วยอยู่คงต้องขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบผมก็อุ้มน้องออกมาจากร้านพร้อมกับเฟียร์กับไอ้วินที่วิ่งตามออกมาอย่างว่องไว
“มึงขับเลยไอ้วิน” พอผมบอกไอ้วินก็โดดขึ้นเกาะพวงมาลัยทันที และรถของพวกเราก็วิ่งออกไปด้วยความเร็วแสง (เวอร์ไปนิด)
“คนไข้เป็นอะไรมาคะ” พยาบาลรีบเข้ามาถามอาการกับผมทันที
“หมดสติครับ มีอาการเกี่ยวกับความจำเสื่อมด้วยครับ” พอผมบอกอาการไป พยาบาลก็ประสานงานกับบุรุษพยาบาลแล้วก็หมออย่างชำนาญ
“เดี๋ยวเชิญญาติรอข้างนอกนะคะ” จากนั้นพยาบาล หมอ ก็หายไปข้างในนานพอสมควร พวกผมก็รอกันนิ่งๆไม่มีใครพูดอะไรเลยสักคำเดียวจนกระทั่งหมออกมา
“คุณหมอครับ เป็นยังไงบ้างครับ”
“คนไข้ไม่เป็นอะไรมากครับ แค่ใช้ความคิดมากไปจนร่างกายรับไม่ไหวยังไง ก็รอให้คนไข้ฟื้นตัวก่อนแล้วค่อยพากลับบ้านละกันนะครับ” ผมพยักหน้าพร้อมกับกล่าวขอบคุณหมอ
“กูคิดผิดหรือเปล่าที่ทำแบบนี้” ผมถามไอ้วิน
“เฮ้ย มึงเชื่อกูเถอะ....ว่าสิ่งที่มึงทำน่ะดีที่สุดแล้วในตอนนี้” กูจะขอเชื่อมึงละกัน ไอ้วิน!!!
ปล. คิดถึงมากๆเลย แต่ตอนนี้แบบว่า...จะตาย แก้ตัวแค่นี้แหละครับ ขอโทษจริงๆ