▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▬ " รักคืนรัง " ▬ 「จบบริบูรณ์」  (อ่าน 270168 ครั้ง)

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 o18


เอาปืนมายิง ง่ายกว่าไหม !

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ดีใจที่ไล่ผีไก่ออกจากร่างคุณเขตต์ได้ซะที


ค่อยสมเป็นประธานบริษัทหน่อย
และดูสมเป็นอดีตพี่ชายไม่ใช่อดีตภรรยา.... = ="

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
แหม ถามแบบนี้จะให้พี่เขต ตอบว่าอย่างไรรรรรรร


อ่านไปอ่านมาชักอยากให้เป็น ธรณ์เขต ซะแล้ว กร๊าก
  :laugh:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 :laugh:ผัวประธานไง

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
คำถามธรณ์ สะดุ้งกันเป็นแถบ 

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ยังไม่ถึงเวลาเลยธรณ์จะรีบถามทำไม
ตอบตอนนี้กับตอบเวลานั้นอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้
แต่ไม่ค่อยชอบนายเอกแนวนี้นะมั่วผู้หญิงเยอะมาก
กะให้เขตกดธรณ์เต็มที่

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
ถ้าพี่เขตตอบว่าเป็นผัวท่านประทานเค้าจะสะใจมาก o3
เด็กแบบธรณ์ต้องโดนกดและโดนสั่งสอนให้เจ็บแสบและหลาบจำ :o10:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
พูดงี้ ปล้ำเลยพี่เขตต์  :oo1:

ออฟไลน์ vanny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 286
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
แหม...........คำถามนี้ของธรณ์เล่นเอาไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

ก็แบบว่ายังรักพี่เสียดายน้องอยู่นะ จะเป็นธรณ์เขต หรือ เขตธรณ์ ก็ยังยากที่จะตัดสินใจ

รู้แต่ว่าคนหนึ่งก็ช่างยั่ว อีกคนหนึ่งก็ยั่วขึ้นเสียด้วย ไม่รู้ว่างานนี้ใครจะเพลี้ยงพล้ำก่อนกัน

 :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ qhanb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ผัวประธานผัวประธานผัวประธานผัวประธาน
ผัวประธานผัวประธานผัวประธานผัวประธาน
ผัวประธานผัวประธานผัวประธานผัวประธาน//ชูป้ายไฟ
 :impress2: :impress2: :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 4


               “ถ้าผมเป็นประธานบริษัท แล้วอดีตประธานอย่างคุณล่ะ จะดำรงตำแหน่งอะไร?...”

               สุดท้ายแล้วถ้อยคำถามของธรณ์ ก็เหมือนสายลมที่พัดผ่าน เพราะเขตแดนเพียงแค่เหยียดริมฝีปากออกเล็กน้อย ก่อนจะตอบคำถามอีกฝ่ายเสียงเรียบ

                “ถึงเวลานายก็รู้เอง”

               ธรณ์นั่งนิ่งอยู่บนเตียง มองแผ่นหลังของคนที่มาเยือนยามวิกาลด้วยสายตาครุ่นคิด ก่อนจะก้าวลงจากเตียง ชายหนุ่มเดินลงมาที่ห้องหนังสือ ผลักประตูออก เขานั่งลงตรงที่เคยเป็นที่นั่งประจำของคุณธีรยุทธ จังหวะที่กำลังหย่อนตัวลงนั่ง มือพาลปัดแฟ้มเอกสารสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะ ปกติมีเพียงเขตแดนที่มักจะแวะเข้ามาขลุกอยู่ที่ห้องหนังสือ แน่นอนว่าเจ้าของแฟ้มเอกสารก็ย่อมเป็นเขตแดน ความอยากรู้และมารยาทมันตีกันอยู่กลางอก ก่อนที่มือจะขยับเปิดแฟ้ม แล้วชายหนุ่มก็ต้องนิ่งชะงักงันกับความจริงที่กระแทกเข้ากลางแสกหน้า

               ที่ผ่านมาเขาติดตามข่าวการเสียชีวิตของผู้เป็นพ่อ ผ่านทางอินเตอร์เนตตลอด เพราะเลือกที่จะปิดหูปิดตา แต่จากข่าวที่เขาทราบคือคุณธีรยุทธประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทางรถยนต์ แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ากลับตรงกันข้ามกับข่าวที่เขารู้มา กรอบข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่ถูกตัดปรากฏแก่สายตา แม้กระดาษจะเหลืองกรอบและตัวหนังสือจะซีดจางตามวันและเวลา แต่ทุกข้อความยังชัดเจน


               ...ลอบสังหารนักธุรกิจเจ้าของอิสระคอนสตรัคชั่น นายธีรยุทธ อิสรพัฒน์ คาดฉนวนเหตุมาจากขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ...


               ความรู้สึกเมื่อรับทราบข่าวพลันต่างกัน เขาคิดว่า...เขตแดนจะต้องรู้คำตอบของทุกคำถามที่เขาสงสัย เมื่อแรกที่รู้ว่าคุณธีรยุทธเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ธรณ์นิ่งเฉยอย่างสงบ เพราะเขารู้ ทุกคนล้วนแต่มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตาย...ดูอย่างคุณแม่เขานั่นสิ ขนาดเสียคุณแม่ ซึ่งเปรียบเสมือนที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของธรณ์ ชายหนุ่มยังคงยืนหยัดอยู่มาด้วยความเข้มแข็ง และเพียงแค่เสียคุณพ่อ ซึ่งปกติก็ห่างเหินกันอยู่แล้ว นับครั้งที่จะคุยกันด้วยดีตามประสาพ่อลูก ธรณ์จึงเพียงแค่รู้สึกว่าตนเองก็แค่สูญเสีย เรื่องที่จะมาคร่ำครวญเป็นวรรคเวรนั่นนับว่าน่าหัวเราะสิ้นดี

               หากบัดนี้...เมื่อความจริงต่างจากสิ่งที่รับรู้มาตลอด ความรู้สึกจึงย่อมเปลี่ยนด้วยเช่นกัน แม้ระหว่างเขากับผู้เป็นพ่อ ยังเหมือนมีกำแพงที่ขวางกั้นอยู่ แต่เลือดครึ่งหนึ่งของเขา...ก็คือเลือดอิสรพัฒน์ที่ถ่ายทอดมาจากคุณธีรยุทธ แม้จะนึกชิงชังผู้เป็นพ่อมากแค่ไหน แต่ธรณ์คิดว่า...ด้วยสิทธิ์ความเป็นลูก เขามีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริงทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณธีรยุทธ

               เสียชีวิตเพราะถูกลอบสังหาร ความรู้สึกหลังรับรู้ย่อมต่างจากเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ เพราะอุบัติเหตุมันยากที่จะควบคุม แต่ถูกลอบสังหาร...ย่อมต้องมีคนบงการ เร็วเท่าความคิด ธรณ์รวบแฟ้มเอกสารมาแนบกับอก ก่อนจะก้าวพรวดออกจากห้องหนังสือ และมาหยุดหน้าห้องที่เขตแดนพัก เคาะประตูเป็นจังหวะสามที แล้วชายหนุ่มก็ยืนรอด้วยความอดทน ก่อนที่เจ้าของห้องซึ่งสวมชุดนอนเรียบร้อยแล้วจะเปิดประตูออกมา ธรณ์เดินเบียดเจ้าของห้องเข้ามานั่งอยู่บนเก้าอี้ ชนิดที่เจ้าของห้องถึงกับนิ่วหน้าเล็กน้อย นอกจากถูกรบกวนยามวิกาลแล้ว ผู้มารบกวนยังทำตัวไร้มารยาทอีก

                “ผมต้องการรู้ทุกเรื่อง...ตามความจริง” เอ่ยจบ ธรณ์ก็เหวี่ยงแฟ้มเอกสารลงบนเตียง

               เขตแดนทำเมินเฉยต่อการกระทำของชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่า เขาเพียงแค่คว้าแฟ้มเอกสารขึ้นมาดู แต่พอเห็นสันแฟ้มชัดเจนก็ชะงักกึก ก่อนจะเป็นฝ่ายยืนนิ่งงัน เขารู้ดีว่าตัวเองเก็บแฟ้มที่ห้องหนังสือ เพราะวันก่อนหยิบออกมาดูแล้วลืมเก็บ แต่เพราะชายหนุ่มคิดเองว่า ปกติธรณ์เองก็ไม่เคยคิดที่จะย่างกรายเขาห้องหนังสือ เขาจึงปล่อยแฟ้มอยู่ที่เดิม นี่ก็นับเป็นความสะเพร่าของเขาเอง ธรณ์เองก็เห็นอาการชะงักงันของเขตแดน จึงรีบสืบเท้าเข้ามาหาเขตแดน

                “ผมต้องการรู้สิ่งที่ผมควรจะรู้...เกี่ยวกับคุณพ่อของผม”

                “ก็ยังดีที่นายยังยอมรับว่าคุณอาเป็นพ่อของนาย”

                “กรุณาตอบคำถามที่ผมถามด้วย...คุณเขตแดน เกียรติณรงค์”

               เขตแดนเผยอริมฝีปากเล็กน้อย คล้ายจะยิ้มและคล้ายจะเยาะ เด็กผู้ชายอวดดีที่ทำตัวเสมือนคล้ายจะตัดขาดจากผู้เป็นพ่อ กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา และเรียกร้องอยากรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับพ่อของตนเอง มันช่างน่าขันเหลือเกิน ที่สุดท้ายแล้ว...คนที่วิ่งหนีก็กลับต้องเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหา

                “ก็อย่างที่นายเห็น อายุทธถูกลอบยิงตามที่ข่าวลง” เขตแดนเอ่ยเหมือนเป็นเรื่องปกติ

               คงมีเพียงแค่คุณธีรยุทธ คุณสงคราม และเขตแดนที่รู้ ว่าพวกเขาต่างผ่านช่วงเวลาดังกล่าวมาด้วยความยากลำบาก ช่วงเวลาแห่งความเป็นตายของคนหนึ่งคน ที่มีผู้รับรู้เพียงสองคน คุณสงครามยืนกรานที่จะแจ้งแก่ธรณ์ แต่คุณธีรยุทธเอ่ยเพียงแค่ว่า...

                ‘อย่า...อย่าบอกความจริงธรณ์’

               สุดท้ายแล้ว คุณสงครามและเขตแดนเลยต้องเลือกที่จะทำตามคำสั่งของคุณธีรยุทธ อำนาจเงินของอิสรพัฒน์บันดาลจนทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่ายดาย กลับซ้ายเป็นขวา กลับขาวเป็นดำ กลับข่าวลอบสังหารเป็นข่าวอุบัติเหตุ

                “คุณควรจะบอกผม ว่าพ่อของผมถูกฆ่า แทนที่จะปล่อยผมคิดเองเออเองว่าพ่อผมประสบอุบัติเหตุ” ธรณ์เอ่ยเสียงกร้าว ขณะที่เขตแดนยังคงนิ่ง แม้ว่าความจริงแล้วชายหนุ่มเองก็กำลังร้อนรนกับความจริงที่ถูกเปิดเผยออกมาเช่นกัน เพราะความจริงที่เปิดเผยออกมา มันเกี่ยวพันถึงบุคคลอื่นมากกว่าที่ธรณ์คิด อย่างน้อยก็คุณธีรยุทธที่หลับสบายแล้ว ตัวเขาเอง และคุณสงครามผู้เป็นพ่อ

               มีหนังสือพิมพ์เพียงฉบับเดียวที่ลงข่าวตามเหตุการณ์จริง ก่อนจะถูกบิดเบือนด้วยอำนาจเงินของอิสรพัฒน์ ซึ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นความต้องการของคุณธีรยุทธก่อนเสียชีวิต และผู้ดำเนินการก็คือคุณสงคราม เพราะคุณธีรยุทธรู้จักลูกชายตัวเองดี ว่าธรณ์จะมีปฏิกิริยากับข่าวอย่างไร หากเพียงแต่ธรณ์รู้ความจริง

               บางที...คุณธีรยุทธก็คือคนที่รู้จักธรณ์ อิสรพัฒน์ดีที่สุด!!

                “ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความต้องการของอายุทธ” เขตแดนเลือกที่จะเอ่ยอีกอย่างแทน

                “แต่ผมมีสิทธิ์ที่จะรู้”

                “ตอนนี้นายเองก็รู้แล้ว ก็ปล่อยทุกอย่างดำเนินตามที่อายุทธต้องการเถอะ อายุทธเองก็มีเหตุผลของท่านที่จะปิดบัง อย่ามาขุดคุ้ยเลย เอาเวลามุ่งมั่นกับตำแหน่งว่าที่ประธานบริษัท สิ่งสุดท้ายที่อายุทธคาดหวังจากนายดีกว่า”

                “อย่ามาพูดเหมือนรู้จักพ่อผมดีกว่าผม คุณมันก็แค่คนนอก”

               ถ้าเป็นยามที่อารมณ์ปกติ ธรณ์คงพร้อมที่จะรับมือกับเขตแดน แต่ยามนี้มันยากที่จะควบคุมอารมณ์กับสิ่งที่เพิ่งรับรู้ ชายหนุ่มเหวี่ยงหมัดหมายจะอัดเข้าหน้าหล่อคมของคนที่กำลังยืนนิ่ง แต่เขตแดนก็คว้าข้อมือธรณ์แน่น ก่อนจะกระซิบข้างหูเสียงดุ

                “ควบคุมอารมณ์หน่อย ธรณ์ อิสรพัฒน์ ฉันอายุมากกว่านายเจ็ดปีนะ เคารพกันบ้าง”

               ธรณ์นิ่งชะงัก เมื่อถูกต่อว่า เขาผ่อนลมหายใจยาว ก่อนจะบิดข้อมือออกจากการยึดเหนี่ยวของเขตแดน นาน...กว่าอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของชายหนุ่มจะสงบ แล้วชายหนุ่มก็เอ่ยคำพูดที่แม้แต่ตัวเองยังต้องตกตะลึง

                “ขอโทษ...”

                “เรื่องมันผ่านมาแล้ว ฉันกับพ่อก็ยังคอยตามเรื่องอย่างเต็มที่ แต่อย่างที่รู้...ถึงมือปืนถูกจับกุม แต่กลับไม่ยอมให้การซัดทอดถึงผู้บงการ”

                “ผม...”

                “ปล่อยเป็นธุระของฉันกับพ่อดีกว่า นายเอาเวลามาเรียนรู้งาน ก่อนที่จะต้องดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเถอะ” เขตแดนเอ่ยตัดบท แล้วก็เดินมาเปิดประตูห้องเป็นอันยุติการสนทนา เขายืนรอจนธรณ์ที่กำลังมึนงงเดินออกจากห้อง แล้วจึงปิดประตูลง

               ลับร่างของธรณ์แล้ว เขตแดนก็ยืนนิ่งควบคุมอารมณ์ตนเองจนเกิดความสงบ ต้องยอมรับเลยว่า พอพูดถึงเรื่องคดีความที่ยืดเยื้อมานาน มันก็เหมือนการสะกิดแผลเก่า ที่เหมือนกับเพียงแค่ถูกปิดพลาสเตอร์ รอวันเวลาที่พลาสเตอร์จะถูกกระชากออกมา และพบว่า...ความจริงแล้วแผลที่คิดว่าเก่า กลับยังสดอยู่

                “ผมพยายามที่จะช่วยพ่อแล้วนะ ที่เหลือก็สุดแท้แต่หลานรักของพ่อแล้วล่ะครับ”

====================

               ธรณ์เดินกระแทกเท้ากลับมาที่ห้องด้วยความหงุดหงิด แท้จริงแล้วชายหนุ่มก็ยังเป็นเพียงคนหนุ่มวัยคะนอง จากเหตุการณ์เมื่อครู่ ธรณ์ก็รู้ทันทีว่า นอกจากตนเองจะอ่อนวัยกว่าเขตแดนแล้ว เขายังอ่อนประสบการณ์ และขาดการควบคุมอารมณ์อยู่อีกมาก ถึงจะมีหลายหน ที่เขาเป็นฝ่ายที่พยายามจะยั่วโทสะเขตแดน แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่า...ความจริงแล้วตัวเขานั่นแหล่ะ คือฝ่ายที่รู้สึกเดือดดาล ยามที่เห็นเขตแดนเพิกเฉย

               ถึงธรณ์จะพยายามหลอกตัวเอง ว่าเขาชิงชังเขตแดน แต่ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ ความจริงที่ว่า ธรณ์พยายามเรียกร้องความสนใจจากเขตแดน เพราะเกลียดสายตาที่มองตนเองอย่างหมางเมิน อยากมีตัวตนสำหรับเขตแดน เกลียดที่อีกฝ่ายเอาแต่เรียกหา ‘อายุทธ’ เอาแต่ชื่นชมผู้เป็นพ่อของเขา สุดท้ายแล้ว...ธรณ์ก็เป็นแค่เด็กที่ขาดความอบอุ่นคนหนึ่ง ที่ต้องการคนมาดูแล

               ธรณ์บอกตัวเองว่า...เขาเกลียดพ่อ ที่รักและห่วงเขตแดนมากกว่าเขาผู้เป็นลูก
               เขาเกลียดเขตแดน...ที่แสดงความชื่นชมพ่อเขาอย่างออกนอกหน้าจนเขานึกชัง

               เขาจึงเหลือเพียงแค่ลุงคราม...ลุงครามที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของธรณ์ ธรณ์เชื่อ...ว่าลุงครามรักและจะไม่มีวันหักหลังธรณ์อย่างเด็ดขาด

               ธรณ์พยายามหยุดความคิดเกี่ยวกับเขตแดน ก่อนจะดึงตัวเองกลับมายังสิ่งที่เพิ่งรับรู้ แม้จะรู้ดีว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแปร ทุกอย่างต้องดำเนินตามกฎหมาย แต่...บางทีกฎหมายก็ดำเนินช้ากว่าที่ธรณ์จะสามารถอดทนรอ เขาพร่ำบอกตนเองว่า การเรียกร้องความยุติธรรม และหาตัวคนบงการ เป็นการกู้คืนศักดิ์ศรีของอิสรพัฒน์ ไม่ใช่เป็นการทำเพื่อคุณธีรยุทธ ผู้เป็นบิดา เพราะอนาคต เขาเองก็ต้องก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริษัท การลอบสังหารประธานบริษัทคนเก่าก็เปรียบเสมือนกับการหยามหน้าอิสรพัฒน์ เขาเองก็เป็นอิสรพัฒน์คนหนึ่ง เขาจะต้องสืบเสาะหาตัวผู้บงการมาดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด จะช้าหรือจะเร็ว ธรณ์ก็จะรอ แม้ว่าบางทีผลลัพธ์ของการขุดคุ้ยสิ่งที่คุณธีรยุทธพยายามปิดบัง อาจจะนำมาซึ่งสิ่งที่ยากจะคาดเดาก็ตามที

               ถึงจะพร่ำบอกตัวเองว่าเป็นการทำเพื่ออิสรพัฒน์ แต่คงมีเพียงเจ้าตัวที่รู้ ว่าเขากำลังทำเพื่ออิสรพัฒน์ หรือทำเพื่อผู้เป็นพ่อที่ล่วงลับ

               พอมาคิดถึงสิ่งที่ตนเองหมายมาด ธรณ์ก็ควานหาโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ตรงหัวเตียงมา ก่อนจะกดหมายเลขที่ถูกบันทึกเป็นหมายเลขด่วน เพื่อความสะดวกเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน ฟังเสียงเพลงรอสายอยู่เพียงชั่วครู่ ปลายสายก็กดรับด้วยความรวดเร็ว

                ((โทรศัพท์มาหากูกลางดึก มีธุระหรือเปล่า))

               ด้วยอำนาจและเส้นสายของท่านนายพลผู้เป็นพ่อ ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับชินดนัย ขอเพียงแค่เพื่อนรักออกปาก ชินดนัยก็พร้อมจะช่วยเหลือเพื่อนรักอย่างเต็มที่

                “กูเพิ่งรู้เรื่องคดีความของพ่อกู ที่กูคิดว่าเป็นอุบัติเหตุมาตลอด ความจริงแล้ว...พ่อกูถูกลอบฆ่า”

               ปลายสายนิ่งเงียบลงทันที ชินดนัยก็ยังคงเป็นชินดนัย ที่รู้จักธรณ์เป็นอย่างดี แม้สิ่งที่เห็นภายนอก คือภาพของสองพ่อลูกที่ขัดแย้งกัน แต่คนที่อยู่กับธรณ์มาตลอดอย่างชินดนัย บางทีก็รู้จักธรณ์ดีกว่าเจ้าตัวเสียอีก

                ((ธรณ์...มึงโอเคหรือเปล่า?))

                “กูโอเค แต่กูอยากรู้ทุกเรื่องที่กูควรรู้ บางทีกูก็รู้สึกเหมือน...เหมือนเป็นคนโง่เลยหว่ะมึง”

               ยามอยู่กับชินดนัย ธรณ์ก็คือธรณ์ ที่อยากจะระบายทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองคิด เพราะสำหรับธรณ์แล้ว ถึงจะรักลุงครามมาก แต่ลุงครามก็เป็นเหมือนพ่อมากกว่า เขาก็ยังคงต้องการคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันมาคอยรับฟังเขา

                ((แล้วทำไมข่าวถึงออกมาว่าเป็นอุบัติเหตุล่ะ?))

                “คุณเขตต์เขาบอกว่า เป็นความต้องการของพ่อกู กูว่า...มันประหลาด ประหลาดมาก มึงลองสืบดูทีนะชิน กูอยากรู้ทุกเรื่องเลย”

                ((มึงเชื่อกูเถอะธรณ์ ว่าแต่มึงโอเคนะ กูขับรถไปหามึงที่บ้านดีหรือเปล่า)) ชินดนัยเอ่ยถามเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง

                “ไม่เป็นไรชิน กูโอเค พรุ่งนี้กูต้องเริ่มทำงานแล้วด้วย”

                ((มึงก็พยายามอย่าหาเรื่องคุณเขตต์เขามากล่ะ))

                “หึหึ...กูเพื่อนมึงนะ”

               ธรณ์คุยกับชินดนัยอยู่อีกซักพักก่อนจะวางสาย เพราะอยู่ลำพังมานาน หลายหนที่ต้องพึ่งตัวเอง หลายหนที่ต้องกอดตัวเอง จนบางทีมันก็ชินชา อาจจะมีบ้างที่พยายามหาคนมาเคียงข้างกาย แต่มันก็อบอุ่นแค่ชั่วข้ามคืน ก็แค่เพื่อนนอน...สำหรับคืนที่ฝันร้าย

               เอาเถอะ...เขาจะอ่อนแอแค่คืนเดียว แล้วพรุ่งนี้จะกลับมาเป็นธรณ์ อิสรพัฒน์ที่ทุกคนรู้จัก

====================
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2012 09:37:50 โดย Renze »

ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25

               รถยนต์คันหรูสมศักดิ์และศรีของผู้บริหารแล่นฝ่าการจราจรที่ติดขัดของเช้าวันจันทร์ มาจอดที่หน้าอาคารสูงลิบบนย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร พอผู้บริหารหนุ่มก้าวลงมาจากตอนหลังของรถยนต์ รถพอร์ชนำเข้าสีดำคันหรูก็แล่นตามเข้ามา ก่อนจะเลยเข้าสู่ลานจอดรถ

               ท่านประธานบริษัทวัยยี่สิบเก้า ยืนรอคนที่จะมาเริ่มทำงานวันแรกจอดรถจนเรียบร้อย แรกที่เห็นอีกฝ่ายแต่งกายด้วยชุดทำงาน เพลย์บอยหนุ่มดูดีจนเขตแดนเองยังต้องนึกชม ว่าถอดแบบความสง่างามจากคุณธีรยุทธมาเกือบทุกกระเบียดนิ้ว

               ชายหนุ่มสองคนที่เดินเคียงกันมา และมีคนสนิทอย่างเวธน์คอยเดินประกบตามหลัง เรียกสายตาของพนักงานเกือบทุกคน ยิ่งบรรดาพนักงานหญิงยิ่งมองกันชนิดเหลียวหลัง ปกติเหล่าพนักงานหญิงสาวก็แอบชื่นชมท่านประธานอยู่แล้ว ยิ่งวันนี้ท่านประธานยังพาชายหนุ่มหล่อจัดมาด้วยอีกคน จึงเรียกเสียงฮือฮาตลอดทาง

                “ผมขอแนะนำ...นี่คุณธรณ์ อิสรพัฒน์ ลูกชายคุณธีรยุทธ จะมามาเริ่มทำงานที่นี่วันนี้วันแรก” พอเขตแดนเอ่ยแนะนำตัวชายหนุ่ม พนักงานทุกคนก็รีบยกมือไหว้ทันที เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงลูกชายของประธานบริษัทคนเก่า และทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของตระกูลที่ก่อตั้งบริษัท

                “อย่าไหว้ผมเลยครับ ผมเพิ่งอายุยี่สิบสองเอง ตามสบายกันดีกว่า คิดซะว่าผมเป็นพนักงานเหมือนพวกคุณนี่แหล่ะ” ธรณ์เอ่ยก่อนจะแย้มริมฝีปากโปรยเสน่ห์

               พอผ่านประชาสัมพันธ์ของบริษัทเข้ามา ก็จะถูกแยกออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือลิฟท์สำหรับพนักงานและผู้ที่มาติดต่อ อีกส่วนหนึ่งคือลิฟท์สำหรับผู้บริหาร

               ส่วนแรกที่เขตแดนพาธรณ์มาแนะนำคือ แผนกการเงินและการบัญชี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจ ผู้จัดการแผนกก็เป็นคนเก่าแก่ที่เคยทำงานกับคุณธีรยุทธมาก่อน จากนั้นจึงเป็นแผนกการตลาด ที่ทำงานควบคู่กับทีมขาย ทีมขายคอยหาลูกค้า ส่วนแผนกการตลาดคอยสำรวจตลาดและวางแผนการขาย แผนกบุคคล ที่มีหน้าที่รับผิดชอบบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล เขตแดนพาธรณ์เดินดูงานเรื่อยมา จนมาหยุดที่ห้องทำงานของประธานบริษัทที่อยู่ชั้นบนสุด แยกตัวเป็นเอกเทศจากทุกแผนก

                “ปกติฉันจะอยู่ที่ห้องเกือบตลอด ยกเว้นว่ามีงานข้างนอก ถ้ามีธุระหรือสงสัยก็แวะมาได้ตลอด”

                “แล้วที่ทำงานของผมล่ะ”

               เขตแดนเบี่ยงตัวออกมานอกห้องทำงานของตนเอง และเดินนำธรณ์ลงมาชั้นที่อยู่ถัดจากห้องทำงานของเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งของแผนกต่างประเทศ เวธน์เองก็ยืนรออยู่ก่อนแล้ว

                “นี่คือแผนกต่างประเทศ ปกติแผนกต่างประเทศจะประสานงานกับเวธน์ แล้วถึงค่อยผ่านเรื่องมาที่ผม ต่อจากนี้คุณก็มาดูแลแผนกต่างประเทศ” เขตแดนเอ่ยแนะนำ

                “แล้วหัวหน้าแผนกคนเก่าล่ะครับ?” ธรณ์เอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะถ้าเกิดเขามาดูแลแผนกต่างประเทศ แล้วหัวหน้าคนเก่า...?

                “ผมเองครับ แต่ตอนนี้ก็เป็นความารับผิดชอบของคุณธรณ์แล้วล่ะครับ”

               ธรณ์พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ เขตแดนเห็นว่าทุกอย่างเริ่มลงตัว จึงเดินกลับห้องของตนเอง เหลือเพียงเวธน์กับธรณ์ เวธน์เรียกชายหนุ่มคนหนึ่งออกมา พออีกฝ่ายยกมือทำท่าจะไหว้ ธรณ์ก็รีบจับมืออีกฝ่ายแล้วส่ายศีรษะทันควัน

                “เดี๋ยวผมแก่เร็วพอดีครับ ผมเพิ่งอายุยี่สิบสองเอง อายุน้อยกว่าคุณอีก คิดซะว่าผมเป็นเพื่อนร่วมงานคุณละกัน ผมอยากเรียนรู้งาน คุณ...”

                “ภวินท์ครับ แต่คุณธรณ์จะเรียกผมว่าวินก็ได้ครับ”

                “คนนี้เขาเก่งครับคุณธรณ์ นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ยังชำนาญภาษาจีนกับญี่ปุ่นอีก ปกติเขาจะทำหน้าที่ประสานกับคู่ค้าต่างชาติน่ะครับ หรือบางทีก็อาจจะควบตำแหน่งล่ามด้วย”

               ธรณ์มองอีกฝ่ายด้วยความทึ่ง ส่วนเวธน์อยู่แนะนำงานอีกเล็กน้อยก็ขอตัว ภวินท์จึงพาธรณ์มายังโต๊ะที่เตรียมไว้ เพราะเวธน์แจ้งเขาล่วงหน้าเรียบร้อย ว่าลูกชายของท่านประธานคนเก่าจะมาทำงานที่แผนกต่างประเทศ

====================

               วันแรกของการทำงาน ธรณ์นั่งศึกษาข้อมูลจากแฟ้มเอกสารที่เขาร้องขอจากภวินท์ ส่วนมากจะเป็นเอกสารการเจรจาติดต่อกับต่างประเทศ ซึ่งก็มีคู่ค้าที่เป็นซัพพลายเออร์ เนื่องจากบริษัทมีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ และคู่ค้าที่เป็นลูกค้า เพราะอิสระคอนสตรัคชั่นเองก็มีการทำตลาดต่างประเทศ ส่วนมากมักจะเป็นแถบอาเซียนและตะวันออกกลาง มีบ้างที่อาจจะเป็นประเทศทางแถบตะวันตก

               ธรณ์นั่งศึกษาข้อมูลที่รับเอามาจากภวินท์ด้วยความเพลิดเพลิน แถมยังเข้าดูฐานข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเอง แล้วจดรายละเอียดลงสมุดเล่มเล็ก นับว่าเป็นงานที่เหมาะสมและตรงกับความชอบของเขาเลยทีเดียว เพราะชายหนุ่มเรียนจบด้านการตลาด และศึกษาวิชาธุรกิจระหว่างประเทศเป็นวิชาเสริม

               ดูเหมือนธรณ์จะเพลิดเพลินจนลืมเวลา พอรู้สึกตัวอีกที ตอนเงยหน้าขึ้นมาบิดตัวขจัดความเมื่อยขบ ก็ต้องชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นท่านประธานกำลังยืนพิงผนังและมองมาที่เขาอยู่ พอเห็นธรณ์เหลียวซ้ายแลขวา เขตแดนจึงเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ

                “คนอื่นเขาพักกลางวันกันหมดแล้ว เหลือนายอยู่คนเดียวเนี่ยแหล่ะ”

               ธรณ์กวาดตาดูอีกรอบ แล้วก็จึงเห็นว่าจริงตามที่เขตแดนพูด เพราะแผนกต่างประเทศ เหลือธรณ์นั่งอยู่เพียงลำพัง เขตแดนปรายตามองโต๊ะทำงานของธรณ์ ก่อนจะเอ่ยเหมือนพูดกับตัวเองคนเดียว

                “เดี๋ยวจะเรียกคนมากั้นห้องละกัน แยกออกมาเป็นสัดส่วนน่าจะเหมาะกว่า”

                “แล้วแต่ท่านประธานเถอะครับ ว่าแต่อุตส่าห์มาถึงนี่ อย่าบอกนะว่าแค่มาดูความเรียบร้อยที่ทำงานของผม” ธรณ์ถาม มือก็เก็บรวบเอกสารและข้าวของของตนเอง

                “ฉันคิดว่าบอกนายแล้วเสียอีก ว่าตอนบ่ายเราจะเข้าโรงงานที่สมุทรสาครกัน ถึงนายจะดูแลฝ่ายต่างประเทศ แต่สำหรับว่าที่ประธานบริษัทแล้ว...นายจำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง”

               บอกแล้วว่าธรณ์จะอ่อนแอแค่คืนเดียว เพียงแค่ชั่วข้ามคืน ธรณ์ก็กลับมาเป็นคนเดิม ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้เดินมาประชิดตัวเขตแดน ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วคล้ายจะท้าทาย

                “รวมถึงต้องรู้เรื่องของคุณด้วยหรือเปล่าครับ”

               แต่ถ้าธรณ์คิดว่าเขตแดนจะยอมอ่อนข้อเหมือนทุกที คงต้องบอกว่าเพลย์บอยหนุ่มคิดผิดถนัด เพราะแทนที่เขตแดนจะผละหลบอย่างที่ธรณ์หวัง นักธุรกิจหนุ่มกลับเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ

                “ฉันยินดีจะบอกเรื่องของตัวเอง ถ้านายคิดว่าเรื่องของฉัน ‘สำคัญ’ สำหรับนาย”

               เขตแดนเน้นคำว่า ‘สำคัญ’ จนธรณ์รู้สึกหน้าชา ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันคิดหาวิธีแก้เกมส์ตอบโต้ อีกฝ่ายก็เดินลิ่วออกจากห้องเรียบร้อย ธรณ์เดินตามมาทันตอนที่ประตูของลิฟต์เปิดพอดี

               บางทีแล้ว...สิ่งที่สายตามองเห็นอาจจะไม่ใช่อย่างที่เห็น คิดว่ารู้จักกันดีพอ แต่ความจริงแล้วกลับเป็นเสมือนคนแปลกหน้าต่อกัน

               เขตแดน...อาจจะไม่ได้สุภาพและเคร่งขรึมอย่างที่ธรณ์คิด
               และธรณ์...ก็อาจจะไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่เขตแดนคิด

               จิ้งจอกเหลี่ยมจัดอาจยังต้องพ่ายแพ้ต่อราชสีห์ที่แก่ด้วยประสบการณ์

====================

               เวธน์เอารถมารออยู่ที่หน้าอาคารแล้วเรียบร้อย พอเขตแดนเห็นธรณ์เหลียวมองยังลานจอดรถ ที่มีรถคันหรูจอดอยู่ก็นึกรู้ทันที จึงเอ่ยบอกคนรักรถที่มัวแต่ยืนลังเล ความอยากขับรถของตนเองก็มีเต็มเปี่ยม แต่ความแปลกที่แปลกทางก็มีอยู่เช่นกัน

                “นายน่ะมากับฉัน เพราะฉันขี้เกียจมานั่งเสียเวลารอนายเปิดจีพีเอสงมหาทาง ส่วนรถของนาย จะเรียกรถมายกกลับบ้านหรือจอดอยู่ที่นี่ก็คิดเอาเองละกัน ถ้าจะรถยกมายกกลับก็บอกเวธน์ล่วงหน้า แต่ถ้าจะจอดค้างคืนที่นี่ พรุ่งนี้เช้านายก็มากับฉัน ที่นี่มีเวรยามคอยดูแลความปลอดภัยตลอดอยู่แล้ว”

               พอเสนอทางเลือกแก่ธรณ์เสร็จ เขตแดนรอเวธน์เดินมาเปิดประตูหลัง ส่วนตนเองก็ยืนกดดันธรณ์ ธรณ์หรี่ตามองเล็กน้อย ก่อนจะก้าวขึ้นรถด้วยความจำนน

               จากอาคารสำนักงานบนถนนสายธุรกิจของกรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าสู่โรงงานที่จังหวัดสมุทรสาครกินเวลาราวชั่วโมงเศษ และเนื่องจากตอนที่ออกจากบริษัทเป็นเวลาเที่ยง เขตแดนจึงสั่งเวธน์เลี้ยวรถเข้าสู่ถนนบางขุนเทียนชายทะเล ก่อนจะแวะร้านอาหารเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน เพราะเขาเองก็รีบร้อนพาธรณ์ออกมา จนลืมทานอาหารกลางวันมาจากที่บริษัท

               ร้านอาหารที่เวธน์เลือก เป็นร้านที่มีลูกค้าพอประมาณ เป็นแพริมน้ำอยู่บนวังกุ้ง เขตแดนเป็นฝ่ายเดินนำธรณ์เข้ามาหายังโต๊ะอาหารด้วยความชำนาญ ส่วนเวธน์เองขอรออยู่ที่รถ เพราะทานจากที่บริษัทมาเรียบร้อยแล้ว จึงเหลือเพียงแค่เขตแดนกับธรณ์ที่ต้องมาร่วมโต๊ะกันตามลำพัง

               พอเห็นสายตาของธรณ์ที่เหลียวมองรอบข้าง เขตแดนก็นึกอยากจะเป็นฝ่ายเอาคืนทันที

                “กลัวที่ต้องอยู่กับฉันสองคนเหรอ”

               ธรณ์แทบจะลืมชัยชนะที่สวยงามของตัวเองที่มีต่อเขตแดนที่ห้องหนังสือทันที เขาตวัดตามามองเขตแดน เหมือนอีกฝ่ายกำลังพูดภาษาต่างดาว แม้จะรู้ดีว่าเขตแดนกำลังเป็นต่ออยู่ แต่ด้วยนิสัยของธรณ์ มันก็ยากที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ของตนเอง

                “ตลกหรือเปล่า? ผมเนี่ยนะจะต้องมากลัวคุณ นี่ถือเป็นมุกระหว่างรอพนักงานมาจดรายการอาหารหรือเปล่าครับ?”

                “ก็ดี อย่ามากลัวทีหลังละกัน” เขตแดนตอบเสียงเรียบ แล้วก็ตัดบทด้วยการเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร

               นักธุรกิจหนุ่มสั่งอาหารอย่างชำนาญ เขาจัดแจงสั่งอาหารทะเลมาสามอย่าง แล้วก็ข้าวเปล่าสองจาน พอสั่งจนเสร็จแล้วก็นั่งกอดอกมองคนที่เอาแต่ทอดสายตามองวังกุ้ง

               เขตแดนยอมรับเลยว่า...ธรณ์ อิสรพัฒน์มีเสน่ห์อย่างล้นเหลือ มันเป็นเสน่ห์แบบผู้ชาย ที่ขนาดผู้ชายด้วยกันอย่างเขายังต้องยอมรับว่าดูดีเหลือเกิน ดวงหน้าขาวที่หล่อจัดของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา คือผู้ชายที่หญิงสาวหลายคนหมายปอง เขาพยายามคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายบางคนจะทำตัวเป็นเพลย์บอย คบหาผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่...

               พอผู้ชายคนที่ว่าคือธรณ์ อิสรพัฒน์ เขตแดนกลับรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่าน

               เขาคิดว่า...เพราะตอนนี้ตัวเองเปรียบเสมือนผู้ปกครองของอีกฝ่าย เขาจึงต้องรับรู้ทุกอย่างและมีหน้าที่คอยดูแลอีกฝ่าย ตามที่คุณธีรยุทธมอบหมาย ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะคุณธีรยุทธต้องการชดเชยเวลาเจ็ดปี ที่ปล่อยธรณ์อยู่ตามลำพังที่ต่างแดน

                “คุณจะมองผมอีกนานหรือเปล่า?”

               กลับกลายเป็นธรณ์ ที่เป็นฝ่ายปลุกเขตแดนออกจากภวังค์ความคิดของตน พอเขตแดนรู้ตัว เขาก็กำลังประสานสายตาอยู่กับธรณ์แล้วเรียบร้อย แต่เขตแดนก็ยังเป็นคนที่เรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์เมื่อต้องเผชิญหน้ากับธรณ์ เขาจึงตีหน้านิ่งสนิทเหมือนเดิม

                “เพิ่งรู้ว่าถ้าเป็นผู้ชายนี่ห้ามมองหน้านาย”

                “อยากมองก็มองเถอะ แต่สายตาคุณที่มองน่ะ...เห็นแล้วมันน่าขนลุกชะมัด คิดอะไรกับผมหรือเปล่าครับคุณเขตแดน”

               ความจริงแล้ว สายตาที่เขตแดนมองธรณ์ ก็เป็นสายตาปกติ เพียงแต่ธรณ์ธรณ์แค่คิดอยากจะเอาคืนอีกฝ่าย ที่ทำเขาแพ้มาหลายยก ธรณ์ก็แค่หวังว่าจะเห็นหน้าตาตกตะลึงของเขตแดน แต่ดูเหมือนวันนี้ จะมีแต่ธรณ์ที่ต้องเป็นฝ่ายถูกต้อนจนมุมอยู่เพียงฝ่ายเดียว

                “แล้วถ้าฉันคิดล่ะ...”

               ธรณ์ถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง จนต้องไอโขลกหน้าดำหน้าแดง ขณะที่คนพูดยังคงตีหน้านิ่งเรียบเฉย มีเพียงดวงตาที่แสดงความเหนือกว่าออกมาอย่างชัดเจน ก่อนจะปิดท้ายด้วยคำพูด ที่ทำเอาธรณ์นึกหมายหัวเขตแดน และหมายมาดว่าจะต้องเป็นฝ่ายเอาคืนอย่างแน่นอน

                “หึหึ ถูกฉันต้อนจนมุมตลอดเลยนะ ชัยชนะนี่มันหอมหวานดีเหลือเกิน นายคิดเหมือนฉันหรือเปล่า ธรณ์ อิสรพัฒน์”


TO BE CONTINUE


๐ เป็นเรื่องที่เขียนแล้วแอบเครียด รังสีความเป็นเคะและเมะเริ่มฉายออกมานิดหน่อย
๐ เขียนยากมาก กว่าจะจบแต่ละตอน ปาดเหงื่อสิบตลบ ซึนคู่เลย นายเอกก็ซึน พระเอกก็ซึน
๐ น้อมรับทุกคำติชมนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่ะ รักคนอ่านทุกคน ตอนหน้าอีกนานเลยค่ะ นี่เอามาแปะกันลืม  :pig4:

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
เรื่องมันซับซ้อนจริงๆ รู้สึกสงสารเขตเหมือนต้องแบกอะไรไว้เยอะแยะ

เอิ่ม...รู้สึกว่าตอนนี้เขตแดนเริ่มเผยตัวตนออกมาทีละน้อย เค้ากลัวแทนหนูธรณ์เลยอ่ะ

หนูธรณ์โดนไปหลายดอกนะตอนนี้ จะเอาคืนยังไงหละเนี่ย ฮ่าๆๆ (แต่หนูธรณ์ถ้าจะเอาคืนต้องเผื่อใจไว้บ้างน้า)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2012 20:13:30 โดย ○TeaCafé○ »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
พี่เขตต์ยอมรับแล้วสิว่าเริ่มมองน้องธรณ์ เหอ ๆ เจ้าเล่ห์จริง

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
งวดนี้เขตแดนนำโด่ง

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 o18

กระอักกระอ่วน

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
เรื่องนี้ดูมีปมเยอะนะเนี่ย
น่าสนุุกค่า ติดตามๆ


 :pig4: นะคะ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ดีใจที่ได้เจอท่านประธานเขตค่า ^^

ตอนนี้เขตเท่ชะมัด ฮิ้ววววววววววววววว
รออ่านว่า จะเดินเกมยังไง ว่าแต่.....เมื่อไหร่จะเข้าใจตัวเองล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ Ra poo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
โหยยยย เราเชียร์ ธรณ์เขต อ่ะ ยังมีหวังอยู่ม้ายยยยยยย
ซิกๆ เค้าชอบคนแก่โดนกดอ่ะ มันสะใจ หึหึ
แต่เหมือนชัดเจนแล้วว่า เรื่องนี้เขตธรณ์ แง้ :o12:
(สลับกันก็ดีนะคะ เท่าเทียมๆ)

ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8
สนุกดีคะ :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
แอบผิดหวังเล็กน้อย เราเชียร์ธรณ์ลุกอ่า  :z3:

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
แอ๊ยยยยยพี่เขตแอบคิดอะไรกับน้องธรณ์

 :-[

ออฟไลน์ anuruk97

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-4
ชอบจัง...+1ให้นะค่ะ

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
เด็กแบบนี้ต้องโดนกำราบ  o18

ออฟไลน์ Kaame

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ไม่ใช่คนนิ่ง ๆ แบบที่คิดสิน้า - . -

It_s_me

  • บุคคลทั่วไป
ชอบเวลาที่ธรณ์โดนพี่เขตต้อนจนจนมุมจริงๆ
มันให้ความรู้สึกประมาณ "ฝีมือยังห่างชั้นกันนัก ไอ้น้อง"
เขตแดนดูจะหลงเสน่ห์ธรณ์เข้าซะแล้วสิ
เชียร์พี่เขตสุดใจกระเทียมเจียว ขอให้ปราบเด็กพยศได้ในเร็ววัน
แต่ดูแววแล้วคงไม่นานหรอกเนอะ :z2:

ออฟไลน์ liptudzii_chi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เรารักเรื่องนี้มีหลายๆๆตอนให้เราอ่านนะ :-[ :-[ :กอด1:

ออฟไลน์ Ra poo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
แอบมาดัน ฮึบๆๆ

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
เอาแล้วไงคุณเขตต์ ไม่ธรรมดาจริงๆด้วยน้า อิอิ :m20:

ออฟไลน์ Renze

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +423/-25
“ รักคืนรัง ”

ตอนที่ 5



          หากตัดความอคติของตนเองออก ธรณ์ต้องยอมรับเลยว่า เขตแดนเป็นผู้ชายที่เหมาะสมกับตำแหน่ง ‘ประธานบริษัท’ มากกว่าเขา ผู้ซึ่งเป็นทายาทตัวจริงเสียอีก นับตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามายังโรงงาน ธรณ์เฝ้าจับตาดูการทำงานของเขตแดนด้วยความทึ่งเกือบตลอดเวลา

          ภาพของผู้บริหารหนุ่มถูกสลัดออก พร้อมกับสูทสีดำสนิทที่ถูกถอดออกและฝากเอาไว้ที่เวธน์ ก่อนที่เขตแดนจะรับเอาชุดพร้อมหมวกนิรภัยจากผู้จัดการโรงงานมาสวม และส่งอีกชุดมาให้กับธรณ์ ซึ่งชายหนุ่มก็รับมาสวมด้วยความเก้กัง ต่างจากเขตแดนที่ดูคุ้นเคย จนทุกอากัปกิริยาเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ

          ส่วนมากเขตแดนจะเป็นคนแนะนำส่วนการผลิต ที่แยกออกมาอย่างเป็นระบบให้แก่ธรณ์ นอกเสียจากว่าเป็นข้อมูลเชิงลึก ผู้จัดการโรงงานที่เดินตามหลังจึงเป็นฝ่ายเอ่ยเสริม ตลอดทางที่เดินตรวจดูโรงงาน ธรณ์ก็ต้องประจักษ์แก่สายตาตนเองว่า นอกจากพ่อของเขาจะยอมรับเขตแดนแล้ว พนักงานทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งคนงานที่ทำงานอยู่สายการผลิตก็ยังยอมรับเขตแดน

          ธรณ์ฟังเขตแดนอธิบายจนจบสิ้นทุกกระบวนความแล้ว จึงผ่อนฝีเท้าลงมาเดินคู่กับเวธน์ ปล่อยให้ผู้จัดการโรงงานเป็นคนคอยรายงานความเรียบร้อยของเขตแดน

          “ปกติคุณเขตแดนเข้ามาที่โรงงานบ่อยหรือครับ”

          “โดยปกติแล้ว คุณเขตต์จะต้องเข้ามาตรวจโรงงานทุกสัปดาห์ครับ”

          พนักงานทุกคนมักจะเรียกเขตแดนว่า ‘คุณเขตต์’ มากกว่าจะเรียกว่า ‘ท่านประธาน’ ซึ่งธรณ์รู้มาจากเวธน์ว่า มันเป็นความต้องการของเขตแดนเอง ยกเว้นเวลาติดต่อกับหน่วยงานภายนอก พนักงานทุกคนถึงจะเรียกเขตแดนว่า ‘ท่านประธาน’ ให้สมกับศักดิ์และศรีของอีกฝ่าย

          ธรณ์เชื่อมั่นมาตลอดว่าตนเองเป็นคนสุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่การเดินตรวจตราโรงงานที่มีขนาดกว้างขวาง ก็ทำเอาชายหนุ่มถึงกับเหงื่อตก เขาเผลอหลุดยิ้มแหยออกมาเล็กน้อย เมื่อเวธน์ยื่นผ้าเย็นมาให้ ก่อนจะรับมาเช็ดหน้าเช็ดตาบรรเทาความอ่อนล้า

          “เจ้านายของคุณฟิตน่าดูเลยนะครับ” ธรณ์เอ่ยกับเวธน์ สายตาก็มองเขตแดนที่ยังเดินเคียงอยู่กับผู้จัดการโรงงาน

          “คุณเขตต์เดินตรวจเป็นประจำจนชินน่ะครับ ถ้าเป็นผม ผมก็เหนื่อยเหมือนคุณธรณ์ล่ะครับ”

          ธรณ์ขยับเน็คไทด์ของตนเองจนคลายตัวเล็กน้อย ก่อนจะปลดกระดุมเม็ดบนสุดออก แล้วเอาผ้าเย็นวางแปะบนลำคอของตนเอง แม้จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่เพราะการเดินตรวจโรงงาน มันต่างจากการวิ่งออกกำลังรอบสวนสาธารณะ และยิ่งธรณ์เองเพิ่งเดินทางมาจากเมืองหนาว แถมบางส่วนของโรงงานยังค่อนข้างอบอ้าว ดวงหน้าขาวจัดจึงซับสีเลือดแดงก่ำ จนเวธน์เองยังต้องออกปากทักด้วยความเป็นห่วง

          “คุณธรณ์...ไหวหรือเปล่าครับ? หน้าคุณแดงมากเลยนะครับ”

          ธรณ์โบกไม้โบกมือเป็นเชิงบอกเวธน์ว่าเขายังไหว แม้ว่าแท้จริงแล้วจะรู้สึกอ่อนล้าและวูบพอสมควร แต่เพราะด้วยทิฐิอันแรงกล้าเพียงอย่างเดียว ว่าจะต้องแสดงตนว่าเข้มแข็งต่อหน้าเขตแดน ธรณ์จึงยังคงฝืนยืนหยัดอยู่ แม้ร่างกายจะเริ่มประท้วง

          เวธน์มองเจ้านายของตนอีกคนด้วยความเป็นห่วง เพราะแค่ดูด้วยสายตาก็รู้ทันที ว่าธรณ์กำลังฝืนตัวเองอยู่ เขากับธรณ์ยืนพักอยู่เพียงครู่เดียว เขตแดนก็เดินกลับมาด้วยท่าทางที่ปกติ หลังจากเขาสรุปงานกับผู้จัดการโรงงานเรียบร้อยแล้ว พอเขตแดนเดินมาถึงตรงที่ธรณ์ยืนอยู่ เวธน์จึงออกปากทันที

          “คุณเขตต์กับคุณธรณ์รออยู่ตรงนี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมไปเอารถมารับดีกว่า”

          เขตแดนขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย แต่ไม่ได้ซักถามอะไรออกมา เพราะพอจะเห็นอาการของธรณ์อยู่ว่าดูไม่ปกติเท่าไหร่นัก เป็นธรณ์เสียอีก ที่รีบร้องห้ามเวธน์

          “ไม่เป็นไรหรอกคุณเวธน์ เดี๋ยวเดินไปพร้อมกันเหมือนตอนขามาก็ได้”

          เวธน์ขยับจะทักท้วง แต่เห็นว่าแม้แต่เขตแดนเอง ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา จึงต้องยอมทำตามความต้องการของธรณ์ เขาขยับเดินนำไปไม่กี่ก้าว ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเหมือนของหล่น แต่คงเป็นของที่มีขนาดใหญ่น่าดู พอหันกลับมาก็เห็นว่าเขตแดนประคองธรณ์อยู่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเอ่ยสั่งกับเวธน์เสียงเฉียบขาด

          “ฉันกับคุณธรณ์จะรออยู่ที่นี่ นายรีบไปเอารถมา”

          เวธน์รับคำแล้วก็รีบเดินไปยังลานจอดรถด้วยความรวดเร็ว พอคนสนิทของเขตแดนเดินห่างไปไม่เท่าไหร่ ธรณ์เองก็พยายามจะขืนตัวเองออกมาจากการพยุงของเขตแดน จนผู้บริหารหนุ่มต้องเอ็ดออกมาด้วยความเหลืออด


          “อย่าอวดดีน่า ธรณ์ อิสรพัฒน์ ถ้าเหนื่อยก็พัก จะฝืนไปทำไม”


          “ผมไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย แค่อากาศมันร้อน” ธรณ์ค้านเสียงเบาก่อนจะหลบสายตาเสีย เพราะแม้เขตแดนจะจ้องมาด้วยดวงตาคมดุ แต่ประกายบางอย่างที่เจืออยู่ มันพาลเอาเขานึกถึง... ‘พี่เขตต์’ ที่เขาเคยวิ่งตามเมื่อสมัยยังเล็ก

          “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่นายพยายามสร้างเกาะกำบัง พยายามเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวของตัวเอง ไม่มีใครว่าอะไรหรอกนะ ถ้าเกิดนายจะอ่อนแอบ้าง”

          “ยิ่งอยู่กับคุณ ผมยิ่งอ่อนแอไม่ได้” ประโยคที่หลุดออกมาจากริมฝีปากของธรณ์เบาหวิว แต่สำหรับเขตแดน มันดังชัดเจนจนต้องเอ่ยถาม...

          “ทำไม? ฉันอยากรู้เหตุผล”

          แต่มันเป็นคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ ธรณ์ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ เมื่อเห็นว่าเวธน์ขับรถมาถึงพอดี เขาขืนตัวออกจากการพยุงของเขตแดน และเดินตรงไปที่รถ ที่เวธน์เปิดประตูคอยอยู่แล้ว เขตแดนยืนมองจนธรณ์ก้าวขึ้นรถเรียบร้อย ก่อนจะเดินตามมาที่รถ ริมฝีปากหยักขยับพูดพึมพำด้วยประโยค ที่คงมีเพียงเจ้าตัวที่ได้ยิน


          “ฉันไม่อยากบีบให้นายต้องแสดงความอ่อนแอเท่าไหร่หรอกนะ แต่ฉันคงจำเป็นต้องทำ ตราบใดที่นายยังไม่ยอมเป็นตัวของตัวเอง”

====================

          นับว่าเป็นความโชคดีของธรณ์ ที่ขากลับ เวธน์เพียงแค่ส่งเขาลงหน้าคฤหาสน์ เพราะเขตแดนต้องไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับคู่ค้าทางธุรกิจต่อ  ชายหนุ่มจึงได้มีโอกาสอยู่ตามลำพัง

          “คุณธรณ์จะรับอาหารเย็นเลยไหมคะ?”

          “ขอเป็นอีกซักครึ่งชั่วโมงดีกว่าครับป้าอุ่น เดี๋ยวผมค่อยลงมานะครับ”

          ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องของตัวเอง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความอ่อนล้า นึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เขาควบคุมตัวเองจนแค่รู้สึกวูบ ถ้าเกิดเขาเป็นลมเป็นแล้งต่อหน้าเขตแดน เขาจะต้องรู้สึกอับอายมากกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน

          ธรณ์เชื่อมั่นมาตลอดว่า สิ่งเดียวที่จะพิสูจน์ว่าเขาเหมาะสมมากกว่าเขตแดน คือเขาจะต้องอยู่เหนือเขตแดน และการจะอยู่เหนือเขตแดน ธรณ์จำเป็นที่จะต้องเข้มแข็งและแสดงแต่ความแข็งแกร่งออกมา แม้ว่าบางครั้งมันจะบั่นทอนความเป็นตัวของตัวเองก็ตามที

          ชายหนุ่มนอนพักอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำ หวังว่าสายน้ำที่เย็นฉ่ำจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้น แต่ธรณ์ควรจะเรียนรู้ว่า ปัญหามักจะต้องแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่แก้ที่ปลายเหตุ

          อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ธรณ์ก็เดินลงมาข้างล่าง ป้าอุ่นเรือนกำลังจัดสำรับอยู่พอดี ธรณ์เดินมาชะโงกหน้าดูแล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

          “ทำไมป้าอุ่นถึงทำข้าวต้มล่ะครับ”

          “คุณธรณ์ไม่อยากทานข้าวต้มเหรอคะ”

          เด็กก็ย่อมเป็นเด็กอยู่วันอย่างค่ำ และเด็กอย่างธรณ์ไหนเลยจะตามทัน ผู้ใหญ่ที่มากด้วยประสบการณ์อย่างป้าอุ่นเรือน ที่เห็นโลกนี้มานักต่อนัก เพียงแค่ประโยคเดียวที่ป้าอุ่นเรือนถามกลับ ธรณ์ก็ส่ายหน้าก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อน

          “เปล่าครับ แค่ธรณ์คิดว่า ข้าวต้มนี่เขาต้องทานตอนเช้ากัน”

          “ไม่มีกฎตายตัวหรอกค่ะคุณธรณ์ จะทานเช้าก็ได้ จะทานเย็นก็ได้”

          “อย่างนี้ ถ้าเกิดผมอยากทานของหวานก่อนของคาวได้ไหมล่ะครับ” ธรณ์แกล้งหยอกป้าอุ่นเรือนทีเล่นทีจริง แต่คำตอบที่ได้รับกลับทำเอาชายหนุ่มชะงัก

          “ได้สิคะ อะไรก่อนอะไรหลัง ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวหรอกค่ะ ทุกอย่างนี่เพราะมนุษย์เราเป็นคนกำหนดทั้งนั้น ถ้าเราไม่ยึดติด รู้จักปล่อยวางซะบ้าง ทุกอย่างจะง่ายกว่าเดิมเยอะเลย”

          “ก็จริงของป้านะครับ”

          ป้าอุ่นเรือนเดินกลับเข้าไปในห้องครัวแล้ว แต่ธรณ์ยังคงนั่งละเลียดข้าวต้ม พร้อมกับคิดถึงถ้อยคำที่ป้าอุ่นเรือนเพิ่งพูดกับเขา

          หรือว่า...เขากำลังยึดติดกับอะไรบางอย่าง บ้าน่า...ถ้าจะมีคนที่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ ธรณ์ว่าคนนั้นควรจะเป็นเขตแดนมากกว่า

          ชายหนุ่มสะบัดศีรษะ ไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตนเอง สนใจแต่ชามข้าวต้มตรงหน้า อาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้เขาโดนเขตแดนต้อนจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ถึงได้รู้สึกว่าเกราะกำบังของตัวเองมันหายไป และตัวเขากำลังอ่อนแอกว่าปกติ

          เขาจะยอมให้เขตแดนมามีอำนาจอยู่เหนือเขาไม่ได้ เขาต่างหากที่จะต้องเป็นคนไล่ต้อนเขตแดน ไม่ใช่เป็นคนถูกต้อน ธรณ์คิดอย่างหมายมาด ดวงตาดำขลับเป็นประกายวาววับ เมื่อเห็นว่ารถของตัวเองถูกนำมาส่ง และจอดอยู่หน้าคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว เขาจะทำให้เขตแดนรู้ว่า...


          ชาติเสือไม่ทิ้งลายฉันใด เพลย์บอยอย่างธรณ์ อิสรพัฒน์ ก็ไม่มีวันทิ้งเขี้ยวเล็บฉันนั้น

====================

          หลังจากส่งธรณ์กลับบ้านแล้ว เขตแดนก็ตรงกลับมาทำงานต่อที่ออฟฟิศ โดยไม่ลืมที่จะสั่งให้เวธน์แวะเอาชุดสูทสำหรับไปงานที่ร้าน ชายหนุ่มนั่งเซ็นเอกสารได้ไม่กี่แผ่น ก็ต้องวางปากกาลง

          แม้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขตแดน คือการผลักดันให้ธรณ์ก้าวขึ้นมาเป็นประธานบริษัทอย่างภาคภูมิ แต่ย่อมไม่ใช่ประธานบริษัทที่ปราศจากความเป็นตัวของตัวเอง เพราะความที่ต้องเจรจาธุรกิจและติดต่อประสานงานกับคนมากมาย เขตแดนเองจึงเรียนรู้การใส่หน้ากากเข้าหากัน จนมันกลายเป็นเรื่องปกติของสังคมไปแล้ว แต่สำหรับธรณ์...สิ่งเขตแดนสัมผัสได้ มันไม่ใช่หน้ากาก แต่มันเป็นเกราะกำบัง

          ก๊อกก๊อกก๊อก...เขตแดนถอนหายใจยาว ก่อนจะออกปากอนุญาตให้เวธน์เข้ามาได้ คนสนิทของผู้บริหารหนุ่มเอาสูทมาแขวนไว้กับราว จากนั้นจึงจัดวางของทุกอย่างให้เป็นระเบียบ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน เขตแดนรอจนเวธน์จัดการอะไรเรียบร้อยแล้ว จึงเอ่ยปากถามเสียงเรียบ

          “นายโทรบอกป้าอุ่นแล้วใช่ไหม ว่าให้ทำข้าวต้มให้ธรณ์”

          “เรียบร้อยแล้วครับคุณเขตต์”

          เขตแดนไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ส่วนเวธน์ พอจัดของจนเรียบร้อยแล้วก็ขอตัวทันที นักธุรกิจหนุ่มเซ็นเอกสารอยู่อีกไม่กี่ฉบับ ก็รวบเก็บข้าวของ เขาเดินตรงเข้าไปในส่วนรับรองที่มีห้องอาบน้ำในตัว ใช้เวลาเพียงไม่นาน เขตแดนก็จัดการกับตนเองจนเรียบร้อย และอยู่ในชุดสูทสากลที่พร้อมสำหรับการไปร่วมงาน ซึ่งยิ่งขับรัศมีของชายหนุ่มให้ดูโดดเด่นและน่าเกรงขามกว่าเดิม

          ความจริงแล้ว เขตแดนเองก็ไม่ใช่บุคคลประเภทที่ถูกโฉลกกับพวกงานสังสรรค์เท่าไหร่นัก แต่เรียกว่าเลี่ยงไม่ได้โดยภาระและหน้าที่จะดีกว่า บางทีเขาก็คิดว่า มันอาจจะเหมาะกับธรณ์มากกว่าตัวเขาเสียอีก กับการเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์พบปะของบรรดาแวดวงไฮโซ

          ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ถ้าไม่ใช่เพราะตำแหน่งประธานบริษัท ขอบอกเลยว่า...

          คนอย่างเขตแดน เกียรติณรงค์เกลียดงานเลี้ยงสังสรรค์เป็นที่สุด!!

====================

          งานเลี้ยงที่จัดเป็นงานในแวดวงนักธุรกิจ แต่นักธุรกิจหลายท่านก็พาภรรยาหรือลูกหลานมาเปิดตัว นัยว่าเป็นการปูลู่ทางสำหรับอนาคต ส่วนเขตแดนเอง นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานบริษัท ทั้งที่อายุยังน้อย เขาก็กลายเป็นนักธุรกิจไฟแรงที่ถูกจับตามอง เรียกว่าไปร่วมงานไหน ก็มักจะได้รับความสนใจเสมอ เช่นเดียวกับงานนี้ ที่เขตแดนย่างท้าวเข้าไปในงานไม่ทันไร นายกสมาคมธุรกิจก่อสร้างก็เป็นฝ่ายเข้ามาทักทายกับเขตแดนก่อน

          “คิดว่างานนี้คุณเขตแดนจะไม่มาแล้วเสียอีก”

          “ยังไงก็ต้องมาครับ เพราะท่านนายกอุตส่าห์ให้เกียรติเป็นประธานจัดงานทั้งที คนในวงการเดียวกันอย่างผมยิ่งไม่ควรพลาด” เขตแดนตอบพร้อมกับขยับมุมปากเล็กน้อย ที่เจ้าตัวรู้ดีว่า นี่ก็เป็นเพียงแค่หน้ากากที่สวมเข้าหากันเท่านั้น ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่หวังผลประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น

          ท่านนายกสมาคมเป็นชายวัยกลางคน ที่มาพร้อมภรรยาและลูกสาว ซึ่งดูแล้วก็รู้ทันทีว่าอายุน้อยกว่าเขตแดนพอสมควร พอท่านนายกทักทายกับเขตแดนพอหอมปากหอมคอ ก็ขอตัวเลี่ยงไปทักทายคนอื่นบ้าง เหลือแต่ภรรยากับลูกสาวที่ยังคงชวนเขตแดนคุยอย่างต่อเนื่อง แม้จะเบื่อหน่ายมากแค่ไหน แต่ชายหนุ่มก็จำใจต้องอดทน เพราะนี่คืออีกหนึ่งบทบาทความรับผิดชอบที่เขารับมา

          “นี่ลูกสาวพี่เองค่ะคุณเขตแดน น้องเจน เพิ่งเรียนจบด้านแฟชั่นดีไซน์มาจากนิวยอร์กเองค่ะ” แม้อายุอานามของภรรยาท่านนายก น่าจะไล่เลี่ยกับแม่ของเขตแดน แต่เธอก็ยังแทนตัวเองเป็นพี่ได้อย่างไม่เคอะเขิน

          “เจนจิรา ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”

          ถ้าจะบอกว่านี่เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเขตแดน ก็คงจะเป็นการโกหกคำโต ไม่ใช่ครั้งแรกที่บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ที่รู้จัก หรือแม้กระทั่งไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อน จะพยายามพาลูกสาวของตัวเองมาแนะนำกับเขา ส่วนมากก็เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจทั้งนั้น

          “คุณเขตแดนคะ พี่ฝากดูน้องเจนหน่อยนะคะ พอดีน้องเจนไม่รู้จักใครเลย”

          เขตแดนไม่มีโอกาสตอบรับหรือปฏิเสธ ภรรยาท่านนายกก็ปล่อยลูกสาวคนสวยไว้กับเขาเรียบร้อย เขากำลังจะหาทางหลบเลี่ยง แต่ก็ต้องชะงัก เพราะคำพูดที่หลุดออกมาจากริมฝีปากบางของหญิงสาว

          “คุณเขตแดน เป็นผู้ปกครองของธรณ์ใช่ไหมคะ?”

          ไม่แปลกที่เจนจิราจะรู้จักธรณ์ ในเมื่อคุณแม่ของเธอเพิ่งแนะนำว่า เธอเองก็เพิ่งจบมาจากนิวยอร์ก แต่ในบรรดาผู้หญิงที่รู้จักกับธรณ์ เขตแดนมั่นใจเลยว่า แต่ละคนคงมีสถานะไม่ต่างกันซักเท่าไหร่

          “ครับ”

          “ดีจังเลยนะคะ เจนเองก็สนิทกับธรณ์เหมือนกัน แต่กลับมาเมืองไทย นี่ยังไม่มีโอกาสได้เจอธรณ์เลย”

          ไม่ต้องอาบน้ำร้อนมาก่อน ไม่ต้องมากประสบการณ์ แค่มองตาหญิงสาว เขตแดนก็รู้ถึงจุดประสงค์ของอีกฝ่ายทันที เขานึกอยากจะแค่นหัวเราะและถามกลับว่า หญิงสาวท่าทางหัวอ่อนและเรียบร้อยคนเมื่อครู่หายไปไหนเสีย แต่ก็เพียงแค่กระตุกมุมปากเล็กน้อย

          “ถ้าสนิทกัน ก็ลองติดต่อหาธรณ์ดูสิครับ คงไม่ยากเท่าไหร่”

          คำพูดของเขตแดนไม่ได้ตีความยากอะไรเลย ถ้าสนิทกันคงไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะติดต่อหาธรณ์ เว้นเสียแต่ว่าจะไม่สนิทจริงมากกว่า เขตแดนยิ้มเยาะออกมาเล็กน้อย เมื่อเห็นหญิงสาชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ ไม่ทันไรก็หลุดเสียแล้ว สำหรับบางคน...เปลือกสวยงามที่ห่อหุ้มไว้ก็ถูกกะเทาะออกง่ายดายเสียเหลือเกิน เพียงเพราะคำพูดแค่ไม่กี่คำ

          น่าแปลก...ที่เขามีปัญญากะเทาะเปลือกคนที่ไม่รู้จัก แต่กลับไม่มีปัญญาทำให้ธรณ์เป็นตัวของตัวเอง

          เขตแดนเดินผละออกมาจากเจนจิราไม่ทันไร ก็เห็นเวธน์เดินปรี่เข้ามาหาด้วยท่าทางเคร่งเครียด ชายหนุ่มนึกสังหรณ์ใจทันที และก็ไม่ผิดไปจากที่คิดเท่าไหร่

          “ป้าอุ่นเรือนแจ้งว่า คุณธรณ์ออกจากบ้านไปครับ”

          “ตั้งแต่เมื่อไหร่”

          “ซักสองทุ่มครึ่งได้ครับ”

          เขตแดนก้มดูนาฬิกาข้อมือตนเอง ตอนนี้ก็สามทุ่ม ความจริงแล้วจุดประสงค์ที่เขามาร่วมงานคราวนี้ ก็เพราะท่านรัฐมนตรีจะมาร่วมเป็นเกียรติในงานด้วย เขาจะได้ถือโอกาสคุยเรื่องโครงการประมูลก่อสร้างกับท่านรัฐมนตรี ไม่ว่ายังไงเรื่องงานก็ต้องมาก่อน เพราะต่อให้เขากลับไป ธรณ์ก็ไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์อยู่ดี

          “เดี๋ยวฉันจะอยู่รอคุยกับท่านรัฐมนตรี ยังไงนายก็ลองพยายามติดต่อธรณ์ดูละกัน”

          เวธน์พยักหน้ารับ และถ้าเขตแดนสังเกตซักนิด คงจะเห็นสีหน้าลำบากใจของเวธน์ ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มไม่พยายามติดต่อหาธรณ์ แต่มันติดต่อไม่ได้ต่างหาก เพราะเจ้าตัวเล่นตัดสายทิ้งตลอดน่ะสิ!

====================

          ทั้งที่คิดว่าระมัดระวังตนเองเป็นอย่างดี แต่เพราะมัวแต่นั่งเหม่อคิดนู่นคิดนี่จนไม่ทันระวัง แถมเขาเองก็นั่งอยู่ในวงล้อมของผู้หญิงหลายคน ชนแก้วไปก็หลายแก้ว มีคนส่งมาป้อนถึงปากก็หลายรอบ ครั้นจะปฏิเสธก็กลัวเสียมารยาท จนไม่รู้ว่าไปพลาดท่าเสียทีใครเข้าตอนไหน แต่ธรณ์ก็ยังพยายามฝืนพาตัวเองเดินมายังห้องน้ำ

          ชายหนุ่มวักน้ำมาล้างหน้า ก่อนจะเอามือตบหน้าตัวเองเป็นการเรียกสติ แม้จะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่ไม่น้อย มือก็ควานหาโทรศัพท์ที่มีสายไม่ได้รับหลายสาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเวธน์ทั้งนั้น แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะมาสนใจในเวลานี้ ธรณ์กดโทรออกไปที่หมายเลขโทรด่วนที่ตั้งเอาไว้ รอจนอีกฝ่ายรับสายจึงรีบบอกด้วยเสียงสั่นพร่า ที่เจ้าตัวพยายามสะกดกั้นอารมณ์เต็มที่

          “ชิน กูอยู่ที่ผับ มึงนั่งแท็กซี่มารับกูนะ ไม่ต้องเอารถมา กูโดนยา”

          ธรณ์วางสายจากชินดนัยแล้วก็พยายามข่มอารมณ์ เขาหายใจสะท้าน พยายามไม่สนใจอาการปวดหนึบช่วงกลางลำตัว ที่เริ่มจะประท้วงออกอาการ โชคดีที่เขายังครองสติได้อยู่บ้าง ความจริงก็ไม่ถือว่าครองสติได้หรอก เพราะสำหรับเพลย์บอยอย่างธรณ์ อิสรพัฒน์แล้ว ไม่เคยมีคำว่าเมาอยู่ในพจนานุกรม แต่ที่ต้องมาพลาดท่าเสียทีก็ถือเป็นอีกเรื่อง

          ในเมื่อสี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง เพลย์บอยอย่างธรณ์ก็ต้องมีวันที่โดนมอมยาเช่นกัน

          ธรณ์พยายามฝืนพยุงตัวเองออกมายังลานจอดรถ ถ้าเมื่อวานเป็นวันที่แย่สำหรับธรณ์ วันนี้คงต้องเรียกว่าเลวร้ายกันเลยทีเดียว ชายหนุ่มปลดล็อครถของตัวเอง ก่อนจะขึ้นไปนั่งตรงเบาะข้างรอชินดนัย ไม่ลืมที่จะสตาร์ทเครื่องและเร่งแอร์จนเย็น เพื่อดับความร้อนรุ่มในร่างกายของตนเอง

          เวลาแต่ละนาทีที่ผ่านไป ช่างนานแสนนานในความรู้สึกของธรณ์ ความจริงเขาจะหิ้วใครซักคนไปปลดปล่อยความใคร่ก็ได้ แต่ในสภาพที่ตัวเองไม่สมบูรณ์ ธรณ์ไม่อยากจะพลาดพลั้งทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัว นั่งอึดอัดอยู่ซักพัก ชินดนัยก็โทรเข้าเครื่องของธรณ์

          “กูอยู่ที่รถ จอดอยู่ตรงลานจอดรถด้านนอก”

          วางสายไปเพียงแค่อึดใจ ประตูฝั่งคนขับก็ถูกกระชากเปิดออก ชินดนัยมองเพื่อนรักที่นั่งตัวสั่น คุดคู้อยู่กับเบาะรถด้วยความเป็นห่วง แม้อยากจะเอื้อมมือไปแตะตัวอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่เขาก็ต้องยับยั้งชั่งใจ ทำได้เพียงแค่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

          “ไหวหรือเปล่ามึง ให้กูแวะโรงแรมแถวนี้ไหม”

          “ไม่เป็นไร พากูกลับบ้านเลยดีกว่า”

          ไม่ต้องรอให้ธรณ์บอกซ้ำ ชินดนัยก็กระชากรถออกจากลานจอดรถทันที ระหว่างทางก็ชวนธรณ์คุยไปตลอดทาง เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องไปพะวักพะวงกับอย่างอื่น แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ ที่จะต้องเอ่ยปากถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

          “แล้วมึงรู้หรือเปล่าว่าใครวางยา”

          “ไม่รู้หว่ะ กูผิดเองแหล่ะ ไม่ทันระวัง มีคนส่งมาหลายแก้วด้วย กูยังไม่รู้เลยว่าโดนจากแก้วไหน”

          พูดไป ธรณ์ก็กัดฟันแน่นเพื่อควบคุมอารมณ์ที่เริ่มจะปะทุ เพราะความอึดอัดที่ไม่ได้ระบายออก ชินดนัยเห็นดังนั้น ก็กดคันเร่งแรงกว่าเดิม ก่อนที่ธรณ์จะไม่ไหวแล้วช็อคเอาเสียก่อน

          ยอมรับว่าชินดนัยก็โกรธธรณ์ไม่น้อย ที่อีกฝ่ายออกมาเที่ยวตามลำพังจนพลาดท่า เพราะที่นี่ไม่ใช่นิวยอร์ก ที่นี่ทุกคนรู้จักธรณ์ดี เกิดพลาดท่าเสียทีใครขึ้นมา รับรองว่าเรื่องยาวแน่นอน ข่าวพวกไฮโซโดนมอมยาแล้วปลดทรัพย์ก็มีให้เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ แต่พอเห็นอาการของธรณ์แล้ว ความเป็นห่วงมันก็มากกว่าความโกรธ

          “คราวหลังมึงจะออกมาเที่ยวก็โทรเรียกกูหน่อยละกัน”

          “อืม...” ธรณ์ได้แต่ครางรับเสียงแผ่วระโหย

          แข้งขาของชายหนุ่มพลันอ่อนแรง มือไม้สั่น ร่างกายก็สั่นระริกไปด้วยความปรารถนาที่ต้องการปลดปล่อย พอชินดนัยจอดรถลงหน้าคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว จึงรีบอ้อมมาแล้วอุ้มธรณ์ลงจากรถทันที แม้ส่วนสูงจะไล่เลี่ยกัน แต่เพราะธรณ์เป็นคนรูปร่างผอม ชินดนัยจึงอุ้มอีกฝ่ายได้โดยไม่ลำบากเท่าไหร่นัก

          โชคดีที่มีแค่ป้าอุ่นเรือนที่นั่งรออยู่ เพราะถ้าเกิดเจอเข้ากับเขตแดน ชินดนัยก็ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามอีกฝ่ายอย่างไร ถึงสภาพของว่าที่ประธานบริษัท ว่าไปโดนอะไรมา

          “ห้องนอนของธรณ์ไปทางไหนครับ”

          “ข้างบน ห้องทางริมซ้ายสุดค่ะ”

          “ขอบคุณครับ”

          “คุณธรณ์เป็นอะไรไปคะ”

          ชินดนัยก็อยากจะตอบคำถามของป้าอุ่นเรือน ที่ยืนเบิกตากว้างด้วยความตกอกตกใจ กับสภาพเจ้านายของตน แต่มันไม่ใช่เวลา เพราะร่างกายของธรณ์ร้อนผ่าวจนเขายังรู้สึก พอได้คำตอบที่ต้องการ ชายหนุ่มก็สาวเท้าไปยังห้องนอนของธรณ์ทันที

          ชินดนัยเอาหลังดันประตูห้องน้ำออก ก่อนจะปล่อยธรณ์ลงในอ่างอาบน้ำ เปิดน้ำเย็นชโลมร่างของอีกฝ่ายจนเปียกซก ธรณ์คู้ตัวอยู่กับขอบอ่างด้วยความทรมาน พยายามปลดกระดุมกางเกงตัวเองด้วยความยากลำบาก เพราะร่างกายสั่นระริกไปหมด จนแม้แต่มือก็ยังไม่มีเรี่ยวแรง

          ชินดนัยคุกเข่าลงข้างขอบอ่าง ยื่นมือไปแตะขอบกางเกงของอีกฝ่าย เขาสบสายตาที่ฉ่ำปรือไปด้วยความปรารถนาของธรณ์ ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มอ่อนโยน

          “มา...เดี๋ยวกูช่วย”

          ธรณ์พยักหน้ารับอย่างอ่อนแรงแทนคำตอบ ก่อนจะปล่อยมือออกจากขอบกางเกงของตนเอง ปล่อยให้ชินดนัยเป็นคนจัดการกับความปรารถนาที่คุกรุ่น บิดเร้าร่างกายไปมาด้วยความทรมานจากฤทธิ์ยา

====================

          เขตแดนที่นั่งอ่านหนังสือรอธรณ์อยู่ในห้องหนังสือถึงกับชะงัก ตอนที่ป้าอุ่นเรือนกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาเขาหน้าตาตื่น แล้วบอกว่าธรณ์กลับมาแล้ว

          “แล้วเขาอยู่ไหน?”

          “คุณชินดนัยอุ้มขึ้นไปบนห้องค่ะ ท่าทางไม่ค่อยดีเลยค่ะ ไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่า”

          “แล้วคุณชินดนัยเขาไม่ได้บอกหรือ ว่าธรณ์เป็นอะไร”

          “ป้าถามแล้ว แต่คุณชินดนัยไม่ได้ตอบค่ะ แต่ท่าทางจะไม่ใช่เรื่องดีแน่”

          เขตแดนขมวดคิ้วฉับทันที เกิดอะไรขึ้นกับธรณ์กัน ถึงกับต้องให้ชินดนัยอุ้มขึ้นไปส่งบนห้องเลยหรือ เขตแดนไม่ปล่อยให้ความสงสัยเกาะกุมหัวใจนานนัก เขาสาวเท้ามาที่บันได ก่อนจะหันมาบอกป้าอุ่นเรือน

          “ป้าอุ่นไปนอนเลยก็ได้ครับ ยังไงเดี๋ยวผมจะแวะไปดูธรณ์เอง”

          “ค่ะ ป้าฝากคุณเขตต์ดูคุณธรณ์ด้วยนะคะ”

          เขตแดนก้าวขึ้นมายังชั้นสอง ก่อนจะตรงไปยังทิศที่เป็นที่ตั้งห้องของธรณ์ พอมาหยุดอยู่หน้าประตู ชายหนุ่มก็ต้องยืนตัวชา กับเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากห้องน้ำ


          “อ๊ะ...อา...อา...อ๊ะ.....อา........”


          ต่อให้คนโง่ที่สุด ก็ย่อมรู้ว่าเป็นเสียงอะไร แล้วมีหรือที่คนฉลาดอย่างเขตแดนจะไม่รู้ เสียงนั้นไม่ใช่เสียงใครอื่นใดเลย


          เสียงครางแหบพร่าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของธรณ์ อิสรพัฒน์นั่นเอง !!


TO BE CONTINUE


๐ แวะกลับมาต่อแล้วค่ะ เป็นตอนที่เขียนเพลินมากเลย
๐ ชอบพล็อตเรื่องเป็นพิเศษ เราวางพล็อตเรียบร้อยแล้วค่ะ เหลือแต่เขียนอย่างเดียว
๐ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ น้อมรับทุกคำติชมค่ะ  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2012 15:25:33 โดย Renze »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด