เด็กชายตะวัน ฝันหวานของเจ้าชายกบกับน้องชายที่ใครบอกว่าไม่มีบทบ้านใกล้ๆ# จบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กชายตะวัน ฝันหวานของเจ้าชายกบกับน้องชายที่ใครบอกว่าไม่มีบทบ้านใกล้ๆ# จบ  (อ่าน 83472 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nuclear

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 373
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4

TaEnIaE_CoLi

  • บุคคลทั่วไป
เริ่มเข้าใจตะวันขึ้นมาทีละนิดๆแล้ว

เข้าใจแล้วว่าทำไมที่รพ.ไชยปราการตะวันถึงยังวาดรูปพี่ขุนทุกวัน

คิดว่านะ

pahpai

  • บุคคลทั่วไป
หลังจากพี่ขุนตื่น ตะวันเลยยังนอนฝันถึงพี่ขุนทุกวัน
น้ำตาซึม

ออฟไลน์ StillLoveThem

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-10
...ตะวันนี่ฮาดี และ ตะวันก็ซกมก กินขนมปังทั้งๆที่ยังไม่แปรงฟันเลย555
...พี่ขุนก็มีเหตุผลดีนะ โดนพ่อแม่ที่อยู่กันมา 20 ปีไล่ออกจากบ้านเลยไม่อยากโดนคนอื่นไล่ออกจากบ้านเป็นครั้งที่2
...กำลังอ่านตะวันฉาย ใกล้จบแล้ว แต่มันเศร้ามากตอนท้ายๆๆ เลยรู้จุดจบของพี่ขุนและอาทั้งสองของตะวัน เศร้าเนอะ
:L2:

vavacoco

  • บุคคลทั่วไป
ตะวันสอดรู้สอดเห็นจริงๆ :m20: ชอบแอบฟังพี่ขุนคุยกับเพื่อนเรื่อย
ถ้าพี่ขุนรู้จะเป็นไงน้อ 555
แต่ตะวันน่ารักหลายอย่างเลยนะ ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ
ตะวันไม่ชวนพี่ขุนอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตหรอก
ตะวันปรึกษาตัวเองหลายรอบจนแน่ใจแล้ว
แถมยังห่วงกลัวน้าโอ๋เหงาอีก นี่สินะใครๆถึงได้รักตะวัน  :L1:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

ภัคD

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องของเด็กชายตะวัน  ฝันหวานของเจ้าชายกบ  กับน้องชายที่เกือบจะไม่มีบทบ้านใกล้ๆ# 13

ผมไม่เคยรู้ว่าบ้านพี่ขุนอยู่ที่ไหน...บ้านเช่าของพี่ขุนผมยังแค่รู้ที่แต่แทบไม่เคยได้ไป ก็ขนาดตัวพี่ขุนเอง พี่ขุนยังไม่ค่อยอยู่บ้านเลย เพื่อนพี่ขุนบอกว่า พี่ขุนเช่าบ้านเอาไว้เลี้ยงปลวก...

แต่พอกลับจากลาว แทนที่พี่ขุนจะพาผมกลับบ้าน พี่ขุนกลับพาผมไปบ้านที่ไม่ใช่บ้านเช่า

บ้านพี่ขุนหลังเบ้อเริ้ม...บ้านผมรวมกับบ้านน้าโอ๋ยังไม่รู้จะใหญ่เท่าที่จอดรถบ้านพี่ขุนหรือเปล่า...แถมในโรงจอดรถก็มีแต่รถคันโตๆ ที่เวลาฉายขับรถ น้าโอ๋จะต้องคอยบอกฉายว่า...ฉาย อยู่ห่างๆมันหน่อย คันนั้นมันแพงนะ!...

แต่วันนี้พอผ่านเข้ารั้วบ้านที่ผมมองหาคนเปิดประตูไม่เจอเข้ามาได้  พี่ขุนก็บอกว่า

“แม่พี่เขาเจ้าระเบียบ จอดรถไม่เป็นที่เดี๋ยวโดนด่า”พี่ขุนว่างั้นแล้วก็เร่งเครื่องดังบรึ้นๆ...ผมกอดเอวพี่ขุนไว้แน่น ก่อนจะหลับปี๋ ตอนได้ยินเสียงดังโครม...พอลืมตาขึ้นมองก็ทันได้เห็นพี่ขุนใช้เท้าถีบรถที่น้าโอ๋เคยบอกว่ามันแพง ยันตัวถอยมอเตอร์ไซด์ออกมาจอดข้างๆ

ผมมองรอยบุบที่เคียงคู่อยู่กับรอยพื้นรองเท้าของพี่ขุนด้านข้างรถคันโตๆตรงหน้าแล้วก็ควานดูตังค์ในกระเป๋ากางเกงตัวเองว่ามีอยู่เท่าไหร่  ...ยังนับได้ไม่เท่าไหร่พี่ขุนก็เอาแขนพาดคอผมแล้วลากผมเดิน

“หลังโตจัง!”ผมหยุดยืนอยู่หน้าบ้าน แหงนคอตั้งดูบ้านหลังโคตรโตของพี่ขุน

“แล้วสวยไหม?”พี่ขุนถาม กอดอกยืนเอียงคอมองบ้านหลังโตๆของตัวเอง ผมเอียงคอมองตาม...จะตอบว่าไม่สวย ก็กลัวพี่ขุนโกรธ

“เงียบแปลว่าอะไร?”พี่ขุนหันมาถาม มือก็ยังกอดอก ผมเลยยกมือขึ้นมาเกาหัวตัวเอง

“ถ้าตะวันบอกว่าสวย พี่จะบอกว่าตะวันรสนิยมห่วย ”พี่ขุนว่างั้น

“งั้นตะวันรสนิยมโคตรดี...”ผมพูดค่อยๆแบบเกรงใจ๊ เกรงใจ

“...พี่ก็ว่างั้น...”พี่ขุนบอก เลิกเอามือกอดอกแล้ว แต่เอามากอดคอผมลากให้เดินเข้าไปในบ้านแทน

“หลังโตจัง...”ผมยังบอกพี่ขุน...หันซ้ายหันขวาแล้วกลับมาหันซ้ายอีกทีก่อนกลับไปหันขวาอีกรอบ ดูบ้านพี่ขุนที่เหมือนบ้านที่เห็นในละครทีวีที่น้าโอ๋ชอบดู

“อือ...ไม่รู้จะสร้างให้มันโตทำไม ไม่ใช่มูลนิธิหรือโรงเลี้ยงเด็กกำพร้าสักหน่อย...เสียดายที่!”

“แล้ว...พี่ขุนมาทำไม?”ผมกระซิบถาม ก็นับจากวันที่พี่ขุนบอกว่าจะไม่กลับมาที่บ้านหลังนี้อีกแล้ว...พี่ขุนก็ไม่เคยกลับมาอีกเลยจริงๆ ยกเว้นตอนเข้ามางัดบ้านหนเดียวเอง...มันผ่านมาตั้งหลายๆปีแล้ว แต่พี่ขุนไม่เคยกลับมาสักครั้ง...

“มาเอาของ”พี่ขุนบอก

พี่ขุนก้าวขายาว แถมเดินเร็วอีก...แล้วก็ลากคอผมให้เดินไปด้วย ผมเลยต้องเดินบ้างวิ่งบ้าง ตามพี่ขุนให้ทัน ไม่งั้นเดี๋ยวจะหลุดติดแขนพี่ขุนไปแต่คอ

“คนอื่นหายไปไหนหมด?”ผมกระซิบถามอีก...ก็บ้านมันเงียบ เงียบอย่างกับไม่มีชีวิต เงียบจนผมไม่กล้าพูดเสียงดัง

“อยากเจอเหรอ?”แต่พี่ขุนพูดซะดัง หรือจริงๆก็พูดปกติ แต่ในบ้านหลังนี้ ผมได้ยินอย่างกับเสียงพี่ขุนดังคับบ้านเลย แถมพี่ขุนยังพูดไปหัวเราะไป

ผมไม่รู้พี่ขุนลากคอผมเดินไปทางไหน...แต่พอผมจะบอกพี่ขุนว่าผมแค่ถามไม่ได้อยากเจอ...พี่ขุนก็หยุดเท้าแล้วเอาแขนลงจากคอผม...ผมยกมือลูบท้องตัวเองว่ามันอยู่ตรงไหน เพราะพอเงยหน้าขึ้น...ผมก็รู้สึกว่าผมหายใจแล้วหาท้องเอาลมลงไม่เจอ...

พ่อกับแม่กับปู่ของพี่ขุนนั่งหน้าตึงอยู่ในฉากละครที่น้าโอ๋ชอบดู...

พ่อพี่ขุนมองพี่ขุนก่อนหันมามองผมตั้งแต่หัวจนถึงเท้า...สวนแม่พี่ขุนก็มองจากเท้าขึ้นมาหัว...ผมเกือบหมุนตัวไปรอบๆให้ปู่พี่ขุนดูจะได้ไม่ทับเส้นทางกันตอนปู่พี่ขุนตวัดตามามอง...แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะผมกลัวจนอยากมุดกลับไปอยู่ใต้แขนพี่ขุนอย่างเก่า

“ขึ้นไปเอาของกัน!”พี่ขุนบอก แล้วก็เอาแขนมาลากคอผมให้เดินอีก...

ผมค่อยหายใจเต็มท้อง ตอนพี่ขุนกระแทกประตูห้องปิดดังปั้ง...ผมนั่งมองพี่ขุนที่เดินไปแล้วก็เดินมารอบๆห้อง แต่ไม่เห็นพี่ขุนหยิบอะไรเลยสักกะอย่าง...

ผมเห็นพี่ขุนเดินไปหยุดที่หน้าต่าง แล้วก็มองออกไปด้านนอก...ผมเลยเดินไปมองบ้าง

“บ้านใคร?”ผมถาม...เพราะเลยรั้วบ้านพี่ขุนออกไป ผมเห็นบ้านหลังเล็กๆสีขาวๆ...บ้านที่พี่ขุนยืนมอง

“บ้านของคนที่เคยเล่าเรื่องเจ้าชายกบให้พี่ฟัง...”พี่ขุนบอกแล้วก็ยิ้ม

“แฟนเก่าพี่ขุน?”ผมถามเพราะจำได้



“จะว่างั้นก็ได้”

“ตะวันไม่เคยเจอเขา?”ผมถามเพราะจำได้เหมือนกันว่าพี่ขุนบอกว่าผมไม่เคยเจอ

“ตะวันไม่เคยเจอเขา...เขา...เขาตื่นนอนแล้ว...ก่อนที่เขาจะตื่น...เขาเล่าเรื่องเจ้าชายกบให้พี่ฟัง...บอกให้พี่นอนหลับฝันต่อให้สบาย...ฝันอย่างที่พี่อยากฝัน อย่าฝันอย่างที่คนอื่นบอกให้ฝัน”พี่ขุนพูดแล้วก็ยิ้ม แต่ไม่ได้ยิ้มให้ผม

ผมยืนมองบ้านหลังนั้นเหมือนพี่ขุนที่ยังมองดูบ้านหลังนั้นอยู่เงียบๆ

“พี่ขุนมาดูบ้านหลังนี้เหรอ?”ผมถามเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าพี่ขุนไม่ได้หยิบอะไรสักอย่าง

“อ๋อ...เปล่า...กลับกันเถอะ!”

ผมปล่อยให้พี่ขุนเอาแขนลากคอผมเหมือนเดิม แต่ผมแอบมองที่มือพี่ขุน ไม่เห็นพี่ขุนหยิบอะไรติดมือมาสักอย่างจริงๆ

“ทำอะไร?”พี่ขุนก้มมาถามผม ตอนผมเอื้อมมือไปตบๆกระเป๋ากางเกงพี่ขุนว่ามีอะไรอยู่ในนั้นหรือเปล่า แต่ก็ไม่เห็นมีอะไร

พี่ขุนเดินช้าลงหน่อย ตอนที่เดินผ่านห้องที่พ่อกับแม่กับปู่ของพี่ขุนนั่งอยู่...ผมรีบยกมือขึ้นไหว้แต่ไม่รู้พ่อกับแม่กับปู่พี่ขุนจะเห็นหรือเปล่า เพราะพี่ขุนลากคอผมเดินผ่านมาซะก่อน

“มารยาทดีเนอะ? รู้จักไปลามาไหว้ พี่นึกว่าตะวันจะกลัวจนตัวแข็ง ยกแขนไม่ขึ้นแล้วซะอีก”พี่ขุนบอก เลิกเอาแขนลากคอผมแล้ว แต่ผมก็ยังรีบเดินตามพี่ขุนให้ทัน

“ตอนมาลืมไหว้ !”ผมพูดอย่างนึกได้ แต่ไม่ทันหมุนตัวกลับ พี่ขุนก็หันมาคว้าคอผมให้เดินต่อ

“ไม่ต้อง!...ไม่ต้องทบต้นทบดอก ถ้าไม่ใช่เงิน พ่อกับแม่พี่เขาไม่สนหรอก!”

“แล้วปู่ล่ะ?”

“ปูไหน?”

“ก็ที่นั่งอยู่”

“นั่นน้อง!”พี่ขุนพูดแล้วก็หัวเราะเสียงดัง ... น้องพี่ขุนไม่ได้หน้าแก่จนเป็นปู่ พี่ขุนรู้ว่าผมพูดเล่น ผมก็รู้ว่าพี่ขุนรู้ ... ก็ผมอยากให้พี่ขุนหัวเราะ

พอจะได้กลับอากาศมันก็ปลอดโปร่ง ผมค่อยหายใจโล่งจนเผลอตัวเอาเท้าช่วยพี่ขุนยันรถที่น้าโอ๋ว่าแพงตอนพี่ขุนจะเอามอเตอร์ไซด์ออกมา

ผมหันไปมองบ้านพี่ขุนอีกครั้งตอนกำลังจะผ่านออกจากรั้วบ้านที่ผมยังมองหาคนเปิดไม่เจออยู่ดี...ผมมองดูบ้านหลังโตๆ...ที่พอก้าวเท้าเข้าไปแล้ว ผมไม่รู้จะยืนตรงไหนดี...ผมมองดูบ้านหลังโตๆ และพอหันกลับมา ผมก็เห็นพี่ขุนกำลังก้มมอง ภาพบ้านตัวเองในกระจกเหมือนกัน...

“เป็นไง ไม่เห็นมีอะไรต่างจากเดิมเลย!”พี่ขุนพูด...หลังจากย้ายเข้ามาอยู่บ้านผมแล้วสองวัน...มันไม่ค่อยมีอะไรต่างจากเดิมจริงอย่างที่พี่ขุนว่า เพราะอย่างที่บอกเมื่อก่อนที่ขุนก็อยู่บ้านผมจนแทบจะตลอดเวลาอยู่แล้ว

“ต่างสิ...”ผมบอก...เพราะถึงมันไม่ต่างแต่จริงๆมันก็ต่าง

“ต่างยังไง?”พี่ขุนถาม...

“ก็เมื่อก่อน...อันนี้บ้านตะวัน...แต่เดี๋ยวนี้บ้านพี่ขุนกับตะวันไง!”ผมก็ตอบ พี่ขุนก็ยิ้ม

“...เมื่อก่อนพี่ขุนบอกเพื่อนว่าจะไปบ้านตะวัน...ตอนนี้พี่ขุนก็บอกว่า...พี่ขุนจะบอกเพื่อนว่าไง?”ผมถามบ้าง พี่ขุนก็ยิ้ม

“บอกว่า...กลับบ้าน...”

จบ...




ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nuclear

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 373
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

ออฟไลน์ StillLoveThem

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-10
...สรุปพี่ขุนมาที่บ้านนี้เพื่อ...มายืนมองดูบ้านแฟนเก่าว่างั้นเถอะ
...หรือมาดูปฎิกริยา ก่อนออกจากบ้าน และหลังออกจากบ้านของ ทุกคนที่อยู่ในบ้าน
...อยู่ใกล้ตะวันมากๆ พี่ขุนก็ชักจะอึนๆๆเหมือนตะวันแล้วนะ
:laugh:

ออฟไลน์ Zinub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
ความคิดของตะวันมันน่ารักจริงๆเลยยย.... :m3:

ร๊า๊ากกกก...ตะวัน :กอด1:

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
อยากจะบอกว่าไม่ค่อยเข้าใจที่สองคนนี้เขาพูดกันสักเท่าไหร่
แต่ชอบพี่ขุนมาก เท่โค-ตรอ่ะ

ออฟไลน์ CoMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
เห็นตะวันกับพี่ขุนรักกันแล้วมีความความสุขจัง
เหมือนความฝันเลยอ่ะไม่อยากจะตื่นเลยอยากหลับนานนานนนนนนนนนนนนนน
ใครอย่ามาปลุกเรานะเราจะฝันให้ตะวันได้อยู่กับพี่ขุนตลอดไปT____T

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
สองคนได้ฝันในแบบที่ต้องการแล้ว อย่าพึ่งรีบตื่นเลย

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6

vavacoco

  • บุคคลทั่วไป
ฮา ปู่เหมือนกันค่ะ ตะวันคิดได้ไงนี่ น่าตีจัง :jul3:
 

aprilmonth4

  • บุคคลทั่วไป
บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองนี่ช่างน่ารักจิงๆ น้า :-[
คนสองคนที่ต่างก็ไม่ได้สมบูณณ์แบบ แต่ต่างก็เติมช่องว่างที่ต่างคนต่างขาดหายให้เต็ม

ถ้าเป็นการหลับฝัน ก็คคงเป็นฝันดีๆ ของทั้งสองแล้วล่ะนะ :m15:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






TaEnIaE_CoLi

  • บุคคลทั่วไป
พี่ขุนพาตะวันมาที่บ้านทำไมหว่า ???

ชอบเวลาที่พี่ขุนอยู่กับตะวัน เหมือนกับชอบเวลาที่ตะวันอยู่กับฉาย

อยากให้ตะวันรักฉายได้เหมือนกับที่รักพี่ขุนจัง

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
พี่ขุนให้ใจตะวันไปเต็มแล้วล่ะ
กลับบ้านกันเนอะ พี่ขุน ตะวัน
 :กอด1:

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
ตะวันฮาอ่ะ มีการจะหมุนๆให้ปู่ เอ้ย!! น้องชายพี่ขุนมอง เพราะกลัวจะทับทางพ่อกะแม่

wdaisuw

  • บุคคลทั่วไป
ไม่อยากจะคิดถึงตอนเศร้าของคู่นี้
อยากให้เค้าอยู่ด้วยกัน รักกันไปนานๆ :m15:

ออฟไลน์ ลูกหมีน้ำแดง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
มาอ่านมุมของตะวันแล้ว พี่ขุนชีวิตช่างน่าสงสารจริงๆ ไม่อยากให้ถึงตอนพี่ขุนตื่นจากฝันเลย :เฮ้อ:

ฮาเดส

  • บุคคลทั่วไป

pmnet

  • บุคคลทั่วไป
เคยอ่านเรื่องนี้ เนื้อเรื่องดีมาก จบได้ดีเศร้าแต่อบอุ่น

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
“...กลับบ้าน...”

คำสั้นๆ ใช้กันทั่วไป แต่มีความหมายและเรื่องราว....เยอะกว่าที่คิด

รักนะตะัวัน รักนะพี่ขุน  :กอด1:

ภัคD

  • บุคคลทั่วไป
มาถึงบทสุดท้าย...สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดนะคะ  ...เป็นบทสุดท้ายของน้องชายที่เกือบจะไม่มีบทบ้านข้างๆเท่านั้น ...เนื่องจากเป็นคนไม่ชอบอะไรเศ้ราๆ ดราม่าๆ  (จะมีใครเชื่อไหมเนี่ย?  ^ ^ ) ...ตอนนี้เลยมาไว ไปไว ยาวไปเลยแบบไม่ค้างคานะคะ


****************************************

เรื่องของเด็กชายตะวัน  ฝันหวานของเจ้าชายกบ  กับน้องชายที่เกือบจะไม่มีบทบ้านใกล้ๆ# 14

“พี่ว่าจะทำอะไรสักอย่าง”พี่ขุนพูดขึ้นในตอนเช้า พอผมลืมตาตื่นได้แค่ครึ่งเดียว พี่ขุนก็บอกผมอย่างนั้น

เมื่อคืนเพื่อนๆพี่ขุนมานั่งกินเหล้าบ้านผม บอกว่า เป็นงานเลี้ยงส่งตัวพี่ขุนเข้าบ้านผม...

“ครอบครัวมันไม่ได้หมายถึงแค่พ่อแม่ลูกนะโว๊ย...แค่มึงเจอใครสักคนแล้วตัดสินใจว่าจะอยู่กับคนๆนั้นไปตลอดชีวิต นั่นแหละครอบครัว!”พี่กิจพูดกับพี่ขุนด้วยท่าทางขึงขัง  แต่เพื่อนคนอื่นๆกลับนั่งหัวเราะ

“วันนี้ได้กินเหล้าแกล้มสาระเน่าๆของไอ้กิจว่ะ”

“พวกมึงเงียบไปเลย...พวกมึงเป็นคนบอกให้กูมาพูดกับมันไม่ใช่หรือไง?!”

“แต่ไม่ได้บอกให้พูดอะไรเน่าๆนี่หว่า...”

“พูดอะไรวะ?”พี่ขุนถาม

“พวกมันบอกให้กูมาพูดกับมึงว่า...มึงน่าจะเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างได้แล้ว”พี่กิจบอก

“ก็ทำอยู่แล้วนี่ ตั้งหลายอย่าง”พี่ขุนว่างั้น ซึ่งก็จริง

“กูหมายถึง ไอ้ที่ทำแล้วได้เงิน ไม่ใช่ทำตัวเป็นมิสเตอร์การกุศลอยู่อย่างนี้”พี่กิจว่า

มันเป็นอย่างที่พี่ขุนว่า และอย่างที่พี่กิจเพื่อนพี่ขุนว่า...พี่ขุนน่ะทำอะไรหลายๆอย่างจริง ยกเว้นอย่างเดียวที่ไม่ทำคือไอ้ที่ทำแล้วได้ตังค์

...มันมีปมด้อย เป็นโรคกลัวเงิน...เพื่อนพี่ขุนเคยบอกผมอย่างนั้น

พี่ขุนทำอะไรหลายๆอย่าง...เรียกอะไรบ้างไม่รู้ ผมจำไม่ได้ เพราะมันมีสารพัดโครงการ ...ตั้งแต่ไปสอนเด็กวาดรูปในวัด...สอนสารพัดที่พี่ขุนบอกว่าให้เขาเอาไปประกอบอาชีพได้ตามหมู่บ้าน กับบางครั้งก็เข้าไปสอนถึงในคุก

เพื่อนๆพี่ขุนที่คบๆกันอยู่ก็ทำอย่างที่พี่ขุนทำ เพียงแต่เพื่อนพี่ขุนทำอย่างอื่นด้วย...คือทำที่ทำแล้วได้ตังค์

คืนนั้นพี่ขุนคุยกับเพื่อนๆ พอตอนเช้าพี่ขุนก็บอกผม ตั้งแต่ผมลืมตาตื่น

“พี่ว่าจะเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง”พี่ขุนบอกตอนผมลืมตาตื่นขึ้นมาครึ่งหนึ่งเพราะแสงแดดมันส่องเข้ามาแยงตา ผมเอามือขยี้ตา ซุกหน้าหนีแสงกับอกพี่ขุนแล้วก็หลับต่อ

ผมได้ยินเสียงพี่ขุนหัวเราะเบาๆ...พี่ขุนขยับตัวดึงผ้าม่านหัวเตียงปิดให้แล้วก็เอาแขนมากอดผมไว้ แล้วก็พูดถึงสิ่งที่พี่ขุนบอกว่าจะทำต่อ

พี่ขุนบอกว่าจะเปิดร้านเล็กๆ  กระจายงานให้ชาวบ้านทำแล้วอะไรต่อก็ไม่รู้เพราะผมหลับไปซะก่อน ตื่นมาพี่ขุนก็ไม่อยู่แล้ว กระเป๋เป้ใบโตที่พี่ขุนเก็บเสื้อผ้าไว้ตั้งแต่เมื่อคืนวานก็ไม่อยู่

ผมอาบน้ำล้างหน้า มานั่งวาดรูปพอท้องร้องดังจ๊อกๆ ผมก็เดินไปบ้านน้าโอ๋ 

พอกินข้าวเสร็จ ผมก็มานอนดูทีวีกับน้าโอ๋ กะรอให้ท้องย่อยแล้วค่อยกลับไปนั่งวาดรูปต่อ

“นายขุนล่ะ?”น้าโอ๋ถาม

“กลับบ้าน”และผมตอบ

จริงๆพี่ขุนไม่ได้กลับบ้าน พี่ขุนไปไหนแต่ละที อธิบายให้ผมฟังแต่ละครั้งยาวจนผมนั่งหลับ อย่างครั้งนี้พี่ขุนว่า พี่ขุนไปช่วยเขาให้ความรู้กับชาวบ้านเรื่องที่ดินงอกขึ้นริมน้ำปิง

วิธีการทำให้ดินงอกมันง่ายจนเหลือเชื่อ...พี่ขุนบอกว่าแค่เอาไม้ไปปักลงที่กลางน้ำ บ้านใครอยู่ติดแม่น้ำ เขาอยากให้พื้นดินมันงอกเพิ่ม เขาก็เอาไม้ไปปักลง อยากได้ถึงไหนก็ปักไม้ลงตรงนั้น ผ่านไปนานๆ น้ำมันไหลพัดเอาตะกอนมา มันก็ค่อยๆพอกพูนเป็นพื้นดิน พี่ขุนบอกว่าชาวบ้านขาดความรู้ เขาทำเพราะเขาไม่รู้ว่าอะไรคือผลเสียของส่วนรวมที่ตามมา

...ชาวบ้านเขาไม่รู้ เราบอกให้เขารู้ ให้เขาเข้าใจน่ะไม่ยาก ไอ้ที่ยากๆคือพวกโลภมากในเมือง พวกนั้นคือกูรู้แต่กูจะทำ ร้านอาหารริมน้ำปิงทำเลดี ดินงอกทั้งนั้น...พี่ขุนว่างั้นตอนไปจอดรถที่ตีนสะพานชี้ให้ผมดูร้านอาหารที่เรียงกันเป็นแพตลอดริมน้ำปิง

ที่พี่ขุนพูดมาน่ะตั้งหลายบรรทัด พอน้าโอ๋ถามผมเลยบอกน้าโอ๋ว่า...กลับบ้าน...สองคำเองสั้นกว่ากันตั้งเยอะ...

ไอ้ที่กินลงท้องไปมันย่อยแล้ว และถึงรายการทีวีมันจะไม่น่าดูเท่าไหร่  แต่ผมก็ยังอยากนอนขี้เกียจอยู่บนโซฟาตัวยาวๆที่บ้านน้าโอ๋...  ที่บนโต๊ะมีทับทิมเม็ดสีแดงอยู่ในชามดินเผาใบโตที่พี่ขุนเป็นคนทำ...น้าโอ๋นั่งพับผ้าที่เพิ่งรีดเสร็จ...ในกองผ้ามีเสื้อผ้าของพี่ขุนรวมอยู่ด้วย

ฝนตกลงมาแหมะๆ เย็นสบายจนผมขี้เกียลุก...เสียงโมบายลมที่หน้าต่างกับกลิ่นของอากาศเย็นๆ ทำเอาผมเกือบหลับไปอีกรอบ

“เดี๋ยวตะวันเอาผ้ากลับไปด้วยนะ”น้าโอ๋บอก ผมก็พยักหน้ารับแต่ไม่รู้น้าโอ๋จะเห็นหรือเปล่าเพราะตอนนี้หัวผมมุดอยู่กับหมอนอิงใบโตที่นอนกอดอยู่ 

เสียงน้าโอ๋ยกตะกร้าผ้าเดินขึ้นไปชั้นบน ซักพักก็กลับลงมานั่งที่เก่า...

“เย็นนี่กินอะไรดี”น้าโอ๋ถาม

“อะไรก็ได้”ผมตอบ หัวยังมุดอยู่กับหมอน

“ที่ถามเนี่ยให้ช่วยคิด!...ทำทุกวัน เบื่อ ไม่รู้จะทำอะไรดี”

“กระเพรา...”ผมเลยแนะ เพราะเสียงโฆษณาในทีวีกะลังพูดถึงข้าวผัดกระเพราพอดี

“ไม่มีใบกระเพรา”

“ก็ไม่ต้องใส่ใบกระเพรา...”

“แล้วมันจะเป็นผัดกระเพราได้ไง?!”

“ไก่ผัดพริก”

“ไม่มีไก่ มีแต่หมู”

“...หมูผัดพริก”

“แล้วอะไรอีก?”

“...”

ถ้าผมเป็นกบ...ผมก็คงไม่ฝันอยากเป็นเจ้าชายหรืออะไรที่ใหญ่โต...ผมแค่อยากอยู่ในบ้าน ที่มีคนที่ผมรักแล้วก็รักผม...นอนฟังเสียงเม็ดฝน นั่งรอคนที่ผมรักกลับมาบ้าน ทั้งน้าเจดที่เดี๋ยวเย็นๆก็กลับ...ฉายที่กว่าจะกลับก็ปิดเทอมแล้วก็พี่ขุนที่บ้านของผมเพิ่งกลายเป็นบ้านของพี่ขุนเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง

ถ้าผมเป็นกบ...ฝันของผมก็แสนจะธรรมดา ฝันไม่ใหญ่โตหรือยิ่งใหญ่เหมือนฝันของคนอื่นๆ... ฝันของผมมีก็แค่บ้านหลังเล็กๆที่บางคนอาจเรียกมันว่าเป็นกะลา...มันธรรมดาๆ แต่แค่นั้นผมก็มีความสุข...ผมฝันเหมือนเดิมทุกๆวัน...ฝันอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ อยู่กับคนที่ผมรักทุกๆคน...ฝันอย่างนั้น ซ้ำๆซากๆ... ไม่ว่าจะผ่านไปแค่ปีหรือว่าสิบปี... ฝันของผมก็มีเท่านั้น แต่ผมก็มีความสุข...ผมเป็นกบที่นอนฝันดีอยู่บนใบบัวใบเล็กๆทุกวันๆ...กับคนที่ผมรัก

“ ตะวันไปด้วย”ผมร้องบอกน้าโอ๋ก่อนส่งกล่องใบโตที่ถืออยู่ให้พี่ขุน แล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไปเปลี่ยนเสื้อจากเสื้อกล้ามเป็นเสื้อคอกลม

“อยู่บ้านนี่แหละ...ฟ้ามันมืดๆ น้าตากผ้าไว้ เดี๋ยวถ้าฝนตกตะวันจะได้เก็บผ้าให้น้า”น้าโอ๋บอกตอนผมวิ่งกลับออกมาพร้อมเสื้อคอกลมเรียบร้อย

พี่ขุนหันมามองผมแล้วก็ยิ้มก่อนหันกลับไปช่วยน้าเจดขนของขึ้นรถต่อ

อีกสองสามวันนี้  เพื่อนที่ทำงานน้าเจดจะเอาของขึ้นไปบริจาคบนดอย น้าเจดกับน้าโอ๋แล้วพี่ขุนก็ช่วยรวบรวมของอีกแรงและวันนี้ก็จะขนไปให้เขา

ตอนแรกน้าโอ๋ก็บอกว่าพี่ขุนไม่ต้องไปด้วยก็ได้ แต่พี่ขุนบอกจะไปด้วยเผื่อไปถึงแล้วไม่มีใครช่วยขนของลง  ผมเลยขอไปด้วย แต่น้าโอ๋บอกไม่ให้ไป...

“ตะวันอยู่บ้านนี่แหละ เดี๋ยวฉายกลับมาแล้วไม่เจอใคร อยู่เป็นเพื่อนฉาย”น้าโอ๋บอก สุดท้ายผมก็ไม่ได้ไปด้วย ได้แต่ยืนรอส่ง

“อย่าให้ผ้าเปียกนะ น้าขี้เกียจซักใหม่”น้าโอ๋หันมาบอกก่อนขึ้นรถ พี่ขุนก็หันมายิ้มแล้วโบกมือให้ผม ผมก็โบกมือตอบ

พอรถแล่นออกจากบ้านแค่แป๊บเดียว ผมก็นึกได้ว่าอาทิตย์หน้าต่างหากที่ฉายจะกลับบ้านไม่ใช่อาทิตย์นี้

ตอนนี้ฉายเรียนจบแล้ว แล้วก็ไปเป็นหมออยู่ไชยปราการ เดือนนึงได้กลับบ้านตั้งหนึ่งครั้ง...ฉายบ่นว่านั่งรถแต่ละทีเหนื่อยกว่ากลับจากกรุงเทพซะอีก เหนื่อยจนฉายบอกว่าขี้เกียจกลับแต่ฉายก็กลับบ้านมาบ่นให้ฟังทุกๆเดือน

เผลอแค่แป๊บเดียวฝนก็ตกลงมาอย่างที่น้าโอ๋ว่า...ผมเก็บผ้าให้น้าโอ๋ไม่ทัน เลยต้องหาพัดลมมาเป่าเผื่อมันจะแห้งทันน้าโอ๋กลับมา

ฝนตกหนักแล้วก็เสียงดัง ดังจนผมเกือบไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ แต่ผมก็ได้ยิน แล้วก็รับมัน...

ถ้าผมเป็นกบ...ผมฝันก็แค่นอนหลับอยู่ในบ้าน บ้านที่มีแต่คนที่ผมรักแล้วก็รักผม...แต่เสียงในโทรศัพท์มันบอกผมว่า...ในฝันของผม จะไม่มีน้าโอ๋ น้าเจดแล้วก็พี่ขุนอีกต่อไปแล้ว

ที่โรงพยาบาล เพื่อนน้าเจดบอกผมว่า มันเย็นเกินไปที่จะจัดการอะไรหลายๆอย่างได้ทัน ต้องให้น้าโอ๋กับน้าเจดนอนค้างที่โรงพยาบาลคืนหนึ่ง พรุ่งนี้เช้าถึงจะมารับน้าโอ๋กับน้าเจดออกไป ไม่มีอะไรที่ทำได้นอกจากกลับบ้าน แต่ผมก็ไม่ได้กลับ ผมนั่งอยู่หน้าห้อง นั่งอยู่ตรงนั้นทั้งคืน...

แต่พี่ขุนกลับบ้านไปแล้ว...พ่อกับแม่กับน้องพี่ขุนมาพาพี่ขุนกลับไป...พวกเขามองดูผมและผมไม่กล้าเข้าไปหา ได้แต่ยืนมองดูโลงไม้สีขาวๆที่พี่ขุนนอนหลับอยู่ในนั้น

จนพี่กิจเดินมาหาผมและพาผมเข้าไป...

“ไอ้ขุนมันเคยพาตะวันไปที่บ้านใช่ไหม?”พี่กิจถามและผมก็พยักหน้า

“ตะวันรู้ไหม มันพาตะวันไปทำไม?”

“พี่ขุนบอกว่าไปเอาของ...”

“ครอบครัวยังไงให้ตัด มันก็ตัดไม่ขาด...ปากมันบอกว่าจะไม่กลับไปอีกแล้ว ถึงมันจะไม่ยอมกลับไปจริงๆ แต่...”

“มันบอกพี่ว่าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทำอย่างนั้น ทำไปก็ไม่รู้จะได้อะไรขึ้นมา...แต่มันก็อยากพาตะวันไป...พาไปให้พ่อแม่มันเห็นหน้า...ให้ตะวันได้รู้จักพ่อกับแม่มัน...ก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่ก็นั้นแหละ ยังไงก็พ่อกับแม่ ยังไงมันก็ยังรัก...เผื่อวันแบบนี้ล่ะมั๊ง...วันที่ไม่มีมัน ”พี่กิจบอก ตอนพาผมเดินเข้าไปหาพี่ขุน

พ่อกับแม่กับน้องของพี่ขุนไม่ได้พูดอะไรกับผม เพราะพวกเขาเอาแต่ร้องไห้...เหมือนกับผม

แล้วพวกเขาก็พาพี่ขุนไป และผมนั่งอยู่หน้าห้องที่น้าโอ๋กับน้าเจดนอนอยู่...

ผมยังไม่ได้โทรไปหาฉาย...ไม่ใช่ว่าลืมแต่ผมไม่กล้า

ก่อนเพื่อนน้าเจดจะกลับ เพื่อนน้าเจดถามผมว่าผมโทรหาฉายหรือยัง ผมก็บอกว่าผมโทรแล้ว..เพื่อนพี่ขุนก็ถามผมด้วยคำถามเดียวกันผมก็ตอบว่าผมโทรแล้ว ทั้งที่ความจริงผมยังไม่ได้โทรหาฉายเลย...ผมไม่ได้ลืมแต่ผมไม่กล้าโทร...ผมเลยโทรหาพี่กบ บอกพี่กบให้โทรบอกฉาย...

ฝนยังตก...ไฟยังเปิดสว่าง แต่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นสักคน มีก็แต่ผม...แล้วพี่กบก็มา พี่กบกอดผมแล้วผมก็ร้องไห้...เสียงดังกว่าเสียงฝนซะอีก...ร้องไห้เท่าไหร่ๆ ผมก็ยังรู้สึกแย่อยู่เหมือนเดิม

พี่กบบอกผมให้หยุดร้องไห้ เพราะถ้าร้องแล้วน้าโอ๋ น้าเจดกับพี่ขุนจะเป็นห่วง...ผมก็หยุดร้อง เพราะผมกลัวน้าโอ๋ น้าเจดแล้วก็พี่ขุนเป็นห่วงผม...ยิ่งกว่านั้น ร้องไห้ไปก็เท่านั้น มันไม่เหมือนทุกครั้งที่พอร้องไห้แล้วมันโล่ง...แต่ครั้งนี้ร้องจนเจ็บคอ ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม

พี่กบบอกให้ผมโทรหาฉาย...ผมก็บอกให้พี่กบโทร แต่พี่กบบอกว่า ฉายจะดีใจถ้าผมเป็นคนโทร...

ผมไม่รู้ว่าฉายจะดีใจได้ยังไง แต่ผมก็โทร...

โทรไปครั้งแรก ไม่เจอฉาย...เขาถามว่ามีอะไรจะฝากไว้หรือเปล่า...ผมก็บอกว่าเปล่า...

โทรไปครั้งที่สองถึงเจอฉาย...แล้วผมก็เข้าใจที่พี่กบพูด เพราะพอได้ยินเสียงฉาย...ผมก็รู้สึกโล่งใจกว่านั่งตะเบ็งเสียงร้องไห้เมื่อกี้นี้ซะอีก...แต่พอวางหู ใจผมก็เหี่ยวลงเหมือนเดิม มาหายเหี่ยวหน่อยก็ตอนฉายกลับมา แต่พอกลับมาฉายก็ยุ่ง ต้องทำโน่นทำนี่เต็มไปหมดจนแทบไม่มีเวลามาคุยกับผม ไม่มีเวลาเสียใจ แต่ผมก็รู้ว่าฉายเสียใจ...ผมไม่อยากทำอะไร นอกจากนั่งเฉยๆ  นั่งคิดถึงน้าโอ๋ น้าเจดแล้วก็พี่ขุน...นั่งคิดถึงแทนฉายด้วยเพราะดูฉายจะไม่มีเวลา

วันสุดท้ายที่อีกเดี๋ยวน้าโอ๋กับน้าเจดก็จะกลายเป็นควันลอยขึ้นไปอยู่บนฟ้า...พี่กิจก็โทรมา บอกผมว่าอีกเดี๋ยวก็จะส่งพี่ขุนไปแล้ว...พี่กิจถามผมว่าอยากพูดอะไรกับพี่ขุนไหม ผมส่ายหัวแต่พี่กิจไม่เห็น พี่กิจเลยบอกว่าเดี๋ยวพี่กิจจะเอาโทรศัพท์ไว้ใกล้ๆหูพี่ขุนให้

ผมไม่รู้จะพูดอะไร พออ้าปากน้ำตามันก็จะไหลผมเลยรีบหลับลูกกะตา...

...ร้องไห้ทำไม...บอกแล้วไงไม่มีใครจากใครไปไหน ..มีแต่เราที่ยังหลับฝัน...

...ถ้าตะวันไม่ร้องไห้...พี่จะอยู่กับตะวัน... จนถึงวันที่พี่ตื่น...

เสียงพี่ขุนอย่างกับดังมาจากโทรศัพท์...ผมเลยไม่ร้องไห้...

“พี่ขุนตื่นก่อน...พี่ขุนอย่าไปเที่ยวกับคนนั้นจนลืมตะวันนะ”ผมบอกพี่ขุนว่าอย่างนั้นแล้วก็ส่งโทรศัพท์คืนให้พี่กบ...แล้วน้าโอ๋กับน้าเจดก็กลายเป็นควันลอยขึ้นไปอยู่บนฟ้า...พี่ขุนก็ด้วย...

แล้วฉายก็กลับไปไชยปราการ...พี่กบก็กลับ...เหลือผมแค่คนเดียว...

ผมไม่รู้จะหลับฝันอะไรในโลกที่ว่างเปล่าแบบนี้...บ้านหลังเล็กๆที่มีก็แต่ผม ไม่มีคนที่ผมรักแล้วก็คนที่รักผม

พอผมพูด...ผมก็ได้ยินแต่เสียงของตัวเอง...พอผมเงียบ...มันก็ไม่มีเสียงอะไรเลย

ผมนั่งบนโซฟาที่ครั้งหนึ่งเคยนั่งกับพี่ขุน...เงี่ยหูฟังเสียง...แต่มันไม่มีเสียงอะไรเลย

พอนั่งอยู่คนเดียวในบ้านของตัวเอง...ผมก็รู้สึกคล้ายว่าที่บ้านอีกหลังมีน้าโอ๋กับน้าเจดอยู่...พอผมเดินไปหา ก็ไม่มีใคร...แล้วผมก็รู้สึกว่าในบ้านของผม พี่ขุนคงกำลังนอนเล่นอยู่ในบ้าน...พอผมเดินกลับไปหา ก็ไม่มีใครอยู่เหมือนเดิม...บางครั้งผมเลยนอนอยู่ตรงรั้วบ้าน มันทำรู้สึกคล้ายน้าเจดกับน้าโอ๋ยังอยู่ในบ้าน และที่บ้านอีกหลังพี่ขุนก็ยังอยู่ แต่ผมก้รู้ ที่ในบ้านสองหลัง ไม่มีใครอยู่เลย

ผมอยากบอกให้ฉายกลับมาอยู่ด้วย แต่ก็ไม่กล้าขอ เพราะถ้าขอ ฉายต้องยอมกลับมาแน่ๆ...น้าโอ๋ดีใจจะตายที่ฉายได้เป็นหมอ น้าเจดก็ดีใจตอนที่ฉายจะไปเป็นหมออยู่ไชยปราการ...

ฉายกลับบ้านทุกๆอาทิตย์มาหาผม แล้วก็โทรมาหาผมทุกๆวัน...เพียงแต่ผมเหงายิ่งขึ้นทุกทีเวลาที่ฉายวางหูโทรศัพท์ เวลาที่ฉายกลับไป

เวลาอยู่คนเดียว ผมเลยนอนทั้งวัน เพราะไม่รู้จะตื่นขึ้นมาทำไม...และในฝันของกบฝันร้ายอย่างผม ผมก็ฝันถึงพี่ขุน น้าโอ๋แล้วก็น้าเจด แถมบางทียังฝันถึงแม่กับพ่อด้วย...ผมเลยนอนทั้งวัน เพราะมันมีความสุขกว่าเวลาที่ต้องตื่นขึ้นมาอยู่คนเดียว

บ่อยๆที่ผมเริ่มคิด...ทำไมคนเราต้องถูกบังคับให้มีชีวิตอยู่ ถ้าเราไม่อยากมี...ถ้าไม่มีความสุข แล้วเราจะอยู่ไปทำไม

ชีวิตน่าจะเป็นของคนที่มีความสุข...แต่ผมไม่มี ทำไมผมถึงไม่มีสิทธิ์เลือกในเมื่อเป็นชีวิตของผม...

ถ้าได้ตื่นนอนไปพร้อมๆกับน้าโอ๋ น้าเจดแล้วก็พี่ขุนก็คงจะดี...ผมคิด เพราะฝันของผมมันเงียบ มันเหงาและผมก็กลัว...

แต่ก็ได้แค่คิด เพราะฉายยังหลับฝันอยู่...น้าโอ๋บอกว่าให้ผมอยู่เป็นเพื่อนฉาย...ผมก็ต้องอยู่ฝันเป็นเพื่อนฉาย...เจ้าชายกบที่ยังนอนฝันหวานไม่รู้ว่าตัวเองกำลังฝัน ยังไม่ตื่น...ถ้าปล่อยให้นอนหลับฝันอยู่คนเดียว ผมก็สงสารฉาย...ผมเลยไม่รู้จะทำยังไง นอกจากนอนเฉยๆบนโซฟา

แล้วฝันของผมก็เริ่มมีเสียง...เริ่มต้นจากเสียงกริ่งที่หน้าประตู

ผมนอนอยู่บนโซฟา...เงี่ยหูฟัง คิดตั้งนานว่าเสียงอะไร  พอนึกได้ผมเลยวิ่งไปเปิดประตู...นึกว่าฉายจะกลับบ้าน

“อยู่คนเดียวเหงาหรือเปล่า?”ที่หน้าประตู พี่ปายืนยิ้มแล้วก็ถามผม

ที่หน้าประตูมีพี่ปายืนอยู่...ข้างหลังพี่ปาคือท้องฟ้าสีดำ...บนท้องฟ้าสีดำ ผมเห็นดาวลูกไก่กลุ่มโต...ฝันของผมเริ่มมีเสียง...เสียงตัวเองกลืนน้ำลายดังเอื้อก...

“อยู่คนเดียวเหงาหรือเปล่า?”พี่ปาถาม...หัวผมขยับแต่ผมจำไม่ได้ว่าผมส่ายหัวหรือพยักหน้า เพราะในหัวผมมีแต่ภาพดาวลูกไก่

พี่ปาไม่ชอบพี่ขุน พอๆกับที่พี่ขุนไม่ชอบพี่ปา แล้วพี่ขุนก็ไม่เหมือนพี่กบที่ชอบเอาความสงบของตัวเองสยบการเคลื่อนไหวของพี่ปา...พี่ขุนไม่ค่อยสงบแต่ก็สยบพี่ปาด้วยหมัดที่น่าจะหนักกว่า พี่ปาเลยหายหน้าไปเพิ่งมาโผล่ก็วันนี้ วันที่ไม่มีทั้งพี่ขุนแล้วก็พี่กบ

‘มึงจำไว้ อย่...’ครั้งสุดท้ายที่เจอพี่ปา พี่ปาชี้หน้าพี่ขุน พูดทั้งที่เลือดเต็มปากแต่ก็พูดได้เท่านั้น

‘กูขี้เกียจจำ ถ้ายังเจ็บตัวไม่พอ มึงเข้ามาตอนนี้เลย!’พี่ขุนพูดขัด ปากท้าให้พี่ปาเข้ามาแต่ผมเห็นพี่ขุนนั่นแหละเป็นฝ่ายเดินเข้าไป ดีที่ตอนนั้นพี่กบอยู่ พี่กบเลยช่วยห้าม...พี่กบคุยอะไรกับพี่ปาก็ไม่รู้ พี่ปาถึงยอมกลับไปแล้วก็ไม่มาอีก จนวันนี้...

พี่ขุนยังบอกผมว่า พี่กบไม่รู้น่ะซิว่าพี่ปาทำอะไร พี่กบถึงยอมพูดดีกับพี่ปา...พี่ขุนพูดแล้วก็มองหน้าผม แล้วก็มองผมตรงที่ไม่ใช่หน้า ตรงที่ครั้งหนึ่งมันเคยมีดาวลูกไก่สีเขียวๆอยู่

วันนี้ผมมองพี่ปายิ้ม แล้วก็นึกถึงดาวลูกไก่...ทำยังไงดี? ผมคิด แต่ก็คิดอะไรไม่ออก พี่ปาก็เข้ามาในบ้าน แล้วก็ไม่ยอมออกไป

แต่พี่ปาก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ผมนึกกลัว...พี่ปาแค่คอยกอดผม พูดกับผม แล้วก็ยิ้มกับผม...แล้วฝันของผมมันก็มีเสียงขึ้นมาอีกครั้ง ผมไม่ต้องพูดกับตัวเอง ไม่ต้องนั่งฟังเสียงตัวเอง...

ผมเล่าให้พี่ปาฟังเรื่องเจ้าชายกบที่พี่ขุนเล่าให้ผมฟัง พี่ปาก็บอกผมว่า...จะอยู่เป็นเพื่อนผม ผมจะได้ไม่เหงา...

ผมไม่รู้ตัวเองมีความสุขหรือเปล่า รู้ก็แต่ว่า...มีเสียงให้ผมได้ยิน...ในบ้านไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว...

พี่ปาใจดีกับผม แล้วก็ยอมกลับบ้านทุกๆอาทิตย์ในช่วงที่ฉายกลับมาด้วย ฉายเลยไม่เคยเจอพี่ปา แต่วันหนึ่งอยู่ๆฉายก็กลับมา ฉายเลยเจอพี่ปาแล้วก็ทะเลาะกันใหญ่ แล้วฉายก็กลับเข้าไปในบ้านไม่ยอมพูดอะไรกับผมเลย

ผมกลัวพี่ปาแต่ที่กลัวกว่าคือกลัวฉายโกรธ กลัวฉายไปแล้วก็ไม่ยอมกลับมาอีก

ผมเลยตัดสินใจบอกพี่ปา...ผมบอกให้พี่ปากลับไป บอกพี่ปาว่าผมจะไปอยู่ที่ไชยปราการกับฉาย

พี่ปาโมโหแล้วพี่ปาก็ถามผมว่า..ถ้าไม่มีฉาย ผมก็จะอยู่กับพี่ปาใช่ไหม...

ผมไม่ได้ตอบอะไรพี่ปา เพราะในความจริง...ตอนนั้น ถ้าไม่มีฉาย ผมก็จะไม่เลือกหลับฝันอีกต่อไป...เพราะฝันของผมคือฝันร้าย...เงียบเหงาและก็มีแต่ความคิดถึงอยู่ตลอดเวลา

ผมไม่ได้ตอบพี่ปา...พี่ปาดูน่ากลัวแล้วพี่ปาก็บอกว่า งั้นก็ให้มันตายๆไป ...พี่ปาพูดอย่างนั้นแล้วก็จะเดินออกไป

ผมพยายามดึงพี่ปาเอาไว้ พี่ปาก็ผลักผม ผมเลยคว้าอะไรก็ไม่รู้ปาใส่หัวพี่ปา แล้วพี่ปาก็หันมา...มันเกิดอะไรขึ้นไม่รู้ รู้แต่ว่าผมเจ็บ...ผมไม่รู้ว่าตรงไหนที่เจ็บกว่ากัน...ที่แขนซ้าย ที่แขนขวา ที่หน้า ที่ขาหรือว่าที่ตัว

บางทีผมอาจกำลังฝัน อีกเดี๋ยวผมก็อาจจะตื่น...

เหมือนตอนเด็กๆ ที่พอลืมตามาก็นั่งอยู่บนตักน้าเจด บนโซฟาในบ้าน...ผมมองซ้ายมองขวา เพราะนึกว่าตัวเองอยู่ในสวนสัตว์ พ่อกับแม่กับน้าเจด น้าโอ๋ ต้องพูดอยู่ตั้งนาน ผมถึงจะเชื่อว่าแม่กับพ่อกับน้าโอ๋ น้าเจดไม่ได้เอาเสือไปซ่อนไว้และผมไม่ได้อยู่ที่สวนสัตว์

ตอนนี้ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น...เดี๋ยวผมอาจจะลืมตาตื่นอยู่บนโซฟาตัวยาวๆ แม่กับพ่อกับน้าเจดน้าโอ๋ แล้วก็พี่ขุนกับฉายอาจจะกำลังนั่งดูทีวีอยู่ใกล้ๆก็ได้...ฝนอาจตก อากาศอาจเย็นสบาย ผมเลยเผลอหลับไปแล้วก้ฝันเท่านั้นเอง

เพียงแต่ฝันตอนนี้ มันเจ็บไปหมดแต่ผมก็ยังดึงพี่ปาไว้ จนผมไม่มีแรง พี่ปาก็ออกไป ผมเลยพยายามตะโกนเรียกฉาย...เรียกได้สองทีก็หมดแรง...แล้วก็ไม่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง...

แล้วผมก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง...มีแต่ฉาย ที่ร้องไห้อยู่ตรงหน้าผม...ที่ข้างๆฉายไม่มีใคร ถ้าไม่มีผมฉายก็จะร้องไห้อยู่คนเดียวเหมือนที่ครั้งหนึ่งผมเคยนั่งร้องไห้คนเดียว

“อยู่กับฉายนะตะวัน”ฉายบอกผมอย่างนั้น...ผมก็ร้องไห้

ผมร้องไห้...เพราะผมเบื่อการฝันอยู่อย่างนี้ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าฉายยังเป็นเจ้าชายกบที่หลับฝันหวานไม่ยอมตื่น ผมจะทิ้งฉายให้นอนฝันไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวได้ยังไง...ผมเป็นพี่ ใครๆก็บอกไว้อย่างนั้น...ถ้าไม่มีผม ฉายก็จะนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว...ผมเลยบอกฉาย ว่าผมจะไปอยู่ที่ไชยปราการกับฉาย...ฉายไม่ได้พูดอะไร เอาแต่ร้องไห้แต่ก็ยิ้ม

ผมได้ยินฉายคุยกับพี่กบเรื่องย้ายไป ย้ายกลับจากไชยปราการ...

แล้วพี่อ๋อก็มาหาผม...พี่อ๋อนั่งตาแดง น้ำตาหยดติ๋งๆ

ผมรู้พี่อ๋อน่ะเสียใจเรื่องน้าโอ๋กับน้าเจด พี่อ๋อพูดแต่เสียใจที่ไม่ได้มาส่งน้าโอ๋ น้าเจดกับพี่ขุน

เมื่อก่อนพี่อ๋อเคยช่วยผมไว้หลายๆอย่าง ยกเว้นเรื่องตังค์เพราะพี่อ๋อน่ะกระเป๋าแห้งพอๆกับผมนั่นแหละ จะแย่กว่าผมก็ตรงที่ผมยังมีน้าโอ๋กับน้าเจด...เลยมีบ่อยๆที่ผมต้องหิ้วข้าวจากบ้านไปแบ่งให้พี่อ๋อกิน...วันนี้พี่อ๋อเลยนั่งน้ำตาหยดติ๋งๆที่ไม่มีโอกาสได้ส่งน้าโอ๋กับน้าเจด

พอเริ่มคุ้นเคยกับเพื่อนๆพี่ขุน...พี่อ๋อก็รวมกลุ่มกับเพื่อนๆพี่ขุนด้วย...ขึ้นเหนือล่องใต้ เข้าอีสานแล้วออกลาว ข่าวสุดท้ายว่าไปเวียดนาม...พี่อ๋อกับเพื่อนๆพี่ขุนหลายคนเพิ่งรู้เรื่องของพี่ขุนรวมทั้งน้าโอ๋กับน้าเจด และบางคนก็ยังไม่รู้เรื่อง

พี่อ๋อบอกผมว่า...จะไม่ไปไหนแล้ว เพราะถ้ามีใครที่พี่อ๋อรักต้องจากไปโดยที่ไม่มีโอกาสรู้ ร่ำลาหรือได้ส่ง พี่อ๋อก็จะเสียใจ...

ผมนึกถึงฉาย...นึกถึงตัวเองกับฉาย ผมเลยบอกฉายอีกครั้งว่า ผมจะไปอยู่ไชยปราการกับฉาย

ฉายก็บอกผมว่า ถ้าผมอยากอยู่ที่นี่ ฉายก็กลับมาอยู่ด้วยแล้ว ผมไม่ต้องไปก็ได้ แต่ผมก็บอกฉายว่าผมจะไป...ฉายก็ยิ้ม แล้วพอออกจากโรงพยาบาล ผมก็ย้ายไปอยู่ไชยปราการกับฉาย

จบ

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด