ระหว่างที่มะนาวเข้าห้องสอบแฝดผู้น้องนามมะตูมก็ไปดำเนินเรื่องหอพักพร้อมกับเป็นหุ่นลองชุดนักศึกษาให้พี่ชาย สรุปมะนาวได้ชุดนักศึกษาทั้งหมด 5 ชุด ชุดพิธีการอีกหนึ่งชุด ขาดแค่เน็กไทค์ที่ต้องใส่กับชุดพิธีการเท่านั้นที่ซื้อไม่ทันเพราะขายหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ ส่วนหอพักจองได้หอพักสุรนิเวศ 13 ที่เป็นหอพักแบบมีห้องน้ำส่วนตัว พอจองห้องพักได้แล้วครอบครัวของมะนาวก็ช่วยกันขนของไปไว้ในห้อง หน้าที่การหน้าเทคไทค์ก็ต้องตกเป็นของมะตูมอย่างเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเดินเคาะตามห้องรุ่นพี่เพื่อขอยืมมาให้พี่ชายของเขาใช้ก่อน มะตูมเดินไปเคาะห้องข้าง ๆ ก็ไม่มีคนเปิดประตูให้สักคน สงสัยไม่มีใครอยู่ สุดท้ายเขาจึงเลือกเดินหาห้องที่เปิดประตูเอาไว้แล้ว
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
แอ๊ดดดด.........
“ว่าไงครับ” น้ำเสียงเรียบนิ่งของรุ่นพี่หนุ่มตัวสูงหน้าตี๋ไว้ผมทรงสกินเฮดเป็นคนเปิดประตูห้องออกมาถามมะตูมที่ยืนส่งยิ้มรออยู่ด้านหน้า
“ขอโทษนะครับ ขอยืมเนคไทค์มหา’ลัย ได้ไหมครับ พอดีผมซื้อไม่ทันน่ะครับ” ถึงแม้ท่าทางของรุ่นพี่คนนี้จะมีรังสีแห่งความเลวแผ่อยู่รอบ ๆ ตัว มะตูมก็พยายามยืนยิ้มผูกมิตรเต็มที่ แต่ก็อดทึ่งปนตะลึงในความสูงของรุ่นพี่หน้าตี๋คนนี้ไม่ได้เพราะรุ่นพี่คนนี้ตัวสูงมาก...เตี้ยกว่าประตูห้องหน่อยเดียวเอง ทำให้มะตูมเผลอใช้สายตามองสำรวจรุ่นพี่หน้าตี๋อย่างไม่ได้ตั้งใจ ‘สงสัยรุ่นพี่คนนี้ต้องเป็นนักเลงหรือไม่ก็นักกีฬาบาสฯแน่ๆ โห... ลายสักที่น่องขาซ้าย เท่! สุดๆ’ ส่วนรุ่นพี่หน้าตี๋ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมเด็กปีหนึ่งคนนี้ไม่เข้าทดสอบภาษาอังกฤษเหมือนเด็กปีหนึ่งคนอื่น ด้วยความสงสัยหนุ่มตี๋ก็เผลอมองสำรวจเด็กหนุ่มตรงหน้าเช่นกัน ‘หน้าตาหล่อดี แต่ดูน่ารักมากกว่า’
“น้องรอตรงนี้แป๊บนึงนะ พอดีไม่ใช่ห้องพี่” พูดจบรุ่นพี่หน้าตี๋ก็หันหลังกลับไปร้องตะโกนถามเพื่อนในห้อง “เชี่ยต้น เนคไทค์ม.ของมึงอยู่ไหนว่ะ”
“อยู่ในตู้ทำไมว่ะไอ้จิ้น”
“หยิบมาให้กูที น้องปีหนึ่งมาขอยืม” มะตูมได้ยินเสียงเปิดตู้จากข้างในห้อง ก่อนจะมีเสียงเรียกให้พี่หน้าตี๋เดินกลับเข้าห้องเพื่อไปหยิบเนคไทค์มาส่งให้เขา
“ขอบคุณครับ ใช้เสร็จแล้วผมจะรีบเอามาคืนนะครับ” มะตูมไหว้รับเนคไทค์จากรุ่นพี่หน้าตี๋แล้วก็รีบเดินกลับมาห้องของพี่ชาย หลังจากที่มะตูมเดินกลับไปรุ่นพี่หน้าตี๋ก็ถามเดินไปพูดกับเพื่อนว่า
“ห้องริมสุดห้องอะไรว่ะ”
“7712”
พ่อแม่น้องเขากลับไปแล้ว ตอนแรกมะนาวก็ไม่รู้สึกอะไร อาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยจากการเดินทาง ไหนจะต้องทำข้อสอบ แล้วยังต้องไปเข้านั่งฟังปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่อีก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้มันดูฉุกละหุกไปหมดทำให้เขาแทบไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องที่เขาต้องเริ่มต้นการใช้ชีวิตใหม่ ที่นับจากนี้ต่อไปตอนเช้าเขาจะไม่ได้ทานกับข้าวฝีมือแม่ เขาต้องนั่งรถไปเรียนเองพ่อไม่ได้ขับรถไปส่งเขาเหมือนอย่างเคย หรือคืนนี้และคืนต่อไปๆเขาต้องนอนรวมกับคนอื่นที่ไม่ได้รู้จัก ไม่ได้นอนบนเตียงเดียวกันกับน้องชายฝาแฝดของเขาที่ทุกคืนต้องมีเรื่องมาคุยกันก่อนนอน นอนคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้อยู่บนเตียง จู่ ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง มะนาวรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ก่อนแม่จะกลับเขาแอบเห็นแม่แอบยืนร้องไห้อยู่ด้านนอกประตูด้วย แม่เองก็คงรู้สึกใจหายไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่
มะนาวนอนมองรอบ ๆ ห้อง รูมเมททั้งสองคนของเราขนของเข้ามาแล้วแต่เขายังไม่เห็นหน้าตาของทั้งคู่ไม่รู้ว่าหน้าตา นิสัยใจคอจะเป็นอย่างไรบ้าง โชคดีที่ไม่มีใครจองเตียงติดหน้าต่างเพราะเขาตั้งใจเอาไว้ว่าอยากนอนเตียงมุมนี้ มะนาวรู้สึกเหนื่อยมาก นอนเล่นอยู่บนเตียงสักพักเขาก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว นอนหลับทั้งที่ยังใส่ชุดนักศึกษาใหม่ที่ยังไม่ได้ซัก วันนี้เขาเป็นนักศึกษาใหม่เต็มตัว ทั้งเสื้อใหม่ที่ยังมีรอยพับ กางเกงที่ยังไม่ได้ซักรีด ร้องเท้าที่ยังมีกลิ่นเหม็นใหม่เตะจมูก ใหม่หมดทุกอย่าง ยกเว้นเนคไทค์เส้นเดียวที่ไม่ใช่ของเขา
ในห้องมืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากนอกห้องส่องเข้ามา มะนาวสะดุ้งตื่น จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงแมวร้อง ‘เมี้ยว!’
มะนาวค่อย ๆ หันไปมองรอบ ๆ ห้อง เพื่อดูว่าเสียงแมวมาจากไหนแล้วมันเข้าห้องของเขาได้อย่างไรหรือว่าเขาลืมปิดประตูห้อง
มองไปที่ประตู ประตูก็เปิดออก แอ๊ดดดดดดดดดด.....................
มะนาวตกใจแทบหล่นตกลงจากเตียง
มีเงาของผู้ชายตัวใหญ่ ในมือถืออาวุธบางอย่างเดินดุ่ม ๆ เข้ามาในห้องของเขา
มะนาวเริ่มรู้สึกเสียวสันหลังวาบ กลัวจนไม่กล้ากระดุกกะดิกตัว กริ๊ก! ไฟห้องติดพรึ่บ! เกิดแสงสว่างวาบทั่วทั้งห้อง
“นอนตอนหัวค่ำมันไม่ดีนะนิวน้องเมท” พอไฟสว่างผมก็มองเห็นผู้ชายหน้าโหดคนหนึ่งยืนส่งยิ้มโชว์ฟันขาวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบมาให้ผม ชำเลืองมองอาวุธในมือคือขวดเบียร์สามขวด "เราชื่ออะไร พี่ชื่อมีนเรียนพอลิเมอร์อยู่ปี 5 ต่อไปจะทำหน้าที่เป็นนิวพี่เมทเรานะครับ
“ครับ ชื่อมะนาวครับพี่”
“ไหน ๆ ก็ตื่นแล้ว ป่ะ มากินเบียร์เป็นเพื่อนพี่หน่อยมา เราจะได้กระชับความสัมพันธ์กันให้แน่นแฟ้น”
“...” ผมนั่งกระพริบตาปริบ ๆ โห...พี่เมทผมเจอหน้ากันครั้งแรกชวนล่อเบียร์ซะแล้วหรือนี่
“เร็วดิว้าน้องเมท อย่านั่งนิ่งราตรีนี้ยังอีกยาวไกล ลุก ๆ ตามมา” พูดจบพี่เมทหน้าโหดแต่ท่าทางใจดีของผมก็เดินนำหน้าออกไปนั่งแหมะลงโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าห้อง แต่ผมก็ไม่วายมองหา ‘แมว’ ต้นเสียงร้องที่ปลุกผมตื่นเมื่อตะกี้นี้
“เออ มะนาวเดินไปคอมฯพี่แล้วกดเล่นเพลงเมื่อกี้ใหม่อีกทีสิ อยากฟังตั้งแต่เริ่มเมื่อกี้เดินมาไม่ทันได้ฟัง”
ผมก็เดินไปคอมฯพี่เมทกดปุ่มเพล์ซ้ำใหม่อีกรอบ
เพลงก็ดังขึ้นคืนแห่งความตาย ช่างดูเยือกเย็น
คืนแห่งการฝันร้าย ฟ้าเป็นสีดำ
บินผ่านคนตาย บินผ่านซากศพ
บินผ่านเวียนวน ตามกลิ่นเลือดคาว
โห...ชัดเจน เสียงแมวมาจากเพลงนี้นี่เอง โห...อีกรอบ เพลงหลอนมาก โคตรน่ากลัวเลย แล้วผมก็รีบเดินออกมาจากห้องมานั่งแหมะลงข้าง ๆ พี่เมท
“กินเบียร์ได้ป่ะเรา”
“ได้ครับ”
“ดี งั้นเอาไปขวดนึง เราพูดเพราะว่ะพี่ชอบ” พี่เมทใหม่หมาด ๆ ยกขวดเบียร์มาให้ผมหนึ่งขวด มืออีกข้างก็ยกขวดเบียร์เย็น ๆ ที่มีหยดน้ำเกาะอยู่รอบๆขวดกระดกเข้าปาก เสียงดัง อึก ๆ
“ขอบคุณครับ” ผมรับขวดเบียร์มาถือไว้มองหาแก้วมารินกินแต่ไม่มี สงสัยคงต้องยกกระดกทั้งขวดแบบพี่เมท
“ชน ๆ น้องเมท” คงเห็นว่าผมไม่ดื่มสักที พี่มีนเลยเอาขวดเบียร์ของพี่แกมาแตะกับขวดเบียร์ผม เร่งให้ผมยกดื่ม
“กินเบียร์ในหอพักได้หรอพี่”
“ได้ ถ้าที่ปรีกษาหอไม่รู้”
“อ้าว งั้นจับได้ก็ซวยดิ”
“อ้าว ก็อย่าให้จับได้สิครับ ถ้าไม่อยากซวย” ผมได้พี่เมทพูดจากวนนิ้วสั้น ๆ มากครับ แต่ดีผมชอบ
“แล้วเราเจอเพื่อนเมทอีกคนยัง”
“ยังครับพี่”
“นั่นไง เดินมาโน่นแล้ว” ผมมองตามที่พี่มีนบอก ‘ผมเชื่อแล้วว่าโลกกลมจริงๆ’ เพราะผมเพิ่งเจอเธอคนนี้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเอง เรื่องมันมีอยู่ว่าระหว่างที่ผมกึ่งหลับกึ่งตื่น เปลือกตาบนพยายามประกบกับเปลือกตาล่าง นั่งฟังเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยพูดอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นให้กับนักศึกษาใหม่ฟัง จู่ ๆ เก้าอี้ถัดจากที่ผมนั่งอยู่หนึ่งแถวก็สั่นกุกกัก จากนั้นก็มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือของนักศึกษาเพศชายคนหนึ่งดังขึ้น ตัวกลม ๆ อ้วน ๆ ผิวขาว ๆ ตาโต ๆ มีแมลงหรืออะไรสักอย่างเข้าตาเธอ น้ำตาเธอไหลออกมาไม่หยุด แถมยังบ่นว่าปวดตาอีกด้วย ผมที่นั่งอยู่ด้านหลังเก้าอี้ของเธอนึกไม่ออกว่าจะช่วยเหลือเธออย่างไรได้บ้าง ในที่สุดผมก็นึกขึ้นได้จึงส่งยาพาราเซตามอลที่แม่ผมเพิ่งให้มากับเธอเพราะหลังจากกินข้าวเที่ยงผมรู้สึกปวดหัว
“เธอเอายาแก้พาราไปเราไปกินก็ได้”
“เอ่อ..ขอบใจนะ” เธอรับยาไปทั้งน้ำตา ตาโต ๆ ของเธอมองตาผมปริบ ๆ สงสัยคงซึ้งในความใจดีของผม แต่เหมือนเธอยังจะปวดตาอยู่เพราะเธอลุกจากเก้าอี้เดินไปหาเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลความเรียบร้อยอยู่บริเวณทางเดินแถวนั้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาเธอเดินออกไป แต่ผมมาคิดดูอีกทีผมไม่น่ายื่นยาพาราฯให้เธอ เพราะมันน่าจะเป็นยาล้างตาหรือยาอย่างอื่นมากกว่ายาพาราฯหรือเปล่า?
“หวัดดี เป็นไงบ้างตาหายดียัง” ผมส่งเสียงร้องทักทายให้กับเพื่อนเมทใหม่หมาด ๆ ที่กำลังเดินตัวกลมเข้ามาหาพวกผมที่นั่งอยู่บนโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าห้องจะว่าไปนอกจากตาเธอจะโตแล้วตัวเธอก็ดูกลม ๆ อ้วน ๆ น่ารักดีนะผมว่า
“หายแล้ว ตอนนี้ก็แค่เคืองตานิดหน่อย” เพื่อนเมทใหม่ผมตอบกลับด้วยท่าทางเป็นมิตร
“ออยด์นี่มะนาว หนึ่งในสมาชิกห้อง 7712” พอเพื่อนเมทใหม่เดินมานั่งลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนพี่มีนรีบแนะนำตัวให้พวกผมรู้จักกันอย่างเป็นทางการ พร้อมกับยกขวดเบียร์อีกขวดส่งให้ออยด์ คุยกันสักพักผมก็รู้สึกสนิทกับสองคนนี้ราวกับรู้จักมาเป็นสิบ ๆ ปี หรืออาจจะเป็นเพราะต่างคนก็ต่างเปิดใจให้อีกคนสามารถเข้ามาในพื้นที่ของตัวเองได้ ระหว่างนั่งคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้พี่เมทผมก็หันมาชวนพวกผมไปดิ้น
“น้องเมททั้งสองรบกวนอาบน้ำแต่งตัวใส่ชุดไปรเวทให้เรียบร้อยเดี่ยววันนี้พี่เมทจะพาไปดิ้น” ผมกับออยด์หันมามองหน้ากัน ผมว่าออยด์ก็คงคิดเหมือนผม แค่คืนแรกของการเป็นนักศึกษาของผมเริ่มต้นด้วยการ ‘กรึ๊บ’ ต่อด้วยการ ‘ดิ้น’ ชีวิตในมหาวิทยาลัยของผมคงต้องสนุกมากแน่ ๆ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ สมาชิกห้อง 7712 ก็พร้อมแล้วสำหรับการออกท่องราตรีเมืองโคราช พี่มีนพาพวกผมมาเที่ยวในผับตัวเมือง งานนี้ไม่ต้องจ่ายเพราะเป็นการฉลองรับน้องเมทและการฉลองเป็นพี่เปอร์ของพี่เมทผมด้วย อันหลังเพื่อนพี่มีนเป็นคนเลี้ยงปลอบใจเฮียแก
กำลังดิ้นมันส์ ๆ โทรศัพท์ผมก็สั่น แต่ไม่สนใจ เมาแล้วมันส์ไม่อยากรับ ดิ้นต่อ แนะ! ยังสั่นไม่หยุด ผมล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กำลังโทรเข้า ‘มะตูม’ น้องผมโทรมา
ผมขอตัวออกมารับโทรศัพท์โซนนั่งชิลล์ด้านหน้าร้าน นั่งคุยบนรั้วสูงเท่าเอวติดกับถนน น้องผมก็ชวนคุยโน่นคุยนี่เรื่อยเปื่อย สักพักก็มีคนเดินมาสะกิดด้านหลัง
“น้องครับโทษนะ พี่ขอแลกร้องเท้าหน่อย”
“ไอ้กันไม่ต้อง! กูบอกกูไม่เข้าแล้วแม่ง ร้านเรื่องมาก”
“ไอ้โอม มึงใจเย็นดีว้า เดี่ยวกูแลกร้องเท้ากับน้องคนนี้ให้” หันหลังกลับไปตามต้นเสียงผมก็เห็นพี่ผู้ชายท่าทางใจดีแต่งตัวตามสมัยนิยมยืนส่งยิ้มให้ ข้างเขามีผู้ชายอีกคนจัดว่าหน้าตาดี ตัวสูงหนา ผิวเข้ม ตัดผมทรงสกินเฮดดูเป็นผู้ชายดิบ ๆ ท่าทางกำลังหงุดหงิดเต็มที่ราวกับถูกบังคับให้มาด้วย พอเห็นผมหันกลับมาพี่หน้าเข้มก็หยุดพูดแต่ใช้สายตาเหล่มองมาทางผมที่นั่งอยู่ด้านในรั้วของร้าน
“รองเท้า?” ผมทวนคำถามกลับไปแบบงง ๆ คงเห็นผมมีท่าทีลังเลพี่ผู้ชายคนเดิมก็พูดย้ำขึ้นมาอีกรอบ
“ครับรองเท้าแต่ไม่ได้แลกน้อง ขอยืม ๆ พอดีเพื่อนพี่มันใส่รองเท้าแตะมา แล้วร้านมันเรื่องมากไม่ให้เข้า” พี่ผู้ชายท่าทางใจดีคนเดิมพยายามอธิบายเพิ่มเติมเพื่อหว่านล้อมให้ผมยอมแลกร้องเท้า แบบนี้ก็มีด้วย ขอแลกรองเท้าหน้าผับ ผมมองสำรวจการแต่งตัวของพี่หน้าเข้มใส่แค่เสื้อยืด กับกางเกงยีนส์ แต่ดูรวม ๆ กลับดูเซอร์ ๆ เท่ ๆ ด้านล่างดันสวมรองเท้าแตะแบบหูคีบมา อ้าว...หันไปมองอีกทีพี่หน้าเข้มดันถอดรองเท้าแตะยกขึ้นมาเตรียมแลกรองเท้าแล้วเรียบร้อย สุดท้ายผมก็จำใจถอดรองเท้าออกแล้วยื่นข้ามรั้วแลกกับรองเท้าแตะของพี่หน้าเข้มที่ถือรออยู่
“ไอ้โอมมึงใส่ได้ไหมว่ะ กูว่าเหมือนจะเล็กไปไซส์นึงนะ” พี่ท่าทางใจดีพูดเตือนเพื่อนระหว่างที่พี่หน้าเข้มพยายามใช้เท้ายัดเข้าไปในรองเท้าผม ด้านหน้าใส่ได้พอดีแต่เหมือนส่วนส้นเท้าจะยาวเกินออกมาคงเหลืออีกประมาณสองนิ้วได้ถึงจะใส่ได้พอดี พี่หน้าเข้มหันมามองหน้าผมหน่อยนึงก่อนจะพูดว่า
“ขอเหยียบส้นหน่อยนะ”
“เชี่ยโอม ใส่ไม่ได้ก็อย่ายัดเดี่ยวกูไปยืมคนอื่นให้ รองเท้าน้องเค้าพังหมด”
ผมผงกหัวรับคำเป็นเชิงอนุญาต พอพี่เข้มใส่ร้องเท้าผ้าใบของผมเสร็จเรียบร้อยก็รีบเดินเข้ามาในร้าน จนเดินมาถึงผมพี่หน้าเข้มก็ถอดรองเท้าคืนให้แลกกับร้องเท้าแตะคู่ใหญ่ที่ผมใส่อยู่
“ขอบใจว่ะ มึงชื่ออะไร?”
ยังไม่ทันที่ผมจะตอบคำถามพี่มีนก็โทรศัพท์มาตามผมพอดิบพอดีสงสัยคงเป็นห่วงเพราะผมก็ออกมานานแล้ว เห็นว่าเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ผมก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมารับสายแล้วก็ขอตัวเดินกลับเข้ามาในร้านเลย
หลังจากที่ดื่มสาบานเป็นพี่น้องกันจนเมากึ่มเต็มที่แล้ว จนใกล้ถึงเวลาร้านปิดพี่มีนก็ชวนมะนาวกับแม่หมูเดินออกมาจากร้านเหล้า ระหว่างที่รอให้เพื่อนพี่มีนวนรถกลับมารับ จมูกของพี่มีนก็ได้กลิ่นเมนูโปรดลอยโชยตามลมมา
“ได้กลิ่นแล้วหิวเลย......” พี่มีนยื่นจมูกเชิดขึ้นในอากาศพยายามสูดกลิ่นที่ชวนให้กระเพาะขับน้ำย่อย พอสูดกลิ่นจนพอใจ สายตาก็พยายามสอดส่ายหาเป้าหมายจนเจอ ก่อนจะเดินดุ่ม ๆ ตรงเข้าไปหาเป้าหมายอย่างย่ามใจ สั่งเอาเฉพาะส่วนหนวด คนขายรับคำก็หยิบหนวดปลากหมึกออกมาจากถุง เทใส่ตะแกรงเหล็ก พลิกกลับตะแกรงเหล็กไปมาอยู่ 4-5 ที จนแน่ใจว่าสุกดีก็เทใส่ถุงกระดาษยื่นให้พี่มีน พอได้ของที่ต้องการเขาก็รีบเดินกลับมาหาน้องเมททั้งสองคนที่ยืนโงนเงนรออยู่
“น้องเมทกินหนวดปลาหมึกย่าง” พี่มีนยื่นถุงกระดาษห่อปลาหมึกย่างร้อน ๆ ให้กับน้องเมททั้งสอง
“พี่มีนชอบกินหนวดปลาหมึกหรอคะ”
“คะ น้องเมท”
“แล้วมันจะไม่เหม็นรถเพื่อนพี่หรอครับ”
“เออ...พี่เมทลืมคิดถึงเรื่องนี้ได้ไงเนี่ย สงสัยเราคงต้องรีบทำลายหลักฐานกันอย่างเร่งด่วน” พี่มีนทำท่านึกตามปากก็เคี้ยวหนวดปลาหมึกกินกร้วม ๆ จนเต็มกระพุ้งแก้มมีน้องเมทตัวกลมกับผมช่วยกินอีกแรงในที่สุดหนวดปลาหมึกที่ซื้อมาทั้งหมดก็อันตรธานหายไป ไม่เหลือแม้เศษซาก เพราะพี่มีนเล่นเทเศษปลาหมึกที่ติดอยู่ก้นถุงออกมาจนหมด
“ฮัลโหล ว่าไงว่ะ อ่อ เดี่ยวแฟนมันจะออกมาขับรถให้หรอว่ะ เออ ๆ ไม่เป็นไร ให้พวกกูรอเป็นเพื่อนไหม พวกกูกลับได้ เดี่ยวโบกแท็กซี่กลับ ไม่ต้องให้แฟนมันขับแหละดีแล้ว กูก็ไม่อยากให้มันขับเท่าไหร่ เผื่อเจอด่านตรวจ เออ ๆ แค่นี้” พี่มีนคุยโทรศัพท์เสร็จก็หันมาบอกพวกผมว่าคงต้องนั่งแท็กซี่กลับเพราะเพื่อนที่ขับรถมาเมามากแฟนไม่อยากให้ขับกลับ โบกแท็กซี่เสร็จ พวกผมก็พาร่างกายที่อัดแน่นด้วยแอลกอฮอล์ขึ้นมานั่งในรถ พี่มีนนั่งหน้า ส่วนผมสองคนนั่งหลัง รถแท็กซี่ขับออกมาได้นิดเดียว คนขับก็ชวนคุย
“รบกวนปิดปากถุงปลาหมึกให้หน่อยนะครับ” พูดยังไม่ทันจบประโยคดีแท็กซี่ก็กดปุ่มเลื่อนเปิดกระจกรถด้านหน้าฝั่งที่มีนกำลังนั่งอยู่ โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ปลาหมึกแห้งมันไม่มีตัวตนอยู่จริงอีกแล้ว แต่ที่ยังสัมผัสได้เป็นเพียงแค่วิญญาณที่ลอยตลบอบอวลอยู่ในรถแท็กซี่เท่านั้นเอง
พี่มีนหันไปผงกหัวเพื่อตอบรับ ตาเหลือบมามองน้องเมทสองคนที่นั่งกึ่มด้วยฤทธิแอลกอฮอลอยู่ด้านหลัง
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา สมาชิกห้อง 7712 ปิดปากของตัวเองเงียบสนิทไปตลอดเส้นทางจนถึงหอพักของพวกเขา
มันจะปิดปากถุงปลาหมึกได้ไงเล่า ในเมื่อมันอยู่ในปากพวกผมหมดแล้ว
__________________________________________________________________________________TBCขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ตอนหน้าคาดว่าจะจบแล้ว
แต่อาจจะนานนิดนึงนะคะ เพราะช่วงนี้ว่างแค่เสาร์ไม่ก็อาทิตย์
ใครมีอะไรสงสัยในประเด็นไหน ตอนไหน หรืออยากติก็จัดหนักได้เต็มที่เลยคะ รวมถึงถ้ามีคำถามอะไรก็ฝากคำถามไว้ได้เลยนะคะ
รักทุกคนเหมือนเดิม จุ๊บๆ ขอกอดที