☼เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง♥♥ บทส่งท้าย +จบบริบูรณ์ (20/11/12)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

นักอ่านที่น่ารักของ ราส’ต้องการอะไรกันบ้างฮะ

ขอคู่อื่นบ้าง เบื่อพี่โม่ง
1 (1.4%)
ขอดราม่า ตบจูบ มือที่สามรังแกนายเอก
6 (8.2%)
ขอ NC +18
32 (43.8%)
เบื่อ แล้ว ขอตอนจบเลยล่ะกัน
1 (1.4%)
ขอให้น้องไข แฮปปี้เอนดิ้ง กับพี่โม่ง
33 (45.2%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 43

ผู้เขียน หัวข้อ: ☼เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง♥♥ บทส่งท้าย +จบบริบูรณ์ (20/11/12)  (อ่าน 114716 ครั้ง)

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
Ch.8


มายหยิบหนังสือที่ตกมาเปิดดู ยิ่งแน่ใจว่าเป็นของตัวเองที่ยืมเพื่อนมา ก็รอยกาแฟที่ตัวเองทำเปื้อน ตรงขอบจนเลอะ
ไปหลายหน้า ในเล่มยังมี โบว์ชัวร์ที่ เขาเองเป็นคนขีดเส้นใต้ วันเวลาระยะการสมัคร วงรอบเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ในการติดต่อ

หนังสือที่เขาไปวางลืมไว้ที่ไหน สักแห่ง เมื่อคราวที่ขึ้นมาทำไมมาอยู่กับฟ้าใสได้

 “เอ่อ...พี่วัฒน์ ที่พี่ไข เค้าไปลำปาง เขาไปหาใครหรือครับ”

“เขาก็ไม่ได้บอก บอกว่าไปหาเพื่อนที่ลำปางก็เท่านั้น”

“อ่า..เหรอครับ” มายรับคำพยักหน้าอย่างใจลอย
ถ้าเขาตามไปลำปางบ้างล่ะ  บ้านพี่ชายที่ย้ายมาทำงานก็อยู่ที่นั่น

หึ !!! อาจมีโอกาสได้เจอกัน  ไม่สิ ต้องเจอกันสิ ในเมื่อ ทีจากกรุงเทพ มาอยู่ที่นี่ ยังได้เจอกัน
นี่ไม่ใช่บังเอิญหรอก มันเป็นด้ายแดงที่ผูกเขากับฟ้าใส ต่างหาก

“มาย เราทำอะไร เราก็ต้องนึกถึงใจของฟ้าใสเขาบ้าง ถ้าเราชอบเขาจริงนะ พี่ก็เตือนเพราะหวังดีน่ะนะ” อนุวัฒน์ พูดเตือนใจหนุ่มรุ่นน้อง

“ขอบคุณฮะ ...” เจ้าตัวก็ทำท่าเหมือนจะพูด แต่ก็นิ่งเสีย
.
.
.
.
มันก็จริงอย่างที่พี่วัฒน์แกพูด ที่ผ่านมาเขาแทบไม่ได้คิดเลยว่าฟ้าใสจะคิดอย่างไร รู้แต่ว่าตัวเองรัก
และจะดูแลคนร่างเล็กคนนี้ เท่านั้น เท่าที่เขาจะทำได้
ไอ้นิสัยขี้หงุดหงิดของตัวเอง มันก็แก้ยากนี่นา ก็คนมันเป็นแบบนี้ง่ะ
ยิ่งเห็นอีกฝ่ายหนึ่งยอมด้วย  น่าแอบโมเมว่าฟ้าใสก็ต้องชอบให้อยากดูแลสิ  ใครๆก็ต้องเข้าข้างตัวเองทั้งแหล่ะ
เราก็อยากแข็งแกร่ง เก่ง กล้า เป็นผู้นำใช่เป็นไอ้น้อง  ให้คนในบ้าน พ่อแม่ พี่ๆ เป็นห่วงอยู่ได้
.
.
มายโทรไปหาพี่ชายว่าเขาจะหา

“จะมาเมื่อไหร่ว่ะ มากี่วัน อ้าวแล้วพรุ่งนี้ล่ะ ไม่ช่วยเพื่อนเปิดร้านที่ถนนคนเดินหรือไง”

“โห พี่ ผมก็หยุดมั่งสิ ให้คนอื่นมันมีโอกาสจีบสาวบ้าง”

“พูดอย่างกะเอ็งมีแล้ว”

“โห ก็มีแล้วน่ะดิ ระดับนี้”

“แล้วจะมากี่โมงจะได้ไปรับ”

“ไปถึงสัก4โมงนะพี่”

“เออ มาถึงก็บอกแล้วกัน จะแวะไปรับ

หลังจากโม่งแวะรับน้องชายที่สถานีขนส่งก็ต้องกลับไปดูอาการของภรรยาที่โรงพยาบาล ซึ่งจะมีหมอมาดูอาการตอน 5 โมงเย็น
โม่งเลยต้องอยู่รอพบหมอ เพื่อสอบถามอาการ

“ไข้ขึ้นสูง อ่อนเพลีย รับประทานอาหารได้น้อย คงต้องดูอาการและให้น้ำเกลือ  ตรวจแล้วไม่พบอาการโรคแทรกซ้อน”

โม่งรับฟังอาการของภรรยา

 “ไอ้มาย พี่ว่าจะอยู่กับอาจารย์เบญจนถึง 2ทุ่มนะ เดี๋ยวไปส่งเราที่บ้านก่อนแล้วกัน อ้อ! พี่มีรุ่นน้องมาพักอยู่นะ
เดี๋ยวเอ็งนอนห้องมะนาว แล้วกัน เดี๋ยวพี่เอามะนาวมานอนด้วยเอง”

“ผมนอนไหนก็ได้” แค่ได้มาอยู่ที่จังหวัดเดียวกัน เขาก็ปลื้มใจ จะเจอกันหรือไม่เจอ ไม่สิต้องเจอดิ ด้ายแดงกระตุกออกอย่างงี้

“พี่โม่ง ที่บ้านยังมีมอไซค์ อีกคันใช่เปล่าอ่ะ เดี๋ยวผมยืมออกไปขับเล่นหน่อยนะ”

“อ้าว เฮ้ยอะไรว่ะ ว่าจะให้ช่วยเลี้ยงหลาน หนอยมาถึงก็จะเอาแต่เที่ยว” โม่งทำมือจะเบิ๊ดกระโหลก

“อ๊ะ พี่โม่งไม่มีคนดูมะนาวเหรอ เอ๊ย! ผมดูให้ก็ได้ จะได้มีเพื่อนกินเหล้า”

ป้าบ!!! คราวนี้ โม่งไม่แค่ขยับ ยกเท้าเหวี่ยงลูกแป เข้าก้น น้องชายเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

“นี่แน่ะ”
“โห!!! ผมพูดเล่นหรอกน่า เดี๋ยวดูมะนาวให้เองแหล่ะ พี่จะไปทำธุระ ดูอาจารย์เบญก็ดูไปเหอะ ไม่ต้องห่วง”

“เออ ๆ ขอบใจว่ะ แต่ถ้าอยากออกไปเที่ยวก็ไปเหอะ ฟ้าใสเขาช่วยดูมะนาวให้แล้ว”

เดี๋ยวนะ พี่โม่ง พี่โม่งเอ่ยชื่ออะไรนะ ไอ้มายจี๊ดทั้งหัวใจและสมอง เหมือนโดนไฟฟ้าช็อตทันที ที่นึกได้ในหัว แต่ก็เอ่ยถามย้ำได้แต่เพียง

“พี่โม่งว่าอย่างไงนะ”

“หูมีปัญหาหรือไง เรา พี่บอกว่า มะนาวน่ะ รุ่นน้องพี่เค้าช่วยดูให้แล้ว เอ็งจะออกไปเที่ยวก็ไป”

“ไม่ ไม่ เมื่อกี้ ที่พี่พูดว่า อะไร อ่ะ ฟ้าใส น่ะ”

“ไอ้นี่ นี่ เออๆ ฟ้าใสทำไม ชื่อรุ่นน้องกรูเอง มาเมื่อเช้านี้ ได้จังหวะพอดี มาช่วยดูแลมะนาวให้ ไอ้เราก็ต้องออกมาดูอาจารย์เบญ
  สงสารมะนาว ไม่ค่อยอยากมาโรงพยาบาลเท่าไหร่ ธุระก็ต้องทำหลายอย่าง....”

“โอ๊ย...พี่อย่ามัวบ่น รีบกลับบ้านเหอะ ช้า ผมไปบ้านพี่ก่อนล่ะ”

โม่งยังพูดไม่จบคำเลยว่า ตั้งแต่คนตัวเล็กมา เขาเองก็ยังไม่ได้พูดคุยกันเท่าไหร่
มารับที่สถานีขนส่ง ทักทายกันได้นิดหน่อย พอเข้าบ้านไป คนตัวเล็กก็โดนจับจองโดยเจ้ามะนาวลูกชายเขา แล้วก็เลยอยู่ติดกันแจ

“พี่โม่ง จะเดินช้าอีกนานไหมเนี่ย” ไอ้มายแทบอยากจะใช้คำว่าเต่าคลาน ไม่ก็จะบอกว่าแก่แล้ว แต่ก็กลัวว่า ไอ้ลูกแปเบาๆจะเปลี่ยนเป็นก้านคอ

“ว่ะ!!! ไอ้นี่ กรูเป็นครูบาอาจารย์นะโว้ย เอ็งเกิดอยากกลับบ้านเร็ว แล้วจะให้กรูวิ่งในโรงพยาบาล รีบขับรถไปส่งเอ็งกลับบ้าน
หรือไง อยากเข้าห้องน้ำ ก็เข้าซะที่นี่ก็ได้ หรือจะรีบไปเอามอไซค์ออกไปร่อน”

“เหอะน่า ไม่มีอะไร ผมอยากเข้าบ้านพี่เท่านั้น”  งึมงำต่อ “พี่น่ะดู ER หรือเปล่า ในโรงพยาบาล เดี๋ยวมันก็วิ่ง เดี๋ยวมันก็วิ่ง
ใครๆก็วิ่งในโรงพยาบาลกันทั้งนั้น เรื่องฉุกเฉินน่ะ ฮู้บ่” ถึงบ่นไป แต่บ่นแค่เบาๆ พอได้ยินคนเดียว

โม่งมองหน้าไอ้มาย แล้วก็กล่าวเบาๆว่า

“เอ...แล้วพวกที่บ้านเขาจะเอาอะไรหรือเปล่า...ไอ้มาย เอ็งก็ยังไม่ได้อะไรนี่หว่า เดี๋ยวแวะซื้ออะไรก่อนเข้าบ้านไหม”

“ไม่เอาอะไร หร็อกพี่โม่ง  อ๊าว..พี่ก็สตาร์ทรถซะทีสิ”

“ว่ะ ไอ้ห่า นี่ เร่งจริงโว้ย เดี๋ยวก่อนสิ กรูโทรไปถาม...”โม่งที่หยิบมือถือออกมาจดๆจ้องๆคิดจะโทรเข้าไปถามคนที่อยู่ที่บ้าน
ว่าจะให้ซื้อของกินอะไรเข้าไปไหม

“โอ๊ย...โอ๊ย..พี่ไม่ต้องโทรเลย” มายพูดจบก็คว้ามือถือพี่ชายแย่งมาถือไว้    ขืนให้โทรไปหาคนที่หนีเขามาอยู่บ้านพี่โม่ง 
เกิดฟ้าใสรู้ว่าเขากำลังจะไปหา เกิดโกรธเขาแล้วก็หนีไปอีกล่ะ

ป้าบ!!! โอ๊ย!! พี่โม่งนี่มือไว โว้ย ตบหัวเลย

“ไอ้มายเอ็งนี่เพี้ยนใหญ่แล้ว” โม่งบ่นหลังจากเบิ๊ดกะโหลกน้องคนเล็กไปแล้วก็ส่ายหน้า แต่ก็ยอมสตาร์ทรถ ขับกลับบ้าน

“เออ เออ ผมปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ อยากช่วยเลี้ยงหลาน อยากเอาของไปเก็บ เท่านั้นน่า” พูดไปก็หน้างอ
คนเค้าจะรีบไปหาแฟน พี่โม่งนี่ ชักช้างุ่มง่ามไม่เข้าใจหัวอกคู่แท้บุพเพสันนิวาส ชิส์

“บ๊ะ!!! ไอ้นี่ งอนแล้วหรือไง” โม่งถอนหายใจ รีบขับกลับบ้าน ไปส่งไอ้เด็กไม่รู้จักโต
.
.
.
โม่งจอดรถชิดริมรั้วหน้า ไอ้ตัวดีเผ่นลงรถเปิดประตูรั้วเข้าบ้านไปก่อนเลย เออ! มันสัญญาว่าเดี๋ยวถ้าที่บ้านเขาจะเอาอะไรมันจะออกมาซื้อให้
โม่งเดินหอบของก็พวกเสื้อผ้าที่ใช้แล้ว เมื่อคราวไปเฝ้าภรรยาเมื่อวันก่อน ทั้งชุดของมะนาว ที่เปลี่ยนแล้วตอนที่ไปเลิกเรียนก็ไปเยี่ยมอาจารย์เบญด้วยกัน

อะไรว่ะ โม่งมองไปที่ภาพตรงหน้า เมื่อก้าวเข้าไปในบ้าน ที่ห้องนั่งเล่น ไอ้มายยืนหลังโซฟาโอบไหล่กอดคอฟ้าใส
ที่นั่งบนโซฟาในมือมีหนังสือ บนตักมีมะนาวนอนเอาศีรษะหนุนหลับสบาย

มะนาวหลับ ตอนเย็นไม่แปลก

ฟ้าใสนั่งอ่านหนังสือ ก็ไม่แปลก

ที่แปลก น่ะ ไอ้ตัวโตๆร่างควายๆของมันที่เพิ่งเผ่นลงจากรถเขา แปลงร่างไปเป็นปลิง เกาะคนตัวเล็กของเขาได้ไง
ภาพแบบนี้ เขาก็เคยคิด เคยฝัน แต่มันเป็นหน้าเขา ตัวเขา ไม่ใช่หน้าไอ้มาย
เดินเอาของเข้าไปวาง คนตัวเล็กกระพริบตาปริบๆ เอ่ยเบาๆ

“พี่โม่ง....”
เออ...ตรูไม่ได้ฝัน คนตัวเล็กขยับตัวได้ กระพริบตาได้ พูดออกเสียงได้ยิน ไอ้ปลิงควาย ยังเกาะคนร่างเล็กไม่ปล่อย
โม่งเริ่มคิด

ไอ้มายน้องเขาก็มาจากเชียงราย

ฟ้าใสก็มาจากเชียงราย

ฟ้าใส ธรรมดาก็เกรงใจ มาคงมีอะไรไม่สบายใจ คอก็โดน..จนแดง ปากก็บวมเจ่อ หรือว่ามันไปก่อเรื่องกับคนตัวเล็ก
รู้จักคงรู้จักแน่ ไม่งั้นมันไม่ไปเกาะกอดคอฟ้าใสซะแน่อย่างงั้น หนอย!!!ไอ้นี่ น้องก็น้องเหอะว่ะ ตื้บสักทีเถอะ

ไขนี่หรือเปล่า ที่ไขมาหาพี่  โม่งอยากถามคนตัวเล็ก แต่เดี๋ยวก็อาจไม่ตอบ

“ไอ้มาย...”โม่งเอ่ยเสียงเย็น ๆ

ปลิงควายเงยหน้ามอง ทำหน้าสำนึกผิด น้ำตาคลอ  ได้ผู้ต้องหาแล้ว
ผู้ร้ายยังคงยึดหลักฐาน ของกลางไว้ไม่ยอมปล่อย
โม่งเดินไปเกาะปลิงออกจากคนร่างเล็ก ลากออกมาให้ห่างกันไว้ก่อน
ผู้ร้ายสำนึกผิด ยอมปล่อยของกลาง ก้มหน้า เดินตามตุลาการโดยดี

“ผม...โมโห...เลย...รังแกเค้าอ่ะ”

พลั่ก!!!

โม่งร่อนหมัดฮุกใส่หน้าปลิงควายตัวโต

ท่าทาง ไอ้น้องชายตัวดีมันก็ทนมือทนไม้จริงๆ ชกไป ก็เจ็บมือ ฮึ่ย....อยากเรียกไอ้ม่อนมาจัดการจริงๆ คงได้วิ่งในโรงพยาบาลแน่
นึกถึงโรงพยาบาลแล้ว  ตัวเองก็ยังมีภาระที่ต้องทำอยู่ เฮ้อ!!! โม่งต้องถอนหายใจอีก
.
.
มายถึงจะมีเลือดจะออกบ้างนิดหน่อย ความเจ็บก็ไม่เท่าที่อยู่ในใจ ของตัวเอง

“ผมรักพี่ฟ้าใส” โม่งได้ยินเต็มสองหู เออ กรูก็รักฟ้าใสเหมือนกัน ไอ้มาย

สิ่งที่อยากพูด แต่โม่งก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมา


TBC...


ออฟไลน์ goonglovenut

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1188/-10
คาดไม่ถึงอะ o22
โอ้ยแล้วทีนี้จะทำไงล่ะ ยังไงก็ขอให้เคลียร์กันได้นะ :call:

DIIK

  • บุคคลทั่วไป
บร๊ะ!
แทงหวยทำไมไม่ถูกแบบเน้!!

คิดไว้แล้วว่าสองคนนี้พี่น้องกันแน่ๆ
ยังไงวินาทีนี้ก็เชียร์พี่โม่งสุดใจขาดดิ้นอยู่ดีค่ะ

มายไม่ไหวหรอก = =
เด็กเกินไปที่จะเข้าใจความรักแบบนี้ *สะบัดป๊อบ

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ไม่ไหวจะเคลียร์ เฮ้อ   :เฮ้อ:  เอาไงดีอะฟ้าใส สู้ๆๆนะลูก
 :z3: :z3:

ขอบคุณค่ะ  :L1: :pig4: :L1:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ย...โอย...โอ๊ย...โอย ขอกัดลิ้นตัวเองตายเล่นๆแทนฟ้าใสซักวันสองวันดีปะเนี่ย
  :dont2::dont2:ทำไม้ ทำมาย...เป็นแบบนี้........

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
(ต่อ)

“เดี๋ยวตามกรูกลับไปโรงพยาบาลด้วยนะ ไอ้มาย” พูดจบไม่ทันขาดคำ ไอ้เด็กตัวโตสวนกลับทันที

“ไม่!!! พี่โม่ง ผมไม่ไป ผมจะอยู่กับฟ้าใส” ทันทีตอบเสร็จ ร่างสูงก็แปลงกายไปเป็นปลิงเกาะติดฟ้าใสต่อ

มายเห็นว่าในเมื่อพี่ชายก็ไม่ได้จะลงโทษหรือต่อว่าอะไรแล้ว สงสัยไม่อยากทำรุนแรงต่อหน้าเด็ก ผู้หญิง และสตรีมีครรภ์
ดี!! ในเมื่อพี่โม่งก็รู้จักฟ้าใส ความเกี่ยวดองก็ง่าย สองเราก็จะเป็นหนึ่ง
มายซุกหน้ากับผมนุ่มสลวย
.
.
ถึงจะแปลกใจว่าทำไมฟ้าใสมาอยู่บ้านพี่โม่ง
บ้านพี่โม่งใครๆก็มาพักบ่อยๆ ก็เขามาบางทีก็เจอพี่จุ๋ย บ้าง พี่เซียนบ้าง มีที่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องก็มักจะห่างกันปีเดียว
 ที่เป็นรุ่นน้องห่างกันหลายปี แบบฟ้าใส ไม่เคยเห็นมาบ้านพี่โม่งมาก่อน
.
.
“ไอ้มาย  ออกมา” โม่งขัดหูขัดตาจนอยากเดินไปจิกหัวไอ้น้องชายตัวดี

“....” เงียบไม่มีคำตอบรับ แต่ไอ้ท่าทางการปฏิบัติ

มายส่ายหัว โอบกระชับวงแขนรอบตัวฟ้าใสมากขึ้น

“หยุดนะโว้ย...ไม่ต้องไปแตะต้องฟ้าใสเค้าอีก”

ฟังซะที่ไหน....มะนาวก็นอนหลับอยู่บนตัก

ฟ้าใสที่นั่งอยู่ อยากแกล้งทำตัวเองเป็นตุ๊กตาหิน นั่งอ่านหนังสืออยู่ดีๆ ได้ยินเสียงคนเปิดประตู ก็นึกว่าพี่โม่งกลับมา
กลับกลายเป็น ไอ้เด็กบ้า หมายักษ์ ที่ฟัดเขาซะจนช้ำไปทั้งตัว

โกรธก็โกรธ แต่ก็รู้ว่ามันรักเขา คนเรารักใคร เป็นอย่างไร ทำไมเขาจะไม่เข้าใจ ไม่รับรู้
เสียงวิ่งพรวดพลาดขึ้นบ้าน เสียงเรียกชื่อ หลังจากหายตะลึง ฟ้าใสรีบชี้ให้เห็นว่ามีเด็กน้อยนอนหลับบนตัก
แล้วเขาก็กลายเป็นตุ๊กตาให้หมายักษ์มันกอด

จากนั้น เขาก็ได้เห็นพี่โม่งกลายร่างเป็น ร้อยตำรวจเอกปลอมตัวมา สั่งสอนผู้ร้าย
ไม่เคยเห็นพี่โม่ง เข้มอย่างงี้มาก่อน
เท่ห์...สุดๆ
ถึงจะสงสารไอ้ผู้ร้ายก็เหอะ แต่มันก็ควรโดนลงโทษมั่ง ตั้งแต่รู้จัก มันก็เอาแต่ข่มขู่ฟ้าใสตลอด
...แต่มันก็...ทำอะไรต่ออะไร ทั้งดูแลเขา...ไม่ว่าอะไรตั้งมากมาย

ตอนช่วงสงกรานต์ ที่ฟ้าใสไม่อยากออกไปข้างนอกเลย เพราะชอบโดนแกล้งมาตั้งแต่เด็ก ก็คนมันตัวเล็ก
โดนก็เหมือนโดนทำอยู่ฝ่ายเดียว มันเลยเจ็บใจอยู่ลึกๆ ไอ้มายที่อยากจะพาฟ้าใสออกไปเที่ยว ไปกินข้าวกับเพื่อนมันให้ได้

ฟ้าใสไม่อยากโดนพวกแก็งค์สาดน้ำคลอง ก็เล่นตั้งกองกันริมคลอง น้ำที่สาดก็ตักมาจากคลอง

ยี้!!! หน้าพังก็เด่ะ ขี้หมงขี้หมา ฝนตกก็ลงไปอยู่ในนั้น มันก็แสนพยายามเลี่ยงวกไปวนมา ให้ฟ้าใสหลบมุดหัวเข้าไปในเสื้อ 
เขาต้องนั่งซ้อนมอไซค์มันไปโดยที่ไม่เห็นอะไรเลย นอกจากแผ่นหลังของคนข้างหน้า
พอโดนหยุดรถ ก็ต่อรองให้สาดมันคนเดียว   จนถึงที่หมาย ฟ้าใสเอาหัวออกมา ถึงเห็นว่ามันเขลอะไปทั้งตัว ทั้งแป้ง ทั้งสี
ตัวเปียกโชก น้ำหยดติ๋งๆ แต่ฟ้าใสโดนประมาณ 3 ซู่ ได้มั๊ง ขนาดเสื้อข้างหน้า เขายังมีส่วนแห้งอยู่เลย

เอาเหอะ...โดนแค่นี้ สำหรับไอ้หมาบ้าก็ดีแล้ว
หมัดพี่โม่งก็คงหนักอยู่ ทั้งปากทั้งจมูกมีเลือดออกเลย ดีว่าแค่นิดหน่อยอ่ะ
ฟ้าใสเห็นหน้าพี่โม่งที่ทำตาดุๆ ก็ไม่กล้ากระดุกกระดิก

ก็นี่ล่ะ อยากทำให้พี่โม่งโกรธ มารังแกฟ้าใส ให้มันรู้มั่งว่าฟ้าใสลูกศิษย์ใคร…
เอ๊ะ!! ไอ้มายเป็นน้องพี่โม่งเหรอ ใช่เหรอ นามสกุลก็ไม่ใช่ นามสกุลพี่โม่งฟ้าใสจำไว้ในดวงใจ
 ศิลปินใหญ่ สุรพงษ์  วิเศษสรณ์  ที่ฟ้าใสตามอ่านข่าว ชื่อที่ตามเสิร์ชในกูเกิ้ลทั้งภาษาไทยและอังกฤษ 
ส่วนไอ้มาย นาย สุรนาท นามสกุล อินทราไชย    ฟ้าใสก็เป็นคนเขียนชื่อทำปกรายงาน
ทำไมจะไม่รู้จักนามสกุลมัน อาจเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน  วันหลังค่อยถาม แต่วันนี้ฟ้าใสอย่าแหยมดีกว่าเป็นตุ๊กตาหินน่ะดีแล้ว

เด็กน้อยที่อยู่บนตัก เริ่มขยับตัว ฟ้าใสก้มหน้ามอง

“อามาย!?” มะนาวกระพริบตา มองหน้ามายที่เสนอหน้าแนบชิดหน้าฟ้าใส
ฟ้าใสเอามือ ความจริงอยากเอาส่วนอื่น ผลักหน้ามันให้ออกไปให้ห่างๆ

“มะนาวตื่นแล้วเหรอ หิวหรือยัง” ฟ้าใสจับตัวมะนาวลุกขึ้น

โม่งมองหน้าไอ้น้องตัวกวนแล้วรีบเดินไปหาคนตัวเล็กทั้งคู่

“มะนาว ทานอะไรหรือยังลูก” โม่งอุ้มมะนาวขึ้นในอ้อมอก แล้วลงไปนั่งข้างคนตัวเล็ก

“มะนาวหลับไปนานหรือเปล่านี่ไข” อย่าไปสนใจไอ้วิญญาณฮอลโล่ข้างหลังเลย

“ชั่วโมงกว่า อ่ะ พี่โม่ง” ฟ้าใสพูดไปเริ่มทำหน้าเหยเก เหน็บกินอ่ะ

“อ้าว!! เป็นอะไร เหน็บกินเหรอ” โม่งที่นั่งเคียงข้างอุ้มมะนาวบนตัก เอามือจับที่ต้นขา

“โอ๊ะ!! อุ๊ จั๊กจี๊พี่ อย่าโดน” ฟ้าใสรีบจับมือพี่โม่งออก

“พี่ไขเหน็บกินเหรอ ผมนวดให้” วิญญาณฮอลโล่ข้างหลังรีบก้าวพรวดมาตรงหน้ายื่นมือจะมานวดเฟ้นบีบคลึง

“ไม่ต้อง ไอ้มาย ฟ้าใสเขาจั๊กจี๊ เอ็งไม่ต้องไปยุ่ง โน่น...ไหนบอกจะไปซื้ออาหารมาไง ใครจะทานอะไรบอกอามายเลยนะครับมะนาว เอาอะไรลูก  ไขล่ะจะทานอะไร”

“ว้า ไขว่าจะโชว์ฝีมือทำอาหารเลี้ยงมะนาวกับพี่โม่งซะหน่อย อุตส่าห์ไปเรียนมานะเนี่ย”

“กินได้เหรอ...อุ๊บ!!!” ไอ้มายพูดไปตามนิสัยปากเรียกร้องความสนใจ ซึ่งได้ผล

“ไอ้มาย!!!” เสียงใส เสียงทุ้ม  ร้องโวย แต่เสียงทุ้มไม่ได้มาแต่เสียง

เพี๊ยะ!! เสียงเบิ๊ด กะโหลก

ฟ้าใสทำหน้าย่นใส่ สมน้ำหน้ามัน ชอบว่าเขาดีนัก
มายคลำศีรษะ  มองหน้า ทำหน้ามู่ใส่ ลืมไปว่าตอนนี้คนตัวเล็ก มีตาแก่เซอร์แลนสล็อต คุ้มครองอยู่
พี่โม่งนะ พี่โม่ง ดูท่าทางทั้งหวงทั้งปกป้องฟ้าใสเกินไปแล้วนะ ถึงจะรู้ว่าพี่ฟ้าใส อ่อนแออ้อนแอ้นกว่าผู้ชายปกติ
หน้าตาสะสวยจิ้มลิ้ม ปากแดงน่าจูบ เอวบางร่างน้อย ตัวก็หอม แก้มก็เนียน ผิวก็นุ่มน่ากอด

“อามาย อามาย เจ็บเปล่าฮะ คุณพ่อไปตีอามายทำไม”

“โอย..มะนาว อามายเค้าไม่เจ็บหรอก โดนมอเตอร์ไซค์ชน อามายเค้ายังวิ่งปร๋อ  ส่วนมอเตอร์ไซค์ล้มกลิ้งกระเด็น
ไปแปดตลบ พ่อตีอามายเพราะอามายทำผิด พ่อก็ต้องทำโทษอามายไงครับ”

นี่แหล่ะ ทำอะไรต่อหน้าเด็ก ถึงต้องระวัง

“งั้นคืนนี้อามายระวังฉี่รดที่นอนนะครับ เพราะแม่บอกว่า อย่าเล่นตีหัวกันเดี๋ยวฉี่รดที่นอน”

555 ทุกคนต่างขำความช่างพูดของหนูมะนาว

“จ้า อาจะระวัง”

“งั้นอามายมานอนกับมะนาวก็ได้ เดี๋ยวมะนาวจะปลุกอามายไปเข้าห้องน้ำเอง”

“ไม่เป็นไรจ๊ะ อามายตัวใหญ่ นอนกับมะนาวไปเบียดมะนาว เดี๋ยวอามายกลิ้งไปทับมะนาวแบนแตร๊ดแต๋”
คืนนี้อามายจะนอนกับอาฟ้าใสจ้า วะฮะ ฮ่า

“อ้าว อามาย ไม่นอนห้องมะนาวเหรอ ก็ดี งั้นมะนาวจะได้นอนกับอาฟ้าใส กัน 2คน”

“เฮ้ย!! ไม่ใช่ อามายจะนอนกับอาฟ้าใส ที่ห้องนอน รับแขกไง”

“ไม่!!!!” สามเสียงสามวัย ต่างร้องตะโกนประท้วง

โม่งชักรู้สึกว่า พอไอ้น้องชายตัวดีมานี่ ถึงบ้านจะดูอบอุ่นด้วยความรักดี แต่มันดูจะหนาแน่นไปไหม แถมไอ้ตัวดี
มันทำให้เขาต้องฟอร์มหลุดบ่อยๆ กำลังคิดว่าจะได้อยู่กับลูกศิษย์คนโปรด...

“อาฟ้าใสนอนกับมะนาวต่างหาก อาฟ้าใสสัญญากับมะนาวแล้ว ว่าจะเล่านิทานเรื่องทำไมทะเลถึงเค็มด้วย”

“ครับ ครับ อาใสจะนอนกับมะนาว แล้วจะเล่านิทานเรื่องทำไมทะเลถึงเค็มให้ฟังด้วย”

“ขออามายฟังด้วยคนสิ”

“ไม่ต้อง” พ่อหมีใหญ่ผู้พิทักษ์นักร่ายเวทย์สะกดเด็ก เอ่ยเสียงเหี้ยม “เห็นทีอามายของมะนาวต้องไปทำกับข้าวมา
ให้พวกเราทานแล้ว ติคนอื่นดีนัก ไปเข้าครัวโชว์ฝีมือเลย เรียนก็ไปเรียนมาแล้ว ขอดูฝีมือหน่อยสิ พัฒนาขึ้นระดับไหนแล้ว”

“หมายความว่าไง พี่โม่ง มายเค้ามีฝีมือทำอาหารเหรอ พี่โม่ง”

“ฮื่อ!! มายมันก็มีฝีมือทำกับข้าวอยู่บ้างล่ะ” โม่งก็ยอมรับ แต่ก็ไม่อยากชมมัน ยิ่งขี้คุยอยู่ “ก็แค่ทำเป็นแหล่ะ”

“โห อย่าเลย ผมน่ะ ทำอาหารเก่งกว่าพวกพี่ล่ะ ที่ไอ้ม่อนมันไว้ชีวิตผม ก็เพราะจะให้ผมทำกับข้าวให้กิน”


โม่งเห็นคำหล้าเดินเข้า จึงเอ่ยทัก

“ว่าไงหล้า มีอะไรเหรอ”

“เอ่อ อาจารย์โม่งจะให้หนูทำกับข้าวอะไร หนูตั้งข้าวเสร็จแล้วค่ะ”

“เออ..ดี ว่าจะเดินไปบอกอยู่ คิดอยู่ว่าจะออกไปกินข้างนอกดีหรือว่า...”

“ฮั่นแน่!!! เฮียอย่าบอกนะว่า ไล่ผมไปทำกับข้าว แล้วจะแอบพาฟ้าใสกับมะนาวไปกินข้างนอกกัน”

“บ๊ะ!!! ไอ้นี่!!!” โม่งอมยิ้มขยับยกมือ ท่าเบิ๊ดกระโหลก แค่ทำท่าไปงั้นแหล่ะ หยอกมัน ไอ้นี่รู้ทัน โว้ย!!!
ก็เดี๋ยวต้องไปเฝ้าอาการเมีย จะปล่อยฟ้าใสไว้กับไอ้น้องตัวดี ถึงจะมีมะนาวอยู่ก็เหอะ ไม่ค่อยน่าไว้ใจ เลย  เฟ้ย...

“ไปทำแกงจืดเต้าหู้ไข่ ใส่สาหร่ายด้วย ผักเยอะๆ นอกนั้นคิดเอาเอง” โม่งสั่งเมนูกับเชฟใหญ่ของตระกูล

“หล้า กับข้าวน่ะ ไปช่วยพี่มายเค้าก็ได้ แต่เดี๋ยวให้พี่มายเค้าโชว์ฝีมือเองนะ”

“ไข่เจียวหมูสับ ไข่ยัดไส้ อะไรก็ได้ ผัดผักรวมมิตร ก็ได้ ไปดูของเอาเอง” โม่งบอกส่งๆ ไป
 เขาก็ไม่ค่อยยุ่งกับพวกงานบ้าน  อาจารย์เบญจะเป็นคนดูแลรับผิดชอบทั้งหมด ถึงใครจะแอบว่าแอบนินทา
 ว่าอาจารย์เบญจับเขา เพราะอายุมากกว่า  หน้าตาก็ไม่สวยสะ แต่เธอก็ดูแลครอบครัวไม่บกพร่อง
ทำให้เขาเองมีเวลาพอที่จะสามารถทำงานศิลปะ เขียนรูป  จนปีหนึ่งๆ มีผลงานมากพอที่จะจัดแสดงนิทรรศการได้
 หากบางปีที่สร้างสรรค์งานได้แต่ชิ้นใหญ่ๆ ได้ชิ้น 2ชิ้น ก็ยังโดนขอให้ไปแสดงร่วม

โม่งถึงคิดว่า อาจารย์เบญมีบุญคุณ เป็นภรรยาที่ดี เขาก็ไม่ควรประพฤตินอกใจ ให้เกียรติ และเป็นสามีที่ซื่อสัตย์
แต่เรื่องของใจ ใครจะบังคับกันได้

ฝีแปรงของงาน พลิ้ว ราวจะปลิวไปกับสายลม ฝากความรู้สึกระลึกถึง คนไกลตัว ที่บัดนี้มานั่งอยู่ตรงหน้า
บางครั้งกลับห้วนตัดตวัดหนัก เพราะต้องเก็บกดซ่อนความรู้สึกตัวเองไว้
ทำงานหนัก สูบบุหรี่จัด คำนิยามที่คนรอบข้างของเพื่อนอาจารย์ที่วิทยาลัย และเพื่อนฝูงเก่าๆ
.
.
“เดี๋ยวผมทำกับข้าวไม่มีผักให้ ไม่ต้องห่วง” มายแอบกระซิบข้างหูฟ้าใส ใจจริงอยากหอมแก้มนวลสักฟอด

แต่ดูท่าคงถูกเฮียเตะก้านคอแน่ ถ้าทำไป มายแอบทำย่นปาก ดี!! ไปบังคับฟ้าใสให้กินผักเข้าไปเหอะ พี่โม่ง
เขาจะได้ทำคะแนนความดีความชอบ ก็เขาไม่เคยบังคับ เอ่อ... ถึงจะบ่นบ้าง ก็ไม่เคยบังคับจริงจัง
ถ้ามีติดมา เขาก็ช่วยเขี่ยให้คนตัวเล็กด้วยซ้ำ  เวลาสั่งอาหาร เขาก็คอยย้ำคอยสั่งกำชับ ไม่เผ็ด ไม่พริก ไม่ผัก
.
.
.
ระหว่างกินข้าวไป
มายเล่าถึงการเรียนทำอาหารของฟ้าใส อย่าเรียกว่าเล่าเลย น่าจะเรียกว่า “เผากัน” ดีกว่า

“จนป่านนี้ พี่ไขเขาก็ยังแยกไม่ออกระหว่างโหระพากับใบกระเพรา” ฟ้าใสแอบเตะหน้าแข้งคนเอาความลับมาเปิดเผย

“หึ หึ หึ...” โม่งหัวเราะขำคนตัวเล็กเบาๆ เอามือตบหัวฟ้าใสเบาๆอย่างเอ็นดู

“ฮึ!!! ไม่ต้องมารุมเลย ใครจะเก่ง ดี แบบบ้านพี่ล่ะ เออ แล้วทำไมมายมันทำกับข้าวได้ล่ะพี่” ธรรมดาผู้ชายเค้าต้องทำไม่เป็น อย่างฟ้าใสดิ 

“บ้านพี่ เป็นร้านอาหารตามสั่งน่ะ แค่ร้านเล็กๆนะ ธรรมดาๆนี่แหล่ะ ไอ้มายน่ะ มันเด็กสุด เลยอยู่บ้าน เป็นลูกรัก เลยโดนให้เป็นลูกมือ...”

“ เลยได้วิชาจอมยุทธ์ตะหลิวปลิดวิญญาณ มาคนเดียว”

ฟ้าใสก็ยังสงสัยเรื่องนามสกุลที่ทำไมนามสกุลพี่โม่งกับไอ้มายไม่เหมือนกัน แต่ก็เกรงใจไม่กล้าถามคิดว่าเป็นเรื่องในครอบครัว

“เห็นบอกว่าพี่ คนอื่นก็ไม่เป็น มายยังมีพี่อีกเหรอ”

“โอ๊ย!!! อย่างงั้น อย่าไปเรียกว่า “พี่” เลย มีอย่างที่ไหน ตื้บน้องซะเกือบสลบ” ไอ้มายพูดไปก็ค้อนลมค้อนแล้ง

“อ้าว ทำไมล่ะพี่” ฟ้าใสหันไปถามพี่โม่ง

“555 ก็เอ็งนี่น๊า” โม่งพูดพลางหัวร่อขำไอ้มาย แล้วหันมาอธิบายให้ฟ้าใส

“นายม่อน เขาเป็นพี่ชายไอ้มาย อายุมากกว่าฟ้าใส ปีหนึ่ง อ่อนกว่าพี่ 3ปี พี่กับมายนี่คนละแม่ แม่มาย เค้ามาแต่งกับพ่อพี่
ต่างฝ่ายต่างมีลูกคนละคน คือ พี่ กับนายม่อน ต่างฝ่ายก็เป็นม่าย พวกญาติกันที่แหล่ะแนะนำ พอมาอยู่กันถึงมีไอ้มายนี่แหล่ะ
พี่ก็นับถือแม่มายเหมือนแม่พี่นี่แหล่ะ เพราะฉะนั้นต้องคอยสั่งสอน” โม่งเอามือผลักหัวน้องชายเล่น

เหอะ!!! เอ็นดูเรานะ แต่ผลักหัวซะแรงเชียว ทีลูบหัวพี่ฟ้าใสนะ ลูบเบาๆทนุทนอมเชียว ลำเอียงชัดๆ - - น้องสุดที่รักนินทาพี่ชายในใจ

“คราวนั้น ไอ้มายกับไอ้แชมป์ มันเมาแล้วก็เถียงอะไรกัน สุดท้ายท้ากันไปมา เพื่อนก็เพื่อนซี้กัน จนต่อยกัน ไอ้ม่อนก็อยู่ ก็เลยจัดให้ ตื้บซะทั้งสองคน จนคลานทั้งคู่”

“ใช่ แล้วยังอ้างเหตุผลอีก เพื่อความยุติธรรม ไม่เข้าข้างใคร ความจริงมันน่ะซาดิสม์ ยังไม่นับรวมที่มันเอาขวดเบียร์ตีหัวผมด้วย”

“โอยๆ วีรกรรมนาย เริ่มเยอะขึ้นนะ คิดผิดหรือเปล่านี่ ที่คบด้วย” ฟ้าใสพูดออกไป ก็คิดอยู่ว่าอะไรติดๆปาก

“โหดีใจ ฟ้าใสบอกว่าคบอยู่กับผม” กรูว่าแล้ว

“ฉันหมายถึงคบเป็นเพื่อนกัน คบที่เรียนคอร์สเดียวกัน ต่างหาก” ฟ้าใสอายพี่โม่ง หลบสายตามองจานตรงหน้า

เฉไฉช่วยตักข้าวป้อนมะนาว

ทำไมเขาคบใครต้องโดนพี่โม่งรับรู้ไปด้วยตลอดเลย ทั้งๆที่ไม่อยากให้พี่โม่งต้องรับรู้อย่างที่สุด มันเหมือนโดนประจาน
ความไม่ซื่อสัตย์ จิตใจไม่มั่นคง ทั้งที่ในใจฟ้าใสก็มีพี่โม่ง รักพี่โม่งที่สุด คิดไป คอก็ตื้นตันจนรู้สึกกลืนอะไรไม่ลง
อยากรวบช้อนอิ่ม

วันที่ส่งพี่โม่งเมื่อ 10ปีก่อน คิดรอจนกว่าพี่โม่งจะกลับ ไม่เคยคิดว่าจะมีใครดี ใครเก่ง เท่าพี่โม่งของฟ้าใส
ในใจไม่เคยนับถือใครเกิน คนคนนี้

ชีวิตกลับต้องผ่านไป ...
หลายครั้ง...กับน้ำตา
สุดท้ายก็ต้องมาจบที่นี่
.
.
.
ไอ้น้องชายที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไร โม่งชวนคุย อย่าไปสนใจมันเลยไขเอ๊ย!!!

“แล้วไขขึ้นไปเรียนที่นั่นได้ไงล่ะ ไม่เคยเห็นเราสนใจด้านนี้มาก่อน”

“ก็ที่ไข ขึ้นมาหาพี่โม่งคราวก่อน เจอหนังสือเที่ยวเชียงรายแล้วมีโบว์ชัวร์รับสมัครอยู่ ไขยังขอยืมจากพี่โม่งไปไงพี่
 เพราะคงเบื่อๆไม่อยากอยู่บ้านน่ะ”

“ว่าแล้ว!!! หนังสือนั่นของผมเอง ถึงว่า พี่ไขเอามาจากไหน นี่แหล่ะบุพเพสันนิวาส”

โม่งนึกอยากถีบตัวประกอบ ฉาก พ่อแม่ลูก ที่กำลังนั่งกินข้าว กัน 3 คน ออกไปนอกฉาก จริงๆ

“พี่ไม่ว่าอะไร ใช่เปล่า ไขแอบไปสมัคร เรียนที่เชียงราย ไม่บอก ไม่ปรึกษา พี่โม่งเลย”

“ไม่หรอก ไขก็โตแล้ว



TBC...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2012 08:27:22 โดย Raspberry complex »

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ยาวไป ยาวไป เรีอยๆๆมาเรียง รอฟ้าใสเสมอ ตอนนี้กุ๊กกิ๊กไม่ค่อยเจ็บอิอิ

ขอบคุณมากค่ะ   :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ goonglovenut

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1188/-10
ตอนนี้น่ารักดี แอบลังเลซะแล้ว อยากให้ฟ้าใสกับมาคู่กับโม่งนะถ้าเป็นไปได้ :เฮ้อ:
ส่วนมายก็ดีแต่นิสัยเด็กๆไปหน่อย เอาล่ะคู่ใครก็คู่เถอะขอให้รักฟ้าใสก็พอ :กอด1:

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
ต่อ


“ไม่หรอก ไขก็โตแล้ว พี่จะไปว่าอะไรเราล่ะ” โม่งส่งยิ้มบางๆให้ แล้ว ลูบหัวหนุ่มร่างบางอย่างเข้าใจในทุกอย่าง
.
.
.
มายมองความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ แม้เชื่อในวิถีทางบุพเพสันนิวาสที่ดลบันดาลให้ตัวเองได้พบเจอฟ้าใส
จนกระทั่งได้มาอบรมร่วมกัน

แต่ภาพที่เห็นตรงหน้า ถ้าหากเขาไม่ส่งเสียงพูดหรือแสดงตนออกไป ทั้งคู่คงไม่คิดว่ามีเขาอยู่
จากหน้าสดใสของชายหนุ่มเริ่มแปรเปลี่ยน ที่หัวคิ้วขมวดมุ่นแทบผูกเป็นโบว์ติดของขวัญ

“มะนาว อิ่มหรือยังครับ เหลืออีก2คำ ทานให้หมด” มายจงใจพูดขึ้นพร้อมเอื้อมมือมาเกลี่ยข้าวใส่ช้อนให้เด็กน้อยที่ถือโอกาส
จ้องดูทีวีรายการการ์ตูนระหว่างที่พ่อและอาฟ้าใสนั่งคุยกัน

เสียงมาย เรียกความสนใจของคนทั้งสองให้กลับมาดูมะนาวที่นั่งระหว่างคนทั้งคู่
.
.
“พี่โม่ง ไม่รีบไปโรงพยาบาลเหรอ!!!”

ดูมัน รีบไล่ข้า เหรอ ไอ้มาย เดี๋ยวเอ็งจะโดน โม่งคิดในใจ หากใจหนึ่งก็โล่งใจที่อย่างน้อยเขาก็สบายใจว่าฟ้าใสมีคนดูแล
แม้คนนั้นจะเป็นไอ้น้องชายตัวดี ถึงมันจะบ้าบอ เอาแต่ใจตัวเองบ้าง แถมไอ้นี่มันก็ขี้งอนสุดสุดๆ จนแม่เองก็ระอา
แต่เห็นง้อกันตลอด มันถึงได้ เป็นแบบนี้

“เออ..ไขไปเยี่ยมอาจารย์เบญด้วยกันไหมล่ะ มะนาวล่ะไปเยี่ยมคุณแม่ไหมครับ”

“อื้อ...ดี พี่ ไขก็อยากไปเยี่ยมอาจารย์เบญเหมือนกัน แต่จะขอตามไปก็เกรงใจว่าจะไปรบกวน แถมห่วงมะนาวด้วย”

“มะนาวน่ะ เขาก็ไม่ค่อยชอบไปหรอก คราวก่อนที่อาจารย์เบญเขาเข้าโรงพยาบาล ต้องรักษาตัวอยู่ 2 อาทิตย์
พี่สอนเสร็จ รับมะนาวไปอยู่ที่โรงพยาบาล จนมะนาวเบื่อ ไม่ค่อยชอบโรงพยาบาลเลย”

“อาฟ้าใสไปมะนาวก็ไป”

“ครับ ครับ” ฟ้าใสรับคำเด็กน้อย

“มะนาว ไม่ไปก็ได้นะลูก อยู่บ้านกับอามายก็ได้” โม่งเองก็ตามใจลูก ทั้งอยากมีโอกาสคุยกับหนุ่มร่างบางส่วนตัว

“ฟ้าใสไป ผมก็ไป” เด็กตัวโต 185 ตวัดเสียงห้วน เอ่ย ขึ้นบ้าง “ไม่ต้องกันผมเลย พี่โม่ง หึ!!”

“ก็ตามใจ เอ้า!!! ไปกันทั้งหมดนี่แหล่ะ” โม่งเอ่ยต่อ

“ถ้าป้าศรีแพรมาเร็ว ไม่เกิน 3 ทุ่ม พ่อจะพามะนาวไปกินไอติม”

“เย้!!” มะนาวร้องรับคำอย่างดีใจ

“เอ่อ..พี่โม่งมันไม่ดึกไปเหรอ พี่” ฟ้าใสทักท้วง

“ไม่เป็นไร..นานๆทีน่า มะนาวก็นอนหลับไปตื่นหนึ่งแล้วนี่ ใช่ไหม มาย”

“ฮื่อ..ใช่ ใช่” มายช่วยสนับสนุน ก็หลานเขานานๆจะได้อยู่กันอย่างครึกครื้น
หากพี่สะใภ้ไม่ป่วย  มะนาวก็จะแค่ทำการบ้าน หัดอ่านหนังสือ ดื่มนม นอน
ชีวิตอยู่กันเงียบๆ พี่โม่งเอง ก็จะเข้าห้องทำงาน
พี่สะใภ้ถึงไม่มีข้อติเรื่องการเป็นแม่บ้าน แต่มายก็ลงความเห็นว่า น่าเบื่อ

ตอนพี่โม่งพาครอบครัวไปเยี่ยมพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ แม่เขาเอง ถึงจะชมว่า ดูแลครอบครัวดี และก็แอบบ่นว่าเสียดายพี่โม่ง
ถึงฝ่ายหญิงจะฐานะดี เป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัว พี่น้องก็รักใคร่ดี อย่างที่พอป่วย พี่สาว ก็จะมาดูแลนอนเฝ้าให้
บางครั้งหากมีเหตุต้องไปต่างจังหวัดกับทางโรงเรียน ก็จะมารับมะนาวไปดูแลให้
มายพาลคิดว่า หากเขาพาฟ้าใสไปเป็นลูกสะใภ้อวดแม่บ้าง แม่เขาจะว่าไงน๊า
แต่ว่า พี่ฟ้าใสก็น่าจะเข้ากับผู้ใหญ่ได้ดี หน้าตาก็น่าเอ็นดูกว่า

มายมัวแต่คิดว่าฟ้าใสเหมือนทอม จนแทบลืมว่าฟ้าใสเป็นผู้ชาย แล้วพ่อแม่เขาจะยอมรับได้หรือไม่...
.
.
.
.
มายจับศีรษะคนที่พิงหลับข้างตัวไม่ให้เลื่อนหล่น
คำสัญญาที่ให้กับพี่ชาย

“ถ้าผมรังแกเขาอีก ผมจะนอนให้พี่โม่งกระทืบเลย เรียกไอ้ม่อนมาจัดการด้วยก็ได้”

เรื่องดูแลฟ้าใส เขาก็ต้องดูแลอย่างดีอยู่แล้ว แทบไม่ต้องให้พี่โม่งมาสั่ง เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เขาคิดทำตั้งแต่แรกเห็น
ดีใจที่คิดไปหาพี่โม่ง ได้ทั้งเจอฟ้าใส แถมยัง พี่ชายก็ยอมรับ

มายจูบที่ผมสีน้ำตาลอ่อนด้วยความรัก...
.
.
.
.
.
การปฏิบัติ คอร์ส อบรมสอนทำอาหารใกล้จบแล้ว อาหารเวียดนาม อินเดีย ญี่ปุ่น ตะวันตก ไทย เบเกอรี่ เครื่องดื่ม แกะสลักฯลฯ
หลังจากผ่านการสอบ มาตรฐานการทำอาหาร อย่างทุลักทุเล

ฟ้าใสสอบคนละวันกับไอ้มาย แน่นอน ฟ้าใสโดนเรียกไปเก็บตัว ซุ่มซ้อม กว่าจะได้นอน เกือบตี หนึ่ง
วันสอบจริง ยำวุ้นเส้น  ขณะจัดจานสวยงามเตรียมส่ง ไอ้มายก็เป็นผู้ช่วยตรวจตราฝ่ายผู้คุม คอยหักคะแนน
ความจริงอาจารย์ก็เมตตา หรอก ถึงเอาเพื่อนกันมาเป็นผู้ช่วย มันจะได้คอยเตือนกัน

ทั้งๆที่ฟ้าใสเตรียมจะส่งแล้ว จัดไปจัดมา เห็น โต๊ะข้างๆ ประคับประคองจัดวุ้นเส้น ก็ฉุกใจคิดได้ว่า
ตัวเองลืมหั่นวุ้นเส้น ไอ๊หยา!!! ตายแน่  วุ้นเส้นยำเสร็จแล้ว แกะสลักหัวจานวางแต่งเรียบร้อย
ขืนขยุ้มวุ้นเส้นเอาออกมาวางหั่นบนเขียง กรูสอบตกแน่ หน้าซีด หันรีหันขวาง
พระเอกก็มาทันใด

“เป็นอะไร”

“มาย ฉันลืมหั่นวุ้นเส้นอ่ะ เอาไง”

“เฉยไว้ เดี๋ยวหากรรไกรให้ แล้วจะยืนบังให้”

ว่าแล้ว พระเอกก็แอบไปชั้นเครื่องมือ หยิบกรรไกรมาส่ง พร้อมยืนบัง ฟ้าใสก็แหง็บๆ ใช้กรรไกรตัดวุ้นเส้น พอสวยงาม รอดตัวไป
บรรดาผู้ช่วยแต่ละคน ในกระเป๋าเสื้อกางเกง จะมี หอม กระเทียม วัตถุดิบที่ผู้เข้าสอบหยิบมาเกิน เผื่อขาดเผื่อเหลือ
ก็ต้องช่วยกันแอบ เพราะถ้าหยิบของมาเยอะเกิน ก็จะโดนตัดคะแนน น้ำตาลปี๊บเอย...ก็ต้องแอบละลายทิ้ง
.
.
อาจารย์เหลือเวลาให้พวกเราได้ทบทวนอีก2อาทิตย์ ก่อนจะเริ่มออกฝึกงาน
ก่อนหน้านี้ 1เดือน ที่อาจารย์เชฟบอกให้พวกเรามองหาโรงแรมเพื่อขอฝึกงาน ช่วงเวลาที่เราจบและออกฝึก
ก็ตรงกับที่มหาวิทยาลัยราชภัฏก็ส่งนักศึกษาฝึกงานเหมือนกัน เลยทำให้หาที่ฝึกไม่ง่ายนัก
เพราะทางโรงแรมจะวุ่นวายที่ต้องดูแลรับพวกเรา พอวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ พวกเด็กๆบางคนก็ไม่กล้าไปขอ
หรือเข้าไปคุยกับฝ่ายบุคคลทางโรงแรม ก็จะขอร้องให้ฟ้าใสไปเป็นเพื่อน ทุกที่มักส่งให้ไปคุยกับหัวหน้าเชฟ
.
.
.
ช่วงโฮมรูมในตอนเช้า  อาจารย์เชฟก็ประกาศรายงานสถานะการแจ้งเรื่องฝึกงาน

“คุณศักดิ์นรินทร์ คุณวิลาสินี คุณสุรนาท คุณฟ้าใส โรงแรมอะมาร่า แซงชัวรี่ แจ้งมาว่า รับได้แค่ 3 ท่านนะครับ
พวกคุณต้องไปตกลงกันว่าใครจะเปลี่ยนไปฝึกที่ไหน รีบแจ้งผมด้วย”

“ชิส์ อิเอ้ นี่แหล่ะตัวดีไม่รู้จะตามทำไม” ศักดิ์นรินทร์ จีบปากจีบคำด่า คุณวิลาสินี

ฟ้าใสไม่อยากพูด ก็มันตามไอ้มายมานะสิ ทั้งที่ฟ้าใสเป็นคนโทรไปติดต่อสอบถามฝ่ายบุคคลก่อนว่าทางโรงแรม
รับนักศึกษาฝึกงานไหม รับคนที่ผ่านการอบรมจากสถาบันพัฒนาสังคม ไหม
จนฝ่ายบุคคลให้เข้ามาคุยกับรองหัวหน้าเชฟเองเพราะหัวหน้าเชฟไม่อยู่

สาวเอ้ ก็ทำเป็นเพิกเฉย ไม่ยอมออกจากลิสรายชื่อ ศักดิ์นรินทร์ ก็ไม่ยอมออก ก็เหลือ ฟ้าใสกับไอ้มาย
ไอ้มายเลยบอกว่ามันจะออกเอง ให้ฟ้าใสอยู่ไป

พอลองหาที่อื่น ไปดูบรรยากาศบ้าง ฟ้าใสก็ยังไม่ค่อยถูกใจ
.
.
.
ช่วงที่ว่าง ฟ้าใสแวบเดินออกมานั่งพักที่สนามหญ้าสวนหลังชอป เจอนักเรียนรุ่นก่อนใส่ชุดกุ๊ก เลยทักทาย
นพ อายุประมาณ 20 ปี เป็นชายหนุ่มก็จัดว่าหน้าตาดี ผิวเข้ม เลยนั่งคุยกัน ถามว่ามาธุระอะไร

“มาหาอาจารย์เชฟน่ะพี่ อยากพาแฟนมาเรียน แต่แฟนเป็นชาวเขา เขียนหนังสือไทยไม่เก่ง ผมเลยลองพาเขามาหา
อาจารย์เชฟนะครับ ถ้าจารย์เชฟบอกว่าได้ จะได้พาเขามาสมัครคอร์สหน้า”

“แล้วนี่นพจบแล้วก็ทำงานเลยเหรอ”

“ครับ”

“แล้วตอนฝึกงาน ไปฝึกที่ไหนน่ะ” ลุ้นฟังคำตอบ

“โรงแรมเพนซูล่า วาวี น่ะพี่ ตอนฝึกงาน เห็นห้องอาหารที่เป็นผับด้วยของโรงแรม เค้าเปิดสมัครงานพอดี พอจบปุ๊บเลยได้งานปั๊บ เลยพี่ โชคดี”

“เอ๊ะ แล้วเขาจะรับนักเรียนฝึกงานอีกเปล่าอ่ะ นพ พี่กำลังหาที่ฝึกงานเนี่ย” ฟ้าใสทำเป็นเอ่ยชื่อพูดคุยราวกับรู้จักเป็นปีๆ 555

“อ้าวเหรอ เดี๋ยวผมลองถามเชฟให้เอาไหมพี่”

“เออๆ ดี ขอบใจนะ งั้นเดี๋ยวพี่ขอเบอร์นพไว้แล้วกัน”

ขณะที่ฟ้าใสกำลังแลกเบอร์กับนพ

“อ่ะแฮ่มๆ” เสียงไอ อ่ะแฮ่ม อ่ะฮึ่ม เรียกความสนใจดังมาจากข้างหลัง
ฟ้าใสที่กำลังกดเบอร์ของนพ เสร็จก็กดโทรออก แล้วเลยหันหลังไปดู

“กำลังทำอะไรน่ะ”  อิโธ่เอ๊ย!!!ก็กำลังแลกเบอร์กันสิเฟ้ย  ไอ้มายส่งสายตามองมาอย่างจับผิด
ฟ้าใสต้องเอื้อมมือไปดึงแขนให้มันลงมานั่งข้างๆ  เดี๋ยวมันพูดจาไม่ดี นพ มันก็ไม่ช่วยไปคุยกับเชฟให้
.
.
และแล้ว ฟ้าใสก็ได้เข้าไปคุยกับผู้ช่วยเชฟ เชฟใหญ่ไปเมืองนอก  ผช.เชฟ รักษาการแทน ใจดี ท่าทางเจ้าชู้อ่ะ
ถึงจะแก่แล้วก็เหอะ กล้ามอกเป็นต่อนๆเลย

ผลว่าตกลงโอเค บอกให้ทำจดหมายมาได้เลย เดี๋ยวจะเซ็นต์ตอบรับให้ทันที แถมเชฟยังชวนไอ้มายมาฝึกด้วย
ถ้ามีใครจะมาอีกก็ชวนมาได้ เพราะ ส่วนของร้านอาหารของโรงแรมที่ทำแบบผับแอนด์เรสเตอรองต์ริมน้ำ
แขกแน่นทุกคืน โดยเฉพาะวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ มีโชว์ มีวงดนตรีที่มาเล่นสดก็ฝีมือดีๆ ชาวต่างประเทศถึงไม่ได้พักที่โรงแรมนี้
ก็ยังต้องมากินที่นี่  มีครัวแบบเปิด ทำโชว์แขกด้วย ฟ้าใสเอง ก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยสนใจ ไม่เคยเข้าอ่ะ แพง
รู้ว่าดังมีชื่อเสียง อันดับต้นๆ ของเชียงราย

ไอ้มายก็จะย้ายมาฝึกที่นี่ด้วย แต่ฟ้าใสก็ห้ามไว้ ก็แหม มันน่าหมั่นไส้ ไอ้เอ้นี่นา ชุบมือเปิบ ทั้งๆที่ฟ้าใสเป็นโทรไปติดต่อ
กับทางโรงแรม อุตส่าห์รีบจองเพราะ ชื่อเสียงความเป็นเลิศทางด้านอาหาร ขนม  จนมีแบรนด์เฉพาะ

ถ้าไอ้มายก็ไม่ฝึกที่โรงแรมอะมาร่า แซงชัวรี่ ก็เท่ากับที่ฟ้าใสอุตส่าห์ติดต่อก็เสียเปล่า ให้ไอ้เอ้ กับศักดิ์นรินทร์ ได้ที่ดีๆกันไป 2 คน

ฟ้าใสก็ปลอบใจไอ้มายว่า ต่อให้ฝึกโรงแรมเดียวกัน เขาก็ไม่ได้ให้อยู่ด้วยกันซะหน่อย เขาก็ต้องจับแยก คนละแผนก
คนละครัว เวลาพักก็อาจ ไม่ตรงกันด้วยซ้ำ
ฟ้าใสเกลี้ยกล่อม จนมันยอมฟัง

“แล้วไม่ห่วงกันเลย ใช่ไหม” เอาอีกแล้ว ไอ้น้ำเสียงงอนๆ ตัดพ้อต่อว่า
อ๊ะ!! ไอ้มายเอ็งสูง 185 นะเฟ้ย ตรูตัวแค่ 160 หัวยังไม่ชนคางเอ็งเลย จะให้ห่วงอะไรว่ะ งง!!

“ห่วงอะไรอ่ะ ทางเข้าบ้านเอ็งก็ไม่ได้เปลี่ยว ทางไปโรงแรม ถึงไกลหน่อย แต่คนก็ใช้กันปกตินี่นา” ฟ้าใสพูดเสร็จก็มองหน้า

“หึ!!!” คนส่งเสียงหึ ทำหน้าเหมือนดมขี้หมา

“หรือว่าโรงแรมมันมีอะไรเหรอ อย่าบอกนะ ว่าที่นั่นมีผี” โรงแรมมีผีนะ มันอยู่ที่สุโขทัยต่างหาก(กับอีกหลายที่เลยอ่ะ อัมพวาก็มี  กับพวกโรงแรมที่โดนสึนามิอ่ะ)

“...ไม่รู้...”

อ้าว ไม่รู้ได้ไงเล่า...ก็เอ็งพูดขึ้นมา

TBC...

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry

Ch.8.3
(ต่อ)

วันเสาร์นี้ ครูนิน ครูหยก ขอให้ไอ้มายมาถ่ายรูปจัดฉาก แกะสลัก อย่างอลังการ เพื่อลงหนังสือ และจัดนิทรรศการ ฟ้าใสถึงแม้ไม่ได้ขอให้มา ก็ถูกบังคับ ให้ มาเป็นผู้ช่วยช่างภาพ

“ขยับผ้าตรงนั้นหน่อย  อีก อีก ไข ยกชายผ้าขึ้นหน่อย เฮ้อ...แบบนี้สิ....” เยอะ

ฟังไม่รู้หรอก ว่าฟ้าใส 25 ไอ้มาย 22 ยิ่งคบ คำว่า พี่ หลุดมา น้อยลง น้อยลง
และจากความดีความชอบ ที่ควบคุมให้ไอ้มายมาช่วยงาน ทั้งเคยช่วยจัดของ ตอน เปิดคอร์สพิเศษเย็นๆ
ครูหยกก็เอยว่า

“เอ้า!!!พี่ฟ้าใส อยากได้สูตรทำอะไรบอกมา จะสอนให้”

ฟ้าใสว่าก่อนจะเริ่มฝึกงาน จะกลับบ้านที่กรุงเทพสัก 2-3 วัน
เมนูที่ฟ้าใสก็ชอบ พี่ส้มโอก็ชอบ แม่พรรณก็ชอบ ก็ต้องข้าวแช่ชาววังอ่ะ แต่ไม่ต้องถึงชาววังก็ได้ครับ
แค่ขอให้เป็นแบบจัดเต็มสูตร หน่อย อยากกิน  ที่มีทั้งพริกหยวก เนื้อฝอย ปลาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆคลุกน้ำตาลเคลือบหวานๆ
ครูหยกก็ตกลง สั่งให้ฟ้าใสไปซื้อของมาเตรียมไว้

ส่วนคนอื่นๆ ที่อยากได้อะไร ก็บอกมา
อิเกรียง เธอก็อยากได้สูตรน้ำปลาร้าแบบเด็ดๆ หวังจะกลับบ้านไปเปิดร้านส้มตำ
บางคนอยากได้ โรตี ปาท่องโก๋ ล้วนเพื่อไปทำมาหากินประกอบอาชีพ
ไอ้มายไม่เอาอะไร แต่คอยป้วนเปี้ยนรอบๆฟ้าใส

“พี่ฟ้าใส หุงข้าวแบบเช็ดน้ำนะค่ะ เหมือนตั้งข้าวต้ม........พอข้าวสุกโดยมีไตเล็กน้อยจึงเทลงในตะแกรง
 แล้วแช่น้ำสะอาดในชามอ่างขนาดใหญ่ ใช้ฝ่ามือค่อย ๆ ยีขัดผิวนอกของเมล็ดข้าว ที่ยุ่ยออกจนหมด”

พอฟ้าใสจะทำ มือใหญ่ก็มาแย่งทำ ปากก็บ่นฟ้าใสไปด้วย “ทำเป็นเปล่า เขาต้องแบบนี้” มือใหญ่ก็ยีปัดข้าวไปมา
เค้าเรียก “ขัดข้าว” น่ะ

“นี่ นายมาย เธอไปแย่งพี่ฟ้าใสทำ แล้วเขาจะทำเป็นไหมเนี่ย” พวกแย่งงานเลยโดนดุ ต้องวางมือ หันไปหั่นปลาต่อ

ครูหยกสอนทำ แม้กระทั่งการทำหรุ่ม คือใช้ไข่ตีๆๆๆๆเอาส้อมมาจิ้มราดเป็นแห ห่อพริกหยวกสอดไส้ 
หอมแดงสอดไส้ชุบไข่ทอด

ฟ้าใสได้ทำ โดยมีไอ้มายเป็นผู้ช่วย แม้คนทำจะขัดหูขัดตาผู้ช่วยบ้าง หากครูหยกไม่อยู่กำกับ ผู้ช่วยก็จะโผมาแย่งตะหลิวไปผัดเอง

บรรยากาศที่แตกต่างจากตอนที่เรียน เสียงพูดคุยแหย่กันบ้างแซวกันนิด  ใช่แล้วพวกเราใกล้จะจบ ถ้าฝึกงานเสร็จ
ชีวิตที่เรียนร่วมกันเกือบ1ปี ก็ต้องแยกจากกัน พวกที่อยู่หอ กินนอนร่วมกัน เห็นหน้าเห็นตากันแทบทั้งวัน 5 วันจันทร์ถึงศุกร์
หรือบางคนที่ครบ 7 วัน ตอนเรียนที่แย่งของกันบ้าง เอาเปรียบคนอื่นบ้าง มีทะเลาะกัน ตะโกนด่ากันลอยๆบ้างก็มี 555
.
.
.
.
ไอ้มายลงกรุงเทพกับฟ้าใสด้วย ตกลงว่ากลับเครื่องบิน เพราะมีโปรโมชั่นราคาถูก

ก่อนที่จะลงกรุงเทพ  ช่วงนั้น พวกเราก็ต้อง หาหอพักข้างนอกอยู่ เพื่อใกล้สถานที่ฝึกงาน

ศักดิ์นรินทร์ แอบไปเช่าอยู่ห่างจากโซนคนอื่น เกรียงแอบมาบอกฟ้าใสว่า พี่รินชวนไอ้เด็กช่างที่ชื่อ ไอ้ตาว ไปอยู่ด้วย

ฟ้าใสเองจะไปหาที่เช่าใกล้โรงแรม เพนซูล่า วาวี เหมือนกัน และโรงแรมเองก็มีที่พักให้พนักงาน โดยเก็บเงินแค่ค่าน้ำค่าไฟ เดือนละ300บาท
 แต่ฟังที่นพพูดแล้ว ฟ้าใสก็ว่าไม่ไหวอ่ะ นพเอง ขนาดตอนเรียน อยู่หอ เดือนละ1800 ยังอยู่ ห้องพักพนักงานไม่ไหว
ไอ้มายพาไปดูหลายที่ ที่ใกล้ๆโรงแรม แล้วก็สรุปว่าไม่อนุญาต ไม่ผ่าน อับ ไม่ปลอดภัย ดูไม่ดี คนเช่าไม่ดี
คนต้อนรับอัทยาศัยไม่ดี  มันบอก ถ้าอยู่ไปมีปัญหาอะไร เรียกให้มาซ่อม ก็คงไม่สนใจ จนสรุปมันให้ฟ้าใสไปเช่าที่เดียวกับ
อิเกรียง ที่ไอ้เต้มันชวนอิเกรียงมาหารครึ่ง เพราะแฟนมันไปทำงานที่กรุงเทพฯ
 (แฟนมันไปทำงานที่กรุงเทพฯ และตอนนี้ทั้งตอนที่เรียนมันก็คบพี่ทิวาไปด้วย )

ฟ้าใสก็ทักท้วงว่าไกล จะไปฝึกงานได้ไง มอร์ไซค์ขี่ไม่เป็น

“ไม่ต้องบอก ดูหน้าก็รู้แล้วน่า...”

“....” ตาคมเหลือบมอง เมริงจะเอาอย่างไงกะกรู

“เดี๋ยวจะไปรับไปส่งเอง” อร๊าค!!! ได้อารมณ์สาวน้อยม๊วก กร๊ากกกก
ฟ้าใสเหมือนกำลังจะโดนสู่ขอเลย ยังกะอยู่ม.3 อ่ะเขิน
.
.
.
เชียงราย-กรุงเทพ

ฟ้าใสนั่งคู่กันมากับไอ้มาย มาถึงสนามบินจุดแรกที่เคยเจอกัน
ถึงจะหอบของ แต่มันก็ทำให้มือหนึ่งว่าง เพื่อจะได้จับมือฟ้าใส


TBC...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2012 09:50:08 โดย Raspberry complex »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ก็ขออย่าให้มีอุปสรรคเลยนะเจ็บพอแล้วมั้งง   :call:  ไม่ต้องซาดิสมากก็ได้เราไม่ได้มาโช อิอิ มาม่าก็กินเบื่อแล้วเนี่ย (ประหนึ่งมาเป็นร่างอาวตารของฟ้าใส) ขอหวานๆๆๆมั่งนะ  :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณมากค่ะ  :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
Ch.8.4

(ต่อ)

“บ้านนายอยู่ไหนน่ะ” ใช่แล้ว บ้านไอ้มายก็บ้านพี่โม่ง ฟ้าใสไม่แน่ใจว่าเคยถามพี่โม่งหรือเปล่า แต่รู้ว่าไกลออกไปทางปริมณฑล
จะเป็นแม่ฟ้าใสถาม หรือว่า ฟ้าใสถามพวกพี่ๆตอนแรกๆที่พอรู้จัก แบบรวมๆ

“ทางปทุมโน่น แถวบางคูวัด รู้จักหรือเปล่า วันหลังจะพาไป แล้วบ้านไขล่ะ เรียกแท็กซี่ไปส่งบ้านไขก่อนจะได้ช่วยถือของ
 เอาของลง ไม่งั้นเดี๋ยวจะลืม ถ้าลืมเสียดายแย่อุตส่าห์ซื้อมาฝาก ให้ ส่งไขเสร็จแล้วค่อยไปบ้านผม”
มายพูดไปบอกเหตุผลทั้งบ่นไปด้วย กระเป๋าใบใหญ่ที่มันถือ ถึงใหญ่แต่ก็เบา เพราะเป็นแคบหมู2กิโลเองกับน้ำพริกหนุ่ม และไส้อั่ว เจ้าอร่อย

มายเองที่พอมาถึงกรุงเทพ ก็อยากเข้าบ้าน ไม่ใช่เพราะคิดถึงบ้าน หรืออยากเจอหน้าแม่หรือพ่อหรอกนะ แต่มีบางอย่างที่เขาอยากรู้ให้แน่ใจ...
.
.
.
แท็กซี่วิ่งมาถึงใกล้บ้าน ฟ้าใสอยากชี้ให้มายดูร้านของเขา แต่ก็คิดว่าจะเอาของไว้ที่ร้านก่อนดีไหมหรือให้เข้าไปส่งที่บ้าน
ไม่ใช่ว่าฟ้าใสจะรังเกียจไม่อยากให้ไอ้มายเข้าบ้านเขาเหมือนอย่างไอ้โภชน์หรือพี่ลิฟต์ที่ไม่ชอบให้เข้าไปยุ่งกับพื้นที่ส่วนตัว

สำหรับฟ้าใส เขาอนุญาต ยอมปล่อยให้มันเข้าบ้านข้างในได้ โดยไม่คิดอะไร คงเพราะรู้สึกใกล้ชิด เหมือนเพื่อน
เหมือนป้านวลด้วยซ้ำ ก็มันคอยจัดกระเป๋า พับเสื้อผ้า อันเดอร์แวร์ของเขาให้ เวลาต้องไปค้างคืน หรือเดินทาง
ฟ้าใสก็แค่ตัดสินใจไม่ถูก  อยากดูร้าน เพราะมันก็เหมือนเป็นบ้านของเขา ข้าวโอ๊ตสั่งให้อุ๊ทำความสะอาดเรียบร้อย
ฉีดสเปรย์ไล่กลิ่นบุหรี่ ก็ข้าวโอ๊ตมันติดบุหรี่อ่ะ มันถึงแอบมานอนที่ร้านฟ้าใสบ้าง ฟ้าใสรู้ แต่ก็ไม่ฟ้องแม่หรอก

“จะแวะที่ร้านก่อนดี หรือจะเอาของเข้าบ้านดี” ฟ้าใสเอ่ยขึ้นมาลอยๆ

“ก็เข้าบ้านก่อนสิ เอาของไปฝากผู้ใหญ่ให้เรียบร้อย ถ้าอยากออกมาร้านก็ค่อยออกมาทีหลังได้” มีคนตัดสินใจให้เป็นอันสรุป
.
.
มายช่วยขนของลง ดูว่าไม่ลืมอะไร กระเป๋าตัง มือถือไม่ตกหล่น

“แบ่งของให้เสร็จเรียบร้อย อย่าลืมเอาไส้อั่วเข้าตู้เย็นล่ะ ถ้ายังไม่กิน น้ำพริกด้วย”

“อ้าวไม่เข้ามากินน้ำกินท่าก่อนหรือจ๊ะ” ป้านวลเอ่ยปากชวนไอ้มาย ดูท่าป้านวลจะถูกชะตา มีชวนเข้าบ้าน
ทีกับพี่ลิฟต์ มีไล่ไอ้ดอลล่าประชดคน

“ไม่เป็นไรครับ พอดีบอกแท็กซี่เค้าให้ไปส่งที่บ้านผมเลยนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมค่อยมาใหม่ก็ได้ครับ” ไอ้มายขยับ ยกมือไหว้ลา

“แล้วพ่อหนุ่ม บ้านอยู่ไหนล่ะ” แหน๊ ป้านวล ไอ้มายมันบอกจะไปแล้ว ยังจะยื้อชวนคุย

“อยู่แถวบางคูวัดครับ”

“อ๋อ!!! ไกลเน๊อะ” โธ่ ป้านวลรู้จักหรือเปล่าเหอะ ฟ้าใสยังไม่รู้จักเลย 55 ป้านวลน่ะเคยออกไปไหนกะใครเค้ามั่ง
ฟ้าใสกะข้าวปั้น เคยพาไปสวนสัตว์เขาดิน ตื่นเต้นจะตาย ยิ่งตอนที่พาไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า ขึ้นบันไดเลื่อน ต้องจับมือจับตัวแกเดิน

“มายเขาเป็นน้องครูโม่งด้วยนะป้า เขาเรียนคอร์สเดียวกะไข” ฟ้าใสแอบกระซิบป้านวล ทำเอาป้านวลตาโต

“แล้วครูโม่ง สบายดีหรือเปล่า”

“สบายดีครับ”

ดูท่าป้านวลอยากคุยด้วยต่อ สงสัยไม่ได้คุยกับหนุ่มมานาน  จนฟ้าใสต้องสะกิดว่า รถแท็กซี่เค้าคอย

“ตอนขากลับ พ่อหนุ่มต้องกลับพร้อมหนูไขนะ จะได้เป็นเพื่อนกัน ดูแลหนูไขด้วยนะ”พูดไปก็จับไม้จับมือไอ้มายไปด้วย

“ครับ ครับ” มาย อมยิ้ม ยกมือไหว้ป้านวลอีกรอบ พลางหันไปไหว้ลาป้าพิศ ที่กำลังเดินมา หลังจากยกมือไหว้ ตั้งแต่ยกของลงแล้วเห็นป้าพิศยืนบนเรือนไทย

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมค่อยมาหา งั้นผมไปก่อน” มายแตะไหล่ ฟ้าใสเบาๆ


รถแท็กซี่แล่นออกมาจากบริเวณบ้าน

นี่เหรอ บ้านฟ้าใส บ้านที่พี่โม่งมาสอนฟ้าใสตั้งแต่ตอนจะเข้า โรงเรียน ART R  ต่อไปเขาคงจะได้รู้จักฟ้าใสสมบูรณ์ซะที
ขณะที่ผ่านร้าน ซึ่งฟ้าใสชี้ให้ดูว่าเป็นร้านของตัวเอง ตอนเข้าซอย มายพยายามจดจำเส้นทาง ชื่อถนน จุดสังเกต
.
.
.
ใจหนึ่งนั้นมุ่งกลับไปอยู่ที่ห้องๆหนึ่งในบ้านที่บางคูวัดแล้ว
หลังจากอ้อนแม่ กวนประสาทพ่อเล่น พอให้สบายใจว่าเขากลับมาแล้ว
รายงานว่าแวะไปหาพี่โม่งด้วย บอกว่าพี่สะใภ้ป่วยอีกแล้ว เรื่องพี่โม่งดูจะเรียกความสนใจมากกว่าเรื่องของเขาทุกที
ไม่ว่าพ่อหรือแม่ เชอะ หมั่นไส้ศิลปินใหญ่

เหอะ!! คอยดู เดี๋ยวจะล้วงความลับทั่นศิลปินล่ะ มายหมายมั่นปั้นมือ

“แม่!!! พวกข้าวของพี่โม่ง ตั้งแต่ที่เรียนยังเก็บไว้ที่ห้องเก็บของชั้น3หรือเปล่าอ่ะแม่” มายร้องถามมารดา

“เฮ้ย!! ไอ้มาย เราอย่าไปยุ่งกับของพี่เขางั้นสิ จะไปยุ่งของโม่งเขาได้ไง”

“เปล่า แม่ก้อออ...ถามเฉยๆ กลัวแม่ไปย้ายของเขา เดี๋ยวไปโดนฝนตกน้ำรั่ว เก็บของเขาให้ดีๆล่ะแม่”

“เออ เออ...รู้น่า ว่าพี่เขามีชื่อเสียง งานของเขาตั้งแต่สมัยเรียน แม่ก็เก็บให้ดีเหมือนเดิมล่ะ มีผ้าคลุม รู้น่า...”

“รู้แล้ว ก็ดีแล้วแม่ ฮ่า ฮ่า..”มายหัวเราะอย่างอารมณ์ดี กอดแม่ไปที หอมให้รางวัลอีกฟอด

“ป๊า!!! กินอาหารปาปัวนิวกินีไหมป๊า เดี๋ยวจะทำให้กิน” อารมณ์ดี จนกวนพ่อตัวเองได้อีกหนึ่งดอก

“ไม่กินโว้ย ทำไก่ดำตุ๋นยาจีน ไม่ก็ขาหมู-หมั่นโถ ปลิงตุ๋นน้ำแดง ไม่ก็นกพิราบตุ๋นมะนาวดอง”

“โห...ป๊า..ไปเลยๆ แต่งตัว ออกไปกินที่เยาวราชเลย  กินอารัย ธรรมด๊าธรรมดา”

“นี่แน่ะ ธรรมดาของเอ็ง แล้วจะให้กรูกินไอ้อาหารปาปัวนิวกินี ของเอ็งหรือไง ไอ้มาย”

“มาย มาย พ่อเรา เค้าขายตึกแถวให้เพื่อน ได้มาตั้งล้าน หนึ่ง” แม่แอบมากระซิบมาย

“เหรอ โห เก็บเงียบเลยนะพ่อ ไป ไปเลย เย็นนี้ต้องออกไปเลี้ยงผมด้วย ลูกกลับมาทั้งที”

“ตกลงก็ได้ว่ะ ไอ้นี่ งั้นเดี๋ยวเย็นออกไปกินที่เชียงกัน โทรไปชวนไอ้ม่อนด้วย”

“โห ไม่เอาอ่ะ” มายเป็นโรคเหม็นเบื่อม่อนพี่ชายมาก

“นี่แน่ะ!!” แม่ตีแขนเพี๊ยะเข้าให้ “ม่อน เขาได้โบนัสมา 6.5 เขายังถามถึงแก”

“โห...” มายซู๊ดปาก ม่อนมันเงินเดือนเกือบแสน คูณ 6.5 “ก็หลายแสนอ่ะ” มายทำเป็นคิด พึมพำ

“งั้นปีนี้ ไอ้ม่อนมันพาสาวมาเปิดตัวแน่เลย แม่เตรียมตัวจัดงานแต่งได้แล้ว” มายน่ะรู้ว่าพี่ชายคนที่สองมีแฟนแล้ว
ก็เพื่อนกันสมัยตั้งแต่เรียนมหาลัย ม่อนเรียนจบป.ตรีด้านกฏหมายของมหาวิทยาลัยรัฐอันดับหนึ่งของไทย
แล้วยังเรียนจบปริญญาตรีด้านบัญชี ของมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำด้วยอีกใน คนอื่นๆก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ว่ามันเรียนสองที่ ทำไปได้ไง แล้วคนละสายด้วย ม่อนทำงานด้านกฎหมาย และภาษีให้บริษัทน้ำมันของต่างประเทศที่มาลงทุนขุดเจาะน้ำมันในไทย

“จะแต่งก็แต่งสิ มีครอบครัวแล้วจะได้ตั้งใจสร้างฐานะให้มั่นคง ไม่ใช่เอาแต่เที่ยว เหมือนใครบางคน”
ว่าแล้วคุณนายฮวงก็ค้อนใส่ลูกชายคนโปรด

“งั้นผมพาลูกสะใภ้มาให้แม่มั่ง ได้เปล่า” มายลองแย็บๆถาม

“โอ๊ย!! หาได้แล้วเหรอ พ่อคนช่างติ เห็นเอาแต่ติคนโน้นคนนี้ บอกว่านายม่อนมีแฟนเป็นฝรั่งชื่อ บลัดดี้ แมรี่”

“ก็จริงอ่ะ เพื่อนผมบอก ไอ้ด๋วด มันเรียนที่เดียวกับไอ้ม่อนอ่ะ” มายเถียง ก็เพื่อนเขาบอกรุ่นพี่ผู้หญิงที่เป็นแฟนพี่ม่อนน่ะ
มาตกรโหดชัดๆ ขาโหดพอกันทั้งคู่

“แล้วของเราล่ะ ดีนักเหรอ” ถึงจะทำเป็นประชดประชัน แต่ใบหน้าก็บ่งบอกความเอ็นดูลูกชายคนสุดท้องอย่างเต็มเปี่ยม

“แฟนผมเป็นทอมอ่ะ ได้ไหมแม่” มายลองหยั่งเชิง

“โอย...จะเป็นอะไรก็ให้เป็นคนดีเถอะ” คุณนายฮวงเริ่มตกหลุม

“แล้วเป็นทอม เป็นคนดี แล้วมีอะไรๆเหมือนๆผมด้วยล่ะแม่ แต่เค้าหน้าตาสวยด้วยนะ”

“อะไรของแกว่ะ ไอ้มาย ไอ้อะไรอะไรเนี่ยะ” ป๊าที่ทำเป็นอ่านหนังสือพิมพ์ แต่ก็เอียงหูฟังการสนทนาไปด้วย

“นั่นสิ  อะไรอะไรของแกนี่” มาดามฮวงเริ่มสงสัย

“ก็พี่เขาเป็นปู้ชายอ่ะ ได้เปล่า แม่ เค้าน่ารักน๊า ตัวเล็กๆ หน้าจิ้มลิ้ม ขาวๆ...”

“อ๋อ เป็นกระเทยอ่ะ สิ เอ็งคงตาแชแแหม คิดว่าเขาเป็นผู้หญิงล่ะสิ แล้วก็เลยไปปล้ำเขา เลยต้องรับผิดชอบล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“โห...ป๊า นี่ปากกกกก... น๊ะ...เดี๋ยวจับแพคใส่กล่อง ส่งไปขั้วโลกเหนือเลย”

“เออ..ดี กรูจะได้ไม่ต้องเสียเงินเลี้ยงหูฉลาม เป็ดปักกิ่ง เย็นนี้ ว่าแต่แฟนเอ็งเฉาะ หรือยังโว้ย ไอ้มาย”

กรี๊ดๆๆๆๆๆ ไอ้มายฟังพ่อถาม

พ่อ!!! ห้ามพูดอย่างงี้นะ พี่เค้าไม่ได้เป็นกระเทยสักหน่อย พี่เค้าก็เป็นแบบผมอ่ะ แต่เค้าน่ารักอ่ะ” มายพูดไปก็ยิ้มภูมิใจไป

“เออ เออ งั้นก็พามาดู”

“แน่นอน จัดให้ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพามาให้ดูเลย” อ้าว!!! ไอ้มายเริ่ม งง งง แล้วฟ้าใสจะยอมมาบ้านเขาเหรอ 

ช่างเหอะ เดี๋ยวค่อยจัดการ เขาจะพิสูจน์ทุกคนรู้ว่า ฟ้าใสของเขาน่ะ น่ารักกว่าลูกสะใภ้คนอื่นๆของบ้านนี้ เหอ เหอ เหอ



TBC…

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
เอาวุ้ยจะพาเข้าบ้านแล้วน้า พี่โม่งว่าไง ยกให้น้องใช่ชิมิ หยวนๆ นะ แบบว่าให้รักฟ้าใสมากๆๆก็พอ กลัวเหลือเกินจะเสียใจอีกเนี่ย

ขอบคุณมากค่ะ  :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
8.5
(ต่อ)

“อะโหล”

“เดี๋ยวไปหานะ”

“เออ เออ มาถูกเปล่า”

“โห ผมก็เด็กเทพ นะ ครับ”

“อ้อ ลืมไป ว่านายมันเด็กเมพขิงขิง จุงเบย”

“เกรียนผมเหรอ”

“เออ สิ 55 มาเลย ฉันอยู่ที่ร้านนะ นายจะมาไงน่ะ”

“สองแถวต่อรถตู้ ขึ้นรถเมล์ ต่อรถไฟฟ้า ลงเรือ พอหรือยังล่ะ”

“เออ เออ มาให้ถึงแล้วกัน ฉันกำลังจะทำข้าวแช่ให้แม่กับป้ากิน อยู่ที่ร้านริมถนนใหญ่นะ ถ้าหลงก็โทรมาบอก จะให้ประชาสัมพันธ์ห้างเค้าประกาศให้”

“แหม พออยู่กรุงเทพ ทำเป็นเก่งใหญ่แล้วน๊า”

“555  แล้วเจอกัน” นั่นสินะ พอฟ้าใสได้กลับมาบ้าน แถมเรียนจบแล้ว ถึงจะเหลือเรื่องฝึกงานอีก
แต่ มันก็สบายใจ รู้สึกคึกคัก ร่าเริง บันเทิงใจ เหมือนไปอัพเกรด เพิ่มเลเวล เติมเลือด มาอย่างงั้น

“ครับ ที่รัก”

“ไอ้บ้า”

น่ารักจัง แฟนใครเนี่ย  มายคิดแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

มายมาถึงหน้าร้านฟ้าใสอย่างชนิดที่เรียกว่าต้องใช้ความพยายามเหมือนกันเพื่อไม่ให้เลยซอยไปมากนัก



กรุ๊งกริ๊ง  กรุ๊งกริ๊ง
กระดิ่งที่ประตูร้านดัง ขึ้น ฟ้าใสรีบวิ่งมาดู เพราะ อยู่ร้านคนเดียว

“อ้าว!! มาแล้ว เนี่ย ฉันเปิดร้านรอนายอยู่”

 “จะทำอะไรเหรอ” มายเห็นฟ้าใสใส่ผ้ากันเปื้อน ท่าทางคนตัวเล็กบอกว่าจะทำข้าวแช่ คงจะพูดจริง

“ฉันจะทำข้าวแช่ ไปซื้อของมาเรียบร้อยแล้วล่ะ” ความจริงฟ้าใสไม่ได้ไปเองหรอก ก็จ่ายตลาดเลือกของเป็นซะที่ไหน
ให้อุ๊เป็นคนจ่ายตลาดไปซื้อมา

“แน่ใจนะว่าทำเป็น”

“แน่ใจสิ ฟ่ะ”

“ไหน บอก ดิ ทำอย่างไง”

“ฮึ่ย!!! ก็บอกแล้วว่าทำได้สิ ครูหยกสอนมาแล้ว”

ไอ้มาย เดินไปดูของในครัว รื้อโน่นดูนี่
ฟ้าใสตั้งข้าวไว้เรียบร้อยแล้ว

“แล้วทำไมไม่คนด้วยล่ะ”
“ก็มัวแต่ยืนคุยกับนายอยู่เนี่ย ฟ้าใสนึกได้ เออ เดี๋ยว เกรียงมันจะมาหานะ พอกลับบ้านไป พอดีน้าเค้ามาธุระที่กรุงเทพ
เกรียงมันเลยติดรถเค้ามา แล้วจะมานั่งเล่นที่ร้าน”

“แล้วไง” เอ๊ะ มันจะแล้วไงล่ะ แล้วตรูจะตอบว่าไงล่ะเฟ้ย

“มาย นายว่า ข้าวนี่ได้หรือยัง”

ร่างสูงตักมาดู

“อีกนิด”



ตรืดดดด ตรืดดดด

“อะโหล”

“พี่ฟ้าใส ร้านพี่อยู่ตรงไหนน่ะ”

“เธออยู่ตรงไหนน่ะ เลยปั้มน้ำมันเชลล์มาหรือยัง ถัดจากปั้มจะมีตึกแถว 4 ชั้น ที่มีร้านขายอาหารสัตว์ ร้านขายมือถือ
 แล้วก็มีซอย ร้านฉันอยู่ปากซอยนี้แหล่ะ” ระหว่างที่ฟ้าใสบอกทาง ไอ้มายก็จัดการดูข้าวไป พอได้ที่ก็ปิดแก๊ส
จัดการเทข้าวใส่กระชอน เตรียมขัดข้าว พอฟ้าใสจะมาทำต่อ ก็โดนไล่ให้ไปหั่นปลา

“หั่นมาให้หมดนั่นเลย แล้วเอาเครื่องปรุงมาวางให้ด้วย”

อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อย่าบอกนะว่านายจะทำเอง ฟ้าใสนึกในใจ แต่ก็ปฏิบัติตามคำสั่ง ดูท่าฟ้าใสจะเชื่อฟังมันมากไปแล้ว
จนติดเป็นนิสัย

ขณะที่ฟ้าใสยกสารพัดข้าวของที่ต้องเตรียมมาวางให้ผู้ช่วย นายนี่มันวุ่นวาย ถ้าฟ้าใสทำเองก็คงค่อยๆทำไปแบบชิลชิล
อาจจะเสร็จพรุ่งนี้ก็ได้ 555



กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง

“สวัสดี ครับบบบบ  มีคนอยู่ไหมครับบบบบบ” เสียงสาวแอ๊บแมนตะโกนเรียกร้องความสนใจตั้งแต่เปิดประตูร้านเข้ามา

“อยู่นี่ เกรียง เข้ามา” ฟ้าใสตะโกนตอบ

“อิ อิ อิ สวัสดีพี่มาย หนีตามกันมาอยู่ที่นี่เหรอ คิก คิก” อิเกรียงทำเป็นแซว

“อิบ้า” ฟ้าใสตีไหล่ มันหนึ่งผลั่วะ ส่วนไอ้มายทำเป็นตาดุใส่ แต่ปากยิ้มเชียว

“มาทำไม!!!”

“อิ อิ อิ พี่มาย คนเค้าก็มาเที่ยวมั่งสิ”

“มาก็ดี มาช่วยทำเลย ฉันจะลองทำข้าวแช่ ให้บ้านข้างในกินอ่ะ”

“อุ๊ย ไม่เอา จะรอกินอย่างเดียวอ่ะ”

“หนอย..../ เดี๋ยวจะโดน” ทั้งฟ้าใสทั้งไอ้มาย พูดใส่อิเกรียงพร้อมกัน

เกรียงหิ้วเอามะขาม กับมะม่วงที่เก็บจากไร่ ที่บ้านมาฝาก
บอกน้ามาส่ง น้ามาเก็บตังขายประกันลูกค้า เดี๋ยวทุ่มหนึ่งจะมารับกลับบ้านที่โคราช

หลังจากหั่นปลาเป็นชิ้นเล็กๆ เกรียงก็ปอกหอมแดงเสร็จ พอเอาไปให้ไอ้มาย ถามว่าจะให้ทำอะไรอีก
มันก็ไล่ให้ฟ้าใสออกมา ไม่ให้ยุ่ง เดี๋ยวจะทำเอง ให้ฟ้าใสไปคุยกับอิเกรียงเล่น กับเฝ้าหน้าร้านไป
ดูทีวีไป เม้าท์กัน ขายของกระจุกกระจิกได้บ้าง เดี๋ยวพ่อครัวก็เอาไชโป๊วหวานมาให้ชิม ว่าหวานกำลังดีหรือยัง

“เอ้า ชิมสิ” ช้อนที่มีไชโป๊วหวาน ยื่นมาตรงหน้า ฟ้าใสจะเอามือหยิบ ก็โดนดุ “จะหยิบทำไมให้มือเปื้อน กินเข้าไป”

เอ๊ะ!! ก็เอ็งถือช้อนไม่ยอมปล่อย ก็ต้องใช้มือหยิบเข้าปากนะสิ

“เอ่อ...ต้องหวานอีกหน่อยอ่ะ”

“แหม...มีป้อนกันด้วย ขอเค้ากินด้วยสิ”

“ไม่ต้อง!! รอกินตอนทำเสร็จโน่น โว้ย...” เสียงดุดันจากพ่อครัว

“คิก คิก คิก...” นังเกรียงปิดปากหัวเราะ ฟ้าใสก็ได้แต่ทำหน้าแอ๊บแป๊ว ก็โดนแย่งงานไปหมดแล้ว ก็ต้องตามใจท่าน
ท่าทางมันก็เหนื่อยเหมือนกัน เสียงทำโน่น ทำนี่ กระทะ ตีไข่ ล้างของ
เดี๋ยวก็มีของออกมาให้ชิม ว่าโอเคไหม  ถ้ายังก็เดินกลับไปปรุงรสใหม่
จนกระทั่ง บ่าย3 โมงครึ่ง พ่อครัวก็มาตาม

“ไป เข้าดู”

“ห๊า!!! เสร็จแล้วเหรอ”

“อ๊าย!! พี่มายทำได้ด้วยเหรอ”

ตุบ!! เสียงเตะตัดข้อพับ ถวายแด่กระเทยร่างบึกบึน
 ฟ้าใสและอิเกียงเดินเข้าไปในครัว จานชามที่ใส่เครื่องเคียง ของข้าวแช่ วางเรียงราย
ลูกกะปิทอด   พริกหยวกยัดไส้   หัวหอมยัดไส้ปลา ไชโป๊วผัดหวาน เนื้อฝอย ปลาหวาน
ฟ้าใสมองหน้าซีดๆ เต็มไปด้วยเหงื่อ  น่าสงสารง่ะ ข้าวปลาก็ไม่ได้กิน กินแต่มะม่วงกับมะขาม ที่ฟ้าใส ปอก กับแกะเปลือก ใส่จานส่งไปให้
หัวหอมยัดไส้ปลานี่ ถึงมีไม่กี่ลูก ทำไปได้ 11ลูก ก็คงเลิกทำแล้ว คนทำสงสัยเริ่มเบื่อ  555

“อ๊ะ เอาไปให้บ้านข้างในสิ”

“เหนื่อยเปล่า นี่น้ำ...” ฟ้าใสส่งน้ำเย็นให้พ่อครัว

ร่างสูง รับแก้วน้ำไปดื่ม มีแตะโดนนิ้วกันด้วย เขิน ก็แหม มีคนมายอมเหนื่อยแทน มันก็...อ่ะนะ...
ฟ้าใสชิมเครื่องเคียงแต่ละอย่าง อึ้ม...โอเค ใช้ได้...อยากกระโดดกอดคอ หอมแก้มแท้งค์กิ้วร่างสูงมันสักฟอด

“หิวหรือเปล่า...” ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“นายยังไม่ได้กินข้าวเลยนะ ซื้อข้าวผัดกุ้งมาฝากอ่ะ กินเลยไหม เดี๋ยวใส่จานให้”

“ยังอ่ะ นั่งพักก่อน เดี๋ยวจัดการเอง เอาของไปให้บ้านข้างในเหอะ เขารอกินไม่ใช่เหรอ”

ฟ้าใสจัดการเอาใส่กล่อง ใส่ถุง ปั่นจักรยานแม่บ้าน ยานพาหนะสำหรับใช้ไปมาระหว่างบ้านในกับร้าน
ช่วงที่ฟ้าใสกลับมาบ้าน ข้าวปั้นจะเอาไอ้หลงไว้ให้ฟ้าใสใช้ เผื่อฟ้าใสต้องไปกินข้าวกับเพื่อนหรือซื้อของ
แต่แค่บ้านในกับร้าน จะใช้แค่จักรยานก็พอ เอาออกมาก็จอดเกะกะถนนซอย
.
.
.
ฟ้าใสอยู่บ้านใน จัดชุดข้าวแช่ให้แม่ กับป้าๆ ให้ป้านวลด้วย บอกว่าทำเองเชียวนะ แต่ก็บอกว่ามีเพื่อนมาคุยที่ร้าน
แล้วก็ช่วยทำด้วย ผลตอบรับก็ออกมาดี ทุกคนก็บอกอร่อย

“เดี๋ยว เรียนจบ กลับมาก็เปิดร้านอาหารเลยนะ”

“555 โอย ไขยังไม่กล้าหรอก ทำคนเดียวก็ไม่ไหวหรอกป้า”

“ก็ชวนเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาช่วยสิ”

“ก็ยังไม่รู้อ่ะป้า  แต่ละคนเค้าก็มาจากที่ต่างๆ
.
.
.
ฟ้าใสนั่งคุยบ้านข้างในพักหนึ่ง ก็ขอออกมาดูเพื่อนต่อ
พอเข้าร้าน เห็นไอ้มายนั่งกินข้าว คุยกับอิเกรียง ในบรรยากาศในร้านของตัวเอง
มันก็รู้สึกอบอุ่น อย่างไงก็ไม่รู้ อธิบายไม่ถูก มันเหมือนแน่ๆในอก

“เป็นไงบ้าง” คนถามมองอย่างรอฟังความตอบ สายตามีแววข่มขู่เล็กน้อยถึงปานกลาง ประมาณว่า
ถ้าตอบไม่ดีโดน
ฟ้าใสทำหน้ายู่ เหยียดหยาม พร้อมส่ายหน้านิดๆ ก็บอกแล้ว ว่านี่บ้านใคร วะฮะฮ่า
อีก 3วันค่อยกลับหงอ เหมือนเดิม

“พวกป้าเขาบอกว่า ไม่......” ทำหน้ารังเกียจสุดชีวิต “ไม่ผิดหวังที่รอกินอ่ะ” ฟ้าใสเห็นหน้าคนรอลุ้นคำตอบ
แล้วสมน้ำหน้า เลยก้มไปหัวเราะใส่หน้า วะฮะฮ่า วะฮะฮ่า คงจะใกล้กันไป เจอมองหน้าสวนกลับ เอิ่ม มันก็ใกล้กันไปอ่ะ
ใจเย็นๆ ผ่านอะไรมาตั้งเยอะ อย่ามาทำใจสั่น ฟ้าใสปลอบใจตัวเอง
อิเกรียงมันไม่เห็นหรอก เมื่อกี้ มัวแต่เปลี่ยนช่องทีวี

“พี่ กินSpy กันไหม” อิเกรียงเกิดอารมณ์ดี นึกครึ้มใจ ชวนฟ้าใสกิน มันกินได้นิดเดียว อย่างมากก็ครึ่งขวด เลยต้องหาคนช่วย

“ตามใจสิ อยากกินก็กิน เซเว่น อยู่ถัดไปหน่อยอ่ะ”

“พี่มายจะเอาอะไรหรือเปล่า เกรียงจะไปซื้อSpyมากินกันกะพี่ไข” เอ๊ะ แกอยากกินเองนะไม่ต้องมาอ้างฉัน

ฟ้าใสน่ะรู้สึกว่าตัวเองท่าทางจะเมาข้าวแช่ไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าไอ้มายมันแอบใส่อะไรผสมลงไปด้วยหรือเปล่า
เพราะรู้สึกใจมันหวิวๆ เวลามองไปที่มัน เหมือนตาจะฉ่ำๆ จนรู้สึกว่า มีแสงทองส่องประกายจับร่างไอ้มาย
จนออร่าแวบวาว มันก็น่ารักดี

“อะไรก็ซื้อมาเหอะ แต่ไม่เอาด้วยหรอกนะSpyน่ะ เบียร์ก็เบียร์ เหล้าก็เหล้า”

ฟ้าใสหันไปมองคนพูดตอบ เฮ้อ... ท่าทางฟ้าใสจะเมาข้าวแช่ จริงๆ
เพราะรู้สึกว่า...ตัวเองกำลังน้ำลายสอ ใจเต้น อยากจูบ อยากกิน ไอ้พ่อครัวที่ทำข้าวแช่....



TBC...

ออฟไลน์ goonglovenut

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1188/-10
โอ้โห มายรุกหนักแล้ว จะพาไปเปิดตัวด้วย :-[
ตอนนี้มายน่ารักขึ้นแล้ว หวังว่าจะไปกันได้ดี  :L2:


ปล.พี่โม่งยังมีหวังไหมเนี่ยะ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
เอาวะ ดูกันซักตั้งไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว สู้ๆเขานะลูกเขาไม่ยอมปล้ำเลย

ขอบคุณมากค่ะ :L1: :pig4: :L1:

DIIK

  • บุคคลทั่วไป
 :a5:

*หัวใจแตกสลาย
พี่โมงของเขาล่ะ ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆ *ดิ้นพร่าดๆ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
เห็นมายรุกหนัก และฟ้าใสก็เริ่มใจหวิวๆไปกับมาย
ถึงมายจะน่ารัก น่าพิจารณา และคิดว่าจะดูแลฟ้าใสได้ แต่ใจเราก็ยังเชียร์พี่โม่งอยู่ดี
ขอแอบเปลี่ยนชื่อเรื่องในใจ(เราคนเดียว)เป็น "เติมรัก(ของฟ้าใส)..ใส่หัวใจสองดวง(พี่โม่งกับมาย)" ได้ปะล่ะ
(พี่กับน้องมีแฟนคนเดียวกันนี่จะผิดไหมนะ) ในวงเล็บคือสิ่งที่เราคิดในใจ

ป.ล. “ใช่ แล้วยังอ้างเหตุผลอีก เพื่อความยุติธรรม ไม่เข้าข้างใคร
          ความจริงมันน่ะซาดิท ยังไม่นับรวมที่มันเอาขวดเบียร์ตีหัวผมด้วย”

          คำที่ตัวเอน เขียน ซาดิสม์ (Sadism)  จ้ะ

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
8.6

นั่งคุยกันไป จิบเบียร์ ไป
นังเกรียงก็บ่นว่า น้าชายที่เป็นตำรวจ จะออกเงินเปิดร้านเสริมสวยให้ แต่มันชอบทางอาหารมากกว่า
ใช่แล้ว...เห็นมัน หน้าตาดี หล่อล่ำ จมูกโด่งตาคม ผิวเข้ม สูง 182 ก็เหอะ แต่ที่บ้านมันก็เลี้ยงแบบผู้หญิงแท้
อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ก็มอเตอร์ไซค์ ยังขี่ไม่เป็น ทั้งที่เป็นคนต่างจังหวัด ความหวังของแม่มันคือ มีผัวรวยๆ

พอคุยกันเรื่องหอพัก เรื่องไปอยู่หอนอกกัน อิเกรียงบอกว่าคงต้องซื้อจักรยานไว้ใช้ บอกให้ไอ้มายช่วยพาไปซื้อหน่อย
เรื่องหอพักของฟ้าใสอีก มายมันก็จัดการ ให้ฟ้าใสอยู่ห้องรุ่นน้องมันที่ต้องมาฝึกงานที่กรุงเทพ3เดือน ต้องรอเขาไปก่อน
ฟ้าใสถึงจะเข้าไปอยู่ได้ แถมพอครบ 3เดือนก็ต้องออกเลย ต่อก็ไม่ได้เพราะเขาก็ต้องกลับมาอยู่ต่อ แต่ห้องสภาพดี
ลมเข้าแสงเข้า  แถมเจ้าของห้องหล่อด้วย อิเกรียงบอก เพราะมันเจอตอนที่ทยอยขนของไปไว้ห้องไอ้เต้ แล้วไอ้เต้ชี้ให้ดู


เลยทุ่มหนึ่งมานิดหน่อย น้าอิเกรียงก็มา ยังชวนไปกินข้าวที่ร้านอาหารใกล้ๆ อิเกรียงก็รบเร้าให้ไปกินด้วย

จน 2ทุ่ม น้าเกรียงก็มาส่งที่ร้าน

หน้าร้านน่ะปิดเรียบร้อยแล้ว

เจอน้าชวนกินเบียร์เป็นเพื่อนอีก 2 แก้ว ก็บอกแล้ว ว่าวันนี้ไอ้มายมันดูมีออร่า สว่างไสวเป็นพิเศษ

ปากก็พูดถามไอ้เด็กตัวโตว่า “นายจะกลับอย่างไง...” มันกลับตอบคำถามด้วยคำถามซะงั้น

“พี่อยากจูบผมเหรอ...” คนตอบคำถามด้วยคำถามทำตาวาวอมยิ้มมุมปาก
ก็บอกแล้ว ว่ามันต้องแอบใส่อะไรในข้าวแช่ให้ฟ้าใสชิมแน่  ฮ่า ฮ่า ฮุ ฮุ หึ หึ @ # % &

ร่างเล็กยิ้ม แล้วโน้มคอคนตัวโต
ริมฝีปากอิ่มสีแดงระเรื่อละเลียดชิมปากหนาของร่างสูง
เรียวลิ้นเล็กเลียไล้กวาดทั่วริมฝีปากหนา
ร่างสูงดูราวกับจะแกล้งตัวตัวเล็กกว่า ไม่ยอมก้มให้เชยชิมโดยง่าย จนร่างเล็กต้องเขย่งตัวยกปลายเท้า
ออกแรงโน้มคอคนตัวโตให้ก้มต่ำลง
คนขี้แกล้งยอมใจอ่อนรวบตัวตัวร่างเล็กกอดซะแน่น แล้วเริ่มกระหน่ำจูบตอบ

“ห้องอยู่ที่ไหน...” ร่างสูงกระซิบที่ข้างหูคนตัวเล็ก ริมฝีปากหนาขบเม้มติ่งหูนิ่ม คนตัวเล็กสะท้าน เสียวซ่าน จนยอดอกแข็งตื่นตัว
ในหัวเหมือนมีผึ้งบินวน มึนๆ แสงเหนือแสงใต้ กลิ่นกายคนตรงหน้า ฟ้าใสอิงแนบอกกอดคนตัวโตแน่น อุ่น
ฟ้าใสตอบไป หรือตอบอะไรไป ก็ไม่รู้...แต่ร่างสูงนั้นก็อุ้มเขาลิ่วๆขึ้นชั้นบน ล็อคประตู ได้ร่างสูงกดร่างเล็กพิงประตูริมความหวานจากปากอิ่มทันที

ไอ้พ่อครัวนี่มันไปตายอดตายอยากจากที่ไหน ดูดลิ้นเขาจนแทบขาด
อื้อ...อือ...ตาคู่สวยหลับพริ้ม เห็นขนตางอนเป็นแผงทาบบนแก้มนวล  ฟ้าใสครางในลำคอ
ร่างสูงรู้สึกว่าร่างเล็กนี่หวานอร่อย จนต้องเอ่ย

“ขอกินหน่อยนะ”

ไอ้บ้าจะมาขอกินอะไรล่ะ ก็ตอนนี้กำลังกินฉันอยู่ไม่ใช่เหรอ นายน่ะ อื้อ...อื๋อ..อา..
แม้ว่าฟ้าใสจะเริ่มก่อนก็เหอะ ก็...ก็...ก็...คนมันเมาวววว...จะเมาข้าวแช่กุ๊กหนุ่มป.ตรีชาวบางคูวัด หรือ เมาSpyของอิเกรียง หรือจะเมาเบียร์
ฟ้าใสก็ขอโทษว่าเมาววววววว....ไปล่ะกานนนนนนน

ใบหน้าของร่างสูงที่นัวเนียอยู่กับสองเม็ดสีทับทับซ้ายขวา จมูกที่ไซ้สูดดม  ริมฝีปากเจ่อหนาที่ชอบทำเป็นเบินยื่นแสดงความเอาแต่ใจ ขบเม้ม ติ่งแข็ง

“โอ๊ะ..อุ..”ร่างเล็กบิดกายสยิว เบียดจนท่อนล่างชิดท่อนขาของร่างสูง

“อื้อ...อ้า...ยั่วผมอีกแล้วใช่ปล่ะ” มายรวบโอบรัดเอวคนเริ่มก่อคดีรั้งแนบติดยิ่งขึ้น

ร่างสูงที่เต็มด้วยพลังคนหนุ่มกดแก่นกายบดเสียดขยี้
เสียงฝูงผึ้งในหัวหายไปแล้ว มันพากันบินไปพร้อมสมองฟ้าใส ทิ้งไว้แต่ไอ้พญาผึ้งงานที่พร้อมจะต่อยฝังเข็มให้น้ำหวาน

ในเมื่อสมองก็ไม่มี เขาทำอะไรมา เราก็ต้องทำตามกลับไป
เขาเบียดเรามา เราก็ต้องบี้กลับไปมั่ง
เขาขยำก้นเรา เราก็ต้องขยำก้นแกร่งๆมันกลับไปบ้าง
เขาปลดกางเกงเรา เราก็ใช้สองมือแกะกระดุมกระตุกทีเดียวกระดุมยีนส์3เม็ด ก็หลุดออกโดยง่าย
และแล้ว ทั้งขาและตัวก็ลอยสูงขึ้น ฟ้าใสไม่ได้เบาอะไรขนาดนั้น  แต่คนมันร่างควายกรรมกรคอยจับจอบจับเสียมจนเปลี่ยนมาจับกระทะ และกำลังจะเอาเขาไปทำจุ่มแซ่บ
เขาแค่นึกอยากจูบมัน อยากกินมันบ้างเท่านั้น ไม่ใช่จะอยากให้มันกินเขาทั้งตัวซะเมื่อไหร่

“อื้อ..อื๊อ..” มือเล็กขยุ้มกลุ่มผมบนหัวคนตัวโตที่กำลังฝังจมูกปากที่เนียนเนื้อหน้าขา

“แฮ่ก..แฮ่ก...ฮื๊อ..มาย..มาย..” เสียงหอบกระเส่า ตาสวยปรือฉ่ำหวาน มายเหลือบตามอง
ใบหน้าที่เย้ายวน เสียงที่เรียกชื่อเขา ฟังดูเซ็กซี่อย่างที่สุด ปากอิ่มแดงนั่นก็น่าจูบ....
แต่ความจริง... ก็น่าฟัดไปทั้งตัวอ่ะ...ร่างขาวโพลนเล็กๆอย่างงี้
ลิ้นร้อนลากเลียไอติมแท่งน้อยที่ตื่นตัวเหยียดตั้งตรงรับการครอบครอง
โพรงปากอุ่นรูดเร้นตวัดรัดดูดราวเป็นของเล่นของเด็กน้อย
ถึงเคยลิ้มชิมรสมาแล้ว แต่ทั้ง2 ครั้ง เจ้าตัวก็ไม่ได้เต็มใจจนเริ่มก่อนแบบนี้
ร่างสูงที่เท้าแขนคร่อมมองจ้องหน้าคนร่างเล็กที่หน้าแดงซ่านนอนหอบหายใจรวยริน

“....จะตายอยู่แล้ว...” ฟ้าใสอดต่อว่าอีกฝ่ายไม่ได้ ใสน้อยของเขาโดนกระตุ้นดูดดุนไม่เว้นแม้แต่ลูกตุ้มสองใบจิ๋ว

“ใจจะขาด...” มือเล็กทุบเข้าที่ไอ้หน้าอกมีกล้ามถึงจะไม่ใหญ่ล่ำตูมๆแบบใครบางคน แต่ก็มีพอให้คนที่ไม่มีอย่างฟ้าใสหมั่นไส้เล่นบ้าง
อุ๊บ!!!..มันแกล้งทำเป็นทรุด แล้วล้มมานอนกอดทับเขา ชิส์!!!

“ไปอาบน้ำ...” ไม่รู้จะพูดว่าอะไร ...ไปอาบน้ำก่อน...เหรอ เด๋วมันก็แกล้งถามให้เขาได้อาย ก่อนอะไร …

“ได้...”ร่างสูงมันลากเสียงยาวสอดแขนข้างรวบตัวแนบอก

“ลองแบบแนวตั้งก็ดีเหมือนกัน” มายกระซิบข้างหูคนตัวเล็ก แขนอีกข้างรวบขาสองข้างคนตัวเล็ก อุ้มสะพายแล่งแนบตัวไปที่ห้องน้ำ

ตรูไม่ใช่สวนไม่ใช่ต้นไม้ ไม่ต้องมาจัดแนวตั้งแนวนอน ไฮโดรโปนิค ใช้น้ำช่วยอย่างเดียว ไม่เอาอาหารเสริมจากเอ็งด้วย.
.
.
.
หลังจากโดนทำความสะอาดนอกใน จนต้องเสียของเหลวในตัวอีกครั้ง

คนตรงหน้าก็ขอให้ช่วยชิมอาหารเสริม หึ!!! เขาจะต้องแก้แค้นมันให้ได้ ต้องให้มันใกล้ตายแบบเขามั่ง

“อื้อ..จ๊วบ..อึ้ม...” นี่ก็ยังเป็นเสียงของเขาเองอีก ไอ้บ้านั่น ยังไม่ยอมส่งเสียงอ่ะ...ไม่ยอมแพ้หรอก!!!

“อา!!!..” เสียงหลุดออกหน่อยแล้ว ฟ้าใสหอบไม่แพ้เสียวซ่านไม่แพ้คนตัวโต สะโพกและซิกแพ็กมันเซ็กซี่จนเขาต้องใช้ลิ้นเลียแล้วกัดที่สะโพกมันแรงๆสักหนึ่งขย่ำ
ปากอิ่มสีแดงสดรูดขึ้นลงจงใช้ใช้ปลายลิ้นเคล้าคลึงส่วนปลายสุดที่ชุ่มฉ่ำ ทั้งเร่าร้อนและหฤหรรษ์
ร่างใหญ่กัดริมฝีปาก หรี่ตามองร่างเล็กที่ครอบครองอนาคอนด้าของตัวเองอยู่

“ซี๊ด  อ่า...”

ร่างเล็กนึกดีใจได้แก้แค้นตอบแทน มือเล็กที่กอบกุมส่วนโคนรูดเร่งจังหวะ  ปลายลิ้นเล็กที่คอยละเลียดหยอกเย้าส่วนหัว เพิ่มน้ำหนักดูดวนส่วนที่เอ่อด้วยของเหลวเยิ้ม  มือเล็กที่เกาะกุมเร่งจังหวะรูดรั้งรัวถี่ขึ้น  ร่างสูงประคองจับศีรษะคนร่างเล็กให้ดูดกลืนท่อนเนื้อร้อนจนลึกขึ้นอีก สะโพกแกร่งร่อนช่วยเร่งจังหวะ

“อ๊ะ..อ๊ะ..ซี๊ด.”  ความเสียวซ่านที่แล่นฉาบไปทั่วร่าง

อึก..อึก..สะโพกแกร่งกดกระแทกแก่นกายรัวเร็ว

“ไข..แฮ่ก..แฮ่ก..” ร่างสูงทรุดตัวกอดร่างเล็กที่นั่งเม้มปาก มีคราบของเหลวขาวข้นเต็มใบหน้าหวานหวาม
มายจูบสะโพกมนด้วยความพิศวาส ผิวลื่นเนียนน่าสัมผัส อยากกิน อยากกอด ทั้งวันทั้งคืน...
.
.
.
.
เหงื่อที่พราวแพรวที่หลัง บ่งบอกว่าร่างสูงใช้พลังงานตักตวงความสุขจากตัวเขามานานพอดู ทั้งที่แอร์ออกจะตั้งไว้เย็นพอดู
ไอ้เด็กบ้านี่ หมดวันนี้ ไม่ต้องกินไป 3เดือน 6 เดือนเลยนะ ได้คืบเอาศอก ได้ศอก ก็จะเอาทั้งตัว จะไม่เหลือแรงให้เขาเดินได้พรุ่งนี้ไง

“ไข พรุ่งนี้พี่ไปเที่ยวบ้านผมนะ นะ” เด็กโข่งรบเร้าทำเสียงออดอ้อน  ไม่ต้องเลย ไอ้นะ นะ ของเอ็ง ทำไมต้องกระแทกสะโพกเข้าออกด้วย ปล่อยก็ปล่อยไปแล้ว แต่ก็ยังเสียบคาจองพื้นที่อยู่ ดูสิ ไอ้ 2 นะ ของเอ็ง ทำไอ้ งูหลับมันมากระดุบกระดิบ
มือไม้มันก็ไม่เคยจะอยู่เป็นสุข จับโน่นลูบนี่เนื้อตัวฟ้าใสไปเรื่อย
ฟ้าใสพลิกตัวเพื่อหนีการยึดติดร่างโถมกายติดตาม

“อื้อ...” คนตัวโตประคองแก้มเนียนกดจูบปิดปากคนที่กำลังจะบ่น
สะโพกแกร่งกดเบียดก้นกลมขยับเข้าออกเล็กน้อย
งูหลับที่ยังหลับขยับกายตื่นอีกครั้ง กายแก่นพองขยายตัวรับการตอดตุบของคนร่างเล็ก
ร่างกายที่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก
ปากที่ครางอู้อี้ “ออ อ้าย แอ้ว...” สายตากรุ้มกริ่ม ที่มองอย่างล้อเลียน เมื่อมือใหญ่ลูบไล้ เม็ดยอดอกที่เสียวซ่านจนเป็นติ่งแข็ง
ปากหนาขบเม้มใช้เรียวลิ้นซอนไซ้ใบหูนิ่ม

เสียงของเหลวที่อยู่ข้างใน เสียงเนื้อกระทบเนื้อ  ตับ!!! ตับ!!!ตับ!!ร่างเล็กสั่นคลอนแทบทั้งตัว เมื่อบทบรรเลงแห่งความสุขเริ่มขึ้นอีกครั้ง

“อ่า..อ่า..มาย..อ๊ะ..มาย..มาย..อ๊า”
ความอิ่มเอมสุขสมที่ได้รับ อบอุ่นอยู่ในอ้อมกอดของร่างแกร่ง
.
.
.
.
กรุ๊ง กริ๊ง  กรุ๊ง กริ๊ง
เสียงช้อนกาแฟคนกระทบแก้วเซรามิค อย่างจงใจ เพื่อปลุกให้ หนุ่มหน้าสวยร่างบอบบางให้ตื่นไปบ้านพ่อแม่สามี
ท่าทางจะตื่นไม่ไหวจริงๆหรือเปล่าแฮะ ร่างสูงทำปากยู่ มองดูร่างเล็กที่ยังนอนสลบไสล ก็เมื่อกี้เห็นว่าขยับตัวแล้วนี่นา
ถึงได้ไปรีบชงกาแฟมารอ...
.
.
.
.
ฟ้าใสแอบชำเลืองมองไอ้มายที่นั่งเปิดคอมของเขาเล่นที่โต๊ะข้างหน้าต่าง
ไอ้บ้านี่ จัดหนัก จนระบมไปหมด “เฮ้อ...!!”

ฟรุบ!!...

“ตื่นแล้วเหรอ...ไป..ลุกขึ้นไปกินกาแฟ”

“ไม่เอา..ไม่ลุก” เอิ่ม กลัวเสียฟอร์มอ่ะ อายด้วย ใจจริงอยากให้มันกลับๆไปซะได้ก็ดี เขินด้วย

อย่างงี้แหล่ะ ตอนทำตอนอะไรไม่ค่อยคิด เหตุผลก็ไม่ค่อยมี เอาความรู้สึกโดยประมาณไว้ก่อน
เมื่อวานคงถูกใจ ดีใจมีคนทำของโปรดให้ รู้ว่าสิ่งนั้นมันก็ย๊ากยาก ยุ๊งยุ่งด้วย พอไอ้เด็กนี่มันทำให้
เลยถูกใจซะ....ปลื้ม จนลืมตัว  หลงรักมันไปเลย...ฟ้าใสเอ๊ย...ฟ้าใสเอ็ง...เอาศูนย์ ติดเอฟ ติดรอ ไปเลย ชิ้วๆ
.
.
.
.
“นี่!!..นี่!!..จะนอนทำหน้าปลาทองไปอีกนานไหมพี่ สามีจะพาไปบ้านไหว้พ่อผัวแม่ผัวอ่ะ”

“ไอ้มาย แกต้องตาย” ฟ้าใสผุดลุกขึ้นผลักร่างสูงที่นั่งคุกเข่าจ้องหน้าอยู่ข้างตัว  สะกิดแขนเขายิกๆ
ร่างสูงหงายหลังผึ่งนอนแผ่หลาบนเตียง ร่างเล็กลุกขึ้นคร่อมบีบคอคนปากดี

“แอ่ก แอ่ก ยอมแพ้แล้ว” มายยกมือ ยอมแพ้คนร่างเล็ก ทำไงได้ วันนี้ต้องเอาใจไว้ก่อน

“ห้ามพูดอย่างงี้อีกนะ” นิ้วจิ้มจึกจึกที่หน้าผากเด็กบ้า อู๊ย...ระบมอ่ะ ไม่อยากแยกขาเลย ตอนแรกมันก็ถนอมอ่ะ
แต่พอเปลี่ยนท่าไปเรื่อยๆ จนครั้งสุดท้ายมันก็ไม่ยั้งเลยอ่ะ ฮือ ฮือ ไอ้เด็กบ้า

“ครับบบบ..ครับบบ...” มือใหญ่คว้ามือเล็กที่จิ้มจึกๆมาจูบ

มายดีใจที่ฟ้าใสเปิดรับเขาไว้ในใจ แม้ไม่แน่ใจว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเขาเป็นน้องพี่โม่งหรือเปล่า...


TBC...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2012 08:30:53 โดย Raspberry complex »

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
จนได้  :oo1: :oo1: :oo1: ว่าแล้วเชี่ยว  :z1:  :haun4:  เอาใจช่วยจ้า ว่าไงก็ว่าตามกัน

ขอบคุณมากค่ะ  :L1: :pig4: :L1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ goonglovenut

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1188/-10
ตอนนี้มันเอ่อ :haun4:
แต่คิดไว้แล้วล่ะ ว่าเขาต้องมีกันบ้างเน๊าะ แต่ขอให้รักกันจริงๆเถอะ มายก็อย่าคิดมากไปนักว่าที่ฟ้าใสยอมเพราะเห็นตัวเองเป็นน้องพี่โม่ง ไม่งั้นก็จะมีแต่ความระแวงกัน แต่ยอมรับมายนะว่าแน่มากที่จะพาฟ้าใสเข้าบ้าน :L2:

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
8.7

วันที่มายกลับมากรุงเทพพร้อมฟ้าใส
ทำไมเขาจะไม่อยากรู้จักบ้านคนที่เขารักชอบ อยากเข้านั่งเล่นทำความรู้จักบ้านฟ้าใส
มีบางอย่างที่เขาอยากพิสูจน์อยากรู้  เรื่องของพี่โม่งกับฟ้าใส
ทำให้เขาเองก็อยากรีบกลับไปที่บ้านตัวเอง
.
.
.
มายรื้อดูกล่องที่วางเรียงในห้องเก็บของ กล่องใบใหญ่ที่ใส่ข้าวของของลูกแต่ละคน เรียงตามอายุความเก่าเก็บ
อย่างเป็นระเบียบ เฟรมเขียนรูปต่างๆ งานของพี่โม่งตั้งเรียน ใส่ในถุงพลาสติกใบใหญ่ห่อมีผ้าคลุม
มายล็อคห้องเก็บของ บอกแม่ไว้ว่าจะขึ้นมานอนพัก เพราะฉะนั้น คงไม่มีใครเข้ามากวน
เสียงกุกกัก เลื่อนลากยกหยิบของ กล่องใหญ่2ใบล่างสุดของโม่งถูกเลื่อนออกมาเพื่อรื้อเปิดดู
พี่โม่งเป็นคนละเอียด เนี๊ยบ ลายมือสวย อ่านง่าย ผิดกับใครบางคนที่คอยจดงานให้เขา
สมุดบันทึกตอนที่พี่โม่งต้องไปอยู่ต่างประเทศ ที่ทั้งจดงาน สเก็ตรูป ไอเดีย และบรรยายความรู้สึกถึงใครบางคน
.
.
พี่โม่งและฟ้าใสรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียน
รักก็ต้องรักสิ เขียนคิดถึงขนาดนั้น
มายรื้องานดรออิ้งที่เป็นทั้งม้วนกระดาษ และติดเฟรมกระดาษแข็ง
รูปใบหน้า คนที่มายคุ้นเคย
รอยยิ้มที่ปรากฏบนหน้าของคนตัวโตราวกับจะยิ้มรับรอยยิ้มของคนตัวเล็กในรูป
รูปดรออิ้งภาพหน้าของฟ้าใสที่มายเจอมากกว่า 10 รูป และงานสีน้ำบางชิ้นของฟ้าใสเองที่เป็นเจ้าของจะรู้ไหมเนี่ย
ว่าพี่เขาก็แอบแฮ๊ฟมาเก็บไว้ด้วย
.
.
ถึงจะยิ้ม ถึงจะดีใจ ถึงจะรัก
คนที่เขารักทั้ง สองคน ...
.
.
.
.
.
“นะ...นะ..ลองไปเที่ยวบ้านผมมั่งสิ” หนุ่มร่างสูงชักชวนฟ้าใสไปเที่ยวบ้าน

“ติดไว้ก่อนไม่ได้เหรอ” บ้า...ตรูก็กลัวนะเว้ย ก็เอ็งเล่นพูดแบบนั้น พ่อสามีแม่สามี เกิดตรูโดนด่า เอ็งจะช่วยไหวเหรอ
พ่อแม่ทั้งคน ฉัน เซนซิทีฟ นะเฟ้ย อะไรนิดอะไรหน่อย ตรูร้องไห้ได้ง่ายน๊า แล้วก็อายด้วย
เกิดพ่อแม่เอ็งมาหาว่ากรูหลอกลูกเขาล่ะ

ไอ้อยากไปเห็นบ้านพี่โม่งก็อยากอ่ะ แต่ขอไปแอบดูอยู่นอกบ้าน แบบที่ไปเพื่อนพี่ส้มโอแอบดูบ้านคนที่มาจีบพี่โอ

“น่า..แถวบ้านผมก๋วยเตี๋ยวหมูอร่อยนะ ลงหนังสือพิมพ์ออกทีวีด้วย”
อ๊าค!!!ไอ้บ้า เอาของกินมาล่อ เลวที่สุด ทำไมรู้ใจอย่างงี้ เอาไป75% ยังขาดอีก25%

“ร้านนี้น่ะ ข้างร้านเขาขายขนมไทย พวกขนมใส่ไส้ ขนมถ้วย...” ฟ้าใสหันไปมองหน้าไอ้หนุ่มตัวสูง

“แบบสังขยาด้วย...สลิ่ม ลอดช่องก็มี...อร่อยสุโค่ยเลย” มายพูดต่อ

“พอแล้ว ไม่ต้องพูดเลย ไปก็ได้ ถือว่าฉันไปส่งนายกลับบ้านขอบคุณที่ช่วยทำข้าวแช่ให้ก็แล้วกัน”

อยากจะลืมเรื่องเมื่อคืนจริงๆ เดินกลิ้งตกบันไดไปเลยดีไหมเนี่ย  ขนมถ้วยแบบสังขยาหากินยากจะตาย ที่มีขายแถวบ้าน ในเมืองก็กลายพันธุ์หมดแล้ว
คนตัวโตทำท่าจะกอดดีใจร่างเล็ก ถึงฟ้าใสจะรู้ทันขยับหนี แต่ก็โดนรวบตัวไปกอดจนได้ เบื่อมัน พอไม่มีใครอยู่ใครเห็นตามสัญญาที่ตกลง  มันเอาเขาเป็นตุ๊กตาอยู่เรื่อย…
.
.
.
ฟ้าใสเข้านั่งเจี๋ยมเจี้ยมในบ้าน โดนพ่อไอ้มายแซวก็หลายดอก แต่ไอ้เด็กโข่งมันก็โวยวายกลับแทนให้ทุกที ฟ้าใสเลยได้แต่นั่งยิ้ม กับตอบคำถามแบบธรรมดา
นี่เหรอ บ้านพี่โม่ง อยู่ตั้งไกลขนาดนี้ ยังไปสอนที่บ้านฟ้าใส

“คิดอะไรอยู่” อยู่ดีๆ ไอ้เด็กบ้าก็ชะโงกมาซะใกล้ เด๋วพ่อแม่เอ็งเค้าเห็นนะ ทำอะไรรุ่มร่าม ไอ้บ้า..

“ไป..ไป..ขึ้นไปนั่งห้องผมกัน”

โธ่!! พี่ฟ้าใสรู้นะคิดถึงพี่โม่งล่ะสิ ไม่ยอมหรอก ยังไม่ใช่เวลาของพี่โม่งซะหน่อย

“เอ่อ..”

“เอ่อ อะไรล่ะ ป่ะ” มายฉุดมือฟ้าใสให้เดินตามตัวเอง

เอ๊ย!! พออยู่บ้านตัวเอง ข่มได้ข่มดีใช่ไหมเนี่ยเอ็ง
แม่มายก็ดูใจดี ก็ต้องใจดีล่ะ ไอ้มายถึงได้ง๊องแง๊งขี้งอนมีขาขึ้นขาลง
แม่พรรณของฟ้าใส ใจดีกับลูกศิษย์ กับลูกก็ใจดีตามใจอ่ะ แต่ชอบบังคับเรื่องมรรยาทอ่ะสิ แทบจะวิ่งบนบ้านไม่ได้เลย
มายบอกว่าเดิมก็อยู่แค่ตึกแถวห้องเดียว อะไรดีขึ้นก็ซื้อห้องข้างๆ พอพี่โม่งขายงานได้ชิ้นราคาดีๆ 
ม่อนก็เรียนจบทำงานจะให้พ่อแม่ไปซื้อบ้านก็ไม่เอาไม่ยอมย้าย เลยซื้ออีกห้องหนึ่งเก็บไว้
ฟ้าใสเองก็แหะ แหะ อยากดูห้องที่พี่โม่งอยู่ตอนเด็กๆเหมือนกัน แต่ก็ช่างเถอะ เคยไปบ้านที่พี่โม่งอยู่แล้วนี่ ตัวตนคนเป็นๆสำคัญกว่า ไกด์เจ้าบ้านมันไม่บอกก็ไม่ถามก็ได้
ตุบ!! เจ้าตัวคนพามาถึงเตียงได้ก็นอนหงายสบายใจ ตบที่นอนข้างตัวให้เขาไปนั่งข้างๆ
ไม่เอาอ่ะ นั่งที่เก้าอี้โต๊ะเขียนหนังสือดีกว่า

“แล้วพอเรียนจบนายจะทำอะไรล่ะ”

“ผมก็...” ตอนแรกมันก็ทำท่าทางเหมือนคิดอะไรเป็นเรื่องเป็นราวน่ะนะ แต่ก็... “ผมก็จะดูแลพี่ไง” ยักคิ้วตาเป็นประกาย
งั้นก็ช่างมันเหอะ ตัวใครตัวมันแล้วกันเอ็ง...

“นี่..นี่..ก๋วยเตี๋ยวหมู ฉันล่ะ” 555 ไม่ลืมเฟ้ย ก็ฟ้าใสจะซื้อไปฝากที่บ้านเค้าด้วยนี่นา ทั้งข้าวปั้น ข้าวโอ๊ต ป้านวล ป้าๆ แม่

“ฉันต้องซื้อไปที่บ้านฉันนะโว้ย บอกเขาไว้แล้ว” ขู่มัน “ถ้าไม่มีกลับไป ฉันจะบอกว่าซื้อมาแล้วนายเอาไปกินเองหมด” 555

“โหยยยยยยย.....” ไอ้มายกระเด้งตัวดึงฟ้าใสตัวปลิวละลิ่วไปนอนกอด
คนตัวเล็กดิ้นดุกดิก แอ่ก แอ่ก

“ปล่อย..ไอ้บ้า” ของอย่างงี้มันอยู่ใกล้กันได้ที่ไหน ถึงจะทำไปเล่นๆ แต่ไอ้ความรู้สึกอะไรอะไร มันก็ตกค้าง
หน้าหวานมีสีแดงระบายไปยันหู ที่โดนขบเม้มเบาๆ
พ่อแม่ตัวเองก็อยู่ข้างล่าง แค่ฟ้าใสเข้ามาแล้วโดนพ่อทักว่า

“นี่เหรอ แฟนใหม่แก ไอ้มาย” ก็ทั้งอาย ทั้งอึ้ง
จนไอ้มายทำท่าจะกระโดดลงศอกพ่อตัวเอง พร้อมสกรีมโหยหวนว่า

“ใหม่เหม่ยที่ไหน ฟ้าใสอย่าไปเชื่อ ผมไม่เคยมีใคร” ถึงได้รู้ว่าบ้านนี้เขาแหย่กันแบบนี้ ส่วนพ่อไอ้มายก็ไม่ยอม
เห็นลูกทำท่าพุ่งเข้าใส่ ก็คว้าที่เขี่ยบุหรี่ แก้วหนาปึกเตรียมทุ่มใส่หัวลูกคนรัก
.
.
.
.
.
“กลับรถทัวร์เถอะ ประหยัด” เสียงพ่อบ้านประจำตัวบอก  รู้หรอกว่าทำไม มันอยากแต๊ะอั๋งเขาทั้งคืนนะสิ ถ้านั่งรถทัวร์กลับด้วยกัน

“ไม่เอาอ่ะ ค่าเครื่องเพิ่มอีกไม่กี่ร้อยนะ ฉันจะได้อยู่กับที่บ้านอีกวัน”

“ตั๋วไม่มี”

“มีโว้ย ฉันเช็คอยู่นี่”

“...”

อึ้งล่ะสิ

“ก็ตอนผมเช็คมันไม่มีนี่” เถียง แถ

“ฉันจองเลยนะ”

“ตามใจสิ...ตัวเองไป..ก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว” เสียงปลายสายเอ่ยอ่อยๆ

“น่า...น่า...โอเคนะ”

“ฮึ!!!” เสียงพ่นจมูก ชิ!



TBC...

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ผิดไหมที่ฉันจี๊ดๆในใจแทนพี่โม่ง ที่ฟ้าใสมีอะไรๆกับมาย

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
Ch.9

ผ่านการฝึกงานไปได้2-3อาทิตย์มีการนัดมาพบปะสังสรรค์กันบ้าง กลุ่มย่อยๆ เพราะได้หยุดงานไม่ตรงกัน
โรงแรมของฟ้าใส 555 เรียกเต็มปาก เต็มคำ เฮดเชฟ แกลาออกหนีไปแล้ว เหลือผู้ช่วยนี่แหล่ะ ความสามารถแกก็มี
แต่ความรู้แกไม่ได้จบปริญญาตรีวุฒิการศึกษาดีๆ เลยขึ้นมากกว่านี้ไม่ได้ ทั้งที่ผ่านเมืองนอกมาก็หลายปี
ใจดี พูดคุยเฮฮา นึกครึ้มก็โชว์ฝีมือโป๊กเป๊กบ้างเรียกเสียงฮือฮาจากลูกน้อง แต่เรื่องตรวจของ แกก็เฮี๊ยบ
 ไล่ส่งให้เอาของไปคืนหลายครั้งถ้าไม่ได้ขนาด ฟ้าใสได้มาอยู่ครัวไทยเป็นลูกมือช่วยป้าเอ๊ย พี่แม่ครัว ใจดี
ไม่มีปัญหาอะไร เชฟแกเห็นเป็นแค่นักเรียน เวลายังไม่ต้องให้ทำเต็มกะด้วยซ้ำ 8ชั่วโมง ก็ให้ทำแค่7ชั่วโมง ให้หยุดก็ตั้ง 2วัน
พอพี่ครัวไทย ย้ายไปเข้ารอบดึก ก็ชวนฟ้าใสไปอยู่รอบด้วย

แกบอกจะได้ดูดนตรีด้วยนะ ดาราก็มาบ่อย เอาก็เอาว่ะ พี่เขาอุตส่าห์ชวน พอไปบอกเชฟ  เชฟก็โอเค
 บอกว่าอยากเรียนรู้แผนกไหน บอกได้เลย เต็มที่ เต็มที่ ปุบๆ ตบไหล่ เหอๆ ดีจัง ฟ้าใส เล็งไอ้ซุ้มครัวญี่ปุ่น ไว้
เคยเจอกับเด็กที่ช่วยครัวญี่ปุ่นอยู่ มันเฮฮามาก  ขี้แหย่ ชอบไปแหย่ป้าล้างจานบ้าง กับพวกที่เป็นต่างด้าว
ที่เป็นลูกมือของป้าแม่ครัวท็อปซีเคร็ทของโรงแรมซึ่งทุกคนเรียกว่า “แม่”
.
.
“ถ้าเราเข้ากะดึก มายจะไปรับไปส่งได้เปล่าล่ะ” ฟ้าใสแย็บๆถาม เอาแล้ว ไอ้เด็กบ้าเริ่มทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้ว

“กี่โมงถึงกี่โมงล่ะ”

“ก็ เข้า 17 ออก เที่ยงคืนอ่ะ...นี่เค้าให้ออกก่อนคนอื่น ชั่วโมงหนึ่งด้วยนะ” คนขับรถนิ่งไป หนึ่งเฮือกหายใจ มองหน้า
ถ้ารู้ว่าย้ายเพราะครึ่งหนึ่งในเหตุผล อยากดูดนตรี ต้องโดนด่าแน่เลย

“...”

“พี่ครัวไทย แกเปลี่ยนกะตามแฟนที่ครัวจีนน่ะ เราลูกมือคุ้นกัน แกเลยชวน”

“ก็ตามใจสิ” เสียงสะบัดนิดๆ

“แล้วนายยังไปรับ-ส่งเราได้นะ” แถวนั้นจะว่าไม่น่ากลัวหรือน่ากลัวก็เป็นไปได้ เพราะมันก็มีผับ ร้านอาหาร ร้านเหล้า
หลังร้านพวกนี้ก็เป็นแม่น้ำ ห่างเว้นก็เป็นที่ว่างก็มี อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ทั้งชาย-หญิงล่ะว่ะ

“ไม่ได้แล้วใครจะทำ” มายตอบแบบงอนๆนิดหน่อย

ก็พอฝึกงาน คนตัวเล็กก็ไม่ค่อยเอาใจใส่เขาเลย เห่อแต่สังคมใหม่ เล่าโน่นเล่านี่ เหอะ!! ยังกะสนใจนัก
ตอนไปรับ – ไป ส่ง คนตัวเล็ก ไอ้พวกพนักงานก็คอยมอง รู้ว่าเราหน้าตาดี พูดเรื่องจริง

ยิ่งตอนกลับ ไอ้คน เฝ้าประตู ดูในกระเป๋าสะพายไม่พอ จะมาตบตามตัวคนตัวเล็กอีก อยากจะชกหน้ามัน
ไอ้ยามที่จอดรถอีก ฟ้าใสจะจับตัวเขาเป็นหลักขึ้นนั่ง มันก็คอยมอง น่ารำคราญ หงุดหงิดชะมัด
ฝึกงานก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ขอค้างด้วยก็ให้เฉพาะวันหยุด  ทั้งคอร์ส น่ะ มีฟ้าใสคนเดียวที่ได้วันหยุด 2วันต่ออาทิตย์ ใจร้ายว่ะ
 ดูเขาสิ ฝึกงานคนละที่ ยังต้องมาโดน พี่เอ้ ตามตื้ออีก ขนาดพี่ริน เห็น ยังรำคราญแทน
.
.
.
ฟ้าใสได้ลงครัวกะเย็น สนุกครบทุกรูปแบบจริงๆ ยิ่งดึก ยิ่งมัน มือเป็นระวิง พอเลย 3ทุ่มครึ่ง  อาหารไทยจะเริ่มซาลง
ต้องไปช่วยครัวยำแทน   แฟน นพเองก็จะอยู่ครัวนี้ ส่วนนพโดนให้ไปฝึกเป็นบุชเช่อร์  มือเชือด   มือชำแหละ มือตัดแต่ง

ช่วง 22 น. งานซาลง พวกครัวไทย จีน ก็สาดน้ำล้างครัว ล้างทุกวัน ไม่มีอะไร ฟ้าใสก็โดนไล่ให้ไปดูดนตรี
โดยจะมี ไอ้วอก เด็กญี่ปุ่น 55 < เด็กครัวญี่ปุ่น > หน้าขาว ชอบทาแป้งขาว ถึงโดนเรียกชื่อนั้น ฟ้าใสไม่ได้ตั้ง
ตัวผอมๆสูงสัก 175  ท่าทางกระตุ้งกระติ๊งหน่อย มาฉุดให้ไปอยู่ในซุ้มด้วยกัน ต้องใส่เสื้อกุ๊กญี่ปุ่นด้วย เพราะซุ้มมันจะมองเห็นเวทีได้ชัดเจน

ตอนแรกที่ไปฝึก ก็มีคนมาทัก มามองบ้าง นั่งกินก็มีมานั่งด้วย แต่พอมีคนมาเห็นตอน เข้ากะออกกะว่ามีคนมารับส่ง
ยิ่งพอกะกลางคืนที่เลิกเที่ยงคืน ออกกะพร้อมวอก ก็โดนทักว่า

“แฟนมารับเหรอ”  ป้าท็อปซีเคร็ท ก็อีก เหมือนรู้ ชอบชวนท่ามกลางส่วนนั่งพัก ที่พนักงานอยู่เป็น 20 คน 

“กินข้าวก่อนกลับสิ เดี๋ยวแฟนก็จะมารับแล้ว” 

เพราะ ไอ้มาย พอ 23.45-23.55น. มันก็ตรี๊ด มาเป็นสัญญาณ ให้ฟ้าใส เตรียม เปลี่ยนชุดถอดผ้ากันเปื้อนถอดหมวก
 ป้าท็อปซีเคร็ท เลยรู้ทุกความเคลื่อนไหว พอ 00.01น.  พนักงานก็เริ่มตอกบัตรออกกะ  ฟ้าใสยังอายๆ เลยขอประมาณ 00.07 อ่ะ ยังไม่กล้า 00.00/00.01
.
.
.
“อาทิตย์หน้าผมไม่อยู่นะ ต้องลงกรุงเทพฯไปซ้อมรับปริญญานะ” ท่าทางคนบอกข่าวทำหน้าขึงขัง

“...” ฟ้าใสทำหน้าอึ้ง

“ไม่ต้องกลัวน่า ผมบอกไอ้เต้ ให้ไปรับ-ส่งไขแล้ว” ลูบหัวเบาๆ ไอ้เป็นห่วงน่ะโอเค แต่ไอ้ลูบหัวเบาๆ นี่ ...

“ไปเมื่อไหร่อ่ะ” ใจหายเหมือนกัน รู้สึกเหมือนอะไรจะหายไป หวิวๆ ปลายมือปลายเท้า และที่ในกลางอก ช่องท้อง

“ซ้อมใหญ่ 23 รับจริง26”

“แล้วลาที่โรงแรมกี่วันอ่ะ” เสียงที่ถามทั้งอ่อยทั้งหงอย

“ก็ 5 วัน รับเสร็จที่บ้านคงพากันไปกินเลี้ยง น้าที่เชียงรายก็ขับรถพาหลานๆไปด้วย วันจริงพี่โม่งพี่ม่อนก็มาถ่ายรูปด้วย
..เออ..ไขก็ลามั่งแล้วกัน ..ลาหยุดไปเลย ลงไปกรุงเทพฯ พร้อมกันเลย” ร่างสูงพูดอย่างนึกขึ้นได้ถึงวิธีการแก้ปัญหาอีกวิธีหนึ่ง

“บ้า...” แต่วิธีนี้ดีที่สุดเลย ฟ้าใสก็อยากเห็นด้วย แต่มันทำได้ซะที่ไหนล่ะ

มองหน้ากัน ...เฮ้อ..ไม่ค่อยอยากสบตา เด๋วร้องไห้...รู้ว่ามันก็ห่วง

“มีอะไร ก็เรียกห้อง 405 ที่อยู่ตรงบันไดได้ ห้องเพื่อนผมเอง ความจริงใช้ให้มันไปรับไปส่งพี่ก็ได้ มันทำงานคอม
ไม่ต้องเข้างานเป็นเวลา  …ป่ะ ไป ผมพาไปรู้จัก”

ไอ้บ้า ไอ้มายจัดแจงจะลากดึงมือฟ้าใสไปแนะนำตัวกับเพื่อนห้อง 405

“โอ๊ย..ไม่ต้องหรอก ก็นายบอกว่าให้ไอ้เต้มันคอยรับ-ส่งแล้วนี่ ก็ไม่เป็นหรอก” ปลอบใจคนร่างสูงที่ทำหน้าเครียด

โธ่!!! ตัวเขาเองก็กังวล เกิดไอ้เต้ นอนหลับเพลิน ไม่ตื่นเที่ยงคืนมารับเขาล่ะ ตัวมันเองก็ไม่ได้นอนหอนี้ ไปนอนกับพี่ทิวาโน่น
นานๆก็กลับมาอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง ซึ่งมีอิเกรียงอยู่
.
.
.
.
และแล้วก็ถึงเวลา ก่อนที่ไอ้มายจะไป มันก็อุตส่าห์พาไปแนะนำกับห้อง 405 จนได้ เพื่อนมันก็พวกเก็บตัวจริงๆ
แต่เสียงหล่อนุ่มมาก อิเกรียงมันชอบโทรเข้าเบอร์ห้องหนุ่มๆ โทรผิดมั่ง โทรหาเจ้าของเดิมมั่ง ตอแหลจีบเขาสดๆ

“ไอ้เวียร์ นี่พี่ฟ้าใส..ฟะ..” ไอ้มายจะพูดต่อ แต่ฟ้าใสขยุ้มมือมันไว้ไม่ให้พูดต่อ มันเลยแกะมือฟ้าใสแล้วหลุบ
เข้าไปในห้องเพื่อนมัน ก็ไม่รู้คุยอะไร แป็บหนึ่งก็ออกมา ไอ้เวียร์ก็ตามออกมาทักพร้อมกับยิ้มหวานมาก อิเกรียงเห็นต้องใจละลายแน่

“มันมีแฟนแล้ว” เสียงไอ้ร่างสูงบอกอย่างกันท่า ก่อนพาฟ้าใสลงไปกินข้าว
.
.
.
.
5 วัน ผ่านไปอย่างทรมาน เซ็ง น่าเบื่อ
เพิ่งรู้ว่าตอนที่ไม่มี แล้วเป็นอย่างไง
วันแรกไอ้เต้ก็มารับฟ้าใสไปฝึกงานแบบหล่กๆ รับกลับก็เลยเที่ยงคืนไป 15 นาที ขอแวะซื้อน้ำแข็ง ที่เซเว่น ก็โอเค ฟ้าใสก็ซื้อขนม น้ำบ้าง ออกให้ไอ้เต้ด้วย

วันที่สอง ไอ้เวียร์ มาเคาะห้อง บอกว่า ไอ้เต้มันฝากให้ไปส่งฟ้าใส แต่ขากลับจะไปรับเอง จะออกไปเมื่อไหร่ บอกมันได้ วันนี้มันอยู่ทั้งวัน
ไอ้เต้มารับ เที่ยงครึ่ง ฟ้าใสโทรตาม ก็ไม่รับสาย จนครึ่ง โทรไปอีก ติด รับแล้วบอกว่ากำลังมา พอมาถึง มีพี่ทิวาซ้อนมาด้วย
 ฟ้าใสต้องเกาะหลังพี่ทิวาเบียดกันกลับไป  ช้ำใจว่ะ งง พี่ทิวาแกจะมาทำเชรี่ยอะไร อยากไปไหนกันก็ไปดิ
เอาตรูกลับไปส่งหอก่อนไม่ได้เหรอ  ซ้อนสามไม่พอ พี่ทิวาก็อยากเอาใจไอ้เต้ ชวนซื้อของของ เซเว่น  ก๋วยเตี๋ยว บัวลอย โรตี  ซ้อนสาม เดี๋ยวก็ลง เดี๋ยวก็ลง

ไอ้มาย อยู่หนายยยยยยย!!!!!

ไอ้เต้ไม่เคยมาส่งฟ้าใสที่หน้าทางเข้าพนักงานเลย จอดส่งอีกฟากของถนน บอกว่ากลับรถลำบาก วันแรกที่บอก ก็โอเค
ตอนนั้นมีรถวิ่งไปมา แต่วันอื่นๆ ถึงรถว่าง มันก็จอดให้ฟ้าใสลง เดินข้ามถนนไปเอง
ขากลับ ฟ้าใสก็เจอซ้อนสามอีก และมันก็ไม่เคยมาก่อนเวลาหรือจะตรงเวลาเที่ยงคืนเลย บางคืน 45 นาที ที่ต้องคอย
 จนคิดว่าถ้ามันไม่มาจะทำอย่างไง จะโทรไปหาใคร ในเมื่อจะตีหนึ่งแล้ว

แม้ไอ้เต้จะยิ้ม จะพูดเล่น หรือหัวเราะด้วย แต่ลึกๆ ฟ้าใสก็ว่ามันเกลียดเขาอยู่บ้างล่ะ ก็คงเป็นที่เขาเอาไอ้มายไป
.
.
.
พรุ่งนี้วันหยุด จบสักที 5วันบ้าๆ
ทำงานมาแล้ว เดินออกมา ต้องมาเจอ พี่ทิวาหยอกแหย่ไอ้เต้ คิกคัก
 บนมอเตอร์ไซค์ไอ้มาย  ต้องโทษตัวเองที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นเอง

รู้งี้ ขอหยุดตามไอ้มายด้วย ก็ดีแล้ว...
.
.
.
นอน นอน นอน ให้เต็มที่...



TBC….




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2012 01:23:55 โดย Raspberry complex »

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
คุณหนูฟ้าใส ต้องมีคนดูแลเทคแคร์ตลอดจริงๆ

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
Ch.9.2

ห้องฟ้าใสจะกดล็อคแค่ลูกบิด  ไม่ชินกับการใส่ล็อคกลอนประตู ผิดกับ อิเกรียง หนุ่มเข้มมาดแมน สูง182 แต่ใจเป็นหญิงแท้ ล็อค ใส่กลอน บน ล่าง กลาง 

เขาคิดว่ามันให้ความรู้สึกอึดอัด กักขังอย่างไงก็ไม่รู้ พาลหายใจไม่ออกเอา

ร่างสูงไขกุญแจเข้ามาในห้อง ปล่อยตัวหล่นตุบมานอนข้างๆกอดคนตัวเล็กที่นอนกอดหมอนข้าง มายมีกุญแจห้องฟ้าใส ก็มันเป็นคนพามาเช่า จัดการ แล้วก็ส่งกุญแจให้ฟ้าใสเอาไป 1 ดอก กับกุญแจลูกอันใหญ่ไว้ล็อคที่ข้างนอกอีกหนึ่ง

“ชื่นใจหน่อย เหนื่อยจะตาย”ร่างสูงรั้งคนที่นอนหันข้างกอดหมอนมาแนบตัว

“อึ้มๆๆๆ” จมูกปากซุกไซ้เข้าไปที่แก้มนวล

“อี๊ย!!!..ผมเหม็นกลิ่นบุหรี่ อาบน้ำหรือเปล่าเนี่ย”คนตัวโตโวยวาย

ร่างเล็กที่เอาหน้าซุกหมอนข้าง หันกลับมากอดซุกร่างสูงแทน
หมอนข้างนิ่มน่ากอดก็จริง แต่ก็ไม่อุ่นเท่าอกคนข้างๆนี้

เวลาไม่มีอยู่ถึงได้รู้...ว่าอยากมี

เวลาขาด...ถึงได้รู้ว่าต้องการ

ว่าจะไม่ร้อง  แต่น้ำตามันก็ไหล  แค่ไหลนิดๆน่า เจ้าของอกอุ่นมันคงไม่รู้

...มัน..กลับมาแล้ว....

“อื้อ...อ่าอาอึงอิ้...”ฟ้าใสบ่นอุบอิบ ปิดปาก ก็ไอ้มายจะมาจับหน้าเขาเงยขึ้น สภาพแบบนี้มันน่าให้เห็นหน้าได้ที่ไหน
ฟันก็ยังไม่แปรง ไม่ใช่แค่ตอนเช้าซะที่ไหน ดองตั้งแต่เมื่อคืน น้ำก็ไม่อาบ

เมื่อคืน...เกาะหลังพี่ทิวา ลงหน้าหอได้

“ไปก่อนนะไข” เสียงพี่ทิวาลาพร้อมยิ้มร่าเริงโบกมือบ๋ายบาย ไอ้เต้ก็หันมามองแวบหนึ่งก็ออกรถขี่ไป

ขึ้นมาบนห้อง เขี่ยรองเท้าถอด ถอด ถอดทุกอย่าง อยากมุดเข้าที่นอน เหมือนเข้าไปอยู่ในท้องแม่ใหม่

ไม่มีร่างสูงมาแย่งถือกระเป๋า ไม่มีคนเดินไปบ่นไปจนมาส่งถึงห้อง ไม่มีคนชิงไขกุญแจห้องให้ก่อน
แล้วทำเสียงจิ๊กจั๊ก รำคราญที่เขามัวแต่ควานไปควานมาในกระเป๋า ตบโน่นตบนี่หากุญแจ
.
.
.
.
.
“อามาย...ซาหวัดดีครับ” เด็กน้อยวิ่งตะโกนเข้ามาในบ้านมายืนตัวตรงยกมือไหว้สวัสดี

“ซาหวัดดีครับ คุณย่า คุณ ปู่ อาม่อน”

“มา..มา ให้ปู่กับย่ากอดหน่อย” หลังจากทักทาย กอดหอมฟัด เด็กน้อย

“อามาย แล้วอาไข อยู่หนายอ่ะครับ” มะนาวก็ต้องนึกว่า ฟ้าใสก็ต้องอยู่กับ อามายด้วยนะสิ ก็อามาย เอาอาไข กลับไปเชียงราย ด้วย เมื่อคราวก่อน

“ฮ่า ฮ่า อาไขเขาต้องฝึกงาน มากับอามายไม่ได้ครับ มะนาวไปทำงานแทนอาไขให้อาหน่อยสิ อาไขจะได้ลงมาได้” มายหัวเราะร่าแหย่เด็ก

“มานาวยังทำงานไม่เป็นนี่ครับ อามายทำเป็น อามายก็ทำแทนอาไข ให้อาไขมาเล่นกับมะนาว”

“อ้าวให้อาไปแล้วใครจะรับปริญญาล่ะ”

“ก็ให้อาม่อน หรือพ่อมะนาวก็ได้ พ่อมะนาวรับเป็น อาม่อนก็รับเป็น นั่นไง มีรูปอาม่อน กับพ่อมะนาว รับปริญญาด้วย”

“พอมีอาม่อนอยู่ อามายก็หมดความหมายใช่ไหม”

“ไม่ใช่ครับ ..อามายก็มีประโยชน์ มะนาวจะเอาอามายไปแลกกับอาไข อามายขึ้นไปทำงานแทนอาไขนะ”

โม่งลูบหัวลูกชายเบาๆ กระซิบว่า “ไม่ได้หรอกครับ อาไข เขาต้องทำงาน อามายเขาต้องเป็นคนรับพระราชทานปริญญาบัตร
ด้วยตัวเองครับ อีกหน่อยมะนาว เรียนจบปริญญาตรี มะนาวก็ต้องได้มารับเหมือนอย่างอามายน่ะครับ” โม่งพูดจบ
ถึงจะยิ้มด้วยความเอ็นดูลูกชาย แต่ในใจหวนนึกถึงอาจารย์เบญ ผู้เป็นภรรยา มารดาของเด็กชายตัวน้อยนี้ 
วันนั้น ที่ยังอีกยาวนาน อาจารย์เบญจะได้มีโอกาสเห็นไหม  แล้วตัวเขาเองล่ะ...

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า มีค่าแค่เอาไว้แลก” เสียงหัวเราะจากม่อน

“สมน้ำหน้า เอ็ง” อันนี้จากพ่อ

“ว่าแต่อาไข นี่คือ ใคร ผมไม่เห็นรู้จัก”

“เฮอะ เฮอะ เฮอะ” เสียงมายหัวเราะใส่ม่อน

“แฟนไอ้มายมัน” พ่อรีบตอบ

“หือ!!!...” ม่อนทำเสียง อย่างไม่อยากเชื่อ

“เออ..เอ็งล่ะ อย่าให้แพ้น้องล่ะ มัวแต่ทำงาน”

“ไม่ใช่ซะหน่อย อาไขเป็นลูกศิษย์พ่อมานาวต่างหาก ไม่ใช่แฟนอามายซะหน่อย”

“มะนาวไปล้างมือ ลูก ไปเข้าห้องน้ำก่อน  ไป” โม่งแยกตัวคู่กรณี ก่อนเกิดศึก

“ไป ไป มะนาว ย่าพาไปเปลี่ยนชุดด้วย กินน้ำแดงไหม”
.
.
หลังจากคู่กรณีไปแล้ว ม่อนเลยหันมาซักไอ้มาย

“อะไร เอ็งมีแฟนแล้วเหรอ ห๊า”

มายทำหน้าภูมิใจ ยืด..แล้วก็.. ยืด “เยสเซ่อร์”

“เป็นใคร ที่ไหน รู้จักกันเมื่อไหร่ เพื่อนกันหรือเปล่า...” ม่อนไม่ยุ่งไม่ห้าม แต่ขอให้ขยันทำงานจริงจังก็ถือว่าผ่าน

“เหอะ ฟ้าใสของผมน่ะ พี่แตะไม่ได้หรอกนะ”

“ทำไมว่ะ...” ก็เมริง กรูยังจัดการได้

“โน่น...โน่น..” มายทำปากบุ้ยไปทางโม่ง “เขามีอัศวินผู้พิทักษ์ ฟ้าใสเขาเป็นลูกศิษย์เฮีย...”
.
.
มะนาวเดินนำหน้าย่ามานั่งขัดสมาด วางถ้วยขนมปังโปะน้ำแข็งไสราดน้ำแดงหวานฉ่ำบนโต๊ะรับแขก  ค้อนอามายตาคว่ำ บ่นพึมพำ

“อาไข ไม่ได้เป็นผู้หญิงซะหน่อย จะเป็นแฟนอามายได้ไง”

“ได้สิ รักกันซะอย่าง”

ตุบ!! “นี่แน่ะ ไปเถียงกับหลานอยู่ได้”

“เอ๊ย!!! ไอ้ม่อน ตีมาได้ เดี๋ยวความจำเสื่อม จำชื่อตัวเองไม่ได้ พรุ่งนี้จะขึ้นไปรับถูกไหมเนี่ย”
.
.
.
.
หลังจากเสร็จจากงานรับพระราชทานปริญญาบัตรของนาย สุรนาท อินทราไชย ญาติพี่น้องก็ร่วมไปกินเลี้ยงฉลองแสดงความยินดี
สามหนุ่มนั่งจิบเบียร์ คุยกันตามประสาพี่น้อง

“เห็นล่ะ ว่าผมจบจริงๆ ชิ คนพูดจริงก็ไม่ค่อยเชื่อ”

“เออ เออ ..เอ็งเก่ง ...3.38”

“เหอะ!!! ใครเขาจะไปได้บ้า .98  .99 แบบตัวเองเล่า ไปเช็คสมองไป๊ สับสนจนต้องเรียนสองใบ”

มายคิดว่า ถ้าม่อนไม่เรียน 2ที่ 2สาย ก็คงได้ 4 เต็ม อย่างสบายๆเลยล่ะ

ตุบ!!! “นี่แน่ะ ว่ากรู”

“เว้ย!!! ไอ้พี่บ้า ตีกระบาลอีกแล้ว” มายลุกเดินหนีมานั่งข้างโม่ง ซึ่งนั่งบุหรี่ ทอดสายตาไปข้างหน้า

“ว่าไงเรา จบจริงแล้ว ทางโน้น เหลืออีกกี่เดือน จบแล้วจะทำอะไร คิดไว้หรือยัง”

“ก็ไม่เชิงอ่ะ พี่โม่ง ...คิดไว้แล้ว...ก็ดูดูอยู่...” คนพูดก็ยังไม่ยอมพูดออกมาชัดเจน ส่วนหนึ่งคงเพราะคิดแต่ยังทำไม่ได้

“มาย ถ้าเราเรียนทำอาหารจบ ถ้ายังไม่ทำอะไร มาช่วยพี่ก่อนสักปีหนึ่ง ได้ไหม...” โม่งตัดสินใจพูดโพล่งขึ้น
สีหน้าลำบากใจ เหมือนเกรงใจอยู่เหมือนกัน แต่สุขภาพของภรรยาก็ไม่ค่อยดี ปีหน้าทางกลุ่มศิลปินเพื่อนอาจารย์และวิทยาลัย
ได้รับการติดต่อจากบรรดามหาวิทยาลัยที่เคยให้ทุนจะจัดงานแสดงร่วมกัน และเวียนกันหลายประเทศ

ตรืดดด ตรืดดด
เสียงมือถือของม่อน เจ้าตัวรับแล้วลุกขึ้นเดินไปคุย...ห่างออกไป

มายหันมามองหน้าโม่ง
พี่ชายที่ดูแลทั้งเขาและไอ้พี่ม่อน ตั้งแต่เด็ก ถุงเท้าดำๆที่เกิดจากการเล่นซนวิ่งไล่กัน พี่โม่งนี่แหล่ะ
ที่คอยเก็บคว้าจากที่ถอดทิ้งตามที่ต่างๆ เอาไปซักให้จนขาวสะอาด

รูปเขียนที่ขายได้ตั้งแต่ตอนที่พี่โม่งอยู่ปี 3  แบงค์ 1000 ที่ส่งให้ แจกทั้งเขาและม่อนเท่ากัน ทำเอาเขาตาโต ตกใจ
ก็มันมากกว่าครึ่งของเงินค่าขนมไปโรงเรียนทั้งเดือน
.
.
“ปีหน้าหอศิลปะของมหาวิทยาลัยที่อเมริกาที่พี่ได้ทุนเรียนนั่นแหล่ะจะจัดงานแสดง ร่วมกับมหาวิทยาลัยอื่นๆหลายๆรัฐ
เขาส่งจดหมายเชิญ ให้ วิทยาลัยอาร์ต อาร์ เข้าร่วมด้วย ทางโรงเรียนเลยจัดฟอร์มกลุ่มศิลปิน เดินสาย โรดโชว์น่ะ มาย”
โม่งตบขาน้องชายเบาๆ 
“คล้ายๆคราวก่อนที่เราไปกับพี่ ที่เยอรมัน หรือที่มายไปกับพวกอาจารย์ทวี แทนพี่ที่ญี่ปุ่น”
มายพยักหน้า นิ่งฟังพี่ชาย
“แต่คราวนี้ เขาจะจัดเป็นโครงการใหญ่ เพราะวิทยาลัยจะเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัย และจะมีการแลกเปลี่ยนอาจารย์
ทั้งยังมีโปรเจ็คจะแลกเปลี่ยนสตูดิโอทำงานด้วยทั่วประเทศตามสาขาของวิทยาเขต ให้เหล่าศิลปินต่างประเทศ ที่สนใจ
มาทำงานในประเทศเรา พี่เองก็รู้ว่าตัวเองไม่สะดวก ทั้งภาระเรื่องครอบครัว...” โม่งเน้นหนัก ย้ำว่าเขาเองมีครอบครัวแล้ว
 ถึงจะหวง เอ๊ยห่วง คนตัวเล็กหน้าหวาน ก็เหอะ ก็ฟ้าใสทั้งคน  โม่งรู้ เรื่องของมายและฟ้าใส อยากให้มายรู้ว่า เขาเองก็ตระหนักดี 
“อาจารย์เบญสุขภาพไม่ดี  เข้าออกโรงพยาบาลหลายครั้ง เหมือนติดเชื้อ วันดีคืนดี ก็อาจเป็นหนักขึ้นได้
แต่พี่ก็อยากให้ความร่วมมือกับวิทยาลัย ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยทางโน้น วงการศิลปะในเมืองไทยจะได้เข้มแข็ง ปูทาง
ให้คนรุ่นใหม่ ได้เปิดโลกกว้าง คนไทยเก่งๆฝีมือดีๆ มีเยอะจะตาย แล้วถ้ามีเวลาเหมาะ พี่ก็จะบินไปสมทบตามก็ได้” โม่งตบไหล่ พยายามเกลี้ยกล่อม
.
.
“ถ้าผมช่วยดูแลเรื่องงานให้พี่ ผมขออะไรพี่ได้หรือเปล่า” มายเอ่ยเสียงเรียบๆ อย่างตัดสินใจ และไม่ยอมมองสบกับผู้เป็นพี่ชาย

“นายจะขอไม่ให้พี่ยุ่งกับฟ้าใสนะเหรอ ...”   
โม่งก็ตัดใจพูดเพื่อจะได้เคลียร์ใจซึ่งกันและกัน ไหนๆ มายก็เคยถามเอากับเขาแล้ว

 แต่เขาเอง ที่เลี่ยงไม่ยอมพูดถึง โม่งทอดสายตามีแววเศร้า และครุ่นคิด เมื่อต้องนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา
เป็นเรื่องของเขาและฟ้าใส ที่รู้กันเพียง สองคน เรื่องราวที่น่าเจ็บปวด ที่เชื่อมกับความรัก เขาก็ไม่ได้หน้าที่จะต้องพูด นี่นา
 ถ้ามายจะรัก มันก็ควรจะรักฟ้าใส ไม่ต้องมีเงื่อนไข ไม่ต้องมีอดีต

“ได้สิ” โม่งพูดต่อด้วยเสียงที่คิดว่าเขารับคำหนักแน่น แต่กลับแผ่วเบาราวกระซิบกับสายลม
มายมองร่างสูงใหญ่สมส่วนที่ดูหดเล็กลงเพราะห่อไหล่ลู่ด้วยภาระ หน้าที่
บางสิ่งที่ราวกับเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันได้บรรจบ

เรื่องที่อยู่ในใจ เกิดเป็นลูกผู้ชาย ก็เหอะ

เขาก็ไม่รู้ว่าคนเรา เกิดมา...ทำไมต้องไปเจอเรื่องราวนานา... ซ้ำแล้วซ้ำอีก
พระเจ้าจะทดสอบความอดทนของคนเหรอ ถ้าเกิดเขาทำสิ่งไม่ดีขึ้นมาล่ะ จะโทษว่าความผิดของใคร....
 ของคนจัดการทดสอบ... ข้อสอบ... หรือคนเข้าสอบ…

“พี่โม่งอย่าเพิ่งรับปากผมเลย  ไม่บอกแล้วกัน พี่ก็ทำงานส่วนของพี่ไปก็แล้วกัน เรื่องเดินสาย ผมดูแลงานของพี่ให้ก็ได้”
 ผมไม่ต้องการอย่างงั้นหรอก...คนที่ผมรักทั้งสองคน แม้ว่านั่น...ก็เป็นสิ่งที่ผมต้องการ...ที่สุดเลย..ก็ตาม ...มายคิดในใจ…


Tbc..

ใกล้ ending อีกไม่นาน

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
ตอน ปาร์ตี้ ของเขา ปาร์ตี้เรา... ไม่เกี่ยว


วันนี้วันหยุดนักขัตฤกษ์ อีกไม่กี่วันก็ใกล้จบการฝึกงานแล้ว

เสียงโทรศัพท์ห้องดังขึ้น ก็คงไม่มีใคร

 “พี่ฟ้าใส อยู่ห้องเหรอ” มันจัดแจงทักผมเสียงอ่อนเสียงหวาน

“ก็อยู่สิ เธอโทรมาเครื่องห้องนะครับ”ผมก็ตอบเสียงสะบัดบวกสุภาพกลับไปด้วยความหมั่นไส้ ในความกวนของมัน

“อุ๊ย...คิก คิก คิก...ก็นึกว่าพี่ฟ้าใสไม่อยู่ห้องนี่นา คิดว่าพี่มายชวนพี่ฟ้าใสไปปาร์ตี้กะเค้าอ่ะ”

“เออ เห็นมายมันบอกอยู่ว่าเพื่อนมันนัดกินเหล้ากันเพราะได้งานที่กรุงเทพน่ะเลยเลี้ยงลากัน”

สงสัยอิเกรียงคงรู้จากไอ้เต้

“แล้วพี่มายเค้าไปกินที่ไหนล่ะ”

“ไม่รู้ดิ เห็นบอกเป็นเพื่อนที่นี่นะ แล้วแกไปยุ่งอะไรกะเค้าล่ะ หรืออยากไปร่วมด้วย” มันนะแร่ดมากนะ

เห็นหนุ่มล่ะ แอบมองจนเหลียวหลังเลย หรือว่ามันอยากให้ไอ้มายพาไปด้วย

“อ้าวพี่ฟ้าใสไม่รู้เหรอ พี่มายเค้ากินที่ห้องเพื่อนเค้าที่หอนี้อ่ะ” นังเกรียงมันก็ยังขยันให้ข้อมูลผมอีก

“ก็ช่างเค้าสิ ไปยุ่งอะไรกะเค้าล่ะ แกก้อ”

“แล้วพี่ฟ้าใสไม่อยากดูพี่มายกะเพื่อนเค้าเหรอ อิอิ” ดูมัน

“บ้าเหรอ จะไปดูทำไม”

“นี่งาย ก็ดูพี่มายเค้าเสิร์ฟเหล้าเพื่อนเค้าอ่ะ”

“แกจะอะไร ก็ว่ามา” นังเกรียงมันพยายามอะไรกันแน่

“ก็นี่งาย ห้องเกรียงนะเยื้องๆกะห้องเพื่อนเค้า พี่ฟ้าใสไม่อยากลงมาดูพี่มายเค้าอยู่กะเพื่อนเหรอ”

“ไม่” ผมตอบแบบตัดเยื่อใย

“อิอิ...คิก คิก น่าพี่ฟ้าใส ลงมานะ มานั่งกินอะไรเล่นห้องเกรียงนะ”

“ไม่เอา ฉันจะดูหนัง”

“น่า น่า มาดูห้องเกรียงนะ เกรียงมีเป็ปซี่ มีทาโร่ มีฮานามิด้วย น่ามากินหนมเล่นนะ จะกินเหล้าก็มีนะ อิเต้มันเอาเหล้ามาทิ้งไว้ห้องเกรียงตั้ง2ขวด  คนอื่นเค้ามีปาร์ตี้ เราก็ปาร์ตี้กันมั่งนะพี่ฟ้าใส นะเกรียงขึ้นไปรับก็ได้”

มันอ้อนซะสุดขีด อินี่มันขี้เหงา

“เออ เออ ไม่ต้องขึ้นมา เดี๋ยวลงไปเองก็ได้ แกขึ้นมาเดี๋ยวก็ไปแอบสอดจดหมายรักใส่ห้องใครไว้อีก”

“อิอิอิ    แล้วผมจะรอนะคร้าบ” เชอะไม่ต้องมาทำเสียงหล่อใส่เลยอิเกรียง แกนะแก

ผมจัดแจงสวมกางเกงขาสั้น ก็อยู่ในห้องผมก็ใส่แค่เสื้อยืดกะบ็อกเซอร์ แล้วก็หยิบเป็บซี่กระป๋อง ขนมไม่ต้องเอาไป
เพราะห้องมันมีขนมอยู่แล้ว ก็อิเกรียงมันชอบกินจุกจิก ตุนขนมไว้เป็นแพค ขนมปังปิ๊บสองแบบ มดไม่ขึ้นก็บุญแล้ว
แต่มันขยันกวาดถูสะอาดเอี่ยมเช้า-เย็น พอผมลงไปถึง แค่เรียกชื่อมัน ก็ถลามาเปิดประตู พอเดินเข้าไปกำลังทำหน้านิ่วใส่มัน
 มันก็รีบคว้าแขนผมเดินไปทางระเบียง

“นี่พี่ฟ้าใส นี่ไง พี่ฟ้าใสมาดูนี่สิ”มันจัดแจงฉุดลากผมไป

“เฮ้ย...แกนี่ เป็นอะไรไปล่ะ”ผมก็สะบัดมือมันที่ดึงแขนผมอยู่นั้น จนมันมองหน้า

“พี่ฟ้าใสไม่อยากรู้เหรอ ว่าพี่มายเค้าอยู่กะเพื่อนแล้วเค้าเป็นอย่างไง”มันมาทำเสียงดุใส่ผมอีก อิเวร

“บ้าสิ จะไปยุ่งอะไรกะเค้าล่ะ” นั่นสินะ ผมก็ช่างไม่อยากรู้เหรอ ว่าไอ้มายมันเป็นอย่างไงเวลาไม่ได้อยู่กับผม
เราสองคนแทบไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่แล้วมันกลับมาคอยนัวเนีย บงการ ให้ผมทำโน่นทำนี่   นังเกรียงมันก็มองหน้า
เหมือนรำคราญที่ผมไม่ยอมทำตัวเป็นภรรยาที่คอยจับผิดสามี แล้วก็จับแขนทั้งจับไหล่ผลักให้ผมเดินไปที่ระเบียงที่มันตากผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้าอยู่

“นี่ไง นี่ไง พี่ฟ้าใสดูห้องนั้นสิ ห้องนั้นนะห้องเพื่อนพี่มาย อิเต้เคยบอกว่าพี่มายเคยเช่าห้องนั้นกะเพื่อนด้วยนะ”
นังเกรียงจัดแจงชี้ชวนให้ผมดูห้องที่เปิดไฟสลัวๆ มีคนท่าทางอยู่กันหลายคน
 พอเห็นผมมองตาม มันรีบจับผมมายืนเล็งมุมแอบดูฝั่งตรงข้ามอย่างดี  แถมก้มมากระซิบข้างหูผมด้วย

“อุ๊ย นั่นไง นั่นไงพี่มาย อิอิ แหมกำลังสนุกเชียว หัวเราะร่าเลยพี่ฟ้าใส” อีบ้านี่ก็ชอบแอบดูชาวบ้าน แล้วแหมไอ้มายนะทีอยู่กะตรูเอาแต่หน้านิ่วคิ้วผูกโบว์

“มีชงเหล้าเสิร์ฟสาวด้วยพี่ฟ้าใส” นังเกรียงฟ้องพร้อมกับสะกิดไหล่ผมยิกๆ อีบ้าเดี๋ยวเสื้อตรูขาด  ผมรีบจ้อง ตาม หลังจากทำเป็นไม่สนใจ

“หึงล่ะสิ อิ อิ อิ” มันรีบแซว เมื่อเห็นผมรีบมองตามมือที่มันชี้

“บ้า ฉันก็แค่ดู เพราะไม่เคยเห็นมันเป็นอย่างงี้เท่านั้น” ผมตอบแบบสะบัดวางฟอร์ม ใครจะหึง เหอะ

มันก็ชวนผมแอบดู พร้อมวิจารณ์เพื่อนไอ้เพื่อนมาย ชมว่าพี่คนนั้นหล่อ  คนนี้น่ากิน  มันเลยชวนผมเอาเหล้าของไอ้เต้ที่แอบ
แฮฟมาฝากมัน   มาผสมกินบ้างคนละนิดละหน่อย อิเกรียงมันกินไม่ค่อยได้ ส่วนผมก็กินได้แต่ไม่ค่อยกล้ากินกลัวหลุดฟอร์มอ่ะครับ
 ก็พอเมาแล้วเดี๋ยวปากหมา พูดมาก รั่วอีกต่างหากเลยไม่ค่อยกล้า นอกจากอยู่ในกลุ่มเพื่อนสมัยประถม-มัธยมต้นเท่านั้น
เพราะไอ้พวกนั้นมันรั่วกว่า 555
ผมนั่งกินหนมบวกเป็บซี่ผสมเหล้า แล้วก็นั่งดูรายการประกวดนางงามไปกะนังเกรียง จนเที่ยงคืนกว่าโดยมีนังเกรียง
ไปคอยแอบส่องปาร์ตี้ไปเป็นระยะๆแล้วคอยรายงานไปยั่วผมไป  ซึ่งผมก็ทำเป็นไม่สนใจ
แต่บางครั้งก็ลุกไปแอบดูด้วยเหมือนกัน เชอะ  จนพอเลยเที่ยงคืนหน่อยรายการทีวีก็จบ ผมเลยบอกนังเกรียงว่าผมจะไปนอนแล้ว
 
“พี่ฟ้าใสไม่นอนนี่เหรอ น่า” มันเริ่มอ้อนผม

“ไม่เอา เดี๋ยวขนติด” ผมแกล้งว่ามัน ก็มันเป็นคนขนดกอ่ะ

“หึ...”นังเกรียงทำจมูกยู่ใส่ ค้อนควัก

“เออ เออ...ไปล่ะ”

“อย่าล็อคห้องล่ะ เดี๋ยวเผื่อมีบางคนเค้าเมากลับบ้านไม่ได้ จะไปเคาะห้องดึกๆน๊า...คิก คิก คิก” นังเกรียงมันทำเสียงอ่อนเสียงหวานแซวผม

“เหอะ จะเขียนป้ายแปะไว้ให้ลงมานอนห้องเธอแล้วกัน”

“อร๊าย ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวพี่มายมาบ่นต่อ  เกรียงไม่ได้นอนกันพอดี อิอิ”

“อย่าลืม อย่าล็อคห้องล่ะ เผื่อห้อง405 เค้ากลับห้องไม่ไหว เค้าอาจจะเมามาห้องเธอก็ได้”

“อุ๊ย...กรี๊ดๆ มาเลย มาเลย เค้าจะจับล่ามโซ่เก็บไว้ให้อยู่นี่เลย อิอิ”

“แร่ดนะเธอ ชิ” ผมเลยด่ามัน


พอผมขึ้นไปห้องตัวเอง ขณะกดล็อคที่ประตู ธรรมดามันก็มีกลอน แต่ผมก็ไม่เคยล็อค แต่พอโดนอิเกรียงแซว
 ไหนไอ้มายมันก็อยู่นี่ มันก็อาจจะมานอนห้องผมก็ได้ ผมเห็นที่มันปาร์ตี้ แล้วก็รู้สึกหมั่นไส้มันนิ๊ดๆอ่ะ
เหอะทำเป็นสนุกสนาน เฮฮา ชงเหล้าเสิร์ฟคนโน้นคนนี้ ชิ ผมเลยใส่กลอนประตูด้วยเลย ถึงมันจะมีกุญแจก็เปิดไม่ได้
สนุกสนานกับเพื่อนก็นอนกับเพื่อนเอ็งไปนั่นแหล่ะ เพื่อนมันทีหอนี้ก็ตั้งหลายคน ห้อง405 ก็มี
ผมกินเหล้ามานิดๆเลยรู้สึกร้อนๆ นอนไปก็ต้องถอดเสื้อนอนเหลือแต่บ็อกเซอร์ตัวเดียว


เสียงหมุนลูกบิด ที่ปลดล็อคแล้วดังแกร็กๆแต่ก็ไม่สามารถเปิดได้เพราะติดกลอน

“ฟ้าใส...ฟ้าใส...เปิดหน่อยยยย” เสียงไอ้มายที่ฟังดูเมาเมาด้วย เรียกผมไม่ดังนัก ผมนะได้ยินแล้ว แต่ก็แกล้งทำเฉย
แต่ก็ตั้งใจลุกไปเปิดให้ เพราะเกรงใจชาวบ้านห้องอื่นๆ แต่ใจก็อดไม่ได้ อยากแกล้งมัน ทั้งที่ไม่ใส่กลอนก็ได้นอนสบายไม่ต้องลุก

 นี่แหล่ะ อยากแกล้งมันก็เดือดร้อนไปด้วย

RRRRRR  RRRRRRRR
RRRRRR  RRRRRRRR
RRRRRR  RRRRRRRR

เสียงมือถือดังขึ้นอีก ผมเลยแกล้งทำเป็นงัวเงืยรับสาย อือๆอ้อๆไป

“เปิดตูหน่อยสิ ทำไมต้องใส่กลอนด้วยล่ะ” เสียงมันถามแบบเมาๆอีกต่างหาก
ผมอยากหัวเราะสมน้ำหน้ามัน แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“หือ อะราย มายเหรอ กี่โมงแล้ว มีอะราย ฮ้าววววว” แกล้งหาวใส่โทรสับไปที 555 ให้มันยืนหน้าประตูนั่นแหล่ะ
ปรากฏมันเลยเคาะประตู ก๊อกๆ แล้วเรียกให้ผมเปิดตู 555 อ้าวไม่คุยโทรสับกันแล้วเหรอ

“เออ เออ ไปเปิดเดี๋ยวนี้แล้ว” ผมรีบพูด เมื่อได้ยินเสียงมันเคาะหนักขึ้น พอถอดกลอนปุ๊บ มันรีบผลักประตูเข้ามา
 จ้องผมตาวาว ผมรีบหลบตา ถือโอกาสเข้าห้องน้ำขณะยืนทำธุระส่วนตัว ไอ้บ้ามายมันก็ตามเข้ามามั่ง

“เฮ้ย เข้ามาไม” ผมดุมัน

“ก็ปวดมั่งซี่” เฮ้ย ปวดก็ไปจับของเอ็งสิมายุ่งกะของตรู มีหน้ามาหัวเราะหึ หึ อีก แม่งเมาก็ไปนอนสิว่ะ
ผมมองหน้ามัน รีบเดินออกจากห้องน้ำ มันก็คว้าตัวผมไปกอด

“ทำไมต้องล็อคกลอนด้วย มันก้มมากระซิบข้างหู” จั๊กจี้เว้ย

“คนเค้าก็ล็อคกลอนเป็นเรื่องธรรมดา โอย ปล่อยได้แล้วจะนอนแล้ว” ผมทำโมเมไปนอนต่อก็โดนมันกัดคอ เลยรีบผลักหน้ามัน

“ปิดไฟห้องน้ำด้วย” ผมหันไปสั่ง รีบข่มก่อน ไปนอนรอโดนข่มกลับ เอ๊ยไม่ใช่ฮะ


ตุบ เสียงร่างสูงมันทิ้งตัวลงนอนข้าง น่าเมาจนนอนผิดลงพื้นบ้างนะ

“พี่ฟ้าใส”ไอ้มายเริ่มทำเสียงอ้อน มือไม้ก็เริ่มสำรวจไล้ไปตามสะโพก ผมก็เริ่มสัมผัสถึงสิ่งที่แข็งขืนดันก้นตัวเองอยู่

“เฮ้ย เมาก็นอนซะ อย่ากวน คนจะนอน เหม็นเหล้า”

“เมาฟ้าใสมากกว่าเหล้าซะอีก”มันพูดไปมือก็ลามปามเนื้อตัวผมไป

“อื้อ...อย่ามาเบียด อึดอัด” ผมบ่นพลางพร้อมรู้สึกหนาวๆร้อนบ้างแล้ว ก็มันเล่นทั้งเบียดทั้งเสียดไอ้ท่อนแข็งๆ
มือก็ลูบคลำเขี่ยเม็ดยอดอกผมอีก ผมต้องเขยิบตัวหนีมัน ก็หมั่นไส้นี่นา ทีอยู่กันไม่เห็นมันจะค่อยทำตัวยิ้มแย้มกันเองกับผมเลย
 เอาแต่ชอบสั่งๆๆๆ บ่นโน่นบอกนี่ตลอดเวลา ถึงแม้มันจะเอาใจทำโน่นทำนี่ให้ก็เถอะ พอคิดแล้วจะพาลน้อยใจ
แล้วนี่ไอ้เพื่อนที่นังเกรียงเล่าว่า อิเต้บอกว่า มันเคยอยู่กะเพื่อนที่ชื่อพีท ห้องที่จัดปาร์ตี้ มาก่อน ความสัมพันธ์มันจะเป็นอย่างไง
 มันจะมีอะไรกันแบบผมกะมันหรือเปล่าผมก็ไม่รู้ แล้วยังเพื่อนผู้หญิงที่มันคอยเทคแคร์ดูแล เห็นส่งโน่นส่งนี่ให้ตลอด
 มานั่งคุยกันสองต่อสองข้างนอกที่ระเบียงหน้าห้องอีก สีหน้ามันก็ดูมีความสุข หึ ผมคิดแล้วน้ำตาก็เริ่มคลอจนปริ่มขอบตา
  ผมนอนหันหลังกอดหมอนข้างปล่อยให้ไอ้มายมันลูบโน่นลูบไม่หือไม่อือ จนมือที่เลื้อยลูบต่ำเข้าไปในบ็อกเซอร์
และเตรียมรูดให้ต่ำลง หยุดชงักเมื่อรู้สึกผิดสังเกตที่เห็นผมนอนนิ่งเงียบ

“ฟ้าใสหลับแล้วเหรอ” มันเปลี่ยนมาจับไหล่แล้วยันตัวชะโงกมาดูหน้าผม ผมก็รีบหลับตา น้ำตาเลยไหลออกมาที่ข้างแก้ม
พอไอ้มายเห็นเลยตกใจ รีบเช็ดน้ำตาแล้วว่า เป็นอะไร ผมก็ไม่ตอบเอาหน้าซุกหมอนข้าง

“เฮ้ย...ฟ้าใส เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” มันยื่นหน้ามาจ้องหน้าผม  ฮึ ผมก็เลยยิ่งหลบหน้ามันอีก

โอย ซุกหน้าจนแทบหายใจไม่ออกแล้ว  ผมเลยแอบเอาหน้าออกชำเลืองมองมันหน่อยหนึง มายมันเลยเอามือมาจับหน้าผม
ให้มองหน้ามัน ผมก็สะบัดหน้าหนี ทำปากยื่น จะซุกหมอนข้างต่อ

“อ๊ะ...งั้นค่อยพูดกันพรุ่งนี้แล้วกัน…” แล้วมันก็บ่นอะไรพึมพำทำนองว่าอย่าให้รู้นะว่าโกรธเรื่องอะไรไร้สาระ


TBC...

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
(ต่อ)


ไอ้บ้าดูสิขนาดผมโกรธมัน มันยังจะไม่วายบ่นว่าผม  แล้วนี่ผมก็อยู่ห้องผม มันทั้งมารบกวนดึกๆดื่นๆ  มานอนเบียด
แล้วยังจะมาบ่นผมอีก ทีหลังก็ไม่ต้องมายุ่งกันเลยดีกว่า ผมเลยเอาศอกเขี่ยๆดันตัวมันที่นอนกอดผมซะแน่นจนอึดอัด
พอผมเอาศอกผลักไสไล่ส่งมัน มันก็ยิ่งกอดแน่นขึ้นอีก แถมเอาหน้ามาซุกแปะตรงซอกคออีก  ผมทำปากยื่น แล้วพยายามนอนหลับอย่างไม่อยากจะยุ่งกะมันอีก
.
.
.
กรุ๋ง กริ๋ง กรุ๋ง กริ๋ง
เสียงช้อนกาแฟกระทบถ้วยกาแฟ พร้อมกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟ โชยมาปลุกประสาทรับรู้ให้ผมตื่นขึ้น
 ผมสูดกลิ่นหอมของกาแฟ ค่อยๆลืมตา พลางขยี้ขี้ตา ตามด้วยหาวอย่างขี้เกียจอีก1ที กลิ่นกาแฟนี่ยั่วประสาทจริงๆ
ผมค่อยตั้งสติ พลิกตัวหาต้นตอ ไอ้มายนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงโต๊ะเขียนหนังสือ ที่มีถ้วยกาแฟ ควันฉุย มันส่งยิ้มมาให้

“ตื่นหรือยัง...” ไอ้มายมันตื่นมาทำหน้าสดชื่น อาบน้ำแต่งตัวสะอาดเอี่ยมอ่อง ดูแล้วมันวิ้งๆชอบกล เล่นเอาผมไม่อยากมองต่อ
 รีบหันหลังทำท่ากอดหมอนข้างต่อ แต่ก็รู้สึกอายๆมันอย่างไงชอบกล คงเพราะเมื่อคืนผมร้องไห้ด้วยแหล่ะ ฮือ
 จะนอนต่อก็อยากกินกาแฟจังแฮะ ทันใด ที่นอนก็ยวบลง ไอ้มายมันถึงตัวผมแล้วล่ะ

“จะตื่นรึยัง ชงกาแฟไว้ให้แล้วนะ” เสียงมันเริ่มแข็งๆ ไอ้บ้านี่
“*****************” ประโยคลับที่กระซิบอยู่ข้างหู ทำให้ผมต้องรีบขยับตัวจะลุก แต่ก็ช้ากว่ามือมันที่จับตัวผมพลิก
มารวบกอดไว้กับอกมันจนตัวมันก็นอนหงายลงบนเตียงโดยมีผมนอนทับอยู่บนตัวมัน

“เมื่อคืนเป็นอะไร” ดูมันเริ่มทำการสอบสวนผมแล้ว ผมรีบหลบตามัน ทำเป็นปิดปากพูดก็ยังไม่ได้แปรงฟัน แถมปวดฉี่อีก ไอ้บ้า

“อ่อยอ้ายแอ้ว” ผมพยายามดิ้นพลิกตัวหนีมัน “อะไอแองอัน” มันเลยยอมปล่อยผมไป เออ พูดง่ายๆอย่างงี้ค่อยยังชั่ว

ผมรีบลุกเข้าห้องน้ำ แปรงฟันไปผมก็คิดว่าท่ามันถามว่าผมร้องไห้อะไร ผมจะตอบมันว่าอะไร จะให้ผมบอกว่า
ผมน้อยใจมันเหรอที่เห็นมันทำท่าสนุกสนานตอนอยู่กับเพื่อน ผมก็พูดไม่ออกหรอก ทำไมข้อเสียของเรามันไม่ดีเลยเลยว่ะ
ไม่ค่อยกล้าพูดกล้าถามอะไรมัน นี่หรือเปล่าที่ทำให้ต้องเสียใครๆไป ผมนิ่งมองหน้าตัวเองค้างในกระจก

แล้วนี่เราจะเสียไอ้มายไปด้วยหรือเปล่า   น้ำตาผมก็เริ่มออกมาคลอเบ้าตาอีกจนปริ่มจะหยดจนต้องใช้นิ้วกรีดน้ำตาทิ้งไป
ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองรักไอ้มาย รู้สึกใจหาย ความรู้สึกดีอุ่นใจ ที่มีมันคอยอยู่เคียงข้าง อย่างเช้าวันนี้ที่พอตื่นมา
ผมก็ไม่ได้อยู่คนเดียว ถึงแม้ว่าตัวผมเองจะชอบที่ได้ใช้เวลาส่วนตัวอ่านหนังสือ หรือทำอะไรๆเงียบคนเดียว
 แต่ตอนเช้าที่ตื่นมาแล้วพบว่ามีใครคนหนึ่งอยู่ด้วยกับเรา มันก็ช่างเป็นอะไรที่วิเศษกว่า โดยเฉพาะยิ่งไอ้มาย ที่มันจะคอยดูแล
เรื่องการกินอยู่แม้กระทั่งจัดสรรเวลาว่าจะต้องทำอะไรกี่โมงถึงกี่โมง เอาผ้าไปซักเข้าเครื่องไปกินข้าว ผ้าเสร็จเอาไปตาก

“เป็นอะไร” เสียงไอ้มายดังขึ้นข้างหู

อยู่ดีๆ หน้าคนที่ผมนึกก็โผล่พรวดมาในกระจก จนผมตกใจ แปรงแทบจะทิ่มปาก ผมได้แต่อุบอิบ รีบล้างปากผลักมันออกไป
บอกว่าจะอาบน้ำ ผมก็มองหน้าแล้วมันก็ออกไปโดยดี ผมปิดประตู

พออาบน้ำเสร็จ ผมก็พันผ้าเช็ดตัว เดินออกมา มองเห็นถ้วยกาแฟ ที่ชงวางอยู่ก็อยากกิน เลยขอเดินไปจิบก่อนล่ะ
ยิ่งเพิ่งแปรงฟันนี่ยิ่งอร่อย เสพรับรสได้เต็มที่ ขณะที่ยืนจิบกาแฟ อย่างกะคนลงแดง 555 ไอ้มายที่นั่งมองผมตั้งกะออกจากห้องน้ำก็ลุกขึ้นมายืนประกบผม

“ตกลงเมื่อคืนเป็นอะไร ถ้าไม่บอกจะจับข่มขืนตอนนี้เลย” ไอ้มายไม่พูดเปล่ามือมันแกะผ้าเช็ดตัวผมออก
ไอ้บ้า ผมยิ่งกำลังถือถ้วยกาแฟอยู่เดี๋ยวหก มือที่จับผ้าไว้มือเดียวก็สู้มันไม่ได้หรอก
แถมฟังแล้วอยากจะเอากาแฟสาดหน้ามันซะที  ยิ่งเกลียดคำๆนี้อยู่ด้วยนะแก ไอ้เชี่ย ไอ้สาดดด ไอ้หน้าหมา
ไม่เสียดายกาแฟ จะสาดหน้ามันจริงๆด้วย โกรธมันแล้ว

ผมเลยหันหลังให้มัน อ้าวนี่จะกลายเป็นสมยอมให้มันหรือเนี่ย ผมก็รีบจิบกาแฟต่อ จนเหลืออีก 2จิบ เลยวางถ้วยกระแทก
ลงบนโต๊ะ เฮ้อ...เห็นแก่กินจังเลยตรู ผมก็เดินตัวเปล่าเปลือยไปแต่งตัว ก็มันอยากถอดผ้าเช็ดตัวผมไปนี่นา ผมก็รีบแต่งตัว
จนไม่ได้ใส่กางเกงใน  คว้าเสื้อกางเกงได้รีบแล้วหันหลังเดินออกจากห้องทันที เสียงไอ้มายเรียกอย่างตกใจอยู่ข้างหลัง

“เฮ้ย!! ขอโทษ พูดเล่น ไม่ได้ตั้งใจ ไข กลับมาก่อน”

ผมก็ไม่ได้หันไปมอง รีบจ้ำพรวดๆ เดินลงบันได พอลงแล้วก็นึกได้ว่าไม่เอาอะไรติดตัวมา ทั้งตัง หรือมือถือ ก็ฉุนมันนี่นา
มีแต่บังคับ บังคับ ถ้าลงไป นั่งกินข้าวร้านป้า ก็ยังพอบอกได้ว่าลืมเอากระเป๋าตังมา ติดตังไว้ก่อนแล้วรีบกลับไปเอามาจ่าย
หรือว่าอีกแป๊บไอ้มายมันก็ต้องลงมาตามผมแล้วจ่ายให้อยู่ดี ผมคิดแล้วก็ต้องทำหน้ายู่ ว่าตัวเองพึ่งไอ้มายตลอดเลย
พอเดินมาถึงชั้นสองก็คิดได้ว่า อิเกรียงมันอยู่นี่นา ผมก็รีบเดินไปเคาะห้องมัน

“เกรียง เกรียง นี่พี่เอง”

“ใคร พี่อะไร พี่ฟ้าใสของพี่มายใช่ไหม” อีนี่กวนตรีนที่สุด เสียงมันหัวเราะคิกคัก ตามเคย

“เปิดได้แล้ว”ผมทำเสียงสะบัดใส่นังเกรียง แล้วก็มีเสียงหมุนลูกบิดประตู ผมก็ทำท่าจะผลักเข้าไป เสียงนังเกรียงก็ต่อว่า

“เดี๋ยวก่อนซิ ใจร้อนจริง ให้เค้าเปิดกลอนก่อนสิ….อิอิ” เสียงนังเกรียงทำเป็นบ่นใส่ผม อิบ้านี่ เป็นกระเทยแมนเต็มขั้น
ตัวดำจนเขียว ขนก็ดก สูงตั้ง180 ยังจะกลัวอะไรไปได้

พอผมเข้าไปได้ ผมก็กดล็อคประตู นังเกรียงมันกำลังเก็บเสื้อผ้าที่ตากแห้งแล้วมารีด  มันก็ละเอียดลออสมเป็นผู้ฉิ๊งจริงๆ
ผมเองนะยังไม่ยอมรีดผ้าเอง อยู่หอในก็ให้แม่บ้านทำ พออยู่หอนอก ก็ใส่แต่เสื้อที่ไม่ต้องรีด
แต่ก็ยังได้ไอ้มายมันรำคราญที่ดูไม่เนี๊ยบมันเลยรีดให้ ผมเลยทำเป็นจะลงมาชวนมันไปกินข้าว

 นังเกรียงเลยบอกว่ารีดผ้าอยู่ต้องรอมันก่อนนะ มันก็นึกว่าผมหิวก็ชวนกินมะขามดอง ผมก็บอกไม่เอาอ่ะ
แล้วเลยคว้านิตยสารดาราอะไรของมันขึ้นไปนอนอ่านบนเตียง อิเกรียงมันก็ชวนคุยโน่นนี่ สักพักเสียงเคาะประตูห้องมันก็ดังขึ้น
พร้อมกับเสียงไอ้มายที่เรียก อิเกรียง นังเกรียงมันเลยมองหน้าผม พร้อมกับทำสีหน้าแววตาระยิบระยับขบขันกิ๊วกร๊าว

“อุ๊ยทะเลาะกันเหรอ อิอิ พี่ฟ้าใส พี่มายเค้ามารับตัวแล้ว คิก คิก” นังเกรียงพูดพร้อมหัวเราะปิดปาก

“ครับบบ ผม” อิเกรียงส่งเสียงตอบ คนเคาะประตู พร้อมกับวางเตารีด

“นั่นใครครับผม”เสียงอิเกรียงจัดแจงร้องถามอย่างจงใจทำเสียงหล่อใส่คนรอหน้าประตู ดูความกวนประสาทของมัน

เชอะอิบ้า รู้ก็รู้ว่าใครยังจะแกล้งกวนเค้า ส่วนผมก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นอนคว่ำอ่านหนังสือต่ออย่างกะเตรียมตัวสอบ

“เปิดเลย แกไม่ต้องพูดมาก” ดูมารยาทของคนจะขอเข้าห้องคนอื่นสิ ไอ้มาย ข่มขู่คนอื่นเค้าตลอด
พอไอ้มายเข้ามามันก็กวาดสายตามองหาผม แล้วก็ได้แต่ยืนเก้อๆกลางห้อง นังเกรียงมันก็เดินกลับไปรีดผ้า ผมก็ทำเป็นไม่สนใจก้มหน้าก้มตาอ่านข่าวดาราต่อ

“กินข้าวหรือยัง” ไอ้มายก็พูดกึ่งถามขึ้นมาลอยๆ ไม่ระบุว่าถามใคร ผมก็ไม่ตอบ อิเกรียงเลยต้องตอบ

“รีดผ้าก่อน พี่ฟ้าใสก็ชวน แต่เกรียงบอกให้รอเกรียงรีดเสร็จก่อน “อิเกรียงมันก็ลอยหน้าลอยตาตอบ

พอไอ้มายคุยกะอิเกรียง  มันเลยมองเลยไปที่ประตูที่เปิดสู่ระเบียง มันก็เลยเห็นว่าห้องอิเกรียงเยื้องกะห้องเพื่อนมันที่จัดปาร์ตี้เมื่อคืน
มันเลยพยักหน้ากะตัวเอง พออิเกรียงเห็นไอ้มายที่มองข้ามมันไปที่ระเบียง ที่ใช้ตากผ้า ซึ่งตอนนี้ นังเกรียงมันเก็บผ้าที่แขวนตาก
จนเกลี้ยงโล่ง เลยเห็นว่าฝั่งตรงข้าม เป็นอะไร มันเลยเริ่มหน้าซีด อุบอิบพูดทำนอง  “เกรียงไม่เกี่ยวนะ” อย่างร้อนตัว

“อ่ะ พี่มาย กินมะขามก่อน จะได้ใจเย็นๆเอ๊ย แก้หิว”

“ไม่ต้องเลย แกชวนพี่ฟ้าใสมาที่นี่เมื่อคืนรึเปล่า” ไอ้มายถามเสียงเข้ม

“อ๊ะ...เปล่า เปล่าน๊า”

“ฮึ่ม...ถ้าเรื่องนี้แกเกี่ยว ล่ะน่าดู อิเกรียง” ไอ้มายข่มขู่ อิเกรียง

“อุ๊ย...เกรียงไม่เกี่ยวอะไรนะ อิอิ พี่ฟ้าใสเค้าแค่มากินหนมที่ห้องเกรียงเท่านั้น” พูดจบมันก็ทำหน้าเป็นไม่รู้เรื่อง
หนอย...อินี่ มันน่ะตัวดี ยืนแอบดูเค้าเป็นชั่วโมงๆ ไอ้มายมันได้แต่มองจ้องหน้า นังเกรียงตาขวาง แล้วก็เดินมาหาผม

“พี่ฟ้าใส หิวก็ไปกินข้าวสิ ไป” มันชวนผมเสียงนุ่มขึ้น

“ยังไม่หิว เดี๋ยวรอเกรียงมันก่อน” ผมก็ยังรอก้มหน้าอ่านข่าวสอดรู้สอดเห็นเรื่องดาราต่อ

“พี่ฟ้าใสไปกินก่อนได้เลย ครับผม  เกรียงคงรีดผ้า อีกนาน...แสนนาน” ว่าแล้วมันก็แอบอมยิ้ม

“ไปสิ...หรือจะให้อุ้มไป” มายมันก้มลงพูดเสียงแข็งที่ข้างหูผม  ผมเลยหน้าแดงขึ้น ก็อายไอ้เกรียงมันนี่นา เลยต้องรีบลุกขึ้น
 ไอ้มายมันรีบคว้าข้อมือผมมาจับเตรียมฉุดให้รีบออก อิเกรียงมันทำเป็นหันหลังรีดผ้าต่อ แต่ผมรู้ว่ามันแอบหัวเราะผม
ผมก็จะสะบัดข้อมือ บ่นเบาๆว่า ไม่ต้องจับก็ได้ เดี๋ยวเดินตามไปเองล่ะน่า แต่ไอ้มายมันก็ไม่ยอมปล่อย ผมก็ได้แต่ก้มหน้าเดินตามมัน

“พี่มาย ห้ามทำอะไรพี่ฟ้าใสรุนแรงนะ ไม่งั้นเกรียงจะแจ้งตำรวจ” นังเกรียงจัดแจงตะโกนอวยพรพร้อมกับโบกมือบ๋ายบายผมกะไอ้มาย

“ถ้าจะฆ่าใคร ฉันก็จะฆ่าแกก่อนล่ะ อิเกรียง” ไอ้มายอวยพรสวนกลับไป พอประตูปิดลงผมก็ได้ยินเสียงอิเกรียงหัวเราะคิกคักตามนิสัยมัน
“กินข้าวนะ แล้วค่อยคุยกัน”มันบอกโปรแกรม เออ จะทำอะไรก็ทำ แกเป็นหัวหน้านี่นา ผมเป็นแค่ลูกน้องมาอย่างไงก็ตามนั้นอยู่แล้วนิ

พอลงมาถึงข้างล่างมันก็ปล่อยมือ ผมก็เดินตามไปนั่งที่ร้านป้าข้างหอ ขณะที่นั่งกิน ก็มีเพื่อนมันเดินเข้ามาสั่ง ไอ้มายก็พยักหน้า
ทักทาย แล้วก็นั่งกินกะผมจนเสร็จ มันก็เดินไปจ่ายเงิน แล้วก็เดินไปคุยกะเพื่อน ก็ได้ยินว่าเพื่อนมันที่ชื่อ พีส กะแฟนไปกรุงเทพแล้ว
แล้วมันก็พยักหน้าให้ผมเดินตามมันไปที่ร้านข้างๆ แล้วก็หันมาถามว่าเอาอะไรหรือเปล่า ผมก็ไม่เอา
แต่มันก็ซื้อโค้กกระป๋องกับน้ำผลไม้แล้วก็พวกขนม พอรับของทอนเงินเสร็จ มันก็ดันไหล่ให้ผมกลับขึ้นห้อง
ผมก็มานึกๆ ผมเองก็ทำตัวว่าง่ายๆตามๆมันทุกอย่างไม่ค่อยจะมีปากมีเสียงเลยนี่นา งี่เง่าชะมัดเลยว่ะตัวเรา
แต่ก็เป็นเพราะตัวผมเองก็รักความสบาย ไม่คิดอะไร ว่าไงก็ว่าตามนั้น นอกจากไม่เห็นด้วยจริงๆ ผมเดินตามหลังคนที่อยู่ข้างหน้า
จนมาถึงหน้าห้องตัวเองอย่างไม่รู้ตัว ไอ้มายมันไขกุญแจให้ผมเดินเข้าไป ก่อนแล้วมันเป็นคนปิดประตูจะได้ไม่ลืมล็อค
มันเลยจัดแจงรวบเอวผมไปนั่งที่เตียง โดยไม่ลืมล็อคประตูด้วย ส่วนตัวมันก็นั่งเก้าอี้มองหน้าผม

“อ่ะมีอะไรว่ามา” ไอ้มายมันทำท่าอย่างกะซักฟอกผู้ต้องหา

“...”ผมก็เงียบ ทำปากมุ่ย ก็ไม่รู้จะพูดอะไรนี่หว่า ผมก็ไม่รู้จิตใจตัวเองดีนัก โอ้ย!!ไม่อยากสบตามันเลยโว้ย

“กินโค้กไหม” ไอ้มายมันทำท่าจะเปิดกระป๋องโค้กให้ เอ๊ะ ฉากนี้เหมือนใหนังที่ตำรวจดีเอาใจผู้ต้องหาเลยนี่หว่า
แล้วเดี๋ยวก็ต้องมีตำรวจเลวมาตบโต๊ะกระชากคอเสื้อผู้ร้าย

“ไม่เอา...อ๊ะ เอาก็ได้”ผมเริ่มสับสน กินก็ได้ จะได้ถ่วงเวลาไม่ต้องพูด

“อ่ะ นี่” มันยื่นโค้กมาให้

“เอาทาโร่ด้วย” ผมบอกขอขนม

“อ่ะ” มันฉีกซองทาโร่แล้วส่งให้ผม “ กินบนเตียง ระวังหกด้วยล่ะ เดี๋ยวมดขึ้น” การสั่งสอนก็เป็นเรื่องปกติ ของไอ้มาย
ฮึ ตรูไม่ใช่เด็กแล้วนะเว้ย แก่กว่ามันตั้ง3ปี ใช่สิ เรื่องอะไรผมจะไปกลัวมัน กำลังใจเริ่มมา ผมเลยทำท่าจะลุกเดินไปเปิดทีวี
ก็เจอสกัดดาวรุ่งซะก่อน ก็มันรวบตัวผมมานั่งตักมัน

“มาคุยกันก่อน ตกลงเรื่องอะไร” มันกอดผมไว้แล้วกระซิบข้างหู เว้ยจั๊กกะจี๊ เว้ย

“เรื่องอะไร ไม่รู้ เรื่องอะไร” ผมก็ยังคงปฏิเสธ เดี๋ยวถูกซักมากๆถ้าให้พูดผมก็ต้องร้องไห้อีกแน่ๆ ก็ผมบ่อน้ำตาตื้นนี่นา
โกรธก็ร้อง เสียใจก็ร้อง ซึ้งนิดๆหน่อยก็ร้อง เห็นคนแก่ๆลำบากๆก็ร้อง

“ไม่พูดจะปล้ำนะ” ห่า โคตรหน้าด้านเลยนะไอ้มาย ผลประโยชน์ได้ตลอด

“ก็ตามใจสิ แกก็ทำอะไรตามใจแกอยู่แล้วนี่” อุ๊บ ผมไปว่ามันแล้วอ่ะ มันจะโกรธเปล่าเนี่ย
โอ๊ย มันอุ้มผมมาวางนี่เตียง แล้วคุกเข่าตรงหน้า ผม จับหน้าผมให้มองดูมัน

“ตกลง ตามนั้นใช่ไหม ดี พูดเองนะ” มันก็ทำสีหน้าเจ้าเล่ห์ หึ แล้วก็ลุกขึ้นจับผมนอนลงเตียงแล้วคร่อมทับตัวผมทันที

“เฮ้ย เดี๋ยวก่อน ไอ้บ้า พูดเล่น อย่าเอาจริงสิ เอ๊ย จั๊กจี๋ เดี๋ยว...เดี๋ยว...” ผมรีบดันตัวมันออกไป แต่ไม่สะเทือนมันเลย
พอมันคร่อมผมได้มันก็ไซ้ซอกคอทันที ทั้งขบติ่งหูแล้วเลียชอนไช  มือก็เกาะกระดุมกางเกงซุกเข้าไปกุมแท่งของผม

“คุยกันดีๆไม่ยอมพูด ก็นอนคุยแล้วกัน” พูดจบมันประกบปากผม มือหนึ่งก็สอดเสยผมรับศีรษะให้ผมเงยหน้ารับจูบของมัน
อือ ..อ้า..ผมได้แต่ร้องครางในลำคอ มือที่ดันตัวมันไว้ก็เริ่มกลายเป็นโอบไหล่มันไว้แทน
แล้วตอนนี้ผมก็กลายเป็นลูกไก่ในมือมัน ฮึ ผมเกร็งหน้าท้องด้วยความเสียวภายในผมตอดกระตุบ
น้ำที่หลั่งเยิ้มที่ปลายแท่งกลางกายเต่งจนอยากระเบิด แต่ไอ้มายมันก็ไม่ยอมทำให้ผมจนถึงที่สุดซะที
อื้อออ...มาย...ผมได้ครางเบียดตัวเข้ากับอกมัน ปากก็ทั้งกระซิบครางแล้วก็ดูดคอมัน

“จะบอกไหมว่าเป็นอะไร” มันยื่นคำขาดกับผมแล้วก้มลงเม้มขบที่ติ่งยอดอกผมอีก

“บอก บอก มาย อมให้เราหน่อย ดูดให้หน่อย เราจะขาดใจอยู่แล้ว อื้อ...” ผมหอบหายใจด้วยความเสียว
ความรู้สึกที่คั่งค้างทำให้ต้องขอร้อง ไอ้มายมันใช้มือทำให้ผมจนพอผมกระตุกใกล้จะถึงมันก็หยุด ทำเอาผมใจจะขาด
แล้วมันก็มาจูบผมต่อบ้างจนผมอยากจะบ้ามันคันมัน....อยากปล่อย  ผมกัดมันไปที มันก็เอา บังคับให้ผมพูด
มันเห็นผมหอบจนกระเส่าจึงบดริมฝีปากจูบอย่างมันเขี้ยวมือมันหยอกที่ปลายแท่งของผมต่อ เสร็จมันเลื่อนตัว
ลงก้มไปครอบครองแก่นกลางของผมจนมิดแทบถึงลำคอใช้ปลายลิ้นหยอกกับถุงนิ่ม ทำให้ผมร้องครางอย่างมีความสุข

ในที่สุดผมก็ปลดปล่อยของเหลวแห่งความสุขสมออกมาจนเต็มปากไอ้มาย อือ อยากร้องไห้
ทั้งอายทั้งมีความสุขจนผมไม่กล้ามองหน้ามัน ผมเลยเริ่มกระเถิบตัวหนีมัน

เอ่อ...ได้แล้วชิ่ง เอ่อ...ก็นับว่าเป็นวิสชั่นที่ดีน๊า อย่าว่ากันเลย ก็มันน่ะแหล่ะ ทำผมก่อนเองนี่นา ก็สมควรต้องจัดการให้ผม
ไอ้มายมันเช็ดปากที่เลอะไปด้วยน้ำแห่งความสุขของผม แหะ แหะ ผม เริ่มกลัวมันอีกแล้ว ไอ้บ้านี่ ทำไมผมสู้มันไม่ได้สักที 
มันทำจ้องหน้าผมตาวาว  เฮ้ย อย่ามาจ้องมากเว้ย ตรูอายุมากกว่านะ มันคว้าสะโพกผมไว้ แล้วขึ้นคร่อม เลียปากผมเล่น
ไอ้บ้า เป็นหมาใช่ไหม ฮื้อ รสชาตน้ำของผม ปะแล่มปะแล่ม ยังกะพวกเห็ดหอม ทีหลังกินชีสเยอะๆด้วยดีกว่า
จะได้เหมือนครีมชีสคาโบนาร่า 555 อุ๊บ ผมเผลอไปกะความคิดตัวเองนิดหน่อยลืมถึงหมาบ้าที่มันกำลังจะกินผมอยู่
ถ้าแกล้งสลบมันจะปล่อยผ่านผมไหมเนี่ย ไอ้มาย ไอ้บ้า

“เอ๊ย...ขอกินน้ำก่อนได้ไหม หิวน้ำอ่ะ” ผมพยายามขัดจังหวะ หาทางเอาตัวรอด

“เอาน้ำของผมได้ไหม” มันถามตาวาว

“ไอ้บ้า...” ผมผลักมันไปที แต่มันก็ยอมปล่อยให้ผมลุกขึ้น ดูสิผมไม่เหลืออะไรติดร่างเลยแม้แต่ชิ้นทั้งเสื้อและกางเกง
ส่วนมันเชอะ แค่เสื้อหายไปเท่านั้น ผมเริ่มรู้สึกจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า เอ่อ...ผมเป็นคนถอดเสื้อมันเองล่ะ
ก็แหมตอนนั้นอารมณ์มันพาไปจริงๆ จนอยากฟัดมันจริงๆ อื่อ นึกแล้วพาลเสียวแป๊บที่ท้องน้อย อุ๊บ ผมรีบหันหลังกลับ
ไม่ให้ไอ้มายเห็นว่าฟ้าใสน้อยผมเริ่มตื่นตัวอีก ผมรีบแวบเข้าห้องน้ำอาบน้ำดีกว่า ผมอาบน้ำจนเสร็จเออ ก็ดี แปลกแฮะ
มันก็ไม่กวนผม ผมไม่ได้เอาผ้าเช็ดตัวเข้าไปพอออกมาก็เจอมันเอาผ้าเช็ดตัวรอไว้แล้ว แล้วมันก็เช็ดๆ ห่อๆ แล้วดันให้ผมไปนอนคุยที่เตียงเหอะ
มันชอบกอดผมตัวเปล่าๆ เย็นดี ผมมองหน้าไอ้มายไม่เห็นแววหื่น เลย เออ เออ ไป เอางั้นก็ได้ คุยก็ได้ เผื่อผมจะรู้จักมันมากขึ้น


TBC...

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
(ต่อ)


“ตกลง เป็นอะไร โกรธอะไรผม เรื่องปาร์ตี้เหรอ ผมก็บอกแล้วว่าไปกินเหล้างานเลี้ยงส่งเพื่อน” มันนอนกึ่งนั่งพิงหัวเตียง
แล้วมันก็ให้ผมนอนซบพุงกะทิแห้งๆ ผมก็เอานิ้วไชสะดือมัน แหะ แหะ ผมชอบมาก ไชมาทุกสามี
ไอ้มายมันเอามือลูบผม ผมเล่น ผมเลยตัดสินบอกมันไปว่า

“ฉัน น้อยใจที่นายน่ะ พออยู่กะฉันนายเอาแต่ดุแต่ว่าแต่บ่น สั่งโน่นสั่งนี่ แล้วพอนายอยู่กะเพื่อน นายก็มาทำยิ้มแย้ม
เฮฮามีความสุข” ผมพูดพร้อมกับทำเสียงไม่พอใจ ปากยื่น แถม “เฮอะ”ลงท้ายอีกต่างหาก

“โห...มาน้อยใจอะไรล่ะ”มันลากเสียงยาวเชียว

“ก็นั่นมันเพื่อน อยู่ด้วยกันสนุกสนานเป็นธรรมดานี่นา” มันรีบอธิบาย

“อ้าวแล้วทีอยู่กะฉัน นายไม่เห็นทำตัวมีความสุขสนุกสนานอะไรมั่งเลย” ผมก็ยังพยายามตั้งข้อหาให้มันให้ได้

“ใครว่าผมไม่มีความสุข ไม่งั้นผมมาคอยตามพี่ฟ้าใสทำไม ผมไม่ใช่อิตุ๊ดเกรียงนี่ จะได้มาคุยกระหนุงกระหนิง

เม้าท์คนโน้นคนนี้กะพี่ฟ้าใส” ไอ้มายพยายามแก้ข้อกล่าวหา พร้อมกับก้มมานัวเนียแก้มผม
เออ ดูดิ มันรีบเอาผมมานอน ลืมทาแป้งไปเลย เอ๊ะ อย่างงี้ฟังดูมันว่าผมกลายๆหรือเปล่าเนี่ย ผมก็เริ่มตาขวางใหม่

“ก็แล้วนายยังเสิร์ฟโน่นเสิร์ฟนี่ให้เพื่อนด้วย เอาใจกันซะ โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้นนะ”ผมเริ่มเจาะประเด็น

“โถ่...นั่นไอ้หนิงแฟนไอ้พีสมัน พี่ฟ้าใสหึงผมด้วยเหรอ แหะ ดีใจจัง555”
ว่าแล้วมัน นัวเนียแก้มผมแล้วเลยมาถึงปากด้วย อึม อึม ผมเลยทำปากยื่นใส่มัน เลยโดนทั้งดูดทั้งกัด

“ก็ไอ้หนิงมันเป็นแฟนไอ้พีส แล้วมันเป็นผู้หญิงคนเดียวในงานก็เห็นนี่นา ว่ามีแต่ผู้ชาย ไอ้คนอื่นก็เอาแต่เฮฮากินเหล้า
ผมก็อยากให้ไอ้พีสสนุกกับเพื่อนให้เต็มที่ไม่ต้องคอยห่วงแฟนมัน เลยช่วยเทคแคร์ให้ก็เท่านั้นน่า..พี่ฟ้าใส”

“แล้วนายสนิทกับพีสสนิทแบบไหน นายเคยเช่าหอห้องเดียวกับมันด้วย สนิทแบบฉันกับนายหรือเปล่า”

“โห...หึงเหรอ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก แค่เพื่อนกัน บางทีตอนทำโปรเจค ผมก็ขี้เกียจกลับบ้าน หลานๆก็มาอยู่เยอะ
ผมก็ช่วยมันหารค่าห้องก็เท่านั้นน่า” ว่าแล้วมันเริ่มซุกไซ้นัวเนียต่อ หนอยจะกลบเกลื่อนความจริงล่ะซี่

เอ๊ะ เอ๊ะ นี่ผมกำลังรับบทภรรยาขี้หึงเหรอเนี่ย เฮ้ยไม่ใช่นะ
ผมผลักหน้ามันที่ป้วนเปี้ยนจะปิดปากผมออกไป

“ก็แล้วนาย...” ผมพูดได้แค่นั้นมันก็เอาปากมาปิดปากผม

“ผมมีพี่ฟ้าใสคนเดียวนี่แหล่ะ”แล้วมันก็ฟัดซ้ายฟัดขวา ผมก็ถือว่าคุยกันก็แล้วกันไป ก็ไม่มีอะไรติดค้างใจ

ผมดูท่าไอ้มายที่มันฟัดผม ก็ท่าทางแค่ฟัดเล่นๆไม่ใช่จะเอาอะไรมากมาย แหะ แหะ แล้วผมก็สบายตัวไปแล้ว เลยชวนมันไปออกไปข้างนอกดีกว่า

“แล้ววันนี้นายไม่มีอะไรทำเหรอ”

“ไม่มี เอ๊ะมีนี่นา ยังไม่ได้ทำอะไรอยู่อย่าง” มันตอบพลางมองผมไปทั่วตัว  เหอ เหอ ผมไม่ลืมหรอกว่าตัวเองอยู่ในสภาพแบบไหน

“ไปดูหนังกัน เดี๋ยวไปชวนอิเกรียงด้วย  นะ แล้วกันนะ” อร๊าย ผมเผลอเอามือลูบเนื้อลูบตัวมันเล่น

พออยู่ในอารมณ์สบายๆทั้งกายทั้งใจ เผลอก่ายไปนอนทับช่วงล่างเข้าหน่อยทำไอ้มายน้อยแข็งขึ้นมา
เลยต้องรีบลุกเอาผ้าเช็ดพันแล้วเดินไปคว้าโทรสับห้องโทรหาอิเกรียง

“เกรียง วันนี้ทำอะไรหรือเปล่า จะชวนไปดูหนัง” พอผมรีบยกหูโทรศัพท์ต่อห้องอิเกรียง ไอ้มายก็เข้ามาข้างหลังยืนฟังด้วย
 แถมกดสปีดเกอร์โฟนอีก

((อุ๊ย พี่ฟ้าใส ยังอยู่ดีหรือครับผม อิอิ))

“อยู่ดีสิ ดีพอจะฆ่าใครได้ด้วย” ไอ้มายรีบตอบสวน นังเกรียงกลับไป

“อุ อุ อุ พี่มาย จะเลี้ยงหนังเหรอ อิอิ” นังเกรียงนี่อารมณ์ดีตลอด

“ไม่เลี้ยงหนัง เลี้ยงข้าว ไปไหม” ผมตอบแทนไอ้มาย

“อุ๊ยยย...ดีดี ชวนพี่ศักดิ์นรินทร์ไปด้วย พี่ศักดิ์นรินทร์อยู่หอคนเดียว พี่กัสจังก็ไม่อยู่กลับบ้าน”

“เออ เออ งั้นแก โทรหาศักดิ์นรินทร์เลย”

“ได้พี่ ถือสายแป็บ” นังเกรียงจัดแจงต่อสายถึงศักดิ์นรินทร์ ผมก็ได้ยินเสียงเกรียงนัดแนะ ผมเลยให้ไอ้มายเป็นคนพูดถามไถ่กันเอง

เลยสรุปกันว่า ให้เกรียงซ้อนสามไปกะผมกะไอ้มาย  เพราะอิเกรียงมันก็ขี่มอไซต์ไม่เป็น แล้วไปเจอกับศักดิ์นรินทร์ที่เซ็นทรัล
เพราะหอผมจะอยู่ใกล้กว่า หอศักดิ์นรินทร์จะออกไปทางนอกเมือง พอดูหนังเสร็จจะไปไหนต่อ นังเกรียงก็ซ้อนศักดิ์นรินทร์ได้

“งั้นเดี๋ยว เกรียงขอเวลาอีกครึ่งชม.นะพี่ รีดผ้าจนร้อน เดี๋ยวอาบน้ำอีกรอบ พี่มายกะพี่ฟ้าใส ก็อาบน้ำด้วยอีกรอบสิ อากาศมันร้อน อิอิ”

“เดี๋ยวโดนอิเกรียง-ไม่ต้องพูดมากเลย แก” ผมกับไอ้มายแทบจะพูดพร้อมกัน

 แต่พอผมวางโทรศัพท์ ไอ้มายกลับไม่ยอมขยับ
จากที่โอบกอดหลังผมอยู่ แถมหน้ามันที่วางแปะที่ไหล่ ก็เริ่มมาพ่นลมหายใจร้อนใส่แก้มใส่หู ใส่ซอกคอผม
 มือขวาก็เริ่มล้วงแหวกผ้าเช็ดตัวเข้าหาฟ้าใสน้อยของผม มือซ้ายก็จับขยี้เม็ดยอดอกจนมันแข็งเป็นไต มือมันหยอกล้อกับถุงนิ่ม
แล้วก็เริ่มไล้ที่ปลายจนมันเริ่มเต่งแข็งขึ้นหยาดของเหลวหลั่งออกเยิ้ม และเริ่มกระตุก ลมหายใจของผม เริ่มแรงขึ้น
ไอ้มายเริ่มเอามือที่รูดแกนกลางผมเร็วขึ้น ทั้งเคล้นคลึงหนักเบา ปลายลิ้นมันที่ไล้เลียที่ติ่งหู ลำคอ ก็เปลี่ยนเป็นทั้งดูดทั้งกัด
“อ้า..”
 ความเสียวที่ท้องน้อย จนอยากจะบอกให้มันกัดผมแรงๆกว่านี้ ผมได้ยืนเอาศีรษะยันผนังไว้เพื่อรับการโอบกอดจากด้านหลัง
ไอ้มายเอามือจ่อแท่งมายเสียดสีร่องด้านหลัง ผมรู้สึกได้ถึงของเหลวที่เยิ้มตรงปลาย ภายในร่างกายผมตอดกระตุก
 บอกความต้องการ จนทำให้แอ่นสะโพกรับรอการรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ผมหายใจแรงจนแทบหอบ
ใจหนึ่งก็เริ่มกังวลเพราะเป็นผนังด้านประตูห้องกลัวเสียงจนลอดจนคนที่เดินผ่านได้ยิน ใจหนึ่งก็รอคอยการสอดรับเข้ามา
ไอ้มายกดสะโพกผมรับแท่งที่สอดเข้าไป
อือ...เสียงทั้งมันและผมครางแทบจะพร้อมกัน ช่องด้านหลังรัดแน่น เราจึงตกลงว่าควรจะย้ายไปที่เตียง
มายจึงกึ่งอุ้มกึ่งหิ้วผม ทันทีที่ตัวผมแตะเตียง ไอ้มายก็ลุยต่ออย่างไม่ยอมเสียเวลา หลังจากเปลี่ยนจับผมนอนหงายขาพาดคอ กระแทกจุดแบบเสยๆไม่กี่ครั้งผมก็ต้องปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาอีกครั้ง เมื่อมันเห็นผมมีความสุข มันจึงลุยต่ออีก ไม่กี่ที
มันก็ระเบิดความสุขออกมาบ้าง ภายในที่ยังคงตุบตอด ทำให้มายเสียวจนต้องเอาออก มันจูบผมพลางกระซิบ

“ว่าจะไม่แล้วเชียว จะเก็บไว้รอบดึกซะหน่อย  พี่ฟ้าใสนี่อยู่ใกล้ไม่ได้จริงๆ”

“อะไรนายน่ะแหล่ะ เริ่มก่อนเอง อย่ามาโทษกัน เร็วเข้าเถอะ ดูดิ ต้องอาบน้ำอีกรอบ” ว่าแล้วผมก็เอาหมอนฟาดมัน
คราวนี้ผมกับไอ้มาย รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วเดินลงไปรับอิเกรียง

“เดินไหวหรือเปล่า ต้องอุ้มไหม”

“เฮอะ ที2ทีอย่างนายทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” ผมรีบข่มทับ แต่ความจริงก็ขัดๆอยู่บ้างก็ต้องยืนเกร็ง ทั้งโดนฉีกขาพาดคอจะไม่เป็นไรได้ไง แต่ก็ไม่อยากให้ไอ้มายมันมาทำข่มอย่างไง ผมก็แก่กว่าจะแพ้เด็กอย่างมันได้ไง ใครจะยอม

“อิเกรียง เสร็จยัง” เสียงไอ้มาย จิกเรียกนังเกรียง ที่หน้าห้อง 207

“อุ๊ย พี่มาย พี่ฟ้าใส เสร็จกันแล้วเหรอ เร็วจัง อิอิ” นังเกรียงตอบกลับอย่างสองแง่สี่ง่ามพร้อมหัวเราะคิกคิก
อย่างกวนประสาท เล่นเอาผมสะดุ้งนิดๆแต่ก็สมน้ำหน้าไอ้มายที่โดนอิเกรียงแซวกลับมั่ง

“ไม่ต้องพูดมาก หรอกแกน่ะ ไปเร็วๆเข้า” มันก็ไม่ได้สนใจอิเกรียงแซวเลย เชอะ  ด้านได้สิน่า

แล้วก็พอถึงการซ้อนของเรา ผมก็โดนบี้เป็นแซนวิชตรงกลาง ระหว่างไอ้พวกตัวสูง180 อิเกรียงมันก็เกี่ยงอีกว่า
ขอมันวางเท้าหน่อยขามันลากพื้น พอผมบอกว่าแล้วฉันจะวางที่ไหนล่ะ มันก็บอกให้ผมเอาขามากอดเอวไอ้มาย
เล่นเอาไอ้มายหัวเราะชอบใจ ตัวมันก็กระเถิบแบ่งที่ให้ผมนั่งเพราะกลัวจะโดนอิเกรียงเบียดจนแบน
มันยิ่งกลัวตก จนพอถึงเซ็นทรัล ก็ลง พออิเกรียงลงไปผมก็ค่อยถอนใจ แล้วก็พบว่าตัวเองกอดไอ้มายซะแนบแน่น
เหอะ มิน่ามันถึงได้ขับช้าๆเชียว

“อ๊าว พี่ฟ้าใสจะแกะออกจากพี่มายได้ไหมล่ะนั่น” ฟังอิเกรียงมันพูด

“ก็แกแหล่ะ เบียดฉันจนหน้าฉันบุบบิบบู้บี้กะหลังไอ้มายมันแล้ว”

“...” ไม่มีเสียงจากไอ้มายที่ถูกพาดพิง นอกจากรอยยิ้ม อย่างไงผมก็ต้องจับตัวมันยึดเป็นหลักเวลาลงจากรถทุกทีล่ะ
นี่มันก็หลายเดือนแล้วผมก็ยังขึ้นลงรถมอไซต์ด้วยท่าทางไม่ชินอยู่ดี

“แก่แล้ว ก็ชักช้าอย่างเงี้ย” ฟังมันนังเกรียง ว่ากรูแก่ อิบ้า แกสิ ไอ้เด็กควาย อายุ18 สูงตั้ง180 อิกระเทย ทั้งล่ำทั้งดำ

“จะชักช้า ชักเร็ว แต่คุณภาพคับแก้วเฟ้ย” ผมก็โต้กลับไปมั่ง หนอยอิเกรียงทำเป็นหัวเราะใหญ่ แล้วหันไปถามไอ้มาย

“โอ๊ะ!!!จริงเหรอพี่มาย อะฮะ อิอิอิ” แล้วมันก็ทำหูทำตาล้อเลียนผม  ผมเลยเตะขามันที “นี่ไง ชักเร็วไหมล่ะแก”
.
.
.
ไอ้มายก็เลื่อนรถเข้าไปจอดเรียบร้อย เราก็เดินไปยังจุดที่นัดกับศักดิ์นรินทร์ไว้ แต่ศักดิ์นรินทร์ก็ยังไม่มา
นังเกรียงมันก็แอบเม้าท์ว่า พี่รินคงกว่าจะแต่งหน้าลงรองพื้น ทากันแดด ไหนจะเลือกชุดอีก คงใช้เวลานานอ่ะ
กว่าจะออกมาได้ มันเลยชวนผมไปดูหนังสือเล่นฆ่าเวลา สักพักอิเกรียงก็มีโทรสับเข้า เป็นศักดิ์นรินทร์ บอกว่ามาถึงแล้ว
 แถมพาอิแทนเด็กแผนกช่างมาด้วย แหมอิเกรียง ทำตาลุกวาว กำลังเดินมาหา  พออีกแป็บ มือถือผมก็ดัง
ก็เป็นไอ้มายโทรมาบอกจะพาศักดิ์นรินทร์ไปรอที่หน้าร้านหนังสือ

 พอเจอกัน ศักดิ์นรินทร์เทอก็เดินอย่างภูมิใจที่อิแทนคอยเดินเคียงข้าง ก็มันติดเป็นเคะราชินี กรีดนิ้ว ชี้นิ้ว

หลังจากดูหนังเสร็จ เราก็เดินเล่น ศักดิ์นรินทร์ ก็ซื้อเสื้อให้อิแทน ตัวหนึ่ง แล้วก็เป็นเจ้ามือออกทุกอย่างให้ 
ส่วนอิเกรียงนี่ ถ้าผมกะศักดิ์นรินทร์ไม่ทวงตังมันนี่ไม่ค่อยยอมออก หนอย มันจะเก็บตังไว้เลี้ยงอิเต้ล่ะสิ
 ส่วนผมใช้ระบบ ฝากกระเป๋าตังไว้ที่ไอ้มาย เพราะผมขี้เกียจควักตังหลายรอบ  แล้วพอทอนตังอะไร ผมก็จะยัดๆไว้
กระเป๋าเสื้อมั่งกางเกงมั่ง แล้วมันก็จะตก พับๆใส่กระเป๋าตังมั่ง จนไอ้มายมันรำคราญ มันต้องบอกให้ส่งมา
มันจัดการเอง ผมเลยใช้ระบบเดียวที่เคยใช้ตอนเรียนกับไอ้แชมพู คือให้มันถือกระเป๋าตังผม แล้วก็เคลียเรื่องเงินให้ด้วย
เวลาหารอะไรสะดวกดี ไม่ต้องจัดการเอง

แล้วศักดิ์นรินทร์ก็ชวนไปนั่งเล่นกับกินอะไรที่ริมทะเลสาบ

ศักดิ์นรินทร์สั่งเหล้ามากิน ผมกับอิเกรียงมองหน้ากัน แอบสงสัยว่า ศักดิ์นรินทร์อยากมอมเหล้าอิแทนแน่ๆเลย

หลังจากกลับหอ ส่งอิเกรียงเข้าห้อง โดยการเสือกไสไล่ส่งแม้ว่าอิเกรียงจะขอมานั่งคุยต่อที่ห้องผม อิมายมันก็ไม่อนุญาต
ทันทีที่เข้าห้อง

“ฟ้าใส ห้ามทำตัวแบบพี่ศักดิ์นรินทร์นะ” มายจัดแจงสั่งบทบัญญัติข้อที่1

“ห้ามเป็นรับเหรอ” อุ๊บเผลอกวนไม่ตั้งใจฮ่ะเจ้าฮ่ะ มองหน้าแล้วเว้ย มียิ้ม ค่อยยังชั่ว น่า ขำขำ

“อยากเป็นรุกเหรอ ตัวแค่เนี๊ย” ว่าแล้วมันก็เอื้อมมาจับของๆผ้มมม อร๊าก  ดูถูก เหยียดหยาม เดี๋ยวตรูจะฉีดซิริโคนให้เป็นกระบอกไฟฉาย

“ขนาดไม่เกี่ยว มันอยู่ที่ใจต่างหาก” เอ๊ะพูดไปแล้วชักตงิดว่าไม่พูดจะดีกว่าหรือเปล่าว่ะตรู

“ก็นั่นสิไอ้อยู่ที่ใจ แล้วทำได้ไหมล่ะ” มันเสร็จยังเอาหน้ามาใกล้ๆอีก ว่าแล้วมันตอกกลับมาแน่ หรือมันแอบไปรู้เรื่องว่าเราเคยจะปล้ำผิงผิงแล้วของไม่ขึ้นว่ะ เรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้เรื่องนี่หว่าทั้งโลกนี้มีพี่โม่งรู้คนเดียว  เซ็งเลยสู้มันไม่ได้ว่ะ

“เออ ใครจะไปทำ โธ่ มุกมอมเหล้า เด็กๆ ระดับนี้แค่วิ๊งวิ๊ง3ที ก็มีมาให้กินแล้ว”ผมคุยทับมั่งเฟ้ย

“อ๋อเหรอ ไหนทำดิ ไอ้วิ๊งวิ๊งอะไรเนี่ย มันเป็นไง555” หนอยไอ้มาย ทำมาดูถูกตรู ผมเลยลองทำแบบนางเกรียงกระพริบตา
สาดวิ๊งใส่ 555 ยังขำตัวเอง ยังไม่เจอท่าลูกแมวอ้อนสิมรึง  ขนาดเสือๆอย่างไอ้พี่ลิฟต์ใช้ให้ช่วยทาสียังรีบทำ

เฮ้ย อุ๊บ !!!ไอ้มายมันก็กอดผมไว้แล้วนอนหงายบนเตียงโดยมีผมอยู่อก  55 ไอ้การนอนหงายโดยขายังพับที่ขอบเตียง
มันช่างทำให้ส่วนกลางตัวที่มันนูนเน้นเด่น  เอื้อก!!! กลืนน้ำลาย

“อ้า จริงด้วยแหะ งั้นช่วยมากินหน่อยสิ นี่ไง นอนรอให้กินอยู่ตรงหน้าแล้ว” ไอ้มายมันนอกจากโอบผมไว้กับอก มือมันก็ยังจะไม่วายลูบไล้บั้นท้ายผมไปมา


.....




กลับไปกินมาม่ากันต่อ

DIIK

  • บุคคลทั่วไป
 :a5:

เค้าแอบเห็นนะ ไอ้กลับไปกินมาม่าอ่าาาาาาาาาาา
ม่าอาร๊ายยยยยย โอ้ย ปวดหัวใจ

คือแบบ ตอนพี่โม่งพูดเรื่องข้อเสนอกะมายนั่นปวดใจจี๊ด
ดูแล้วมายเอาฟ้าใสไม่อยู่หรอก ถึงจะรักจะดูแล แต่คนที่ระแวงหน้าระแวงหลังตลอดเวลาแบบเนี่ย
มีแต่จะทำให้รักไม่ยั่งยืนเพราะคอยแต่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบ

ไม่เหมือนพี่โม่ง มีอะไรพี่โม่งก็รับด๊าย T^T

ยังยืนยันเชียร์พี่โม่งสุดใจขาดดิ้น กรั่กๆๆ (ได้ข่าวว่าจารย์เบญชียังสบายดีอยู่)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด