ตอนที่ 12เป็นความพยายามสานสัมพันธ์ที่แทบไม่มีความคืบหน้าไปจากวันแรกที่พบกันเลยสักนิด
แสดงออกขนาดนี้มีหรือที่ไข่ตุ๋น หรือนิยุติ หนุ่มหน้านิ่งประหยัดคำพูดคนนี้ จะไม่รู้ว่าใจพี่คิดอะไร
แต่ไข่ตุ๋นก็ยังไม่ไว้ใจพี่ถึงขนาดที่จะรื้อกำแพงออกไป
อย่างค่ำนี้ออกมาจากร้านน้าเก้ง กลับเข้ามานั่งในรถ ไข่ตุ๋นก็พูดทันที “ส่งผมที่คอนโดฯ นะครับ”
“ได้ แต่ไปเดินเล่นกับพี่ก่อนได้มั้ย”
หนุ่มตากลมดูครุ่นคิด “ดึกแล้ว ผมอยากกลับห้อง”
“พรุ่งนี้มีเรียนกี่โมง” ชิณณะชวนคุย เลี้ยวรถไปทางบ้านของไข่ตุ๋นตามที่บอก
“เก้าโมงครับ”
ชิณณะพยักหน้า แล้วก็ไม่ได้ถามอะไรอีก เพียงแต่เมื่อมาถึงคอนโดฯ กลับจอดรถไว้ที่ด้านหน้าแล้วเดินตามลงมาส่งเงินให้กับยามรักษาความปลอดภัย
กระทั่งเข้ามาในห้องไข่ตุ๋นถึงได้หันมาถาม
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คิดถึง”
แต่ปฏิกิริยาของไข่ตุ๋นคืออาการงง ไม่ใช่เก้อเขิน
“ผมหรือ”
“ใช่” มือใหญ่แตะที่แก้ม ไข่ตุ๋นก็เบี่ยงหน้าหลบทันที
“ผมบอกแล้วว่าผมไม่นอนกับคุณ เพราะผมไม่ใช่ ถ้าคุณต้องการ.... คุณก็ไปหาคนอื่นสิ”
ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าไข่ตุ๋นละคำว่าเด็กขายไว้
แต่ที่มาเฝ้ารอรับกลับวันนี้ ก็เพราะคิดว่ามันถึงเวลาที่จะทำอะไรที่มันชัดเจน ไม่อยากให้กำแพงหนาคั่นกลางระหว่างเรานานเกินไป
“พี่รู้นานแล้วว่าไข่ตุ๋นไม่ใช่เด็กขาย พี่ก็แค่....”
ชิณณะมองสบตาสีอ่อน เตือนตัวเองว่าอย่าเพิ่งรีบพูดคำนั้น
“แค่อยากได้ข้าวต้มหมูสักถ้วย”
ไข่ตุ๋นกะพริบตามอง ชิณณะไม่น่าจะหิวหรือว่าอยากกินข้าวต้มตอนนี้ เพราะเพิ่งมาจากร้านน้าเก้งแค่ข้าวต้มหมูทำไมน้าสาวจะทำไม่ได้
แต่ด้วยนิสัยหลีกเลี่ยงปัญหา ทำให้เด็กหนุ่มแค่พยักหน้า เดินกลับมาที่ครัว ทำเสร็จก็เดินมาเรียกคนตัวโตที่นั่งเหยียดขาหลับตาให้ไปกินข้าว “กินเสร็จแล้ววางไว้ เดี๋ยวผมกลับมาเก็บล้างเอง คุณกลับไปได้เลยนะครับ”
บอกเสร็จก็หันหลังให้แล้วกลับเข้าไปในห้องนอน แต่เมื่อกลับมาก็เห็นว่าชิณณะกลับหลับอยู่ที่โซฟาตัวยาว
คิดว่าหลับ แต่พอเดินเข้าไปใกล้ชิณณะก็กลับลืมตาขึ้นแล้วลุกขึ้นนั่ง
“กลับไปพักผ่อนเถอะครับ”
ชิณณะพยักหน้าให้ไข่ตุ๋นนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน แต่ไข่ตุ๋นกลับนั่งที่เก้าอี้อีกตัว
“พี่ไม่อยากให้ไข่ตุ๋นอยู่ที่นี่ตามลำพัง”
“ผมอยู่ได้”
ชิณณะยิ้มมุมปากเหมือนจะบอกว่า –คิดแล้วเชียว-
“ที่นี่มีเรื่องเกิดขึ้น”
“แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ผมจะไปอยู่ที่อื่น แต่ก็ขอบคุณที่เป็นห่วง เพียงแต่...ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของผม ที่มันไม่มีผลในทางลบต่องานที่ผมทำให้คุณ”
ชิณณะจ้องมองไข่ตุ๋นตรงๆ “เย็นชาเกินไปหรือเปล่า”
“ผมมีนิสัยแบบนี้ พูดแบบนี้มาก่อนที่จะพบกับคุณ”
“พี่มองคนผิดอีกแล้วหรือ”
เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำไปที่ประตูห้อง แต่กลับถูกกอดรวบจากทางด้านหลัง
เพียงแค่กอดนิ่งๆ คางสากแนบอยู่ข้างแก้ม
คนที่วางท่าเฉยเมยกลับหยุดนิ่ง
“โกรธพี่เรื่องอะไร”
“ผมไม่ได้โกรธคุณ”
“แล้วทำไม...เรื่องสกาวใช่มั้ย เราคุยกันไปแล้วนะ”
“ครับ แต่สิ่งที่ผมเห็นและความรู้สึกของพี่หวาน ทำให้ผมคิดว่า ผมไม่ควรสนิทกับคุณมากกว่างานที่คุณให้ผมทำ”
กลายเป็นว่ายิ่งคุยกลับยิ่งห่างกันออกไปเรื่อยๆ จนปวดใจ
ชิณณะคิดทบทวน รู้ว่านี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่คุยกันไปแล้ว แต่มันยังอาจมีอะไรเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่พี่น้องอยู่ที่รีสอร์ตที่เชียงใหม่หลายวัน
เรื่องของสกาวเป็นเรื่องใหญ่ ต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจกันไป เพราะในเรื่องใหญ่นั้นยังมีเรื่องที่สามารถจัดการได้ในทันที
“สิ่งที่ไข่ตุ๋นเห็น กับความรู้สึกของพี่สาวงั้นหรือ”
นึกไปถึงเรื่องที่ก้องเคยท้วงไว้ แล้วก็ตามมาด้วยรายงานของชัยที่ว่าไข่ตุ๋นดูผิดหวังที่เห็นชิณณะไปกับแต้ว มือหนึ่งกดโทรศัพท์โดยที่อีกมือกอดเอวบางอยู่ยังไม่ยอมคลายออก รอจนอีกฝั่งกดรับ ก็ส่งให้ไข่ตุ๋น “ถามเขาสิ”
“ใครครับ”
“ไข่ตุ๋นเหรอ~~” เสียงหญิงสาวจากปลายสาย “นี่แต้วนะ ที่เมื่อวันก่อนเราเจอกันที่โรงแรมน่ะ” แต้วพูดเหมือนรู้อยู่แล้วว่า จะต้องพูดอะไรบ้าง ไข่ตุ๋นไม่ต้องถามสักคำ หญิงสาวก็เล่าไปเรื่อย
“หึงแต้วเหรอ~~ อย่าหึงเลย เนี่ยเมื่อวานเห็นไข่ตุ๋นหน้าตึง ก็บอกว่าให้พาไข่ตุ๋นไปด้วย เขาก็ไม่พาไป เขาคงทำงานที่นั่นที่นี่ จนลืมไปว่า โรงแรมที่คุณชิณณะมองว่ามันคือที่ทำงานน่ะ แต่มันยังเป็นสถานที่อื่นๆ เหมือนกัน ก็....คุณชิณณะเขารู้ว่าแต้วเดือดร้อนเรื่องเงิน เมื่อวานเขาก็เลยพาแต้วไปคุยกับผู้จัดการ ฝากงานที่โรงแรมให้แต้ว”
“ฝากงาน”
“อือ รับโทรศัพท์กะดึกไง เนี่ย เริ่มงานวันนี้วันแรก” แต้วยังพูดไปเรื่อย ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะคิก “คิดอยู่แล้วเชียวว่า ไข่ตุ๋นจะหึง แต่ไม่มีอะไรหรอกนะ ไม่ต้องห่วงเขา...ฝ่อ...มาพักใหญ่ๆ แล้วหล่ะ”
“ฝ่อ...” ใบหน้าใสร้อนวูบ ต้องหันหน้าหนีคนที่เอียงหูฟังคนคุยโทรศัพท์กัน รู้สึกพิกลที่ได้แต่ทวนคำพูดของอีกฝ่ายซ้ำไปซ้ำมา
“แต้วเคยรับใช้คุณชิณณะแบบนั้นก็จริง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเหมือนเป็นเพื่อนคุย นวดไหล่ นวดหลังให้เขาจนเขาหลับไป แล้วแต้วก็หยิบเงินที่หน้ากระจกแล้วก็กลับบ้านน่ะ ไข่ตุ๋นอย่าบอกเขานะ ว่าแต้วบอก เดี๋ยวเขาเสียฟอร์มเสี่ย”
“แค่นั้น แล้ว...คนอื่น..” ใจไข่ตุ๋นคิดไปถึงพี่สาว
“คนอื่นไม่รู้ ไม่กล้าออกตัวรับแทนใคร แต่กับแต้วเป็นแบบนี้ ก็คนรวยขี้เหงาน่ะแหละ”
“เฮ้ย ให้คุยเรื่องหนึ่งกลับไปอีกเรื่องหนึ่ง” คนตัวโตบ่นแทรกเข้ามาให้ได้ยิน แต้วยิ่งหัวเราะร่วน แล้วก็ย้ำอีกครั้งว่าไม่ต้องเป็นกังวล แล้วกดวางสายไป
ดวงตากลมมองตามมือใหญ่ที่รับโทรศัพท์มากดปิดหย่อนลงกระเป๋า
แต้วเป็นอีกคนที่บอกว่าชิณณะเหงา
“แต้วรู้จักชื่อผม คิดว่าผมหึง เขารู้ว่าพี่มีคนอื่นอีก แต่เหมือนไม่รู้ว่าผมเป็นน้องของพี่หวาน”
“จะรู้ไปทำไม”
“แล้วพี่บอกเรื่องของผมกับเขาอย่างไรบ้าง”
“บอกว่า พี่มีคนที่ไม่อยากทำให้เสียใจ”
ชิณณะจับไข่ตุ๋นให้หันมาหา แต่ไข่ตุ๋นกลับเงียบ
ถึงไม่ได้มองตากัน แก้มใสไม่ได้แดงเรื่อแต่ก็คิดว่าไข่ตุ๋นรู้
แต่ปัญหาคือรู้ในสิ่งที่อยากให้รู้หรือเปล่านี่สิ
สำหรับไข่ตุ๋นการพูดเรื่องพี่สาวกับคนอื่นเป็นเรื่องยาก
สำหรับชิณณะการพูดเรื่องหวานกับคนอื่นก็เป็นเรื่องยากเหมือนกัน
โดยเฉพาะเรื่องที่ฝ่ายหญิงบอกว่าใช่ แต่ฝ่ายชายบอกว่าไม่ใช่
เพราะไม่ว่าอย่างไรทุกคนก็พร้อมที่จะเื่ชื่อฝ่ายหญิงเสมอ
ได้แต่รอให้ฝ่ายหญิงพูดความจริงว่าไม่ใช่เท่านั้นเอง
“ช่วยคิดให้มันมีเสียงให้พี่ได้ยินด้วยได้มั้ย เผื่อว่าพี่จะมีคำตอบ”
ไข่ตุ๋นเงยหน้าขึ้นมองเหมือนกำลังเรียบเรียงประโยคอย่างยากเย็น “พี่หวานเหมือนกับแต้วมั้ยครับ”
ชิณณะยอมรับตามตรง “ถ้ามองแต่เพียงภายนอกก็เหมือนกัน แต่เนื้อในของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทั้งคู่เหมือนคนที่ต้องการเพียงเงินกับสิ่งของ แต่ลึกๆ แล้วต่างก็ต้องการเปลี่ยนแปลงหรือหนีอะไรบางอย่าง พี่ก็...”
“คุณชอบพี่หวานมากกว่าแต้ว” ไข่ตุ๋นขัดขึ้นก่อนทีี่ชิณณะจะพูดจบ
ชิณณะพยายามนึก “ไม่นะ ไม่ได้ชอบใครมากกว่าใคร ถ้าเขาต้องการอะไรก็โทรหาก้อง หรือถ้าพี่อยากพักก็ให้ก้องโทรนัด ไม่ว่างหรือไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร”
ไข่ตุ๋นถอนหายใจแรงๆ พลางส่ายหน้า “ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมพี่หวานถึงทำอย่างนี้”
“ถ้าเป็นไข่ตุ๋นจะทำอย่างไร”
ไข่ตุ๋นตอบอย่างระมัดระวัง “ผมไม่ค่อยเล่นเน็ต เล่นแชทอย่างพี่หวาน แล้วผมก็เป็นผู้ชาย” ดวงตากลมเหลือบมองคนตั้งคำถามแวบเดียว “สมมุติว่าผมเป็นผู้หญิง ถ้าผมโดนหลอกไปทำอย่างนั้นผมคงแจ้งความ แต่ไม่คิดที่จะ.....”
“แก้แค้น”
ไข่ตุ๋นเหลือบตามองคนที่ช่วยเติมคำพูดอีกครั้งแล้วหันไปมองทางอื่น
“ดึกมากแล้ว แล้วพบกันที่ทำงานนะครับ"
ชิณณะก้มลงจูบหน้าผากแล้วกลับออกมาง่ายๆ
ไม่ว่าไข่ตุ๋นจะเข้าใจเรื่องของชิณณะกับพี่สาวอย่างไร จะพยายามตั้งเงื่อนไขมากมายเพื่อป้องกันตัวเองขนาดไหน
สำคัญที่อีกฝ่ายไม่ใช่คนที่จะยอมถอยง่ายๆ
และที่สำคัญไปกว่านั้น ก็คือถึงจะปฏิเสธตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ดื้อรั้นขนาดที่ไม่ยอมรับฟังอะไรเลย
ทั้งที่ชั่วโมงทำงานของไข่ตุ๋นที่บริษัทจะไม่เกิน 3 ชั่วโมง จนถึงเวลาเลิกงาน 5 โมงเย็นและงานที่ทำก็ไม่ได้มีอะไรมาก นอกไปจากการช่วยเลขาฯ เรียบเรียงเอกสารการประชุม แต่ทุกครั้งที่ชิณณะมองผ่านกระจกห้องทำงานออกไปจะเห็นว่าไข่ตุ๋นกำลังโทรศัพท์อยู่
ตั้งแต่รู้จักกันมา มีไม่ถึง 10 ครั้งที่ไข่ตุ๋นจะกดรับโทรศัพท์ ไม่ว่าจะจากใครก็ตาม
แล้วการพูดโทรศัพท์นานกว่า 30 นาทีขนาดนี้ยิ่งถือว่าผิดปกติอย่างมาก หลังการคุยงานกับผู้จัดการฝ่ายเสร็จสิ้น ชายหนุ่มลุกออกมาส่งผู้จัดการแล้วส่งสายตาดุๆ ไปที่คนที่ยังถือโทรศัพท์แนบหู
พอเลขาฯ สาวสะกิดไข่ตุ๋นใหู้รู้ตัว ไข่ตุ๋นถึงได้หันมามอง แต่ชิณณะพยักหน้าให้ตามเข้ามาในห้องทำงาน
"อย่าเพิ่งวาง"
เพียงการยืนมองอยู่อีกหนึ่งนาที ชิณณะก็รู้ว่าที่จริงไข่ตุ๋นมีหน้าที่ฟัง ส่วนอีกฝ่ายพูดไปเรื่อย สีหน้าของไข่ตุ๋นที่ไม่ค่อยสบายใจนัก กระตุ้นให้ชิณณะเสียมารยาทหนักกว่าเดิมแย่งโทรศัพท์มาเปิดลำโพงเสียงดัง ได้ยินเสียงของหวานกำลังเล่าเรื่องที่ไปหาหมอ ที่เธอไม่ค่อยพอใจทั้งหมอทั้งพยาบาล
ชิณณะหันมากระซิบถาม
"ให้พี่เปลี่ยนหมอให้มั้ย"
ไข่ตุ๋นรีบส่ายหน้า ขณะที่ได้ยินพยาบาลเรียกให้หวานกินยาก่อนอาหาร หวานถึงได้วางสายไป
"ถ้าไม่อยากให้พี่เปลี่ยนหมอให้สกาว งั้นไข่ตุ๋นอยากไปพักผ่อนที่ไหนหรือเปล่า"
หนุ่มตัวเล็กยิ้มขำ "แค่ฟังพี่สาวพูดโทรศัพท์ ไม่ทำให้ผมเครียดหรอกน่า"
ชิณณะยิ้มตาม
"พี่แค่หาเรื่องไปเที่ยวไง"
"คุณเครียดหรือครับ"
ชิณณะรีบพยักหน้าสวมรอย แต่คงดูไม่สมจริง เพราะไข่ตุ๋นส่ายหน้าแบบเหนื่อยใจ
คนตัวโตบีบจมูกเล็กๆ ไข่ตุ๋นรีบปัดมือใหญ่ออก
"ไว้หลังสอบกลางภาคเสร็จค่อยไปเที่ยวกับพี่นะ"
"คุณไม่ได้เครียดสักหน่อย"
"เครียดสิ คนที่รู้ตัวแล้วว่า เดินผิดทางแล้วกลายเป็นการทำให้เรื่องมันแย่กว่าเดิม ต้องเครียดอยู่แล้ว"
"งานหรือครับ"
สีหน้าของไข่ตุ๋นเต็มไปด้วยความกังวลในทันที
"อยากรู้หรือ"
"ไม่หรอกครับ มันเป็นงานของคุณ แต่ถ้าคุณไม่สบายใจ"
"เครียดเรื่องงานก็เรื่องหนึ่ง แต่ที่ไม่สบายใจมากในตอนนี้ ก็คือการที่ไข่ตุ๋นคิดว่ามีส่วนทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับสกาว แล้วก็ไม่ได้แค่ชดใช้ให้สกาว แต่ยังพยายามช่วยเหลือทุกคนด้วย"
"เรื่องพี่หวานผมผิดจริงๆ ส่วนเรื่องช่วยคนอื่น มันไม่ดีหรือไง"
"ผิดจริง แต่สกาวก็ต้องลุกขึ้นให้ได้ด้วยตัวเขาเอง ถ้ายังเป็นแบบนี้สกาวจะไม่มีวันดีขึ้นแล้วยังจะพาทุกคนถอยหลังลงไปด้วย ไข่ตุ๋นต้องเว้นที่ให้เจ้าตัวเขาได้ช่วยเหลือตัวเอง ส่วนเรื่องที่ไข่ตุ๋นช่วยเหลือคนอื่นน่ะมันก็ดีอยู่แล้ว"
ไข่ตุ๋นกัดปากแน่น ไม่ได้ดูดื้อรั้นเหมือนก่อน แต่เหมือนลังเล
"พี่ไม่ได้บอกให้ไข่ตุ๋นทิ้งสกาวนะ อีกสักเดือนเราค่อยขึ้นเชียงใหม่ไปหาเขาก็ได้"
ยิ้มกว้างของไข่ตุ๋นทำให้ชิณณะเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นว่าเดินมาถูกทาง
เพียงแต่เมื่อกินอาหารค่ำด้วยกันเสร็จแล้วกลับบ้าน หวานก็โทรมาหาอีก ชิณณะที่กำลังขับรถเลยได้เห็นว่าไข่ตุ๋นฟังพี่สาวพูดอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็วางสาย
“สกาวโทรมาแบบนี้วันละกี่ครั้ง”
ไข่ตุ๋นนิ่งเงียบบอกอาการว่าไม่ตอบคำถามนี้
“ตอบคำถามพี่ด้วย”
“ไม่ทราบ ไม่ได้นับ”
ชิณณะหัวเราะหึหึ “เห็นฟังพี่สาวพูดได้ตั้งนาน แต่พี่ถามกลับโดนโกรธ”
เด็กหนุ่มเพียงหันไปมองทางอื่น ขณะที่ตอบเหมือนเดิม “ก็ไม่ได้นับ”
“งั้นเอาแค่วันนี้ กี่ครั้งแล้ว”
“5”
“ไข่ตุ๋นคิดว่ามันผิดปกติมั้ย”
ด้วยอารมณ์ตอนนี้ไข่ตุ๋นเกือบตอบไปว่าไม่ แต่เสี้ยววินาทีที่คิดย้อนกลับไปช่วงก่อนหน้านี้ ที่หวานมักหายไปครั้งละหลายๆ วันก็ต้องยอมรับว่ามันคือความผิดปกติ
“เขาไม่สบาย”
“มันก็จริง” ชิณณะยอมรับ แต่ก็ชวนคุยต่อ “แล้วถ้าเขาโทรมาตอนที่กำลังอยู่ในห้องเรียนทำยังไง”
“ก็บอกเขาว่าเรียนอยู่”
“แล้วเขายอมวางสายหรือเปล่า”
ไข่ตุ๋นหันมามองหน้าชิณณะตรงๆ “ผมไม่ใช่แต้ว แล้วก็ไม่ใช่พี่หวานด้วย คุณไม่จำเป็นที่จะต้องจัดระเบียบชีวิตของผม”
ความโกรธผสมความน้อยใจแล่นวูบเข้าสู่หัวใจใต้อกหนา แต่ความเชื่อมั่นในตัวเองกลับเป็นฝ่ายชนะ
“ไข่ตุ๋นไม่ใช่ 2 คนนั้น แต่ก็เป็นคนที่ทำงานให้พี่เหมือนกัน ถ้าการดูแลสกาวทำให้งานของพี่เสียหายพี่ก็ต้องเข้าไปจัดระเบียบ เพราะฉะนั้น อย่าให้มันถึงขั้นที่พี่ต้องบังคับ”
ไข่ตุ๋นได้แต่ส่ายหน้า “ก่อนนี้ทั้งที่เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นผมกับพี่ก็ยังไม่ค่อยได้คุยกัน พอมาถึงตอนนี้......”
...ตอนนี้กำลังต้องการชดใช้....
...เป็นประโยคเดิมๆ เรื่องเดิมที่ทั้งคู่คุยกันมาโดยตลอดจนเหมือนเรื่องราวไม่มีความคืบหน้า....
“ผมจะไม่ทำให้งานของคุณเสียหาย”
“งั้นหรือ” ชิณณะทำเสียงไม่พอใจ “ตอนนี้ไข่ตุ๋นอยู่กับพี่ แต่กลับเอาเวลาของพี่ไปฟังพี่สาวพูดตั้งนาน นี่ไม่เรียกว่าทำให้งานพี่เสียหายหรือไง”
คราวนี้ไข่ตุ๋นดูไม่ค่อยเข้าใจ “คุณกำลังหาเรื่องทะเลาะกับผมอยู่หรือเปล่า”
ชิณณะแค่ยักไหล่ ทำให้ไข่ตุ๋นถอนหายใจแรงๆ นึกถึงคำที่แต้วพูดถึงชิณณะเมื่อวันก่อน
...คนรวยขี้เหงา....
แต่ที่จริงชิณณะก็กำลังหาเรื่องชวนทะเลาะกับไข่ตุ๋นอยู่จริงๆ ในฐานะของคนที่มองดู
นับวันไข่ตุ๋นก็ยิ่งเงียบขรึมลงไปเรื่อยๆ คิ้วสวยนั่นขมวดแน่น แววตาที่ดูครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา
มันต่างจากคนที่วางฟอร์มไม่สนใจใครบังหน้าความใจดีคนเดิมอย่างสิ้นเชิง
แล้วดูก็รู้ว่าเวลานี้ คนๆเดียวที่มีอิทธิพลต่อไข่ตุ๋นคือหวาน ก็แค่หาเรื่องขึ้นมาโต้เถียงกันไปเรื่อยๆ ดีกว่าให้เขาจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
“วันเสาร์นี้ไปภูเก็ตกันดีกว่า”
จู่ๆ ชิณณะก็พูดขึ้น แต่เมื่อหันไปเช็กสีหน้าของไข่ตุ๋นก็อยากสบถ
...ตั้งใจไว้ว่าจะแบ่งเบาปัญหา แต่ทำไมถึงได้กลายเป็นอีกคนที่โยนปัญหาสารพัดให้เขานะ...
“ผมไปไม่ได้หรอกครับ ใกล้สอบต้องเคลียร์รายงานส่งอาจารย์ ทั้งงานเดี่ยวงานกลุ่ม”
ไข่ตุ๋นปฏิเสธนิ่มๆ
“งั้นคืนวันศุกร์จะให้พี่มาค้างได้หรือยัง”
ไข่ตุ๋นส่ายหน้าเหนื่อยใจ “ทำไมคุณดื้อขนาดนี้นะ”
“ไม่ได้ดื้อ พี่เพียงแต่สังหรณ์ใจแปลกๆ ทุกครั้งที่เดินเข้าไปในห้องนั้น”
“พี่หวานอยู่เชียงใหม่นะครับ”
ชิณณะได้แต่กดที่ขมับ “ก็นั่นแหละ แต่มันไม่สบายใจ มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติอยู่ พี่ถึงได้ชวนไข่ตุ๋นไปอยู่บ้านพี่”
ไข่ตุ๋นหันมามองชิณณะ ขณะที่ใจคิดไปถึงโต้ง ทั้งคู่แสดงออกว่ามีความเป็นห่วงและเป็นกังวลต่อบางสิ่งบางอย่างเหมือนกัน
เพียงแต่การตอบรับหลังการปฏิเสธที่ไม่เหมือนกัน โต้งห่างออกไปหลังจากวันนั้น แต่ชิณณะกลับพยายามหาเหตุให้ต้องใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม
รถคันใหญ่จอดส่งไข่ตุ๋นที่หน้าคอนโดฯ เหมือนเดิม
“ขอบคุณครับ คุณไม่ต้องขึ้นไปส่งถึงห้องหรอก”
ชิณณะพยักหน้า เพราะรู้ตัวเหมือนกันว่ากำลังกดดันไข่ตุ๋นมากเกินไป แต่พอไข่ตุ๋นลงจากรถไปแล้ว ถึงได้เห็นว่ามีหนังสือเรียนของไข่ตุ๋นอยู่ที่เบาะหลัง ก็เลยหยิบแล้วเดินตามลงมา
ไข่ตุ๋นกำลังยืนอยู่ที่หน้าลิฟต์ มือหนึ่งถือโทรศัพท์อยู่
“ไข่ตุ๋น หนังสือ” ชิณณะเรียกทำให้ไข่ตุ๋นหันมารับหนังสือไป
“ขอบคุณครับ”
ดวงตากลมเหลือบมองคนตัวโตที่มีคำถามในสายตา เพราะหวานเพิ่งวางสายจากน้องชายไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็โทรมาอีกแล้ว
“ใช่” ไข่ตุ๋นบอกกับหวานขณะที่ก้าวเข้าไปในลิฟต์ ชิณณะก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เดินตามเข้ามาในลิฟต์ด้วย
เสียงของหวานที่พูดกับน้องชายดังแว่วให้ได้ยิน เหมือนจะพูดย้ำว่าอย่าดีกับคนอื่นมากกว่าพี่สาว ไข่ตุ๋นได้แต่เหลือบตามองชิณณะที่แสดงออกชัดเจนว่ากำลังตั้งใจฟังหวานพูด
ไข่ตุ๋นยังคงฟังหวานพูดไปเรื่อยจนถึงห้องพัก
“พี่หวาน ผมถึงห้องแล้วขอผมเข้าห้องน้ำ ล้างมือ ล้างหน้าได้มั้ย”
ชิณณะยังคงทำไม่รู้ไม่ชี้เดินตามเข้าไปถึงในห้องแล้วยืนมองประตูห้องของหวาน รอจนไข่ตุ๋นกดวางสาย
“ขอพี่เข้าไปข้างในได้มั้ย”
ไข่ตุ๋นพยักหน้าอนุญาต เปิดประตูห้องให้ “ไม่มีอะไรแล้วนะครับ พี่หวานเก็บของออกไปหมดแล้ว”
ห้องนอนของหวานเหลือเพียงเตียงนอนที่ปราศจากผ้าปู กับตู้เสื้อผ้า และโต๊ะกระจกที่ว่างเปล่าอย่างที่ไข่ตุ๋นบอก ชิณณะชี้ไปที่เตียงนอน
“ไขตุ๋นเก็บห้องเองหรือเปล่า”
“เปล่าครับ แม่กับพี่หวานเก็บห้องตั้งแต่ตอนที่ผมอยู่โรงพยาบาล”
ชิณณะกวาดสายตาไปรอบห้องแล้วหยุดอยู่ที่ผนังห้องว่างเปล่า ที่เคยติดรูปภาพเรียงราย
ยอมรับว่าวันที่ตามเข้ามาช่วยไข่ตุ๋นในห้องนี้ ได้แต่มองผ่านรูปภาพบนฝาผนัง รู้สึกสะดุดตาตั้งแต่ตอนนั้น แต่เป็นห่วงไข่ตุ๋นมากกว่า จึงรีบอุ้มไปโรงพยาบาล แล้วปล่อยให้ยามอยู่กับหวานจนกระทั่งตำรวจมาถึง
“ห้องเป็นแบบนี้ตั้งแต่ผมกลับมา” ไข่ตุ๋นบอกเหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
“ไข่ตุ๋นจำรูปบนฝาผนังห้องได้มั้ย”
“ครับเป็นรูปเล็ก กับเพื่อนของเขา”
เป็นภาพถ่ายเล่นทั่วไป ไม่มีภาพใดที่มีหวานอยู่ด้วยเพียงแต่เส้นกากบาทสีแดงที่ขีดทับภาพนั้นต่างหากที่ทำให้ไข่ตุ๋นคาดเดาเรื่องราวบางอย่างได้
ชิณณะถอนหายใจแรงๆ แล้วหันกลับมาจับมือไข่ตุ๋นเดินออกมาจากห้องนอนของหวาน
“ไม่ว่าอย่างไร ก็อย่าโทษตัวเอง ไข่ตุ๋นทำดีที่สุดแล้ว สอบเสร็จเราไปหาหวานกัน”
“ครับ” ไข่ตุ๋นพยักหน้ายิ้มรับ
=====จบตอนที่ 12======
เพื่อลดความหม่นมัวตามชื่อเรื่อง
จาก 19 ตอนลดเหลือ 18 ตอน และแน่นอนว่าความไม่ชัดเจนทั้งหลาย จะหมดไปในตอนที่ 18 ครับเพราะมันคือตอนจบ
หมดความหม่นมัวก็คือจบ
ตอนพิเศษถึงจะเป็นตอนที่ออกนอกทาง แล้วแต่อารมณ์ของที
แต่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงสอบ จึงไม่ได้บอกกับคุณว่าจะมีหรือเปล่า
คือผมเขียนสไตล์นี้มาตลอด ขออภัยหากวิธีการเขียนของผมทำให้คุณไม่สบายใจ แต่หากคุณจะหาตอนหวานๆ ตอนนี้ยังไม่หวานใช่มั้ย รออีกสักพักนะ เดี๋ยวหวานๆ ก็มา 5555 (คุณคิดว่าผมหมายถึงหวานไหน ก็หวานนั้นน่ะแหละ) คุณหมายถึงตอนที่จีบกัน ทำความเข้าใจกันใช่มั้ย มีัสิครับ ตอนนี้ค่อนไปทางส่วนหลังของเรื่องแล้ว ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็มาเหมือนกัน
ความสัมพันธ์ระหว่างชิณณะกับหวานผมไม่ได้อ้างอิงเรื่องของนักร้องกับนางแบบคู่นั้นนะ
มันแค่เรื่องบังเอิญ
ปรมาจารย์ซิฟูบอกว่า เรื่องบังเอิญไม่มีจริง
ขอบคุณที่ติดตามพบกันวันจันทร์นะครับ
ไจฟ์กับทีครับ