**สวัสดีค่ะ หายไปนาน พอดีไข้กลับน่ะค่ะ --" จะหายแล้วไปตากแดดซ้ำก็เลยเดี้ยงหนัก ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ นักอ่านทุกท่านก็ระวังสุขภาพกันด้วยนะคะ สำหรับตอนที่ 30 นี้ ก็ยังคงครึกครื้นกันอยู่ในสระว่ายน้ำต่อค่ะ หุ ๆ หวังว่าคงจะยังไม่เบื่อนะคะ ^^ 
Miracle Café / 30
ราเมศแทบจะดำน้ำหลบไม่โผล่ขึ้นมาอีกเลยถ้าทำได้ นับตั้งแต่ได้ยินเสียงกระแอมของไกรสรซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จและมายืนมองพวกเขาพลอดรักกันในสระตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจทราบใด แต่พอเขารู้สึกตัวและผละจากปวีร์ ไกรสรก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์พลางยักไหล่นิด ๆ ก่อนจะเดินออกไปสระด้านนอกโดมอย่างสบายใจโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“ฮะ ๆ แย่หน่อยนะ แบบนี้คงโดนเก็บไว้ล้ออีกยาวเลยล่ะ”
ปวีร์เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มอย่างไม่ลำบากใจมากนัก แต่อีกคนหันขวับกลับมามอง แล้วจ้องด้วยนัยน์ตาดุ ๆ
“ไม่เอาน่า...ก็ทำไปแล้วนี่ จะแก้ตัวก็ไม่ได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะ เอาเป็นว่าคราวหน้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน”
ปวีร์ตัดบทราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของเขา แล้วว่ายไปขอบสระ ขึ้นไปนั่งพักที่เก้าอี้ เห็นดังนั้นปยุตที่นั่งคุยอยู่กับชานนจึงลุกมาถามอีกฝ่าย ว่าจะรับเครื่องดื่มอะไรไหม ซึ่งปวีร์ก็สั่งเผื่อทั้งของเขาและราเมศที่กำลังขึ้นจากน้ำและมานั่งพักด้วยกัน
“แย่ชะมัด ดันเผลอลืมตัวเสียได้ ...ดีนะ ที่คนของเจ้าของสระเขาไม่เข้ามาดูแลในนี้ด้วย”
ราเมศบ่นพึมพำ ทำให้คนที่นั่งข้าง ๆ อมยิ้มน้อย ๆ เพราะก่อนหน้านั้นก็มีคนส่งไลฟ์การ์ดและบริกรเข้ามาดูแล แต่เมื่อปวีร์เห็นว่าพนักงานในร้านของเขาส่วนใหญ่จะเล่นอยู่ด้านนอก จึงบอกให้คนเหล่านั้นกลับไปทำงานตามปกติ ซึ่งพวกเขาก็ลังเลในทีแรก แต่พอปวีร์ยืนกรานและตามไปบอกการ์ดคนสนิทของอนุชิตว่าพวกเขาอยู่กันเองได้ คนเหล่านั้นจึงกลับออกไปอย่างจำยอมในที่สุด
“นี่...ไว้พอกลับถึงบ้านแล้ว ค่อยมาลงโทษกันต่อดีไหม”
ปวีร์สะกิดคนข้าง ๆ แล้วยิ้มหวานยั่ว ทำให้ราเมศใจเต้น นึกอยากจับอีกฝ่ายลงโทษต่อจากในสระ แต่ขืนทำแบบนั้น แล้วเกิดลืมตัว จนพวกวาโยกลับเข้ามา เขาเห็นทีจะมองหน้าเด็กพวกนั้นไม่ติดไปอีกนานเลยทีเดียว
“...ไว้ให้ถึงบ้านก่อนแล้วกัน”
ราเมศพึมพำแล้วเบือนหน้าหนีไปมองอีกทางด้วยความเขิน ทำให้ปวีร์อมยิ้มน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ จากนั้นสักพักเขาก็สะกิดคนที่นั่งข้างกาย คุยเรื่องราวโน่นนี่เรื่อยเปื่อย จนบรรยากาศระหว่างทั้งคู่กลับมาสบาย ๆ ดังเดิมอีกครั้ง
อีกด้านหนึ่งไกรสรนั้นออกมาที่สระกว้างด้านนอกซึ่งมีพวกพนักงานในมิราเคิล คาเฟ่ กำลังเล่นลิงชิงบอลในสระกันอย่างสนุกสนาน ส่วนรุจนั้นนั่งมองจากเก้าอี้ริมสระไม่ได้ลงไปร่วมด้วย เห็นดังนั้นหนุ่มใหญ่จึงได้โอกาสและเลือกไปนั่งข้าง ๆ อีกฝ่ายทันที
“มาเป็นพี่เลี้ยงเด็กจริง ๆ หรือเนี่ย นึกว่าเธอจะลงไปร่วมสนุกกับพวกเขาเสียอีก เธอเองก็วัยไล่เลี่ยกันไม่ใช่หรือ”
“ผมชอบว่ายน้ำก็จริง แต่ชอบแบบว่ายจริงจังมากกว่า...ข้างนอกนี่ครึกครื้นไปหน่อย ส่วนข้างในนั่นก็...”
รุจหยุดคำพูดแล้วยกยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก แต่ทำให้ไกรสรที่ได้ฟังหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ อย่างรู้ทัน
“นั่นสินะ ตอนฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จออกมา สระงี้กำลังเป็นสีชมพูอยู่เลย เล่นเอาแทบไม่อยากเข้าไปขัดคอเชียวล่ะ”
“แต่ก็ยังไปขัดอยู่ดีสินะครับ”
รุจเปรยขึ้นยิ้ม ๆ ทำให้คนฟังเลิกคิ้ว
“รู้ได้ยังไง”
“...เดาเอาน่ะครับ แล้วคุณก็บอกว่า เล่นเอาแทบไม่อยากเข้าไปขัดคอ... มันก็หมายถึง คุณเองตั้งใจจะขัดอยู่แล้ว แต่ก็เกือบที่จะทำไม่ลง ยังไงล่ะครับ”
ไกรสรเสยผมที่ลงมาปรกหน้าของตน เจ้าตัวยกยิ้มนิด ๆ อย่างชอบใจในความช่างสังเกตของอีกฝ่าย แต่ยังไม่ทันจะคุยอะไรต่อ ก็มีเสียงหวาน ๆ ของสาวแปลกหน้าขัดขึ้นเสียก่อน
“ขอโทษค่ะ แถวนี้ว่าง พอจะให้นั่งด้วยได้ไหมคะ”
คนถามเป็นสาวหุ่นเซ็กซี่หน้าตาสวยพอใช้ เจ้าหล่อนมากับเพื่อนอีกสองคน แล้วสายตาก็มองมาที่ไกรสรวาววับ อย่างที่ใครมองดูก็รู้ว่าเจ้าหล่อนจงใจเข้ามาจีบชายหนุ่มผู้นี้
ทางด้านไกรสรยกยิ้มน้อย ๆ ตอบรับ เขาชายตาไปมองรุจที่กำลังมองเขาพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก อย่างอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะโต้ตอบยังไง เห็นดังนั้นไกรสรจึงยักไหล่นิด ๆ แล้วหันไปบอกสาว ๆ กลุ่มนั้น
“ตอนนี้ก็ยังว่างอยู่หรอกครับ เพราะลูกผมกำลังเล่นน้ำกับเพื่อน ๆ ส่วนภรรยาก็ไปทำสปาอยู่ ถ้าไม่ติดลมนักเดี๋ยวก็คงกลับมาด้วย แต่ถึงตอนนั้นถ้าที่ไม่พอ เดี๋ยวพวกผมย้ายที่นั่งแล้วให้คุณกับเพื่อน ๆ นั่งแถวนี้ไปกันเองก็ได้ครับ”
แม้ใบหน้าหล่อเหลาจะยิ้มแย้ม แต่คำพูดที่ตอบกลับมา ทำให้เจ้าหล่อนแทบจะกรี๊ด เพราะนอกจากจะปฏิเสธใส่แล้ว ยังไม่ได้มีความแยแสในตัวพวกเธออยู่ในน้ำเสียงนั้นสักนิด
“งั้นหรือคะ! งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ พวกฉันไปหาที่นั่งแถวอื่นก็ได้ค่ะ!”
เจ้าหล่อนบอกห้วน ๆ ด้วยน้ำเสียงกระชากอย่างเสียหน้า แล้วชวนเพื่อน ๆ เดินไปสระฝั่งตรงข้าม โดยมีไกรสรหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ มองตามไป
“ปฏิเสธไร้เยื่อใยจังนะครับ ไหนคุณแก้วบอกว่าคุณเป็นเสือผู้หญิงยังไงล่ะ”
รุจเปรยพร้อมรอยยิ้ม แต่คนฟังนั้นยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจกับฉายาที่เอ่ยมา
“เห็นแบบนี้ฉันก็เลือกผู้หญิงนะ ผู้หญิงที่เป็นฝ่ายเข้ามาหาผู้ชายก่อนแบบนั้น มีดีก็แค่คู่นอนชั่วครั้งชั่วคราว ผู้หญิงดี ๆ เขาไม่ทำตัวเองให้ดูไร้ค่าและง่ายสำหรับผู้ชายนักหรอก”
ไกรสรบอกตรง ๆ ทำให้คนฟังอมยิ้ม
“แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่สมัยนี้ก็กล้าขึ้น และหลายครั้งก็เป็นฝ่ายจีบก่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะง่ายและไร้ค่านะครับ”
ไกรสรชะงักเล็กน้อย แล้วจึงส่งยิ้มตอบอีกฝ่ายอย่างไม่นึกเคืองที่ถูกโต้แย้ง
“นั่นก็ใช่ ...ผู้หญิงกล้า ๆ เชื่อมั่นในตัวเองสูง และทำตัวมีคุณค่าก็ยังมีอยู่มาก ...แต่ฉันว่าฉันเชื่อตาและสังหรณ์ตัวเองนะ และที่สำคัญผู้หญิงดี ๆ พวกนั้นก็ไม่ค่อยเข้าหาคนอย่างฉันเสียด้วยสิ”
รุจหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ความจริงไกรสรก็ดูเป็นคนเปิดเผย จริงใจ ทั้งเรื่องดีและเรื่องแย่ ๆ ของตน เรียกง่าย ๆ ว่าถ้าคบกันเป็นเพื่อน ก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่น่าคบหาคนหนึ่งทีเดียว
“สงสัยฟีโรโมนรักสนุกของคุณ มันจะดึงดูดพวกเดียวกันเองล่ะมั้ง”
ชายหนุ่มสรุปอย่างขำ ๆ ทำให้คนฟังนิ่วหน้า
“ฟีโรโมนรักสนุกอย่างนั้นรึ ฟังแล้วดูไม่ค่อยดีเลยแฮะ...อืม ว่าแต่มันพอจะดึงดูดเธอได้บ้างไหมล่ะ”
อีกฝ่ายตะแคงกายถาม รุจหันไปมองชายหนุ่มข้าง ๆ แล้วพิจารณาคนตรงหน้าเขาอีกครั้ง ไกรสรเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์แบบผู้ชายแท้อย่างเต็มเปลี่ยน ทั้งหน้าตาหล่อเหลา หุ่นสูงใหญ่ บึกบึน กำยำ อย่างที่ผู้หญิงหลายคนชอบ รวมไปถึงบุคลิกที่ดึงดูดให้หญิงสาว หรือแม้แต่ผู้ชายยังต้องเหลียวมองนั่นอีกด้วย
“...พอดีผมไม่ใช่พวกรักสนุกแบบนั้นเสียด้วยสินะครับ”
รุจบอกยิ้ม ๆ ถึงเขาจะไม่รังเกียจเรื่องรักร่วมเพศ และไม่เคยนึกแคร์ว่าตัวเองจะมีคนรักเป็นเพศเดียวกัน แต่เขาก็ยังไม่เกิดความรู้สึกชอบพอลึกซึ้งกับอีกฝ่ายดีนัก
“แล้วถ้าฉันขอโอกาสบ้างล่ะ...”
ไกรสรถามตรง ๆ ทำให้คนฟังชะงัก แล้วจึงนิ่งคิดชั่วครู่ ก่อนจะแย้มยิ้มน้อย ๆ
“ถ้าแค่นั้น ผมก็คงไม่ใจร้ายอะไรหรอกครับ”
หนุ่มใหญ่ฟังแล้วก็ยกยิ้มน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงพลิกกายกลับไปนอนหงาย มองพวกวาโยเล่นน้ำต่ออีกรอบ
“แบบนั้นก็ดี ...งั้นหลังจากนี้อีกสามวัน ฉันจะคอยลงมือตามจีบเธอสักทีล่ะนะ”
รุจเลิกคิ้วนิด ๆ แล้วหันไปถามอย่างแปลกใจ
“สามวัน...มีอะไรหรือครับ ทำไมต้องรอถึงสามวัน”
ไกรสรหัวเราะเบา ๆ พลางหันมาตอบคำถามอีกฝ่ายตามตรง
“ก็เจ้านายเธอนั่นล่ะยื่นเงื่อนไข เขาห่วงเธอน่าดูเลยนะ พอรู้ว่าฉันสนใจคิดจีบเธอจริงจังน่ะ”
รุจนิ่งอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก เมื่อหวนคิดถึงปวีร์ที่ใส่ใจในตัวเขาไม่แพ้กับพนักงานคนอื่น ๆ
“คุณปวีร์เป็นนายจ้างที่ดีนะครับ...ผมดีใจที่เลือกทำงานที่นี่”
“อืม...ข้อนี้ฉันไม่เถียงเลย นอกจากนั้น หมอนั่นก็ยังเป็นเพื่อนที่น่าคบ เป็นรุ่นน้องที่น่ารัก เป็นคนที่ถ้าใครได้ลองรู้จักเขาแล้ว ส่วนใหญ่มักจะเลือกเป็นมิตรมากกว่าเป็นศัตรูล่ะนะ”
รุจยิ้มน้อย ๆ รับฟัง ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงวาโยตะโกนมาจากในสระ
“คุณรุจครับ! เล่นบอลกันไหมครับ! อ๊ะ คุณไกรสรก็อยู่ด้วย...”
วาโยที่เห็นหน้าคนนั่งข้างรุ่นพี่ของเขาถนัดตา อุทานด้วยความแปลกใจ แต่ก็ต้องชะงักได้ไม่นาน เมื่อไกรสรตะโกนถามกลับ
“แล้วฉันล่ะ ลงไปเล่นด้วยได้ไหม!”
วาโยนิ่งคิดเพียงครู่เดียว ก่อนจะพยักหน้าพร้อมยิ้มกว้าง
“เชิญเลยครับ!”
“หึ... รุ่นน้องที่น่ารักของเธอชวนทั้งที จะไปเล่นด้วยกันไหมล่ะ”
ไกรสรหันมาถามรุจที่ถอนหายใจอย่างเอือมระอา ก่อนที่จะหันมาตอบอีกฝ่ายพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ อย่างเจ้าเล่ห์
“...ผมน่ะยังไงก็ได้ แต่คุณนี่สิ... อ้อ พรุ่งนี้คุณจะยังไม่มาที่ร้านสินะ ดีเลยนะครับ เพราะถ้าผมได้เห็นคนที่มาจีบผม มาบ่นโอดโอยปวดเส้นปวดสายตรงหน้า ผมคงขำไม่ออกแน่เลย”
บอกแล้วรุจก็ลุกจากเก้าอี้ยาวริมสระ แล้วเดินไปที่ขอบสระพุ่งตัวว่ายน้ำท่าฟรีสไตล์ไปหาพรรคพวกด้วยท่วงท่าสวยงาม ถูกแบบแผน ราวกับนักกีฬาว่ายน้ำก็ไม่ปาน ด้านไกรสรที่ยืนอึ้งกับคำพูดเมื่อครู่ ถอนหายใจเบา ๆ นี่ถ้าไม่ได้สัญญากับปวีร์ไว้ก่อน และยังมีคนอื่นมากมายมองอยู่ เขาคงดึงเจ้าตัวมาจูบทำโทษในความปากร้ายของอีกฝ่ายเข้าให้เสียแล้ว
หลังจากนั้นไกรสรก็ว่ายน้ำตามไปสมทบกับทุกคน พวกเขาเล่นกันจนได้เวลาพักเที่ยง อนุชิตก็กลับมาจากข้างนอก แล้วจัดเลี้ยงอาหารกลางวันทุกคนที่ในโดมส่วนตัวริมสระน้ำนั้นเสียเลย สร้างความพึงพอใจให้กับทุกคนเป็นอันมาก และไม่เพียงแค่ฝั่งของพวกปวีร์ที่รู้สึกพอใจ อนุชิตเองก็พึงพอใจไม่แตกต่างกัน เพราะได้รับรู้มาว่าตระกูลของปวีร์และราเมศ รวมถึงไกรสรนั้น ค่อนข้างมีชื่อเสียงทางแวดวงธุรกิจอยู่มากทีเดียว และพอมื้ออาหารกลางวันจบลง ปวีร์ก็ให้โควต้าพนักงานเล่นน้ำต่อที่นี่อีกสักสองชั่วโมงแล้วค่อยกลับ ทำให้แต่ละคนโดยเฉพาะวาโยรีบออกไปสำรวจในส่วนต่าง ๆ ของสระแต่ละแห่งในสถานที่นี้ทันที
“คุณอนุชิต ...พอจะมีกล้องถ่ายรูปดี ๆ ให้ยืมสักหน่อยไหม ...เพราะต่อไปนี้ ผมคิดว่าเราน่าจะมีผลประโยชน์ร่วมกันได้... คุณได้โฆษณาสระว่ายน้ำของคุณ ส่วนผมก็ขายคอเลคชันพนักงานของผมในชุดว่ายน้ำให้แฟนคลับได้อีกต่อหนึ่ง”
ปวีร์บอกกับอนุชิตตรง ๆ ทำเอาราเมศที่อยู่ด้วยถึงกับนิ่งอึ้ง ส่วนอนุชิตชะงักนิ่งไปชั่วครู่ แล้วจึงแย้มยิ้มตามมาอย่างยินดี
“ได้เลยครับ เดี๋ยวผมให้คนนำมาให้ด่วนเลย แต่ว่าจะถ่ายแบบไหนหรือครับ...ถ่ายแบบทั่วไป หรือว่า...”
อนุชิตถามแบบไม่เต็มเสียงนักเพราะกลัวเสียมารยาท แต่ปวีร์ที่รู้ทันก็ยกยิ้มน้อย ๆ แล้วเอ่ยสวนกลับไป
“ก็ต้องแอบถ่ายสิครับ ถึงจะได้ภาพแบบธรรมชาติ อ้อ ถ้ายังไงผมขออนุญาตถ่ายภาพสถานที่โดยรอบของที่นี่เก็บไว้ด้วย จะได้ไหมครับ”
อนุชิตยิ้มกว้าง แล้วรีบพยักหน้าอย่างยินดี
“ได้เลยครับ เชิญตามสบายเลย... เอ ว่าแต่คุณจะให้ทางคุณหรือว่าผมถ่ายให้ครับ”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมขอยืมแค่กล้อง ทางด้านผมมีโปรเรื่องถ่ายรูปชนิดปาปารัสซี่ยังยอมแพ้ อยู่แล้วล่ะครับ”
อนุชิตเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ ส่วนราเมศถอนหายใจยาวอย่างเอือมระอา จากนั้นชายหนุ่มเจ้าของสระจึงสั่งให้ลูกน้องนำกล้องถ่ายรูปอย่างดีมาให้ปวีร์ ซึ่งเจ้าตัวพอได้รับกล้องมาก็ส่งต่อให้กับพ่อบ้านของเขา
“ปยุต ขอบรรยากาศโดยรอบ และก็ภาพของพวกนั้น อย่างน้อยสักสองสามร้อยรูปนะ เพราะเราต้องมาคัดกันอีก อย่าให้พวกเขารู้ตัวล่ะ แต่ถ้าโดนจับได้ ก็บังคับกันไปเลยแล้วกัน บอกว่าคำสั่งจากฉันเข้าใจนะ”
“รับทราบครับคุณปวีร์”
ปยุตรับกล้องมาจากอีกฝ่าย เขาสวมเสื้อยืดคลุมทับกางเกงว่ายน้ำพร้อมสะพายกระเป๋ากล้อง ก่อนไปเจ้าตัวจับภาพภายในสระ แล้วลองถ่ายประเดิมสักรูปก่อนจะเปิดดูภาพผลงานตัวเอง แล้วถอนหายใจเบา ๆ คล้ายโล่งอก
“ไหน เอามาให้เช็คสิว่าฝีมือสนิมกินหรือยัง”
ปวีร์เอ่ยขำ ๆ ซึ่งปยุตก็เดินนิ่ง ๆ ส่งกล้องมาให้อีกฝ่าย พอได้ดูปวีร์ก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วยื่นให้อนุชิตดูบ้าง
“เป็นไงครับคุณอนุชิต ฝีมือคนของผมพอจะไหวไหมครับ หรือถ้าไม่พอใจคุณมีคนฝีมือดีกว่าปยุตก็เรียกมาได้เลยนะครับ ผมไม่ขัดข้องอยู่แล้ว”
อนุชิตมองภาพถ่ายจากฝีมือของปยุตอย่างนึกทึ่ง แม้จะยังไม่ได้ผ่านการตกแต่ง แต่มันก็แสดงถึงความเป็นมืออาชีพบ่งบอกชัดเจนในภาพนั้น
“วิเศษจริง ๆ ครับ ...พวกคุณทำให้ผมทึ่งได้อีกแล้วล่ะ”
อนุชิตบอกตามตรง เพราะนับจากที่เขารู้เรื่องไอเดียทำร้านคอฟฟี่ช็อปคอสเพลย์ของอีกฝ่ายจากธีรัชเพื่อนของเขา ชายหนุ่มก็นึกอยากเจอปวีร์มาตลอด และทำให้รู้ว่าไม่เพียงความคิดอ่านที่โดดเด่น ตัวปวีร์และคนรอบข้างอีกฝ่าย ก็ยังมีคนที่ล้วนแล้วแต่มีความสามารถ หน้าตา และบุคลิกน่าสนใจแทบทั้งสิ้น
จากนั้นปยุตก็ขอตัวออกจากโดมสระส่วนตัวไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ส่วนชานนเองนั้นยืนลังเลอยู่ครู่ใหญ่จนปวีร์สังเกตเห็น
“มีอะไรหรือครับคุณนน”
“เอ่อ...คือ ถ้าคุณปวีร์ และคุณอนุชิตไม่ว่าอะไร ผมขอแวะไปที่ครัวหน่อยได้ไหมครับ”
ปวีร์ขมวดคิ้วนิด ๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ แล้วถอนหายใจตามมา
“มันก็ได้อยู่หรอกครับ แต่อย่าเผลอไปสอนเคล็ดลับให้เขาจนหมดนะครับ ผมกลัวคู่แข่งของร้านจะเพิ่ม”
ปวีร์บอกติดขำ ส่วนอนุชิตยังคงงุนงง แต่ก็ยอมทำตามความต้องการของอีกฝ่ายพาชานนมาที่ครัว และเมื่อเขารู้ว่าชานนจะมาทำอะไร เขาก็ต้องอึ้งไปพักใหญ่ ก่อนจะตามมาด้วยความยินดี แล้วก็แทบจะปิดครัวเรียกพนักงานที่เกี่ยวข้องมารับการอบรมจากเชฟหนุ่มถ้วนหน้า หลังจากที่ได้ชิมรสอาหารเมนูเดียวกับที่เขาเลี้ยงพวกปวีร์ ผ่านฝีมือเชฟผู้นี้นั่นเอง
ทางด้านวาโยหลังจากไปแช่เล่นกันในสระน้ำวนจนพอใจ พวกเขาก็ตัดสินใจออกไปเล่นสระกว้างด้านนอกกันต่อ โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร นอกจากคนที่รู้สึกสนุกกับสระว่ายน้ำแห่งนี้จริง ๆ โดยไม่มีสิ่งใดเคลือบแฝงนั่นเอง
“อืม...นึกถึงเมื่อก่อน ตอนอยู่กับพวกเจ เวลามาเล่นน้ำเราเล่นขี่ม้าส่งเมืองแข่งกันในน้ำด้วยล่ะ สนุกดี แต่คนเป็นม้านี่สิ บ่นอุบเลยล่ะ”
วาโยเล่าให้เพื่อนของเขาฟัง ทว่าคนฟังบางคนพอได้ยินแล้วกลับชะงัก คิดภาพตาม แล้วรีบเบือนหน้าหนีไปคนละทางเพราะเกรงจะหลุดอะไรแปลก ๆ ออกมา
“ขี่ม้าส่งเมืองหรือ ก็ดีนะ...พวกเราน่าจะลองเล่นกันมั่งดีไหม”
รุจที่สังเกตปฏิกิริยาของคนอื่นในกลุ่มแสร้งเปรยขึ้นอย่างยิ้มแย้ม ทำเอาหลายคนสะดุ้ง เว้นแต่วาโยที่มีสีหน้าดีใจ
“จะเล่นกันหรือครับ! ดีจัง ตอนนั้นสนุกมาก ๆ เลยล่ะครับ ถ้าได้เล่นกับทุกคนที่นี่ก็คงสนุกไม่แพ้กันเลยล่ะ ผมว่างั้นนะ”
ชายหนุ่มบอกอย่างยิ้มแย้มไร้เดียงสา ทำให้แต่ละคนต้องลอบถอนหายใจ จะปฏิเสธก็กลัวอีกฝ่ายผิดหวัง จึงจำต้องพยักหน้าค่อย ๆ ยอมเล่นกันอย่างเสียไม่ได้
“งั้นก็โอน้อยออก เลือกคู่... มีคนเกินมาหนึ่ง ใครที่จับคู่ไม่ได้ก็เป็นกรรมการแล้วกัน”
รุจสรุปแล้วหันไปมองไกรสรที่ไม่มีท่าทีจะยอมถอนตัวออกจากการแข่งขันแล้วไปเป็นกรรมการเลยสักนิด
“ถ้าคุณจับคู่ได้ภูริ ธีรัช หรือไม่ก็กวิน คงน่าสนุกดีนะครับ”
รุจพึมพำกับไกรสร ซึ่งอีกฝ่ายก็แค่นยิ้มน้อย ๆ แล้วสังเกตการพลิกมือของเป้าหมายอย่างมีสมาธิมากกว่าเดิม จนรุจยังนึกทึ่ง ที่อีกฝ่ายออกเหมือนเขาได้ตลอด และท้ายที่สุดคู่แต่ละคู่ก็ถูกกำหนดได้สำเร็จ โดยคนที่เหลือถึงกับทำเป็นบ่นโอดครวญเบา ๆ
“อะไรกัน ทำไมฉันถึงซวยคนเดียวแบบนี้ล่ะ”
ธีรัชแกล้งโพล่งอย่างไม่จริงจังนัก ทำให้รุจนึกขำ แล้วเอ่ยกับอีกฝ่าย
“จะเปลี่ยนกับฉันไหมล่ะ”
ธีรัชชะงักเหลือบมองไกรสรที่ส่งสายตากึ่งสั่งกึ่งบังคับไม่ให้เขาตอบตกลงมาให้ เจ้าตัวก็ต้องถอนหายใจ
“ไม่เป็นไรครับ ...เดี๋ยวจะโดนฆ่าหมกสระเอา”
รุจหัวเราะเบา ๆ อย่างไม่ใส่ใจทั้งที่พอเดาออกว่าธีรัชนั้นหมายถึงอะไร ส่วนคู่อื่นนั้น กวินนึกเสียดายที่พลาดการจับคู่กับวาโยโดยเขาได้คู่กับการินแทน ส่วนวาโยนั้นก็ได้จับคู่กับรุ่นพี่ของเขาอีกคน ซึ่งก็คือภูรินั่นเอง
“ขอโทษนะวิน ...ถ้ายังไงให้ฉันเป็นฝ่ายขอไปเปลี่ยนตัวกับโยให้ดีไหม”
การินกระซิบบอกเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้าเสียดายของอีกฝ่าย ทำให้กวินหันมามอง เขาจ้องคนตรงหน้านิ่งจนการินใจไม่ดี ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นกวินยิ้มกว้างให้
“ไหน ๆ เราก็คู่กันแล้ว ยังไงก็ร่วมมือกันเอาตำแหน่งชนะเลิศมาให้ได้แล้วกัน!”
“มันจะดีหรือแบบนั้น ก็นายอยากจะคู่กับ...”
การินแย้งเบา ๆ แต่ก็ถูกกวินยกมือปรามเสียก่อน
“เอาน่า อย่าคิดมาก ยังมีโอกาสอีกตั้งเยอะที่จะสู้ทำคะแนน แต่วันนี้ไหน ๆ เราก็โชคดีได้คู่กันแล้ว เรามาสนุกให้เต็มที่ดีกว่านะริน”
“อือ...อย่างนั้นก็ได้ งั้นก็สู้ด้วยกันนะ”
การินที่นิ่งไปสักพัก ส่งแย้มยิ้มอ่อนโยนตอบ จนกวินถึงกับชะงักไปชั่วครู่
“อะ...อืม...สู้เต็มที่เลยแล้วกัน”
กวินรับคำแล้วแสร้งทำเป็นชวนคุยเรื่องอื่นก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น เจ้าตัวเหลือบมองการินด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ก่อนจะสลัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปจากสมองของตนในทันที เพราะเกรงว่าหากการินรู้เข้าคงต้องไม่ชอบใจแน่ ที่เขาดันเผลอคิดว่าอีกฝ่ายดูน่ารักผิดเคย แถมรอยยิ้มนั้นก็ยังชวนให้เขาใจเต้นประหลาดขึ้นมาเสียอีกด้วย
... TBC ...