▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」  (อ่าน 270283 ครั้ง)

ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25

“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 10


               ช่วงที่เขตแดนบาดเจ็บที่มือขวา กลายเป็นช่วงเดียวกับที่เวธน์ต้องไปประสานงานที่นครราชสีมา ซึ่งปกติเวธน์จะมีหน้าที่คอยเดินทางไปดูแลเขตการขายของอิสระคอนสตรัคชั่นอยู่แล้ว แต่โชคร้ายที่คราวนี้บังเอิญมาตรงกับช่วงที่เขตแดนบาดเจ็บ ธรณ์จึงจำใจต้องรับภาระงานเพิ่มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

               ท่านประธานบริษัทวัยหนุ่มสั่งให้คนจัดโต๊ะทำงานในห้องเพิ่ม โดยอ้างกับธรณ์ว่า มันจะเป็นการดีและสะดวกกว่าสำหรับเขา แทนที่จะต้องเดินลงลิฟต์ไปเรียกธรณ์ที่แผนกต่างประเทศ ในเมื่อเหตุผลเข้าท่าและเป็นที่ยอมรับได้ ธรณ์ก็ไม่คิดจะคัดง้างอะไรกับเขตแดน นอกจากขนย้ายข้าวของที่จำเป็นตัวเองเข้ามาทำงานร่วมห้องกับเขตแดน

               การที่เข้ามาทำงานร่วมห้องกับเขตแดน ทำให้ธรณ์ได้มีโอกาสเรียนรู้อะไรมากขึ้น ตำแหน่งประธานบริษัทเป็นตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ และยังมาพร้อมภาระรับผิดชอบอันมากมาย ขนาดแค่ตำแหน่งผู้จัดการแผนกที่ดูแลลูกน้องไม่กี่คน ยังมีความรับผิดชอบและปัญหาที่ต้องคอยแก้ไขมากมาย นับประสาอะไรกับตำแหน่งประธานบริษัท ที่ต้องคุมคนเป็นร้อย ธรณ์เลยแทบจะกลายเป็นเลขาจำเป็นของเขตแดน ในการประสานงานกับแผนกอื่น

               “ผู้จัดการแผนกการเงินมารายงานเรื่องวงเงินหมุนเวียนประจำเดือนครับ” เอ่ยแจ้งเจ้าของห้องแล้ว ธรณ์ก็เดินนำผู้จัดการแผนกการเงินเข้ามาพบเขตแดน ส่วนตัวเองก็ไปนั่งประจำที่ คว้าสมุดกับปากกามาคอยจดเวลาเขตแดนและผู้จัดการคุยกัน เพราะมือขวาที่พันผ้าพันแผลของเขตแดน ไม่สามารถหยิบจับอะไรได้ถนัด อย่าแม้แต่คิดที่จะให้เซ็นเอกสารสำคัญเลย

               ธรณ์ฟังเรื่องที่คุย แม้จะเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่ชายหนุ่มก็จดทุกคำพูด บางช่วงพอจดไม่ทัน ชายหนุ่มก็อดที่จะรู้สึกหงุดหงิดตัวเองขึ้นมาไม่ได้ ก่อนจะคิดอะไรออก และคว้าโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาอัดเสียง พอเห็นเขตแดนกับผู้จัดการชะงัก เลยรีบอธิบาย

               “ผมจดไม่ทัน ขออัดเสียงคงไม่เป็นไร เผื่อคุณเขตแดนจะได้ฟังซ้ำด้วย”

               เขตแดนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ส่วนผู้จัดการแผนกการเงินวัยกลางคนก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู คุณธรณ์ไม่เห็นจะเหมือนที่ใครเขาร่ำลือกันเลย เอาเข้าจริงก็ดูเป็นคนหนุ่มที่เอาการเอางานดีเหมือนกัน

               หลังจากเดินไปส่งผู้จัดการแผนกการเงินไม่ทันไร ธรณ์ก็ต้องพาผู้จัดการแผนกบัญชีเข้ามาพบเขตแดนเป็นรายต่อไป เพราะว่ามันดันเป็นช่วงกลางปี ที่เตรียมจะปิดงบไตรมาสที่สองด้วยกระมัง งานหลายอย่างจึงรุมประเดประดังเข้ามาหาท่านประธานบริษัท ชนิดที่ว่าไม่มีโอกาสได้ปลีกตัวไปไหนเลย

               “ผู้จัดการแผนกบัญชีมารายงานงบการเงินของบริษัทประจำไตรมาสที่สองครับ”

               ขนาดธรณ์เองที่จบปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจโดยตรง พอจะมีความรู้ทางด้านธุรกิจอยู่บ้าง ยังเผลอขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจอยู่หลายครั้ง หลายหนเช่นกันที่ต้องยอมเสียมารยาท ซักถามผู้จัดการให้เข้าใจ พอมาคิดกลับกันว่า เขตแดนจบปริญญาตรีทางด้านวิศวกรรมศาสตร์มา แม้จะเรียนต่อปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจ แต่กลับทำงานตรงนี้ได้อย่างดีไม่มีที่ติ ก็เป็นอีกครั้งที่ธรณ์ต้องนึกทึ่ง และหันกลับมาทบทวนตัวเองว่า...


               เขาพร้อมแล้วหรือ สำหรับตำแหน่งประธานบริษัท


               กว่าผู้จัดการแผนกบัญชีจะออกไป ก็เป็นตอนที่นาฬิกาตีบอกเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่ง เขตแดนเหลือบตามองนาฬิกาก่อนจะหันมาบอกคนที่ยังก้มหน้าก้มตาถอดเทปบทสนทนา

               “เดี๋ยวช่วยบอกแม่บ้านให้จัดการเรื่องอาหารให้กลางวันให้ผมที”

               “แล้วปกติคุณกินยังไงล่ะ”

               “บางทีก็ออกไปหาอะไรกินข้างนอก ถ้ามีเวลา แต่ปกติเวธน์เขาเป็นคนจัดการนะ คิดว่าน่าจะโทรสั่งร้านข้างล่างขึ้นมาส่ง”

               ธรณ์เผลอย่นจมูกออกมา ที่ท่านประธานบริษัทคนนี้ช่างใช้งานคนสนิทได้คุ้มค่าทุกนาทีเหลือเกิน และในเมื่อวันนี้เขามาทำงานแทนเวธน์ด้วย เขาก็ควรจะต้องดูแลรับผิดชอบให้ตลอดรอดฝั่ง คนที่ไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด จะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเจ้านายตัวเอง

               “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปจัดการให้คุณเองละกัน ไม่ต้องรบกวนแม่บ้านเขาหรอก”

               เขตแดนไม่ได้ตอบอะไร ธรณ์จึงถือเอาว่านั่นเป็นการตอบตกลง แต่เขาไม่ได้คิดจะโทรศัพท์สั่งหรอก ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะแวะลงไปดูงานและความเรียบร้อยที่แผนกต่างประเทศเสียหน่อย จากนั้นค่อยไปดูว่ามีอะไรที่พอจะเป็นอาหารกลางวันของเขาและเขตแดนได้บ้าง

               เขตแดนมองตามหลังคนที่เดินออกไป ปกติชายหนุ่มเองก็ไม่ได้รู้สึกชินกับการที่มีคนมานั่งทำงานอยู่ในห้องด้วย เพราะขนาดเวธน์เองก็มีโต๊ะทำงานอยู่ข้างนอก พอเขาต้องการอะไร ก็แค่ยกหูโทรศัพท์บอก แต่การที่มีธรณ์เข้ามานั่งทำงานอยู่ในห้องด้วย เขตแดนกลับไม่ได้รู้สึกรำคาญอะไร และชายหนุ่มยังถือเอาโอกาสนี้ที่เขาไม่สามารถจัดการอะไรได้ถนัด เป็นการสอนงานธรณ์และให้ธรณ์ได้ลงมือทำแทนเขาไปในตัว

               เขาก็แค่เตรียมทุกอย่างเอาไว้ สำหรับวันที่ธรณ์จะก้าวเข้ามาเป็นประธานบริษัทอย่างภาคภูมิ โดยการทำให้ธรณ์เป็นที่ยอมรับของคนในก่อนทีละเล็กทีละน้อย จากนั้นจึงค่อยไปสร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือให้กับคนนอก


====================


               พอเดินลงมาถึงชั้นล่างของอาคารสำนักงาน ธรณ์ก็อาศัยว่าเดินตามคลื่นฝูงชนชาวออฟฟิศที่มุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน จุดหมายก็คือตลาดนัดขนาดเล็กข้างบริษัท ที่มีขายของสัพเพเหระ เป็นที่ถูกตาต้องใจของบรรดาคุณผู้หญิง มีร้านขายขนมนมเนย และมีศูนย์อาหารอยู่ข้างใน ซึ่งนอกจากพนักงานบริษัทเขาจะมาใช้บริการแล้ว ก็ยังมีพนักงานบริษัทละแวกเดียวกันที่แวะมาใช้บริการด้วยเช่นกัน

               ธรณ์เดินวนดูร้านอาหารอยู่นาน ก่อนจะปักหลักลงที่ร้านอาหารตามสั่ง เขาจัดการสั่งข้าวผัดสองกล่อง เพราะเป็นอะไรที่ทานง่าย ไม่ยุ่งยาก พอเสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินกลับ เห็นรถเข็นผลไม้มีคนยืนมุงอยู่พอสมควร ธรณ์เลยเดินเข้าไปดู ก่อนจะได้มะม่วงกับมะละกอมาอย่างละถุง เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็เดินเบียดฝูงชนกลับไปที่บริษัท พอเข้ามาที่บริษัทได้ไม่ทันไร ประชาสัมพันธ์ก็รีบเรียกเขาไว้ทันที

               “คุณธรณ์คะ มีคนมาขอพบค่ะ”

               ธรณ์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย กำลังจะเอ่ยปากถามว่าใครกันที่มาขอพบเขา คำตอบก็ดังมาจากข้างหลังพอดี

               “ธรณ์ว่างหรือเปล่าคะ พอดีเจนผ่านมาแถวนี้ เลยว่าจะมารับธรณ์ไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน” เจนจิราที่เดินเข้ามาจากด้านหลัง ถือวิสาสะมากอดแขนธรณ์เอาไว้ทันที ชายหนุ่มได้แต่ทำหน้าปุเลี่ยนก่อนจะเอ่ยตอบ

               “ผมไม่ค่อยว่างเท่าไหร่น่ะ ขอโทษด้วยนะ”

               “อ้าว! ทำไมล่ะคะ ที่นี่ก็เป็นบริษัทของธรณ์ ธรณ์อยากจะเข้างานกี่โมง หรืออยากจะออกไหนก็ได้ไม่ใช่หรือคะ”

               “คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะครับคุณเจนจิรา ที่นี่เป็นบริษัทของธรณ์ก็จริง แต่เขาก็เป็นพนักงานบริษัทคนหนึ่ง ต้องทำตามกฎระเบียบของบริษัท ไม่ได้มีอภิสิทธิ์เหนือพนักงานคนอื่น” เขตแดนที่มายืนเบื้องหลังธรณ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เอ่ยออกมาชัดถ้อยชัดคำ จนหญิงสาวถึงกับหน้าม้านไปเล็กน้อย

               ธรณ์นึกขอบคุณการปรากฏตัวของเขตแดน เพราะเขาเองก็คร้านจะรับมือกับความช่างตื๊อของเจนจิราเหลือเกิน ความจริงแล้วเธอควรจะสังเกตซักนิด ว่าเขาเองก็รีบ แถมในมือก็ยังถือกล่องข้าวและถุงผลไม้อยู่ ยังจะชวนเขาไปทานข้าวข้างนอกอีก

               “ยังไงก็ขอตัวธรณ์ไปก่อนนะครับคุณเจนจิรา พอดีผมรอข้าวที่ธรณ์ซื้อมาอยู่” เขตแดนเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะกระตุกยิ้มให้หญิงสาวเล็กน้อย แล้วจึงใช้มือข้างซ้ายแตะแผ่นหลังธรณ์แผ่วเบาให้เดินตรงไปยังลิฟต์ของผู้บริหาร

               พอเข้ามาในลิฟต์ บรรยากาศก็มีแต่ความอึดอัด ไม่มีใครที่ยอมเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนา จนกระทั่งมาถึงชั้นที่เป็นห้องทำงานของประธานบริษัท พอเดินออกมาจากลิฟต์ เขตแดนก็คว้าถุงข้าวจากมือธรณ์ไปส่งให้แม่บ้าน และสั่งให้จัดใส่จานและนำเข้าไปให้เขากับธรณ์ข้างในห้อง

               เปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง เขตแดนก็เดินไปนั่งลงบนชุดโซฟาตรงมุมห้อง ก่อนที่ธรณ์จะเดินตามมานั่งด้วย เพราะดูก็รู้ว่า อีกเดี๋ยวพวกเขาคงได้ใช้ชุดโซฟาต่างโต๊ะกินข้าวสำหรับมื้อกลางวันอย่างแน่นอน

               รออยู่ไม่นาน แม่บ้านก็เดินเข้ามาพร้อมจานข้าวผัดสองจาน และผลไม้สองอย่างที่ถูกจัดวางลงจานอย่างสวยงาม รวมถึงน้ำดื่ม พอจัดแจงวางบนโต๊ะเรียบร้อยแล้วก็รีบขอตัวออกไป

               ธรณ์ก้มหน้าก้มตาจัดการกับข้าวผัด ที่ขนาดไม่ได้กินทันทีที่ซื้อเสร็จ แต่ก็ยังส่งกลิ่นหอมฉุย จนข้าวผัดจานโตถูกจัดการหมดในเวลาไม่นาน เห็นเขตแดนยังนิ่งไม่ยอมกิน ตอนแรกก็ขยับปากจะถาม แต่โชคดีว่าเขาเหลือบเห็นผ้าพันแผลเสียก่อน เลยก่นด่าตัวเองในใจ จะให้ทำเหมือนตอนอยู่ที่บ้านก็ดูจะเสียเวลา จะให้ตักใส่ช้อนแล้วส่งให้อีกฝ่ายเอาใส่ปากตัวเองก็ยุ่งยาก อย่ามัวแต่เสียเวลาคิดสะระตะเลย คิดได้ดังนั้น ธรณ์ก็ตักข้าวผัดแล้วก็ยื่นช้อนไปจ่อปากเขตแดน ที่แม้จะขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ก็ยอมอ้าปากรับแต่โดยดี

               “ขอโทษที พอดีผมลืมไปว่ามือคุณยังเจ็บอยู่”

               “ช่างมันเถอะ นายกินให้เสร็จก่อนก็ถูกแล้ว แต่ว่าคราวหลังบอกผู้หญิงของนายด้วยละกัน ว่าถึงนายจะเป็นเจ้าของบริษัท แต่ก็ต้องทำตามกฎระเบียบ เดี๋ยวพนักงานคนอื่นจะมองไม่ดี ถ้าเขาจะมาหาก็ให้มาหลังเลิกงาน หรือไม่ก็ไปนัดเจอที่อื่นอย่างที่บ้านก็ได้”

               “ผมไม่ได้พาเขามา แล้วเขาก็ไม่ใช่ผู้หญิงของผม ไม่ได้เป็นอะไรกับผมด้วย” ธรณ์ตอบเสียงแข็ง ก่อนจะวางช้อนลงบนจานที่วางเปล่า

               “ก็นั่นแหล่ะ วันหลังก็อย่าเรียกเขามาเวลางานละกัน จะทำอะไรประเจิดประเจ้อก็ระวังหน่อย”

               “ผมไม่ได้พาเขามาแล้วผมก็ไม่ได้เรียกขามาด้วย เจนเขามาของเขาเอง คุณก็เห็นอยู่ ผมก็ไม่ได้อยากจะให้มันเป็นอย่างนี้หรอก แต่เขามาตามตื๊อผมเอง ผมไม่ได้คิดอะไรกับเขาเสียหน่อย ก็แค่...การตัดสินใจที่ผิดพลาด” ประโยคสุดท้าย ธรณ์เอ่ยออกมาได้ไม่เต็มเสียง เพราะรู้ว่าตัวเองผิดเต็มประตู

               “เห็นไหมล่ะ นี่ก็เป็นปัญหาที่เกิดจากการกระทำที่ไม่รู้จักคิดของนาย”

               “ผมก็ไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นซะหน่อย”


               “ถ้าไม่คิดที่จะจริงจัง นายก็ไม่ควรที่จะไปให้ความหวังใคร”


               ธรณ์ไม่ได้ตอบอะไร แต่เสก้มลงจิ้มมะละกอส่งเข้าปาก พยายามหลบสายตาของเขตแดน สายตาที่ทำเอาธรณ์รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง สายตาที่มองเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง

               “เลิกได้ไหม นิสัยที่เห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่น นายไม่จำเป็นต้องประชดอะไรหรือใครแล้ว ฉันบอกแล้วว่าฉันจะเป็นพี่ชายคนเดิมของนาย มีอะไรก็บอกกัน...ได้ไหม”

               สายตาที่มองมาอย่างคาดคั้นของเขตแดน ทำเอาธรณ์ต้องเสหลบ ก่อนจะพึมพำออกมาเสียงเบา

               “ผมจะพยายามละกัน”

               เขตแดนยิ้มด้วยความพึงพอใจ แม้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่เล็กน้อยสำหรับความสัมพันธ์ที่ดีของเขากับธรณ์ แต่เขาก็มั่นใจว่า มันจะนำไปสู่ก้าวย่างที่ยิ่งใหญ่


====================


               กว่าจะถึงกำหนดนับไปพบแพทย์อีกครั้ง ธรณ์ก็ได้เรียนรู้งานจากเขตแดนไปพอสมควร เขตแดนเองก็เอ่ยปากถามธรณ์ว่า จะมานั่งทำงานประจำที่ห้องของเขาไหม เพื่อที่จะได้เรียนรู้งานไปพร้อมกัน แต่ธรณ์ก็เอ่ยปฏิเสธไป โดยให้เหตุผลว่า ขอเขารับผิดชอบงานในแผนกต่างประเทศที่ดูแลให้ดีและมีผลงานเสียก่อน เขตแดนเลยปล่อยให้อีกฝ่ายได้ทำตามความต้องการของตนเอง

               หลังจากที่ถอดผ้าพันแผลออก ก็ประจวบเหมาะกับที่เวธน์เดินทางกลับมาทำงานพอดี เขตแดนจึงถือโอกาสเข้าไปเช็คงานที่โรงแรมเป็นรอบสุดท้าย ก่อนที่จะถึงวันงานจริงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วกำลังจะกลับ ธรณ์ก็ต้องขมวดคิ้วออกมา เมื่อเห็นร่างที่คุ้นตา

               “อเล็กซ์!!”

               หนุ่มลูกครึ่งเจ้าของชื่อหันมาตามเสียงเรียกทันที ก่อนจะเดินเข้ามากอดคอธรณ์อย่างที่ชอบทำเป็นประจำ โดนไม่ลืมที่จะทักทายเขตแดน

               “กูนึกว่าจะได้เจอมึงอีกทีตอนงานเลี้ยงเปิดตัวเสียอีก”

               “มึงไม่ใช่เหรอไง ที่หนีไปสิงคโปร์ก่อน แล้วนี่จะกลับนิวยอร์กเมื่อไหร่ล่ะ”

               “ก็หลังจบงานเลี้ยงมึงนั่นแหล่ะ”

               ชายหนุ่มสองคนยืนคุยกันอยู่ซักพัก ก่อนอเล็กซ์จะเอ่ยปากขอตัวเมื่อโทรศัพท์ดัง ธรณ์หรี่ตามองเพื่อนรักก่อนจะเอ่ยแซวทีเล่นทีจริง

               “สาวที่ไหนโทรมาตามอีกล่ะ”

               คนถูกแซวไม่ได้ตอบรับหรือตอบปฏิเสธ ได้แต่โบกมือลา แต่ก่อนจะไปก็ไม่วายยื่นหน้ามากระซิบถามธรณ์ด้วยความสงสัย

               “มึงดีกับคุณเขตต์แล้วหรือวะ”

               ถามเสร็จ อเล็กซ์ก็ไม่ได้คิดที่จะอยู่ฟังคำตอบแม้แต่น้อย เพราะเจ้าตัวเผ่นแผล็วไปด้วยความรวดเร็ว ปล่อยให้ธรณ์ยืนทำหน้าประหลาด จนเขตแดนต้องเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย

               “มิสเตอร์คาร์เตอร์เขาพูดอะไรหรือ”

               “เขาถามว่าผมกับคุณดีกันแล้วหรือไง”

               เขตแดนเผลอหัวเราะออกมา จนธรณ์ต้องเบิกตากว้าง เพราะไม่บ่อยนักที่ท่านประธานหนุ่มจะหัวเราะให้เห็น ถ้าทำได้ ธรณ์ก็อยากหยิบกล้องมาถ่ายวิดีโอเก็บไว้เสียด้วยซ้ำ


               “เราไม่เคยทะเลาะกันซะหน่อย เราแค่ไม่เข้าใจกัน”


               จะว่าไป ที่เขตแดนพูดมาก็ไม่ได้ผิดเลยซักนิด เพราะเขากับเขตแดนไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลย ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เกิดจากความอคติและไม่พอใจส่วนตัว โดยไม่ได้มีการเปิดอกพูดคุยกันให้รู้เรื่องรู้ราว ปล่อยให้ทุกอย่างมันดำเนินไป จนกลายเป็นความห่างเหิน เรียกได้ว่า...เกิดจากความไม่เข้าใจกันเห็นจะถูกต้องกว่า ส่วนทะเลาะ คงเป็นเขากับคุณธีรยุทธมากกว่า ที่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงหลายครั้ง จนลงเอยด้วยการถูกเนรเทศออกนอกประเทศไปตอนอายุสิบห้า


====================

[มีต่อนะคะ]


ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25


               ก่อนวันงานเลี้ยงหนึ่งวัน ธรณ์และเขตแดนไปรับคุณสงครามมาค้างที่บ้านด้วย เพื่อที่ว่าจะได้สะดวกเวลาไปงานเลี้ยงด้วยกัน ป้าอุ่นเรือนเลยทำอาหารเพิ่มเป็นสี่ที่ เพราะธรณ์เองก็ถือโอกาสเรียกให้เวธน์อยู่ทานข้าวด้วยกัน เพราะอุตส่าห์ทำงานหนัก เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการเตรียมงานมาตลอด

               บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างชื่นมื่น ป้าอุ่นเรือนเองก็ยืนมองด้วยความปลาบปลื้มใจ ถึงแม้ว่าคุณชายของเธอจะสูญเสียทั้งคุณพ่อและคุณแม่ไป แต่ก็นับว่ายังดีที่มีคุณสงครามกับเขตแดนคอยเข้ามาดูแล ถ้าคุณผู้หญิงได้มีโอกาสเห็นก็คงจะภูมิใจไม่น้อย

               “ธรณ์ให้เด็กจัดห้องให้ลุงครามเรียบร้อยแล้วนะครับ หรือว่าลุงครามจะมานอนกับธรณ์ดี” เจ้าของบ้านหนุ่มเอ่ยถามผู้สูงวัยที่สุดทีเล่นทีจริง

               “โตป่านนี้แล้วยังต้องให้ลุงไปนอนด้วยอีกหรือไง” คุณสงครามแกล้งสัพยอกหลานชาย

               “ธรณ์ก็อยากนอนคุยกับลุงครามเหมือนสมัยก่อนไงครับ นี่ตั้งแต่กลับมา ธรณ์ยังไม่มีโอกาสได้นอนกับลุงครามเลยนะครับ”

               “โอเค เดี๋ยวคืนนี้ลุงยอมเป็นหมอนข้างให้ธรณ์ก็ได้”

               เวธน์ถึงกับหัวเราะออกมาทันที เขตแดนเองก็มองภาพที่สองลุงหลานพูดคุยหยอกล้อกันด้วยอิ่มเอมหัวใจ ยิ่งเห็นชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดดูผ่อนคลายตลอดเวลาที่คุยกัน เขตแดนก็รู้สึกเหมือนเกราะกำบังที่ธรณ์สร้างขึ้นมา เริ่มจะลดลงทีละเล็กทีละน้อย

               พอรับประทานอาหารกันเสร็จ เวธน์ก็ขอตัวกลับก่อน โดยไม่ลืมนัดหมายเวลากับเขตแดน ว่าพรุ่งนี้จะมารับที่คฤหาสน์กันตอนกี่โมงกี่ยาม ส่วนสองลุงหลานพอส่งเวธน์กลับบ้าน ก็แยกย้ายกันเข้าห้องไปอาบน้ำ ก่อนที่ธรณ์จะหอบหมอนหอบผ้าห่มไปเคาะประตูห้องรับแขก ที่เด็กรับใช้จัดไว้ให้คุณสงคราม

               “นึกว่าพูดเล่นเสียอีก” คุณสงครามเอ่ย พลางมองหลานชายที่แม้จะตัวโตแล้ว แต่ก็ยังดึงดันจะมานอนกับเขาให้จนได้

               “โธ่! ธรณ์เอาจริงหรอกครับ ไม่ได้นอนกอดลุงครามมาเจ็ดปีแล้ว”

               ธรณ์เดินหอบข้าวของเข้ามาในห้อง ก่อนจะโยนลงบนเตียง แล้วก็ปีนขึ้นไปนอนบนเตียง เห็นที่หัวเตียงมีสมุดเล่มเล็กวางอยู่ เลยอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้

               “ลุงครามลงทุนเอาหนังสือมาอ่านด้วยเหรอครับ”

               “อ๋อ...นั่นหนังสือสวดมนต์ที่ระลึกงานศพคุณยุทธเขาน่ะ เดี๋ยวลุงมานะ ว่าจะลงไปหยิบหนังสือที่ห้องหนังสือหน่อย ธรณ์จะเอาอะไรไหม”

               ธรณ์ส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธก่อนจะล้มตัวลงนอน ห้องรับแขกที่เด็กรับใช้จัดให้คุณสงครามมีแต่ของใช้ที่จำเป็น ข้าวของของคุณสงครามก็มีแค่เสื้อผ้ากับหนังสือสวดมนต์ที่หยิบติดมาด้วย ปกติธรณ์เองก็ไม่ใช่คนที่จะสนใจหนังสือสวดมนต์ แต่ไม่รู้อะไรดลใจ หรือเพราะคุณสงครามบอกว่าเป็นของที่ระลึกงานศพของพ่อเขากันแน่ ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะหยิบมาดู

               เปิดไปไม่กี่หน้า ธรณ์ก็พบว่า มันก็เป็นหนังสือสวดมนต์ธรรมดา ที่นอกจากบทสวดมนต์แล้วก็มีเรื่องราวที่ให้ข้อคิดรวมอยู่ด้วย ชายหนุ่มปิดหนังสือเล่มเล็กลง กำลังจะวางกลับสู่ที่เดิม แต่กระดาษแผ่นเล็กก็ร่วงหล่นลงมาเสียก่อน ธรณ์คว้ากระดาษแผ่นเล็กขึ้นมาดู ลายมือที่เขียน ถึงจะไม่ได้เห็นมานาน แต่ก็คือลายมือของคุณสงครามแน่นอน แต่ที่เขียนไว้น่ะ...หมายความว่าอย่างไรกัน


               ...สุดท้ายเหลือเพียงเถ้าธุลี               สิ้นชีวีสู่แดนสวรรคาลัย
               เจ้าลาลับทิ้งร้างพี่สู่แดนไกล        พี่โหยไห้กำสรวลครวญหาเอย...



               ธรณ์ไม่ต้องเสียเวลาสงสัยนาน เพราะขณะที่กำลังเพ่งพินิจกลอนในมืออยู่ คุณสงครามก็เปิดประตูกลับเข้ามา ผู้สูงวัยกว่าชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นแผ่นกระดาษในมือหลานชาย

               “นี่คืออะไรครับลุงคราม”

               “ตอนทำหนังสือที่ระลึกงานศพ พอดีคณะที่จัดทำเขาอยากได้กลอนไปลงหนังสือน่ะ ลุงเลยเขียนเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ เพราะดีใช่ไหมล่ะ”

               “เศร้ามากต่างหากล่ะครับ” ธรณ์เอ่ยก่อนจะสอดเศษกระดาษกลับเข้าหนังสือเหมือนเดิม แล้วส่งคืนให้ผู้เป็นลุงเอาไปเก็บไว้

               “คนคุ้นเคยตายจากกันมันก็ต้องเศร้าเป็นธรรมดา”

               “แต่ธรณ์เพิ่งรู้นะครับ ว่าลุงครามแต่งกลอนเก่งขนาดนี้”

               คุณสงครามไม่ตอบอะไร เอาแต่ยิ้มท่าเดียว ก่อนจะเอื้อมมือไปดับไฟ แล้วธรณ์ก็เอนตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มยังไม่ได้หลับ กลับลืมตาโพลงอยู่ในความมืด บทกลอนเมื่อกี้ยังวนเวียนอยู่ในความคิดของเขา มันดูเศร้ามาก จนเหมือนกับว่าคนเขียนได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป ถึงคุณพ่อของเขากับลุงครามจะสนิทสนมกัน แต่ใจความของบทกลอนมันดูลึกซึ้งจนธรณ์อดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้ แต่คิดได้ไม่นาน ธรณ์ก็ปัดความคิดของตนเองทิ้ง เขาอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ พ่อกับลุงครามรู้จักกันมานาน ไม่แปลกที่พอพ่อเสียไป ลุงครามก็จะต้องรู้สึกเศร้าโศกเป็นธรรมดา เพราะแม้แต่เขตแดนเอง ก็ยังเศร้ากับการจากไปของพ่อเขาเลย


====================

               รถยนต์คันหรูแล่นมาจอดหน้าทางเข้าโรงแรม ก่อนเวธน์จะก้าวลงมาเปิดประตูหลังพร้อมกับค้อมศีรษะเล็กน้อย เขตแดนเป็นฝ่ายก้าวลงมาก่อน ประธานบริษัทหนุ่มในวันนี้ดูดีและมีอำนาจเมื่ออยู่ในชุดสูทสากล แล้วจึงตามมาด้วยธรณ์และคุณสงคราม แสงแฟลชและเสียงชัตเตอร์ดังรัวมาจากรอบข้าง ธรณ์คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะค้อมศีรษะเป็นเชิงทักทายแขกเหรื่อที่มารอต้อนรับ

               เขตแดนเดินนำหน้ามาอย่างสง่าผ่าเผย สมกับเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่กำลังถูกจับตามอง ส่วนธรณ์ที่สวมชุดสูทสากลสีดำสนิทพอดีตัวก็เดินเคียงมากับคุณสงคราม มีเวธน์คอยเดินตามหลัง ระยะทางจากล็อบบีของโรงแรมไปยังห้องจัดเลี้ยง คณะของเจ้าภาพงานเลี้ยงกลายเป็นจุดสนใจของบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ตลอดจนบุคคลรอบข้างที่มองมาเห็น ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนล้วนคุ้นเคยกับเขตแดนและคุณสงครามอยู่แล้ว จึงไม่ต้องแนะนำอะไรมาก เพียงแค่คอยแนะนำชายหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดแก่บุคคลอื่นว่า...

               “นี่ธรณ์ อิสรพัฒน์ ลูกชายคนเดียวของคุณธีรยุทธครับ”

               คุณสงครามเลี่ยงขอตัวไปยืนคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ที่คุ้นเคย ปล่อยให้เขตแดนเป็นคนพาธรณ์ไปแนะนำ เพราะถือว่าตนเองไม่ได้มีหน้าที่อะไรในบริษัทอิสระคอนสตรัคชั่นแล้ว และจะได้เป็นการเปิดโอกาสให้เขตแดนและธรณ์อย่างเต็มที่ มองดูภาพธรณ์ที่เดินเคียงเขตแดนแล้ว ก็อดหวนคิดถึงวันวาน ที่เขาเองก็เคยเดินเคียงคุณธีรยุทธออกงานสังคมไม่ได้ แต่วันนี้มันก็คงกลายเป็นเพียงอดีตไปแล้ว ในเมื่อเหลือเพียงแค่เขาคนเดียว ส่วนคุณธีรยุทธก็ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ เหลือเพียงธรณ์ที่เป็นเสมือนสิ่งของต่างหน้าชิ้นสุดท้าย ที่เจ้าตัวคงไม่รู้ตัวเลยว่า ธรณ์ในวันนี้ เหมือนกับคุณธีรยุทธในวัยหนุ่มมากแค่ไหน

               ปลัดกระทรวงคือแขกที่เขตแดนจัดลำดับความสำคัญไว้เป็นอันดับแรก เพราะคอยช่วยเหลือเกื้อกูลเรื่องการประมูลโครงการก่อสร้างกันมาตลอด การพาธรณ์มาแนะนำตัวก็เหมือนกับจะเป็นการฝากฝัง

               “สวัสดีครับท่าน นี่ธรณ์ อิสรพัฒน์ครับ”

               ท่านปลัดหันมามองธรณ์อย่างพิจารณา ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา

               “อ๋อ...ลูกชายคุณธีรยุทธนี่เอง ยิ่งโตยิ่งเหมือนพ่อนะ”

               “ครับท่าน”

               “แล้วนี่ร่ำเรียนจบอะไรมาล่ะ”

               “จบบริหารธุรกิจมาครับ”

               “อ้อ...ดีเหมือนกัน จะได้มาช่วยบริหารงานของคุณธีรยุทธเขา ยังไงเราก็เป็นลูกชายคนเดียว ถ้าไม่ดูแลสมบัติของพ่อ แล้วจะให้ใครที่ไหนมาดูแลล่ะ”

               ธรณ์ได้แต่ยิ้มรับอย่างสุภาพ ขณะที่เขตแดนลอบมองด้วยความพึงพอใจ จะให้ทำดี ธรณ์ อิสรพัฒน์ก็ทำได้อย่างไม่มีที่ติ คุยกับท่านปลัดอีกซักพัก เขตแดนก็เอ่ยขอตัวพาธรณ์ไปเตรียมตัวขึ้นเวทีแนะนำตัว

               “ท่านปลัดค่อนข้างสนับสนุนบริษัทเราพอสมควร โครงการของบริษัทหลายโครงการก็ได้ท่านนี่แหล่ะที่คอยช่วยเหลือและดูแลให้” เขตแดนถือโอกาสแนะนำให้ธรณ์รู้ไปในตัว

               นอกจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาร่วมงานแล้ว ก็ยังมีบริษัทคู่ค้าและคู่แข่งอีกมากมายที่ต่างพากันตบเท้ามาร่วมงานอย่างคึกคัก นี่ยังไม่นับรวมบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ที่ต่างพากันมาอวดประชันโฉมในงานกันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดชอีก เรียกได้ว่าเป็นงานช้างขนานแท้

               เขตแดนพาธรณ์มายืนรออยู่ข้างเวที ซึ่งเวธน์เตรียมการรออยู่แล้ว เพราะนอกจากจะเป็นคนสนิท เวธน์ยังต้องรับหน้าที่เป็นพิธีกรในงานอีกต่างหาก จนธรณ์ถึงกับหลุดปากออกมาว่า...

               “คุณไม่ใช้งานคุณเวธน์เขาคุ้มไปหน่อยเหรอ”

               เขตแดนเหลือบตามองคนสนิท ที่กำลังชี้แจงกำหนดการคร่าวๆแก่แขกที่มาร่วมงานก่อนจะหัวเราะในลำคอ

               “ไม่หรอก เวธน์เขาชอบทำงาน แล้วเขาก็เป็นคนทำงานเก่งมากด้วย”

               ธรณ์ขยับจะทักท้วง แต่ก็ไม่ทัน เพราะเวธน์ประกาศเรียกเขตแดนขึ้นมากล่าวอะไรกับแขก ในฐานะประธานบริษัทเสียก่อน

               ทันทีที่ท่านประธานบริษัทวัยหนุ่มปรากฏกายบนเวที สายตาเกือบทุกคู่ก็จับจ้องมาเป็นทางเดียวกัน พร้อมกับแสงแฟลชวูบวาบและเสียงชัตเตอร์ที่รัวกระหน่ำ เดาได้เลยว่า พรุ่งนี้คงไม่พ้นต้องมีรูปของเขตแดนปรากฏหราในหน้าซุบซิบของไฮโซอย่างแน่นอน

               “สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่กรุณาสละเวลามาร่วมงาน ตัวผมเองก็ไม่มีอะไรจะพูดมาก เพราะผมกับทุกท่านก็คุ้นหน้าค่าตากันดีอยู่แล้ว คงไม่ต้องแนะนำตัวอะไรมาก ยังไงก็ขอยกให้เป็นหน้าที่ของเจ้าของงาน คุณธรณ์ อิสรพัฒน์ดีกว่าครับ”

               เสียงปรบมือดังกึกก้อง พร้อมกับที่ร่างสูงในชุดสูทสากลสีดำก้าวขึ้นมาบนเวที ใบหน้าหล่อเหลาประดับประดาไปด้วยรอยยิ้มที่โปรยปราย ชนิดที่ว่าทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่ที่ยืนมองอยู่ข้างหลังถึงกับใจกระตุก ธรณ์ค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย ก่อนจะรับไมค์มาจากเขตแดน

               “สวัสดีครับ ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงาน ตัวผมเองก็เพิ่งก้าวเข้ามาทำงานเต็มตัวได้ไม่นานนัก ยังขาดประสบการณ์ แต่ก็โชคดีว่ามีคุณเขตแดนคอยช่วยเหลือ และได้ผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านให้การสนับสนุน ที่ผ่านมาอาจจะมีข่าวเกี่ยวกับตัวผม ที่ทำให้หลายท่านรู้สึกไม่มั่นใจ ผมเองก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัว แต่แค่อยากขอโอกาสให้ผมได้พิสูจน์ตัวเอง ถ้ามีอะไรผิดพลาดยังไงก็ต้องขออภัยด้วยครับ ยังไงผมก็ถือโอกาสนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกท่านด้วยเลย ธรณ์ อิสรพัฒน์ยินดีรับใช้ทุกท่านครับ”

               แม้จะไม่ใช่คำพูดที่เป๊ะตามสคริปต์ที่เตรียมเอาไว้ แต่เขตแดนก็ต้องยอมรับว่าธรณ์พูดได้ดีพอทีเดียว เพราะในชีวิตจริง มันไม่ควรมีคำว่าแก้ตัว ถ้าจะให้ดีก็ควรจะแก้ไข อะไรที่ผิดพลั้งไปแล้วก็ปล่อยมันไป แล้วทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าเดิม

               แก้วน้ำเปล่าถูกยื่นส่งให้คนที่เพิ่งเดินลงมาจากเวที ธรณ์รับมาก่อนจะเอ่ยขอบคุณ บอกไม่ถูกว่าตอนที่มองลงมาจากเวที เห็นเขตแดนอยู่ท่ามกลางผู้คนเป็นร้อย และเมื่อเดินลงมาจากเวที ก็ยังเป็นคนแรกที่เดินเข้ามา มันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจมากแค่ไหน เหมือนกับอีกฝ่ายเป็นกำลังใจชั้นดีของเขา เหมือนพี่เขตต์คนเดิม ที่ไม่ว่าจะหันไปมองเมื่อไหร่ธรณ์ก็เห็น จะเรียกหาซักกี่ครั้งก็เจอ

               หลังจากเดินแวะเวียนทักทายกับผู้หลักผู้ใหญ่พอหอมปากหอมคอ ธรณ์ อิสรพัฒน์ก็ตรงมาหาชายหนุ่มสองคน ที่กำลังยืนถือแก้วไวน์สนทนากันอย่างออกรสชาติ พอเห็นเพื่อนรักเดินมา อเล็กซ์ก็เอ่ยแซวทันที

               “กูเห็นมึงบนเวทีเมื่อกี้นี้ แทบนึกภาพเพลย์บอยธรณ์ไม่ออกเลย กลายเป็นคุณชายเต็มตัวแล้วล่ะสิ”

               ธรณ์หัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูลงตัวไปหมด เรียกว่า ต่อให้อเล็กซ์กวนประสาทเขามากกว่านี้ ธรณ์ก็ไม่มีอารมณ์มาถือโทษโกรธเคืองแต่อย่างใด

               “ทำยิ้มไปนะมึง ระวังเหอะ คู่กรณีมึงมางานนี้ด้วยรู้หรือเปล่า”

               “ใครวะ? คู่กรณีกู”

               ชินดนัยส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูธรณ์

               “คุณหนูเจนจิราที่กำลังตามตื๊อมึงอยู่ไงล่ะ อ้อ...มึงชวนนางแบบที่ชื่อลิซ่ามาด้วยใช่ไหม ระวังรถไฟชนกันนะมึง กูขอเตือนไว้ก่อน”

               ธรณ์ได้แต่ยิ้ม วันนี้เขาอารมณ์ดีจัด จนแม้กระทั่งการได้รับรู้ว่าเจนจิรามาร่วมงาน ก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์เขากร่อยลงแม้แต่น้อย

               เขายืนคุยกับอเล็กซ์และชินดนัยอยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นว่าคุณสงครามกำลังยืนว่างอยู่ เลยปลีกตัวจากเพื่อนเพื่อเข้าไปหาผู้เป็นลุงทันที

               “เหนื่อยไหมครับลุงคราม”

               “ไม่หรอก ธรณ์ล่ะเหนื่อยไหม”

               คุณสงครามมองดูธรณ์ด้วยความภาคภูมิใจ ถ้าคุณธีรยุทธอยู่ ก็คงจะภูมิใจในตัวธรณ์เช่นกัน นี่คงเป็นเพียงสิ่งเดียว ที่เขาพอจะทำให้คุณธีรยุทธและคุณอัจฉราได้ เพื่อชดเชยกับสิ่งที่เกิดขึ้น อดีตไม่อาจหวนคืนกลับมา ปัจจุบันจึงสำคัญยิ่งกว่า

               “ยังไงถ้าลุงครามจะกลับ ให้คนมาบอกธรณ์นะครับ ธรณ์จะได้เดินไปส่ง คืนนี้ธรณ์คงต้องอยู่ดึก”

               “ตามสบายเลย ยังไงถ้ามีอะไร เดี๋ยวลุงจะให้เวธน์เขาไปตามเราละกัน”

               “ครับ ถ้าอย่างนั้นธรณ์ขอตัวก่อนนะครับ”

               ชายหนุ่มแยกตัวออกมาจากผู้เป็นลุง หมายจะเดินกลับไปหาอเล็กซ์และชินดนัย แต่ยังเดินไปไม่ถึงเพื่อนรัก ก็ต้องถูกเรียกเอาไว้

               “ธรณ์คะ...”

               ธรณ์หันกลับมาตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นนางแบบสาวในชุดราตรีสีงาช้าง ดูสวยงามและโดดเด่นกำลังเดินตรงเข้ามาหาเขา เขาขยับส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างมีไมตรี แต่ยังไม่ทันที่นางแบบสาวจะก้าวเข้าถึงตัวธรณ์ แขนข้างหนึ่งก็ธรณ์ก็ถูกดึงไปเสียก่อน จนชายหนุ่มต้องหันไปตามแรงดึง

               “ธรณ์...”

               เพลย์บอยหนุ่มมีสีหน้าปั้นยากทันที ซ้ายก็คือนางแบบสาวในชุดราตรีสีงาช้าง ขวาก็คืออดีตคู่ควงในชุดราตรีสีฟ้าน้ำทะเล หญิงสาวสองคนประสานสายตากันเหมือนจะหยั่งเชิง จนคนกลางอย่างธรณ์ต้องเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สายตาหลายคู่ของแขกในงานเริ่มจับจ้องมาที่พวกเขา ถ้าเกิดมีภาพเจ้าของงานถูกหญิงสาวสองคนรุมแย่งชิงหลุดออกไป คงเป็นเรื่องที่ไม่น่าดูอย่างแน่นอน


TO BE CONTINUE


๐ ตอนนี้เหมือนเอาความเครียดจากงานตัวเอง มาลงที่ธรณ์ บรรยายแต่เรื่องงานซะเยอะเลย  :o8:
๐ ตอนหน้าน่าจะดีขึ้นกว่าเดิมค่ะ ชีวิตคนทำงานอย่างธรณ์นี่เครียดเหมือนกันเนอะ งานรุมสุมหัว
๐ มีคนรำคาญชินดนัยหรือเปล่าคะ เอาแต่อมพะนำ ฮา...อีกนิดเดียวก็รู้แล้วค่ะ
๐ จะพยายามเขียนไม่ให้ยาวเกิน ช่วงนี้ก็ซึมซับความหวาน(?)แบบปะแล่มๆกันก่อน ดราม่ายังมาไม่ถึงค่ะ
๐ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ตอนนี้น่าเบื่อไปหน่อย ขออภัยด้วยค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
ลุ้นแทนธรณ์ ... 2 สาวเค้ามาแย่งชิงกัน >.<

ขอบคุณมากนะคะ

 :L2:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
หย๋า.....ชินดนัยอมพะนำต่อไปเถอะนะ

อย่าพูดออกมาเลยยยยย :m29:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
พาสาวมาแบบนี้ เดี๋ยวโดนพี่เขตต์หึงอีกหรอก  :laugh3:




๐ จะพยายามเขียนไม่ให้ยาวเกิน ช่วงนี้ก็ซึมซับความหวาน(?)แบบปะแล่มๆกันก่อน ดราม่ายังมาไม่ถึงค่ะ


 :m29:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2012 11:15:53 โดย PetitDragon »

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
นี่ขนาดดราม่ายังมาไม่ถึงนะ พี่ก็เครียดทุกทีที่ความลับเริ่มจะเปิดเผย
ลุงครามทำอะไรไว้อยากรู้มากๆเลย

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
อืมมมมมมมมมมมม

ธรณ์เสน่ห์แรง ระวังพี่เขตต์จะหึงหน้ามืดอีกเน้อ

ออฟไลน์ krit24

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
รถไฟชนกันโครมเลย ธรณ์แย่แล้ว

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
ความเป็นพี่น้องความห่วงใยเริ่มกลับมาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว พี่เขตของน้องธรณ์
แต่พี่เขตนี่ท่าทางจะขี้หึงน่าดูนะ ขนาดผู้หญิงแค่มาทักยังรีบตัดบทพาน้องขึ้นห้องทำงานเลย เอิ้กกก
งานเปิดตัวเป็นไปด้วยดี แต่จะดีจนจบมั้ยสองสาวมาเจอพร้อมกันแบบนี้ พี่เขตช่วยเคลียร์ด่วนค่ะ

ขอบคุณค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sujusaranghae

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
มาอัพแล้ว ดีใจจัง
ชอบคุณเขตมาก อยากได้สักคน

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
ช่วงนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวความสุข ก่อนมาม่าจะมาเยือนใช่ไหมคะ

เห็น ปล. ตอนท้าย คนเขียนบอกดราม่ายังไม่ถึง แง ไม่อยากให้มีเลย นึกว่าจะดีขึ้นเลยๆ

แอบคิดว่ามันจะมาม่าเรื่องที่ชินเก็บไว้ยังไม่บอกธรณ์รึเปล่า

ตอนหน้าจะเป็นไงน้า รถไฟชนกันแล้ว พี่เขตต์ช่วยน้องหน่อยค่ะ

It_s_me

  • บุคคลทั่วไป
สรุปพ่อธรณ์กับลุงครามแอบกินกันเอง ตึกโป๊ะ ฮาไม่ออก
หรือเขตแดนจะเป็นคนแต่งกลอนนั้น สื่อถึงน้องธรณ์ วิ้วววว
สตรีพาซวยซะแล้วธรณ์คนเก่ง เดี๋ยวพี่เขตได้มีออกโรง 55555

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
การทำงานที่จะต้องซึมซับเรียนรู้ คงไม่มีปัญหาสำหรับชายหนุ่ม
แต่ปัญหาที่ต้องรีบแก้ไข คือ ศึกชิงนาย ( เอก ) พี่แดนอยู่ไหน มาช่วยน้องด่่วน  :z2:
+ ให้ไปเมื่อสักครู่ กับเรื่องน้องแอล ฉนั้น เอากำลังใจอย่างเดียวละกัน
ปล. มาเลย ดราม่า ยำยำ ไวไว มาม่า อยากอ่านว่าจะสักแค่ไหน เชียว  :z1: หึ หึ หึ .....

ออฟไลน์ zelesz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 525
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4

               ...สุดท้ายเหลือเพียงเถ้าธุลี               สิ้นชีวีสู่แดนสวรรคาลัย
               เจ้าลาลับทิ้งร้างพี่สู่แดนไกล        พี่โหยไห้กำสรวลครวญหาเอย...



           
ชอบกลอนมากค่ะ  :o8:
รู้สึกยิ่งอ่านยิ่งสนุก จะติดตามต่อไปนะคะ
           



             

             



ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
รถไฟชนกันดังสนั่นในงาน

putiinez

  • บุคคลทั่วไป
ธรณ์งานเข้า
รู้สึกถึงการพัฒนาความขี้หึงที่มากขึ้นเรื่อยๆของเขตต์ชอบกล แต่ว่าสองสาวนั่นคงไม่ใช่ศัตรูหัวใจตัวหลักสินะ :3 จิ๊บๆน่า...

ว่าแต่ตกลงลุงครามกับคุณพ่อเนี่ยมีอะไรบางอย่างใช่มั้ยยย =[]= อยากรู้ความหลังของสองคนนี้จังง

ออฟไลน์ pharm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
โอ๊ย ง่วง

อ่านไม่ไหวละ แปะไว้พรุ่งนี้ค่อยอ่านละกัน

 :t3: :t3:

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
รถไฟชนกัน

เละแน่งานนี้

 o18

ขอเดาว่าคุณสงครามต้องแอบจุ๊กจิ๊กอยู่กับพ่อธรณ์แน่เลยอะ




ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 11


               “เธอเป็นใครน่ะ?”

               เจนจิราเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาก่อน ลูกสาวท่านนายกสมาคมมองฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ เพราะปกติเธอก็ไม่เคยคิดจะเป็นมิตรกับผู้หญิงที่เข้ามายุ่งกับธรณ์อยู่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ธรณ์รู้แจ้งแก่ใจมาตลอด

               ธรณ์เองแม้จะรู้จักลิซ่า แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาเองก็ไม่ได้รู้จักนางแบบสาวดี ว่าถ้าเธอหวังหรือต้องการสิ่งใดแล้ว เธอก็จะพยายามจนสุดความสามารถของตัวเอง นางแบบสาวเหยียดยิ้มออกมาเล็กน้อย ขณะมองอีกฝ่ายอย่างประเมิณ ใช่ว่าเธอจะไม่รู้จักไฮโซสาวตรงหน้า แต่อดีตก็เป็นได้เพียงแค่อดีต ปัจจุบันต่างหากที่สำคัญ เธอไม่แคร์หรอกว่า ที่ผ่านมาผู้ชายที่เธอหมายปองจะผ่านใครมาบ้าง เธอรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย แต่สิ่งที่เธอหวังก็คือ...เธอจะเป็นคนสุดท้ายของเขา!!               

               “แปลกจังนะคะที่คุณไม่รู้จักฉัน ลิซ่าค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”

               “ฉันเจนจิรา เป็นแฟนของธรณ์” เจนจิราเอ่ยอย่างมาดมั่น ควงหมับเข้าที่แขนข้างขวาของชายหนุ่มอย่างถือวิสาสะ จนธรณ์เป็นฝ่ายอดรนทนไม่ได้ ต้องเอ่ยปรามอีกฝ่าย

               “เจน คุณก็รู้ดีว่าระหว่างเราสองคนเป็นอะไรกัน อย่าพูดให้คนอื่นเข้าใจผิดสิ”

               เจนจิราหน้าชาไปเล็กน้อย ที่ถูกบอกปฏิเสธต่อหน้าคนที่เธอมาดหมายเอาเองว่าเป็นคู่แข่ง แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมแพ้ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเฝ้าตามตื๊อธรณ์ และต้องคอยจัดการกับคนที่เข้ามาข้องเกี่ยวกับชายหนุ่ม

               “ธรณ์เขาก็ปฏิเสธแล้ว คุณก็เลิกพยายามยัดเยียดตัวเองให้เขาเถอะ”

               ถ้ากรี๊ดได้ เจนจิราคงกรี๊ดไปแล้ว แต่เพราะทำไม่ได้ หญิงสาวจึงได้แต่ยืนเม้มริมฝีปากแน่น คิดหาวิธีโต้ตอบอีกฝ่าย มือก็ยังยึดแขนชายหนุ่มแน่นราวกับกลัวว่าถ้าปล่อยไป ธรณ์อาจจะผละจากเธอไปหานางแบบสาว

               “แล้วที่ผ่านมาล่ะคะธรณ์”

               “เราเป็นเพื่อนกัน ผมบอกคุณหลายรอบแล้วนะเจน ว่าผมกับคุณเป็นได้แค่เพื่อนกัน” ชายหนุ่มย้ำเจตนารมณ์เดินให้หญิงสาวฟัง นางแบบสาวได้ทีเลยถือโอกาสเยาะคู่กรณี

               “ไม่ได้ยินเหรอคะ ว่าคุณน่ะเป็นแค่เพื่อนสำหรับธรณ์”

               “แล้วแม่นางแบบนี่ล่ะ เป็นอะไรสำหรับคุณคะธรณ์”

               ธรณ์นึกอยากจะเอามือขึ้นมาก่ายหน้าผากตัวเองด้วยความปวดเศียรเวียนเกล้า ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเพราะเขา เพราะฉะนั้นก็ไม่สามารถจะไปโทษใครได้เลย ที่โทษตัวเองและการกระทำอันมักง่ายของตัวเอง

               “ลิซ่าก็เป็นเพื่อนของผมอีกคน”

               นางแบบสาวหน้าม้านไปเล็กน้อย ขยับจะเอ่ยทักท้วงอะไรออกมา แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะบุคคลที่ก้าวมายืนประชิดข้างหลังธรณ์ ไม่รู้ว่าเพราะท่าทีที่ดูมีอำนาจหรือความสงบนิ่งของอีกฝ่าย แต่ก็ถือว่าหยุดหญิงสาวสองคนที่ทำท่าจะต่อความสาวความยืดได้ทันที

               “คุณผู้หญิงทั้งสองครับ คงไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ ถ้าผมจะขอพาเจ้าของงานไปทักทายแขกคนอื่นบ้าง”

               แม้จะเป็นประโยคบอกเล่ากึ่งคำถามที่เอ่ยด้วยเสียงเรียบ แต่อะไรบางอย่างในตัวประธานบริษัทหนุ่ม ก็ทำเอาสองสาวเลือกที่จะเงียบ และปล่อยให้เขตแดนพาธรณ์ออกไปจากวงสนทนาอย่างง่ายดาย

               พอเดินพ้นหญิงสาวสองคนมาแล้ว ธรณ์ก็พึมพำขอบคุณเขตแดน ขณะที่นักธุรกิจหนุ่มได้แต่ส่ายศีรษะด้วยระอา

               “ถ้านายยังไม่เลิกหว่านเสน่ห์ เหตุการณ์แบบนี้ก็จะเกิดขึ้นไม่จบไม่สิ้น”

               “ผมอยู่ของผมแท้ๆ กับเจนจิรา ผมก็บอกเขาแล้วว่าเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยอยู่นิวยอร์ก ส่วนลิซ่า ถึงผมจะเคยคิดอยากสนุก แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว คุณก็เห็นว่าตอนนี้ผมก็ทำแต่งาน” อธิบายให้อีกฝ่ายฟังอย่างยืดยาวแล้ว ธรณ์ก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา ประหนึ่งว่าตัวเองกำลังยืนแก้ต่างความผิดต่อหน้าคนรักอย่างไรก็ไม่รู้

               “ไม่แปลกหรอก งานนี้เป็นงานเปิดตัวนาย พวกเธอก็คงอยากจะถือโอกาสเปิดตัวว่าเป็นตัวจริงของนายด้วยเหมือนกัน” เขตแดนเอ่ยอย่างคนที่มองเหตุการณ์ได้ทะลุปรุโปร่ง

               ธรณ์ทำหน้าประหลาด แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยคิดอยากจะมีตัวจริงอยู่แล้ว ไม่มีใครเคยได้รับสิทธิ์นั้น ทุกคนก็รู้กฎเกณฑ์ข้อนี้ดี ว่าธรณ์ก็แค่เล่นสนุกด้วย แต่มาตอนนี้ ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกอยากเล่นสนุกกับใครเหมือนที่แล้วมา จะว่าเบื่อก็ไม่ใช่ ความรู้สึกทางเพศเขาก็ยังมีเต็มเปี่ยม อาจจะเป็นเพราะมีบางสิ่งที่เขาต้องสนใจมากกว่า อย่างเช่น...การทำงานล่ะมั้ง

               เขตแดนพาธรณ์เดินมาหาเพื่อนรักสองคน ที่ยืนจิบไวน์อยู่มุมหนึ่งของงาน และกำลังมองตรงมาที่ธรณ์ด้วยดวงตาพราวระยับ พอเพลย์บอยหนุ่มเดินเข้ามา ก็ถือโอกาสแซวทันที

               “เป็นยังไงล่ะหนุ่มเนื้อหอม โดนผู้หญิงรุมทึ้งกลางงานเลยนะ”

               “เห็นแล้วก็ไม่คิดจะช่วยกูเลยนะ”

               “ก็อยากจะช่วยอยู่หรอก แต่เห็นคุณเขตต์เขาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้าไปช่วยแล้วนี่หว่า” อเล็กซ์แกล้งเอ่ยทีเล่นทีจริง

               เขตแดนเอาแต่ยิ้มรับโดยไม่พูดอะไร ส่วนธรณ์ก็ยืนทำหน้ากระอักกระอ่วนพิกล คงมีเพียงชินดนัยที่ทำหน้าเคร่งขึ้นมาทันที ยืนคุยกันอยู่ซักพัก ชินดนัยก็เอ่ยปากขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้อเล็กซ์ยืนคุยโวต่อไป มีเขตแดนเป็นผู้ฟังที่ดี ส่วนธรณ์ก็เอาแต่ขัดคอเพื่อนเป็นระยะ


====================


               ชินดนัยเดินเลี่ยงออกมานอกงานเลี้ยง พอดีกับร่างสูงที่สวมชุดสูทสากลวิ่งกระหืดกระหอบมา พอเปลี่ยนจากชุดทหารมาดเข้มมาเป็นชุดสูทสากล อีกฝ่ายก็ดูแปลกตาไปอีกแบบ ชินดนัยไม่ได้เอ่ยอะไร เขาปล่อยให้อีกฝ่ายยืนรออยู่มุมหนึ่ง ส่วนตัวเองเดินเข้าไปหาคุณสงคราม ที่กำลังยืนคุยกับผู้ใหญ่คนหนึ่งอยู่

               “คุณลุงครับ ขอรบกวนเวลาซักครู่ได้ไหมครับ”

               คุณสงครามเลิกคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะพยักหน้าใจดี แล้วจึงเอ่ยขอตัวกับผู้ใหญ่ที่ยืนคุยอยู่ อีกฝ่ายก็โบกไม้โบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ผู้สูงวัยกว่าเดินตามชินดนัยออกมามุมลับตาคน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะรู้สึกคุ้นหน้าอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย

               “เธอ...ชินดนัย จิรวงศ์ที่เป็นเพื่อนสนิทของธรณ์ใช่ไหม”

               “ครับ ผมชินดนัย จิรวงศ์ ส่วนนี่ก็พันตรีชนวีร์ จิรวงศ์ครับ” ชินดนัยเอ่ยแนะนำคนข้างกายที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว นายทหารหนุ่มเพียงแค่ค้อมศีรษะลงเล็กน้อย

               “คุณลุงสบายดีนะครับ”

               คุณสงครามพยักหน้ารับ ก่อนจะกวาดสายตามองหาหลานชาย ชินดนัยเองก็มองอาการของอีกฝ่ายออก เลยเอ่ยออกมาเสียงเรียบ

               “ธรณ์อยู่กับเพื่อนสนิทของผมอีกคนที่ชื่ออเล็กซ์ครับ คงไม่มารบกวนเราพักใหญ่ พอดีผมมีเรื่องที่ต้องคุยกับคุณลุงเป็นการส่วนตัวน่ะครับ”

               “เกี่ยวกับธรณ์ใช่ไหม” คุณสงครามเอ่ยถามชายหนุ่มที่อายุคราวลูกด้วยท่าทีสงบ แม้ในใจกำลังเต้นระรัวราวกับมีกลองศึกบรรเลงอยู่ภายใน

               “ผมก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับธรณ์หรือเปล่า แต่ที่ผมรู้คือเกี่ยวกับคุณลุงน่ะครับ”

               ชินดนัยเอ่ยจบก็แบมือไปด้านข้าง นายทหารหนุ่มก็รู้ใจ รีบหยิบรูปถ่ายใบหนึ่ง ที่ค่อนข้างเก่าพอสมควรออกมาวางบนฝ่ามือ จากนั้นรูปก็ถูกส่งต่อให้คุณสงคราม ซึ่งรับไปดูด้วยท่าทีสงบนิ่ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเบิกตากว้างด้วยอาการตกตะลึงพรึงเพริด มือที่ถือรูปถ่ายอยู่พลันสั่นระริก จนชินดนัยต้องดึงกลับมาแล้วส่งคืนให้ผู้พันชนวีร์ ที่รับไปเก็บไว้อย่างมิดชิด เพื่อป้องกันการหลุดรอดออกไป

               “เธอได้มาได้ยังไง”

               “ขอโทษที่ลืมแนะนำไปครับคุณลุง ผู้พันชนวีร์เขาสังกัดอยู่หน่วยข่าวกรองของกองทัพบก เรื่องบางเรื่องก็เลยไม่เกินความสามารถของผู้พันน่ะครับ ขึ้นอยู่กับว่า...ผมอยากรู้ลึกแค่ไหน”

               เป็นอีกครั้งที่คุณสงครามต้องเป็นฝ่ายประหวั่นพรั่นพรึงชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวลูก ส่วนชินดนัยยังคงสงบนิ่ง ถึงเขาจะไม่ได้เป็นทหารเหมือนผู้เป็นพ่อ แต่ท่านนายพลก็สอนให้เขารักษาความสงบเยือกเย็นอยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาที่จะต้องเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ

               “แล้วเธอต้องการอะไร”

               “ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด คุณลุงเองก็คงไม่ต้องการให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...คุณลุงคงไม่อยากให้ธรณ์รู้ใช่ไหมครับ”

               “เธอเข้าใจถูกแล้ว คนสุดท้ายในโลกที่ฉันต้องการให้รู้ก็คือธรณ์ แล้วเธอต้องการอะไร” คุณสงครามยอมรับออกมาตามตรง ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงชัดเจนว่ารู้อะไรมาพอสมควร เขาก็คงไม่มีอะไรต้องปิดบังชายหนุ่มอายุคราวลูกสองคนตรงหน้าอีกต่อไป ที่เหลือก็เพียงแค่ จะทำอย่างไรให้ความลับยังคงเป็นความลับต่อไป

               “ถ้าอย่างนั้นความต้องการของเราก็ตรงกันครับ เพราะผมเองก็ไม่ต้องการให้ธรณ์รู้ ผมคงไม่ยอม ถ้ามีใครต้องมาทำให้ธรณ์เสียใจอีก”

               แม้ชินดนัยจะไม่ได้มีท่าทีคุกคาม แต่แววตาของชายหนุ่มก็บอกว่า เขาจริงจังกับเรื่องของธรณ์มากแค่ไหน คนที่ไม่ได้อยู่กับธรณ์ ในเวลาที่ธรณ์อ่อนแอที่สุด คงไม่มีวันเข้าใจเขา อดีตมันผ่านพ้นไป และกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เหลือเพียงปัจจุบัน ที่เขาจะไม่ยอมให้มันมาทำร้ายธรณ์เด็ดขาด

               “เธอมั่นใจได้เลยว่า ถ้าธรณ์รู้เรื่องนี้ ธรณ์จะไม่ได้รู้จากปากฉันแน่ แต่ฉันจะรู้ได้ยังไง ว่าเธอจะไม่เป็นคนบอกธรณ์เสียเอง”

               ชินดนัยเหยียดริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะเอ่ยออกมาชัดถ้อยชัดคำ ที่ทำเอาคนฟังถึงกับหน้าชาทันที


               “ถึงยังไง...ผมก็ไม่เคยคิดที่จะทรยศต่อความไว้ใจของธรณ์เหมือนที่คุณลุงกำลังทำอยู่หรอกครับ”


               คุณสงครามได้แต่กำมือแน่น เพราะมันเป็นความจริงที่เขาไม่มีสิทธิ์โต้เถียง ทุกอย่างที่ชินดนัยพูดมาถูกต้อง เขาทรยศต่อความไว้ใจของธรณ์ เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าธรณ์รู้เข้า...

               “ผมไม่เดินไปส่งนะครับ ขออนุญาตกลับเข้างานเลี้ยงเลย ธรณ์คงรอผมอยู่แล้ว อย่าลืมนะครับ ว่าธรณ์จะต้องไม่รู้เรื่องนี้ ไม่ว่าจะจากปากผมหรือปากคุณลุงก็ตาม แค่นี้ล่ะครับที่ผมต้องการจะคุยกับคุณลุง ขอตัวก่อนครับ” ชินดนัยเอ่ยก่อนจะหันหลังเดินจากมา แต่เขาไม่ได้เดินกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ชายหนุ่มเดินเลี่ยงออกมาตรงระเบียงของโรงแรม โดยมีนายทหารหนุ่มเดินตามประกบประหนึ่งบอดี้การ์ดส่วนตัว

               ชินดนัยท้าวแขนลงกับขอบระเบียง ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งล้วงหยิบบุหรี่ออกมาใส่ปาก ยังไม่ทันที่จะควานหาไฟแช็ค ก็มีมือดีเอื้อมมาจุดให้โดยที่ไม่ต้องร้องขอ ก่อนที่มือข้างเดียวกันจะถือวิสาสะดึงบุหรี่ออกจากปากเขา  หลังจากที่เขาสูบได้ไม่นาน แล้วเอาไปคาบไว้เสียเอง

               “ถ้าจะสูบทำไมไม่หยิบออกมาอีกมวน มาแย่งผมทำไม”

               “ทำไมจะต้องสูบสองอันให้เปลืองด้วยล่ะ อีกอย่าง...สูบมวนเดียวกันก็เหมือนกับการจูบทางอ้อมไง” ผู้พันหนุ่มตอบก่อนจะพ่นควันลอยไปในอากาศ จนเป็นที่น่าหมั่นไส้ในสายตาชินดนัย

               “ผมทำถูกหรือเปล่า ที่ไม่บอกความจริงกับธรณ์” ชินดนัยอดที่จะเปรยขึ้นมาไม่ได้ ขณะทอดสายตามองฝ่าความมืดออกไป

               มีหลายวิธีที่เขาจะใช้ปกป้องธรณ์ แต่ชินดนัยก็ไม่รู้ว่า การปกป้องธรณ์โดยปิดบังความจริง เป็นวิธีที่ถูกต้องหรือเปล่า เพราะเขาคิดเอาเองว่า ตราบใดที่ธรณ์ไม่รู้ ธรณ์ก็คงไม่เจ็บ แต่ชายหนุ่มคงลืมนึกไปว่า...

               ความลับไม่มีในโลก อยู่ที่ว่าธรณ์จะรู้ช้าหรือรู้เร็ว

               “นายนี่ห่วงธรณ์มากจนฉันชักจะสงสัยแล้วนะ ว่าตกลงนายคิดกับธรณ์แค่เพื่อนหรือเปล่า”

               “พี่อย่ามาคิดอกุศลหน่อยเลย ผมก็แค่...เคยเห็นธรณ์เจ็บปวด เลยไม่อยากเห็นธรณ์ต้องเจ็บปวดมากไปกว่านี้อีกแล้ว ธรณ์เป็นเพื่อนที่ดีของผม”

               ไม่มีคำตอบจากนายทหารหนุ่ม เขาเพียงแต่ยืนสูบบุหรี่และปล่อยความคิดล่องลอยออกไป ถ้าจะมีใครซักคนเชื่อในสิ่งที่ชินดนัยพูดอย่างไม่มีข้อสงสัยและไร้ข้อกังขา คนนั้น...ก็คงจะเป็นตัวเขาเอง


====================


               “กูว่าชินมันตกส้วมตายไปแล้วหรือเปล่า หายหัวไปห้องน้ำเป็นชาติเลย”

               ธรณ์เปรยขึ้นมา หลังจากยืนฟังเขตแดนกับอเล็กซ์คุยกันเรื่องธุรกิจอยู่นาน พอเขตแดนออกปากว่า ถ้าหากได้กลุ่มเงินทุนคาร์เตอร์มาเป็นพันธมิตร คงจะดีกับอิสระคอนสตรัคชั่นไม่น้อย อเล็กซ์เลยรับปากว่าจะนำเรื่องที่เขตแดนเสนอเข้าหารือกับทางครอบครัว ยิ่งคุยกันเลยยิ่งถูกคอ จนธรณ์ยังนึกสงสัยอยู่ครามครันว่า ตกลงอเล็กซ์มันเป็นเพื่อนใครกันแน่ระหว่างเขากับเขตแดน

               “มึงว่างก็เดินไปดูที่ห้องน้ำสิธรณ์” อเล็กซ์เสนอความเห็นเข้าให้

               ธรณ์สบถด่าเพื่อนรักอย่างหยาบคาย แต่ก็ทำท่าว่าจะเดินไปตามชินดนัยที่ห้องน้ำตามที่อเล็กซ์เสนอ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกไป เวธน์ก็เดินเข้ามาหา

               “คุณสงครามจะกลับแล้วครับ”

               “นายไปส่งคุณพ่อแล้วกลับมารอรับฉันกับธรณ์ละกัน” เขตแดนสั่งเสร็จเลยถือโอกาสเรียกธรณ์กับอเล็กซ์ให้เดินไปส่งคุณสงครามด้วยกัน

               พอเดินออกมาเห็นคุณสงครามยืนรออยู่ก่อนแล้ว ธรณ์เลยถือโอกาสแนะนำอเล็กซ์ให้ผู้เป็นลุงรู้จัก และรีบสำทับว่าอีกฝ่ายเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ถึงได้พูดภาษาไทยปร๋อ แถมยังด่าไฟแล่บอีก

               “ยังไงพ่อกลับไปนอนที่บ้านธรณ์ก่อนละกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมค่อยพาพ่อกลับไปส่งที่บ้าน”

               “เดี๋ยวพองานเลิกธรณ์ก็คงจะกลับแล้ว ลุงครามพักผ่อนไปก่อนได้เลยนะครับ ดูท่าแล้วลุงครามน่าจะเหนื่อยน่าดู” ธรณ์อดเอ่ยอย่างเป็นห่วงไม่ได้ เพราะเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายดูซีดเซียว

               “ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากหรอก ลุงแก่แล้วต่างหาก”

               ยืนล่ำลากันอยู่ซักพัก เวธน์ก็พาคุณสงครามไปยังลานจอดรถ พอส่งคุณสงครามเสร็จ ธรณ์ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าจะไปตามหาชินดนัย แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวไปไหน อเล็กซ์ก็เอ่ยขึ้นมาก่อนอย่างอารมณ์ดี

               “ไม่ต้องไปตามหาแล้วล่ะ เดินมานู่นแล้ว”

               ธรณ์มองตามสายตาของอเล็กซ์ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างออกมา เมื่อเห็นว่าชินดนัยไม่ได้มาคนเดียว แต่ยังมีนายทหารที่วันนี้อยู่นอกเครื่องแบบติดตามมาด้วย พออีกฝ่ายเข้ามาเดินเข้ามาใกล้ ธรณ์ก็เอ่ยทักทันที

               “ไม่เจอกันนานเลยนะครับผู้พัน ผมนึกว่าจะไม่ว่างมา เลยไม่ได้ส่งบัตรเชิญไปให้”

               “ไม่เป็นไรหรอก เชิญชินก็เหมือนกับเชิญผมนั่นแหล่ะ ว่าแต่...ได้ข่าวว่าวันนี้เนื้อหอมจนสาวรุมตอมหึ่งเลยหรือธรณ์” ผู้พันหนุ่มอดเอ่ยสัพยอกคนอายุน้อยกว่าไม่ได้ ผลคือคนเนื้อหอมถึงกับทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที

               “ผู้พันก็พูดเกินไป โทษทีที่ลืมแนะนำครับ นี่คุณเขตแดน เกียรติณรงค์ ผู้ปกครองผม ส่วนนี่ก็...”

               “พันตรีชนวีร์ จิรวงศ์ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเขตแดน”

               พอฟังนามสกุลของผู้มาใหม่ เขตแดนก็คลายความสงสัยทันที เพราะอีกฝ่ายคงจะเป็นญาติกับชินดนัยแน่แท้ เพราะเท่าที่รู้ ท่านนายพลผู้เป็นพ่อของชินดนัยมีลูกชายเพียงคนเดียว ซึ่งก็คือชินดนัย จิรวงศ์ ผู้ที่ไม่เคยคิดจะเจริญรอยตามผู้เป็นพ่อด้วยการรับราชการทหาร

               พอคุยกันไปซักพัก เขตแดนก็เลยรู้ว่าที่ธรณ์และอเล็กซ์รู้จักนายทหารหนุ่มเป็นอย่างดี เพราะผู้พันเดินทางไปราชการที่ต่างประเทศ และมีโอกาสพบปะกันอยู่หลายหน แต่เท่าที่เห็นจากสายตาตนเอง ดูเหมือนว่าอเล็กซ์กับผู้พันชนวีร์จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันอย่างไรชอบกล

               “คืนนี้ไปเมากันต่อไหมชิน พรุ่งนี้กูก็จะกลับอเมริกาแล้ว ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้เจอมึงสองคนอีก” อเล็กซ์มันพูดหน้าเศร้า ที่ธรณ์กับชินดนัยมองปราดเดียวก็รู้ว่ามันเสแสร้งแกล้งทำ เพราะคุณชายคาร์เตอร์เขานั่งเครื่องบินเป็นว่าเล่น ต่อให้อยู่ห่างกันคนละซีกโลกก็ตามที แต่ถ้าคุณชายเขาอยากมา ยังไงเขาก็จะมาหาให้จนได้

               “ขอโทษที พอดีชินต้องกลับกับฉัน คุณเขตต์ก็ต้องพาธรณ์กลับบ้านด้วยใช่ไหมครับ” ผู้พันหนุ่มไม่พูดเปล่า ยังหันไปดึงเขตแดนที่กำลังจะอ้าปากห้ามธรณ์มาเป็นพวกด้วยทันที

               “ถ้าอย่างนั้นกูกลับไปกินกับมึงที่บ้านละกัน คืนนี้กูไปค้างกับมึงนะชิน” อเล็กซ์เองก็ไม่ยอมเลิกรา เพราะเป็นลูกชายคนเล็ก คำว่าไม่ได้แทบจะไม่เคยปรากฏในพจนานุกรมของเขา

               “ขอโทษที คืนนี้ฉันนอนกับชิน คงไม่มีที่ว่างให้นายเข้ามาแทรกกลางหรอก”

               ธรณ์ยืนกลั้นหัวเราะ เหมือนเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นอะไรที่เห็นจนเคยชิน ส่วนเขตแดนได้แต่ยืนงง จนสุดท้ายแล้ว ชินดนัยก็ต้องเป็นฝ่ายไกล่เกลี่ย

               “เอาเป็นว่ามึงกลับไปนอนที่โรงแรมเหมือนเดิมนะอเล็กซ์ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้กูกับธรณ์จะไปส่งมึงที่สนามบิน ถ้ามึงคิดถึงพวกกูเมื่อไหร่ก็ค่อยบินมาหา เพราะกูรู้ว่านั่งเครื่องบินเป็นว่าเล่นนี่ก็เป็นหนึ่งในงานอดิเรกยามว่างของคุณชายคาร์เตอร์” ชินดนัยเอ่ยจบก็แสยะยิ้มอย่างรู้ทันเป็นการปิดท้าย

               “เออ! ไปนอนกอดพี่ชายมึงให้หายคิดถึงเลยนะชิน กูไปนอนโรงแรมก็ได้”

               ธรณ์มองแล้วก็ยิ้มขำกับท่าทีที่แกล้งทำเป็นหัวฟัดหัวเหวี่ยงของอเล็กซ์ ส่วนชินดนัยก็แค่ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ เขากล้าพูดได้เลยว่าอเล็กซ์และชินดนัยเป็นเพื่อนรักเพียงสองคนของเขา ถึงจะมีน้อย แต่เขาก็รู้ว่าทั้งสองคนจะไม่มีวันหักหลังหรือทำให้เขาเสียใจเด็ดขาด


====================

[มีต่อนะคะ]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2012 21:36:43 โดย Renze »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25
               ส่งแขกจนเกือบหมดเรียบร้อยแล้ว ก็เหลือแขกกลุ่มสุดท้ายที่ยังปักหลักอยู่ ก็คือบรรดาเพื่อนรักของเจ้าของงานนั่นเอง ชินดนัยเป็นฝ่ายรับอาสาเอาอเล็กซ์ไปหย่อนไว้ที่โรงแรมที่เจ้าตัวเปิดห้องเอาไว้ ธรณ์เลยได้แต่ยืนส่งเพื่อนรักสองคนกับผู้พันหนุ่ม พอลับหลังทั้งสามคนแล้ว ก็พอดีกับที่เวธน์จัดการเคลียร์ธุระกับทางโรงแรมเสร็จพอดี เขตแดนกับธรณ์เลยถือโอกาสเตรียมตัวกลับบ้านกันเสียที

               “ผมไม่ได้ส่งคุณสงครามที่บ้านคุณธรณ์นะครับ พอดีท่านบอกให้ผมไปส่งที่บ้าน”

               เขตแดนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา พ่อของเขาก็เป็นคนติดบ้านอยู่แล้ว ขนาดเป็นบ้านของคุณธีรยุทธเอง พ่อของเขายังไม่ยอมมาค้างอ้างแรมอย่างเด็ดขาด ถ้าเกิดว่าไม่มีเหตุจำเป็น

               เวธน์บอกว่าจะไปเอารถมารับที่หน้าโรงแรม เขตแดนกับธรณ์เลยค่อยๆเดินออกมารอ กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็ปาไปเกือบห้าทุ่ม บรรยากาศรอบข้างเลยเงียบสงัด

               “จบซะที ถึงเมื่อก่อนผมจะเป็นคนชอบงานเลี้ยงสังสรรค์ แต่วันนี้ยอมรับเลยว่าเหนื่อยเอาเรื่อง ต้องเดินไปคุ้ยกับคนโน้นคนนี้ จะปฏิเสธก็ไม่ได้ บางเรื่องก็ไม่เข้าใจว่าเขาพูดถึงอะไรกัน แต่ก็ต้องเออออห่อหมกไปตามเรื่องตามราว” เจ้าของงานถือโอกาสบ่นออกมายาวเหยียด จนเขตแดนเผลอยิ้มออกมา

               “วงการธุรกิจก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ อีกหน่อยนายก็จะเข้าใจคำว่า ใส่หน้ากากเข้าหากันดีขึ้นกว่าเดิม”

               “คุณคงทำเป็นประจำล่ะสิ”

               “ถึงจะทำเป็นประจำก็ไม่ได้แปลว่าชอบทำ เรียกว่าสถานการณ์บังคับให้ต้องทำดีกว่า”

               ธรณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แต่ก็อดแขวะอีกฝ่ายไม่ได้

               “ขนาดไม่ได้ชอบทำคุณยังทำมันได้ดีเลย ถ้าเกิดคุณชอบทำ มีหวังคงได้รางวัลตุ๊กตาทองไปแล้ว”

               “แล้วนายล่ะ...ที่มีข่าวกับผู้หญิงไปทั่วก็เพราะชอบ ที่มีเรื่องชกต่อยกับคนอื่นก็เพราะชอบหรือ เพราะฉันเห็นว่านายก็ทำได้ดีเหมือนกันนี่”

               ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะดีขึ้นกว่าเดิม แต่เขตแดนก็ไม่เคยยอมปล่อยให้โอกาสที่จะได้ต้อนธรณ์หลุดรอดไปได้ เรียกได้ว่าพออีกฝ่ายเผลอเปิดช่องโหว่เมื่อไหร่ เป็นต้องโดนไล่ต้อนจนตั้งรับแทนไม่ทันกันเลยทีเดียว

               “ผมก็เป็นเด็กผู้ชายนะคุณ ไม่มีเรื่องชกต่อยนี่สิแปลก เรื่องผู้หญิงมันก็ต้องมีบ้าง แต่นี่ผมก็พยายามลดอยู่ เรื่องชกต่อยก็ไม่มีมานานแล้ว แต่เรื่องความต้องการทางเพศคงห้ามกันยาก”

               “ฉันยังไม่เห็นต้องทำตัวเหมือนนายเลย”

               ธรณ์นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจ เขากำลังคิดไตร่ตรองว่าจะถามดีหรือไม่ สุดท้ายความอยากรู้ก็มีอำนาจเหนือความเหมาะสม

               “อืม...ผมก็ไม่เคยเห็นคุณมีข่าวหรือควงผู้หญิงเลยที่ไหนเลย ผมขอถามตามตรงเลยนะ คุณเป็นเกย์หรือเปล่า

               ถ้ากำลังจิบไวน์อยู่ เขตแดนคงได้สำลักไวน์แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ได้ดื่มอะไรอยู่ ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงแค่สำลักน้ำลายตนเอง ก่อนจะมองธรณ์เหมือนว่าอีกฝ่ายพูดภาษาต่างดาวอยู่

               “นายว่าอะไรนะ?”

               “คุณเป็นเกย์หรือเปล่า วันนั้น...คุณจูบผมด้วยนี่” ธรณ์เอ่ยประโยคหลังไม่เต็มเสียงนัก ไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองจะต้องหน้าแดงด้วย ทั้งที่ก็เคยเป็นฝ่ายจูบและถูกจูบมานักต่อนัก จะมาเกิดอาการประหม่าอะไรนักหนา กับอีแค่ถูกผู้ชายอย่างเขตแดนจูบ

               ใช่ว่าเขตแดนจะไม่เห็นอาการของธรณ์ เพราะเห็นและมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งนี่สิ เขาจึงอดที่จะแกล้งอีกฝ่ายไม่ได้ จะได้รู้กันไปว่าเวลาเพลย์บอยหนุ่มหลุดมาดแล้วจะเป็นอย่างไร

               “ไหนวันนั้นบอกว่าไม่รู้สึกอะไรไง อย่าบอกนะ ว่านายเก็บเอาจูบของฉันไปคิดจนถึงวันนี้ ติดใจหรือยังไง”

               “กะ...ก็คุณเป็นผู้ชายคนแรกที่ผมจูบด้วยนี่ มันไม่ได้ลืมกันง่ายแค่เพียงชั่วข้ามคืนหรอกนะ ตกลงคุณเป็นเกย์หรือเปล่าเนี่ย”

               “ไม่รู้เหมือนกันสิ”

               ธรณ์เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ถ้าเกิดเขตแดนตอบว่า ‘ไม่ใช่’ เขายังพอชื้นใจมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะมาตอบว่า ‘ไม่รู้’ ซึ่งตีความหมายได้หลายอย่าง ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นหรือเปล่า หรือไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็นหรือเปล่าล่ะ แต่อาการตกตะลึงของธรณ์ก็อยู่ได้ไม่นานนัก เพราะเขตแดนดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ดวงหน้าคมเคร่งขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับโดยไม่มีเค้าความล้อเล่นแม้แต่น้อย

               “ความจริงฉันควรจะถามนายมากกว่านะ ว่านายมีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกันเหรอ”

               “คุณจะบ้าเหรอ เอาที่ไหนมาพูด” ธรณ์เผลอตะโกนออกไปเสียงดังด้วยความลืมตัว

               โชคดีที่ว่าเป็นเวลาดึกมากแล้ว รอบข้างพวกเขาจึงไม่มีใครอยู่ มีเพียงแค่พนักงานเปิดประตูของโรงแรมที่ปรายตามองมาเล็กน้อย แต่ทั้งธรณ์และเขตแดนก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะประเด็นที่กำลังสนทนากันมันดุเด็ดเผ็ดร้อนเกินกว่าจะหันเหความสนใจไปที่อย่างอื่นได้

               เขตแดนนึกย้อนกลับไป วันที่ชินดนัยอุ้มธรณ์กลับบ้านมา แล้วเขาเดินตามขึ้นไปถึงหน้าห้องธรณ์ เพียงเพื่อจะได้ยินเสียงครวญครางดังลอดออกมา โดยที่รับรู้ว่าชินดนัยอยู่กับธรณ์สองต่อสองข้างในห้อง มือเผลอกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว

               “ก็ฉันได้ยินว่านายกับชินดนัยมีอะไรกัน” แม้จะเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองคิดและได้ยิน แต่เขตแดนก็เอ่ยออกไปได้ไม่เต็มเสียงนัก เพราะท่าทางของธรณ์ตอนนี้หลุดมาดจนเรียกได้ว่า กำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงเต็มที่เลยทีเดียว

               ธรณ์อ้าปากค้าง ถ้าคนพูดไม่ใช่เขตแดน ไม่ใช่คนที่มีตำแหน่งเป็นผู้ปกครองของเขา ไม่ใช่คนที่เขาเริ่มจะยอมนับถืออีกฝ่าย ธรณ์คงเดินเข้าไปต่อยอีกฝ่ายจนหน้าหงายเป็นแน่แท้ เขตแดนเอาที่ไหนมาพูดกันว่าเขากับชินดนัยมีอะไรกัน ถึงเขากับชินดนัยจะสนิทสนมกัน แต่ก็ไม่เคยมีอะไรเกินเลยกันมากกว่าความเป็นเพื่อน และที่สำคัญ...


               ผู้ชายอย่างธรณ์ อิสรพัฒน์ ถึงจะมีประสบการณ์กับผู้หญิงโชกโชน แต่เขายังไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนเลยซักครั้ง ให้ตายเถอะ!


               “คุณเอาที่ไหนมาพูด ผมกับชินดนัยเนี่ยนะ...” กว่าธรณ์จะหาเสียงของตัวเองเจอ ชายหนุ่มก็แทบจะช็อค เหมือนโดนหมัดน็อคจากคู่ชกแบบไม่ทันตั้งตัว

               เขตแดนไม่แน่ใจว่าตนเองควรจะพูดในสิ่งที่รับรู้มาดีหรือไม่ แต่ถ้าเกิดเขาไม่พูด ก็เท่ากับเขาไปกล่าวหาธรณ์น่ะสิ เพราะฉะนั้นก็เหลืออยู่เพียงทางเลือกเดียว คือเขาต้องย้อนความหลังให้ธรณ์ฟัง ว่าตกลงแล้ว เรื่องคืนนั้นเขากับธรณ์เข้าใจตรงกันหรือไม่

               “ก็วันที่ชินดนัยพานายกลับมาบ้าน ป้าอุ่นบอกว่าสภาพนายไม่ค่อยดี มาตามฉันให้ไปดูอาการนายหน่อย ฉันก็เลยเดินขึ้นไปที่ห้องนาย แล้วก็...ได้ยินเสียงนายคราง” พูดประโยคสุดท้ายออกมาแล้ว เขตแดนก็รู้สึกว่าหน้าตนเองกำลังร้อนผ่าวด้วยความอับอายแทนเจ้าของเรื่อง ที่ตอนนี้กำลังยืนนึกเหตุการณ์วันที่เขาบอก ก่อนจะดีดนิ้วเปาะเมื่อนึกขึ้นได้ โดยที่ไม่ได้มีท่าทีกระดากอายอะไรแม้แต่น้อย

               “วันนั้นผมไม่ได้มีอะไรกับชินดนัยซะหน่อย คุณอย่าเพิ่งคิดไปเอง โดยที่ยังไม่เห็นได้ไหม” ธรณ์อดต่อว่าอีกฝ่ายไม่ได้ แค่ได้ยินเสียงเขาครางก็เอาไปคิดเป็นตุเป็นตะ

               “แล้วนายสองคนทำอะไรกัน อย่าบอกนะว่าเล่นเซ็กซ์โฟน”

               ธรณ์ไม่คิดเลยว่า พอคนสุขุมนุ่มลึกอย่างเขตแดนมาพูดจาทะลึ่งตึงตัง อีกฝ่ายจะพูดจาได้น่าเกลียดขนาดนี้ เขาเบ้ปากออกมาทันที ไม่ใช่ด้วยความรังเกียจ แต่คนอย่างธรณ์ อิสรพัฒน์ไม่เคยอดอยาก ขนาดต้องช่วยตัวเองด้วยเซ็กซ์โฟนเลยซักครั้ง เขตแดนจะดูถูกเขามากเกินไปแล้ว

               “บ้าหรือเปล่านะคุณ ผมกับชินไม่ได้มีอะไรกัน แล้วผมก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายด้วย”

               ไม่รู้ทำไมพอธรณ์บอกว่าไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย เขตแดนถึงได้รู้สึกพองในอก ราวกับความยินดีมันกำลังไหลเอ่อมาท่วมท้น จนไม่อาจจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ แค่คำพูดเพียงประโยคเดียว กลับทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความสุข เขา...กำลังเป็นอะไรอยู่กันแน่

               “แล้วที่วันนั้นนายคราง...”

               “ไม่ได้มีอะไรกันหรอก ชินแค่ช่วยผมปลดปล่อยก็แค่นั้นเอง”

               ธรณ์พูดเหมือนเรื่องปกติธรรมดาสามัญที่เพื่อนจะช่วยเพื่อน แต่ก็ทำเอาความสุขที่เพิ่งจะลอยตลบอบอวลของเขตแดนปลิวหายวับไปในทันที ดวงหน้าที่เมื่อครู่ยังระรื่นจนปิดไม่มิด เพียงไม่ถึงห้านาทีก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดยิ่งกว่ากดสวิตช์ แต่ไม่มีใครคิดจะมาใส่ใจหรือสังเกตสังกาแต่อย่างใด

               “แล้วทำไมชินถึงต้องช่วยนายด้วย”

               ถ้าไม่พูดความจริง ก็คงจะไม่มีทางคุยกันรู้เรื่องสินะ ถึงแม้จะเคยออกปากว่า เขตแดนจะเป็นคนสุดท้ายในโลก ที่ธรณ์อยากให้รู้ว่าเขาถูกมอมยา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า ธรณ์ต้องเป็นคนบอกเขตแดนออกไปเสียเอง ครั้นจะไม่บอก เขาก็คิดหาเหตุผลที่ชินดนัยต้องช่วยเขาไม่ออกเลยจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อเหตุผลนั้นต้องเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นสำหรับเขตแดนด้วยแล้ว ทางเดียวที่ธรณ์พอจะทำได้ก็คือ...บอกความจริง

               “ผมถูกมอมยา” ตอบออกไปแล้วธรณ์ก็ต้องเสหรุบตาลงต่ำ เหมือนเด็กที่ทำความผิดแล้วถูกผู้ใหญ่จับได้

               เขตแดนกลับต้องเป็นฝ่ายเบิกตากว้าง เขาทวนคำว่ามอมยาซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด ขนาดธรณ์ที่เขาเชื่อว่าเจนจัดยังพลาดถูกมอมยา โชคดีที่ธรณ์ยังรอดมาได้ ถ้าเป็นคนปกติทั่วไปเขาไม่อยากคิดเลย ว่าสุดท้ายจะลงเอยเช่นไร ถูกข่มขืน ถูกรูดทรัพย์ หรือถูกฆ่า

               “วันหลังนายก็ระวังหน่อยละกัน เดี๋ยวนี้ข้างนอกมันอันตราย โลกมันเปลี่ยนไปเยอะ ไม่ได้สวยงามอย่างที่นายคิดหรอก เรื่องเที่ยวน่ะเพลาๆได้บ้างก็ดี”

               “ก็หลังจากวันนั้นผมก็ยังไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนอีกเลย คุณก็เห็นอยู่”

               “ก็ดี หัดเข็ดหลาบซะบ้าง แต่สรุปแล้วคือ วันนั้นนายออกไปเที่ยว แล้วโดนมอมยา ชินดนัยก็เลยพานายกลับมาบ้านแล้วก็ช่วยนายแค่นั้นใช่ไหม ไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้นะ” เขตแดนเอ่ยทวนความเข้าใจของตนเองให้ธรณ์ฟังอีกรอบ

               “อืม...คุณนี่ถามอยู่นั่นแหล่ะ ผมบอกแล้วว่ากับชินน่ะเป็นแค่เพื่อน ผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย”

               “ฉันก็คิดว่านายกับชินดนัยมีอะไรกัน แต่ไม่มีอะไรกันก็ดีแล้วล่ะ”

               “มีได้ยังไงล่ะคุณ ขืนมีนะ...ผู้พันเขาเอาปืนมาส่องหัวผมพอดี” ธรณ์พูดติดตลก แต่เขตแดนถามกลับมาด้วยความสงสัย

               “ทำไมล่ะ ผู้พันเขาหวงน้องมากเลยหรือไง”

               “อย่ารู้เลย ไม่ใช่เรื่องของคุณหรอก” ธรณ์ตอบปัดไปอย่างไม่คิดที่จะเอามาเป็นประเด็น แล้วก็รีบเดินไปขึ้นรถที่เวธน์ขับมาจอดเทียบพอดี

               เขตแดนเองถึงแม้จะยังสงสัยกับคำพูดประหลาดของธรณ์ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอยากรู้อะไร เพราะถึงอย่างไรก็เป็นอย่างที่ธรณ์พูด ไม่ใช่เรื่องของเขา รู้ไปก็ไม่ได้อะไร อย่างน้อยเรื่องทั้งหมดที่รู้มาในวันนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เขานอนหลับฝันดีแล้ว


====================


               เป็นความโชคดีที่เที่ยวบินของอเล็กซ์ออกตอนดึก ทุกคนจึงมาส่งอเล็กซ์หลังเลิกงาน แม้จะเป็นคนไปรับอเล็กซ์ที่โรงแรม และมาส่งที่สนามบินด้วยตัวเอง แต่ชินดนัยก็ยังอดบ่นไม่ได้

               “ความจริงกูไม่เห็นจำเป็นต้องมาส่งมึงเลย เมื่อก่อนมึงบินไปบินมาก็ไม่เห็นต้องให้ใครมาส่ง”

               “มีน้ำใจกับเพื่อนหน่อยชิน แล้วนี่ผู้พันเขาไม่มาส่งกูด้วยเหรอ” อเล็กซ์ถามพลางสอดส่ายสายตามองหาคนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขา

               “ไม่มาหรอก กลับเข้ากรมไปแล้ว” ชินดนัยตอบอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่

               ซักพักธรณ์กับเขตแดนก็มาถึงสนามบิน หลังจากยืนปรึกษาหารือกัน สี่หนุ่มเลยตกลงว่าจะทานอาหารที่สนามบิน ก่อนที่อเล็กซ์จะต้องเข้าไปเช็คอิน และพอหนุ่มลูกครึ่งเช็คอินเรียบร้อยแล้ว คนที่มาส่งจะได้แยกย้ายกันกลับบ้านเสียที

               หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อย และเตรียมจะแยกย้ายจากกัน เขตแดนก็ส่งถุงกระดาษใบเล็กที่หิ้วมาตลอดทางให้กับอเล็กซ์ ที่เลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจทันที

               “ของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆน่ะ”

               ธรณ์เบ้ปากทันที ขณะปรายตามองถุงกระดาษใบเล็ก ที่แม้แต่เขายังไม่รู้ว่าข้างในเป็นอะไร

               “ความจริงคุณไม่ต้องให้อะไรอเล็กซ์ก็ได้นะ เพราะยังไงหมอนี่มันก็มีทุกอย่างอยู่แล้ว”

               “รับรองว่าของที่ฉันให้ อเล็กซ์ต้องยังไม่มีแน่ๆ” เขตแดนพูดยิ้มๆ

               พอได้ยินที่เขตแดนพูด ธรณ์กับชินดนัยเลยขมวดคิ้วด้วยความสงสัยทันที อะไรกันที่คุณชายคาร์เตอร์ยังไม่มี อเล็กซ์เองก็เหมือนจะรู้ใจเพื่อนรัก รีบหยิบของในถุงออกมาดูทันที ก่อนที่ชินดนัยจะเป็นคนหลุดเสียงหัวเราะออกมาคนแรก

               “อืม...กูก็มั่นใจว่ามึงยังไม่มีหว่ะ สมุดออแกร์ไนเซอร์ของอิสระคอนสตรัคชั่นเนี่ย”

               “ของชำร่วยของบริษัทกู” ธรณ์พึมพำเบาๆ

               “พวกมึงนี่ อย่างน้อยคุณเขตต์เขาก็มีน้ำใจเอามาให้ ไม่เหมือนพวกมึงสองคนที่เป็นเพื่อนกู แต่ไม่เคยคิดที่จะให้อะไร แล้วยังมีหน้ามาหัวเราะคนอื่นที่มีน้ำใจอีก”

               ชินดนัยได้แต่หัวเราะหึๆในลำคอ ไม่เถียงอะไร ส่วนธรณ์ก็เร่งให้อเล็กซ์เดินไปเช็คอิน แล้วจะได้รีบเข้าเกทไปซะ คนอื่นจะได้แยกย้ายกันกลับบ้านกลับช่องเสียที แต่สุดท้ายกว่าจะเรียบร้อยกันก็กินเวลาอีกนานโข พอส่งอเล็กซ์เดินเข้าเกทไปแล้วเรียบร้อย ชินดนัยก็แยกตัวกลับไปทันที

               “เราก็กลับกันเลยดีกว่า”

               ช่วงเวลาที่ไม่เข้าใจกัน แม้ไม่อาจจะเรียกร้องกลับคืนมาได้ แต่การสร้างช่วงเวลาที่มีความสุขก็ไม่ใช่เรื่องยาก ตราบเท่าที่แต่ละคนเรียนรู้ที่จะเปิดใจเข้าหากัน

               หลังจากเขตแดนและธรณ์เดินกันไปไม่ทันไร ร่างระหงที่เพิ่งเดินออกมาจากส่วนผู้โดยสารขาเข้าก็ขยับถอดแว่นกันแดดออก ดวงหน้าหลังกรอบแว่นดูสวยเฉี่ยว แม้อายุอานามจะมากพอสมควร หญิงสาวขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ยามเพ่งมองไปยังสองร่างที่เดินเคียงข้างกันไป

               “นั่นใช่ลูกชายฉันหรือเปล่า”

               “ใช่ครับ นั่นคุณเขตแดน เกียรติณรงค์ครับ”

               “คิดไม่ถึงเลยว่า ลูกชายฉันจะโตขนาดนี้แล้ว จำแทบไม่ได้เลย แล้วผู้ชายที่เดินอยู่ด้วยกันล่ะ รู้หรือเปล่าว่าเป็นใคร”

               “คุณธรณ์ อิสรพัฒน์ครับ เห็นว่าเพิ่งกลับมาจากอเมริกา และมีงานเลี้ยงเปิดตัวไปเมื่อคืนที่ผ่านมานี่เองครับ” ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำที่ยืนอยู่ข้างหลังตอบด้วยความนอบน้อม

               ริมฝีปากที่แต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสดเม้มแน่น ก่อนจะขยับเหยียดออกเป็นรอยยิ้ม ที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ว่า เจ้าของรอยยิ้มกำลังคิดอะไรอยู่


               “ธรณ์ อิสรพัฒน์ อิสรพัฒน์อีกแล้วหรือ?”


TO BE CONTINUE


๐ มาต่อแบบเร็วๆ และยาวๆจุใจค่ะ ตอนต่อไปคงจะอีกซักพัก ช่วงนี้เป็นช่วงที่หัวหมุนมาก
๐ ตอนนี้หวานอีกแล้ว พี่เขตต์กับธรณ์เขาเคลียร์กันแล้วเนอะ สองคนช่วยกันสร้างรังรักของเราสอง รอให้สร้างรังรักเสร็จก่อน เสร็จเมื่อไหร่ รังแตกแน่ๆ
๐ ชินดนัยยังคงมุ่งมั่นจะเก็บความลับต่อไป แต่ความลับไม่มีในโลกอยู่แล้วเนอะ สู้ๆชินดนัย
๐ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้มากๆเลยนะคะ เขียนไปอาจจะมีติดขัดบ้าง ติได้เลยค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2012 09:49:48 โดย Renze »

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
พี่เขตต์ดีใจล่ะสิ  :m12:



แต่รู้สึกว่าเหมือนดราม่าจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  :m29:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2012 12:46:59 โดย PetitDragon »

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ความลับมันไม่มีในโลกนะ เอาใจช่วยชินที่จะไม่ให้ธรณ์รู้ความลับอันนี้

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เข้ามากริ๊ดชินดนัยกับผู้พันชนวีร์


เหอๆ อวยคู่รอง

ออฟไลน์ sujusaranghae

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
แปลว่าพอเริ่มรักกันแล่วจะดราม่าหรอ
อยากอ่านต่อแต่รอได้ค่าา

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
อ๊าย

มีอีกคู่เหรอเนี่ย ชอบคนในเครื่องแบบ

ผู้พัน ^^

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
คลื่นลมสงบก่อนพายุจะมา

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
ความลับไม่มีในโลก
และแม่ของเขตแดนก็กำลังจะเป็นผู้สานต่อ ธรณ์ตอนรู้ความจริงจะขนาดไหนนะ เกลียดคนทั้งโลกไปเลยรึเปล่า
เกลัยดความรักระหว่างผู้ชายไปเลยมั้ย หรืออะไร หูยยยยยย ดราม่าจัดหนักแน่ๆ

It_s_me

  • บุคคลทั่วไป
คดีพลิกชินดนัย ที่แท้ก็ชายเหนือชายด้วยกัน โถๆๆ
คุณแม่เขตแดนดูท่าไทม่เบานะคะ น่าจะเป็นหนึ่งในอุปสรรคชิ้นโต

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
เคลียร์ไปหนึ่งเรื่อง เรื่องคืนนั้น ธรณ์ไม่ได้มีอะไรกับชินนะจ๊ะพี่เขต สบายใจยังพี่ พี่เขตดูหวงธรณ์มากจริง ๆ รักเค้าแล้วสินะ
ส่วนธรณ์ก็ร้อนอกร้อนใจต้องแก้ตัว เอ๊ย รีบเล่าความจริง ก็ดูใส่ใจพี่เขตเป็นพิเศษเช่นกัน ลุ้นต่อไปจ้า...
ชินขู่พ่อพี่เขตซะหงอเลยแอ๊ ภาพนั้นมันอาไร๊ เป็นอย่างที่คนอ่านเดารึป่าวนะ
แม่พี่เขตเปิดตัว เป็นผู้หญิงแบบไหน ยังไง ดูมีลับลมคมในนะ

ขอบคุณค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด