.
.
หลังจากจบเรื่องวุ่นวาย เราก็มานับวันรอการแสดงละครเวทีกันครับ พอวันเสาร์มาถึง พี่เภาก็ต้องออกจากบ้านแต่เช้าเลยครับ ต้องซ้อมเป็นรอบสุดท้าย ต้องแต่งตัว แต่งหน้าทำผมสารพัด พี่เภาบ่นอุบเลยครับ ว่าที่ต้องมาลำบากแบบนี้ก็เพราะผมคนเดียว ก่อนจะออกจากห้อง ยังไม่วายมาคลอเคลียหาเศษหาเลยจนผมตื่น ผมเลยเดินหน้าตางัวเงียมาส่งพี่เภา
“พยายามเข้านะพี่เภา แอลเป็นกำลังใจให้” ผมบอกพี่เภาพร้อมกับอ้าปากหาวไปด้วย
“ขอกำลังใจหน่อยนะครับ”
ผมกำลังจะปฏิเสธว่า เพิ่งขอไปจนผมตื่น พี่เภาก็รีบดึงผมเข้าไปจูบซะจนตาสว่าง ก่อนจะเดินหน้าบานออกจากห้องไป แล้วผมก็ต้องยุติความคิดที่ว่าจะปีนกลับขึ้นเตียงไปนอนทันที ก็โดนจูบจนตาสว่าง แถมน้องชายยังเคารพธงชาติอีกต่างหาก เลยได้แต่คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ
ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ก็เดินมาเปิดตู้เย็นหาของกิน ทำอะไรง่ายๆกินเสร็จ ก็โทรศัพท์หาไอ้เวย์ วันนี้พระเอกละครเวที เขามีแฟนคลับไปเชียร์เกาะขอบเวทีเพียบเลยครับ รอมันรับสายปุ๊บ ผมก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถามมันทันที
“เวย์...ตื่นหรือยังมึง อยู่บ้านหรือเปล่า”
((ตื่นแล้ว อยู่บ้าน แต่ไม่ใช่บ้านกูนะ บ้านไอ้จีน))
ผมเหลือบตามองนาฬิกาแขวนผนัง เพิ่งจะเก้าโมง มึงไปทำอะไรบ้านคนอื่นแต่เช้าวะ เดี๋ยวนี้มีลับลมคมในนะมึง สงสัยจะไม่ได้โดนกูซักฟอกมานาน เดี๋ยวต้องมีเคลียร์
“มึงไปทำอะไรบ้านน้องจีนแต่เช้าวะ”
((มากินโจ๊กมั้งมึง))
“อ้าว...บ้านน้องจีนขายโจ๊กเหรอ”
((กูประชด มึงอย่าโง่น่าแอล กูขอร้อง เดี๋ยวกูก็เอาปลาคลุกเปปทีนให้มึงกินแทนข้าวหรอก จะได้ฉลาด))
มันด่าว่าผมเป็นแมวหรือเปล่าครับ เป็นแมวก็น่ารักดีนะ อย่างผมก็เป็นแมวเปอร์เซียละกัน เอาปลาคลุกเปปทีน นี่คงคล้ายกับเอาปลาทูคลุกข้าวเนอะ
“เออๆ มึงจะไปพร้อมกับน้องจีนใช่มั้ย เดี๋ยวกูจะออกไปบ้านพี่เภาเนี่ย จะไปเจอกันหรือว่ายังไง”
((เดี๋ยวนี้ก๋ากั่นนะมึง บุกเดี่ยวหาพ่อแม่สามี ไอ้ลูกสะใภ้ดีเด่น มึงไปถวายตัวกับพ่อแม่สามีเถอะ เดี๋ยวกูกับมึงค่อยไปเจอกันที่คณะสถาปัตย์เลย แค่นี้นะ กูก็จะไปเอาใจแม่ยายกูบ้าง))
มันพูดเองเออเองของมันคนเดียว แล้วมันก็วางสายไปโดยไม่ฟังที่ผมพูดเลยซักนิด กูล่ะเอือมมึงจริงๆเลยหว่ะเวย์ ถ้ามึงจะพูดคนเดียว คราวหลังมึงอัดใส่เทปแล้วส่งมาให้กูฟังก็ได้
ผมจัดการสำรวจความเรียบร้อยภายในห้องเป็นรอบสุดท้าย แล้วก็ล็อคห้อง ขับเจ้ารถกระป๋องคู่ใจโดยมีจุดหมายปลายทางเป็นบ้านพี่เภา แอบเขินอยู่เหมือนกัน เพราะนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมมาบ้านพี่เภา โดยที่ไม่มีพี่เภามาด้วย นับวันผมยิ่งทำตัวเหมือนสะใภ้บ้านพี่เภาเข้าไปทุกวัน เปลี่ยนเป็นลูกเขยยังทันไหมครับ?
.
.
ผมขับรถกระป๋องเข้ามาจอดที่โรงรถบ้านพี่เภา เพราะป่าป๊าบอกว่า เดี๋ยวให้ไปด้วยกันเลย เดี๋ยวจะเอารถคันใหญ่ออก พอเข้ามาข้างในบ้านก็ถึงได้เห็นว่า เหลือกันอยู่แค่ป่าป๊ากับภาม พอทักทายป่าป๊ากับภามเสร็จเรียบร้อย โดยการยกมือไหว้ป่าป๊า และแหย่ไอ้น้องภามเล่น ผมก็เลยถามหาสมาชิกอีกสองคนทันที
“แล้วม่าม๊ากับพี่เพิร์ลไม่อยู่เหรอครับ”
“ม๊าเค้าพาเจ๊เพิร์ลไปเสริมสวยน่ะ แค่ลูกชายเล่นละครเวที ทำยังกับลูกชายแต่งงาน” ป่าป๊าไม่ได้ตอบครับ ไอ้น้องภามมันเป็นคนตอบ
ภามครับ...พี่ชายแกยังเรียนไม่จบ จะแต่งงานได้ยังไงวะ
ผมกำลังจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ป่าป๊าก็เหมือนอยากจะสานต่อประเด็นที่ไอ้น้องภามเพิ่งเปิดขึ้นมา เอาวุ๊ย...ดูท่าบ้านนี้จะชอบรุกกันทั้งบ้าน ทำไมพี่เพิร์ลไม่ไปรุกพี่เอฟบ้างล่ะ
“วันก่อนป๊าดูข่าว เห็นว่าเดี๋ยวนี้ที่ต่างประเทศผู้ชายจดทะเบียนกันได้ด้วย”
“ครับป่าป๊า ที่อเมริกาก็ทำได้เป็นบางรัฐครับ อย่างที่นิวยอร์กก็ทำได้ครับ”
เฮ่ย! จะเปลี่ยนหัวเรื่องคุยแท้ๆ แต่ทำไมกลายเป็นว่าผมดันไปคุยเรื่องเดียวกับป่าป๊าได้
“ป๊า...ครอบครัวพี่แอลเค้าอยู่ที่นิวยอร์กกัน”
ไอ้น้องภามก็ขยันชี้โพรงให้กระรอกเหลือเกินนะ เดี๋ยวพี่เภาเป็นเจ้าสาวขึ้นมาแล้วอย่ามาร้องนะ แต่ผมก็ได้แค่คิดครับ พี่เภาคงยอมหรอก...เหอะ
“แล้วครอบครัวแอลจะกลับมาอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
“คงไม่แล้วล่ะครับ แต่ถ้าเกิดมาเที่ยวก็พอเป็นไปได้ครับ”
“ป๊าม๊าก็บินไปหาครอบครัวพี่แอลที่นิวยอร์กสิ จะได้คุยกันให้รู้เรื่องไปเลย”
น้องภามแม่งทำตัวเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ กะจะให้ผมแต่งเข้าบ้านมันให้ได้ สำเนียกหน่อยครับว่าผมกับพี่ชายมันยังเรียนไม่จบเลย แล้วเรื่องแบบนี้...พี่เภาต้องเป็นคนมาคุยกับผมก่อนไม่ใช่เรอะ??
“แกเงียบไปก่อนเลยภาม” ป่าป๊าหันไปดุไอ้น้องภาม ก่อนจะหันมาถามผมอีกรอบ “ที่นิวยอร์กนี่ผู้ชายจดทะเบียนกันได้ใช่ไหมแอล”
ผมพยักหน้าแทนคำตอบ เป็นเรื่องที่เรียกร้องกันมาอยู่ซักพัก แล้วก็ผ่านออกมาเป็นร่างกฎหมายเรียบร้อย สำหรับมลรัฐนิวยอร์ก ตอนนี้หลายประเทศเองก็มีการแก้ไขกฎหมาย ให้เพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสกันได้ อเมริกาก็เป็นหนึ่งในหลายประเทศที่ได้รับการยอมรับแล้ว แต่น่าเสียดายว่าเป็นแค่บางรัฐเท่านั้น เพราะกฎหมายของแต่ละรัฐก็มีความแตกต่างกันไป และประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนและซับซ้อนพอสมควร
การที่ป่าป๊าพี่เภาเปิดประเด็นขึ้นมา นี่ก็เท่ากับว่ายอมรับความสัมพันธ์ของผมกับพี่เภา และคิดว่าเราสองคนจะอยู่ด้วยกันตลอดไป มันก็เป็นเรื่องที่ดีครับ แต่การจดทะเบียนสมรสก็เป็นเรื่องใหญ่พอสมควร ผมว่ามันยังเร็วไปที่เราจะมาคุยกันตอนนี้ เพราะผมกับพี่เภาก็ยังเรียนอยู่ด้วยกันทั้งคู่ ผมกำลังจะขึ้นปีสาม พี่เภากำลังขึ้นปีห้า
ผมสารภาพเลยว่า...ผมไม่เคยคิดถึงอนาคตของผมกับพี่เภา เพราะผมคิดว่า แค่ทุกวันนี้เรามีกันและกัน พี่เภายังจับมือผมเดินไปด้วยกันอยู่ มันก็เพียงพอแล้ว
ถ้าถามว่ารักพี่เภาหรือเปล่า ผมกล้าตอบเลยว่ามาก และถ้าถามว่าอยากอยู่ด้วยกันไหม ผมก็กล้าตอบอีกเช่นกันว่าอยากอยู่ด้วยกัน อยากจะตื่นมาเจอพี่เภาเป็นคนแรกทุกเช้า และอยากจะเห็นพี่เภาเป็นคนสุดท้ายก่อนนอนทุกคืน แต่บางเรื่องมันก็ต้องใช้เวลา เพราะการแต่งงานกัน เท่ากับเรายอมรับอีกฝ่ายเขามาเป็นคู่ชีวิตของเราเลยนะครับ มันไม่ใช่การเล่นขายของที่สามารถตัดสินใจได้ทันทีทันใด
ผมนั่งคุยกับป่าป๊าอีกซักพัก ป่าป๊าก็ขอตัวไปดูต้นไม้ ไอ้น้องภามมันเลยลากผมมานั่งเล่นเกมส์เป็นเพื่อนมัน เด็กผู้ชายกับเกมส์นี่เป็นของคู่กันจริงๆเลยครับ ตอนนี้ผมเลยมานั่งดวลวินนิ่งกับมัน มีเวลากันเหลือเฟือ เพราะเราจะออกจากบ้านกันตอนสี่โมงเย็น
คุณแม่บ้านก็ยกของว่างยกน้ำมาเสิร์ฟตลอด ผมน่ะเกรงใจ คิดว่าตัวเองเป็นแขก เลยพยายามรักษามารยาท แต่ไอ้น้องภามนี่สิ มันลงไปเลื้อยอยู่ที่พื้นเรียบร้อยแล้ว นั่งเล่นเกมส์กับมันเพลินจนลืมเวลาเลย มารู้ตัวอีกทีตอนได้ยินเสียงม่าม๊าอยู่ข้างหลัง
“อ้าว...น้องแอลมานานหรือยัง หิวไหมลูก กินอะไรรองท้องก่อนไหม”
“กินของว่างกับภามจนอิ่มแล้วครับ” ผมกดพอสเกมส์ แล้วหันไปยิ้มแฉ่งตอบม่าม๊า
ม่าม๊ากับพี่เพิร์ลนี่สวยเช้งมาเชียว หน้าผมเริ่ด จนผมที่แต่งตัวสบายๆนี่รู้สึกอายไปเลย ผมมันก็ไม่เคยไปดูละครเวทีซะด้วย เลยไม่รู้ว่าต้องแต่งแบบไหนถึงจะพอดี นี่ก็จัดเสื้อเชิ้ตกับยีนส์มาแล้วนะครับเนี่ย
“ไปอาบน้ำได้แล้วภาม เอาแต่เล่นเกมส์อยู่นั่น เดี๋ยวจะออกจากบ้านกันแล้วนะ” ม่าม๊าหันมาดุคนที่นอนเลื้อยอยู่ที่พื้นเป็นงูเหลือม
“โหยม๊า ภามก็เล่นกับพี่แอลอ่ะ ทำไมโดนว่าคนเดียววะ”
“อ้าว...ก็น้องแอลเป็นลูกรักม๊านี่นา” ม่าม๊าว่าแล้วก็ดึงผมเข้าไปกอดใหญ่ ให้ไอ้น้องภามมันอิจฉาเล่นๆ แต่เชื้อมันไม่ทิ้งแถวครับ สมกับเป็นน้องพี่เภาเสมออ่ะ
“อ้าว...นั่นลูกรักม๊าเหรอ ผมนึกว่าลูกสะใภ้ซะอีก”ม่าม๊าหัวเราะชอบอกชอบใจ แต่ผมนี่ถึงกับไปต่อไม่เป็นเลย
คุณป๋าครับ คุณแม่ครับ...อย่าตกใจนะครับ ถ้ามีคนหอบสินสอดทองหมั้นไปสู่ขอผม
.
.
กว่าครอบครัวดิเรกรุจน์ ที่ขาดลูกชายคนโต แต่มีลูกสะใภ้(?)คนโตมาแทน จะยุรยาตรออกจากบ้านกัน ก็ตอนเกือบสี่โมงเย็น ป่าป๊าสั่งคนขับรถให้เอารถคันใหญ่ออก แล้วป่าป๊ากับม่าม๊าก็ไปนั่งแถวแรกกัน พี่เพิร์ลนั่งแถวสองคนเดียว ผมกับไอ้น้องภามเลยยึดแถวหลังสุด
เดี๋ยวนี้ไอ้น้องภามมันปีกกล้าขาแข็งมาก เพราะมีคนทั้งครอบครัวคอยให้ท้าย มันแกะถุงขนมแล้วก็สะกิดเรียกผม ด้วยสรรพนามที่ทำเอาแทบหัวทิ่ม
“กินไหม ซ้อใหญ่”
แล้วคิดว่าสมาชิกคนอื่นในครอบครัวจะว่ายังไงกันละครับ ม่าม๊ารีบหันมาเลย
“ฝึกเรียกไว้นะภาม อีกหน่อยจะได้ชิน ยังไงน้องแอลกับเราก็ต้องมาเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่ดี”
ในเมื่อทุกคนรู้เห็นเป็นใจแบบนี้ แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ ได้แต่หันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้น้องภาม ที่นั่งกินขนมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
พอมาถึงที่คณะ ผมก็ต้องตกตะลึง เพราะคนเยอะกว่าที่คิดอีกครับ ผมเลยถือโอกาสควงพี่เพิร์ลเลยครับ นานทีจะมีโอกาสได้ควงคนสวย ปกติได้แต่ควงคุณแม่ พี่เพิร์ลก็ไม่ว่าอะไร หัวเราะชอบใจอีกต่างหาก ผู้ชายหลายคนมองมาที่ผมกับพี่เพิร์ลใหญ่เลยครับ แหม...สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกเลยล่ะสิ หึหึ
ตอนแรกผมนึกว่าผมแต่งตัวเซอร์เกินไป แต่พอเห็นพวกเพื่อนคนอื่นก็มาสไตล์เดียวกันนั่นแหล่ะ อยู่กันครบองก์ประชุมเลย ขาดแต่หัวหน้าคณะ เพราะต้องผันตัวเองไปเป็นเจ้าชายแฮมเล็ต แต่มีลางสังหรณ์ว่าละครเวทีจบ คนไม่จบแน่นอน ได้ไปโต้รุ่งกันต่อชัวร์
“แหม...ไอ้เภาไม่อยู่นี่ควงสาวเลยนะแอล” พี่เชนแซวผมครับ ผมก็ยิ้มรับ แล้วเขยิบตัวเองเข้าไปชิดพี่เพิร์ลอีก พี่เพิร์ลเลยเอามือมาเกาะเอวผมเลย ผมก็เขินสิครับ
พวกเรายืนคุยกันอยู่ตรงหน้าหอประชุม ระหว่างรอประตูเปิด ก็แว่วเสียงเพื่อนรักกับน้องรักมันทะเลาะอะไรกันซักอย่าง พอหันไปมองก็แทบขำกลิ้ง ไอ้คู่รักฮาร์ดคอร์มันแอบหวานครับ มันกระแดะใส่เสื้อคู่รักกันมาด้วย กะเปิดตัวกันเต็มที่เลยล่ะสิ นี่ขนาดน้องจีนมันยังไม่ทันเข้ามหาวิทยาลัยเลยนะ ไอ้เวย์แม่งแสดงความเป็นเจ้าของล่วงหน้า สงสัยชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของน้องจีนคงสุขสันต์น่าดู
เห็นท่าทางที่คู่รักฮาร์ดคอร์มันลากกันเข้ามาแล้วก็ต้องปวดหัวแทน ไอ้เวย์มันล็อคคอน้องจีนไว้กับตัว ส่วนน้องจีนก็ดิ้นปัดไปปัดมา จะให้ไอ้เวย์ปล่อย
“เห้ย!! อยู่นิ่งๆสิวะ”
“ก็ปล่อยสิ จะบ้าเหรอไง มาล็อคคอกันอยู่ได้นั่นแหล่ะ ถ้าเดินดีๆไม่ได้ ก็ไปห่างๆกันเลย”
ไอ้เพียวยืนยิ้มลูกเดียว ผมเห็นมันทะเลาะกันเสียงดังแล้วก็กลัวว่า มันจะมาเลิกกันที่นี่หรือเปล่าวะ เลยต้องสะกิดคุณชายเพียวที่ยืนยิ้มหล่อ
“มึงไม่เข้าไปห้ามหน่อยเหรอเพียว”
“ไม่ต้องหรอก มันก็ทะเลาะกันประจำ เดี๋ยวพอดีกันมันก็มาดูดปากกันเหมือนเดิม”
“มึงไปเห็นพวกมันดูดปากกันตอนไหนเนี่ย”
“ทำไมกูต้องบอกมึงด้วยล่ะ มึงดูดปากพี่เภาให้กูดูก่อนสิ”
“ไอ้เชี่ยเพียว ไอ้เพื่อนเลว”
ไอ้เพียวเดินหนีไปแล้ว ผมถึงได้หันมาสังเกตไอ้เวย์กับน้องจีนต่อ เพิ่งเห็นว่ามันใส่เสื้อพระเอกนางเอกกัน
“เฮ้ย! นี่มึงกะมาขโมยซีนพี่เภาเหรอวะ แหม...กระแดะใส่เสื้อพระเอกนะมึง กูว่าอย่างมึงน่ะ โจรห้าร้อยชัดๆ” ผมแกล้งตะโกนแซวไอ้เวย์ ไอ้หล่อเลวแม่งก็หน้าหนาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“ถ้ากูไม่ใส่เสื้อพระเอก แล้วก็จะได้คู่กับนางเอกเหรอ” แล้วมันเปลี่ยนมาโอบคนที่ใส่เสื้อนางเอก แสดงความเป็นเจ้าของกันสุดๆเลยนะมึง
น้องจีนอาศัยจังหวะที่ไอ้เวย์กำลังคุยกับผมอยู่ สะบัดตัวเองหลุดจากไอ้เวย์ แล้วก็ฟาดไหล่ไอ้เวย์ดังผัวะเลย พอเสร็จก็เดินมาหาไอ้น้องภามทันที ปล่อยเพื่อนผมเป็นหมาหงอยเลย
ผมเห็นน้องจีนที่ยืนคุยอยู่กับไอ้น้องภามหน้าตูมๆเหมือนไม่สบอารมณ์ เลยแกล้งกระแซะเข้าไปถามไอ้เวย์ทันทีด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“มึงทะเลาะอะไรกับน้องจีนวะ ตอนเดินเข้ามากูได้ยินเถียงกันเสียงดังเชียว”
“เรื่องเสื้อคู่” ไอ้เวย์มันทำหน้าเบื่อๆ
“ทำไมวะ น้องจีนไม่ยอมใส่เหรอ กูว่าไม่หรอกน่า น้องมันออกจะรักมึงจะตายไป”
“เปล่า มันก็ยอมใส่นั่นแหล่ะ แต่ว่า...”
“แต่อะไรของมึง”
“แม่งประสาท มันจะใส่เสื้อพระเอก แล้วจะให้กูใส่เสื้อนางเอก คิดว่ากูจะยอมเหรอ”- END STEP 43 -
๐ เรื่องราวก็คลี่คลายหมดแล้ว แล้วก็จะกลายเป็นนิยายรักกันไปวันๆ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด คิดว่าน่าจะจบภายในปีนี้ค่ะ
๐ แต่กลัวจะไม่จบตามที่กำหนดเหมือนกัน เพราะตั้งแต่เดือนหน้า เรามีโปรแกรมเดินทางเยอะมากเลย
๐ เราวางตอนจบไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ เหลือแค่ดำเนินเรื่องไปถึงจุดที่วางเอาไว้ ยังไงเดี๋ยวพอใกล้ถึงตอนจบ จะบอกอีกทีนะคะ
๐ สารภาพเลยว่า ที่ชอบแต่งให้ค้างเพราะ มันเป็นการกระตุ้นตัวเองให้รีบมาเขียนต่อวิธีหนึ่ง ฮา...ต้องขอโทษด้วยนะคะ
๐ ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ติดตามกันมา ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ขอบคุณทุกคนที่โหวตนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ ดีใจมาก