รัก....ที่ขาดหาย พิเศษ ลูกชายคุณพ่อผมขอได้มั้ยครับ 100% จบแล้วย้ายเลยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รัก....ที่ขาดหาย พิเศษ ลูกชายคุณพ่อผมขอได้มั้ยครับ 100% จบแล้วย้ายเลยค่ะ  (อ่าน 196478 ครั้ง)

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
ต้องกรา่บขออภัยงามๆ  :sad4: เพราะตอนนี้แต่งยาก  และยาวมากๆๆๆๆๆๆ  แต่งๆ ลบๆ อยู่หลายรอบค่ะ  :z3:

กว่าจะจบลงได้  เพราะอยากให้มันมีแง่คิด  (ไม่แน่ใจว่าได้หรือเปล่า :confuse:)  แทรกเข้ามา

ไม่อยากให้มองว่า...ยังไง มันก็เป็นแค่นิยายเรื่องหนึ่ง  ให้แค่ความเพลิดเพลิน สุข ทุกข์ ร้องไห้ จบ  (ซึ่งมันก็จริงอยู่ :o11:)

อย่างน้อย  ก็อยากให้มีอะไรแฝงไว้  ถึงตัวเองจะเป็น หญิงที่ชอบผู้ชายก็จริง  แต่พอมองกลับไป

เห็นกลุ่มคนที่ "รักเพศเดียวกัน"  รู้สึกว่าเค้าลำบากมาก ๆ  ไม่ว่าด้านไหน สังคม ครอบครัว หรือแม้ในที่ทำงาน

อยากเป็น "กำลังใจ"  ให้นะคะ  เพราะส่วนตัวรู้สึกว่า  "ความรัก"  ก็คือ "ความรัก"   

ดังนั้น ความรัก  สำหรับเรา  มันสวยงามเสมอ  ไม่ว่าจะเป็น "รัก" ในรูปแบบไหน  สู้ๆ    o7 o7 ค่ะ

เวิ่นเยอะแล้ว  .....  เชิญอ่านค่า


ขออภัยนะคะ  ที่โพส หลายรอบ  พอดี ลองตัด แล้วโพสอยู่ สามรอบ มันบอกเกิน 20000 ตัวอักษร โพสไม่ได้
เลยตัดสินใจโพสเป็น สี่ทอนซะเลย  ฮ่าๆๆ   ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ค่า :bye2: :bye2: :bye2:

****************************************************************************************
Unit 35 

เช้าวันที่สองแห่งการเดินทาง เพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนและสัมผัสถึงธรรมชาติอย่างแท้จริง  เราเลือกจะเดินทางไปแม่ฮ่องสอน

เพื่อไปชื่นชมทุ่งดอกบัวตองที่กำลังเบ่งบานปกคลุมทั่วทั้งภูเขาสีเหลืองทองอร่ามอวดโฉมท้าสายตาผู้คนทั่วทุกภาค

ให้มาเยี่ยมชม เราออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่ ไม่ได้เร่งรีบ หากสังเกตุเห็นว่าปิ่นเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง

เราก็จะทำการแวะปั้มให้น้องสาวของผมได้ลงมาสูดอากาศหายใจอยู่เป็นระยะ  พร้อมกับแวะรายทางที่มีซุ้มอาหาร

พื้นเมืองของเหนือหลากหลายน่าอร่อยล่อน้ำย่อยจนต้องแวะทาน เมื่อปิ่นปิดไม่ได้เรื่องร่างกายไม่สามารถรับอาหาร

ก็เปลี่ยนมาเป็นทานเข้าปากเพื่อให้ลิ้นรับรู้รสชาดของอาหารเหล่านั้น ก่อนจะคลายออกมา เพราะไม่อยากจะบั่นทอน

ร่างกายของตัวเอง ยามเมื่ออาเจียรครั้งใดเห็นพยาบาลเล่าว่าปิ่นจะหอบเหนื่อยจนตัวโยนแล้วนอนหมดแรงอยู่ทุกที

แม้ผมกับปัตจะเป็นห่วงแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการนั้นออกมาจนเกินเหตุ เพราะรู้ดีว่ารังแต่จะทำให้อีกฝ่ายกังวล แถมรู้สึกแย่

ที่ทำตัวเป็นภาระในการเดินทางครั้งนี้  การเดินทางยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ แต่ผมกับสังเกตุเห็นรอยยิ้มที่เพิ่มขึ้น

พร้อมกับแววตาที่ตื่นเต้นดีใจราวกับเด็กที่พึ่งได้ของเล่นเป็นครั้งแรก  แต่ที่น่าแปลกคือสภาพร่างกายของปิ่นที่ดูอิดโรย

หากแต่จิตใจที่เข้มแข็งมากกว่าถึงได้กลบเกลื่อนอาการเหนื่อยล้าจนดูไม่ค่อยออก แม้ในบางเวลาปิ่นจะเผลอแสดงอารมณ์

อ่อนล้ามาให้เป็นระยะ เสียงสนทนาเจื้อยแจ้วระหว่างทางของปัตกับปิ่นดังอยู่เนืองๆ เพราะไอ้ตัวเล็กรับหน้าที่เป็นไกด์อาสา

ตามประสาเจ้าของพื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียงพื้นที่นี้มากที่สุด  เราเดินทางมาถึงทุ่งดอกบัวตองเป็นเวลาเกือบๆ บ่ายสามโมงเย็น

สีเหลืองทองทั่วขุนเขางามอร่ามจนน่าเหลือเชื่อ   ปิ่นตาโตตะลึงในความงามที่ธรรมชาติได้สรรสร้าง  เราจอดรถริมทาง

เพื่อลงไปสัมผัสธรรมชาติอันสวยสดงดงามนี้ด้วยตัวเอง  หลังจากเมียงมองผ่านกระจกรถมานานหลายร้อยเมตร

ผมอุ้มปิ่นวางลงบนรถเข็นโดยมีปัตที่จับรถเข็นไว้มั่นเพื่อไม่ให้มันไถลอยู่ก่อนหน้าแล้ว  หลังจากที่จัดท่าทางเรียบร้อย


มีลมเย็นๆ โชยมาให้สัมผัสกับอากาศที่หนาวของฤดู ไอ้ตัวเล็กถึงกับห่อไหล่ ผมแอบวางมือทาบบนมือน้องที่วางอยู่บนรถเข็น

ทำทีเป็นเข็นช่วย จริงๆ แล้วก็อยากจะเพิ่มความอบอุ่นให้อีกฝ่าย แต่สำหรับปิ่นแค่นี้คงไม่เท่าไหร่เมื่อการใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ

อากาศดูจะโหดร้ายกว่านี้เป็นเท่าทวีคูณ  รอยยิ้มแห่งความดีใจปรากฎบนใบหน้าของปิ่น  มือผอมเรียวยื่นออกไป

เพื่อสัมผัสกิ่งดอกไม้งาม แต่ดูจะสูงเกินไป ปิ่นจึงทำได้แต่เอื้อมคว้าจน ผมยื่นมือไปเพื่อเด็ดดอกที่อยู่ตรงหน้า


“อย่าค่ะ...อย่าเด็ดปล่อยให้มันสวยอยู่ตามธรรมชาติดีแล้วค่ะพี่พาร์ท”

“แต่ปิ่น...”  พูดได้แค่นั้น อีกฝ่ายที่ทักท้วงก็แสดงเจตนารมณ์

“แค่โน้มก็พอแล้วค่ะ  ...แค่นั้นก็พอแล้ว อย่าให้มันมีค่าแค่ชั่วครู่ พอเหี่ยวเราก็ต้องทิ้งอยู่ดี  ถ้าอยู่บนต้นมันก็จะยัง

สวยงามอย่างนี้ได้อีกนาน”   ปิ่นหันมายิ้มให้ผม  ผมยิ้มตอบน้องลูบหัวน้องเบาๆ ปัตหันมามองด้วยความตื้นตัน


“พี่ปิ่นมองโลกในแง่ดีจังเลยนะฮะ” ปิ่นหันมามองปัตแล้วดึงมือไอ้ตัวเล็กไปกุมไว้ 

“ปัตครับ  ของบางอย่างอยู่กับเราอาจไม่เหมาะ อาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์มากพอ   แต่ถ้าอยู่กับคนอื่นอาจจะดีกว่า

มีประโยชน์มากกว่า มีคุณค่ามากกว่า และที่สำคัญอาจจะมีความสุขมากกว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นพี่ก็เลือกที่จะไม่เก็บมันไว้

ไม่เหนี่ยวรั้งมันไว้  เพราะพี่ถือว่ามันอยู่ถูกที่ถูกเวลา และมีคุณค่าอย่างสูงสุดอย่างที่มันควรจะเป็น  จำไว้นะปัต

ของที่เป็นของๆ เรา ทำยังไงมันก็เป็นของเรา ถึงเราจะพยายามหยิบยื่นให้คนอื่น ผลักไสเท่าไหร่ แต่สุดท้ายมันก็เป็นของเรา

อยู่วันยังค่ำ   ถ้ารู้อย่างนี้แล้วก็รักษา “ของรัก” ให้ดีๆ นะจ๊ะ อย่ายอมให้ใครมาแย่ง และอย่าได้เปิดโอกาสให้กับใครอีก”

คำพูดของปิ่นมันทิ้งความหมายไว้หลากหลายจนผมไม่แน่ใจว่าปิ่นรู้เรื่องของผมกับปัตหรือเปล่า  รู้เรื่องของปัตที่พยายาม


[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2012 01:33:07 โดย Tassanee »

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป


อย่างยิ่งที่จะช่วยปิ่นให้มีความสุขหรือเปล่า  “ของรัก” ที่ปิ่นว่า จะหมายถึงผมหรือเปล่า ผมก็ไม่อาจจะเดาใจใครได้

ไอ้ตัวเล็กพยักหน้าตอบรับช้าๆ  ดวงตาสบกันนิ่ง ผมเห็นแต่ความห่วงใยและจริงใจที่สื่อถึงกัน 
“ครับ ปัตจะจำไว้ครับ”  ไอ้ตัวเล็กยิ้มกว้าง  ปิ่นยิ้มตอบ  พร้อมกับอ้าแขนกว้าง  ปัตรั้งตัวปิ่นเบาๆ เพื่อสวมกอด บางครั้ง


คำว่า “มิตรภาพ”  มันก็ดูยิ่งใหญ่เกินกว่าผมจะเข้าไปแทรกได้  ทำได้เพียงจดจำรอยยิ้มกับแอบรัวชัตเตอร์เบาๆ เพื่อบันทึก

ภาพอันเป็นความทรงจำที่แสนดี  กอดกันอยู่ไม่นานนักไอ้ตัวเล็กก็ผละตัวออกมา

“ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันนะฮะพี่ปิ่น  ส่วนดอกนี้ปัตขอเด็ดนะฮะ เพราะปัตว่ามันจะมีคุณค่ามากพอสำหรับความทรงจำครั้งแรก

ของเรา  ปัตอยากเก็บมันไว้  อย่างน้อยก็ให้เป็นที่ระลึกระหว่างเรานะฮะ”  ไอ้ตัวเล็กยิ้มหวาน  ส่วนปิ่นก็พยักหน้าน้อยๆ 

แล้วรับดอกไม้ดอกงามมาถือไว้ในมือแน่น  ผมตั้งขาตั้งกล้อง จ้องมองภาพฉากหลังเต็มไปด้วยดอกบัวตองสีเหลืองสด

เต็มทิวเขาแซมด้วยใบสีเขียวดูสดใส ตรงใจกลางผืนดินที่แหว่งเว้าเว้นที่ว่างไว้สำหรับนักท่องเที่ยวให้ได้ถ่ายภาพ
สุดประทับใจ  รถเข็นสีเงินตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่นั้น สาวน้อยชุดขาวกระโปรงยาวจนเกือบชิดตาตุ่มกับเสื้อสีเนื้อแขนกุด

คลุมด้วยผ้าคลุมไหล่สีชมพูอ่อนกำลังปลิวไสว เพราะแรงลม  ใกล้ๆ กันไอ้ตัวเล็กของผมยืนขนาบข้างอยู่ด้านขวา

ถัดไปเป็นพยาบาลสาว  ส่วนพื้นที่ว่างด้านซ้ายเป็นของผม   ผมตั้งโปรแกรมถ่ายต่อเนื่องหลายแอ็ก พร้อมกับตั้งเวลา

5 วินาทีสำหรับการเปลี่ยนท่า  พอกดปุ่มก็วิ่งเข้าไปด้านซ้ายของปิ่น ต่างคนต่างถ่ายรูปกันสนุกสนาน  รีโมทในมือกด

เพื่อให้กล้องถ่ายภาพต่อไป เราวิ่งย้ายไปย้ายมารวมถึงคุณพยาบาลก็ร่วมแจมด้วย  จนวนมาถึงภาพที่เราถ่ายกันสามคน

มือข้างหนึ่งปิ่นกุมมือกับปัตไว้นิ้วเรียวสอดประสานเข้าหากัน   และอีกข้างหนึ่งก็กำลังกุมมือกับผมไว้แน่น 

“แชะ   แชะ   แชะ”  เสียงชัตเตอร์หมดลง ปิ่นคลายมือออกจากเราทั้งสอง น้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มด้วยความยินดี


“ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ที่พาปิ่นมา ขอบคุณที่ทำให้ปิ่นมีความสุขจนถึงวันนี้ ขอบคุณทั้งพี่พาร์ทและก็ปัตมากค่ะ” 

ร่างบางๆ ของปิ่นสั่นระริกตามแรงสะอื้นไห้  แม้จะเข้มแข็งแค่ไหนแต่อย่างไรเสียความอ่อนแอ...มันก็มักจะปรากฎโฉมให้เห็น

ความสุข....ที่อยู่ตรงหน้า สิ่งได้รับการตอบสนอง ฝันที่เกินกว่าจะเป็นจริง แต่ปิ่นก็ได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว คงจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ

สำหรับน้อง  แต่ผมกับปัตก็พยายามที่จะทำให้มันเป็นจริง แล้วจะมีสิ่งไหนที่พอจะทำให้น้องได้อีกบ้างไหม? 

ไม่อยากให้คนตรงหน้ามีแต่เพียงน้ำตาอาบแก้ม... อยากให้มีแต่รอยยิ้มและความสุขจนถึงวาระสุดท้าย 

รอยยิ้ม....ที่มีแต่ความสดใส ในแบบของปิ่น 

“อย่าร้องฮะ  ผมอยากเห็นพี่ปิ่นยิ้ม  อยากเห็นพี่มีความสุข เลิกร้องนะฮะ”   ไอ้ตัวเล็กทรุดตัวลงข้างๆ

“ใช่ครับ คนเก่งของพี่ขี้แยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน  เลิกร้องนะครับเรามายิ้ม มามีความสุขกันดีกว่านะ”

“ฮึก....ฮึก.....ค...ค่ะ”  ปิ่นเม้มปากแน่น รับปากเบาๆ แม้น้ำเสียงติดจะสะอื้น ปัตค่อยไล่เช็ดน้ำตาทั่วใบหน้าอีกฝ่าย

รอยยิ้มอบอุ่น...ถูกส่งไปให้ปิ่น  มือบางของปัตไล้บางๆ ทั่วหน้าปิ่นจนน้ำตาเหือดแห้ง

“เห็นมั้ยครับพี่ปิ่นยิ้มแล้วสวยกว่าตอนร้องไห้ตั้งเยอะ”  ผมเห็นปิ่นยิ้มกว้าง  เหมือนคำปลอบเด็กแต่ผมว่าได้ใจปิ่นไปเต็มๆ

.

.

.

หลังจากกลับจากทุ่งดอกบัวตอง เราก็ตรงดิ่งไปยังที่พักระแวกที่ใกล้ที่สุด บรรยากาศแห่งขุนเขาแม้จะหนาวนิด ๆ

แต่ธรรมชาติสีเขียวขจีก็ทำให้จิตใจผ่อนคลายได้มาก  ผมมองปิ่นที่กำลังนั่งนิ่งๆ สายตามองไปไกลจะสุดลูกตา

ยามตะวันโพล้เพล้  แสงสีส้มฉาบทาทั่วท้องฟ้า  ดวงอาทิตย์ค่อยๆ กลืนหายไปในก้อนเมฆ เสียงนกในบรรยากาศป่าเขา

เสนาะหู ต้นไม้ไหวเอนตามแรงลม รู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก  ริมฝีปากบางยกยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก ปล่อยให้ตัวเอง

เอื่อยเฉื่อยอยู่เนิ่นนาน  จนท้องฟ้ามืดมิด แต่ปิ่นกลับไม่มีทีท่าจะขยับ ....ยังคงปล่อยอารมณ์ให้ล่องลอยไปเรื่อยๆ กับความคิด

จนกระทั่งพยาบาลสาวที่มาหยุดยืนอยู่ด้านหลัง  ปิ่นก็ยังไม่รู้สึกตัวสายตาที่เหม่อมองบางครั้งก็ดูครุ่นคิด บางครั้งก็เปื้อน

รอยยิ้ม  มือผอมบางกำลังจับกันแน่นราวกับว่ามืออีกข้างมันจะหายไปเสียอย่างนั้น  ผมก็ได้แต่จ้องมองอยู่อย่างนั้น

“ทานข้าวกันเถอะค่ะน้องปิ่น   เดี๋ยวต้องทานยาแล้ว”  พี่พยาบาลแตะมือลงเบาๆ บนไหล่ปิ่น  น้องสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะหัน

กลับมายิ้ม   ให้พยาบาลสาว .... ปิ่นพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะตอบคำว่า “ค่ะ”  ออกมา ดูจะเสียดายที่ต้องละสายตาจาก

บรรยากาศสุดโปรดของตัวเองไป  แต่ก็ไม่ได้ดื้อดึงอะไรนัก ยินยอมให้พยาบาลเข็นรถเข็นแต่โดยดี

“ทานที่ห้องได้ไหมคะพี่? ปิ่นเกรงใจพี่พาร์ทกับน้องปัตค่ะ  กลืนเข้าปากแล้วก็ต้องคายสองคนนั่นคอแข็ง ทานไม่ลงกันพอดี” 

หญิงสาวก้มหน้างุด  มองที่ปลายเท้า  ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงราวกับมันเป็นเรื่องสนทนาปกติที่ใช้พูดคุยกัน

“วันนี้ปิ่นมีความสุขมากๆ เลย  ไม่เคยคิดเลยค่ะว่าจะได้ออกมาข้างนอกอีก  นึกว่าจะต้องนอนตายที่ รพ. แล้ว”

“โถ ..น้องปิ่น  อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ  ดูสิตอนนี้หนูก็ไม่ได้เป็นไรสักหน่อย ยังแข็งแรง ยังสวยเหมือนเดิม”  พี่พยาบาลคนเดิม

ปลอบใจ ลูบเบาๆ ที่หัวทุยของอีกฝ่าย ที่ตอนนี้หันมาซบลงกับอกพยาบาลสาวอย่างออดอ้อน

“ไม่ต้องปลอบใจหรอกค่ะพี่  ปิ่นรู้ตัวดี  ....รู้มาตลอด ปิ่นทำใจได้แล้วค่ะ  อะไรที่อยากทำก็ได้ทำแล้ว อยากเที่ยวกับพี่พาร์ท

อยากเที่ยวกับน้องปัต ก็ได้ทำแล้ว เหลือแต่ไปไหว้พระเท่านั้น ที่ยังไม่ได้ทำ”

“งั้นพรุ่งนี้เราไปไหว้พระกันค่ะ  พี่จะบอกคุณพาร์ทให้”

“ขอบคุณค่ะ”   บทสนทนาจบลง ทุกอย่างเป็นไปตามนั้นปิ่นขอตัวที่จะทานข้าวในห้องพัก เหตุผลเพราะเหนื่อย ดูท่า

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
ปัตเองก็ไม่ได้นึกติดใจอะไร  เรานัดกันว่าจะไปไหว้พระในวันพรุ่งนี้  ตามที่ปิ่นต้องการ  ค่ำคืนนี้เหลือเพียงผมกับปัต

ที่นั่งมองดูดาวอยู่ด้านนอก ท้องฟ้าที่มืดสนิททำให้ดวงดาวส่องสว่างเต็มท้องฟ้า แสงพราวระยิบระยับ สวยเหลือเกิน

“พี่ว่าพี่ปิ่นเค้าจะมีความสุขมาที่มาเที่ยวกับเราไหมฮะ?  ผมอยากให้พี่ปิ่นมีความสุข อยากให้เห็นดาวเต็มท้องฟ้าตอนนี้”

ไอ้ตัวเล็กพร่ำรำพัน  น้ำเสียงปนเศร้า ฟังแล้วก็ใจหายตามอย่างบอกไม่ถูก เพราะรู้ดีว่าเวลา....ของอีกฝ่ายมีค่าแค่ไหน

ผมลูบหัวน้องเบาๆ  ก่อนจะรั้งหัวอีกฝ่ายให้มาซบอกตัวเอง   โยกตัวไปมาราวกับกำลังกล่อม ปลอบใจเด็กน้อย


“มีสิ  มีแน่นอน ปิ่นต้องมีความสุขมากๆ เลยหล่ะ  ปัตไม่เห็นเหรอครับคนดี รู้ไหมเราทำให้ปิ่นยิ้มได้มากกว่าพี่ซะอีก 

พี่เองยังรู้สึกได้เลยว่าปิ่นมีความสุขมากๆ ยิ่งได้พูดคุย มีเราคอยดูแล ปิ่นก็ดูจะมีความสุขสุดๆ เลย

เหลือแต่พี่นี่แหล่ะที่โดนลืมบ้าง โดนทิ้งบ้าง ชักอยากจะงอนบ้างแล้วนะเนี่ย”  ผมว่าแซว ๆ 


“โหยพี่อ่ะ  กำลังจะซึ้ง  ฮ่าๆ ๆ”  ปัตชกเบาๆ ที่ท้องผม ดีที่ผมเกร็งท้องไว้ทันไม่งั้นอาจจะเจ็บเอาได้ง่ายๆ ไอ้ตัวเล็ก

ที่แรงหมัดไม่เคยเล็กตามไปด้วย  ทำผมจุกอยู่บ่อยๆ แล้วทุกอย่างก็หยุดลงแค่นั้น เราสองคนนั่งเงียบๆ มองดูดาว

ที่เกลื่อนเต็มท้องฟ้า ลมเย็นโชยพัดมา  มองไปทางห้องปิ่น ผมเห็นบานหน้าต่างเปิดอยู่ 

ตอนนี้...ปิ่นก็คงกำลังนอนดูดาวบนเตียงนอน  ดาวที่สวยสว่าง ...  ผมก็หวังแค่ว่าน้องจะอยากแข็งแรง มีกำลังใจมากขึ้น

เพื่อจะมีชีวิตอยู่ต่อ... ให้นานกว่านี้อีกสักนิดก็ยังดี
.

.

.

ผมขับรถมาที่วัดแห่งหนึ่งเป็นวัดที่เงียบสงบ  ร่มรื่น เรียบง่าย ไม่ได้มีวัตถุอะไรหรูหรา  กุฏิตั้งห่างกันเป็นแนวออกไปในป่า

แต่ละหลังห่างกันประมาณ 10-20 เมตร  ใจกลางมีโบสถ์ที่ทำจากไม้ทั้งหลังตั้งอยู่  จากนั้นเป็นลานกว้าง  ห่างออกไป


ประมาณ 500-600 เมตรมีเมรุที่ทำขึ้นจากปูนก่อสูง ด้านหน้ามีบันได้ขึ้นได้สามทาง ด้านหน้าหนึ่ง และปีกด้านข้าง

ซ้ายขวา   เราทั้งสี่ตรงดิ่งเข้าไปยังโบสถ์ไม้เก่าแก่ ถึงบันไดทางขึ้นผมก็อุ้มปิ่นขึ้น เดินเข้าไปด้านในโบสถ์ วางน้องลงกับพื้น

ก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงตามไป ก้มกราบพระประทานด้านใน แล้วค่อยหันไปกราบพระสงฆ์ที่พึ่งรับกิจนิมนต์ของชาวบ้าน
ให้ไปช่วยทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ในวันพรุ่งนี้  ถังสังฆทานสี่ถังถูกวางเรียงราย  ตรงหน้าแต่ละคน ก่อนบทสวดถวายสังฆทาน

จะเริ่มต้นขึ้น จนจบ  เมื่อถวายเสร็จพระรูปที่รับสังฆทานพระท่านก็ให้ธรรมะ  เพื่อเป็นแนวหลักแห่งการเตือนสติ

“วันนี้อาตมาขอพูดธรรมะให้เป็นธรรมทานนะโยม  การทำบุญนั้น จะทำก็ดี ไม่ทำก็ดี ขึ้นอยุ่กับว่าอย่างไหนจะพอดี


ถ้ามีน้อยทำน้อยมันก็ดีไม่ลำบากยากแค้น  แต่มีน้อยทำมากไปเสียก็จะพาตัวอับจนให้ข้นแค้น ฉะนั้นการที่เราจะทำอะไร

ก็ขอให้ตั้งอยู่บนความพอดี  ทำอย่างนั้นแล้วถึงจะว่าดีได้นะโยม ชีวิตคนมันน่ะไม่มีอะไรแน่นอน  ...มีมีบทสรุปตายตัว

ฉะนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปกังวล ไม่จำเป็นต้องไปเครียด หรือกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพียงให้มีสติรู้...ไม่ประมาท

ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ มีความสุข  มีความระมัดระวัง ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ให้ประมาณตนตั้งอยู่ในความพอดี
คนเราทุกคน  เกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องธรรมดาไม่มีใครหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ได้ ทำบุญทำกรรมมาเท่าไหร่ชดใช้หมดแล้ว

ก็ย่อมต้องไปอยู่ในภพภูมิที่ดีที่ชอบ ถ้าเราอยากไปอยู่ในภพภูมิที่ดีก็ให้ทำดี ก็เหมือนการปลูกพืชนั่นแหล่ะ

เราหว่านพืชอะไรก็ให้ผลเช่นนั้น นะแหล่ะโยม ฉะนั้นอย่าลืมมีสติให้มากๆนะ เดี๋ยวหลวงพี่ต้องไปเตรียมตัวแล้ว ”

“สาธุ”  พวกผมยกมือขึ้นสาธุ  หลวงพี่จึงขอตัวไปเตรียมตัวสำหรับกิจนิมนต์ตอนเย็น    พวกเราออกมาเดินรอบๆ วัด

ให้อาหารปลาที่มีสระน้ำไม่ใหญ่นัก เหล่าฝูงปลาที่อุดมสมบูรณ์มากมายกระโจนเข้าหาอาหาร ตามประสาปลาหิว

บรรยากาศ ที่เย็นสบายและเงียงสงบ ทำให้จิตในเราเป็นสุขอย่างน่าประหลาด ทุกๆ อย่างดำเนินผ่านไป อย่างเชื่องช้า

อิ่มเอม  ราวกับถูกความสงบห่อหุ้ม ให้จิตใจที่เคยร้อนรุ่มวุ่นวาย  ได้สงบนิ่งดูบ้าง 

“ถ้าปิ่นตาย ปิ่นอยากมาอยู่ที่นี่ค่ะ”  น้ำเสียงแผ่วเบาของปิ่นเอ่ยขึ้น เป็นน้ำเสียงที่ราบเรียบไม่มีแม้แต่ความเศร้าเจือปน


หากแต่ดูนิ่งสงบ ราวกับต้องการบอกความต้องการสุดท้ายทิ้งไว้หากต้องจากลา  ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างเป็นสุข

แม้จะเข้าใจอย่างนั้น แต่ก็อดลอบถอนหายใจหนักออกมาจนได้  ส่วนไอ้ตัวเล็กดูนิ่งงันไม่ได้ตอบอะไรออกมา  มีเพียงแววตา

ที่หันไปตอบรับคำร้องขอจากปิ่น  เราทุกคนมองหน้ากันนิ่ง ๆ คิดอะไรเพลิน ๆ สุดท้ายก็เลือกจะกลับที่พักที่เชียงใหม่

.

.
.
ผมขับรถเลื่อยๆ ระหว่างทางทุกอย่างดูจะกลับมาเหมือนเดิม มีเสียงพูดคุย มีรอยยิ้ม และมีเสียงหัวเราะ  เราจอดแวะพัก

รายทางเป็นระยะ  อาหารหลากหลายที่อยากทานตั้งแต่ขามาแต่ยังทานไม่หมดถูกกวาดเลียบขึ้นมาบนรถ สำหรับเตรียม

เป็นมื้อเย็นของวัน  .....  วันที่.....ผมและไม่มีวันลืม.....   และมันคงลืมไม่ลง

.

.


“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอปิ่น  งั้นทานข้าวกันเลยนะครับ”  ผมหันไปถาม พร้อมชวนกลายๆ เพราะนี่ก็เกือบสองทุ่มแล้ว

“ค่ะ”   พี่พยาบาลเข็นรถปิ่นมาที่โต๊ะ  ไอ้ตัวเล็กก็หันไปทำหน้าที่ตักข้าวใส่จานทันที ยื่นส่งให้คนนั้นที คนนี้ทีอลหม่าน

กับข้าวถูกวางเรียงรายเต็มโต๊ะไม่ทราบว่าเพราะความอยาก ... หรือความตะกละกันแน่ ถึงได้เยอะจนเกือบล้นโต๊ะ   

“โห~  พึ่งสังเกตุวันนี้พี่ปิ่นสวยจังเลยครับ”  ไอ้ตัวเล็กออกปากชมปร๋อ  แล้วนั่งลงข้างๆ ผม สายตายังไม่ละจากคนตรงหน้า

ผมที่ไม่ทันได้สังเกตุ เลยเงยหน้าขึ้นไปมองด้วย  ปิ่นยังคงคอนเซ็ปกระโปรงสีขาวยาวถึงหัวเข่า เสื้อแขนกุดสีชมพู

พร้อมผ้าคลุมไหล่สีชมพูหวาน  ใบหน้าหวานของอีกฝ่ายแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนดูกลับมาสวยสดใสดังเดิม 

“สวยจริงๆ ด้วย”  ผมว่าแล้วยิ้มให้ปิ่นไป   เห็นปิ่นยิ้มเขินมองหน้าผมที มองหน้าปัตที  ก่อนจะเอียงหน้าหลบน้อยๆ

“ชมกันแบบนี้ ปิ่นก็เขินแย่สิคะ ทานกันเถอะค่ะปิ่นหิวแล้ว”  ไอ้ตัวเล็กยกมือขึ้นโชว์หรา  พยักหน้าหงึกๆ ๆ


“ใช่ๆ ปัตเห็นด้วยฮะ หิวจะแย่แล้ว”  อดยิ้มไม่ได้จริงๆ ปัตก็คือปัต ไม่ว่านานเท่าไหร่ก็ยังเป็นปัตคนเดิม  ผมยกกำปั้น

ทุบเบาๆ บนหัวไอ้ป่วน 

“ไม่มีมารยาทเล๊ย...ไอ้เปี๊ยก”  ผมว่า   ปัตหันมาค้อนควับทันที  ทำปากจู๋ยื่นมาให้แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน

เล่นเอาผมหัวเราะกร๊าก  จนแทบไม่เป็นอันทานอาหาร  ได้ยินแต่เสียงหัวเราะดังรอบโต๊ะ  .... ก็ดีใจที่ปิ่นก็มีความสุขเช่นกัน

“โหย~ ใจร้ายอ่ะพี่พาร์ท  ก็ปัตหิวนี่ครับ”
“หิวก็ต้องอดทนครับ พูดแบบนี้พี่ก็อายคนอื่นแย่สิ เดี๋ยวเค้าจะหาว่าพี่เลี้ยงเราไม่ดีปล่อยให้อดๆ อยากๆ ถึงได้หิวโซขนาดนี้”

“ชิส์  ... ไม่เกี่ยวซะหน่อยกินดีกว่า”  ไอ้ตัวเล็กส่ายหน้าดุ๊กดิ๊กแล้วทานอาหารไม่สนใจผมอีก  เราทุกคนหันมาจัดการ

อาหารตรงหน้า  เสียงสนทนา  เสียงหัวเราะ  พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน มีทั้งแซว มีทั้งเผา เล่าเรื่องขำ ๆ หรือแม้แต่เรื่องหน้าแตก

ก็ยังขุดกันมายกใหญ่  ยิ่งทำให้มื้ออาหารมื้อนี้ อร่อย....เสียยิ่งกว่ามื้อไหน  ผมลืมอะไรไปรึเปล่า?  กำลังจะเล่าเรื่องตลก

ตอนเจอปัตครั้งแรกที่สนามบิน  พอเงยหน้าไปเห็นปิ่นกำลังเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ แล้วกลืนลงคอ  ผมก็ชะงักงันมุ่นคิ้วอย่างแปลกใจ

จำได้ว่าปิ่นทานอาหารไปก็ต้องอาเจียรออกมาไม่ใช่หรือไง  เมื่อพี่พยาบาลเองก็ไม่เห็นว่าอะไร บวกกับบรรยากาศที่กำลัง

เป็นสุขสนุกสนานความคิดที่จะทักท้วงเลยหยุดไปแค่นั้น หันไปมองไอ้ตัวเล็กที่กำลังเล่าเรื่องที่เจอกับผมครั้งแรกที่สนามบิน

แทนตัวเองซะแล้ว  ... เลยอดยิ้มขำไม่ได้  อะไรจะใจตรงกันขนาดนั้น   เผลอเพลิดเพลินกับอาหารมื้อเย็นจนเวลาล่วงเลย

มาถึงสี่ทุ่ม เราทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอน  พี่พยาบาลเข็นรถปิ่นกลับไปที่ห้องนอน  ขณะที่ผมกับปัตเริ่มเก็บกวาด

ทำความสะอาด  เสร็จสิ้นก็ขึ้นห้องอาบน้ำนอน...   แปลกที่วันนี้ผมรู้สึกแปลกนอนไม่หลับทั้งที่เหนื่อยมาทั้งวัน  ไอ้ตัวเล็ก

ที่อยู่ในอ้อมกอดก็ดิ้นขลุกขลักเหมือนคนนอนกระสับส่ายอย่างที่ไม่เคยเป็น พลิกตัวไปมาอยู่อย่างนั้น  ผมดึงน้องมากอด

กดจูบเบาๆ ที่หัวทุย  แล้วลูบเบาๆ  ที่หลัง   กลายเคลื่อยไหวของไอ้ตัวป่วนน้อยลง จนค่อยๆ หลับสนิท... 

ทุกอย่างดูเหนื่อยล้า  และผมก็เหนื่อยอ่อนจนเกินจะต้านทานความง่วงไหว   เปลือกตาค่อย ๆ หนักอึ้งจนปิดสนิท

.

.
.

“ก็อกๆ  ก็อกๆๆ  ก็อกๆๆๆ”  ผมได้ยินเสียงแว่วๆ เหมือนมีใครเคาะประตูห้อง แต่ด้วยความง่วงบวกกับได้ยินไม่ชัดนัก

ผมก็เดาเอาว่าคงหูแว่ว

“คุณพาร์ท ...คุณพาร์ทคะ  คุณปัต ได้ยินพี่มั้ย ช่วยด้วยค่ะ  ช่วยด้วย ”   น้ำเสียงที่ระร่ำระลักตะโกนเข้ามาทำเอาผมกับ

ปัตสะดุ้งตื่นลุกขึ้นนั่งโดยอัตโนมัติ ก่อนจะวิ่งหน้าตื่นไปเปิดประตูห้อง   ปากก็ร้องถามกลับไป

“มีใครเป็นอะไรเหรอครับ?”  ผมถาม ด้วยความที่พึ่งตื่นเลยทำให้สมองเบลอกว่าปกติ  ตอนนี้ปัตก็มายื่นอยู่ข้างๆ ผมแล้ว

“น้องปิ่นค่ะ น้องปิ่น  ฮือๆๆ  แกอาเจียรหนักเลยค่ะ  พี่เผลอหลับไปแป๊บเดียว ตื่นมาก็เห็นน้องปิ่นโก่งคออาเจียรอยู่ ตอนนี้

นอนหมดแรงอยู่ที่ห้องค่ะ  ฮือๆ  ตัวแกสั่นมากเลย  พี่ให้น้ำเกลือแล้วก็ไม่ดีขึ้นเลยค่ะ  ฮือๆ แถมหน้าแกซีดมาก ช่วยหน่อยค่ะ

พาแกไปส่ง รพ.หน่อย”  พยาบาลเล่าขณะที่เราทั้งสามกำลังวิ่งไปที่ห้องนอนด้านล่าง  เปิดประตูเข้าไปเห็นปิ่นนอนหมดแรง

หลับตาอยู่บนเตียงทำเอาผมใจหาย  ขาทรุดลงกับพื้นทันที  ไอ้ตัวเล็กปรี่เข้าไปหาปิ่น เริ่มเขย่าตัวอีกฝ่ายแรงๆ ร้องเรียกเสียงดัง

“พี่ปิ่น  พี่ปิ่น  พี่ปิ่นฮะ...ตื่นฮะ  พี่ปิ่น”   ราวกับปาฏิหาริย์ ใบหน้าอิดโรยค่อยเปิดเปลือกตา ขึ้นมองปัต

“ปัต”  รอยยิ้มของปิ่นยกขึ้นน้อย ๆ อย่างยากลำบาก

“ฮะ  พี่อย่าหลับนะฮะ เดี๋ยวผมกับพี่พาร์ทจะพาไปหาหมอ”  ปัตว่าเสียงสั่น  ผมก็รีบตรงเข้าไปหาปิ่น  ปิ่นส่ายหน้าน้อยๆ
“พอแล้ว..ไม่ไหวแล้ว  พี่เหนื่อยปล่อยพี่เถอนะปัต ให้พี่ได้มีโอกาสเลือกทางเดินของตัวเอง”  ปิ่นว่าน้ำเสียงหอบเหนื่อย

“ฮึกๆ ม...ไม่เอา”   ปัตร้องไห้เสียงสั่น ส่ายหน้าไปมา  แม้แต่ผมก็อดน้ำตารื่นขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่  เราจับมือปิ่นไว้แน่น

“พี่พาร์ท  ปัต ข..ขอบคุณ สำหรับทุกอย่าง  แฮกๆ..... รักกันนานๆนะคะ”

“พี่รู้? ฮึก..   ปัตขอโทษ  ปัตเสียใจ”    ปัตร้องคราง  ซุกหน้าที่อาบด้วยน้ำตาลงกับมือของปิ่น  ปิ่นดึงมือออกอย่างเชื่องช้า

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
ลูบหัวไอ้ตัวเล็กเบา ๆ  พร้อมทั้งส่ายหน้า  รอยยิ้มที่มุมปาก แม้จะขัดกับน้ำตาที่ไหลเอื่อยอยู่ตรงหางตา แต่ก็รับรู้ได้ว่าคำพูด

ของคนใกล้จะจากไปมันจริงใจแค่ไหน  ไม่จำเป็นต้องหลอก  ไม่จำเป็นต้องโกหก

 “รู้สิ ทุกเรื่องที่เราทำเพื่อพี่..  แฮกๆ .. รู้ที่เรากับพี่พาร์ทคบกัน  แฮกๆ...  ปัตเป็นคนดีจริงๆ  ขอบคุณที่คนยืนข้างพี่พาร์ท

เป็นปัต  พี่ไม่เสียใจเลยที่เป็นแบบนี้....แฮกๆ  ........   ข...ขอบใจนะ...  ข...แฮกๆ  ...ขอบ...คุ..   แฮกๆ   อื๊ออออ~ ” 

ร่างของปิ่นเกร็งกระตุก ก่อนที่จะทิ้งตัวลงกับพื้นเตียง ......นิ่งสนิท  ราวกับไม่มีลมหายใจ  ผมช้อนร่างของน้องขึ้น

อุ้มแล้ววิ่งตรงไปยังรถที่จอด อยู่ด้านนอก ปัตคว้ากุญแจที่แขวนอยู่ในตู้บริเวณประตู ส่วนพยาบาลก็วิ่งมาเปิดประตูให้

ทุกอย่างดูฉุกละหุก แต่เราทุกคนก็คาดหวังว่าจะเกิด...ปาฏิหาริย์ .....

.

.

เราทั้งสามนั่งนิ่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน   แพทย์พยายามช่วยชีวิตปิ่น ...ผมกดโทรศัพย์หาพ่อ  ตอนตีห้าอยากให้พ่อแล้วฝากพ่อ


ไปบอกน้าสาว  แต่ไม่อยากให้ตกใจมาก  คิดว่าพ่อคงมีวิธีที่ดี   จากนั้นก็ทรุดตัวลงที่เก้าอี้ว่างข้างๆ ปัต ไอ้ตัวเล็กเอาแต่
ร้องไห้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ หากแต่ไร้เสียงสะอื้น  ผมดึงน้องมาซุกกับอกกอดปลอบใจอยู่อย่างนั้น

.

.

“แกร๊ก.... ไม่ทราบใครเป็นญาติของผู้ป่วยครับ?”  ประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก เราทั้งสามยืนขึ้นอย่างอัตโนมัติ  ผมก้าวไป

ข้างหน้าแล้วหันไปมองตอบแพทย์ผู้รักษา

“ผมครับเป็นคนรู้จักครับ  กำลังติดต่อญาติ...น้องปิ่นอาการเป็นยังไงบ้างครับ?”  ผมถามอย่างร้อนลน

“ทางเราขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ผู้ป่วยน่าจะหยุดหายใจก่อนมาถึงมือแพทย์แล้ว ทางเราได้ทำการปั๊มเพื่อให้หัวใจ

กลับมาทำงานอีกครั้ง แต่ร่างกายของผู้ป่วยไม่ตอบสนอง ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตน่าจะมาจากอาการของมะเร็งระยะสุดท้าย

มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร บวกกับผู้ป่วยมีการอาเจียรอย่างหนักร่างกายขาดน้ำจนช็อค ทางเราขอแสดงความเสียใจ

ด้วยจริงๆ ครับ  หมอต้องขอตัวก่อนนะครับ”  พูดจบก็เดินจากไป  ผมยืนงงกับเหตุการณ์ทุกอย่างมันพูดไม่ถูก  ไม่มีน้ำตา

หรือเสียงร้องไห้จากผม ทำได้เพียงนิ่งงัน  พอหันไปมองไอ้ตัวเล็กที่ยืนโงนเงนก็เลยคว้าน้องมากอดแน่น  พยาบาลที่มาด้วยกัน

ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะพี่เค้าเป็นคนดูแลน้องปิ่นมาตั้งแต่แรก ความผูกพันธ์ก็มีมากมาย  เธอนั่งลงกับเก้าอี้ ดวงตาแดงก่ำ

ส่วนอีกคนก็กำลังตัวสั่นเทาอยู่กับอกผม น้ำตาเปียกชื้นชุ่มจนเปียกอก  ผมกอดน้องอยู่อย่างนั้น สมองก็พลันคิดได้ว่าต้อง

โทรไปบอกที่บ้าน หยิบมือถือ กดโทรหาพ่อเช่นเดิม บอกให้พาน้าสาวมาที่เชียงใหม่ น้องเสียแล้ว  ทุกอย่างดูมึนงง

.

.

ผมกับพ่อ  แล้วก็ปัตจัดการเดินเรื่องนำศพของปิ่นไปที่วัดที่แม่ฮ่องสอน วัดสุดท้ายที่เราไปไหว้พร้ะด้วยกัน  หลังจากที่มีสติ

ไม่ได้เชิญแขกเหรื่อมากนัก  หากแต่บรรดาแขกเหรื่อกับมากันมากมายเพราะพ่อปิ่นเป็นคนกว้างขวางส่วนมากก็โทรบอก

หรือบอกกันต่อๆ ทำการ์ดเชิญได้แค่บางส่วน  กับขึ้นสเตตัสใน FB ของปิ่น เชิญแขกที่เป็นเพื่อนกับคนรู้จักผ่านสื่อ 

ตั้งศพเจ็ดวันแล้วเผา  ........... มองเห็นควันลอยสูงไปในอากาศ  ผมได้แต่ยืนมองความไม่แน่นอนของชีวิต   กุมมือปัต

ที่ยืนอยู่ข้างๆ แน่น  ได้แค่ปลอบใจ ในแววตาที่ดูเศร้าโศกไม่ต่างจากพ่อ และน้าสาว   

.

.

.

หลังกลับจากงานมาถึงบ้านพ่อ แค่อาบน้ำทิ้งตัวลงนอนผมก็หลับทันที  ความเหนื่อยล้าที่อดนอนพร้อมการใช้งานร่างกาย


อย่างหนักหน่วงก็พอจะทำให้ความง่วงเอาชนะทุกสิ่ง 
.

.


หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้สึกตัวอีกที ....ก็ตอนที่คลำไปข้างๆ ตัวแล้วไอ้ตัวเล็กไม่อยู่ ผมปรับสายตาในความมืดอยู่ครู่เดียว

มองไปที่ห้องน้ำที่มืดสนิทเช่นกัน  ปัตไม่อยู่  ผมชันตัวลุกขึ้นนั่ง  มองไปรอบ ๆ ห้อง ไม่เห็นวี่แววของอีกฝ่าย ก็ลุกขึ้นทันที

เดินตามหาไปทั่วบ้าน  เผื่อปัตจะหิว....เพราะวันนี้ทั้งวันเห็นดื่มแต่น้ำไปแค่ไม่กี่แก้ว ผมเดินเข้าห้องครัวแต่ก็ไม่พบ
รู้สึกใจมันหวิวอย่างบอกไม่ถูก  ...  เหมือนของที่รักหายไป  ... ใจหาย ...  หัวใจสั่นระริก หวาดกลัวความสูญเสียซะเหลือเกิน

แม้อีกใจหนึ่ง....ก็ประท้วงอยู่ในใจ  และค่อนข้างแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไร  แต่พอไม่มองไม่เห็นใจมันก็เสียไปกว่าครึ่ง

จะหนี...ผมไปอีกไหม  ความรู้สึกผิดของปัตที่มีต่อปิ่นมันจะทำให้น้อง....ทิ้งผมไปอีกมั้ย?  มือสั่นอีกแล้ว เดินออกมารอบบ้าน

.

.

สุดท้าย..... ก็เห็นเงารางๆ ของใครบางคนที่ผมตามหา กำลังนั่งชิงช้าชาลี แกว่งไกวช้าๆ  สายตากลับจ้องมองไปบนท้องฟ้า

ลมเย็นๆ พัดแผ่วเบา  รอบๆ บริเวณเงียบสงบ จนได้ยินเสียงจั๊กจั่นร้องเสียงดัง  ผมเดินเข้าไปหาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา


“ปัต”  ไอ้ตัวเล็กหันมามองตามเสียง
“พี่พาร์ท”   ผมเดินเข้าไปถึงก็จบชิงช้าให้หยุดแกว่งแล้วดึงอีกฝ่ายขึ้นมากอดแน่น  มือที่สั่นค่อยนิ่งลง หัวใจค่อยกลับมาทำงาน

เป็นปกติ   ความกลัวลดหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ   

“เป็นอะไรครับ ตัวสั่นเชียว”  ไอ้ตัวเล็กเอ่ยถามพร้อมกอดตอบผมเบาๆ

“ทำไมมาอยู่ตรงนี้ครับ?”  ผมไม่ตอบแต่เลือกที่จะถามอีกฝ่าย

“นอนไม่หลับครับ เลยนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ชีวิตคนเรานี่ไม่แน่นอนเลยนะครับ”

“อืม...พี่ก็ว่างั้น”

“ว่าแต่พี่พาร์ท....ยังไม่ตอบปัตเลยนะฮะ”

“พี่กลัว”

“กลัว?  กลัวอะไรฮะ?”

“กลัวว่าเราจะทิ้งพี่ไปอีก กลัวว่าเราจะหนีไป กลัวจะไม่ได้เจอกัน กลัวว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก”  ผมระร่ำระลักบอกเป็นเด็กๆ

ซุกหน้ากับซอกคอหอมๆ ของอีกฝ่ายนิ่ง

“ครับ?  ปัตไม่หนีแล้ว  ไม่ทิ้ง ไม่ไปไหน ถึงไล่ก็ไม่ไปหรอก ไม่ต้องกลัวแล้วนะครับ  บอกแล้วไงครับว่าจะอยู่เกาะพี่พาร์ทจนแก่
ตายไปข้างหนึ่งเลย พอจะเลี้ยงปัตไหวมั้ยฮะ?”  ไอ้ตัวเล็กพูดขำๆ ผมกดจูบที่แก้มน้องเบาๆ

“พูดแล้วอย่าคืนคำนะ  ....ต้องอยู่กับพี่ทั้งชีวิตเลย”  ผมเงยหน้ามาสบตาไอ้ตัวเล็กนิ่งๆ

“ครับ...จะอยู่ด้วยทั้งชีวิตเลย”  ไอ้ตัวเล็กตอบเสร็จก็ก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย

ผมเชยคางอีกฝ่ายขึ้นมา  บดจูบริมฝีปากอิ่มอยู่เนิ่นนาน สองมือรั้งสะโพกมนให้ขยับมาแนบชิดลำตัวผมให้มากขึ้น

ปัตโอบกอดรอบคอผม  ผมละริมฝีปากออกไล้ลิ้นเลียรอบริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนจะกดจูบย้ำๆ ที่ริมฝีปากหวาน


ที่สัมผัสเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ   ผมทิ้งตัวนั่งลงบนชิงช้าตัวเดิมที่ปัตลุกออกมา พร้อมรั้งอีกฝ่ายให้นั่งลงพร้อมกัน

ริมฝีปากที่บดจูบกันไม่หยุดหย่อน  สะโพกหวานนั่งบนตักผมหันหน้าเข้าหากัน  สองมือผมจับที่เชือกเส้นหนาที่ใช้

ยึดจับที่นั่งกับต้นเสาสูง ไว้แน่น  ส่วนแขนไอ้ตัวเล็กก็โอบรอบลำคอผมไว้แน่นเช่นกัน  ผมไกวชิงช้าเบา ๆ  เพื่อให้อีกฝ่าย

กอดผมแน่นขึ้น และให้ด้านล่างของเราสัมผัสกันมากขึ้น  ริมฝีปากที่ดูดดื่มกันจนมัวเมา ลิ้นชื้นแฉะเกี่ยวกวัดกันเป็นพันลวัน

ยิ่งจูบนานอารณย์ก็ยิ่งพุ่งทะยาน  ผมไล้มือสัมผัสยอดอกหวานของอีกฝ่าย  ไอ้ตัวเล็กเผลอแอ่นอกรับสัมผัสจากผม

“อื๊ออออ~   พ...พี่พาร์ท”   ไอ้ตัวเล็กดังมือผมออก  หันมากอดผมแน่นๆ ซบหน้าลงกับอกแล้วนั่งหอบหายใจแทน

“วันนี้ปัตขอนะฮะ” 
“ครับพี่ไม่ทำอะไรแล้ว”  เรากอดกันอยู่อย่างนั้น ไกวชิงช้าให้แกว่งเบา ๆ มองดูดาว พูดคุยกันเรื่องไร้สาระ

.

.

“ปัต”

“ฮะ?”

“อยู่กับพี่มีความสุขมั้ย?”  ไอ้ตัวเล็กดันตัวออกจากอกผมแล้วหันมามองหน้าด้วยความสงสัย

“มากที่สุดเลยครับ”

“เหรอ?”


“ฮะ”

“จะอยู่กับพี่ตลอดชีวิต จริงๆ เหรอ?”

“ฮะ”

“ไม่ทิ้งพี่ไปไหนแน่ๆ นะ”

“ฮะ”

“ถ้าพี่ป่วย ท้อแท้ เราจะดูแลมั้ย?”

“ยุ่งไม่ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยฮะ”

“ถ้าพี่ประสบความสำเร็จ ถ้าพี่มีความสุข เราจะอยู่ข้างๆ พี่รึเปล่า?”

“ปัตจะเตรียมงานเลี้ยงฉลองไว้ให้เลยฮะ”

“ปัตจะยอมรับพี่ว่าเป็นคนรักของปัต ต่อหน้าสาธารณะชนด้วยรึเปล่า?”

“แน่นอนครับ รับฮะ ”

“อืม.....ดีแล้ว”   ผมยิ้มกว้าง 

.

.

.

.

“ถ้าอย่างนั้น...”

.
.
.
.
.
.
“แต่งงานกันนะ?”

.

.

.
.
.
“....................”
.
..
.
.
.
“ปัต.....ว่าไงครับ?”
.
.
.
..
.
“พี่พาร์ท.......ฟังดีๆนะครับ”



“..............”  เงียบบ



















“ครับ”   

“หืม...อะไรนะ?”

“ตกลงครับ”

“ห๊า.....อะไรนะครับ?”

“ก็บอกว่าตกลงไงครับ”


“อ๊ะ...อะไ”


“พอเลย ไม่ต๊งไม่แต่งมันแล้ว”  ไอ้ตัวเล็กฉุนขาดทำท่าจะลุกจากตักผม  ผมเลยรีบคว้าตัวน้องไว้แล้วกอดแน่นๆ

หอมแก้มซ้ายที ขวาที อย่างเอาอกเอาใจ สุดท้ายก็แตะจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากบางของอีกฝ่าย


“โอ๋ๆๆ  ได้ยินแล้วครับ อย่างอนดิ พี่แค่อยากฟังให้มั่นใจอ่ะ   ฟังทีไรชื่นใจทุกที”

“ก็...พี่พาร์ทอ่ะ”   ไอ้ตัวเล็กทำหน้างอ  ผมเลยพรมจูบไปทั่วใบหน้า

“ตกลงแต่งงานกับพี่แล้วนะครับ”   

“ค...ครับ”   ไอ้ตัวเล็กก้มหน้าน้อยๆ หลบสายตาของผม   ผมซบหน้าลงกับซอกคอหอมของอีกฝ่าย  กอดน้องไว้แน่น

เสียงหัวใจที่เต้นแรงพอกัน ทำให้รู้ว่าต่างฝ่ายต่างตื่นเต้น  .....   

“พี่ไม่อยากรออีกแล้ว ไม่อยากหลบๆ ซ่อนๆ ไม่อยากปิดบังใคร  พี่ไม่อยากเสียเวลา ไม่อยากเสียใจที่ไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำ

พี่อยากใช้ชีวิตอยู่กับปัต อยากให้ครอบครัวเราทั้งสองฝ่ายรับรู้  ไม่ใช่แค่แม่ปัตนะ  แต่พี่หมายถึงทุกคน  พี่อยากให้คนที่

บริษัทรับรู้ว่าปัตอยู่ในฐานะอะไร  อยากทานข้าว  อยากเที่ยว อยากใช้ชีวิตกับปัตในฐานะ “คนรัก” ได้อย่างเปิดเผย

พี่ไม่กลัวอะไรแล้ว  ขอแค่เราได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป และให้ทุกคนรับรู้ว่าเรารักกัน ก็พอ”

ผมกดจูบเบา ที่หัวทุยของอีกฝ่าย  น้องดันตัวออกหันมามองหน้าผมนิ่ง  ..... แววตากังวลอย่างเห็นได้ชัด 

“พี่พาร์ท.... ไม่บอกพ่อกับน้องผมไม่ได้เหรอฮะ  ปัต.....ไม่อยากให้น้องผิดหวัง ที่ผมเป็นแบบนี้”   


“เชื่อพี่นะ ...ทุกคนต้องเข้าใจ ความรักของเรา ” ดวงตาเว้าวอนนี่ทำผมแทบใจอ่อน 

แต่ก็นะ....ผมเชื่อว่าทุกคนจะต้องเข้าใจ  “ความรัก”  มันเป็นเรื่องของหัวใจ  มันไม่สามารถกะเกณฑ์อะไรได้

ในเมื่อตัวเราเองก็ไม่สามารถห้ามตัวเองได้ที่จะเลือก “รัก”  หรือ “เกลียด” ใคร  ทุกๆ อย่างมันเป็นไปอย่าง

ไม่มีเหตุผล  รู้แค่ว่า   “รัก”    ....ก็แค่นั้น   อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข .....จนไม่อยากจะมองใครที่ไหน  ช่องว่างที่..เคยขาด

กลับถูกเติมเต็ม  เหมือนจิ๊กซอ....ในส่วนที่ขาดหาย  เป็นแค่ชิ้นเล็ก ๆ เพียงชิ้นเดียว  หากแต่.....กลับมีความสำคัญมหาศาล

มาเติมเต็ม.....ให้ภาพนั้นสมบูรณ์  เป็นส่วนที่ตามหา......มาแสนนาน   เมื่อได้พบเจอแล้ว....จะบอกให้ทิ้งไป


เพียงเพราะ......อีกฝ่ายเป็นผู้ชาย   แล้วความสุขมากมายที่มันมาเติมเต็มจนสุขล้นหล่ะ  ไม่คิดว่ามันคุ้มค่ากว่าหรือ?

ที่เราจะยืนต่อสู้เพื่อให้ได้ “รัก......ที่ขาดหาย”   เพื่อให้เป็น “รัก.....ที่สมบูรณ์”  ผมยอมแล้ว และพร้อมแล้ว...

ที่จะก้าวข้ามผ่าน  สายตาของผู้คน ผมไม่สนว่าใครจะคิดยังไง  คุณค่าของคนผมก็ยังเชื่อว่ามันอยู่ที่ “ผลของงาน”

“หัวใจ”  และ “ความสุข”  เป็นเบื้องหลังของความสำเร็จทั้งหลาย   ดังนั้นเพียงเพื่อจะปล่อยให้ผมได้ “รัก” กับคนที่ “ผมรัก”

เพียงเท่านั้น.....   เพียงแค่ปล่อยให้เป็นเรื่องของเรา ..... “ผมเชื่อว่าทุกอย่างมันจะต้องไปได้ด้วยดี”

อย่ามองด้วยสายตาดูแคลน  เพราะคนอย่างผม...ก็มีหัวใจ   มีความรู้สึก ... ถ้าคุณเพียงลองเปิดใจ  กับคำว่ารักที่มันไม่มี

เหตุผล  ก็ขอให้เข้าใจ ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำบอกไปนั้น...นั่นมันก็เพราะ   คำว่า “รัก”   เท่านั้นเอง






**************************************   อวสาน  ***************************

ออฟไลน์ Gemm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
อยากอ่านตอนพิเศษ พาร์ทกับครอบครัวน้องปัต อ่ะ :call:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
มีบทส่งท้ายอีกไหมเอ่ย
อยากรู้ว่าครอบครัวปัตจะว่ายังไงบ้าง

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
มีค่ะ  เป็นตอนพิเศษ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ขอบคุณครับสำหรับดีๆ น่ารักๆ

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ

ครอบครัวปัตจะต้องเข้าใจแน่ๆ พี่พาร์ท น้องปัตรักกันนานๆน้า ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
อยากอ่านตอนพิเศษ

ครอบครัวปัตอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
เศร้าแต่ก้อดีจัยอะที่ลงเอยด้วยดี

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
ขอไปแต่งก่อนนะคะ 
รับรอง  ______   แซ่บ   แน่นอน 

หุหุหุ

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
เป็นอันว่าสุดท้ายแล้ว ทั้งพี่พาร์ทและปัตก็ได้แต่งงานกันซะทีนะ  :กอด1:


ขอบคุณคนแต่งนะครับ  o13

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
ตอนพิเศษ  คุณพ่อครับ ลูกชายคุณพ่อผมขอได้ไหมครับ?


ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในบ้านของปัตบรรยากาศเคร่งเครียดบนโต๊ะทานข้าว รวมถึงความรู้สึกกดดันที่ได้รับอยู่ตอนนี้

ทำผมแทบหายใจไม่ออก หันไปมองไอ้ตัวเล็กที่เอาแต่ก้มหน้านิ่ง ริมฝีปากถูกเม้มแน่นซะจนผมเจ็บแทน

 มือทั้งสองข้างสอดประสานเข้าหากันจนจะรวมเป็นมือเดียวอยู่แล้ว    ผมแทรกมือเข้าไป

แล้วสอดประสานมือตัวเองไปแทนที่บีบแน่นๆ ให้กำลังใจอีกฝ่าย

ว่าไม่เป็นไร  เงยหน้าขึ้นมองผู้ใหญ่ ทั้งสองบ้าน  ประกอบไปด้วย พ่อผม พ่อปัต และแม่ปัต  พ่อของปัตดูนิ่งเงียบกว่าใคร

ส่วนพ่อผมดูสบายๆ ไม่ได้เคร่งเครียดอะไรทั้งนั้น  แต่ก็ยังนั่งสงบนิ่งเพื่อเป็นการให้เกียรติอีกฝ่าย 

ทุกคนทานอาหารไปเรื่อย ๆ เพื่อรอเวลา.....   ผมว่าการมาครั้งนี้ พ่อผมคงเกริ่นกับแม่ของปิ่นไว้บ้างแล้ว  และดูท่า

คุณพ่อของอีกฝ่าย ไม่ได้จะเห็นดีเห็นงามไปด้วยซักเท่าไหร่  สังเกตุจากสีหน้าดุๆ แทบจะรับประทานศรีษะกันได้นี่

มันต่างจากทุกครั้งที่ผมมา  ทุกทีเห็นยิ้มร่าต้อนรับขับสู้ แทบจะรับผมเป็นลูกอีกคน เพราะนอกจากจะคุยกันถูกคอแล้ว

ยังสนใจอะไรๆ ที่เหมือนกัน     (ที่จริงก็ไม่เชิงว่าจะสนใจอะไรเหมือนๆ กันสักเท่าไหร่หรอก  เพราะผมหาข้อมูลมาดี


ตะหาก  ฮ่าๆๆๆๆ  ชะอุ้ย!!  และบังเอิญว่าศึกษาไปศึกษามามันก็ดันชอบซะงั้น  เลยกลายเป็นชอบอะไร เหมือนๆ กัน)

ของบรรณาการที่ผมทุ่มทุนสร้างหามาถวาย คิดว่าจะช่วยส่งผลบุญให้คุณว่าที่พ่อตาเห็นความดีงาม หรือไม่ก็ใจอ่อน

ซักนิดก็ไม่มี   เล่นเอาเหงื่อแตก ...เหงือกแห้งหาคำพูดมาเกริ่นไม่ถูก  แต่ก็เอาว่ะ....บุกมาถึงถ้ำเสื้อ  แถมยังเอาลูกเสือเขา

(ซ้ำแล้วซ้ำเล่า )  เรียกว่าเสพติด ชนิด ชีวิตนี้ขาดไม่ได้แล้ว  แต่ให้ถือปืนมาตรงหน้า....ผมก็ไม่หวั่น  ถูกยิง...ก็แค่ตาย


ให้เลิกกับไอ้ตัวเล็ก.....มีชีวิตอยู่ไปก็คงไม่แตกต่าง   เหมือนตายทั้งที่ยังหายใจ  ฉะนั้น.....ต่อให้สู้ยิบตา  ก็สู้โว้ยยยยย!!

.

.

.

หลังจากเงียบมานานสองนาน   ไม่เห็นมีใครทำทีท่าว่าจะเอ่ยวัตถุประสงค์ในการมาของผมกับพ่อในครั้งนี้   แม้แต่พ่อผมเอง

ก็ดูท่าจะนิ่งเฉยไม่เอ่ยไม่กล่าว ไม่เกริ่นอะไรทั้งนั้น   ผมหันไปมองหน้าปัต  แล้วบีบมือปัตเบาๆ  เห็นทีต้องพูดเอง

“เอ่อคุณพ่อครับ  ที่ผมกับพ่อมาวันนี้ เพราะมีเรื่องสำคัญจะมาคุยกับคุณพ่อครับ”   ผมเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น พยายาม

แสดงให้เห็นความจริงใจที่สุดที่จะทำได้  คุณพ่อที่กำลังดื่มชาชะงักเล็กน้อยก่อนจะวางแก้วชาลง  แล้วหันมามองหน้าผม

ตรงๆ  สายตาดุ ๆ ที่มองมานั้นไม่ได้ลดแรงกดดันของบรรยากาศลงเลยสักนิดสักนิด    ไอ้ตัวเล็กก้มหน้างุดลงไปอีก


“ไม่ทราบว่า...ใครพ่อคุณเหรอครับคุณพาร์ท เท่าที่ผมจำได้ผมมีลูกชายแค่คนเดียว”  ผมยกคิ้วขึ้นสูงขึ้นเป็นคำถาม

หืมม...เมื่อก่อนยังเรียกผมลูกอยู่เลย  ตอนนี้พอผมเรียกพ่อเท่านั้นแหล่ะ  แหม...ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

....เย็นชนิดที่ว่าเรียกว่าเสียวไปถึงไขสันหลังกันเลยทีเดียว   ยกมือขึ้นปาดเหงื่อไหลพรั่กๆๆๆๆ   ออกมาตามไรผมซะโชกชุ่ม
กันเลยทีเดียว  เรียกว่าไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว  จำได้ว่าถ้าไปขอลูกสาวชาวบ้าน...ดูมันจะไม่ลำบากกันขนาดนี้

“อ่ะ  ...เอ่อ  ว่าจะมาขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกชายคุณพ่ออีกคนน่ะครับ”  ผมหันไปสบตาคุณพ่ออย่างจริงจัง

“หึ......   เห็นทีจะเลี้ยงไม่ไหวลูกผมก็มีตั้งหลายคน จะไปรับลูกชาวบ้านมาเลี้ยงเพิ่มก็ใช่ที่ ”  พ่อปัตกล่าวตัดเยื่อใย

เล่นซะต่อแทบไม่ติด   หันไปขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อ  ซึ่งก็เห็นแต่ท่านอมยิ้มเล็ก ๆ  โหย~ ....ใจร้ายจัง

ในเมื่อเป็นอย่างนี้  ก็ขอต่อปากต่อคำให้เต็มที่   เพื่อ...จะแย่งไอ้ตัวเล็กมาครอบครอง  ฮ่าๆๆๆๆ

“ไม่ต้องเลี้ยงให้เสียข้าวสุกหรอกครับคุณพ่อผมโตแล้ว  แค่ช่วยรับผมเป็นคนในครอบครัวอีกสักคนจะได้ไหมครับ?

แล้วผมจะดูแลลูกของคุณพ่อเป็นอย่างดีให้เอง”     ผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นเดิม  แต่ก็นอบน้อมอยู่ในที
ริมฝีปากผมยกยิ้มนิดๆ พ่อปัตหันมามองผม  ดวงตาหรี่เล็กลงอย่างเห็นได้ชัด  คิ้วขมวดชนกันมุ่น รังสีอำมหิตแผ่ขยาย 

จนผมต้องลอบถอนหายใจยาวๆ เพื่อบรรเทาแรงกดดันที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้  มือไอ้ตัวเล็กจิกแน่นขึ้นไปอีก


บอกให้รู้ถึงความกังวล ผสมหวานกลัวของอีกฝ่าย   

“ลูกคนไหนหล่ะคุณ   ผมมีลูกสาวอยู่สองคน  ยายแป้ง กับยายปุ้ม  คุณจะมาขอคนไหนหล่ะ?”  คุณพ่อกล่าวเสียงเย็น

ทำเอาผมกลืนน้ำลายลงคออีกอึกใหญ่   

“ไม่ใช่ทั้งน้องแป้งและน้องปุ้มนั่นแหล่ะครับ”  ผมกล่าวเสียงเรียบ

“หืมมม...แล้ว?”    พ่อปัตเลิกคิ้วเป็นคำถาม   หน้าเครียดยิ่งกว่าเดิมสิบเท่า 

“อ่ะ...เอ่อ...คือ....  คือว่า”  ไอ้ตัวเล็กระล่ำระลัก พูดออกมาไม่เป็นภาษา กระสับกระส่ายไปมาเหมือนคืนเป็นไข้

มือเย็นเฉียบ  หันมามองหน้าผม.....  เหมือนๆ จะถอดใจ  ใบหน้าหวานส่ายหน้าช้าๆ 
“ว่าไงหล่ะคู๊ณ?”  พ่อปัตเหมือนเริ่มรำคาญ   หันมาถามย้ำกับผม  ไอ้ตัวเล็กบีบมือผมแน่น ส่ายหน้าหวือ

“คือ...คือ...ไม่มีอะไรครับพ่อ  พี่พาร์ทก็แค่พูดเล่..”   ไอ้ตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงเร็วรัว ติดจะสั่น

“ผมรักปัตครับ”   แต่ผมพูดแทรกขึ้นมาก่อน   หันไปสบตาพ่อปัตตรงๆ มั่นคง  และเชื่อมั่นผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น

“ปัง!!”   พ่อปัตทุบโต๊ะเสียงดัง  ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว  พ่นลมหายใจเสียงดังราวกับสิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องขัดใจหนักหนา

หันหลังให้กับโต๊ะอาหาร  มือข้างหนึ่งยังจับเก้าอี้ไว้  ถูกกำแน่นเหมือนกำลังพยายามระงับโทสะ     ทั้งโต๊ะเงียบสนิท

“ผมรักปัตจริงๆ ครับ เรารักกันให้โอกาสเราสองคนด้วยนะครับคุณพ่อ  ถ้าไม่มีปัตผมคงอยู่ไม่ได้”  ผมพูดในสิ่งที่อยู่ในใจ
ทั้งเว้าวอนและขอร้อง  อยากให้พ่อปัตช่วยเห็นใจเราทั้งคู่   ถึงจะเข้าใจดีว่ามันเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก ...  แต่มันก็คือเรื่องจริง

“แน่ใจเหรอคุณพาร์ทที่คุณพูดว่าคุณรักปัต  มันก็แค่หลงรึเปล่า หรือคุณคิดจะหลอกอะไรลูกผมรึเปล่า?”  พ่อปัตหันกลับมา

สบตาผมแววตาแข็งกล้า จ้องมาที่ผม  ซึ่งแน่นอนไม่มีทางที่ผมจะหลบนัยตาคู่คมที่มองมา  ไอ้ตัวเล็กสั่นสะท้าน

น้ำตาไหลเอื่อยๆ ที่ใบหน้าหวาน  จนผมแทบอยากจะดึงน้องมากอดปลอบ...และเช็คน้ำแต่ให้เหือดแห้ง  แต่..ไม่ใช่ตอนนี้

“ยิ่งกว่าแน่ซะอีกครับ  ผมรักปัต..  ไม่เคยมีความคิดจะหลอกลวง และผมมั่นใจว่าผม “รัก” มันไม่ใช่แค่หลง แต่มันเป็น

ความรัก และผมอยากจะใช้ชีวิตกับคนๆนี้  อยากจะดูแลคนๆ นี้ ตลอดชีวิตของผม”  ผมหันไปสบตาน้อง  ไอ้ตัวเล็กเอง

ก็เงยหน้ามาสบตาผม  ริมฝีปากเม้มแน่น ตัวสะอื้นน้อยๆ  แล้วหันไปสบตาพ่อของตัวเอง

“ใช่ครับ  เรารักกัน ให้โอกาสผมกับพี่พาร์ทนะครับพ่อ  ปัตเสียใจจริงๆ ที่เป็นแบบนี้  แต่ปัต.... ปัตรักพี่พาร์ท  ฮึกๆ”

“รักเหรอ?  ใครๆ ก็พูดได้  ปัตยังเด็กไม่ทันเกมของพวกผู้ใหญ่หลอกลูก  ถ้าคุณรักปัตจริงก็ต้องพิสูจน์สิ”   พ่อปัตหันมามองผม

สายตาที่ดูเชือดเฉือนราวกับผมเป็นศัตรูแต่ชาติปางไหนนั่น ทำให้รู้ได้ทันทีว่าปัต  เป็นที่รักของครอบครัวขนาดไหน

ของสำคัญขนาดนั้น  พอผมจะมาแย่งไปจงอางก็เลยต้องออกอาการหวงไข่กันหน่อย  ...

“จะให้ผมพิสูจน์ยังไงหล่ะครับ  ว่ามาเลย”

“พิสูจน์ด้วยชีวิตเป็นไง คุณก็รู้ว่างานอดิเรกของผมคืออะไร ไม่เมื่อไม่มีปัต  คุณเองก็ไม่อยากจะมีชิวิตอยู่ไม่ใช่รึไง

งั้นมาลองเสี่ยงกันดูสักตั้ง แค่ถือกระป๋องน้ำอัดลมไว้ในมือเท่านั้นก็พอ....  หึหึ    ว่าแต่ว่าคุณ  “กล้า” พอไหมหล่ะ

คุณกนต์ธร  ภูมรินทร์   ถ้ากลัวจะถอนตัวตอนนี้ก็ยังทันนะครับ”  น้ำเสียงติดจะเย๊าะเย้ยถากถาง   แค่ถือกระป๋องน้ำอัดลม 

งั้นเหรอ.?.....หึหึ  ไอ้แค่ถือกระป๋องน้ำอัดลมที่ว่า  ก็เพื่อให้ว่าที่พ่อตาเล็กกระสุนปืนเล็งมาที่เป้า  “กล้า”  พอไหมงั้นเหรอ?

ผมหันไปมองไอ้ตัวเล็กที่ส่ายหน้าไปมาอย่างแตกตื่น  สายตาเว้าวอนร้องขอ  สองมือเกาะแขนผมแน่น
“อย่าฮะ”   ริมฝีปากบางกระซิบเสียงแผ่ว  น้ำตาไหลอาบแก้ม  ผมได้แต่ยิ้มให้...จะให้ถอยตอนนี้ไม่มีทาง  นี่ก็ถือเป็นโอกาส

ที่พ่อของปัตหยิบยื่นมาให้


“เชื่อพี่ ....พี่ไม่เป็นไรหรอก พี่สัญญา”  ผมลูบหัวไอ้ตัวเล็กเบา ๆ แต่น้องกลับส่ายหน้า ไปมาอยู่อย่างนั้น

“จะไปกันได้รึยัง?”   พ่อปัตหันมาถามผม  ผมพยักหน้าตอบ 

“เชิญคุณด้วยนะครับมาเป็นพยายาน เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่ยุติธรรม”   พ่อปัตหันไปพูดกับพ่อผม แล้วมองผมด้วยหางตา

นิดนึง   ก่อนจะล้วงมือไปหยิบปืนสั้นในกระเป๋าหลัง พร้อมกับหยิบกระป๋องน้ำอัดลมที่วางอยู่บนโต๊ะยื่นให้ผม

เดินนำไปสวนหลังบ้าน แน่นอน....ผมจำได้ดี สถานที่ๆ เรามาซ้อมยิงปืนกันบ่อยๆ  ทุกครั้งที่ผมมาที่นี่ก็ว่าได้

ไม่ต้องมีคำพูดใดผมเดินตรงไปยังหน้าเป้าที่ใช้ยินกันเสมอ  ตอนนี้ยังมีกระดาษรูปคนยืนหรามีรอยกระสุนจากการซ้อม

พรุนทั่วทั้งร่าง  ล้วนแล้วแต่เป็นจุดสำคัญทั้งสิ้น  ไม่ต้องถามว่ามีความเชี่ยวชาญขนาดไหน  ผมวางกระป๋องน้ำอัดลม
ไว้กลางศรีษะ  แล้วยืนนิ่งหันไปมองคนที่กำลังเล็งกระบอกปืนมาที่ผม อยู่ในท่าพร้อมจะยิง

“พร้อมแล้วบอก” พ่อปัตบอกนิ่งๆ  ริมฝีปากกระตุกยิ้มอย่างร้ายกาจ 

“ถ้ากลัวก็หลับตาซะคุณพาร์ท  ...  แป๊บเดียวแค่นั้นแหล่ะ  หึ”  กระปืนเล็งต่ำ  กว่าที่จะเป็นการยิงกระป๋องบนหัว

แต่...ปากกระบอกกลับเล็งมายังกลางอก  ผมหันไปมองน้องนี่อาจจะเป็นจุดจบของผมก็ได้  ที่บังอาจเข้าถ้ำเสือ

“ผมพร้อมแล้ว”  ผมพูดเสียงดังฟังชัด  หากแต่สายตาไม่ได้ละไปจากไอ้ตัวเล็กของผม  อย่างน้อย...ถ้าต้องตายวันนี้

ให้ผมได้จดจำภาพน้องไว้ก็ยังดี  ปัตจะรู้ใช่ไหม?.......   ว่าผม “รัก”   รักมากกว่าชีวิตตัวเองแล้วตอนนี้ 

“หนึ่ง.....สอง.....ส”   พ่อปัตนับช้าๆ  แกร๊ก.ๆ...    เสียงปืนที่กำลังขึ้นลำ  ผมยกยิ้ม.....อยากให้ปัตจำรอยยิ้มผมไว้

“สาม....ปัง!! // พี่พาร์ท!!”    กระสุนทะลุผ่านเข้ามากระแทกอก   จนผมเซน้อยๆ  กระป๋องน้ำอัดลมล่วงลงกระแทกพื้น 
เลือดสีแดงเข้มไหลจนเปียกชุ่มเสื้อ   ผมกุมมือไว้ที่หน้าอกแน่น....  เริ่มหายใจไม่ออก ไม่คิดว่าพ่อจะกล้ายิง

ทรุดตัวลงขาคุกเข่าลงกับพื้น กำลังจะล้ม  ไอ้ตัวเล็กก็วิ่งพรวดเข้ามาประครองกอดได้ทันจากด้านหลัง


“พี่พาร์ทททท  ฮือออออ~   ปัตรักพี่พาร์ทอย่าเป็นอะไรนะ  ไหนสัญญากับปัตแล้วว่าจะแต่งงานกันไงเล่า อย่าตายนะ
ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   อย่าตาย   ฮึกๆๆ  พี่พาร์ททททททท”    ไอ้ตัวเล็กร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ  ผมเองก็เหมือนจะขาดใจไปด้วย

ยกมืออีกข้าง ไล้บางๆ เช็คคราบน้ำตาจากแก้มสวยของอีกฝ่าย   ค่อยๆ ยิ้ม   รอยยิ้ม.....ครั้งสุดท้าย

“ขอ....โทษครับ...... พี่รักปัตนะ”  สติผมค่อยๆ ลางเลือน ......และดับวูบไปในที่สุด  ลาก่อน..............สุดที่รัก

.

.







ออฟไลน์ evanescence_69

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
คุณพ่อจะโหดไปไหน เด่วลูกชายก็เป็นหม้ายหรอก  :sad3:

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
แค่ฝันใช่ ไหม

^
^


นั่นสิ  พี่พาร์ทอะ จอมฝันเลย ตั้งแต่ต้นเรื่องละ

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ฝันไปจริงๆใช่ใหม พี่พาร์ท  :m15: :m15: :m15:  :sad4:  :sad4: :sad4:



ขอบคุณค่ะ :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15

ออฟไลน์ makone

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 o22ได้ไงเนี่ย มันเป็นแค่ความฝันใช่ไหม
มันไม่เป็นความจริงไม่่่่่่่่่่่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม่ :o12:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ถ้าไม่ใช่ฝัน พ่อปัตก็โหดจริงๆ

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
ตอนพิเศษ  คุณพ่อครับ ลูกชายคุณพ่อผมขอได้ไหมครับ? 100%

.

.

“พี่พาร์ทททททททททททท  ”  ผมโอบกอดพี่พาร์ทไว้แน่น  ตัวทั้งตัวพิงมาที่อกผม อยู่ในอ้อมกอดผม

ทั้งตัวสั่นระริก ในหัวสมองขาวโพลนนึกอะไรไม่ออก ได้แต่ร้องไห้แล้วกอดพี่พาร์ทไว้แน่นอยู่อย่างนั้น 

“ปัตรู้แล้วฮะว่าพี่รักปัตจริง ๆ  ตื่นขึ้นมาสักที ฮึกๆ ได้โปรด ปัตอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่”   ดวงตาที่พล่าเบลอมองไม่เห็นใครทั้งนั้น

พ่อใจร้ายทำพี่พาร์ทได้ลงคอ  ทั้งๆ ที่เป็นรักของผม  พ่อพี่ปัตเองก็นิ่งเฉย....  หรือจะเป็นเพราะตกใจอย่างสุดขีด

เลยขาดสตินิ่งงันอยู่อย่างนั้น มีเพียงสายตาที่เรียบเฉย...แต่แฝงด้วยอะไรสักอย่างมองมาที่ผม   หรืออาจจะเป็นเพราะโกรธ

เพราะเกลียดผมกันหล่ะ ?   ผมได้แต่ร้องไห้พยายามดันอีกฝ่ายที่ไร้สติให้ลุกขึ้นตัวทั้งตัวของพี่พาร์ทที่โถมมาที่ผมตอนนี้


ใหญ่โตเกินกว่าผมคนเดียวจะพยุงไหว...  แต่จะยังไงก็ช่างผมไม่มีทางเชื่อว่าพี่พาร์ทจะทิ้งผมไป ไม่มีทาง  ........


ผมตะเกียกตะกายอยู่เพียงครู่  พ่อผมก็เดินเข้ามานั่งใกล้ ๆ สีหน้าเฉยเมย   ออกจะหงุดหงิดเสียมาก  คำสั่งเฉียบฉาดดังขึ้นใกล้

“เลิกร้องได้แล้ว...  พ่อไม่อยากให้เราเสียใจ” ผมได้แต่นิ่งงันรู้สึกโกรธพ่อเหลือเกินที่ใจร้ายแบบนี้  พ่อไม่ใส่ใจสายตาผม

แต่กลับหันไปมองพี่พาร์ทด้วยสีหน้าเอือมๆ  จับที่ไหล่กว้างของอีกฝ่ายดันตัวให้หงายไปข้างหลังเล็กน้อย  เริ่มเขย่าเบาๆ


อีกฝ่ายที่หมดสติไปแล้ว หัวโยกคอนไปตามแรงเขย่า  เสียใจอย่างบอกไม่ถูก  ทำไม?  พ่อต้องเกลียดพี่ปัตด้วย

หลังจากเขย่าอยู่พักไม่เป็นผล  ผมยื่นมือจะดึงมือพ่อออก แต่สายตาที่มองมาอย่างมีอำนาจ พร้อมคำสั่งเฉียบขาด

ที่ฟังแล้วต้องสะดุ้ง   

“หยุดนะปัต”  ทำผมตัวน้ำตาไหลลงอีกทนไม่ไหวแล้ว..พ่อใจร้าย  กำลังจะผลักพ่อไปให้พ้นทางผมจะพาพี่พาร์ทไปหาหมอ

“ตื่นได้แล้ว....ไอ้ลูกเขย  อย่าสำออยนัก  แค่เพ้นท์บอลแค่นี้หมอบเป็นลูกหมาเลยเหรอว่ะ”   พ่อว่าตีปุ๊ๆ  ที่หน้าพี่พาร์ท


.

.

.

ผมหันขวับไปมองหน้าพ่อทันที   หืมมม? เมื่อกี้พ่อว่าอะไรนะ ได้ยินแว่วๆ แต่จับใจความไม่ได้  เพราะมัวแต่หูอื้อ

จากการร้องไห้อย่างหนักหน่วงจนแทบจะขาดใจ 

“หือ~   เมื่อกี้พ่อว่าอะไรนะฮะ?”  พ่อหันมามองผมด้วยหางตา สะบัดด้วยอาการงอนนิด ๆ  แล้วถอนหายใจยาวเหยียด

“พ่อบอกว่า  อย่าสำออยให้มากนัก  กะอีแค่โดนเพ้นท์บอลยิงแค่นี้ไม่ตายหรอก”  ผมได้แต่ทำหน้าเหวอ  ก้มลงไปมอง

สีแดงที่ฉาบอยู่บนเสื้อ  ไม่เหมือนเลือดแม้สักนิ๊ด~  ถ้าหากผมจะทันสังเกตุ  อารามตกใจให้อีกฝ่ายทรุดและเห็นสีแดงกลายๆ

ก็คิดว่าพ่อใช้กระสุนจริงซะงั้น  ทำเอาหมดอารมณ์  อย่าบอกนะว่า.....ไอ้ตัวที่แกล้งนอนนิ่งเนี่ยรู้เห็นเป็นใจในการหลอกผมด้วย

โหยยยย~  ร้ายนักนะพี่พาร์ท  ดี!!  หลอกกันอย่างนี้เห็นทีจะแต่งงานด้วยไม่ได้แล้ว ฮึม!!~   

.

.


.
“พอเถอะครับคุณป้อง  เจ้าพาร์ทคงไม่ตื่นแล้วหล่ะครับ ”  พ่อพี่พาร์ทเดินมานั่งลงข้างๆ พ่อผม

“อ้าว  ทำไมหล่ะครับ? คุณพล ผมว่าไอ้เพ้นท์บอลนี่มันก็ไม่น่าจะแรงขนาดทำให้คนหมดสติได้นี่หรับ” พ่อยกกระบอกปืน


ขึ้นสำรวจด้วยความสงสัย

“เอ่อ .... จริงๆ ก็ไม่เกี่ยวกับความแรงสักเท่าไหร่หรอกครับ  ความแรงแค่นี้คงทำไรเจ้าพาร์ทไม่ได้”  พ่อว่าเสียงเบา
“แล้วทำไมพี่พาร์ทสลบไปหล่ะครับพ่อ?”  ผมหันไปถามด้วยความฉงนพอกัน

“คือเจ้าพาร์ทมันกลัวเลือดน่ะลูก  ...พอคุณพลยิงโดน มันก็ดันคิดว่ากระสุนจริง เห็นสีแดงๆ คิดว่าเลือดเลยลมจับน่ะสิ

ปกติน่ะแค่เห็นก็หน้าซีดจนจะเป็นลมอยู่แล้ว นี่โดนกับตัวเองแท้ๆ ยังมีหน้ามาพูดสั่งลากับปัตได้นี่  ปัตนี่เจ๋งจริงๆ นะลูก ฮ่าๆๆ

แต่ก็นะ  น่าขายหน้าจริงๆ  เฮ้อ....  มีตาแต่ไม่มีแววจริงเล้ย!! ลูกเรา” 

“ต๊าย  ..ตาพาร์ทเป็นอะไรคะคุณ ถึงได้นอนอยู่กับพื้นอย่างนั้น  ว๊าย...เลือดเหรอ?”  แม่ร้องเสียงดังรีบถลาตัวเข้ามา

แต่พอเข้ามาใกล้ทำนั้นแหล่ะก็หันไปมองหน้าพ่อ  ทำหน้าเหม็นเบื่ออย่างถึงที่สุด

“มามุกนี้อีกแล้ว  สงสัยกว่าลูกสาวจะขายออก ลูกเขยคงหัวใจวายตายก่อนพอดี”  แม่ว่าอย่างรำคาญ ส่วนพ่อเอาแต่หัวเราะขำ
“แหม!! คุณก็ลูกเราทั้งคนนะ จะไม่ให้พิสูจน์ได้ไง”  แล้วหัวเราะอย่างสะใจ

“คร้าาาาา....  เมื่อเดือนที่แล้วนะ  ก็ยิงแบบนี้แหล่ะไปสองคน  เกือบจะวิ่งกันป่าราบอยู่แล้ว  ลูกเราน่ะเข้ามหาลัยแล้วนะคะ

จะไปกะเกณฑ์อะไรนักหนา  ปล่อยๆ ไปบ้างเถอะค่ะ ”   แม่สะตาค้อนน้อยๆ

“โหย~  ได้ไงคุณบ้านเรามีแต่ลูกสาว ต้องพิสูจน์ ๆ”  พ่อพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง แต่ผมสะดุ้งเฮือก  มี...แต่ผู้หญิงงั้นเหรอ?

“เอ่อ  ...พ่อฮะ  ปัตเป็นผู้ชายนะฮะ”  ผมหันไปเตือนความทรงจำ  พ่อหันมามองทำหน้ารำคาญ
“คนเป็นเมีย  ยังไงก็เป็นผู้หญิง...  ไปๆ ช่วยกันพยุงเจ้าพาร์ทเข้าบ้านกันได้แล้ว”   พ่อว่าขยับเข้ามาช้อนตัวพี่พาร์ทอีกด้าน

ส่วนผมพยุงอีกด้าน  อ่ะ....เอ่อ ...  ผมหล่ะอยากจะแทรกแผ่นดินหนีซะตอนนี้จริงๆ เชียว  แล้วเสียงหัวเราะของทั้งแม่กับ

พ่อพี่พาร์ทนี่มันยังไงนะ   ผมหล่ะ.....เฮ้อ~

.

.
.

.

.

ผมรู้สึกตัวขึ้นมาได้แต่กระพริบตาถี่เพื่อปรับสายตาให้ชินกับความมืดทุกอณุที่มองผ่าน  รู้สึกแห้งผากที่ลำคอจนอยาก

จะหาน้ำดื่ม ลืมตัวไปว่าตายแล้ว เลยพลอยให้นึกสงสัยว่าทำไมยังหิวน้ำได้อีกว่ะ ? หรือคนตายก็ยังต้องกิน  แต่ไอ้กินที่ว่า

น่าจะต้องกินบุญ  แอบดีใจลึกๆ ที่ช่วงหลังๆ ทำบุญบ่อย   ค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้ง  ...  ถอนหายใจเบาๆ  รอสักพัก

บุญที่เคยทำมาน่าจะทำให้เรารู้สึกกระหายลดลง  น่าแปลกใจอีกอย่าง...ตายแล้วไม่ยักเจ็บที่แผลแฮะ   ร่างกายอบอุ่น
หนาวๆ ร้อนๆ แปลกๆ ราวกับถูกโอบกอด  อืมมมม~  อ่าาาาา~  บ้าจริง .....  อยู่ดีๆ ก็เสียวราวกับถูกบวบกลางลำตัว

ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่น หรือผีตนอื่นกำลังลักหลับผมอยู่ (ว่าแต่ผีนอนหลับด้วยรึเปล่า) อู๊ยยยย ~  เสียวจริงๆ 

เสียวจนต้องยื่นมือไปหาต้นตอ  แล้วก็เจอตอ......  หัวทุยๆ ที่มีผมสลวยนุ่มมืออย่างทุกที ....  ปัต ผมได้แต่นึกในใจ

สอดมือเข้าไปในเรือนผมนิ่ม เพิ่มแรงกดให้ลำคออุ่นดูดกลืนของผมมากขึ้นไปอีก  เลื่อนขึ้นเลื่อนลงไม่หยุดหย่อน

ทำผมครางกระเส่า   ปัต......สัมผัสวิญญาณได้?   ตั้งแต่เมื่อไหร่?   ไม่เห็นน้องเคยบอก ...นึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้อยากรู้

อย่างน้อยก็ในเวลานี้  เวลาที่สมองประมวลผลได้แต่เรื่องใต้สะดือ  เมื่อปรับสายตาให้เข้ากับความมืดได้ดี 

ก็มองเห็นหน้าหวานของอีกฝ่ายชัดขึ้น  ไอ้ตัวเล็กละริมฝีปาก.....  หันมาจ้องผมด้วยแววตาอ่อนหวาน

นึกขอบคุณแสงของพระจันทร์ที่ดันโผล่พ้นเมฆออกมาได้จังหวะเวลาพอดิบพอดี  ให้ผมมองเห็นสายตาอ่อนเชื่อมเย้ายวนนี่
“รู้สึกตัวซะทีนะฮะ  พี่พาร์ท.....”   ไอ้ตัวเล็กคลานต้วมเตี้ยมมานั่งบนตัวผม เพิ่งสังเกตุ...ร่างกายอีกฝ่ายกำลังเปลือยเปล่า

ขณะที่ผมก็มีเพียงบ็อกเซอร์เท่านั้นที่เป็นอาภรณ์ปิดบังร่างกาย  สะโพกหวานวางอยู่ติดกับท่อนเอ็นร้อนที่ไอ้ตัวดีอมรูดให้ผม

อยู่เมื่อครู่ ปัตแอ่นสะโพกเบียดท่อนเอ็นที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง ท่อนเอ็นแทรกกลางอยู่ระหว่างก้นงามๆ สองแคม

น้องค่อยลูดขึ้นลง ช้าๆ ทำผมสูดปาก...เสียวจนทนไม่ไหว  ยื่นมือไปดันท่อนเอ็นไม่เอนไปมา  น้ำชื้นแฉะจากการอมช่วย

ให้ลื่นไหลได้สะดวก  พอน้องลูดไปถึงยอดสูง ส่วนหัวที่เป็นปีกก็สะกิดช่องหวาน จนครางสะท้านกันทั้งสองฝ่าย

“อืมมมมม/อ๊าาาาาาาา~” ไอ้ตัวเล็กบดเบียดสะโพกหวานหยอกล้อหนักเข้าไปอีก  ผมสบถเบาๆ เห็นทีต้องปล้ำคนซะแล้ว

“ช่วยปัตทีฮะ...พ่อให้กินอะไรไม่รู้ร้อนไปหมดแล้ว.....  อ๊าาาาาา~”   ผมจับสะโพกน้องให้หยุดลูด  แล้วค้างอยู่บนอากาศ

ก่อนจะกำท่อนเอ็นที่ร้อนราวกับไฟให้ตั้งชัน  ส่วนมืออีกข้างรั้งสะโพกมนให้กดทับลงมา  ไอ้ตัวเล็กทำตามอย่างว่าง่าย
เห็นทีที่พอให้กินน่าจะเป็นยาปลุกเซ็กส์  คนไม่เคยเลยร้อนเร่าครางกระเส่าเต็มที่  สะโพกบางค่อยๆ กลืนท่อนเอ็นของผม

เข้าไปในตัว สัมผัสอ่อนนุ่มบีบรัดแน่นอุ่นซ่านไปทั่วลำในส่วนที่มุดผ่านเข้าไป ได้แต่กัดปากตัวเองให้เจ็บเพื่อสะกดอารมณ์อยาก

จะกระแทกสวนเข้าไปในตัวอีกฝ่าย   ได้ตัวเล็กห่อปากลำตัวสั่นสะท้านทั้งเสียวซ่านและทั้งจุกไปในคราเดียว  สองมือ

ดันหน้าท้องผมเป็นระยะ  ไม่ให้ผมรั้งตัวน้องเข้าไปเร็วจนเกินไป  ใช้เวลาไม่นานนักมันภายในน้องชุ่มฉ่ำหล่อลื่นไปด้วย

ไฟปรารถนา ท่อนเอ็นร้อนๆ หนานุ่มก็มุดหายเข้าไปจนหมด   น้องทำผมตาพร่ามองเห็นอีกฝ่ายนั่งหอบหายใจ  ผมช่วยลูด

หนอนน้อยของอีกฝ่ายขึ้นลงเป็นจังหวะจนกลายเป็นผีเสื้อตีปีก กระดกหงึกๆ เบาอยู่บนหน้าท้องผม ปลายหัวลูกศร
มีน้ำซึมนิดๆ  ผมลากนิ้วไปบี้ส่วนปลายเน้นๆ ไอ้ตัวเล็กถึงกับครางหวือด้วยความเสียว ภายในช่องหวานเลยบีบรัดตามไป

ผมเผลอกระแทกสวนเบาๆ เมื่อปัตไม่ยอมขยับสักที  ไอ้ตัวดีเลยเริ่มขยับช้าๆ  มือผมบีบสะโพกแน่นช่วยอีกฝ่ายให้ลูดขึ้นลง

ได้สะดวกขึ้น  เสียงเนื้อกระแทกกันเป็นจังหวะ  พร้อมกับเสียงครางระงม  ไม่รู้เสียงใครเป็นเสียงใคร   ตามแต่อารมณ์

ที่พุ่งพร่านอยู่ตอนนี้   

.

.

“ปับๆๆๆ”      ไอ้ตัวเล็กเร่งกระแทกสะโพกถี่รัว   หัวใจเต้นแรงตามสภาพจิตใจที่พุ่งทะยานสู่ที่สูง   ผมจับสะโพกอีกฝ่ายแน่น

ดึงให้กระแทกลงมาหนักๆ  ขณะที่ด้านล่างก็กระแทกเอ็นสวนแรงรัวไม่แพ้กัน  ไอ้ตัวเล็กร่อนสะโพกส่ายไปมายั่วยวน

เร่งให้ผมกระแทกเอ็นด้านล่างในจังหวะที่ถี่รัว  ...  จนแทบหายใจไม่ทัน

“ป๊าบๆ   ป๊าบๆ ป๊าบๆ”

“อืออออออออออ~/ อืมมมมมมมม”   ช่องหวานบีบรัดผมไว้แน่น ร่างกายเราทั้งคู่เกร็งกระตุก ผีเสื้อตัวอวบบนหน้าท้องผม

หัวกระดกหงึกๆๆ  อยู่สามรอบ ก่อนจะพ่นพิษหวาน  อุ่นซ่านด้วยแรงปรารถนา สีขาวขุ่นราวกับน้ำนมบนหน้าท้องผม 

ผมซอยท่อนเอ็นช้าๆ เพราะช่องทางที่รัดแน่น มันเสียวซ่านจนต้องพ่นน้ำ “รัก”   ใส่อีกฝ่ายอย่างอดใจไม่ไหว 

.

.


“แฮกๆ  แฮกๆ ”  เสียงหอบหายใจดังระงม  หลังจากจบบทเลิฟซีน ไอ้ตัวเล็กทิ้งตัวหอบเหนื่อยอยู่บนอกผม  ท่อนเอ็น
ยังคงนอนแช่อยู่ในทางรัก ของอีกฝ่าย  ริมฝีปากเราดูดกลืนหากันอย่างโหยหา สอดลิ้นเข้าไปดูดกลืนลิ้นของอีกฝ่าย

ไล่ตอนกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร กระหวัดรัดกันจนแทบจะกลายเป็นลิ้นเดียว รสหวานซ่าบซ่าน ..หลอกล่อให้ค้นหา

ไม่อาจละริมฝีปากได้โดยง่าย  สองมือคลำทั่วจุดอ่อนไหวของอีกฝ่าย เสียงดังเป็นระยะในลำคอ   ท่อนเอ็นอ่อนนุ่ม

หันกลับมาตื่นเต็มตัวอีกครั้ง  ผมพลิกให้ตัวเองมาอยู่ด้านบน ละริมฝีปากออกน้ำเชื่อมยืดยาวระหว่างลิ้นเราสองคน

จนต้องกลับไปดูดดุนกันเบาๆ ไล้เลียเล่นที่ริมฝีปากบางได้รูปของอีกฝ่าย แล้วงับปากล่างเบาๆ อย่างหยอกเย้า

หนไปไล่จูบตั้งแต่ติ่งหูทั้งซอกซอน ไล้เล็ม ทั้งติ่ง ทั้งรู จนทั่วใบหู  ได้ยินเสียงครางหวาน ก็เริ่มขยับด้านล่างเป็นจังหวะ

แล้วซุกจมูกลงซอกคอหอม อีกฝ่ายเงยคอให้สัมผัสได้ถนัดถนี่  มือเรียวข้างหนึ่งกดแน่นที่บั้นเอวเร่งให้ผมซอยเอวถี่

และหนักหน่วง มืออีกข้างสอดเข้ามาในเรือนผม  กดให้หน้าซุกแน่นเข้าไปอีกเมื่อปากผมกำลังดูด เลียหน้าอกของอีกฝ่าย
ไอ้ตัวแอ่นอกหวือ ผมถือโอกาสสอดมือเข้าได้เอวเล็กคอด  ให้สะโพกหวานแอ่นได้องศา จากนั้นหยุดกิจกรรมทางปาก

เดินเครื่องบั้นเอว  ให้ทั้งเร็วทั้งถี่ เสียดสีกันจนเหมือนไฟที่โหมกระพือ  ขาเรียวรัดแน่นรอบเอวผม ทำให้แรงกระแทก

แต่ละที “แน่น” เข้าไปอีก 

“อ๊ะ    อ๊ะ...  แรงอีก”

.

.

“โอ๊ววววว~ ....พ....พี่พาร์ท....”

.

.



“อ๊ะ ...  อ๊ะ....อ๊าาาาาาาาาาาาาาาา~”    ไอ้ตัวเล็กเกร็งกระตุก ร่างทั้งร่างบิดเร่า พ่น น้ำนมทั่วหน้าท้องผม   ส่วนหัว

ถูไถเบาๆ กับไรขนบนหน้าท้องผม   ปัตปรือตาฉ่ำเยิ้ม ริมฝีปากเผยอน้อยๆ หายใจหอบเหนื่อย เซ็กซี่อย่างร้ายกาจ


 โอย~ ทนไม่ไหวแล้ว  ผมจับน้องพลิกคว่ำ ขณะที่ท่อนเอ็นยังสอดใส่เชื่อมต่อกันดีไม่มีหลุด  ปล่อยให้ไอ้ตัวเล็กจัดท่า

ให้อยู่ในท่าที่สบาย ก่อนจะรั้งสะโพกมนให้โดงสูง  ขยับเนิบๆ พอเป็นพิธี  เรียกว่าหลอกล่อเด็กน้อยให้หลงก่อน
ก่อนจะสาวจนสุดลำ  แล้วกระแทกกลับไปใหม่  ทั้งถี่  ทั้งรัว ทั้งหนัก ทั้งแรง  โถมใส่จนไอ้ตัวเล็ก หัวสะบัดไปมา

ครางจนเสียงหลง


“อ๊าาาาา   อือออออ”

“ซี๊ดดดดดดดด  สุดยอดเลยครับที่รัก”

“อืมมมมม  ร...เร็วอีกกกกกกก”

“โอ๊วววววววววว  แน่นเซี๊ยะ เมียพี่เอาโคตรมันส์  อื๊อออ~”

“ป๊าบๆๆ”

“อ๊ะ.......อื๊ออออออออออออ/  อืมมมมมมมมมมมมม”

ผมคำรามเสียงต่ำอยู่ในลำคอ เกร็งกระตุกไปพร้อมกับคนข้างล่าง ก่อนจะพ่นน้ำรัก เข้าไปในช่องหวาน 

แล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่หลา  ชักลำออกช้า ๆ  เกิดเสียงดัง  “เป๊าะ”  น้ำรักไหลออกมาตาร่องขาน้อง  ผมดึงน้องมากอดแน่น

แล้วพรมจูบเบาๆ ทั่วใบหน้า เหนื่อยอ่อนกันทั้งคู่  มันแรงจากการ “ร่วมรัก”  สามรอบต่อเนื่อง มีเวลาหยุดพักเพียงเสี้ยววินาที


หลังจากพักอยู่ครู่เลยตัดสินใจอาบน้ำ แล้วหาผ้ามาเช็ดตัวให้อีกฝ่ายจะได้หลับสบาย ผ้าปูเตียงถูกดึงทิ้งอย่างลวก ๆ ที่ข้างเตียง
แล้วสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม ดึงไอ้ตัวเล็กมากอดด้วยร่างกายที่ยังเปลือยเปล่ากันทั้งคู่  ความอบอุ่นที่ดื่มด่ำ จุมพิศเบาๆ ที่หน้าผาก

ของอีกฝ่าย ก่อนจะกระซิบเบาๆ  ว่า

“ฝันดีนะครับคนดี”  แล้วพากันจมดิ่งสู่ห้วงนิทรา   ไม่นึกว่า.....เป็นผีแล้วก็ยังไม่มีอะไรแตกต่างจากตอนเป็นคน  ถึงผมจะตาย

แต่ได้อยู่ใกล้  ได้สัมผัส  ได้โอบกอดคนที่รัก  อย่างปัต  ...แบบนี้  การตาย.....ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

.

.

.

.

“ตื่นได้แล้วครับ?”   เสียงคุ้นเคยปลุกผมจากห้องนิทรา  ผมกระพริบตาถี่ไล่ความง่วง  ก็เห็นไอ้ตัวเล็กยิ้มกว้างมาให้ เลยยิ้มตอบ

“ตื่นได้แล้วครับ  ป่ะ ไปกินข้าวกัน”  ไอ้ตัวเล็กว่า  ผมยิ้มแล้วส่ายหัว ดึงอีกฝ่ายลงมานอนด้วยกัน

“วิญญาณไม่ต้องกินข้าวหรอกรู้มั้ย?”  ผมยังจำได้ว่าตัวเองตายไปแล้ว  แต่ก็นะ...รู้สึกหิวเหมือนจะกินช้างได้ทั้งตัวเหมือนกัน

“แล้วกินอะไร?”

“กินบุญไง”

“แล้วพี่พาร์ทตายตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ?”

“ก็.......เมื่อวานนี้ไง”

“ฮ่าๆๆ  ยังไม่รู้เรื่องจริงเหรอครับ?”  ผมทำหน้าฉงนทันที  ไอ้ตัวเล็กเลยทำหน้าที่อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง

ผมนี่อายแทบแทรกแผ่นดินหนี  ก็นะ...คนเราก็ย่อมที่มีเรื่องที่เรากลัวบ้างสิ  ผมกลัวเลือดก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน


.

.

“แล้วจากนั้นหล่ะ?”


“ก็พอพาพี่พาร์ทขึ้นมานอนบนห้องเสร็จ พวกเราก็ปาร์ตี้กันฉลองต้อนรับลูกเขย ไงครับ?”

“โดยที่ลูกเขยไม่อยู่”

“ก็พี่พาร์ทไม่ยอมตื่นเองนี่นา  แล้วพ่อปัตก็เอาอะไรไม่รู้มาให้กิน บอกว่าฉลองวันส่งตัวเข้าหออ่ะ”

“อ่อ”  ผมยกยิ้ม  คิดถึงน้องเมื่อคืน ทั้งร้อนแรง เย้ายวน  และเซ็กซี่จริงๆ  ไอ้ตัวเล็กน่าแดงแจ๋

“ว่าแต่...คืนนี้พี่ขอเหมือนเดิมได้ป่ะครับ?”   ผมหันไปทำสายตาเจ้าชู้ มองไอ้ตัวเล็ก  น้องกัดปากตัวเองแน่น

จนปากบวมเห่อกว่าเดิม  น่ารักจริงๆ  ผมกดจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย

“ล้อเล่นครับ หึหึ  ใครจะกล้าบังคับปัต  พี่อยากรักปัต ตอนที่ปัตเองก็อยากรักพี่มากกว่า” ผมหอมแก้มน้องเบาๆ

“ด...ได้ครับ”

“หืมม?”   ผมเลิกคิ้วสูงเป็นคำถาม

“เรื่องคืนนี้.......”



.

.
.

.

“แบบเดิมก็ได้ครับ”





******************  จบ*******************************





ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
 :jul1:  :jul1:  :jul1:

คุณพ่อแรงมาก เป็นใจลูกเขยสุดๆ  :m25:  :m25:  :m25:

ออฟไลน์ makone

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
คุณพ่อไม่หวงไม่พอ ยังใส่ยาให้ลูกกินเข้าไปอีก  :haun4:
ท่าจะรักลูกเขยมากกว่าลูกตัวเองนะเนี่ย  :กอด1:

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ KaeM_PonG

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ปั๊ดโธ่ อภินันทนาการจากพ่อตา สุดยอดจริงๆ 555555555

ออฟไลน์ Also

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
จบซะแล้ว ตอนพิเศษเด็ดจิงอะไรจิงฮะ

จะติดตามผลงานไปเรื่อยๆ เลยนะฮะ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
นึกว่าโดนยิงจริงๆ แค่กลัวเลือดแล้วเป็นลม 5555
แม้ยังมีส่งตัวกันอีกน่ารักจริงๆ ครอบครัวนี้

+1จ้า

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
นึกว่าพี่พาร์ทไปซะแล้ว 



คุณพ่อก็แอบแรงนะ มียาให้ปัตกิน ตอนส่งตัวเข้าหอด้วย  :laugh:


ขอบคุณนะครับ  เรื่องนี้สนุกมาก o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด