*** ขอบคุณค่าคุณ maree ...ย้อนกลับขึ้นไปดูตั้งแต่โพสแรก เราไม่ได้แจ้งอะไรไว้เลยจริงๆด้วย ... คือตอนนี้กำลังเปิดจอง รีปริ้น เรื่อง หรือจะฯ + เรื่องของเด็กชายตะวันฉาย อยู่น่ะค่ะ ท่านใดสนใจก็ดูรายละเอียดได้ที่
http://www.facebook.com/BhakDee( แต่ไม่ใช่รีปรินท์เรื่องนี้นะคะ เรื่องนี้ยังไม่เคยรวมเล่มค่ะ นำมารีโพสเฉยๆ ค่า ...รอจัดส่ง 2 เล่มนั้นเรียบร้อยแล้วค่อยทำเล่มนี้ต่อค่ะ )
ขอบคุณค่า ...
***********************************
ไปตามหาฉาย…ฉายบอกว่าถ้าไม่ให้เป็นพระเอกก็ไม่มาค่ะ...ปล่อยๆเขาไปก่อนแล้วกันนะคะ...
เรื่องของเด็กชายตะวัน ฝันหวานของเจ้าชายกบ กับน้องชายที่เกือบจะไม่มีบทบ้านใกล้ๆ# 10คืนนั้นพี่ขุนไม่ได้บอกผมตามเคยว่าทำไมถึงร้องไห้...แต่พี่ขุนก็ยอมให้ผมกอด ...แล้วก็ยอมเล่าอะไรๆให้ผมฟังในตอนเช้า...
ตั้งแต่เด็ก ผมชอบร้องไห้...พ่อกับแม่ แล้วก็น้าเจดกับน้าโอ๋ก็จะกอดผม...นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเป็นฝ่ายกอดคนอื่นแล้วก็ตบหลังแปะๆ อย่างที่แม่กับพ่อแล้วก็น้าเจดกับน้าโอ๋ชอบทำ...เวลาถูกตบหลังแปะๆผมรู้สึกดี...ผมเลยคิดว่าพี่ขุนก็น่าจะรู้สึกดีเหมือนผม แต่ผมคิดผิด...เพราะที่ไหล่เกือบๆหลังของพี่ขุนน่ะแดงเป็นรอยยาวแล้วตอนเช้ามันก็บวมขึ้นมา...
“บวมเลยเพราะตะวันตบหลังพี่นั่นแหละ...”พี่ขุนว่างั๊นตอนที่ถอดเสื้อออก
แดดออกแล้ว...พี่ขุนก็ยิ้มออกแล้วเหมือนกัน...แต่ผมยิ้มไม่ออก เพราะหน้าพี่ขุนวันนี้ช้ำกว่าเมื่อวานอีก...
ผมอยากบอกพี่ขุนอีกครั้งว่าการใช้กำลังน่ะมันไม่ดี...แต่ก็ดีที่ไม่พูด เพราะจริงๆแล้วพี่ขุนไม่ได้ไปตีกับใครแต่ไปถูกเขาตีเอาฝ่ายเดียวต่างหาก
แผลที่ตัวกับที่หน้าของพี่ขุนน่ะฝีมือพ่อของพี่ขุนทั้งนั้นเลย
ผมไม่เคยถูกพ่อตี แม่แล้วก็น้าโอ๋กับน้าเจดด้วย...อาจจะเคยโดนน้าโอ๋ตีเบาๆตรงแขนที่เดี๋ยวนี้น้าโอ๋เปลี่ยนมาหยิกเอาแทนเพราะน้าโอ๋ว่าตีแล้วเจ็บมือ...ถึงจะเจ็บที่เนื้อแต่ผมก็ไม่รู้สึกอะไร...
...เพราะเราไม่เป็นอย่างที่เขาอยากให้เราเป็นไง!...พี่ขุนว่างั๊น
...เราต้องเรียนอย่างที่เขาอยากให้เรียน ทำงานอย่างที่เขาอยากให้ทำ...พี่ขุนบอกแล้วก็จับมือผมให้เอื้อมจับที่ด้านหลังหัวของพี่ขุน
มันเป็นรอยสัก ผมจำได้...รอยสักที่เท่ เห็นแล้วผมชอบ...ใครๆก็ชอบ ผมเห็นหลายคนเหลียวมอง แต่พอลองเอามือลูบเบาๆ...มันเป็นรอยนูนๆเป็นทางยาว...
...โดนตีหัวแตกตอนที่บอกเขาว่าจะเลิกเรียน...พี่ขุนพูดแล้วก็หัวเราะแต่ผมว่าพี่ขุนกำลังร้องไห้มากกว่า
พี่ขุนชอบบอกใครๆว่า สักไว้เป็นยันต์กันโดนตีหัว...ใครฟังก็หัวเราะ พี่ขุนก็หัวเราะ...ต่อมาน้าโอ๋ถาม พี่ขุนก็ตอบอย่างนั้นเหมือนกัน แล้วพี่ขุนก็หัวเราะเหมือนเคยแต่ผมรู้แล้วว่าจริงๆ พี่ขุนไม่ได้หัวเราะเลย...
แผลใหม่ๆที่หน้า พี่ขุนว่าเพราะเราขัดใจเขาเรื่องทำงาน..
“แต่มันจะเป็นแผลสุดท้ายแล้ว...พี่ตัดสินใจแล้ว เมื่อวานพี่บอกเขาแล้วว่าพี่จะไม่กลับไปที่บ้านอีก”พี่ขุนพูดอย่างนั้นแล้วก็ยิ้มอีก
“เมื่อวานพี่ไปที่มหาลัย...ทำเรื่องรับปริญญา...พี่ไม่รับ ให้เขาส่งไปที่บ้านเลย...ถ้าพ่อกับแม่พี่เขาอยากได้มันนัก...ก็ให้เขาเอาไว้เป็นลูกชายแทนแล้วกัน”พี่ขุนบอกแล้วก็ร้องไห้ด้วยเสียงหัวเราะเหมือนเคย
สำหรับผมบ้านคือที่ ที่ดีที่สุด...ทั้งบ้านผมและบ้านน้าโอ๋...เวลาอยู่ที่บ้าน ผมรู้สึกว่ามีความสุขเพราะมันปลอดภัยและทุกคนรักผม...แต่บ้านของพี่ขุนคงไม่ใช่...
“แล้วของๆพี่ขุนล่ะ?”ผมถาม ก็ใครๆเดินทางก็ต้องมีกระเป๋าเสื้อผ้าทั้งนั้น...แต่พี่ขุนบอกว่าไม่มี พี่ขุนมาแต่ตัว เพราะพ่อพี่ขุนบอกว่า...ถ้าแน่จริงก็ให้ไปแต่ตัว
“ก็ไม่ได้แน่จริง แต่เขายืนขวางกะไดไว้ ขืนกลับขึ้นไปเอาเสื้อผ้าเดี๋ยวได้มาอีกแผล...นี่มีแต่ตัวกับหัวใจเลยนะ...เงินเขายังดึงออกจากกระเป๋า เขาบอกว่าของเขา... อ๋อได้มอเตอร์ไซด์มาอีกคันเพราะมันจอดอยู่นอกบ้าน ”พี่ขุนว่างั๊นแล้วก็หัวเราะ
ฟังแล้วผมก็สงสารพี่ขุนแต่ก็แอบร้องไชโยไปในใจด้วย...พี่ขุนไม่มีบ้านแถมไม่มีเสื้อผ้าแล้วก็เงินอีก...แปลว่าพี่ขุนน่าจะมาอยู่กับผม...พี่ขุนตอนนี้น่ะ แย่ยิ่งกว่าผมซะอีก เพราะอย่างน้อยผมยังมีตังค์ติดตัวถึงจะค้นทั้งเนื้อทั้งตัวแล้วเอาออกมาวางให้พี่ขุนได้แค่ยี่สิบกว่าบาทก็เหอะ
“นี่สมบัติของตะวันเหรอ?”พี่ขุนถาม ทำหน้าประหลาดมองดูเงินยี่สิบบาทกว่าๆของผม ผมก็พยักหน้ารับเพราะมันเป็นสมบัติของผมจริงๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวเลย เหลืออยู่เท่านั้นเอง...ผมยังลุ้นอยู่ว่าถ้าวันนี้ขายรูปไม่ได้ ผมก็ต้องไปขอตังค์น้าโอ๋อีก ซึ่งผมไม่อยากเท่าไหร่...
“เดี๋ยวออกไปกินข้าวกัน”พี่ขุนถอนหายใจก่อนบอก ส่วนตาก็ยังมองเงินยี่สิบบาทกว่าๆของผม
“ไปกินบ้านน้าโอ๋ก็ได้...เมื่อวานน้าโอ๋บอกว่าวันนี้จะทำขนมจีนให้ตะวันกิน”ผมบอก
“สภาพนี้เนี่ยนะ น้าโอ๋ของตะวันปลื้มพี่แย่เลย”พี่ขุนบอกแล้วก็ชี้รอยแผลที่หน้าตัวเอง
“งั๊นเดี๋ยวตะวันไปตักมาให้...ยี่สิบบาทซื้อได้แต่มาม่าเอง”
“พี่เลี้ยงเอง”
“พี่ขุนเอาเงินที่ไหน?”ผมถามก็พี่ขุนบอกว่าออกมาแต่ตัว ตังค์ก็โดนริบหมด
“ธนาคารสิ!”พี่ขุนบอก
“ปล้นเหรอ?!”ผมถามตกใจจริงๆแต่ก็แอบตื่นเต้นนิดๆ...พี่ขุนก็หันมามองหน้าผมแล้วก็ส่ายหัวอีก
“ไปถอนตังค์!”พี่ขุนบอกแล้วก็ทำท่านึกอะไรขึ้นมาได้
“ไม่ได้แฮะ...เอทีเอ็มเขาก็เอาไป...ถอนธนาคารต้องใช้สมุด... คืนนี้สงสัยต้องปีนรั้วบ้านตัวเอง”พี่ขุนบอก ผมนึกว่าพี่ขุนพูดเล่น ที่ไหนได้พี่ขุนพูดจริง เพราะผมได้ยินพี่ขุนโทรไปหาเพื่อนชวนกันไปงัดบ้านตัวเอง
“ขืนเดินเข้าไป ได้มาอีกแผลแน่”พี่ขุนบอกผมอย่างนั้น
“พี่ขุนจะขโมยเหรอ?”
“เปล่า...เงินพี่ พี่หามาของพี่เอง..พี่ก็กลับไปเอาของๆพี่สิ...ของที่เขาให้ก็ให้เขาเก็บเอาไว้นั่นแหละ”
“แล้วตอนนี้กินอะไรล่ะ?”ผมถามเพราะท้องเริ่มร้องแล้ว
“ไปซื้อมาม่ามาต้มกินกันเถอะ ยืมสมบัติของตะวันก่อนนะ!”พี่ขุนว่างั๊นแล้วก็โกยเอาเศษเหรียญยี่สิบบาทกว่าๆของผมออกไปซื้อมาม่า ระหว่างนั้นผมก็วิ่งไปกินขนมจีนบ้านน้าโอ๋...แล้วก็วิ่งกลับมานั่งรอพี่ขุนต่อ
“กินไม่ไหวแล้ว!”ผมบอกพี่ขุนหลังจากกินมาม่าไปได้แค่ครึ่ง
“อ้าว ไหนว่าหิว?”พี่ขุนถาม
“ก็เมื่อกี้ตะวันไปกินหนมจีนมาแล้ว...ไม่ไปกินเดี๋ยวน้าโอ๋งอน จะกินนิดเดียวน้าโอ๋ก็งอน ตะวันเลยกินไปตั้งสองชาม...แล้วมันอร่อย ตะวันเลยกินไปสามชาม...”ผมบอก
“ตะวันนี่โชคดีนะ...”พี่ขุนพูดแล้วก็มองออกไปนอกหน้าต่าง...มองไปทางบ้านน้าโอ๋...พี่ขุนชอบพูดแบบนี้บ่อยๆ...เวลาพูดถึงพี่ขุนจะยิ้มๆ แต่ตาพี่ขุนก็จะเศร้าๆ...และผมก็จะกอดพี่ขุน...
ผมรู้ว่าผมโชคดีอย่างที่พี่ขุนบอก...โรงเรียนอาจจะเป็นความโชคร้ายอย่างเดียวของผม...ถึงแม่กับพ่อจะหนีไปเที่ยว แต่ผมก็ยังมีน้าเจด น้าโอ๋แล้วก็ฉาย...ถึงบางครั้งผมจะเหงา ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ แต่ผมก็รู้ ผมมีน้าโอ๋ น้าเจดแล้วก็ฉาย...และผมก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆขึ้นก็เพราะพี่ขุนนี่แหละ...
วันนี้พอสมบัติมูลค่ายี่สิบบาทกว่าๆในกระเป๋าของผมหมดเกลี้ยงไปพร้อมกับเส้นมาม่า...พี่ขุนก็ให้ผมซ้อนมอเตอร์ไซด์ออกไปข้างนอกพร้อมรูปที่ผมวาดไว้
พี่ขุนพาผมไปหาเพื่อนของพี่ขุนหลายๆคน...
“ฝากเขาขาย ปกติเขาหักเปอร์เซ็นต์ แต่ของตะวันไม่หัก”
“ทำไมล่ะ?”ผมถาม...จริงๆผมก็เคยคิดแล้วก็รู้ด้วยว่ารูปน่ะเอาไปฝากขายได้ แต่ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง...วันนี้ผมก็ยังไม่รู้...รู้แต่ว่าเดินตามหลังพี่ขุนไว้ ที่เหลือพี่ขุนจัดการให้...เพียงแต่ผมไม่เข้าใจ ทำไมเขาไม่หักเปอร์เซ็นต์ผมไว้
“ก็นั่นเพื่อน แล้วนี่แฟน จะมาหากินกับแฟนเพื่อนเดี๋ยวเลิกคบ!”พี่ขุนบอกแล้วก็หัวเราะ...ผมแอบมองลูกกะตาพี่ขุน...ลูกกะตาพี่ขุนหัวเราะ ไม่เศร้าแล้ว
“เพื่อนพี่ขุนหมดเลยเหรอ?”ผมถาม เพราะพี่ขุนพาไปหาตั้งหลายคน บางคนพี่ขุนก็นั่งคุยแป๊บนึง กับบางคนพี่ขุนก็นั่งคุยยาวเพราะคุยเรื่องจะไปงัดบ้านด้วยกันตอนกลางคืน
“เอารูปพี่อ๋อมาด้วยได้ไหม?”ผมนึกได้เลยถามเพราะพี่อ๋อก็ไม่มีตังค์เหมือนกัน
“ได้แต่ต้องถามเพื่อนพี่ก่อนแล้วก็ต้องหักเปอร์เซ็นต์”พี่ขุนบอก
“ไม่หักไม่ได้เหรอ? ของตะวันยังไม่หักเลย”
“ไม่ได้ มันเอาเปรียบเพื่อนไม่ดี...ของตะวันน่ะพิเศษ”พี่ขุนบอก แล้วก็เอาแขนมากอดคอผมเดิน...ผมก็เดินคิดแล้วก็คิด
“งั๊นบอกว่าเป็นของตะวัน”
“เอาเปรียบคนอื่นมันไม่ดีนะตะวัน...พี่อ๋อเอารูปมาฝาก หักเปอร์เซ็นต์ก็เหมือนค่าเช่าพื้นที่...แล้วรูปตะวันกับรูปพี่อ๋อน่ะ...ดูยังไงก็คนละคนวาด”
“ตะวันเก่งไงเลยวาดได้หลาย...โอ๊ย!”ผมพูดไม่จบเพราะโดนพี่ขุนหยิกแก้ม
“หยิกตะวันทำไม?”
“หายางอาย!”พี่ขุนว่างั๊นแล้วก็หัวเราะ แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น ตอนหลังพี่ขุนก็ช่วยเอารูปของพี่อ๋อไปให้เพื่อนๆดู แล้วก็ฝากขายในเปอร์เซนต์ที่พี่ขุนบอกว่าสุดพิเศษ...ตอบแทนที่เขาเคยช่วยตะวันไง!...พี่ขุนบอกผมอย่างนั้น
เย็นๆวันนั้น พี่ขุนก็ไปส่งผมที่ร้าน แล้วก็บอกผมว่า... งัดบ้านเสร็จแล้วจะแวะไปหา...
“อย่ามีแผลกลับมาอีกนะ...”ผมบอกพี่ขุน ตอนพี่ขุนบิดแฮนด์มอเตอร์ไซด์เร่งเครื่องเตรียมจะไป...
“ไม่มีแล้ว...บอกแล้วไงเมื่อวานวันสุดท้าย”พี่ขุนบอกแล้วก็ยิ้ม...ลูกกะตาของพี่ขุนก็ยิ้ม แล้วหลังจากวันนั้น ผมก็ไม่เคยเห็นพี่ขุนร้องไห้อีกเลย...
...แล้วต่อมาพี่ขุนก็บอกผมว่า...ถึงโลกมันจะกว้าง แต่มีตะวัน พี่เลยรู้ว่า ที่ของพี่อยู่ที่ไหน...
“ก็อยู่กับตะวันไง!”ผมบอกแล้วพี่ขุนก็ยิ้ม...
จบ...