☼เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง♥♥ บทส่งท้าย +จบบริบูรณ์ (20/11/12)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

นักอ่านที่น่ารักของ ราส’ต้องการอะไรกันบ้างฮะ

ขอคู่อื่นบ้าง เบื่อพี่โม่ง
1 (1.4%)
ขอดราม่า ตบจูบ มือที่สามรังแกนายเอก
6 (8.2%)
ขอ NC +18
32 (43.8%)
เบื่อ แล้ว ขอตอนจบเลยล่ะกัน
1 (1.4%)
ขอให้น้องไข แฮปปี้เอนดิ้ง กับพี่โม่ง
33 (45.2%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 43

ผู้เขียน หัวข้อ: ☼เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง♥♥ บทส่งท้าย +จบบริบูรณ์ (20/11/12)  (อ่าน 114729 ครั้ง)

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ว๊ากกกก เจอเนื้ออิอิ จริงเหรอ ไม่เชื่อหรอก ยังไงฟ้าใสต้องคู่กะพี่โมง เช๊อะ  :laugh: :laugh:

ขอบคุณมากค่ะ  :L1: :pig4: :L1:+ :3123:

DIIK

  • บุคคลทั่วไป
ขำแตกตรงมาย
ความในใจหนูบ้าอะไรขนาดนั้น 5555555

อยากให้คู่กะพี่โมงมากๆเลยค่ะ เพราะต่างฝ่ายต่างรักกันแบบนั้น แต่ก็แบบพี่โมงว่า = =
ถ้าไม่ต้องทำให้ใครเจ็บปวดเดือดร้อนก็คงดี ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ *ร้องไห้

เอาเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ไหน ๆก็รักสุดท้ายจะคู่ใครก็ทำใจได้ระดับนึงแล้วค่ะ
ถึงคนที่เชียร์ไว้จะใช่ไม่ใช่ก็ตาม ฮืออออ

timvasabi

  • บุคคลทั่วไป

ดูๆๆแล้วมายก็น่ารักดีนะ บ้า ติ๊งต็องดี 5555555

ยิ่งถ้าเป็นคนดี รักจริงด้วย ยิ่งดีใหญ่ ก็อยากให้มาคู่กันนะ

ถ้าเป็นเนื้อคู่กันจริงก็คงหนีำไม่้พ้นหรอก วะฮะๆๆๆ

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
อย่าบอกนะว่า สามีคนต่อไปของฟ้าใส คือ มาย

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
S4 Ch.3
ได้พบสบตาเจอหน้าเธอ
ครุ่นคิดวุ่นวายไม่คลายสับสน
จะขอติดตามด้วยความอดทน
หญิงอื่นไม่สนขอเดินตามเธอ


คุณเชฟ บอกให้ฟ้าใสไปทำความรู้จักกับเพื่อนๆเอาเอง แล้วก็อธิบายหลักสูตร คร่าวๆ
อาจารย์เชฟก็สมเป็นอาจารย์ อายุ60กว่าปีแล้ว ท่าทางเข้มงวดเหมือนกัน
เราจะเริ่มเรียนทฤษฏีกันก่อน 2 เดือนเพื่อปรับพื้นฐานให้ทุกคนมีความรู้ใกล้เคียงกัน เพราะบางคนนั้นก็ไม่มีความรู้ใดๆ
เกี่ยวกับการทำอาหารมาก่อน ไม่ว่าเรื่องชั่งตวงวัด ถ้วยตวงก็ยังไม่รู้จัก ช้อนโต๊ะช้อนชาก็ไม่เข้าใจ
เด็กผู้หญิงที่ฟ้าใสนั่งข้างๆ ชื่อแป้น เป็นชาวเขา หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู  อายุ 18 ปี ทำงานบ้านอยู่กับพี่สาว ที่บ้านเจ้านายฝรั่ง จึงดูท่าทางนอบน้อม

คุณเชฟเล่าประวัติของตัวเอง ให้นักเรียนฟังว่า ทำงานเป็นเชฟอาหารฝรั่งให้โรงแรมดัง 5 ดาวที่กรุงเทพ และไปอยู่เมืองนอกเกือบ10ปี
การเรียนที่นี่ ต้องมีกฎระเบียบ มีการเช็คชื่อ เข้าแถว ใส่เครื่องแบบ แล้วจะมีอาจารย์อาหารไทย 2ท่านจะมาเป็นครูสอนทฤษฎีก่อน
  แล้วก็จะมีอาจารย์สอนเบเกอรี่  เมื่อเรียนอาหารครบ ก็จะมีการสอน การเรียนผสมเครื่องดื่ม  การเสิร์ฟอาหาร มากมาย  และปิดท้ายด้วยว่าเราต้องฝึกงาน 3 เดือน

คุณเชฟพูดไปได้สัก ชั่วโมง ก็มีเจ้าหน้าที่มากระซิบๆจะขอเอาตัวฟ้าใสไปทำอะไรสักอย่าง คุณเชฟคงรำคราญถูกขัดจังหวะ
เลยให้พักเที่ยง 1ชั่วโมง แล้วมาเจอกัน เที่ยงครึ่ง แหม่ เชฟแกเหนียวเวลามาก 1ชั่วโมงก็หนึ่งชั่วโมงจริงๆไม่ยอมให้นักเรียนได้กำไรเลย


ฟ้าใสโดนเจ้าหน้ที่เรียกไปกรอกแบบฟอร์มการขอเข้าอยู่หอพัก มอบกุญแจห้องพัก มีมัดจำกุญแจห้อง 300 บาท

แต่ละห้องจะอยู่กัน ห้องละ 2 คน แต่ถ้ามาด้วยกัน 3คน ก็ขอเตียงเสริมได้ ฟ้าใสถามว่าห้องฟ้าใสอยู่กับใคร
เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ชื่อ คุณ อนุวัฒน์ อายุ50 ปี ขาวๆท้วมๆ เจ้าที่ให้แม่บ้านพาฟ้าใสไปเก็บกระเป๋า

ห้องพักจะเหมือนห้องพักของโรงแรมหรือหอพักทั่วไป ที่นอนเครื่องนอน จะเกรดดีมาก แต่จะติดพัดลมให้ ถึงแม้มีแอร์ แต่ก็ไม่ได้อนุญาตให้เปิดใช้
มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ใช้ แม่บ้านที่มาเปิดห้องให้อธิบายเครื่องใช้ไม้สอยเพราะบางคนก็เป็นคนธรรมดา ออกจะนอกเมือง หรือเป็นคนดอยด้วยซ้ำ

หลังจากเก็บกระเป๋า ลงมาที่ห้องก็ไม่มีใครอยู่ เลยถามแม่บ้าน แม่บ้านบอกว่าคนอื่นคงไปทานข้าวที่โรงอาหาร
ใครๆดูนั่งกินกันเป็นกลุ่ม ยังกับรู้จักกันมาก่อน
 ดีว่าเห็นเด็กแป้นที่นั่งติดกับฟ้าใส นั่งกับเด็กหนุ่มที่เป็นเด็กดอย  ฟ้าใสเลยเดินเข้าไปขอนั่งด้วยคน แป้น และดอยจะรู้จัก
กับเด็กแผนกอื่น ซึ่งเป็นเด็กชาวเขา ชาวดอยที่มาทางโรงเรียน หรือพวกทหารจะส่งเสริมให้มาเรียน ทั้งจัดหาชุดนอน
เหมือนชุดพละ กางเกงวอร์ม เสื้อยืด โปโล สกรีนหน่วยงาน ฟ้าใสมารู้ทีหลังว่าพวกนี้ออกนอกพื้นที่ไม่ได้
ออกจากจังหวัดเชียงรายไม่ได้ ตอนที่ฟ้าใสจะชวนดอยมาเที่ยวบ้านที่กรุงเทพ


“พี่ ๆ พี่ชื่ออะไรน่ะ” จู่ๆ ก็มีมือมาสะกิด ที่ต้นแขน

ฟ้าใสหันไปมองหน้า เออ เป็นเด็กหนุ่มที่ร่วมคลาสเรียนด้วยกัน หน้าตามันก็ตลกดี ปากหนาๆ ตาโตสวย
ขนตาหนาเป็นแพงอนยาว  ผมหยักศก แต่ผิวคล้ำมากมาย


ได้พบสบตาเจอหน้าเธอ
ครุ่นคิดวุ่นวายไม่คลายสับสน
จะขอติดตามด้วยความอดทน
หญิงอื่นไม่สนขอเดินตามเธอ



น่ารักน่าถนอมตรอมใส่ใจ
ส่งยิ้มให้ไปนะทำไม่สน
หากแม้เปลี่ยนใจขอเดินด้วยคน
ถึงเดินตากฝนยอมทนตามเธอ


* อยากบอกให้รู้ว่าฉันชอบเธอ
หัวใจมันเพ้อรักเธอเต็มทรวง
หากได้เธอนั้นมาเป็นคู่ควง
แสนสุดจะหวงรักเดียวตลอดไป

รักในวัยรุ่นคือรักครั้งแรก
แอบแฝงด้วยความร้อนแรง
แม้ตัวเธอจะเดินหนีแสนไกลห่าง
แต่ว่าฉันไม่หยุดรักเธอ



TBC....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2012 18:11:02 โดย Raspberry complex »

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
มาแนวเพ้อวุ้ย รักแรกเสียด้วย ซะรอยฟ้าใสจะเสียตัว ซะละมั้งเนี่ย  :z1: :z1: :z1:

เอาวะไหนๆๆ ก็สุดๆแล้ว อีกซักกะคนสองคนจะเป็นไรไปเน๊อะ หรือเปล่าหว่า แฟนคลับฟ้าใสว่าไงยอมเปล่า ชูป้ายไฟด่วนอิอิ

ขอบคุณมากๆค่ะ  :L1: :pig4: :L1:+ :3123:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ฟ้าใสนี่มี sex appeal สูงจริงๆ ไปไหนๆ ใครๆได้เจอนี่เป็นโดนใจเขาไปหมดเนอะ
นี่ก็ไปโดนใจพ่อหนุ่มมายตั้งกะตอนรอพี่โม่งที่สนามบินนั่น
มาเรียนคอร์สพิเศษที่เชียงรายก็มาเจอกันอีกล่ะ  หรือจะเป็นพรหมลิขิตบันดาลชักพาจริงๆ

ป.ล.  หูยเพลงประกอบตอนนี้ ทั้งสุนทราภรณ์
        ทั้ง"พี่แช่"(กรุณาทำเสียงchด้วย) แห่งGRAND EX
        คนเขียนเกิดทันด้วย :laugh:

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
((ต่อ))

อะไรฟ่ะ หนอยชื่อก็บอกไปแล้วไม่รู้จักจำ ยืนแนะนำโดดเดี่ยว ตัวเป็นๆ เด็กแป้น เด็กดอยยังจำชื่อตรูได้ เรียกคุณพี่ฟ้าใสๆทุกคำ

“ผมชื่อ เต้ นะ พี่” ยังไม่ทันที่ไอ้เต้จะได้แนะนำตัวกับฟ้ามากไปกว่านี้ แขนขาวกว่า แทรกมาระหว่างกลาง วางถ้วยขนม
ตามมาด้วย แก้วใส่น้ำผลไม้ จะเป็นกระเจี๊ยบมะนาวมะขามมะตูม หรือผสมปนเป ฟ้าใสก็ไม่อาจรู้ได้ ไอ้คนตัวโตสูงใหญ่เบียดแทรก
มาตรงกลางระหว่าง ฟ้าใสกับไอ้เต้ ซึ่งเก้าอี้ที่เป็นม้ายาว  ตรงไอ้เต้นี่ก็สุดแล้ว

เพราะฟ้าใสนั่งเข้ามาเหลือที่แค่พอคนหนึ่งนั่งได้สบายๆ คนแทรกเข้ามาก็ดูไม่ได้จะสนใจว่า ที่น่ะ  มันไม่พอโว้ย
ฟ้าใสก็ไม่อยากให้ไอ้เต้ต้องลุก เลยขยับไปชิดเด็กแป้น  เด็กแป้นเลยขยับไปชิดดอย  ดอยมันเป็นชาวเขาเคร่งประเพณี
ไม่ค่อยอยากถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิง เลยลุกหนีไปนั่งอีกโต๊ะ

“พี่ กินขนมไหม ผมซื้อให้ หรือเอาของผมก็ได้”

อ้า คนเชียงรายมีน้ำใจงามดีแท้เหลา

“นี่เพื่อนผมครับ ชื่อ.มะ...” ไอ้เต้เตรียมแนะนำเพื่อน

“ไม่ต้อง แนะนำเองได้ ผมชื่อมาย” เจ้าตัวพูดเสร็จก็ทรุดลงนั่งข้างฟ้าใส

แป้นเดินเอาจานไปเก็บให้  ที่โรงอาหารนี้เมื่อทานเสร็จแล้วจะต้องเอาจานไปวางที่โต๊ะวางจานใช้แล้ว
ฟ้าใสลืมกดน้ำมากิน แล้วก็ลืมซื้อด้วย พอนั่งทานแล้วก็เลยนั่งทานเลย  ฟ้าใสขยับยืนยกขาจะก้าวออก

“พี่จะเอาน้ำอะไรเด๋วผมซื้อให้” เสียงจาก ร่างสูงที่ก้มหน้าตักกินขนมของตัวเอง เมื่อฟ้าใสปฏิเสธขนม เชิญพ่อหนุ่มเถอะจ๊ะ ตัวควายๆอย่างงี้ กินเข้าไปเถอะ

“ไม่เป็นไร เด๋วซื้อเอง”

“ไม่เป็นไร บอกว่าไม่เป็นไรไง ผมจะซื้อให้”

เอ๊ะ ไอ้นี่พูดเหมือนดุตรูเว้ย...ฟ้าใสนึกในใจ  ช่างหัวมัน มันอยากเดินไปซื้อให้ก็ตามใจ ฟ้าใสควักแบงค์ยี่สิบส่งให้
อ๊ะ มันผลักคืนอีก

“ผมเลี้ยง”

“ไม่เอาน่ะ ไม่ต้องเลี้ยงหรอก” ยื่นแบงค์ยี่สิบไปตรงหน้า

“บอกว่าไม่ต้อง” เฮ้ย!!! มันดุตรูจริงๆว่ะ หยิบแบงค์ยี่สิบพับยัดใส่กระเป๋าเสื้อฟ้าใสอีกต่างหาก

“งั้นวันหลังจะเลี้ยงคืนแล้วกัน” ฟ้าใสบอกเด็กเมื่อวานซืนตรงหน้า

ร่างสูงยิ้ม พลางถาม “เอาน้ำอะไร”

“เป็ปซี่”

“ไม่กินน้ำเห็ด สามอย่าง แบบผมเหรอ มีประโยชน์นะ” ร่างสูงสบตาแนะนำสิ่งดีๆสู่ชีวิตฟ้าใส

เอิ่ม กรูไม่กินผัก กรูอยากจะกินสารก่อมะเร็ง กรูจะกินน้ำตาล น้ำตาลไหม้ กาเฟอีน กรูจะกินกรดฟอสฟอริก 
จะกินสารสกัดจากใบโคคา(สกัดเอาโคเคนออกแล้ว) และสารสกัดจากเมล็ดโคลาปริมาณเล็กน้อย  กรดน้ำส้ม
และโซเดียมไซเทรต  กรูจะกิน แคสเซีย(cassia คืออบเชยชนิดหนึ่ง) น้ำมันลูกจันทร์เทศ และสารอื่นๆ  กลีเซอรีน 
และกรูจะกินวานิลลา กรูจะกินทุกอย่างที่ประกอบเป็นสิ่งที่เรียกว่า “เป็ปซี่”

ฟ้าใสหน้าเริ่มเรียบเฉย  ร่างสูง ก้าวข้ามที่นั่งเดินยาวๆไปซื้อเป็บซี่

หลังจากเข้าชั้นเรียนบ่าย อาจารย์เชฟก็พาอาจารย์มาแนะนำตัว แต่ก็ยังไม่ครบ  พอใกล้จะถึงวิชานั้นๆก็จะมีการแนะนำกันอีกที
เพราะอาจารย์เชฟอาหารญี่ปุ่น  จีน เบเกอรี่ ต่างก็มีงานการทำ คือประจำอยู่ที่โรงแรมอื่นๆในเมือง

อาทิตย์หน้าถึงจะมีการปฐมนิเทศ เพราะต้องรอสาขาอื่นด้วย เรื่องเครื่องแต่งกายยังพออะลุ้มอล่วยกันไปก่อน
ที่นี่ยังปฏิบัติเหมือนเรียนโรงเรียนอาชีวะ แบบ อาชีพๆ
มีกฎห้ามเปิดเสียงมือถือ ใครลืม 5 บาท รับพอรับได้ ถ้าสำคัญแต่ไปคุยข้างนอก จานแตกใบละ100บาท มีต้องซื้อของใช้ส่วนตัว เช่น มีดเล็ก  มีดแกะสลัก ผ้าขนหนู 2ผืน

พอตกเย็นเลิกคลาส 16.00น. คนที่เป็นคนเชียงราย หรืออยู่บ้านพ่อแม่ญาติ ก็ขับรถบ้าง ขี่มอไซต์กลับบ้าง
พวกต่างจังหวัด ก็กลับห้องพัก เตรียมฝากกันซื้อของกินตอนเย็น หลายคนเอารถเอามอไซต์มาใช้

รูมเมทของฟ้าใส  ชื่อ พี่อนุวัฒน์ เป็นคนนครปฐม ทำงานเป็นผู้จัดการทั่วไปนะแหล่ะ คิดอยากหาอะไรทำหลังเออลี่ตัวเอง เลยมาลองจับทางนี้ดู
ร้านค้าขายอาหารใกล้ศูนย์ราชการ ก็มี พอเดินไปหาอะไรทานได้อยู่ แม้ก็ไกลประมาณ3ป้ายรถเมล์ในกรุงเทพเหมือนกัน


เช้า แต่งตัวเสร็จ หาอะไรทาน ฟ้าใสเอาสมุดดินสอปากกา ไม่ต้องพกอะไร มีล็อคเกอร์ให้เก็บกระเป๋าแก้วน้ำอุปกรณ์ของเรา

ฟ้าใสไม่กล้าเปลี่ยนที่นั่งเห็นเด็กบางคนก็นั่งที่เดิม ฟ้าใสเลยต้องนั่งเป็นมือขวาอาจารย์เชฟต่อไป ขณะที่มีการจดกระดาน ทั้งสั่งงาน และจดความรู้

“ใครมองไม่เห็น ก็เลื่อนเข้ามาใกล้ ก็ได้นะครับ” อาจารย์เชฟบอกด้วยความเห็นใจเพราะตอนนี้ เรานั่งกันแบบโต๊ะประชุม
สงสัยห้องเรียนจริงคงมีอะไรที่ไม่สะดวกใช้ สิ้นเสียง อาจารย์เชฟ ไม่นานก็มีคนขยับลุกขึ้นเดิน

ร่างสูงใหญ่ เดินมาจับเก้าอี้ว่างที่ตั้งชิดผนังด้านหลังฟ้าใสลากมาแหมะที่ด้านหลังกึ่งระหว่างฟ้าใสและเด็กแป้น

เอิ่ม!!! มันชัดเจนไปไหม ว่าเอ็งจะสนิทสนมกับตรูรวดเร็วเกินไปหรือเปล่า
ฟ้าใสเลยเหมือนมีชัตเตอร์กดติดวิญญาณคอยตามสิงอยู่ด้านหลัง
เด็กแป้นก็ไม่ต้องพยายามเขยิบหรอก ที่มันก็เต็มแล้วขยับจนเก้าอี้ชนติดกัน ไอ้มายก็ยังแทรกเข้าร่วมโต๊ะไม่ได้ มันก็อุตส่าห์
วางสมุดจดบนขาที่ไขว่ห้างของตัวเอง ฟ้าใสเป็นคนจดเล็คเช่อร์ได้ไวที่สุดของห้องมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ใครจะขอจดต่อ
 ก็แค่อ่านให้ออกแล้วกัน พอไอ้มายจดไม่ทันก็ชะโงกข้ามไหล่มาดูที่สมุดฟ้าใส ไอ้การชะโงกของเอ็งนะไอ้มาย 
มันคิดว่าฟ้าใสแก่กว่ามันตั้ง 3-4 ปี บ้างหรือเปล่า จนฟ้าใสต้องเบี่ยงๆตัว ไม่ให้ใกล้ชิดเกินไป


“พี่ฟ้าใส คัก ไปซื้อเนคไทกันไหมคัก” ดอยมาชวนฟ้าใสอย่างอายๆด้วยเสียงพูดเหน่อๆแบบคนดอย

“ได้สิ พี่ก็ว่ายังขาดของอยู่  อยากออกไปซื้อของเหมือนกัน”

“งั้นเราไปวันเสาร์พรุ่งนี้นะฮะ”

“ได้ ดอยจะออกกี่โมงล่ะ”

“10โมง ละกัง” 

“ฮื่อ จะไปเมื่อไหร่ก็เดินมาเรียกพี่นะ”

“คัก”

เช้าวันจันทร์  มีปฐมนิเทศด้วย ทุกคนเต็มที่แต่งตัวถูกแบบ ส่วนใหญ่เสื้อผ้าใหม่เอี่ยมกันเกือบทุกคน เพราะห่างเหินจากวงการ
เป็นนักศึกษา จะมีก็นักศึกษาหนุ่ม 2 นาย เต้ มาย และก็เด็กหนุ่มที่ชื่อ บอส อายุ 17 ที่เรียนจบ ปวช. เด็กหนุ่ม ชื่อ ไอซ์
ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ อายุ20 ปี ที่ขออนุญาตกลับเร็วเป็นบางวัน เมื่อต้องเข้ากะบ่าย

ฟ้าใสก็พยายามผูกไทด์ ตามที่พี่อนุวัฒน์ สอน  ฟ้าใสต้องพันหลายรอบมาก เพื่อให้ด้านนอกไม่ยาวมาก และด้านในไม่ยาวจนถึงเป้า
คนตัวเตี้ยก็อย่างเงี๊ยะ  เตี้ยเหนือเตี้ย ก็ย่อมมีเตี้ยกว่า ฟ้าใสก็มีดอย ไงล่ะ ดอยตัวเล็กสูงสัก 145ได้ รูปร่าง ผอม แต่แข็งแรง
ว่องไว ก็แน่ละสิ ตื่นตี5 เดินข้ามเขาไปทำไร่ ปลูกผัก ทุกวัน ดอยน่าสงสาร พ่อแม่ตาย เลยอยู่กับพี่ชาย พอพี่ชายแต่งงาน เลยคว้าง

ครูที่สอนหนังสือที่โรงเรียนเลยส่งชื่อมาให้ที่ศูนย์ช่วยรับให้ฝึกอบรม เงินทองก็ไม่มี ได้เบี้ยเลี้ยงครูจะเป็นคนรับและคอยจ่ายให้
เป็นงวดๆไป หรือมีเรื่องต้องซื้อ ครูก็จะให้พิเศษ แต่ดอยก็มักไม่ค่อยใช้ เพื่อนร่วมชั้น หนุ่มๆแก่ๆทั้งหลายเวลามีอะไรก็แบ่งปัน
ให้ดอยเสมอ แต่ก็มีบางคนก็แบ่งๆชนชั้นเหมือนกัน ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่ว่าจะร่ำรวยไฮโซอะไร



“คุณพี่ฟ้าใส ขา ให้น้องแป้น ผูกให้ใหม่นะค่ะ” เจ้าเด็กแป้น ถลามาหา ขณะที่ฟ้าใสยืนคุยกับ พี่เป็ก หัวหน้าห้อง
ที่เปิดร้านขายส่งไส้อั่วเจ้าดังในเชียงราย คุณเป็ก เขาอายุ 30 ปี มีลูก มีเมียแล้ว มาเรียนเพราะอยากเปิดร้านอาหาร
ที่ต่างประเทศ เนื่องน้องสาวเพิ่งแต่งงานกับฝรั่งเมื่อเร็วๆนี้ เลยขออนุญาตเมียมาเรียน แล้วให้พี่สาวไปช่วยเมียขายส่งไส้อั่ว

ขณะที่แป้นกำลังยืนผูกไทด์ให้ฟ้าใส มอไซต์ก็วิ่งผ่านด้านหลังของฟ้าใส  ดอยที่ยืนมองแป้นผูกไทด์อย่างสนใจเพื่อจดจำ ก็พูดขึ้นว่า

“อ่ะ เพ่มาย กับเพ่เต้ มากันแล้ว”



TBC...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-10-2012 10:02:04 โดย Raspberry complex »

ออฟไลน์ goonglovenut

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1188/-10
มายดูเป็นคนซื่อๆดีนะ คงไม่มีอะไรแอบแฝงใช่ไหม แต่เลือกเพลงขัดกับอายุจริงๆเลย มาย ไม่เป็นไร ถ้ามายจะคู่กับฟ้าใสก็ขอให้ดีจริงๆแล้วกัน เป็นกำลังใจให้จ๊ะ :กอด1:

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ดูเหมือนว่าเพ่มายจะรุกหนักนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ done_dirt_cheap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ลุ้นมายแทนฟ้าใสว่ามายจะรักจริงหวังแต่งเปล่าเนี่ย
จะเตรียมกั้นประตูเงินประตูทอง
 :impress2:


 :z2:

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
ต่อ

วันนั้นทั้งวัน ไอ้มายดูจะสนใจเนคไทฟ้าใสทั้งวัน  มองแล้วเบือนหน้า ทำหน้าเหยียดหยามใส่
ถ้ามันจะบ้าของจริง อยู่ใกล้มาก เราจะบ้าตาม ฟ้าใสเตือนตัวเอง

เพียงแค่อาทิตย์แรก เด็กๆ แป้น และ ดอย จะรู้ว่าที่นั่งข้างฟ้าใสจะเป็นของไอ้มาย หรือต่อให้ฟ้าใสไปนั่ง ข้างดอย แป้น
 หรือจะนั่งริม มันก็ใช้ความใสซื่อบริสุทธิ ไม่รู้ ไม่ทราบ แต่กรูจะนั่ง มาวางตัวตน ข้างฟ้าใส
แต่ถ้าหาก มีพวกตัวเล็กกว่า มานั่งข้างหลังมัน และทำท่า มองไม่เห็น มันก็จะถูก อาจารย์ ไล่ไปนั่งหลังห้อง
 เพราะมันตัวสูง บังคนอื่น ถึงจะสะโอดสะอง สมส่วน ไม่ล่ำสันกำยำแบบ พี่ลิฟต์

อ้อ ตอนนี้เรามาเรียนกันที่ห้องเรียน โต๊ะท็อปขาวยาวจัดแบบ เรียงหน้ากระดาน และสรุปว่า ใช้กฎใครมาก่อนได้ก่อน
เพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะกัน เสมอภาค อยากนั่งตรงไหนก็นั่ง พวกอยู่หอ จึงได้เปรียบ
ยกเว้นอยากขี้เกียจตื่นสายเอง อย่างฟ้าใส และทุกเช้าฟ้าใสจะมีคนมาช่วยแต่งตัว  ต่อให้ทำดีมาแค่ ผูกเนคไทมาว่าดี
ก็จะมีคนคลี่ออกและผูกให้ใหม่


ฟ้าใสชอบที่นั่งหน้าๆ เหมือน แป้น กับ ดอย  แล้วก็เลยเกาะกลุ่มกัน 3 คน
กลุ่มคนที่เรียนจะแบ่งเป็น 4-5 กลุ่ม กลุ่มชายจริง กลุ่ม หญิงแท้ กลุ่มโลกใส กลุ่มสาวแตกและสาวแอบ กลุ่ม เอกเทศ
อิสระ มั่น เทพ แต่ทุกคนก็ดูเป็นเพื่อนกันดี โดยเฉพาะกลุ่ม ชายจริง หญิงแท้  ต่างประสานสัมพันธไมตรี
หมาหยอกไก่ ผู้คนที่มาเรียนมีทั้ง คนอกหักรักคุด เจ็บจนหนีมาให้ไกลจากความจริงในอดีต เช่นเดียวกับฟ้าใส


วันหนึ่งที่อากาศดี โลกสดใส ทุกคนยืนทักทายพูดคุย

“นี่เนคไทด์ผูกไม่เห็นดีเลย”นี่ไง ไอ้มายมันเดินมาถึงตัวแล้ว พร้อมกับสำรวจความเรียบร้อยเสื้อผ้าหน้าผม
เฮ้ยๆ เอ็งเกรงใจคนรอบข้างมั่งสิเฟ้ย รักษาหน้ากันบ้างได้เปล่า ก็มันเล่นจับปกเสื้อขึ้นเปลี่ยนมา พับใหม่ให้ตรงสัน

“ผมไม่ได้หวีมาหรือไง”ไอ้มายมองที่หัวฟ้าใส มือก็เอื้อมทำท่าจะแตะผมฟ้าใสเลยต้องทำคิ้วขมวด
นี่มันหน้าเสาธง เอ็งมันก็เด็กกว่านี่กะจับหัวต่อหน้าชาวบ้านเค้าเป็น หลายร้อยคน เชียวนะเฟ้ย เกรงใจมั่งได้เปล่า

ไอ้มายพอเจอขมวดคิ้ว เลยเปลี่ยนเป้าหมายจากหัวเป็นมาจับเนคไทด์แทน  ฟ้าใสก็ประเภทปล่อยๆมันทำไป 
จากตอนแรกที่มีเจ้าแป้นคอยผูกให้ ตอนนี้ร่างสูงมันเข้ามารับหน้าที่ทำแทน ทั้งที่ยังไม่ได้โหลด
หรือตอบตกลงจะรับแอพพิเคชั่นนี้  มันต้องเป็นไวรัส ไวเลิฟ แหง๋มๆ ตรูต้องคอยระวัง สแปม ที่อีกหน่อยมันอาจจะแทรก สเปิร์ม

ความวัวก็เพิ่งหนีมา ตรูจะมาเจอความควาย อีกเหรอ เสียวเว้ย ฟ้าใสก็ไม่ชอบกินเด็กนะ  เด็กเล็กๆ ตั้งแต่แรกเกิด
จนถึงกี่ขวบก็ได้ 12 ก็โตแล้ว หลอกเด็กไม่ได้ เด๋วจะกลายเป็นโดนเด็กหลอกแทน ไม่เอ้า ไม่เอา รับแค่ 10 ขวบพอ
แต่ประเภท แบบ ไอ้พี่ลิฟต์ ที่ 9 ขวบ แล้ว อาบน้ำกับ สาวน้อยรุ่นพี่ มันก็ขอจับนมเขาแล้ว พอ12 ขวบ ก็จั๊กกะดึ๋ยกับเพื่อนสาวในห้องแล้ว  งั้น 12 ขวบนั่นก็ไม่ไหว

ฟ้าใส อายุ 25 เบญจเพส พอดี ลาภยศสรรเสริญ กำลังจะมา 555 ไม่ชอบกินเด็ก ไม่ชอบกินเด็ก ฮร้าร้าร้าร้าร้าร้า ไม่เอ้า ไม่เอา 
ก็เด็กน่ะ พูดไม่รู้เรื่อง ตัวเล็กก็ยังน่ารัก จับอุ้มได้ แต่ไอ้ที่โตแล้วนี่สิ พอดื้อแล้ว จับไม่อยู่ สู้ก็ไม่ไหว

ไอ้มายนะชอบทำตัวแปลกๆ ชอบลอบมองฟ้าใสไม่รู้ว่า หน้าฟ้าใส ไปเหมือน โจทก์ เก่า ญาติ พี่ น้อง พ่อแม่ แต่ที่มันแสดงออก
คือ มันจะมาเป็นแม่ ฟ้าใส แทนนะสิ  ไม่ว่าจะชายเสื้อหลุดมันก็จะจับยัดเข้ากางเกงให้ คอเสื้อเปิดกว้างเกิน  กระดุมหลุด  เส้นผมร่วงติดเสื้อ เศษใบไม้ดอกไม้ติดผม

ตอนแรกที่มันก็ถอดเนคไทด์ไปคล้องกับคอตัวเองพอเอาคล้องคืนก็ยังยาวอยู่ดี  ก็มันตัวยาวกว่าผมตั้งเยอะ มันก็เลยยืนผูกให้
พอยืนใกล้ๆนานๆก็เขินเหมือนกัน ถ้าใครเห็นมันก็ต้องรู้สึกแปลๆ ที่ผู้ชาย2คนจะมายืนทำอะไรกันอย่างนี้

ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงก็คงดูดีน่ารักหรอก ที่สำคัญมันก็ไม่ใช่สเปคฟ้าใส เลยได้แต่คิดซะว่าเพื่อนกันร่วมคลาส
แต่มันอาจจะดู พ่อบ้านดำ อินมาก เลยอยากเป็นเซบาสเตียนน่ะมั๊ง




เวลาผ่านมา 1เดือน

หลังจากกลืนข้าวมื้อเช้า คำสุดท้าย เสร็จ วันนี้ฟ้าใสรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เพลียๆ เจ็บๆคอ ฟ้าใสมองไปทางชอป(ตึกเรียน)
รถมอไซต์ไอ้มายมาจอดที่ด้านหลังตึกเรียนแล้ว สักพักมันคงเริ่มตามหาฟ้าใส

ยิ่งเห็นเหล่านักเรียน ที่พากันเดินไปเข้าแถว ก็ถอนหายใจ  พอเห็นสมจิต เด็ก หมู่บ้านเดียวกับดอยมองมา ก็ยิ้มให้

นั่นไงร่างสูงๆรีบเดินมานั่นแล้ว  ฟ้าใสรีบเดินออกข้างหลังแล้วเลาะไปทางแผนก ตัดเย็บ เสื้อผ้า ดีกว่า ถ้าเดินไปเจอมัน คงถูกบังคับ เอ๊ย ขอร้อง ให้นั่งกินเป็นเพื่อน


ตรืดดดดดด
จิตใจตรงกัน ผูกพันรักใหม่ สุขใจเหลือเกิน รักเพลินสดใส
มอบรักให้เธอ ใจฉันเหม่อลอย หากเธอยังคอย ฉันพลอยอุ่นใจ

หกนาฬิกา แอบมาพบเธอ เจอะกันทุกที โสภีงามแท้
ไม่แพ้เทวี จันทร์ศรีผ่องเพ็ญ เธอคงมองเห็น ฉันเป็นยอดชาย

นั่นแหล่ะ มันล่ะ ไอ้มายมันโทรหาฟ้าใสแล้ว มันเองก็ตั้งเสียงเรียกเข้าเอง  มันว่าเพลง “เหมาะ”


“ฮัลโหลอยู่ไหนนะ” เอ๊ะ แล้วมันยุ่งอะไรกะตรูด้วยว่ะ  ทำไมตรูต้องรายงานเอ็งด้วยว่ะ ได้แต่บ่นในใจ แต่ปากก็ตอบเขาไป

“คุยอยู่กับสมจิต” อ้างไปก่อน ไอ้มายไม่รู้จักหรอก

“ใครน่ะ ผู้หญิงผู้ชาย แล้วอยู่ตรงไหนล่ะ ผมจะไปหา” เหอะ ไอ้พวกเด็กมหาลัยก็อย่างงี้ คบแต่ ....
ทีของหายากแบบนี้ไม่รู้จักคบ   ฟ้าใสสนใจเด็กพวกนี้จะตาย อยู่กรุงเทพฯไม่มีโอกาสได้คบกันไว้นะเว้ย แล้วนี่เอ็งจะมาตามหากันทำไม

“ไม่ต้องน่ะ นายอยู่ไหนล่ะ เด๋วเดินไปเอง” ฟ้าใสรู้แล้วล่ะว่ามันคงอยู่หน้าโรงอาหาร ฟ้าใสน่ะเดินไปหลบอยู่แถวหน้าห้องน้ำ
ด้านหลังโรงอาหาร แล้วถ้าฟ้าใสไปคุยกับพวกเด็กๆ จริง ไอ้มายก็จะมานั่งกดดัน ใกล้ๆ จนเด็กๆกระจายหนีไป

แล้วถ้าบอกมันว่าฟ้าใสมแอบมันที่หน้าห้องน้ำ  มันก็รู้ทางหนีทีไล่ฟ้าใส อ่ะดิ

“มาเร็วๆนะ โรงอาหาร”

ฟ้าใสค่อยๆ ทิ้งเวลาสักพัก ค่อยออกไปหา มายนั่งที่โต๊ะแล้ว แต่ยังไม่ยอมสั่งอะไร จนฟ้าใสเดินไปนั่งที่โต๊ะฝั่งตรงข้าม
มันค่อยลุกไปซื้อข้าว  ฟ้าใสไม่รู้ว่ามันจะติดฟ้าใสเรื่องอะไร  ฟ้าใสก็อายๆ เขินๆเหมือนกัน 

เพราะดูเหมือนบางคนก็สังเกตเห็นได้ อย่าง ไอ้เกรียงเอ๊ย อิเกรียง  หนุ่มน้อยจากบุรีรัมย์  ผิวคล้ำจนเขียว รูปร่างสูงใหญ่ 182 เซ็นต์ 
อายุ 19 ปี หน้าตาหล่อเหลา จมูกโด่ง เอ่อ แต่บานไปหน่อย เทอว์ ว่าหลังเกณฑ์ทหาร อยากขอตังแม่แม่ไปตัดปีกจมูกออก
และคู่หูดูโอ คือ อิริน ชื่อจริงคือ ศักดิ์นรินทร์ นี่ก็สูง ขาว ผอมบาง 180 เซ็นต์ อายุ อ่อนกว่าฟ้าใส 1ปี คนนี้นี่เกิดมาเพื่อเป็น
 เคะราชินีโดยแท้ จิกหัว ชี้นิ้ว หนุ่มๆ โดยเฉพาะ เด็กช่าง ที่เทอว์จะแวะเวียน เอามอไซต์ไปที่ชอป ช่างยนต์

 “เติมลมให้ พี่ หน่อย น๊า...” คุณนายริน เทอว์ก็จะเลือก หนุ่มผู้โชคดี



TBC....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2012 10:59:52 โดย Raspberry complex »

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ฟ้าใสไม่ชอบกินเด็ก แต่เด็กน่ะมันจะกินฟ้าใส หุหุ

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
ขอโทษครับที่หายไปหลายวัน โดน สว.ผู้สูงวัยใช้ให้ ทำเวบ ตัวเองก็ไม่เก่งอะไร อาศัยงมๆไปดำน้ำไปลองผิดลงถูกไป
 ไม่งั้นเด๋วป้า เค้างอน ไม่ทำให้เขาสักที จนล่าสุดไปบังคับลูกสาวอายุ12ให้ไปเรียนทำเวบ ราส เลยต้องรีบทำให้
เด๋วถ้ามีการบ้านเกี่ยวกับภาษาแล้วป้าไม่ช่วยก็แย่เลย เพราะทั้งเพื่อนทั้งตัวเอง กวนป้าแปลให้บ่อยๆ
ช่วงนี้ อาจหายไปทีละ2-3(-4-5เผื่อ) วัน ติดตามกันต่อไปนะฮะ

 :pig4:


ณ ที่กลางทุ่งนา สภาพอากาศ ร้อน แดดไม่จัด แต่มันก็แดด และก็ทำให้คนบางคนตาหยี ออกอาการ หน้าบู้
เมื่อถูกบังคับให้ไปยืนถ่ายรูป คู่กับควาย แม้ว่า ควายจะยืนกลางทุ่งนา แล้วตัวเองก็ยืนอยู่แค่ริมๆคันนาก็ตาม

“เดินเข้าไปอีก อีก อีก” เสียงคำสั่งตะโกนมา

“ไม่เอา แล้วเดี๋ยวควายมันวิ่งมาขวิดฉันล่ะ” ฟ้าใสตะโกนโต้ตอบกลับ

“ถ้ามันวิ่งมา ผมก็จะบอกเอง แล้วควายมันก็อยู่ตั้งไกล เจ้าของเขาก็ผูกเชือกล่ามไว้น่า” ไอ้มายมันพยายามเกลี้ยกล่อม
 ให้ฟ้าใสพยายามเดินเข้าไปในแปลงนาที่แห้งแตกๆให้ใกล้เข้าไปอีก เพื่อที่จะถ่ายรูปฟ้าใสแล้วมีควายกับทุ่งนาเป็นแบ็คกราวน์

สำหรับฟ้าใส แค่นี้ก็ใกล้ไปแล้วด้วยซ้ำ ตอนนั่งซ้อนบนมอเตอร์ไซค์ ดูจากริมถนนนั่นก็เรื่อง แต่เอาเข้าจริง ควายมันก็น่ากลัวนะ
 ตัวเบ่อเริ่มเลย มีเขาโง้ว ด้วย  ถึงไอ้มายจะบอกว่า เจ้าของผูกเชือกล่ามไว้ อีโธ่ ฟ้าใสก็เคยดูหนังดูละครนะ
ที่มีควายเข้าฉากน่ะ เจ้าของแต่ละคน ยังกะล่ามควายไว้ดีนักนี่ ฟ้าใสเห็นก็เอาเชือกแค่พันๆกะต้นไม้ กะรั้ว ผูกๆไปงั้นๆ
แล้วก็มีควายเดินหลุดหนีไปโน้นไปนี่ประจำอ่ะ ไว้ใจได้ที่ไหน

“ถ่ายๆไปเหอะ เร็วๆอ่ะ ไม่งั้นก็ไม่ถ่ายก็ได้” ฟ้าใสเริ่มงอแงเบี้ยวมั่ง  ดินแตกๆนี่เห็นอย่างงี้ เดินยากจะตาย มันแยกๆ ตะปุ่มตะป่ำ เท้าพลิกด้วยอ่ะ

การที่ฟ้าใสต้องออกมาเอ้าท์ดอร์ กับ ไอ้มายนะเหรอ ก็ไอ้มายด์มันมีงานอดิเรก หรืองานประจำ คือ ถ่ายรูป แล้วอัดเป็นโปสการ์ดขาย
โดยจะฝากขายที่ร้านเพื่อน แล้วทีนี้เพื่อนก็ส่งสารลับมาว่า
 “รูปมันเหลือน้อยแล้ว ถ้าเอ็งอยากทำมาหา มีสะตุ้งสะตังใช้ เอ็งก็จงไปทำล็อตใหม่มาส่งซะ” หลังจากเจ้าตัวรับข่าวสาร  ดังนั้น

“นี่ นี่ เสาร์นี้มีอะไรทำหรือเปล่า” ฟ้าใสโดนสะกิดจนแขนเป็นรอยแดง
หลังจากแกล้งทำหูทวนลม ฟังศักดิ์นรินทร์ เล่าเรื่องการกระโดดถีบมอเตอร์ไซค์ ที่แฟนตัวเองซ้อนกิ๊ก แอบไปดูหนังกันมา
 ศักดิ์นรินทร์ รู้เข้าเลยมาดักรอ พอได้จังหวะทางโค้ง ใกล้คอนโด รถต้องชลอ ศักดิ์นรินทร์ ก็ออกมาพลีเซ็นเฟส
แล้วก็โดดถีบเปรี้ยง ถอดรองเท้ามาไล่ตบทั้งแฟนทั้งกิ๊ก  ฟ้าใสฟังแล้ว นับถือ สุโค่ย ฝีมือเยี่ยมยุทธ์ ชิบเป๋ง
 ฟ้าใสใจไม่ถึง ใจไม่กล้าขนาดนั้น

 บางครั้งเขาก็คิดว่าที่เขาต้องเป็นแบบนี้เพราะเขาไม่ต่อสู้ช่วงชิงเพื่อหัวใจตัวเองหรือเปล่า หรือว่า เขารัก โภชน์ และพี่ลิฟต์
ไม่มากพอ  แต่ฟ้าใสก็รักนะ แฟนใคร ใครก็รักดิ ขนาดแฟนคนอื่น ฟ้าใสยังรักเลยเนอะ แต่เรื่องต่างๆก็ผ่านไปแล้ว

ทั้งที่รู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่  มึนๆหัว แต่ ใครเคยบอกว่า ถ้าไม่สบายปวดหัว อย่านอน เด๋วยิ่งมึนใหญ่ ออกไปกิจกรรม ข้างนอก
 เด๋วดีขึ้นเอง เลยเผลอ ตกปากรับคำ ไปก็ไป คงมองหน้าคนที่มาชวน เห็นสายตามันที่มองเขม้นทั้งข่มขู่ทั้งขอร้องแล้ว
 ไม่กลัวนะ แต่ก็รู้ว่าปฏิเสธไป มันก็ตื้อ ถ้ายังไม่ไปอีก ก็เจอมันงอนใส่อีก ฟ้าใสเลยรับปากไป

“โอ๊ย” ไอ้มายบอกให้ฟ้าใสถอยไปอีก ดูดิ๊ เขาเลยถอยหลังจนสะดุดหงายท้องเลยอ่ะ ไม่อยากบอกว่าที่หกล้ม
เพราะจะทำเป็นสไลด์ก้าวกระโดดถอยหลังอ่ะ ตั้งใจจะประชดมัน เท้าเลยสะดุด ตะปุ่มดิน ฟ้าใสนั่งจ้ำเบ้ากับพื้น ไอ้มายรีบวิ่งมา

“เป็นไรเปล่า เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ร่างสูงที่ทำหน้าตกใจตอนแรก เปลี่ยนยิ้มบางๆ เมื่อเห็นฟ้าใสไม่ได้เป็นไร
เขาเปลี่ยนเป็นนั่งขัดสะมาดแล้ว หน้าหงิกหน้างอ  ยกมือมาดู ก็เจ็บดิ ตอนล้มก็เอาแขนเอามือยัน ดินแตกๆแห้งๆก็แข็ง ครูด

“ไม่ต้องเลย นายน่ะบอกให้ฉันถอยอยู่นั่นนะ”ร่างเล็กสะบัดเสียงใส่

“นะ นะ ขอโทษ ขอโทษ” ร่างสูงยกมือไหว้ปะลกๆ ปากบอกขอโทษ แต่หน้ามันอมยิ้ม นะเอ็ง มือก็ยังมาวุ่นวายจับนู้นจับนี่อีก

“ไม่ต้องมาจับเลย” พูดเสร็จ ฟ้าใสก็ดึงมือคืน จากมือใหญ่หนา ที่พลิกดูรอยแดง รอยถลอก พลางปัดเศษดิน ออกให้
ดึงไม่ได้โว้ย มันจับไว้แน่น


หวืด.....ร่างเล็กลอยขึ้นจากพื้น

“งั้น...ไม่ต้องถ่ายแล้วล่ะ” ร่างใหญ่เอ่ย ก้มโอบตัวอุ้มคนตัวเล็กกว่าขึ้นบ่า

“เฮ้ย...เฮ้ย...ทำอะไรอ่ะ ไอ้มาย ไอ้บ้า เล่นอะไร” ฟ้าใสเริ่มโวยวาย ดีว่า แถบนี้ไม่มีคนอยู่ด้วย
มีแต่ควายที่รู้เห็นเป็นพยานตัวเดียว ฟ้าใสใช้มือยันตัวไว้ไม่ให้สนิทแนบกับไอ้เด็กบ้า ดิ้นมากเด๋วขาไปโดนกล้องมันพัง สงสารมัน

“ปล่อย ปล่อยก่อน กรูไม่ได้เป็นไรนะไอ้มาย”

“พี่น่ะหยุดดิ้นก่อน ควายมันมองแล้ว เด๋วมันก็วิ่งมาขวิดหรอก”

“เฮ้ยจริงอ่ะ เออ เอ็งก็รีบเดินเร็วดิ”  ร่างสูงอมยิ้ม พอหมุนตัว ฟ้าใสถึงเห็นว่า ควายมันก็ยืนอยู่เฉยๆก็มองมาทางเขาบ้าง
แต่ก็ไม่มีท่าทีอะไร “ควายมันอยู่เฉยๆต่างหาก”

“ก็เมื่อกี้ พี่ ดิ้นอ่ะดิ เห็นม่ะ พออยู่เฉยๆ ควายมันก็เฉย ใช่ไหมล่ะ”

เอา ก็เอาว่ะ ให้มันแบกมาส่งที่ถนน ก็ได้ ไม่ต้องเดินให้เท้าพลิก 
พอถึงจะต้องขึ้นจากท้องนาไปบนถนนที่จอดรถไว้ ฟ้าใสก็นึกว่ามันจะปล่อยเขาลง

“เฮ้ย ปล่อยเราลงได้ไอ้มาย” พออยู่แบบนี้นานไปชักเขินอ่ะ มันใกล้ชิดกันเกินไปแล้ว ก็ฟ้าใสก็ต้องโอบคอมันไว้ด้วยนะสิ เกิดมันก้าวพลาด ลื่น เขาไม่กลิ้ง เจ็บตัวเหรอ

“อยู่เฉยๆเถอะน่า” ว่าแล้วร่างสูงก็ก้าวยาวยันตัวเองที่แบกฟ้าใสก้าวขึ้นเนินขอบถนนอย่างมั่นคง

“ตัวแค่นี้ ไม่เห็นจะหนักอะไร” พูดไปมือก็ปัดเสื้อปัดกางเกงให้ฟ้าใส เสร็จแล้วก็จัดการเช็คอุปกรณ์ของตัวเองเก็บให้เข้ากระเป๋ากล้องให้เรียบร้อย

“ไปได้แล้ว” ร่างสูงจับมือฟ้าใสเดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ริมทาง

ความอบอุ่นวาบขึ้นในอก ถึงจะอคติที่มันเด็กกว่า และตัวเองไม่ชอบคนอายุน้อยกว่า อาจเป็นปมที่อยู่ในใจของฟ้าใส
ที่ตอนเด็กไม่ได้รับความอบอุ่นจากพ่อ จึงมองหาจากผู้ชายที่แก่กว่า

ร่างสูงขึ้นนั่งมอเตอร์ไซต์ เมื่อฟ้าใสขึ้นซ้อนเรียบร้อยจึงค่อยส่งกระเป๋ากล้องมาให้ถือสะพาย โชคดีที่มีกระเป๋าคอยขวาง
 ไม่งั้นมันก็คงสั่งให้นั่งให้ชิดติดมันอีก แล้วนี่มันจะไปไหนต่อ ฟ้าใสก็ไม่ได้ถาม ก็ตามนิสัยของเขาเองแหล่ะ ก็ใครๆก็ทำแบบนี้
กับเขานี่ ชวนไปไหนถึงเขาจะมีธุระ หรืออยากทำอะไร แต่พอโดนตื้อก็ปฏิเสธไม่ได้ยอมเก็บธุระตัวเองไว้ก่อน
เพราะฉะนั้นป่วยการคิด จะไปไหนก็ไปให้จบเรื่อง หมดกับเรื่องคนอื่นเสร็จ ก็ค่อยเป็นตัวของตัวเอง


TBC...

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ฟ้าใสจะรอดมือเด็กปะเนี่ย สงสัยครานี้คงได้กินเด็ก..เอ๊ย..โดนเด็กกินมั้ง

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ดูท่า โปสการ์ดชุดนี้จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า โปสการ์ดรูป

"คน กับ ควาย"

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
(ต่อ)

“นี่..อย่าหลับนะ” เสียงเตือนจากคนไหล่กว้างข้างหน้า 
ฟ้าใสนึกถึงคำเตือนเมื่อไอ้เด็กตัวโตพูดตอนที่มารับเขาขึ้นรถตอนแรก ยังนึกบ่นว่าใครจะบ้าหลับ ไม่ใช่เด็ก

อื้อ ...จริงด้วยฟ้าใสเกือบจะพล็อยหลับ เพราะสายลมเย็นที่พัดปะทะหน้า เพลียจากอากาศอ้าวๆ
จากที่มึนหัวนิดๆที่มีอาการไม่สบายด้วย ตาที่จะปิดลงเรื่อยๆ ศีรษะที่มีกลุ่มผมสลวยอิงซบกับแผ่นหลัง
กลับมารู้สึกตัวเมื่อเสียงเตือนจากเจ้าของแผ่นหลังกว้างเอ่ย มือเล็กกำจับที่ชายเสื้อมั่นขึ้น
จับอย่างนั้นมันจะไปมั่นอะไรนักหนา ร่างสูงนึกยกยิ้มที่มุมปาก แล้วเอื้อมมือตัวเองไปจับมือมาโอบเอวตัวเองไว้

“ไม่คิดเงินหรอกน่า”

“อ๊ะ แน่ละสิ นายจะมาคิดเงินได้ไง เราซะอีกเฟ้ยที่ต้องคิดค่าจ้างมาเป็นเพื่อนนะเนี่ย ทั้งคอยถือของให้ด้วย”
เสียงบ่นงุงงิ๊งต่อ “ขนาดมึนหัวนะยังอุตส่าห์มานะเนี่ย” “เฮ้ย...ดูทางดิ หันมามองอะไร”
 ฟ้าใสรีบผลักหน้าคนขี่รถที่หันมามองหน้า โดนแหย่หน่อย เลยหายง่วง

ฟ้าใสมองข้างทาง นี่เขาคงเผลอหลับไปแน่ เพราะไม่รู้แล้วว่าที่ไหน

“แล้วนี่ถึงไหนอ่ะ”

“บอกไปจะรู้ไหมล่ะ เคยมาแถวนี้เหรอ”

“ก็ไม่บอกมาจะรู้ไหมล่ะ ว่ารู้จักเปล่า” ฟ้าใสก็เถียงมันบ้างล่ะ แก้ง่วงด้วย แล้วมันก็ชอบข่มเหมือนเขาเป็นเด็กกว่าอยู่เรื่อย

“พูดไปเสียเวลาน่า ถ้ารู้จักก็รู้จักไปแล้วล่ะ” คนตัวโตก็ไม่วายข่มกลับแอบยิ้มเยาะอีกต่างหาก

“เหอะ” ปึก ศอกของร่างเล็กแต่อยู่ในตำแหน่งได้เปรียบกว่าเหวี่ยงใส่ไหล่ แต่คนถูกทำไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด กลับยิ้มมากขึ้น

“หายง่วงยัง แถวนี้เขาเรียกวัดคุ้ง ขับต่อไปก็จะถึงสะพาน ข้ามไปก็เป็นทางกลับบ้านแล้ว”

“อ้าวนายจะกลับแล้วเหรอ แล้วถ่ายได้เยอะหรือยัง เห็นไปไม่กี่ที่เอง”

“ก็เห็นเพลียแล้วนี่นา”

“เฮ้ย บ้าน่า เราไม่เป็นไร  ไหนๆออกมาแล้ว เพลียอะไร แค่ลมพัดเย็น เข้าตา มันก็หลับตา ตามันหลับ มันก็เลยหลับอ่ะดิ” แหมเรื่องงานเรื่องการ ฟ้าใสก็ต้องสนับสนุนน่ะสิ

“วันหลังมาใหม่ก็ได้”

“ไม่ต้องหรอก วันนี้นี่แหล่ะ แดด ก็ยังมีอยู่เลย  เดี๋ยวกลับไปจะได้ช่วยดูให้ด้วย” เขาพูดเชียร์ เด็กมันจะได้ขยันๆ

คนขับหันมาเหล่มอง ฟ้าใสเลยรีบยื่นหน้าไปรับรองอย่างแข็งขันว่าตัวเองไม่เป็นไร สดชื่น แต่พอตาประสานกัน
 ก็รู้สึกชักไม่ค่อยดี เลยรีบทำเป็นเตือนคนข้างหน้าให้ดูทาง

“เอาก็เอา งั้นเดี๋ยวขอแวะที่วัดสันต้นคำนะ”

“ฮื่อ ตามสบายเหอะ”

หลังจากไอ้มายขับไปฟ้าใสก็ดูข้างทางไป จนถึงวัดสันต้นคำ ซึ่งเป็นวัดเล็กๆ ดูเก่าแก่  ซึ่งเป็นวัดที่สวยงามทางด้านศิลปะของ
พม่า  ความสวยงามวิจิตรพิสดารที่เน้นศิลปะในด้านการแกะสลักไม้สัก สลักเป็นลาย ลวดลายการขดและลายเครือเถา
ห้อยย้อยลงมาคล้ายม่านของทางขั้นบันไดทั้ง 2 ข้าง

ฟ้าใสไม่ต้องคอยเดินตาม ปล่อยให้มันเดินไปดูโน่นนี่ถ่ายเอง  นั่งไปสักพัก ลมเย็นๆ หัวมึนๆ หลังวัดที่ติดกับแม่น้ำ พาให้....


เสียงชัตเตอร์ ดังไม่ไกล แต่ก็หลายทีเข้า มันก็ก็เข้ามาในสมอง จนเรียกให้เราตื่นจนได้  ฝันอะไรไม่รู้ 
จำได้คับคล้ายว่ามีคนให้ของใส่มือ เราไม่เอา แต่พอถือไปทำของหายก็เสียดายจนจะร้องไห้ เสียง กุกกัก ใกล้ตัว
ร่างสูงนั่งพิงเก้าอี้ ที่ฟ้าใสเอนกายนอนคู้อยู่ ก็ตอนแรกฟ้าใสก็แค่พิงพนัก แต่หลังจากเห็นว่าก็ไม่มีใครเดินผ่านมาทางนี้
เลยขอนอนไปเลยแล้วกัน กระเป๋ากล้องที่คนมาด้วยกันฝากไว้นอนกอดแนบตัวก็ไปอยู่ในมือเจ้าของแต่เมื่อไหร่ 
อะไรว่ะ เรานี่หลับไม่รู้เรื่องเลยเหรอ เอ..แล้วที่ฝันเมื่อกี้ เราร้องไห้ออกมาหรือ รีบยกมือขึ้นแตะตาตัวเอง ไม่มีน้ำตา โชคดีไป
  ถ้าไอ้มายเห็น เขาคงได้อายมันแน่ แต่เหมือนความรู้สึกเศร้ายังคงค้างคาอยู่ในอก


มายหันมาดู เมื่อรู้สึกได้ว่าฟ้าใสขยับตัว เมื่อกี้ก็ถ่ายภาพคนนอนหลับไปได้หลายภาพ ถึงจะหลับใหลไม่รู้สึกตัว
อารมณ์ที่อวลในตัวคนหลับกลับดูเคว้งคว้าง ไม่เหมือนท่าทางที่มียามตื่นในเวลาปกติ

“ไปกลับกันเหอะ”ร่างสูงลุกยืม ก้มชวน คนเพิ่งตื่น ที่กระพริบถี่ เรียกสติ

“กี่โมงแล้วอ่ะ”

“ห้าโมงจะครึ่งแล้ว”

“ห๊า!!!” ฟ้าใสอุทานเสร็จรีบผุดลุกนั่งตัวตรงทันที บ้าน่า ไม่เคยมาหลับนอกสถานที่อย่างงี้นานขนาดนี้มาก่อน
ธรรมดาง่วงมากก็งีบสัก 15 นาที ครึ่งชั่วโมง ไม่ว่าจะตามบ้านเพื่อน หรือเวลาเมา เอหรือว่าเคย ช่างเหอะ
นี่หลับไปเกือบ สองชั่วโมง เฮ่ย ชั่วโมงครึ่งเอง 

“เสร็จแล้วเหรอ”

“ยังหรอก ว่าจะค้างคืนที่นี่”

“บ้าเหรอ” คนตัวเล็กตวัดเสียงขว้างค้อนใส่

“555”

“หลับไปนาน ทำไมไม่ปลุกล่ะ”

“ก็เห็นหลับสบายดี ใครจะไปอยากกวนล่ะ” กวนไม่กวนไม่รู้แต่ก็แอบชิมแก้มนวลไปแล้วล่ะ ดูท่าคนตัวเล็กคงไม่สบายจริง หัวอุ่นๆ แต่ตัวเย็นเชียว

ฟ้าใสทำท่าลุกคนตัวโตยื่นมือมาให้จับ จะปฏิเสธก็ยังไง หมั่นไส้ ทำเป็นแมนเชอะ คิดผิดคิดใหม่ก็ไม่ทันแล้ว

ฟ้าใสว่าจะแกล้งมันเล่น เลยใช้น้ำหนักตัวเอง+แรงที่มี ฉุดแขนที่มีกล้ามซึ่งเจ้าตัวอุตส่าห์หวังดียื่นมาให้ เกาะ
กะจะแค่แกล้งให้เจ้าคนตัวโตที่ชอบท่าทางเหมือนว่าเป็นผู้ใหญ่กว่าเขาเสียฟอร์มเซถลาบ้าง 
ทำไปแล้วก็นึกเสียใจไม่ทันซะแล้ว

ร่างใหญ่นั่นก็เซถลาล้มจริงๆ แขนที่ถูกฉุด ค้ำพนักเก้าอี้ แขนอีกข้างเท้ากับที่นั่ง ตาวาวที่จ้องใกล้ในระยะ
ปลายจมูกจะชนกันอยู่แล้ว ปากที่เตรียมยิ้มเยาะหัวเราะ  กะจะแกล้งอุทานว่า ”ขอโทษ” ได้แต่อ้าค้าง หน้าเปลี่ยนสี
เมื่อพบว่าตัวเองถูกกักอยู่ใต้วงแขนของร่างใหญ่โต ใจเต้นตุบตับ ใกล้จนได้กลิ่นกายคนตรงหน้า ใกล้เสียจนนับเส้นขนตาได้

ทำอะไรไม่คิด ฟ้าใสได้แต่ด่าตัวเอง
ไม่อยากสบตาจนต้องเบือนหน้า

 “ถอยออกไปได้แล้ว” แขนเล็กออกแรงดันอกแกร่งให้ออกห่าง

“หึ หึ” ร่างสูงก้มหน้าจนจมูกเฉียดแก้มเนียนที่แดงระเรื่อ สีแดงลามระเรื่อยจนถึงใบหู

“เป็นไงล่ะ” ร่างสูงกระซิบผ่านริมฝีปากใกล้หูจนฟ้าใสสัมผัสลมหายใจอุ่นของเจ้าตัว



ร่างชายหนุ่มสองคน คนตัวโตจับข้อมือคนตัวเล็ก ให้เดินตามกันไป

พอรถมาจอดเพื่อกินข้าวกัน ฟ้าใสก็แปลกใจหน่อยว่าทำไมมันพากินข้าวในเมือง
 คงอาจเห็นว่าแถวศูนย์คงไม่ค่อยมีอะไรอร่อยมั๊งแล้วก็เย็นแล้วด้วยแถมเป็นวันหยุดอีก

“กินขนมต่อสิ”

“...” นิ่งคิดอยู่หน่อย เอาก็เอา เผื่อจะสดชื่นขึ้น มันเหมือนตัวรุมๆ ร้อนๆ แต่พอลมพัดมาก็หนาว “เอาขนมปังน้ำแดง”

คนนั่งตรงข้ามเอื้อมมือมาแตะหน้าผาก ฟ้าใสว่าเบี่ยงหลบ แต่เดี๋ยวก็โดนว่าอีก เลยปล่อยให้มันจับไป เพราะเพลียด้วย
เหงื่อออกแต่หนาวๆ  ลมพัดกรรโชกมาซู่ใหญ่ อากาศทางเหนือไม่ค่อยแน่นอน กลางวันอ้าวๆ ตอนเย็นหรือค่ำฝนมักจะตก
ฟ้าใสเริ่มห่อตัว ลมพัดมา หนาวจนสะท้าน มายเอาเสื้อคลุมแบบพวกขี่มอไซค์ใส่กันมาให้ใส่ ถึงไม่ชอบก็คงต้องใส่

“เดี๋ยวถึงบ้านแล้ว” เสียงหนุ่มรุ่นน้องบอก ฟ้าใสก็ฟังไปงั้นๆ มึนหัวว่ะ

จากในเมืองไปศูนย์ มันก็หลายสิบกิโลนะ ดูท้องฟ้าแล้ว จะรอดหรือเปล่า
มายเร่งเครื่อง ฝนเริ่มลงเม็ด ไม่อยากให้คนตัวเล็กเปียก

“ไม่เอาถึงแบบขาเขียวขาม่วงขาแดงนะ”

คนตัวเล็กตะโกน เมื่อเห็นเขาเร่งความเร็วขึ้น

 สักพักรถมาจอดที่บ้าน 2ชั้นที่อยู่ในซอย   ฟ้าใสมองหน้าร่างสูงงงๆ

“บ้านน้า เข้ามาก่อน” พูดจบก็โอบไหล่รั้งตัวให้เดินเข้าบ้านด้วยกัน

 คำอธิบายสั้นๆ “อยู่กับน้าน่ะ” ร่างสูงเดินจูงนำไปที่ห้อง บอกให้เช็ดหัวก่อน พลางอธิบายไปด้วยว่ามาอยู่กับน้า
 ตั้งแต่เรียนปี 1จนจบนี่แหล่ะ แต่ก็อยู่หอด้วยเพราะสะดวกดี  เดิมก็เรียนที่กรุงเทพ พ่อแม่ก็ยังอยู่ที่กรุงเทพ
แต่บ้านเดิมแม่เป็นคนเชียงราย ฟ้าใสถึงได้ว่ามันพูดภาษากลางกับเขาไม่หลุดภาษาเมืองใส่ อย่างคนอื่น
 ที่บางครั้งก็ฟังไม่รู้เรื่องเลย ต้องคอยบอกให้แปลด้วย

ที่บ้านจะมีน้าทำงานเป็นพยาบาล อยู่มั่งไม่อยู่มั่ง เพราะต้องเข้าเวร น้าเขยเป็นวิศวะ มักไปคุมงานที่ต่างจังหวัด
 มีหลานชาย 3 คน ปิดเทอมแล้ว โดนส่งขึ้นไปเรียนพิเศษ ที่เชียงใหม่ กันทั้ง 3คน  มาบ่อยๆ คงได้เจอกันเอง
ฟ้าใสฟังมันพูดจบก็ดูทะแม่งๆนะ ตรูจะมาบ่อยๆทำไมฟ่ะ

นอกจากพาฟ้าใสขึ้นมานั่งในห้อง มันจะยังบอกให้เขาเปลี่ยนชุดอีก

“ไม่เอาอ่ะ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวนายก็พาฉันไปส่งหอแล้ว”

“ฝนตกขนาดนี้ ไปส่งได้ซะที่ไหน คืนนี้นอนค้างที่นี่ล่ะกัน” คนตัวโตพูด ทำหน้าอย่างผู้ใหญ่
คนตัวเล็กฟัง ถึงไม่ชอบใจก็เถียงไม่ออก ออกมาอย่างงี้เหมือนเป็นลูกไก่ในกำมือมันเลย

“น่า จะได้มาช่วยเลือกรูปกัน ช่วยเลือกหน่อยสิ”

พออีกฝ่ายเอาเรื่องงานมา ฟ้าใสก็เลิกคิดเรื่องอื่น เออ ก็ได้

“นี่ แต่ถ้าฝนหยุดไปส่งได้ ก็ไปนะ”

“โห ไม่สงสารคนต้องขี่ไปส่งเหรอ”

“ไม่!!! ก็อยากไม่บอกอะไรกันมั่งนี่หว่า เตรียมตัวอะไรก็ไม่ได้เตรียมเลย”


ในที่สุด ฟ้าใสก็อยู่ในชุด กางเกงบอล เสื้อยืดลายสไปเดอร์แมน ของหลานมัน  ชุดที่ใส่ หลวมกว่าตัว บอกชี้ชัดว่าฟ้าใสตัวเล็กกว่าหลานมันอีก เฮอะ !!!

ไอ้มายมันบอกให้ฟ้าใสนอนเล่นบนเตียงมันรอไปก่อน เดี๋ยวมาดูรูปกัน
ฟ้าใสหยิบหนังสือการ์ตูนในห้องมาอ่าน หัวก็คงยังมึนเหมือนกัน ดูยังตึบๆทั่วหัว จนหนักไปถึงตา แล้วยังรู้สึกหนาวอีก...


มายเดินถือแก้วโอวัลตินร้อน พร้อมยาที่ว่าจะให้หนุ่มหน้าสวยรุ่นพี่กิน พอเข้ามาในห้อง ก็พบว่า คนตัวเล็กนอนหลับคุดคู้ไปเรียบร้อยแล้ว
หน้าซีดๆปากแดง ท่าทางหนาว แต่ตามไรผมซอกคอ กลับมีเหงื่อออกซึม

เขามัวแต่จัดการดูบ้านให้เรียบร้อย โทรบอกน้าแล้วว่าพาเพื่อนมา น้าเข้าเวรดึก ออกเวรตี 5 อาจจะนอนหอในของเพื่อนเลย เพราะน้าเขยก็ไม่อยู่

มายขยับตัวคนตัวเล็กให้นอนสบายขึ้น

“กินยาหน่อย” กระซิบไปข้างหู แต่ดูท่าจะไม่รู้เรื่องแล้ว ปากอิ่มแดง...เจ้าตัวขยับขดตัวกอดอกซุกหมอน...ดูไปก่อนแล้วกัน




ฟ้าใสรู้สึกตัวตื่น เมื่อได้ยินเสียงมือถือดังแว่วมา เสียงคนพูด สบายตัวขึ้น ที่หนักหัวหายไป ปวดตาหนักตามึนๆที่ท้ายทอยก็หาย
ไปแล้ว อาการร้อนๆหนาวๆ ก็หายไปเยอะเลย หายใจก็โล่งขึ้น พักผ่อนแล้วมันดีขึ้นเหรอ
แล้วไอ้ทฤษฏีให้ออกไปเที่ยวที่ใครสักคนบอก......เขาว่าเป็นพี่ส้มโอนี่แหล่ะที่บอกเขา  หรือว่าเขาโดนหลอกให้ออกไปเป็นเพื่อนพี่โอหรือเปล่ากันแน่ ....

ลืมตามองห้อง ก็ประหลาด ไม่ใช่ทั้งบ้าน ทั้งหอพัก หลายครั้งที่ลืมว่ามาเรียนทำอาหาร ตื่นมาเจอเพดานหอพัก ถึงกับงงว่าอยู่ที่ไหน
บางครั้งรู้สึกโดดเดี่ยวจนต้องมุดหัวเข้าในผ้าห่ม เรียกกำลังใจ

มองเห็นคนตัวโตนั่งคุยโทรศัพท์ที่โต๊ะเขียนหนังสือหน้าคอมพิวเตอร์ จึงนึกได้ว่า เมื่อคืนนอนค้างที่ห้องของไอ้มาย

มองนาฬิกาที่ผนังห้อง เฮ่ย...!!! บ้าน่า บ่ายสาม  บ่ายสาม  ไม่จริงอ่ะ ท้องก็หิว มองอีก เข็มนาฬิกาก็ยังเดิน
เหมือนแขนขาไม่ค่อยมีแรง เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวคงเพราะนอนนาน
คนตัวโตมันทำปากพูดว่า เป็นไงมั่ง ก็ตอบมันไปว่า ดีขึ้นแล้ว

“ชุดอยู่หน้าห้องน้ำ” ฟ้าใสลุกขึ้นถึงจะแปลกใจที่เสื้อผ้าที่ใส่เปลี่ยนไป จะถามก็เห็น ไอ้คนที่น่าจะรู้เรื่องมันยังคุยธุระอยู่
แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดตัว ชุดใหม่ เอ่อ ชั้นในก็ใหม่ เออ ดีมาก ถ้าจะจ้างพ่อบ้านใหม่จะโทรตามนะ ไอ้มาย
อาบน้ำจนสดชื่นขึ้น แต่ก็เมื่อยแขนจนแทบไม่มีแรงจะถือฝักบัว สงสัยนอนทับแขนนาน



ออกจากห้องน้ำ ไอ้คนโตทำท่าทางยังกะไอ้ดอลล่าืี่ทำท่าดีใจเวลาเห็นเขากลับบ้านหรือเดินลงมาจากชั้นบน
ไอ้คนตัวโต ตรงรี่เข้ามา จะคว้าผ้าเช็ดตัวเช็ดผมให้
ไอ้มาย เอ็งจะสำนึกได้ไหมว่า เอ็งเด็กกว่าตรู
ร่างสูงผลักให้คนตัวเล็กกว่าไปนั่งที่เตียง เช็ดผมให้จนเสร็จ คว้าไดร์มาเป่าให้อีก

“ขอบใจ”

“ไม่เป็นไร ยินดี บริการ”

ฟ้าใสมองหน้า กรูประชดโว้ย  ตาคมเหล่มองหน้าคนตอบ ริมฝีปากเม้ม
น่ารักจังว่ะ อยากฟัดอีก ร่างสูงนึกในใจ ยิ้มกว้างให้.....


TBC...


 :man1:

ออฟไลน์ goonglovenut

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1188/-10
ฟ้าใสคงไม่โดนหลอกใช่ไหม มายน่าจะเป็นคนดีนะ ขอให้เป็นอย่างนั้น :L2:

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
แล้วน้องฟ้าใสจะเสียใจอีกหรือเปล่าอะ นู๋กลัว

ขอบคุณมากค่ะ  :L1: :pig4: :L1:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ฟ้าใสจะโดนเด็กกินจริงๆเหรอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry

((ต่อ))

Part : My

เขาคิดตริตรอง ใคร่ครวญ ว่าตัวเองค่อนข้างแน่ใจแล้ว แถมยังโชคชะตาลิขิต ด้วยสิ ไม่งั้นจะมาเจอกันได้ไง
จะหญิงจะชาย ก็ช่าง ถ้าชอบก็คือชอบ
คิดอยู่ว่าถ้าเจอ อีก กรูจีบแน่ จะไม่ปล่อยให้หลุดมือ
เจอกันครั้งแรก ยังตั้งตัวไม่ทัน ปล่อยคุณพี่หน้าสวยแสนเศร้า แกขึ้นเครื่องไปโดยไม่ได้ขอเบอร์ติดต่อเลย
นั่งเรียนอยู่ดีๆ คุณพี่หน้าสวยสุดที่รัก ก็เดินเข้ามา อย่างเงี๊ยะ จะไม่เรียกว่า รักนี้ฟ้าประทาน เทพอุ้มสม ได้งาย ได้งาย วะฮะฮ่า

อะไรก็ฉุดไม่อยู่ ได้มาเจอต่างบ้านต่างเมืองทั้งคู่ อย่างงี้มันเนื้อคู่กัน 1000% เราหักห้ามใจไป
อาจเป็นการฝืนพรหมลิขิต  อาจเกิดวงจร บัตเทอร์ฟรายเอฟเฟ็ต มนุษย์อาจสูญพันธุ์

ลูกผู้ชาย กล้ารัก ก็ต้องกล้ารุก กล้าลงมือ
เสียสละ พลีกายเพื่อ...เพื่อ...ไม่ให้เกิด การเสียสมดุลย์แห่งโชคชะตา

.
.
.
.
ผลการวิจัยก็บอกแล้วว่าการมีเซ็กส์จะช่วยทำให้เราไม่เครียด หรือหากถ้าเราเครียดอยู่แล้วก็จะหายไป
 เพราะหลังเสร็จสิ้นการลงสมรภูมิรัก ร่างกายจะหลั่งอะดรีนาลีนออกมาทำให้เรารู้สึกดี สบายคลายเครียด
 เพิ่มภูมิต้านทาน ทำให้ ปริมาณของ lgA (ภูมิต้านทานชนิดหนึ่งพบมากในน้ำลาย) จะเพิ่มสูงขึ้น
จึงสามารถช่วยฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าเก่า ร่างกายก็จะแข็งแรงขึ้น   ช่วยลดการเจ็บปวด
เพราะร่างกายจะมีการหลั่งฮอร์โมนออกมาให้เรารู้สึกดี สบายมากขึ้น 
หลังเสร็จสิ้นภารกิจ ร่างกายจะมีการหลั่งฮอร์โมนตัวหนึ่ง ที่จะช่วยให้หลับได้ดีขึ้นอีกด้วย

แล้วเห็นไหมล่ะ  พอตื่นขึ้นมา แฟนฟ้าประทาน คุณพี่หน้าใส หายป่วยเลยทันที ถึงแม้จะป้อนยาให้กินด้วยก่อนเถอะ




Ch.4


หลังจากผ่านการเรียนทฤษฏี มา 2เดือน  รวมทั้ง เรียนแกะสลักต่อ

นักเรียนค่ะ  นักเรียนคงเห็นว่า บางครั้งที่ของที่เราใช้ทำใช้เรียนนี่ บางครั้งครูจะให้นักเรียนไปเด็ดมาจากสวนด้านหลังที่อยู่ตรงข้ามหอพักหญิง
นั่นคือผลงานของรุ่นพี่ๆของพวกเรา เพราะฉะนั้น  ตอนนี้ก็เป็นเวลาของพวกเรามั่งแล้วนะที่จะมีผลงาน
ขอให้นักเรียนไปคิดว่าใครจะปลูกอะไรนะค่ะ ในพื้นที่ 1x2 เมตร หรือใครอยากทำมากกว่านั้นก็ทำได้   
พร้อมทั้งทำรายงานเกี่ยวกับพืชสมุนไพร คุณประโยชน์ ระยะเวลาการเจริญเติบโต รูป ไม่ต้องเยอะหรอกค่ะ
 ไม่เกิน 5หน้าและไม่ต่ำกว่า3หน้านะค่ะ ใช้ฟ้อนท์ อังศนา 18 หรือจะใช้ลายมือเขียนมาก็ได้ค่ะเข้าเล่มธรรมดาค่ะ
 เพราะครูจะนำไปรวมเล่มเป็นผลงานของรุ่นเรานะค่ะ

สิ้นออร์เดอร์นี้ ไอ้มายก็มีสีหน้ากระหยิ่มทันที ส่วนผมนะเหรอก็รู้สึกรักมันทันที 555 วันนี้โชคดีที่ได้นั่งข้างมัน
แหมจะใช้ แป้น กับ ดอย ก็จะหาว่า ใช้แรงงานผู้หญิง และเด็ก ตัวเล็กกว่า ก็ต้องเล็ง ไอ้ตัวโต ข้างๆนี่แหล่ะ

“มาย ปลูกอะไรดีล่ะ” ผมกระซิบถาม เอ๊ะ พูดใกล้แค่ไม่ได้ยินอีกแฮะ ผมเลยเอียงตัวไปกระซิบกะมันใหม่จนไหล่ชนกัน

“มาย จะปลูกอะไรดีอ่ะ ที่มันง่ายๆอ่ะ” พลางเอามือเขี่ยๆต้นขา อ้า ได้รับความสนใจจากท่านแล้ว

“เดี๋ยว จดงานก่อน” เชอะทีตอนนี้ทำมาเป็นจดงาน ผมเลยไปดึงสมุดมันมา มันนะเป็นคนจดงานช้า
แล้วมันก็ไม่ค่อยชอบจดหรอก ในสมุดมันนะ มีแต่ลายมือผมทั้งนั้น

“เอามานี่ เดี๋ยวจดให้เอง ไปจัดการเลยจะปลูกอะไร คิดให้หน่อย เร็ว คนอื่นเค้าเริ่มเดินออกไปลงชื่อแล้ว ไปเร็ว”
ผมก็รีบผลักไสไล่ส่งมันให้ออกไปเขียนชื่อจองบนกระดาน
 มันนะเอาแต่ทำฟอร์มเล่นตัวต้องให้ผมง้อมันก็ทำเป็นลุกช้าๆ วางมาดออกไปลงชื่อ ต่อจากพี่โบ้ โหระพา
 ของมันลงตะไคร้ ของผมเป็นขิง ผมก็ถามมันว่า อ้าวทำไมไม่ลงข่าล่ะ จะได้เป็นขิงกะข่า เผื่อได้อยู่แปลงใกล้ๆกัน
มันก็บอกตะไคร้น่ะดีแล้ว ต้องการใช้เยอะกว่า เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นกว่า เออ เออ เอ็งคนดี  แล้วมันยิ้มๆ
บอกว่า ผมนะเหมาะกับขิงดีแล้ว เออ พูดไรก็ช่าง ขอให้มันง่ายๆจริงนะ ผมไม่กินผัก ไม่รู้จักต้นไม้นะเฟ้ย
 กระเพรากะโหระพาผมยังแยกไม่ค่อยออก นี่พยายามเก็บไว้เป็นความลับ ครูหยก ครูนิน เชฟ รู้เข้า ผมโดน แกล้งแน่
.
.
.
.
[My] ดาร์ลิ่งผมน่ะ เหมาะกับขิงแล้วล่ะ เพราะฟ้าใสหน่ะ ทั้งเผ็ดทั้งร้อน แถมออกหวานอีกต่างหาก ผมชิมมาแล้ว

[Fha-sai] ไอ้มาย แกเหมาะกับตะไคร้มาก อยู่ใกล้แล้วคัน คันมือคันไม้ อยากฟาดมันสักตุ๊บ2ตุ๊บหมั่นไส้มันโคตๆ
 – ไอ้ใบตะไคร้นี่มันคันใช่ป่ะ เอ๊ะ หรือว่านั่นมันใบหญ้าคาหลอ อ้าว ใบไอ้นั่น มันเป็นใบหญ้าคาเหรอ ไม่ใช่ต้นตะไคร้เหรอ หวาย!!! >///< หน้าแตกอ่ะ
.
.
.
วันรุ่งขึ้น หลังจากเช็คชื่อเสร็จ ครูนินก็บอกให้เราไปดูแปลงที่ปลูกพืชสวนครัว+สมุนไพร  ครูนินเอารายชื่อ
พวกบรรดาพืชที่เราลงชื่อ ไว้ให้คนสวน  แกก็จัดที่ให้ตามความเหมาะสม ตะไคร้ของไอ้มาย ได้ไปปลูกริมคลองเล็กๆที่พาดผ่าน
 ก็ใกล้กับผมนี่แหล่ะ แล้วขิงของผมก็อยู่ข้างๆ ข่า แล้ววันนี้ก็ให้เตรียมดิน ขุด พรวนดินได้เลย ก็เดินตามไปเอาอุปกรณ์ หรือใครจะไปซื้อ ของมาปลูก ก็จัดการได้เลย

 พี่เป็ก ก็อาสาพาเด็ก ๆไปซื้อ ด้วยรถกระบะของแก ส่วนผมก้อนั่งดู ไอ้มาย ก็จะเริ่มเตรียมดินก่อน
 ผมดูมันแล้วไม่น่าเชื่อ ท่าทางมันทะมัดทะแมงมาก กล้ามแขนนี่สวยเลย ขณะที่มันขุดดินพรวนดิน เตรียมสำหรับลงตะไคร้ของมัน

 แล้วผมทำอะไรนะเหรอ ก็ต้องนั่งดูมันทำไงล่ะ  จะไปนั่งตรงม้าหินอะไรก็ไม่ได้ ต้องนั่งเฝ้ามันใกล้ๆ
 ตอนแรกก็นั่งยองๆ แต่พอนานเข้าก็นั่งขัดสมาดกับพื้นหญ้านี่หล่ะ ผมก็ชินแล้วล่ะ งานประจำไอ้นั่งเฝ้า
งานเป็นเพื่อนนี่เป็นความดีเด่น ความสามารถเฉพาะตัวห้ามลอกเลียนแบบ มันขู่ว่า ถ้าผมไม่นั่งอยู่ด้วยมันจะไม่ปลูกขิงให้ผม

 สักพักใหญ่ ก็แฮ่กเหมือนกัน  มันก็ทำซะเว่อร์ ขุดเอาโล่หรือไงไม่ทราบ  ขุดซะลึก ยังกะจะปลูกลีลาวดีสูง3เมตร 
55 ผมพูดเอาเว่อรอ่ะครับ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่ดูแล้วก็ลึกกว่าของคนอื่น คนอื่นผมก็ว่าเค้าก็ขุดปลูกพอประมาณ
 แค่ไม่ให้มันล้มเท่านั้นอ่ะ ไม่เห็นมีใครเค้าคิดจะปลูกให้มันถาวรเป็น ปู่ตะไคร้ ย่าตะไคร้แบบมัน หวังว่ามันไม่ขุดปลูกขิงของผมลึกจนขิงผมหาทางขึ้นพื้นดินไม่ได้หรอกนะ
 – ผมไปหาข้อมูลแล้วเค้าขุดแค่ 5-10เซนต์เอง ง่ายดีจริงๆด้วย แต่เรื่องต้องมาปลูกห่างกันกี่เซน ไม่เอาอ่ะคิดแล้วปวดสมอง ปล่อยเป็นหน้าที่มันแล้วกัน

หลังจากเตรียมดินเสร็จทั้งของผมแล้วของมัน มันก็ไปล้างไม้ล้างมือ แน่นอนผมก็ต้องกลายเป็นจำเลยรัก อ๊าค!!!ไม่ใช่ เป็นแค่คนคอยรับใช้มัน ส่งผ้าให้เช็ดหน้าเช็ดตา

“แล้วจะไปซื้อขิงเลยเปล่าอ่ะ” ตอนนี้ผมก็ต้องพยายามทำตัวให้น่ารักที่สุดล่ะ จะพูดจะจาก็เสียงอ่อนเสียงหวานไว้ก่อน
ปลูกเสร็จล้อมเชือก ปักป้าย  ค่อยเปลี่ยนน้ำเสียงใหม่ ท่านชายมองหน้าผมยังกะเจ้าน้อยมองไอ้ทัด
เอ!!หรือผมควรเรียกมันว่า เจ้าฮะ เจ้าฮะ อิเกรียงมันคงหัวเราะผมตาย 555

“พักก่อนสิ ตัวเองนั่งดู สบายนี่ เดี๋ยวค่อยไป” มันก็นั่งเอาผ้าชุบน้ำหมาดเช็ดแขนเช็ดขาตามเรื่อง
โธ่ ก็ถ้าตอนที่มันขุดไป แล้วลองผมติดรถพี่เป็กไปซื้อของกับพวกเด็กๆ ประหยัดทั้งเวลา
มันก็ไม่ต้องเหนื่อยขี่รถไปซื้อ แต่ถ้าผมทำอย่างงั้น รับรองมันตาเขียวใส่ผมแน่ แล้วมันก็ต้องบ่นว่า
 ซื้อเป็นด้วย รู้จักหรือเปล่าน่ะขิงน่ะ ดูเป็นเหรอ เลือกเป็นเปล่า รู้ด้วยเหรอว่าต้องเลือกแบบไหนเอามาปลูก
 แล้วท่านชายก็จะปรายตาเยาะเย้ยถากถาง ผมผู้อายุมากกว่ามันถึง3ปี

 หลังจากนั่งๆคุยกันพักใหญ่ มันก็ยังไม่ไปซื้อซะที กินข้าวก็แล้ว

“มายไม่ไปซื้อตะไคร้กะขิงมาเลยเหรอ จะได้ช่วยถือ” ผมก็ถามด้วยความข้องใจ ไม่เห็นมันจะไปซะที
หรือว่ามันจะไปซื้อเองคนเดียว เดี๋ยวก็จะมาบ่นว่าผมไม่ได้ทำอะไร
ไอ้มายมองหน้าผมด้วยสีหน้ารำคราญ คิ้วขมวด อะไรว่ะ ถามแค่นี้ ตรูทำอะไรผิดอีกว่ะ

“ตลาดเค้าเปิดหรือยังล่ะ รู้ดีอีก”

“อ้าว แล้วทีพวกที่พี่เป็กเค้ายังออกไปซื้อกันได้” ผมก็เห็นคนก็ออกไปซื้อกันนี่นา

“แล้วนั่นมันจะมีให้เลือกมากนักหรือไง”

อ๊ะ ไอ้นี่ เอ็งจะซื้อซูเปอร์ขิงให้ตรูเลยหรือไงฟ่ะ ขิงมันก็คือขิง เป็นหัวๆ เขาก็บอกให้แค่ขุดดินแล้วก็ฝังนี่หว่า
แล้วมันก็จะสู้ชีวิตเติบโตต่อไป ผมก็ตามเคยก็ต้องได้แต่นึกในใจล่ะ ใครจะเอ่ยปากบ่นล่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวโดนฝังกลบ(ขิง)เอาเอง

“ก็ไม่บอกนี่ ก็ไม่รู้ เห็นนั่งๆไม่ได้ทำอะไร” ผมก็ไม่วายพึมพำพอให้มันได้ยิน

“ไม่มีอะไรทำ ก็ขึ้นไปนอนบนหอนั่นไป๊” ผมได้ฟังก็หน้าบาน ท่านอนุญาตให้ผมพักผ่อนได้ ไม่ต้องนั่งเป็นเพื่อนท่าน

“แล้วนายจะไปกี่โมง”ผมขยับตัวลุกขึ้นยืน เย้ เย้ เดี๋ยวจะได้ไปนอนกลิ้งอ่านการ์ตูนต่อ

“ไปตอนเย็น ตลาดขายส่ง เค้าเริ่มค่ำๆ”(- จนถึงเช้า เค้าก็ขายปลีกด้วยหล่ะ แต่ของจะเยอะกว่าพวกตลาดสดธรรมดา เยอะกว่ามากกกกก)

“อ้าว แล้วเดี๋ยวนายค่อยโทรเรียกเหรอ” ผมก็สงสัยว่ามันจะนั่งคุยกับพวกพี่เด็กๆคนอื่นจนถึงเย็นเหรอ
มันทำเสียงจิ๊กปาก ตาขวางมองหน้าผมอีก

“ใครจะนั่งอยู่ล่ะ ก็ต้องขึ้นไปด้วยสิ” เฮ้ยเอ็งไม่ใช่เด็กหอน๊า ผิดกฎนะเฟ้ย ผมก็มองหน้ามัน ดูมันทำ ยังจะมามองหน้าผมตอบอีก

“...”
“อ่ะ ...จะขึ้นไปหรือจะนั่งอยู่ที่นี่” ไอ้มายถามผมพร้อมมองหน้าทำนองว่าจะเอาไง

“ก็ขึ้นสิ ใครจะนั่งนี่ล่ะ ขึ้นไปอ่านการ์ตูนต่อดีกว่า” ผมน่ะแทบอยากจะบอกว่านายไปซื้อคนเดียวไม่ได้หรือไง
 ไหนๆตะไคร้ของมันก็ต้องกอเบ่อเริ่มอยู่แล้ว หอบขิงผมอีกสักโล-2โล จะเป็นไรไป แหะ แหะ คิดดูก็เป็นเหมือนกันนะ^_^ ถึงได้ไม่พูดไง  พูดไปก็โดนด่ากลับแน่ชัวร์

ผมก็บอกพวกที่นั่งว่าขึ้นแล้ว โดยมีไอ้มายเดินตามหลังผมมาด้วยอย่างเนียน

“นายจะอาบน้ำล้างตัวเลยก็ได้นะ มีผ้าเช็ดตัวสำรองอ่ะ”ผมก็บอกมันอย่างมีน้ำใจ ก็ต้องนั่งอีกตั้งหลายชม. เผื่อมันจะได้สบายตัว อุปกรณ์อยู่ในห้องน้ำแล้วตระกร้าสีชมพู ที่มีสบู่เหลวสีส้มๆน่ะ มันก็พยักหน้า ผมเลยหยิบผ้าขนหนูสำรองของผมให้ไป ยังจะดมอีก

“สะอาดน่า จ้างเค้าซักน่า” ผมใช้ระบบบริการของแม่บ้านครับ 2วันทีแกก็มาเก็บที่ผมใส่ตระกร้าไว้
แล้วตอนเย็นวันรุ่งขึ้นแกเอามาวางซักรีดเรียบร้อย

พอมันเดินไปเข้าห้องน้ำ ที่อยู่ในห้อง ผมก็เปลี่ยนชุดใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น นอนอ่านการ์ตูนที่อ่านค้างต่อสักพักมันก็เดินออกจากห้องโดยสวมกางเกงตัวเดิม ไม่ใส่เสื้อ มีผ้าเช็ดตัวพาดคอ ออกมา
ผมทำเป็นสูดกลิ่น แล้วก็พูดว่า”เออใช้ไม่ผิดตระกร้านี่นา” ก็สบู่เหลวของผมจะเป็นกลิ่นส้ม
จะอ่านหนังสือเปล่า นอนข้างล่างก็ได้มีเบาะ พื้นสะอาด แม่บ้านเค้าถูทุกวัน

มันพาดเสื้อไว้ที่เก้าอี้ แล้วมันกลับ…กลับ...เอาเข่าลง   มือเท้าที่ข้างตัว คร่อมร่างผม อย่างช้าๆ ...แล้วข้ามพลิกตัวไปนอนด้านในข้างๆ

ไอ้เด็กเปรต!!!
แกทำอะไรที่ชวนใจหายใจคว่ำมากเลยนะแก ไอ้มาย ผมได้แต่อึ้งจะมองหน้าก็ไม่กล้าเพราะหน้าผมมันคงแดงไปถึงหู จะโวยวายดีดดิ้นก็ดูจะเสียฟอร์มผู้หลักผู้ใหญ่ ถ้าเป็นอิเกรียง ผมก็คงเฉยๆ  ผมควรทำไงดีว่ะ มันข่มผมหลายทีแล้วไอ้เด็กนี่

  ไอ้เจ้าตัวพอมันลงมานอนข้างผมได้ ก็ทำเป็นตั้งท่าจะหลับ ถ้าเป็นหอหญิงก็คงไม่แปลกที่ผู้หญิงจะมานอนคู่กัน จับคู่กันเม้าท์  แต่นี่มันหอชาย แต่ก็มีบ้าง ที่ไอ้พวกเด็กๆที่อายุ15-16ที่มันมาเรียนด้วยกันกะเพื่อน บางทีผมก็เห็นมันขี้เกียจกลับห้องตัวเองก็ไปนอนสุมกันห้องเดียว

แต่ไม่ใช่ อย่างผมนี่ ที่ ไอ้มายมันอายุ 22ตัวอย่างกะควายแล้วนะจะมานอนเบียดกับผมที่อายุ25น่ะ
 เอาวะ มันก็คงไม่ตั้งใจมันอาจไม่ชอบนอนกับพื้น นี่มันก็ไม่ได้เบียดผมเท่าไหร่ ตัวเนื้อก็ไม่ได้ถูกกัน
 มันก็นอนชิดด้านใน แต่ผมก็แอบเขยิบจนชิดด้านริม ไม่อยากมองหน้ามันเร๊ย  ผมนอนอ่านจนไปเล่มต่ออีกเล่ม อ่านไปผมก็ชำเลืองมองหน้ามัน

ฮือฮือ  ไม่อยากมองหน้ามันเลยแต่ก็อดมองไม่ได้  หน้าตามันจัดว่าหน้าตาดีทีเดียว หน้าตาดีแบบหนุ่มๆน่ะ
 แต่ก็ไม่ใช่สเปคผม  มันก็นับว่าผิวขาว แต่ผิวนอกร่มผ้าทั้งหลายก็ตามแบบคนชอบอยู่นอกบ้าน
 ปากแดงอิ่มแบบคนสุขภาพดี เชิดเพราะตัวมันก็เป็นคนชอบทำปากเชิดๆเชอะๆใส่คนอื่นอยู่เสมอด้วย
ช่วงตัวยาว ที่ผมเห็นว่ามันออกแนวผอม กลับมีกล้ามท้องนิดๆลอนๆพอสวย กล้ามเนื้อที่อก ไหล่และต้นแขน ท่อนแขนก็มีกล้ามพร้อมเส้นเอ็น ดูใกล้ๆที่ผมคิดว่ามันป้อแป้ ไม่ใช่พวกออกแรงออกกำลังนั่นคิดผิดไปแล้ว ยิ่งพอเห็นมันขุดดินพรวนดินด้วยแล้ว ผมไล่มองต่ำลงสันกระดูกสะโพกที่โผล่พ้นขอบ นั่นทำเอาผมใจสั่น ก็เพราะมันเซ็กซี่มาก เลือดกำเดาจะไหลอ่ะ แพ้ ริ้วสันกระดูกสะโพกอ่ะ
ผมแอบถอนหายใจเบาๆ ก็มันรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้นอนข้างๆใครมาตั้ง5-6 เดือนแล้วอ่ะ ผมปิดหนังสือการ์ตูนแล้วนอนมั่งดีกว่า นั่งดูมันขุดดินผมก็พลอยเหนื่อยไปด้วย ไม่นานผมก็หลับไปจริงๆ


RRRRR RRRRR เสียงมือถือผมที่ผมวางบนโต๊ะข้างเตียง
 ผมจึงค่อยรู้สึกตัว พอลืมตาก็ค่อยเห็นร่างสูงของไอ้มายที่ทำท่าเหมือนนั่งเล่นเกมส์ในโทรศัพท์อยู่ มันกำลังจ้องมองผม

“ใครก็ไม่รู้ โทรเข้าหลายครั้งแล้ว” มันทำหน้ารำคราญอีกแล้ว เอ็งไปเรียนการแสดงเลยดีกว่า เผื่อจะได้มีสีหน้าหลากหลายมั่งว่ะ ไอ้มาย

“อ้าว ทำไมไม่เรียกล่ะ” ว่ามันไปก่อนมั่ง  ผมรีบดูชื่อ เป็นไอ้หมูแฮม คนรู้เบอร์ใหม่ มีเท่าที่เพื่อนฝูงติดต่อกันเป็นหลักๆเท่านั้น ถ้าจะตกหล่น แล้วใครอยากติดต่อ มันก็มีช่องทางติดต่อเขาได้ทางอื่นเยอะแยะ

“หมูแฮม สบายดีเหรอ” ฟ้าใสทักทายหมูแฮมด้วยความคิดถึง

“อือ....ไข่ สบายดีหรือเปล่า...” เสียงที่ตอบกลับไม่ใช่เสียงหมูแฮม แต่เป็นเพื่อน คนที่ฟ้าใสคิดว่าเขาเป็นเพื่อน เคยทำกิจกรรมมากมายหลายอย่างร่วมกัน  สีหน้าฟ้าใสเปลี่ยนไป ใจถึงกับกระตุกวูบ อุตส่าห์เปลี่ยนเบอร์  ไม่อยากยุ่งเกี่ยว อย่างน้อยก็ขอเวลาให้เขาปรับตัวปรับใจ จนกล้าแข็ง ตายด้าน หน่อยเถอะ

“ฮื่อ...”

คนร่างสูงชำเลืองมอง เมื่อได้เสียงฟ้าใส ตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาโหวง ผิดจากตอนแรกที่เอ่ยทักทายอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสดใส ขี้เล่น

 “ไข่ เลิกเรียนแล้วเหรอ ทำอะไรอยู่”

“เปล่านะ วันนี้เค้าให้ปลูกผักน่ะ” ฟ้าใสก็สงสัยว่า แชมพูมันจะติดต่อมาเรื่องอะไร แล้วยังใช้มือถือของไอ้หมูแฮมอีก เหมือนรู้ว่า ถ้าใช้มือถือตัวเอง ฟ้าใสคงไม่รับ จะเป็นเรื่องพี่ลิฟต์หรือเปล่า

“ไข่ ยังติดต่อกับพี่ลิฟต์หรือเปล่า” เสียงอีกฝ่ายถามอ่อยๆ

“เปล่า” ฟ้าใสพยายามตอบด้วยเสียงที่เรียบที่สุด สายตาของคนตัวโตจับจ้อง ปากมันเริ่มเชิดขึ้น ตามองเขม่น

“แล้ว เขาโทรมาหาไข่มั่งเปล่า” ฟ้าใสมองหน้า พยักเพยิก บุ้ยใบ้ ขอความช่วยเหลือจากไอ้เด็กตัวโตกว่า

“เอ่อ เปล่า”

((ฟ้าใสจะไปหรือยังล่ะ เด๋วก็ไปซื้อของไม่ทันหรอก)) เสียงไอ้มายทำเป็นเรียกดังขึ้น มันทำเป็นแก็กเสียงเข้มเชียว

“กำลังจะไปข้างนอกกันเหรอ”

“ฮื่อ”

((ฟ้าใส ไปกันหรือยังล่ะ))

“เออ งั้นวันหลังเราโทรมาใหม่นะ”

“ฮื่อ” อย่าโทรมาเลย กรูไม่อยากคบเมริงแล้วอ่ะ แชมพู

“หวัดดีนะจ๊ะ”

ฟ้าใสรีบตัดสาย โห เมริงมาทำเสียงใสใส่กรูได้อีกนะแชมพู


พอวางสายได้ ไอ้มายก็บ่นทันที คุยอะไรกัน ทีหลังไม่อยากคุยก็ส่งมานี่

“เรื่องของผู้ใหญ่น่า”

“เหอะ...แล้วต้องมาให้ช่วย”

“หุบปาก ไปเลย เมื่อกี้นายเรียกชื่อฉันเฉยๆเลยนะ”

“ไม่เห็นแปลก ไม่เรียก เมียจ๋า สุดที่รัก ดาร์ลิ่ง มายเลิฟ ดีเท่าไหร่แล้ว” มายพูดเสียงเบาไม่ให้อีกคนได้ยิน

“อะไรนะ พูดไร ไม่ได้ยิน”

อุ๊บ!!! ไอ้บ้า ฟ้าใสโดนคนตัวโต เอามือมาแตะริมฝีปาก อึ่ย  มือมันเอาไปจับไรมาเปล่า เด๋วเหอะ
สายตาที่มอง มันทำหน้าจริงจังอีกแล้ว
ฟ้าใสพยักหน้า เหนื่อยใจเหมือนกัน ว่าจะไม่คิดอะไร เสียงที่ส่งผ่านเรื่องเก่ามาในสมองให้นึกถึงจนได้

“นี่ แล้วจะไปซื้อของกันเมื่อไหร่ล่ะ”

“ก็รอคนช่วยหิ้วตื่นอยู่นี่แหล่ะ ทำก็ไม่ได้ทำ ยังจะนอนเอานอนเอาอีก” มันช่างหาเรื่องบ่นอยู่ได้ตลอด ไม่เบื่อหรือไง

“เออ เดี๋ยวแปรงฟันหน่อยก่อน รำคราญปากอ่ะ”

“เออ เออ ทำอะไรก็ทำ”

“งั้นอาบน้ำก่อนได้เปล่า”

“ไม่ได้ เอ๊ยไม่ต้องหรอกเดี๋ยวซื้อของเสร็จก็ต้องกลับมาอาบอีกที”

“อ๊ะ เออ ก็ตามใจก็ได้ รอแป๊บแล้วกัน”

หลังจากออกมามันก็ชวน

“ไปเซ็นทรัลเปล่า”

“ไปสิไปสิ เผื่อเดินดูหนังสือด้วย”เอ ใจดีจริงแหะวันนี้ผมคิด พาออกมาเดินเล่นบนห้างด้วย
 พูดแล้วชักรู้สึกตัวเองเหมือนหมาแหะ โธ่ ถ้ามาอยู่ต่างจังหวัดแล้วคุณไม่มีรถ แถมมอไซค์ก็ขับไม่เป็นนี่
คุณเอ๊ย...ไปไหนก็ได้แค่เดินไปใกล้ๆอ่ะ แค่เดินจากชอป จากหอพักออกมาถนนใหญ่ นี่เอาเรื่องนะ ผมมีไอ้มายเป็นที่พึ่ง นี่ก็ถือมีบุญแล้วนะ

“จะกินอะไรล่ะ”

“เอ...”ผมรีบนึก”อยากกินสปาเก็ตตี้อ่ะ”พูดไปแล้วสีหน้าท่านดูไม่ค่อยเห็นชอบด้วยว่ะ

“ข้าวหมูแดงหมูกรอบก็ได้ แต่เอาเจ้าอร่อยนะ”ผมรีบเปลี่ยนเมนู ท่านดูโอเคขึ้น มันก็พาไปกินเจ้าอร่อยจริงๆด้วย
 อยู่ในซอยก็ถนนน่ะ 2เลน ผมเลยนึกว่าซอยร้านเฮียดูมีชื่อเสียงเพราะคนมากินคนมาสั่งกลับก็หลายคน เยอะๆก็มี

หลังจากนั้นมันก็พาผมไปเดินดูโน่นนี่ที่เซ็นทรัล ผมก็ใช้เวลาดูหนังสือ แล้วก็ซื้อติดมือมาเล่มหนึ่ง ผมชอบสำนักพิมพ์นี้ เคยอ่านแล้วพอเชื่อใจได้ว่าเค้าพิมพ์อะไรออกมาใช้แบรนนี้ก็โอเคอ่านได้ พอจ่ายเงิน เดินเล่นจนค่าความพึงพอใจเต็ม5ดาว

 ผมถึงได้นึกออกว่า อ้าว นี่เราต้องไปตลาดซื้อขิงนี่นา ดูนาฬิกา ปาเข้าไปจะ2ทุ่มแล้วอ่ะ
ผมรีบมองหาไอ้มาย อ่ะ มันนั่งรอผมอยู่ข้างหน้าอ่านพวกหนังสือพิมพ์กีฬาไป ผมรีบเดินไปหา พอไปถึง

“ซื้ออะไรอ่ะ”

“อ๋อ หนังสือ” ผมตอบมันไป เข้าร้านหนังสือก็ต้องได้หนังสือสิท่าน
มันก็ยื่นมือมา ผมก็ส่งให้ไป มันก็รับแล้วหยิบมาดูหน้าปก แล้วเก็บใส่ถุงแล้วก็เอาไปถือเอง อ๊าค ไอ้มาย แกทำไม ทำไม...ดีอย่างงี้ว่ะ ถือของให้ตลอดเลยนะ เอ็งทำแล้วทำให้ทุกครั้งด้วย ผมแอบคิด เกือบลืมว่าจะถาม

“แล้วไปซื้อขิงอ่ะ”

“ก็นี่ไง เดี๋ยวไป ตลาดมันเริ่มกลางคืน นึกว่าว่าจะไม่ถามถึงแล้ว เห็นเดินอย่างเดียวเลยนี่”ผมก็ต้องได้แต่หัวเราะยิ้มหวานให้เท่านั้นล่ะ

และแล้วมันก็พาผมมาเที่ยวตลาด ขายส่งกลางคืน  ผู้คนคึกคัก รถกระบะจอดกันเรียงราย มีทั้งซ้อนคันรอขนของ มีทั้งจะถอยออกถอยเข้า ทั้งคนจะมาซื้อ ทั้งคนจะมาขาย  ไอ้มายมันขี่วนๆดูที่จอดที่ท่าทางจะใกล้ ตะไคร้ของมัน แล้วก็พาผมไปเดินชมตลาด ผมก็ต้องเกาะเสื้อมันไว้ กลัวหลง รีบตบกระเป่ากางเกงเช็คมือถือตัวเอง อยู่แล้วก็โล่งใจเออ กลัวลืมฝากใส่เป้มันไว้ มันเดินนำไปแล้วก็ต้องคอยดูผมด้วย เพราะคนเดินสวนกันหยุดดูของมั่ง รถเข็นก็เข็น ผมก็ต้องคอยหลบ เดินคู่กันก็ไม่ได้นอกจากบางช่วง

 มันก็ถามผมจะเอาอะไรหรือเปล่า เพราะมันเห็นมีผลไม้สวยๆทั้งนั้น แน่นอน ผมไม่เอาหรอก กินก็ไม่ค่อยกิน ที่กินได้ก็มีแต่มะม่วง ฝรั่ง แอปเปิ้ลก็ต้องปอกเปลือก อย่างอื่นนี่ไม่ไหว ก็ที่ไม่กินเพราะมันยุ่ง น้ำหยดเลอะเทอะเปื้อนมือ ไหนจะเม็ดอีก อย่างส้มนี่ไม่เอา ใครชวนกินปฏิเสธตัดปัญหา แกะเปลือก ลอกใยๆ เสร็จแล้วต้องตัดแกน เอาเม็ดออก นี่แหล่ะที่แม่พรรณกับป้านวลเค้าทำแบบนี้ให้พวกเราพี่น้องกิน ตอนเด็ก แล้วอย่างงี้ผมจะทำกินเองได้ไง โดนเพื่อนด่าตายเลย

แต่มันก็ยังจะซื้อฝรั่ง องุ่นกลับไป ผมก็บอกเดี๋ยวต้องถือขิงอีกนะ มันก็บอกเดี๋ยวจัดการเอง พอมันไปถูกใจได้เจ้าซื้อขิงมันก็จับผมไปยืนชิดกระบะตัวมันก็ซ้อนอยู่ข้างหลังกันคนเบียดให้ผม บอกให้ผมเลือกขิงอันที่มีตาเยอะๆ มือมันชี้ไปให้ผมหยิบอันโน้นอันนั้น แต่มืออีกข้างคุณเอ็งจับสะโพกผมอยู่นะเฟ้ย

 สักพักเดี๋ยวมันจับไหล่ผมกระเถิบไปเลือกมุมโน้น หลังจากเลือกได้3โล  ผมหันมาถามมันให้แน่ใจ “พอใช่เปล่า”

“พอแล้วล่ะ เดี๋ยวก็เอาไปหั่นๆแล้วแบ่งปลูก” พอจ่ายเงินรับของมันก็ออกไปก่อนอีก มันก็จูงมือผมเดินออกมา
และในที่สุดเราก็ได้ตะไคร้ มันก็ซื้อเว่อร์1มัด 5กิโล ผมก็คิดอยู่ว่ามันจะหอบไปอย่างไง อ๋อเค้าใส่ถุงพลาสติกใบใหญ่ ไอ้มายมันเอาไว้ข้างหน้า ไอ้พวกผลไม้มันก็แขวนกะแฮนไป ใส่ตะกร้าข้างหน้าไปกะน้องขิงผม

“ดึกเลย นายต้องขับไปขับกลับแย่เลย”

“ฮื่อ ดึกแล้ว ไม่ต้องกลับหรอก ค้างบ้านผมแล้วกัน พรุ่งนี้รีบไปส่งให้แต่เช้าเลย”

“...” ผมก็ทำหน้างงงง

“ดึกแล้วอันตราย...ไม่ใช่เหรอ” มันพึมพำต่อ

“...” งงต่อ+กระอักเลือดนิดหน่อย ไม่อยากคิดแต่ก็ต้องคิด

“เดี๋ยวกลับรีบเอาไปแช่น้ำก่อนเลย ขิงพี่ก็ต้องตัดแบ่ง ทำที่โน่นไม่ถนัดหรอก ของก็ต้องแบ่งกันใช้”
เชอะเอ็งไม่ต้องมาการงานเลย ที่โน่นชอปครัวนะเว้ย อีโต้มีเป็น10เขียงมีเป็น20อัน

“งั้นก็ทำให้เสร็จด้วยล่ะ” ผมบอกมันเสียงเรียบๆ

“อ่ะ ขึ้นได้แล้ว”มันจัดแจงบอกผมหลังจากขึ้นไปนั่งจนสตาทเครื่อง ผมก็จับไหล่มันดึงตัวเองขึ้นขึ้นไปนั่ง คนอื่นเค้าขึ้นอย่างไงผมก็ไม่รู้ง่ะ ก็ต้องอาศัยจับตัวมันเวลาขึ้นไปนั่งทุกทีอ่ะ


ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่มาบ้านมัน ก่อนจะกลับมันยังจะชวนผมกินน้ำเต้าหู้ บัวลอย นมร้อน ขนมปังสังขยาที่ตลาดโต้รุ่งใกล้สถานีขนส่ง แต่ผมไม่เอาแล้ว มันนะตั้งใจจะให้ค้างหรือเปล่า แล้วก็ไม่ยอมบอก  แล้วนี่ดูสิน้ำก็ยังไม่ได้อาบ ต้องใส่เสื้อกางเกงนี่นอนเหรอ มันนะมัน ถ้ามันบอกมันชวน มีเหตุผลผมก็ค้างได้ 
มันจัดแจงไล่ผมไปอาบน้ำ หยิบเสื้อกางเกงมาให้

“ไปอาบน้ำก่อนได้เลย” จะได้ใจเย็นๆ ไอ้มายมันแอบบ่น ก็แน่ละสิ ให้ค้างก็ไม่บอกก่อน ถ้านี่ไม่เหตุผลมันก็พอฟังขึ้นนะ คงได้บ่นมันแน่

ผมอาบน้ำเสร็จก็นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา เออ มันวางกางเกงนอนไว้ให้ เสื้อยืดสีขาวไซต์เอ็ม โอเค แต่หาแป้งเด็กในห้องมันไม่เจอเลย นี่มันไม่ใช้มั๊ง แต่ผมติด เดี๋ยวลองถามมันดีกว่า แล้วมันไปไหนล่ะ ผมเลยเดินลงไปข้างล่างเพราะได้ยินเสียงก๊อกๆแก๊กๆในครัวหลังบ้านที่ทะลุไปลานหลังบ้านได้ มันกำลังเอาตะไคร้แช่น้ำ  แล้วก็กำลังเตรียมจะหั่นขิงให้ผม พอมันเห็นผมก็นิ่วหน้า  มันจะอะไรกัน

“ขอแป้งเด็กหน่อยสิ”

“มีอยู่ในห้องหลานน่ะ ห้องที่ประตูอยู่ตรงข้าม”พอมันเห็นผมทำหน้าไม่แน่ใจ

“อ่ะพาไปก็ได้” มันจัดแจงล้างมือเช็ดเสร็จก็เดินมาคว้ามือผมขึ้นชั้นบนเพื่อพาไปที่ห้องหลาน เพื่อเอาแป้งฝุ่น

“เอาการ์ตูนไปอ่านไหม”มันอุตส่าห์ถาม”หยิบไปอ่านก่อนสิ”

“ก็จะลงไปช่วยก็ได้ จะได้เสร็จเร็วๆ”

“ไม่ต้องหร็อก ทำเองแป็บเดียวก็เสร็จ เอาน้ำเย็นไหมเดี๋ยวเอาขึ้นมาให้”

“ลงไปเอาเองก็ได้”

“ไม่ต้องหรอก นอนเล่นไปก่อน นอนไปเลยก็ได้”ว่าแล้วมันก็ผลักผมให้เข้าไปในห้องมัน
 “เอาผ้าคลุมเตียงออก นอนตามสบายนะ” ผลักผมเข้าห้องเสร็จ มันก็ลงไปจัดการกับขิงต่อ

 ผมหยิบหนังสือที่ตัวเองซื้อออกมาพลิกๆดู อ่านไป2-3หน้า ก็หยุดเพราะมีเรื่องกวนใจผมมากกว่า ก็เรื่องที่ไอ้แชมพูโทรมา ทั้งยังเรื่องไอ้มายที่มันปฏิบัติต่อผม ใครไม่ตาบอดก็เห็น ผมอยู่ไหนมันก็พยายามอยู่นั่นด้วย สิ่งต่างๆปลีกย่อยอีกล่ะ
 ตั้งแต่ที่ผมต้องเลิกกับไอ้โภชน์และพี่ลิฟต์ ผมก็ไม่กล้าฟันธงหรอกว่าใครจะมาชอบผม หรือผมจะมีค่าพอที่จะเป็นฝ่ายถูกเลือก อาจจะเป็นแค่ของใหม่เข้ามาในชีวิตของคนบางคน ก็เท่านั้นความสัมพันธ์นะเหรอ มันก็แค่ความสัมพันธ์ทางกายเท่านั้น มันก็แค่ให้ความสุขแก่กันและกัน เช่นที่ผมกับพี่ลิฟต์มีต่อกัน แต่จิตใจมันก็อดที่จะผูกพันธ์  แล้วสุดท้ายก็มีแต่เรื่องต้องเสียใจ

 ผมไม่แน่ใจกับไอ้มายนักหรอกว่ามันคิดอย่างไง สักวันถ้าผมสงสัยมากขึ้น ผมคงต้องถามมันตรงๆ
 ซึ่งผมเองก็คงกลัวคำตอบ ถ้าผมไปคาดหวังอะไรไว้ ทางหนึ่งที่ผมจะเลือกคิดก็คือคิดซะว่า ผมไปมีรสนิยมชมชอบศิลปะจึงทำให้พอแมทกันได้กับที่มันชอบถ่ายรูป จึงเลือกคบหาที่จะสนิทกับผมในคอร์สเรียนนี้ที่เป็นผู้คนจากที่ต่างๆ ไม่ใช่เพื่อนที่เรียนในมหาลัย เอกเดียวกัน หรือพื้นฐานใกล้เคียงกัน
ผมจึงเป็นช้อยที่มันเลือกสนิทคบหาด้วย เพราะ ไอ้เต้ เพื่อนมันก็โดน พี่ทิวาเกย์ อายุ 28 รับไปดูแลเรียบร้อยแล้ว พี่ทิวาเค้าเป็นตลก ช่างประชด เลยจับคู่กับไอ้เต้ ที่มันชอบทำตลกแบบเด็กๆ

 หรือไม่ มันก็เป็นพวกแปลกแยก แล้วมีผมที่มีจิตสื่อวิญญาณกะมัน 55 คิดไปก็...ผมยักไหล่ ช่างมัน..นอนดีกว่า แค่เอ็งไม่ทำอะไรบ้าๆ ให้ผมถูกมองแปลกๆนัก ผมก็ไม่ว่าอะไรที่มันจะคอยตามติดเป็นเงา แต่ถ้าให้ดีเว้นช่องว่างให้ผมหายใจหรือคบหาพูดคุยกะคนอื่นๆเค้าบ้างก็ดี

ผมดูเหมือนจะหลับแล้วแต่ก็คงยังครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมได้ยินเสียงกุกกัก พอลืมตาได้ครึ่งๆกลางๆก็เห็นไอ้มาย ไปอาบน้ำ แล้วผมก็หลับต่อ

สักพักผมก็รู้สึกว่าริมเตียงด้านขวาผมยวบลง



TBC...

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry

((ต่อ))


“ตื่นได้แล้ว” ไอ้มายเรียกผมเบาๆ ก็เรียกเบาแบบนี้ มันจะตื่นได้ไง ผมค่อยๆปรับสายตาตั้งสติ
เออ ไม่ได้อยู่หอพัก ผมหาวอีกรอบ เอาหัวซุกทิ่มเข้าไปในหมอนกว่าเดิม

“นี่...” มีมือมาสะกิดที่ไหล่ เสียงทุ้มแข็งขึ้นนิดหน่อย “6โมงกว่า แล้วนะ”

 โห... เวลาแบบนี้มันห่างไกลจากที่ผมเคยตื่นที่หอตั้งชั่วโมงกว่า เราอยู่ข้างนอกนี่หว่า ไม่ควรกลับตอนคนตื่นเยอะด้วย ผมรีบกระเด้งตัวแต่ไอ้เรี่ยวแรงเวลาตื่นเช้าจะเพลียนี่ กระเด้งตัวอย่างไงก็ได้แค่ลุกมานั่งลืมตาปริบๆ  ไอ้มายโยนผ้าเช็ดตัวมาให้ตรงหน้า

“ไปรีบอาบน้ำเข้าเถอะ”

ผมมาถึงโรงเรียนเกือบ8โมง รีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อ แล้วไปนั่งกินกาแฟที่โรงอาหาร รวมกลุ่มกับ อิเกรียงกับศักดิ์นรินทร์ ไอ้มายมันสั่งข้าวมากิน ดีมาก ดีมากกินไป เดี๋ยวเอ็งต้องใช้แรงโว้ย ผมนั่งมองมันกินไปยิ้มไปเมื่อนึกภาพว่าเดี๋ยวพอเข้าแถวเสร็จ แล้วพอหมดโฮมรูม มันก็ต้องมาปลูกขิงให้ผม ทำให้มันนิ่วหน้ามองผมอย่างสงสัยเมื่อเห็นผมยิ้มกริ่ม

“เอาน้ำอะไร เดี๋ยวซื้อมาให้” ผมถามมันอย่างเอาใจ

“โห พี่ไข เอาใจพี่มายจัง” เสียงอิเกรียงแซวขึ้นทันที
ผมเลยรีบกระซิบว่า เดี๋ยวไอ้มายมันจะปลูกขิงให้ผม เลยต้องอาใจหน่อย ถ้าแกมาปลูกขิงให้ ฉันก็จะซื้อน้ำให้เธอกิน อิเกรียงเลยหัวเราะคิกคัก

“มาย เขาเป็นคนดีดดดดดด ก็ต้องมาเอาใจสิ” ผมเน้นเสียงลากยาว กึ่งประชดหยอกไอ้มายเล่น แล้วมองหน้ามันเพื่อถามย้ำอีกครั้ง “เอ้อ ตกลงเอาน้ำอะไร สเปส กรีนที ชามะนาว” ผมล่ะเบื่อที่เห็นมันเอาแต่กินน้ำผลไม้ ถึงได้ไม่ยอมใส่น้ำผลไม้ น้ำฝรั่ง อะไรพวกนี้ไว้เป็นตัวช้อยให้มันเลือก ซึ่งเจ้าตัวก็อุตส่าห์ยอมเลือกแค่1ในตัวเลือกที่ผมให้ 555

“ชามะนาว” แหมผมล่ะนึกว่ามันจะเอาน้ำนางเอก สเปส ซะแล้ว ออเดอร์มาแล้ว ผมก็ต้องไปจัดให้สิ เพื่อน้องขิง เพื่อน้องขิง ผมท่องจำใส่ใจเอาไว้

“อ่ะ” ผมวางชามะนาวให้ไอ้มาย แล้ววางขนมที่ซื้อมาเผื่อ คู่หู รัก-ยม ให้ทั้งสองคนด้วย
ไอ้มายมองหน้าส่งตาหวานมาให้ เออ เออ ส่งเสร็จแล้วอย่าลืมปลูกขิงด้วยนะเฟ้ย
.
.
.
วันนี้พอเข้าโฮมรูมตอนเช้า ครูหยกก็ปล่อยให้เราจัดการกับการปลูกพืชให้เสร็จกับรายงาน  เราเลยฟรีทั้งวัน

หลังจากนั่งคุยกันก็แล้ว เลยชวนกันไปสถานีเพาะพันธุ์สัตว์ป่ากัน  ก็ตกลงไปกันเกือบ10คน ศักดิ์นรินทร์มันไปชวนเด็กช่างที่มันปิ๊งอยู่  ผมก็ซ้อนไอ้มายไป

ระหว่างทาง ยังดีปล่อยให้ผมเดินกับพวกเด็กๆไอ้แป้นไอ้ดอย โดยที่อิเกรียงมันก็คอยเรียกผมไปดูโน่นดูนี่
ผมก็ได้เป็นคนเดินนำหน้าก็เพราะพวกนี้มัวแต่เกาะกรง เราก็เห็นสมัน หรืออะไรอ่ะไอ้ที่คล้ายกวางแต่ตัวเล็กมากๆ
 ที่เค้าว่ากันว่าวิ่งเร็ว ผมก็เลยลองวิ่งไล่จับ กะไอ้แป้นไอ้ดอย ดักหน้าดักหลัง
 แหะ แหะ ไม่สำเร็จ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของอิเกรียง+ สายตาของผู้ใหญ่บ้านไอ้มาย

ผมเดินต่อไปสักพัก และแล้วผมก็เดินย้อนกลับ พร้อมกับทำหน้าเฉยๆ รอจนคนอื่นเดินมา

“มีไรเหรอพี่ไข”เรื่องผิดปกติ นังเกรียงมันไวนัก

“นกยูงมันยืนขวางอ่ะ”ผมตอบไป

“อ้าว พี่ฟ้าใสก็เดินไปสิเดี๋ยวมันก็หนีเอง” ไอ้แป้นแนะนำ

“เอ้ย แล้วเกิดมันโดดเตะล่ะ พี่เคยได้ยินว่านกยูงมันโดดเตะคนได้นะ ในยูทูปก็มีอ่ะ”

“จริงเหรอพี่ฟ้าใส” ไอ้ดอยรีบถาม มันเป็นคนขี้กลัว

“จริงดิ พี่เคยเห็นข่าวนะ ไม่รู้มันหวงตัวเมีย หรือมันหิวข้าวเปล่า เค้าว่ามันมีเดือยแหลมๆอ่ะ เจาะสมองทีเดียวตายเลยนะ”

ดอยทำท่าสยดสยอง ทำท่าเกี่ยงให้ไอ้แป้นหญิงกล้าหาญที่สุดในกลุ่มเดินนำ แต่ไอ้แป้นก็ไม่เอาอ่ะ จนศักดิ์นรินทร์กับเด็กช่าง ตามมาทัน

“เป็นอะไรกันล่ะ” ศักดิ์นรินทร์ถามด้วยสีหน้ากึ่งรำคราญว่าไอ้พวกนี้นี่มันเป็นอะไรกันว่ะ ยืนจับกลุ่มจะเดินก็ไม่เดิน ก็มันเป็นทางเดินเดี่ยวที่วางแผ่นคอนกรีตสี่เหลี่ยม ให้เดินรอบกรงนกใหญ่ข้างๆก็มีที่เหลือโล่งนิดหน่อย
ที่มีคุณนกยูงยืนเด่นเป็นสง่า แต่เธอยืนใกล้ทางเดินไปหน่อยอ่ะ แถมรำแพนหางนิดๆด้วย สวยๆก็สวยแต่ผมก็ไม่อยากเสี่ยง

พอผมบอกศักดิ์นรินทร์ ไอ้เด็กช่างก็ขี้กลัวอีก ให้ศักดิ์นรินทร์นำ  มันก็บอก ไม่เอาอ่ะ
ปรากฏพระเอกมา ไอ้มายเดินมาถึง มันเดินตามหลัง มัวแต่ถ่ายรูป ต้นไม้ดอกไม้นกน๊กอะไรของเค้าไป มาถึงปากมันก็ทำงานทันที

“อะไรกันอีกล่ะพวกนี้”

“นกยูงมันยืนขวางทางอ่ะพี่มาย” ไอ้แป้นรีบรายงาน

“เพ่ฟ้าใสบอกว่านกยูงกระโดดเตะคนตายด้วยนะ”ไอ้ดอยรายงานต่อ

ส่วนผมก็ได้แต่ทำหน้าแป๊วแหว๋ว มองหน้ามัน ก็ผมอยู่หน้าสุด ไอ้พวกเนี่ยก็ยืนออกันแต่ไม่มีใครเดินขึ้นไปข้างหน้าเลย ไม่กลัวไม่เชื่อก็เดินไปสิ
ไอ้มายฟังและมองดู ชาย5คน สูง180ซม.2คน  สูง150ซม. 1คน สูง160ซม. 2คน  หญิง1คน สูง168ซม.เกาะกลุ่ม เผชิญหน้ากับนกยูง 1ตัว มันทำหน้าได้ สีหน้าบอกว่าพวกผมงี่เง่ากันมาก

“บ้ากันเปล่า”ไอ้มายมันเปล่งวาจาจากใจออกมา  ผมในฐานะผู้อาวุโส เลยรับหน้าที่ตอบโต้

“ไม่กลัวนายก็เดินนำไปสิ” ฟังดูมันเหมือนตอกย้ำความกลัวของตัวเองอย่างไงไม่รู้สิ

ไอ้มายมันก็จัดแจงเดินต่อ ซึ่งทุกคนหลีกทางให้อย่างโดยดี ผมเลยบอก “เฮ้ยระวังน๊า มันโดดเตะได้จริงๆน๊า”
แหมผมก็เป็นห่วงมันนะ พอมันเดินผ่านผมที่อยู่หน้าสุด มันก็ปรายตามองด้วยสายตา เชอะผมไม่อยากพูด ประมาณว่า เหนือกว่า เด็กๆ อะไรประมาณนี้

 แต่...ผมไม่สนใจหรอก  555 ผมรีบเดินตามก็กลัว เกิดนกยูงมันหลบไอ้มาย แล้วมันมาขวางทางต่อ ล่ะซวยเลย พร้อมกับเอามือจับเสื้อมันไว้ เตรียมวิ่งจู๊ดๆตามมันก็มันเล่นเดินก้าวยาวๆ โดยมีนังเกรียงรีบเกาะผมตามมา ส่วนไอ้นกยูงเกรียน พอเห็นไอ้มายเดินมา มันก็กระโดด หยองๆข้ามแผ่นคอนกรีต เดินไปข้างทางที่เป็นฝั่งต้นไม้ แล้วก็ไปเดินหาจีบสาวนกยูงต่อไปมั๊ง

พอผมเห็นว่าพ้นอันตรายจากลูกเตะนกยูง ผมก็รีบปล่อยเสื้อมัน นังเกรียงก็เลิกเอามือเกาะไหล่ผม ก็พากันเดินสง่ามาดมั่นตามปกติ ต่างก็คุยกันต่อ โดยมีเสียงผมดุไอ้เกรียง

 “ก็แกน่ะ ตัวโตกว่ามันตั้งเยอะ แกทำไมไม่เดินนำเล่า”

“โอยพี่ไขก็ตัวโตกว่านกยูงนั้นเหมือนล่ะ ว่าแต่เขา อิอิ”

“หึ หึ” เสียงหัวเราะเยาะดังมาจากคนเดินนำ

เชอะ ผมคิดในใจ ถ้าเกิดนกยูงมันดุจริงขึ้นมาจะรู้สึก
พอเรามาถึงใกล้ทางออก ที่มีเจ้าหน้าที่ หล่อล่ำ คอยตรวจตรา นังเกรียงเลยแหย่ผม

“พี่ฟ้าใส เก็บไอ้ตัวนั้นที่จับได้ ไว้ในเป้ดีแล้วนะ”คิก คิก คิก ผมเลยฟาดมัน

“บ้า อยู่ในเป้ไอ้มายโน่น เค้าเป็นคนจับ อุตสาห์วิ่งไล่จับได้ 555”
 เจ้าหน้าที่หล่อล่ำเลยอมยิ้ม อิเกรียงก็สาดสายตาวิ๊งๆใส่ ส่วนผมน่ะเหรอ ไอ้มายมันก็ทำเป็นมองตาเขียวแต่ก็อมยิ้มบ่นงึมงำไป
ตอนก่อนกลับก็แวะดูพวกของที่ระลึก มันก็พยายามยัดเยียดพวงกุญแจให้ผม

“ไหนเอามือมาหน่อยสิ” อยู่ดีๆมันก็สั่งให้ผมแบมือให้มัน
 เอ...มันไปได้วิชาดูหมอมาหรือไง จะมาดูเส้นชีวิตผมเหรอ
แหมะ มันวางพวงกุญแจที่ระลึกของสถานีที่นี่เขาทำขาย แหมมันเช้ยเชยๆ สู้ตุ๊กตาคาคาชิปล่อยสายฟ้าพันปักษาไม่ได้อ่ะ แต่ก็ต้องรับสิ ไม่รับเดี๋ยวเคืองมันไม่ให้ผมซ้อนมอไซค์กลับทำไง
.
.
.
“เกาะแน่ๆหน่อยสิ เดี๋ยวก็ตกหรอก” เสียงสั่งจากคนข้างหน้า

“เขยิบมาติดๆสิ นั่งถ่วงท้ายอยู่ได้” สารพัดคำสั่งที่มันสั่งผม สรุปคือให้ผมนั่งติดๆกับมันแล้วก็เกาะมันชิมิล่ะ เดี๋ยวกอดเอ็งเข้าจริงๆ เอ็งจะมีใจขี่รถป่ะล่ะ เฮอะ!!!
.
.
ขากลับพวกเราก็แวะกินข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยวที่เขาว่ากันว่าอร่อย ระหว่างทาง ได้กินข้าวฟืนด้วย อร่อยดี ไม่เคยกินมาก่อน


 :pig4:

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
อั๊ยยะ มายาวๆๆสมใจอยากเลย เรื่อยๆๆๆมาเลียงๆเลยจ้า น้องฟ้าใส ว่าแต่มายชิมฟ้าใสไปแล้วเหรอ ข้องใจอย่างแรงส์  :impress2: :impress2:

ขอบคุณมากๆๆๆค่ะ
 :L1: :pig4: :L1:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
มายจะจีบผู้ใหญ่ ที่ดูยังไง้ยังไงก็เหมือนยังไม่โต
ก็เลยต้องวางตัวเป็นผู้ใหญ่กว่า วางตัวให้เป็นที่พึ่งพิงได้ ชิมิๆ

ป.ล. "...ได้กินข้าวฟืนด้วย อร่อยดี ไม่เคยกินมาก่อน..."
       สงสัยจ้ะ :m28: "ข้าวฟืน" คือ ?

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry

Ch.5

หลังจากผ่านพ้นภาคเรียนทฤษฏี เราก็มาถึงการเรียนภาคปฏิบัติ
ชุดเชฟ ที่สั่งตัด ปักชื่อ พร้อมใส่

อาหารไทย คือ คอร์ส แรก ที่พวกเราต้องฝ่าด่าน
การเรียนเป็นไปอย่างเข้มงวด ทั้งกฎระเบียบและขั้นตอนการปฏิบัติ

“พี่ฟ้าใส ค่ะ ครูหยกขอ กระทะสะอาดๆ2 ใบ นะค่ะ” ครูหยกเอ่ยขึ้น หลังจาก เราเริ่มลงมือ ไปได้ 10 นาที

“นายเต้ มาสาย นะ กระทะ 3 ใบ ตามพี่ฟ้าใสไปเลย กระดาษทรายไม่มี ไปขอที่ชอปช่าง ได้เลยนะค่ะ”

ครูหยก จะเรียกฟ้าใสตาม พวกเด็กๆ
จะเรื่องอะไรนะเหรอ ก็แค่ขัดกระทะ ให้สะอาด ขาว เอี่ยม นี่คือการทำโทษ อย่างมีคุณค่า ก็ ฟ้าใสลืมถอดนาฬิกาข้อมือ
ถ้าใครใส่แหวน นาฬิกา  โดนทั้งนั้น ห้ามนั่งบนเคาน์เตอร์ โต๊ะ ห้ามใช้มือถือในห้องปฏิบัติงาน ฯลฯ
ในครัวก็ไม่มีเก้าอี้ด้วย ยืนตลอด 10.00 จนถึง 16.00 น. อยากพักต้องไปนั่งพักเอาที่หลังช็อป

การเรียน จะเรียนสูตร จดสูตร จดวิธีการ อธิบาย ขั้นตอนวิธีทำ อย่างละเอียด  แล้วก็จึงลงมือปฏิบัติ
ซึ่งจะแบ่งการเป็น กลุ่มในแต่ละสัปดาห์  เพราะฉะนั้น กลุ่มๆหนึ่ง จะต้องอยู่ร่วมกันช่วยกัน ใน 1 สัปดาห์ 5 วันเต็ม
 ฉะนั้น ถ้ากลุ่มไหนซวยได้เพื่อนที่นิสัยไม่ดี ไม่ช่วยงาน ก็ต้องอดทนไป พวกที่มีข้อเสีย ตัวดีๆก็มีทั้งฝ่ายหญิงฝ่ายชาย
ประเภท รู้ดีหมดทุกอย่าง  หรือแม้แต่ พอทำก็ช่วยกัน แต่พอต้องเก็บล้าง กลับหายต๋อม ดีว่า คอร์สที่เรียนนี้มี
แป้น กับดอยมาลงด้วย ทั้งสองคน ขยันมาก และด้วยความที่รู้ว่าตัวเองฐานะด้อยกว่า จึงทำงานโดยที่ไม่มีปากเสียง
จนฟ้าใสก็ออกไม่ชอบใจที่ใครๆก็เอาเปรียบเด็กทั้งสองคน

อาทิตย์นี้ การนับ เลข จับกลุ่ม 1-2-3-4-5  ซึ่ง อาจารย์ มีวิธีการ คละ เพื่อนร่วมทีมกัน ได้หลากหลายมาก หลังจาก นักเรียน ก็พยายามนั่งสลับที่ เพื่อให้ได้อยู่ร่วมทีมกับคนที่อยากอยู่  ใครได้ 1 ก็อยู่ กลุ่ม1 อย่างนี้ ซึ่งบางทีก็นับจากข้างหลังมาข้างหน้า นับตามแนวนอน แนวตั้ง สารพัดวิธี บางอาทิตย์ที่ฟ้าใสได้อยู่กลุ่มเดียวกับไอ้มายก็โชคดี หยิบจับอะไรก็ดูจะโดนควบคุมไปหมด มันจะคอยให้ทำแต่สิ่งง่ายๆ ล้างผัก  อะไรที่ยุ่งกับพริกก็ไม่ให้ทำ เพราะอาหารไทย เครื่องแกงก็ต้องทำเองใหม่ทุกครั้ง

ไอ้มายเองทั้งหน้าตาก็ออกดูดี ตัวสูง แน่นอน ย่อมมีสาวหมายปอง แล้วก็เลยมีผลกระทบมาถึงฟ้าใสด้วย เพราะไอ้มายชอบเอาตัวเองมาคลอเคลียฟ้าใส สาวเอ้ เลยพยายามข่มฟ้าใส ทั้งที่อายุน้อยกว่าฟ้าใส ปีหนึ่ง ก็เท่ากับศักดิ์นรินทร์

“พี่ หั่นแบบนี้ยังใช้ไม่นะ”

“พี่ตำยังไม่ละเอียดเลย”

สารพัดที่สาวเอ้จะบ่นจะติ ฟ้าใส จนคนในกลุ่มออกจะรำคราญ เจ้าหล่อน หาก ฟ้าใสได้อยู่กลุ่มเดียวกัน แต่ ถ้าหาก ทั้งฟ้าใส ไอ้มาย และสาวเอ้ อยู่ร่วมกลุ่มกัน  พอฟ้าใสเชียร์ให้ไอ้มายต้องทำอะไรที่ต้องช่วยสาวเอ้ เทอว์ ก็จะอารมณ์ดี เป็นมิตรกับฟ้าใสขึ้น
.
.
“อิเอ้ นี่มันจะบ้า ตัวเองก็ทำไม่เป็นซะหน่อย” เสียงศักดิ์นรินทร์ เม้งแตก ด้วยความรำคราญ ในการเจ้ากี้เจ้าการของสาวเอ้

“ก็ยังดีล่ะ ที่มีไอ้มายอยู่ด้วย สาวเอ้ จะได้เลิกยุ่งกับพี่” ฟ้าใสเอ่ย

“อ้าว พี่มาย เดินมาโน่นแล้ว” สาวเกรียงไกร พูดขึ้น เมื่อมองไปนอกโรงอาหาร

“เฮ้ย กลุ่มเราก็เหลือไอ้เอ้ คนเดียวนะสิ เดี๋ยวก็โดน อาจารย์ด่าหรอก เร็ว รีบกิน ”ฟ้าใสบ่น


ปุบ!!! เสียงตบโต๊ะ

“นี่ หลบมาอยู่ที่นี่กันหมดเลยนะ” ไอ้คนตัวโตบ่น ต่อว่า

“ก็รีบกิน เดี๋ยวจะได้ไปสลับทำต่อให้ไง นาย หิวแล้วเหรอ แล้วแกงมัสมั่นล่ะ เอ้เฝ้าเหรอ” ฟ้าใสถามยิ้มๆ

“ก็ใช่น่ะสิ รำคราญจะตาย จะคนอยู่นั่นน่ะ บอกไม่ต้องคนก็จะคน บอกว่าเค็มแล้ว ก็ยังจะเติมน้ำปลาไปอีก”

ศักดิ์นรินทร์ กับอิเกรียง ทำท่า แยกตัว หนีไป ฟ้าใส รีบกระซิบ บอกให้ไปตาม ไอ้เอ้ มา จะได้กลับไปทำเมนูต่อไปของช่วงบ่าย
สักพักฟ้าใสก็เห็น สาวเอ้ผู้อยากกินเด็ก  รีบเดิน มาที่โรงอาหาร
ฟ้าใสเลยบอกไอ้มาย ว่าจะรีบไปทำงานต่อ  มันก็ทำหน้าไม่ค่อยพอใจ แต่ก็โดนสาวเอ้ ชวนคุย ฟ้าใส เลยรีบชิ่ง
.
.
.
.
อาทิตย์นี้ ฟ้าใส โดนเป็นกลุ่ม 1 มีแต่เด็กๆ ผู้หญิง 3คน และไอ้หนุ่ม ที่เป็นจอมอู้ เลยเตรียมทำใจไว้เลยว่า ตอนเก็บล้าง นี่คงหนักแน่ ไอ้มายก็ได้กลุ่ม 5  ครัวที่ลงงานเป็นรูปตัวแอล กลุ่ม 4 กับ กลุ่ม 5 จะไปอยู่อีกทาง แทบไม่ต้องเห็นหน้ากัน วันแรก กลุ่ม 1 ก็จะต้องเป็นเวรจัดเตรียมของ เครื่องปรุง และส่วนประกอบในการใช้ทำอาหารให้ทุกกลุ่มด้วย วันนี้ เมนูมีแกงเผ็ดปลาดุก ขณะที่กลุ่มอื่นเตรียมอุปกรณ์ เครื่องใช้ กลุ่มฟ้าใสก็เข้าไปเผชิญกับวัตถุดิบ และมันดิบจริงๆ ทั้งดิบ ทั้งสด

ปลาดุก 6 ตัว แต่ละตัว ยาวเท่าท่อนแขน ว่ายอยู่ในซิงค์ ตัวเป็นๆ ดำมะเมียม โฉบฉวัด ว่ายเวียน

“กลุ่มที่เป็นเวรวันนี้ จัดแจงแบ่งของให้เพื่อนๆให้เรียบร้อยด้วยนะค่ะ ปลาที่ใช้ต้องทำให้เรียบร้อย ควักไส้ ล้างให้สะอาด”

เอ่อขอยาดมได้ไหมอ่ะ ครูหยก
ฟ้าใสมองหน้าเพื่อนร่วมทีม สาวน้อยทั้งหลาย ไอ้มิ้ว อายุ 16 ฝน อายุ 18 ติ๊ก อายุ 20 แต่ละคนไม่เคยจับงานทำอาหารมาก่อน 
พอมองไล่ไปที่ไอ้หนุ่ม ดูว่ามันลุย ๆ กลับปฏิเสธ เฉยเลย ว่า ผมไม่เอานะ แล้วเดินหนีไปทำอย่างอื่น
ฟ้าใสมองหาตัวช่วยอื่น ทั้งป๋า หรือพี่เป๊ก แมนๆทั้งหลาย ไม่มีใครเสนอความช่วยเหลือเลย ด้วยความแค้นใจ กัดฟันสู้
หน้าที่ ก็หน้าที่ มือก็ไม่เคยจับปลามาก่อน ทำเองก็ได้ว่ะ เดินออกไปถามครูหยกว่าต้องไงมั่ง   

“ใช้สันอีโต้ ทุบหัว...” เอิ่ม..ครูหยก แค่ฟัง ฟ้าใสก็จะเป็นลมแล้ว 6 ศพ เชียวนะ

เดินกลับมาที่ซิงค์ หาถุงก็อปแก็บใส่มือ เอ่อ..ยังไม่กล้าใช้มือเปล่าจับ หยิบอีโต้
ขณะที่ฟ้าใสทำใจกล้าเอามือควานลงไปจนจับปลาผู้โชคร้ายขึ้นมาวางบนเขียง
จรดๆจ้องๆ ร่างสูง ก็มายืนซ้อนที่ข้างหลัง

“ไม่ต้อง!!!” เสียงสั่งห้วนๆจากคนตัวโต ให้ฟ้าใสหยุดกระทำใดๆทั้งมวล
พร้อมทั้ง ดึงเอามีดอีโต้จากมือไป อีกมือดันให้ร่างเล็กกว่ากระเถิบไป

 “ทำเป็นเหรอ” เสียงสวรรค์ถามอย่างประชดเล็กน้อย

ฮือ..ฮือ..อยากร้องไห้ ซึ้งใจมาก เพราะส่วนที่เตรียมตรงนี้มันอยู่ห่างจากกลุ่มที่ไอ้มายอยู่มาก 
มันก็ต้องวุ่นในการเตรียมของของกลุ่มตัวเองตามที่แบ่งหน้าที่กันในกลุ่ม ซึ่งจะมี 5 เมนู
ตอนที่มองหาคนช่วย มันก็ไม่ได้อยู่ แถวนี้ ฟ้าใสจะไปจิกตัวมันจากกลุ่มอื่น ก็ไม่ได้

ไอ้มายที่มาจากไหน มาเมื่อไหร่ แต่มันก็มา
ไม่กล้ามองหน้า กลัวแววตาจะแสดงความขอบคุณเกินไป ได้แต่ พึมพำเบาๆว่า “ขอบคุณ”

ความรู้สึก เหมือนยืนกันอยู่ 2คน กับ ปลาดุก 6 ตัว และเวลาที่ผ่านไปแบบ มิลลิวินาที
แต่ก็ไม่มีเวลาซาบซึ้ง เท่าใด


ตุ้บ!!! ตุ้บ !!! ตุ้บ !!! ตุ้บ!!!  ตุ้บ !!! ตุ้บ!!!

ฟ้าใสคอย ยืนเคียงข้าง ร่างสูง ที่ยืนทำปลา ทุบหัว กรีดท้อง ควักไส้

ดูแล้ว ก็สงสารไอ้มาย ที่มันต้องมาทำบาป เพราะฟ้าใส

วันหยุด เสาร์-อาทิตย์นี้ จะชวนมันไปทำบุญ...




TBC...

ออฟไลน์ goonglovenut

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1188/-10
ชักเริ่มชอบมายแล้วสิ คู่กันก็ดีนะ ขอให้มายจริงใจกับฟ้าใสด้วยจะได้มีความสุขซะที :กอด1:
ถ้ากลับไปคู่กับพี่โม่ง ยังมองไม่เห็นทางเลยอ่ะ

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
มายก็น่ารักเน๊อะอิอิ เริ่มเอนเอียงแล้ว ถ้ารักฟ้าใสจริงแล้วไม่มีอุปสรรคไรแล้วเนี่ยก็สนับสนุนนะ อยากให้ฟ้าใสสมหวังสักที ผิดหวังมาตลอดดด ก็รอดูต่อไป

ขอบคุณมากๆค่ะ  :L1: :pig4: :L1: :กอด1:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
มายทุ่มสุดตัว service ทุกอย่าง แบบนี้ไม่ได้ใจฟ้าใสก็ให้รู้ไป
ฟ้าใสยิ่งเป็นคนมองโลกในแง่ดี และซาบซึ้งใจกับสิ่งดีๆจากคนง่ายอยู่แล้ว
งานนี้สงสัยฟ้าใสจะไม่รอดมือจากมายกระมัง
แล้วพี่โม่งของฉันล่ะ ทางเดินของพี่โม่งกับฟ้าใสเป็นทางคู่ขนานแล้วใช่ปะ :sad4:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

ขอเม้นรวบยอด
เสียดายพี่โม่งจัง รู้สึกว่าพี่โม่งดีที่สุดแล้ว
แต่ก็ปล่อยให้ฟ้าใสเหงาทำไม
เกลียดที่สุดคือไอ้โภชน์ สมควรละ
แม่ง สัดเอ๊ย อ่านแล้วโมโห มึงทำงี้ได้ไงวะ
เอามาอ้างว่าไม่อยากอยู่เป็นเงาของใคร
ฟ้าใสมันยอมแกตลอดอะ  ไม่เคยนอกใจเลยเหอะ
แต่ที่มึงทำแม่งนอกใจเลยนะเว้ย เสือกไปเข้าข้างอีนั่นอีก
สมควรแล้วละที่ชีวิตตอนนี้มันจะตกต่ำ รำคาญ!
ส่วนพี่ลิฟต์แม่งมีเมียแล้วยังมายุ่ง แถมยังยุ่งกับเพื่อนฟ้าใสอีก
เหอะ !!! ทำไมฟ้าใสเจอแต่คนเฮรี้ยๆวะ

หวังว่ามายจะเป็นคนสุดท้ายได้ไหมน้อ
รออ่านตอนต่อไปจ่ะ

ออฟไลน์ Raspberry complex

  • เติมรักใส..ใส่หัวใจ2ดวง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +358/-0
    • http://www.facebook.com/raspberrycomplex.raspberry
ch.6

.
.
.
ธรรมดาช่วงหลัง ฟ้าใสไม่ค่อยได้เช็คเมลล์เท่าไหร่ เพราะอบรมทำอาหาร นี่ก็นับว่าหนักเอาเรื่อง
เจอเมนู ใหญ่ เครื่องเคราเยอะ จัดสรรไม่ดี ก็แฮ่ก ลิ้นห้อย เหนื่อยจน 2-3 ทุ่มก็นอนหลับเป็นตาย

พอวันนี้ออนเอ็ม เจอคุณคิดส์ บอกว่าส่งเมลล์ไปให้  เลยเปิดดู
คุณคิดส์นะคุณคิดส์ ทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไง
คุณคิดส์แกส่งรูป มาให้ฟ้าใสดู 5-6 รูป เป็น ที่ถ่ายแถว หน้าร้านฟ้าใสที่กรุงเทพฯ นั่นเอง
เป็นกลุ่มคนขี่เสือ- จักรยาน 3 คน จอดคุยกัน ถ่ายถนน ซอย เข้าบ้านฟ้าใส  ถ่ายรูปคนที่ขี่เข้าไปในซอย
รูปคนที่มอง บ้านฟ้าใสจนเหลียวหลัง  รูปคนที่มองเข้าไปในร้านฟ้าใส อย่างไม่มีรอยยิ้ม ทั้งที่คนคนนี้เวลาอยู่ในกลุ่มเพื่อน
จะเฟรนลี่มีเรื่องสนุกมาเล่าเสมอ คบพี่ลิฟต์มานานพอรู้จักกัน เล่นอะไรกันมาก็มากมาย

เวลาผ่านไปหลายเดือน จนอีกไม่กี่เดือน ก็ครบปี พี่ลิฟต์ยังจะคงวนเวียนไปแถวบ้านฟ้าใสอีกเหรอ
สีหน้าคนในรูป คนที่คุ้นเคย เคร่งเครียด อย่างที่ไม่ค่อยเคยเห็น จะมีบ้างก็ตอนที่ทะเลาะกับคนทางบ้าน
เพราะพี่ลิฟต์ไม่ค่อยแคร์ใคร นอกจากครอบครัวที่จะเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนเรื่องอื่น เพื่อน งาน นั่นเป็นเรื่องชิลล์ๆ สำหรับแก
เพื่อนที่ออกมาขี่ด้วยกัน เป็นเพื่อนนอกกลุ่มไอ้โภชน์ เป็นเพื่อนคุณคิดส์ มาสนิทคบหากับพี่ลิฟต์ เพราะถูกคอเรื่องเพลง
ทั้งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ดำเนินอยู่ด้วยการไม่ต้องทำงาน แต่เล่นหุ้น และใช้ชีวิตพอเพียง ซึ่งฟ้าใสก็รู้จัก
พี่ลิฟต์เคยชวนไปเที่ยวที่บ้านเพื่อนนี้ด้วยกัน เป็นพวกที่เล่นเกี่ยวกับเพลง ดนตรี
คุณคิดส์ นะ คุณคิดส์จะส่งมาทำไม จะบอกว่ามีคนมองหาฟ้าใสอยู่เหรอ

แล้วฟ้าใสต้องทำอย่างไง จะให้คบกับพี่ลิฟต์ต่อ

เสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นเคยกระซิบถ้อยคำหวานออดอ้อน เคยโทรมา คงเที่ยวขอเบอร์ใหม่ของเขามาจากใครสักคน
หากแต่ฟ้าใส ไม่พูดโต้ตอบ อย่างดีก็อือ..ออ..จนอีกฝ่ายไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่อวยพรให้นอนหลับฝันดี เหมือนเช่นที่เคย
เห็นรูปที่ถ่ายแล้วใจก็วูบวาบเหมือนกัน ความรู้สึกผสมปนเป แววตาของคนในรูป ไม่ได้อยู่ต่อหน้า แต่ฟ้าใสก็รู้ว่าเจ้าตัวรู้สึกอย่างไร

โชคดีที่มาอยู่ห่างไกล…กัน
.
.
.
.
เดือนนี้เราเริ่มเรียนอาหารฝรั่ง อาจารย์เชฟ เตือนหลายรอบแล้วเวลาที่ต้องทำมันฝรั่งทอดเป็นเครื่องเคียง เพราะ
เครื่องสไลด์ผัก คมมาก กินเลือดมาทุกรุ่น ฟ้าใสยังยอมทิ้งตั้งแต่หัวมันฝรั่งยังหนาพอจับถนัด ดีกว่าเสี่ยงให้นิ้วมือโดนบาด
และแล้วก็มีคนโดนจนได้ แกชื่อพี่ฮะซัน  ที่อยู่กลุ่มใกล้กัน  ฟ้าใสก็เห็นแกกดแผลแล้ว ดูท่าเลือดก็ยังไม่หยุด

บอกให้ลองเอาน้ำแข็งมาโปะ ก็ยังไม่ดีขึ้น กลุ่มตัวพี่แกเอง ก็ไม่มีใครเอาใจใส่แกเลย พวกสาวๆก็ไม่เห็นจะเข้ามาดูแล
ทั้งที่หน้าตาแกก็ออกดี เข้มๆแบบคนอิสลาม อัธยาศัยก็ดี เพียงแต่ไม่ค่อยพูด แล้วก็เรียบร้อย
หรือเห็นว่าแกมีเมียแล้ว จนแกเดินไปล้างเลือดเป็นรอบที่ 3 ฟ้าใสที่อยู่คนละกลุ่มเลยทนไม่ไหว บอกว่า

“พี่ไปห้องพยาบาลไหม จะไปเป็นเพื่อน”

ซึ่งแกก็ตกลง อาจารย์ที่ห้องพยาบาลไม่อยู่ ไปสอน ฟ้าใสเลยพยายามใส่ยาทำแผลให้เรียบร้อยที่สุด โดยมีแม่บ้านเป็น
ผู้ช่วยกำกับ  ฟ้าใสเห็นว่า ใกล้เวลาเบรกเลยจะแอบพักกินข้าว ตัวพี่ฮะซัน เองก็เจ็บแผลคงไปทำอะไรไม่ค่อยจนกว่า
เลือดจะหยุดดี โดนน้ำก็ไม่ได้ ทำครัวยังไงก็ต้องล้างมือ เลยไปนั่งกินข้าวที่โรงอาหาร

พอเดินกลับเข้าไปในช็อป แป้นรีบเข้ามาบอก

“พี่!!! พี่ฟ้าใส หายไปไหนมา พี่มายโดนเครื่องสไลด์บาดน่ะพี่” แป้นทำหน้าตาวิตกกังวล ไม่รู้กังวลเรื่องอะไร
เรื่องแผล  หรือว่าเรื่องที่ฟ้าใสไม่อยู่ตอนเกิดเหตุ

“อ้าว ไปทำยังล่ะ โอย...ตัวอย่างก็มีให้เห็นแท้ๆ”

“หนูก็ไม่รู้น่ะ”

“แล้วนี่เขาอยู่ไหนล่ะ” ฟ้าใสเหลียวมองกวาดสายตาทั่วช็อปก็ไม่เห็น

“ไม่รู้อ่ะพี่ เห็นเขามองหาพี่ แต่พี่ก็ไม่มาสักที”

“โอ่ย.....” ฟ้าใสถอนหายใจยาว มองกลุ่มตัวเองอย่างเกรงใจ ดีว่าในกลุ่มยังมีศักดิ์นรินทร์ เลยฝากงาน บอกเดี๋ยวช่วงบ่ายจะทำชดให้

“พี่ไปดูมันเหอะ ดูท่าลึกอยู่เหมือนกัน” ศักดิ์นรินทร์เอ่ยอย่างมีน้ำใจ

ฟ้าใสรีบเดินออกมา  ไอ้มายมันจะรู้ไหมว่าต้องไปทำแผลที่ไหน ฟ้าใสชอบขึ้นมาเดินเล่นสำรวจตามตึกต่างๆ
ห้องพยาบาลจะอยู่กับแผนกดูแลเด็ก เพราะอาจารย์ผู้สอนเป็นพยาบาล สถาบันเลยเอาห้องพยาบาลมาไว้ที่ตึกนี้
ฟ้าใสเดินขึ้นตึกนี้ไปอีกรอบ เจอแต่แม่บ้าน ถามว่าคนแผนกฟ้าใสมาที่นี่ไหม ก็ไม่มี เดินลงไป หรือว่ามันจะไปโรงอาหาร

พอเดินไปโรงอาหาร ก็ไม่มี มันจะไปไหนของมันว่ะ ลองเดินไปดูที่แคนทีนหน้าตึกอำนวยการ อ้า เจอตัวซะที  กดน้ำผลไม้
มานั่งกินทำหน้ามุ่ยเชียว มือก็เอาผ้าเช็ดหน้าพันไว้  มันก็เห็นฟ้าใสแล้ว แต่แกล้งเมินทำเป็นไม่เห็น

มรึงนะทำตัวเหมือนเด็ก จบปริญญาตรีแล้วนะโว้ย ก็ได้แต่แอบด่ามันในใจเท่านั้นแหล่ะ ขืนพูดไปเท่ากับเอาน้ำมันไปราด
บนกองเพลิงอีก ก็ดูหน้ามันสิ ยังกะจะแจ้งข้อหา

 1.หายไปไหน

2.หายไปนาน

3.พอมันเจ็บกลับไม่อยู่

 - - ก็ทีฟ้าใสอยู่ ทำไมมันไม่เจ็บล่ะว่ะ
รีบเดินไปนั่งข้างๆเอาใจ เก้าอี้ว่างเป็นแสนตัว เลือกนั่งตัวติดกะมันนี่แหล่ะ สีหน้าเริ่มดีขึ้นทันตาเห็น มันก็ทำเป็นดูดไอ้น้ำ
วิเศษของมันต่อ จับมือมันมาดู อ๊าค อย่าให้มีใครเห็นฉากนี้เลย เจ้าพระคู๊น!!!!!!

“เป็นไงมั่งอ่ะ” ฟ้าใสพยาย้ามพยายามทำน้ำเสียงให้ดูว่าเป็นห่วง ทั้งที่อยากจะเบิ๊ดกระโหลกมันเต็มแก่

“ไม่เจ็บไม่ตายหรอกแค่นี้” เล่นมุกประชดอีกไม่เจ็บไม่ตายแล้วไม่ทำงานต่อไปล่ะเฟ้ย – คิดได้แต่ห้ามพูด แฮะแฮะ

“ไปทำแผลไป เดี๋ยวทำให้”ฟ้าใสฉุดคนที่ทำหน้างอน  ลุกขึ้นยืน เกี่ยวแขนให้เดินตามมา

หึ เสียงไอ้มายทำเป็นพ่นไฟออกมาหนึ่งฟืด แล้วลุกขึ้นยืน เดินตามอย่างโดยดี เชอะไม่อยากหันไปมองหน้ามัน
มันจะยิ้มหรือมันจะอะไรก็ช่างมันแล้ว เอามันไปทำแผลให้มันจบๆเรื่องไปก่อน ยังดีมันยังรู้จักเอาน้ำแข็งแปะๆโปะๆให้เลือดมันชาๆ
ฟ้าใสเดินขึ้นไปห้องพยาบาลอีกเป็นรอบที่สาม ขอบคุณพระเจ้าที่ห้องยังอยู่แค่ชั้นสอง ถ้าชั้นสี่ คงขอนอนพักสักครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยลงมา
เจอแม่บ้านคนเดิม คนไข้เปลี่ยน นายพยาบาลคนเดิม 555 ประชดตัวเองครับ

ฟ้าใสพยายามทำแผลให้ไอ้มายอย่างดีเลิศสุดประเสริฐเหนือล้าฟ้าเขียวเลยล่ะ แน่นอน ภายใต้การกำกับของมันเอง
พอจะใช้แอลกอฮอล์ เช็ด มันก็บอกให้ใช้ทิงเจอร์เลยดีกว่า มันไม่กลัวแสบหรอก เออ เออ เอ็งแมน หยิบทิงเจอร์มาเช็ด
 ตามออเดอร์ท่าน  ท่านก็สอนว่าทิงเจอร์สามารถฆ่าได้ทั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส

ฟ้าใสทำเป็นเช็ดๆไป เสร็จแล้วก็จะเอาเบตาดีนมาหยอด มันก็ทำตาขวางว่า จะเอาหยอดทำไม 
อ้าวก็ใส่ยา มันก็บอกเบตาดีน เป็นยาซะที่ไหน มันก็เหมือนกับทิงเจอร์นะแหล่ะ ใช้เช็ดแผล
อุ ว่ะ แล้วจะเอาอะไรใส่ล่ะ มันก็บอกก็ไม่ต้องใส่  ให้หาวาสลีน เอามาทาเคลือบ จะได้กันน้ำ ฟ้าใสก็เดินไปหยิบวาสลีนมา
ทา ลูบๆไป ไม่ต้องมาทำเคลิ้มเลย  เดี๋ยวโดน เสร็จแล้วก็เอาผ้าก๊อสมาปิดแผล พันพลาสเตอร์ จบ
มันก็ยังจะบ่นอีกว่าฟ้าใสทำไม่สวย พันเอียง ทำไม่เป็นแล้วยังจะอยากไปทำให้คนอื่น

เฮอะ ตกลงที่เอ็งจะว่าคือ เพราะตรูไปทำแผลให้พี่ฮะซันเขาใช่ไหมเนี่ย มันนะมัน
ฟ้าใสก็อดใจดูแลเด็กโข่งมันต่อไป

“เสร็จแล้ว กลับกัน” ฟ้าใสบอกมันเสร็จเก็บของ แล้วก็หันไปบอก”ขอบคุณ” กับแม่บ้าน ที่ยังคงอยู่แถวนั้น
ระหว่างที่เดินลงมา ไอ้มายเอามือโอบไหล่กอดคอฟ้าใสอีก  ตรูไม่ใช่คนเจ็บ เดินเองได้ แล้วเอ็งก็เจ็บมือ ไม่เกี่ยว
อะไรกับพยุงกอดคอเลยนะไอ้มาย

“แล้วทำไมหายไปกับพี่ฮะซันนาน” มันก็ถามขึ้น

“ก็แวบไปกินข้าว แล้วพอดี พี่ฮะซันเองเค้าก็คงไม่อยากกลับไปทำต่อมั๊ง เค้าก็เลยไปนั่งกินด้วย” อธิบาย

“งั้นผมก็จะไปกินข้าว” เด็กมันดื้อ ผมบอกแล้ว เฮ้อออ

“แต่ฉันไม่กินนะ” ฟ้าใสตาเหลือก รีบบอกไว้ก่อน เดี๋ยวโดนมันบังคับให้กินข้าวอีกจาน

“ก็มือเจ็บ ก็ต้องป้อนผมสิ”เด็กดื้อมันทำดื้อตาใส

“ไม่เจ็บไม่ตายไม่ใช่หรือไงแค่นี้น่ะ” จับมือมันขึ้นมาดูตรงหน้า พลางเดินกันไปที่โรงอาหาร

ไอ้มายทำเป็นยิ้มแล้วก็เดินเบียด ทางเดินก็ตั้งกว้าง

ฟ้าใสจิบโค้กกระป๋องนั่งดูมันกินข้าว

“เย็นนี้ไปค้างบ้านผมนะ” มันทำเป็นอ้อน โชว์มือเจ็บ

“อาบน้ำเองไม่ได้”

“ก็ไม่ต้องอาบน้ำ”

“ทีเดินกับพี่ฮะซัน มานั่งข้าวกับพี่ฮะซัน ทำแผลให้เขาอีก ยังทำได้” ไอ้มายมันเริ่มพาล บ่นกระปอดกระแปด ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่มันชวนไปค้าง

“มันคนละเรื่องกัน” ฟ้าใสก็บอกมันเสียงเรียบๆ แล้วก็เอากระป๋องเคาะโต๊ะเร่งมันให้กินเร็วๆ จะได้กลับไปที่ชอปได้แล้ว


TBC...
 :เฮ้อ:

หน้าตาข้าวฟืน เป็นแบบนี้ อ่ะฮะ



เหมือน เต้าหู้ทอด แต่ทำจากถั่วลันเตา มีขาย ที่เชียงราย ทางไปดอยตุง อร่อยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-10-2012 22:22:51 โดย Raspberry complex »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด