Lesson 48
( Show Part )
หลังจากนั้นก็ผ่านไปหลายวันผมก็ยังหาคิมไม่เจอ ช่วงนี้ผมแทบไม่ได้กลับบ้านเพราะขับรถออกตามต่างจังหวัดไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอ แต่มันก็ไม่เจอ เพื่อนๆเริ่มเป็นห่วงผม ส่วนแม่ผมก็ส่งคนออกตามหาน้องไปทั่วประเทศ เฮ้อ ทำไมน้องถึงต้องหนีผมไปแบบนี้นะ ผมไม่เข้าใจจริงๆ
“เฮ้อ ไปอยู่ที่ไหนเนี่ย” ผมบ่นคนเดียวเมื่อขึ้นรถ หลังจากที่ลงไปตามหาน้องในชุมชนแออัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ แต่ผมเดินหาจนรอบชุมชนก็ไม่พบ
“กริ๊ง....กริ๊ง”
“ฮัลโหลครับ”
(โชว์ลูกเป็นยังไงบ้าง)
“ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยครับแม่”
(ใจเย็นนะลูก น้องไปไหนไม่ได้ไกลหรอกเดี๋ยวเราต้องเจอน้องแน่ๆ พักผ่อนบ้างนะลูกถ้าขับรถไม่ไหวก็พักตามทางหรือโรงแรมไปก่อนนะเข้าใจไหม)
“ครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะแม่ ผมจะหาน้องต่อ” พูดจบผมก็วางสาย บทสนทนาที่แม่คุยกับผมก็ยังคงซ้ำด้วยคำถามเดิมๆและคำเตือนที่บ่งบอกว่าห่วงใยผมเสมอ...เป็นถ้อยคำเดิมๆที่ผมได้ยินมาในช่วงหลายวันนี้ เอผมว่าลองโทรหาไอ้วินหน่อยดีกว่า
(ติ๊ด....ติ๊ด....ฮัลโหล) มันรับสายในเวลาไม่นานครับ
“เออ มึงได้เรื่องบ้างไหมวะ”
(ยังเลยว่ะ ขนาดเฟียร์นั่งวิเคราะห์สถานที่ๆคิมน่าจะไปยังชวดหมดทุกที่เลย...โอ้ยยยย) เหอะๆ มันคงโดนเฟียร์ทำอะไรสักอย่างน่ะครับ เพราะได้ยินเสียงเฟียร์ด่าไอ้วินแว่วๆ
“เออๆ มีอะไรคืบหน้ามึงบอกกูก่อนเลยนะ”
(กูรู้แล้วน่า..โอ้ยยยย เฮ้ยแค่นี้ก่อนนะกูปราบพยศก่อน...ติ๊ด) แล้วมันก็วางสายไป ส่วนผมก็ออกตามหาแบบไม่มีจุดหมายไปเรื่อยๆ ผมหวังเสมอว่าผมต้องได้เจอน้องสักที่นึงบนโลกใบนี้แหละ น้องหนีผมไม่พ้นหรอก
( Win Part )
ตอนนี้มหาลัยของพวกเราก็ใกล้เปิดแล้วครับแต่ว่าตอนนี้พวกเราก็ยังไม่เห็นหน้าคิมกันเลยครับ ไม่มีแม้แต่วี่แววหรือเงา เหมือนกับว่าคนๆนี้ได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว ไอ้โชว์ตามไปดูที่บ้านราชบุรี บ้านก็ปิดไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลย(คำพูดกูโอเวอร์มาก)และวันนี้แม่ของไอ้โชว์ก็บอกให้ผมช่วยโทรตามลูกชายกลับบ้านครับ เพราะอีกไม่ถึงอาทิตย์ก็จะเปิดเทอมแล้วแต่ไอ้โชว์มันยังไม่ได้กลับมาที่บ้านเลยสักครั้งเดียวหลังจากที่ขับรถไปตามต่างจังหวัดจนมันไปครบทั้งประเทศแล้วมั้ง แต่มันก็ยังคงวนเวียนตามหาที่เดิมๆเพราะมันบอกว่าคนละเวลาอาจจะเจอก็ได้ ปัญญาอ่อนจริงๆเพื่อนกูเนี่ย
“หวัดดีครับแม่” ผมยกมือไหว้แม่ของไอ้โชว์ครับ หลังจากที่ก้าวขาเข้ามาในบ้าน
“หวัดดีจ่ะ ช่วยแม่ทีลูก แม่บอกยังไงโชว์ก็ไม่ยอมกลับบ้าน แม่เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว” แม่ไอ้โชว์สีหน้าหมดอาลัยตายอยากมากครับ คงท้อแท้ที่มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนบ้าดีเดือดแบบนี้
“เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ” พูดจบผมก็ควักโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาไอ้โชว์ทันที
“ฮัลโหลไอ้เวร” คำทักทายแสนรื่นหู
(เออ มึงว่าไง) นี่มึงเป็นผีหรอวะเนี่ยเสียงโคตรจะแบบว่า....
“มึงอยู่ไหนวะ”
(ลำปาง) เออ อีกหน่อยกูว่ามึงคงทะลุไปพม่าไปลาวว่ะ
“มึงกลับบ้านมาก่อนเถอะมึง อีกไม่ถึงอาทิตย์มหาลัยก็จะเปิดแล้วนะ”
(หรอ อีกอาทิตย์เดียวเองหรอ)
“เออสิวะ ไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ” ผมย้ำอีกครั้งมันก็เงียบไปครับ
“อย่าเงียบนานสิวะ” มันนานไปครับผมไม่ใช่คนบ้านะที่จะมายืนคุยโทรศัพท์เป็นบ้านเป็นหลังอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีคนตอบโต้
(งั้นกูต้องรีบตามหาคิมก่อนล่ะ เดี๋ยวคิมจะไปเรียนไม่ทัน)
“โอ้ย มึงอย่าไร้สาระได้ไหม คิมอ่ะหาเมื่อไรก็ได้อีกอย่างนึง ถึงมึงจะหยุดหาแต่ก็มีลูกน้องของกูคอยตามอยู่ มึงรีบกลับมาบ้านก่อนเถอะ” ผมเริ่มด่ามันจริงจังครับเฟียร์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆผมก็แย่งโทรศัพท์ไปจากมือแล้วกดเปิดโฟนอย่างรวดเร็วครับ
(มึงอย่าเสือกเรื่องของกู กูจะไม่กลับจนกว่าจะหาคิมเจอ)
“โถ่ ไอ้โชว์มึงมันโง่สัดอ่ะ” ผมด่ามันอย่างเหลืออดแล้วเฟียร์ก็แทรกขึ้นครับ
“ปล่อยไปเถอะพี่วิน คนโง่ๆไม่มีสมองแบบนั้นน่ะ”
“…” มาแรงครับเอาซะเงียบกันไปทุกคนเลยครับ
“ถ้าเฟียร์เป็นคิมนะ เฟียร์จะไม่มาเจอกับคนแบบนี้หรอก...คนที่ไม่อยู่กับความจริง คนที่ไม่รู้จักอดทน และคนที่ไม่รู้จักคอย เอาแต่ใจเป็นเด็กๆอายุก็ปาเข้าไปเท่าไหร่แล้วถ้าขืนต้องกลับมาเจอกับคนแบบเดิมๆแบบนี้เฟียร์หาใหม่ดีกว่า” ผมรู้ครับว่าเฟียร์พูดต้องการจะกระตุ้นไอ้โชว์ให้มันคิดได้ แต่ผมว่าบางครั้งมันก็รุนแรงเกินไป
“แค่นี้แหละวางละ” เฟียร์ตัดสายทิ้งเลยครับเพราะว่าไอ้โชว์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาอีก
“เฟียร์พูดไปแบบนั้นจะดีแน่หรอ” ผมกลัวมันจะฆ่าตัวตายก่อนคิดได้น่ะสิ
“ไม่เชื่อเฟียร์หรอ”
“ไม่ใช่ไม่เชื่อแต่ว่า...”
“คุณแม่บอกให้เด็กขึ้นไปทำความสะอาดห้องพี่โชว์เลยนะครับ วันนี้พี่โชว์ถึงบ้านแน่นอน” เฟียร์พูดอย่างมั่นใจ
แล้วหลังจากนั้นผมกับสุดที่รักก็นั่งเล่นจู๋จี๋กันตามประสาคนที่รักกันมานาน(น้ำเน่า - -) จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงทุ่มกว่าๆไอ้โชว์ก็ยังไม่ถึงบ้าน แม่ของไอ้โชว์เรียกพวกผมกินข้าวด้วยกินกันเสร็จตอนสองทุ่มหน้าไอ้โชว์ก็ยังไม่ลอยเข้ามาในบ้าน แม่งตายห่าแล้วมั้ง
“คุณหญิงคะคุณหนูกลับมาแล้วค่ะ”
“จริงหรอ!!!” คุณแม่แทบจะกระโดดลุกจากโซฟาแล้ววิ่งไปหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว แหม ลืมแก่เลยนะครับคุณแม่ ส่วนผมกับเฟียร์ก็เดินตามไปครับ เห็นรถไอ้โชว์เข้าไปในโรงรถแล้วจริงๆ
“แม่หวัดดีครับ” มันยกมือไหว้แม่ตัวเองครับ
“พวกมึงยังไม่กลับกันอีกหรอ”
“…” พวกผมไม่พูดอะไรกันเลยครับ ไม่ใช่อะไรนะแต่กำลังตกใจกับสภาพของมันในตอนนี้อยู่ ขอบตาดำคล้ำผมเพ้ารุงรังหนวดก็ไม่ได้โกน ดูเหมือนมันจะผอมลงไปด้วยครับ เฮ้อ นี่มึงเป็นขนาดนี้เลยหรอ
“พี่โชว์ทำไมถึงเป็นสภาพแบบนี้” เฟียร์เข้าไปจับเนื้อจับตัวไอ้โชว์แล้วก็เดินวนรอบๆ
“…” ไม่ตอบครับ หยิ่งนะมึงอ่ะ
“พี่โชว์ฟังนะ ดูแลตัวเองหน่อยขืนสุขภาพทรุดไปพี่จะไม่ได้เจอคิมไปตลอดชีวิตเลยนะ” ตอนนี้แม่ไอ้โชว์เริ่มร้องไห้ครับ คงเพราะว่าไม่เคยเห็นลูกตัวเองย่ำแย่มากขนาดนี้
“พี่ต้องสู้สิถึงยังไงซะ พี่ยังมีพ่อ มีแม่ มีเพื่อน และคนที่รักพี่อีกมากมาย อย่าประชดชีวิตตัวเองแบบนี้ คิมคงไม่ชอบใจนักหรอกนะ” ไอ้โชว์หน้าหงอยไปเลยครับ เจอภรรเมียผมแสดงธรรมเข้าให้
“เกิดเป็นคนต้องสู้นะพี่ ไอ้เรื่องตามหาคิมน่ะจะอีกสิบปีก็ยังไม่สาย...แต่ตอนนี้พี่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้สำเร็จเสร็จสิ้นไปก่อน แล้วสักวันนึงพี่จะได้เจอคิมแน่นอน” ไอ้โชว์ก็พยักหน้าแล้วเดินขึ้นห้องไป เฮ้อ ทำยังไงได้ยังไงก็เอาใจช่วยละกันนะไอ้เพื่อนยาก