เล่ห์พรางรัก
ตอนที่ ๑๑ อ้อนรัก
หลังเหตุการณ์ระทึกเมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา ตกเย็นหลังทานข้าวเสร็จอลันก็ขอขึ้นมาพักบนห้อง จอมทัพตามขึ้นมาทำแผลและ
เช็ดตัวให้ แต่อลันเหนียวตัวจึงอยากอาบน้ำมากกว่า พออาบน้ำเสร็จให้จอมทัพดูแผลให้อีกครั้งอลันก็ถามหาเปียว จอมทัพจึง
บอกว่าอยู่ข้างล่างกับคุณตาคุณยาย ทำแผลเสร็จอลันก็ให้จอมทัพลงไปพักผ่อนได้ไม่ต้องเป็นห่วง
ชายหนุ่มทอดถอนใจก่อนจะนอนครุ่นคิดถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้น เรื่องของเขา กับปวิตา และคิริ
เมื่อก่อนอลันกับคิริคือเพื่อนสนิท ทั้งสองคนมีพื้นนิสัยที่ไม่เหมือนกันสักอย่าง แต่จะคล้ายกันที่ความนึกคิดและความชอบส่วนตัว
รวมไปถึงเสป็คสาว อลันและคิริอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เรียนอนุบาล เล่นโหนโจนทะยานด้วยกันมาตั้งแต่อยู่ที่บ้านเดิมของอลัน จนได้
พบปวิตาตอนเข้าเรียนระดับชั้นมัธยมตอนปลาย
ณ เวลานั้น อลันเป็นพวกวัยรุ่นเลือดร้อน ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ เป็นประเภทโดนหยามไม่ได้ กินศักดิ์ศรีแทนข้าวประมาณนั้น มี
เรื่องกับคนอื่นได้ไม่เว้นแต่ละวัน ส่วนคิริเป็นคนที่ใจเย็นกว่าอลัน ถ้าอลันคือไฟ คิริคงเป็นน้ำ เหมือนจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่ทั้งคู่
ก็กลับเข้ากันได้อย่างประหลาด
อลันพอเจอสาวรุ่นน้องจิตใจงามอย่างปวิตาก็เกิดรักชอบ ตามจีบอยู่นานจนสาวเจ้าใจอ่อนยอมคบด้วยเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย คบ
กันได้สักพักอลันก็ต้องไปจัดการธุระเรื่องทรัพย์สินของบิดาที่ในตอนนั้นได้หย่าร้างกับมารดาของเขาไปแล้ว มันเป็นเรื่องที่ค้างคา
มานานนม ทั้งที่เขาไม่ได้อยากได้อะไรจากบิดาแม้สตางค์แดงเดียวด้วยซ้ำ แต่กลับต้องมายุ่งยากเมื่อท่านยืนยันจะยกให้ อลันจึง
ปล่อยให้เพื่อนอย่างคิริช่วยดูแลคนรัก โดยไม่คาดคิดว่าความใกล้ชิดจะทำให้คนสองคนรักกัน
เมื่อจัดการธุระของตนเองเสร็จอลันก็กลับมาก่อนเวลาที่ได้บอกกับทุกคนไว้ และได้เห็นว่าคนรักกับเพื่อนสนิทของตนเองมีความ
สัมพันธ์ที่แปลกไป อลันไม่อยากด่วนสรุป อยากลองถามไถ่ทั้งคู่ดูก่อนจึงได้โทรหา เพราะไม่อยากคิดไปในแง่ร้าย ทั้งยังเคยมีผู้
หวังดีประสงค์ร้ายมาคอยเป่าหูเขาอยู่ตลอดในช่วงที่ไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย แต่เขาเลือกจะเชื่อเพื่อนและคนรัก ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาเลือก
เชื่อมันจะเป็นเพียงการหลอกตัวเองไปวันๆเท่านั้นหรือไม่
ใจของเขามันเต้นแรงจนเจ็บไปทั้งอกเมื่อโทรหาเพื่อนสนิทอย่างคิริ ในหูของเขาได้ยินแต่เสียงสะท้อนก้องของหัวใจที่ดังระรัว
ก่อนจะแทบหยุดนิ่งเมื่อเขาถามเพื่อนออกไปว่าอยู่ที่ไหนกับใคร และสิ่งที่ได้ตอบกลับมาคือเพื่อนของเขาอยู่คนเดียว แล้วคนที่
เขาเห็นเดินจับมือกันผ่านหน้าเขาไปนี่ล่ะใครกัน?
“อลัน…”
เขายังจำสีหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทในวันนั้นได้ดี คิริตกใจที่เห็นเขามาอยู่ตรงหน้า แต่เขาเสียใจมากที่สุดที่เพื่อนและ
คนรักทำกับเขาได้ลงคอ
“ไหนมึงบอกอยู่คนเดียวไงคี?”
อลันมองเพื่อนอย่างเสียใจปนเปไปกับความโกรธที่แล่นริ้วขึ้นมา
“พี่อลัน…”
ปวิตายืนหน้าซีดเผือดอยู่ข้างๆคิริ เธอรู้สึกกลัวกับอารมณ์ของอลันในเวลานี้ อลันเป็นพวกโมโหร้าย เธอพยายามจะบิดมือออก
จากการเกาะกุมแต่คิริก็ไม่ยอมปล่อย
“ไหนมึงว่าอยู่คนเดียวไงคี!!”
อลันตะคอกถาม สายตาไม่ได้เหลือบแลไปที่หญิงคนรักอย่างปวิตาแม้แต่น้อย มันเจ็บช้ำเกินกว่าที่จะมองเธอในเวลานี้ คน
เดียวที่เขาจับจ้องอยู่ตอนนี้คือคิริ เขาต้องการคำตอบที่ดีพอจากเพื่อนสนิทของเขา คนที่เขาไว้วางใจมากที่สุด แต่พอเพื่อน
ไม่ยอมพูดอะไรตอบมาอลันก็ยิ่งโกรธ มันน่าแค้นใจนักกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้
“กู…”
คิริพูดไม่ออกเมื่อทุกอย่างมันกระทันหันเช่นนี้ เขาเคยคิดเอาไว้แล้วว่าวันหนึ่งจะต้องบอกอลัน แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้
“มึงทำกับกูได้นะ”
“..............”
“มึงทำกูได้นะ!”
อลันตรงเข้ากระชากคอเสื้อเพื่อน ความเจ็บร้าวแล่นพล่านไปทั้งใจ
“อลัน กูขอโทษ แต่กูรักวิตา”
“มึงเห็นกูตาบอดเรอะ หรือมึงเห็นกูหูหนวกถึงจะไม่รู้ไม่เห็นว่ามึงกำลังกุมมือแฟนกูอยู่ ห๊ะ!!”
อลันตวาดกลับเมื่อเพื่อนบอกว่ารักผู้หญิงของเขา กล้าพูดออกมาได้อย่างไร ทั้งที่รู้ว่าเธอคนนี้คือคนรักของเขา อยากจะฆ่ามันให้
ตายนักไอ้เพื่อนเลวคนนี้!
“พี่อลัน”
เสียงเรียกแผ่วเบาของปวิตาทำให้อลันเบือนสายตาไปมองเธอ มุมปากยกยิ้มเยาะหยัน
“อ้อ ไม่สิ ไม่ใช่แฟนกูแล้วนี่”
เพียงแค่คำพูดนั้นถูกเอ่ยออกมาน้ำตาของหญิงสาวหนึ่งเดียวในที่นั้นก็รินไหล แต่มันไม่ได้ทำให้อลันเจ็บน้อยลงแม้สักนิด
“วิตา ไม่ต้องร้องไห้ ถ้าวิตาอยากไปวิตาแค่บอกพี่ แค่บอกพี่มาว่าวิตาไม่รักพี่แล้วเท่านั้น... หรือที่จริงแล้ววิตาไม่เคยรักพี่เลย”
น้ำเสียงที่ใช้ไม่มีแววต่อว่าแม้แต่น้อย หากแววตากลับเจ็บร้าวเหลือคณา ปวิตาสะอื้นไห้หนักขึ้นเมื่อเห็นอลันเป็นเช่นนั้น
“วิตาขอโทษ” หญิงสาวบอกเสียงเครือปนสะอื้น
“พี่ไม่ยกโทษให้”
“พี่... อลัน…”
ปวิตาถึงกับนิ่งอึ้งกับคำพูดแสนเยียบเย็นนั้น มันไม่ได้มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อย อลันไม่ยกโทษให้เธอจริงดังที่เขาพูด เธอรู้ดีว่าสิ่ง
ที่เธอทำมันผิด และมันยิ่งผิดมากขึ้นเมื่อความเป็นจริงแล้วเธอกับคิริแอบมีใจให้กันมานาน นานเกินกว่าที่อลันจะล่วงรู้ และคงไม่มี
วันที่จะได้รู้
อลันพ่นลมหายใจยาวเพื่อระงับความรวดร้าวที่มี หันกลับมามองเพื่อนรักและคนรักที่กำลังจะกลายเป็นเพียงอดีต
หนึ่งคน คือคนรัก ที่เขารักหมดหัวใจ
อีกหนึ่งคน คือเพื่อนรัก ที่เขาเคยคิดว่ายอมแม้จะต้องตายแทนกันได้
และหนึ่งคนสุดท้าย ก็คือเขาเอง... ที่ถูกเพื่อนและคนรักหักหลังอย่างเลือดเย็น
“มึงจำเอาไว้นะคี จำเอาไว้เลย ว่าคนทรยศอย่างมึง กูจะไม่มีวันให้อภัย!”
อลันเน้นชัดทุกถ้อยคำ ไม่มีการตะคอกใดๆแต่กลับกระแทกใจคนฟังจนเจ็บไปตามกัน และนั่นคือประโยคสุดท้ายที่เขาฝากเพื่อน
ทรยศอย่างคิริเอาไว้ ความทรงจำครั้งนั้นเป็นความเจ็บปวดยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด คนที่เชื่อใจทำกันได้ลงเช่นนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งตอก
ย้ำเรื่องแม่กับพ่อของเขา ยิ่งย้ำว่ารักแท้มันไม่มีจริง คนเราอยู่ใกล้ใครก็สามารถไหวเอนไปได้ง่ายๆ
ไม่มีความมั่นคง
ไม่มีความจริงใจ
ไม่มีคำว่า... รักแท้
......................
...................
...........
เสียงกอกแกกจากห้องข้างๆทำให้อลันตื่นจากภวังค์กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ชายหนุ่มเบือนสายตาไปยังประตูห้องที่เชื่อม
กันอยู่บานนั้น เขากับเปียวเริ่มต้นด้วยเงินตรา แล้วมันจะลงท้ายด้วยความรักได้หรือ
อลันลุกจากเตียงไปหาคนห้องข้างๆ เปิดประตูเข้าไปเปียวกำลังเตรียมจะไปอาบน้ำ เด็กหนุ่มปรายตามองอลันเล็กน้อยก่อนเดิน
เข้าห้องน้ำไปไม่ได้ให้ความสนใจอีก อลันถอนหายใจก่อนก้าวเข้าไปในห้อง นั่งลงบนเตียงเพื่อรอคนที่เข้าไปอาบน้ำเมื่อครู่
หลังจากอาบน้ำเปียวก็ออกมาใส่เสื้อผ้าแล้วมานั่งเป่าผมอยู่ปลายเตียง อลันที่ขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วก็มองดูไปอย่างเงียบๆ
จนเสร็จเปียวถึงมานอนข้างๆ ไม่มีคำพูดใดๆจากปากเด็กน้อยของมิสเตอร์แอล
“เปียว”
“ครับ”
“คุณโกรธหรือที่ผมขว้างแก้วน้ำที่คุณอุตส่าห์ทำมาให้จนแตกไม่มีชิ้นดี”
“เปล่า เรื่องเล็กน้อยอย่างนั้นผมไม่โกรธหรอก”
อลันเอ่ยถามคนที่นอนหันหลังให้ตนเองเช่นทุกที เปียวตอบกลับมาอย่างไม่เห็นเป็นสำคัญ อลันขยับพลิกกายแล้วพาดแขนข้าง
ซ้ายโอบกอดเปียวเอาไว้ นิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตึงๆที่แผล
“ถ้าอย่างนั้น คุณโกรธเรื่องอะไร หืม?”
เปียวเงียบไปกับคำถาม เขาไม่เคยเห็นมิสเตอร์แอลเป็นแบบนั้นมาก่อน ถ้าถามว่าโกรธไหมก็คงไม่โกรธ แต่... ก็มีบ้างที่จะน้อย
ใจ ทั้งที่ไม่ควรเลย
“คุณอารมณ์ร้ายมากเลย”
เปียวที่นิ่งคิดและปล่อยให้มิสเตอร์แอลกอดๆหอมๆอยู่ครู่ใหญ่ก็เอ่ยบอกออกมา
“อืม บางทีผมก็คุมมันลำบาก... คุณกลัวหรือ?”
อลันหยุดการหากำไรจากร่างกายของเด็กหนุ่มแล้วจึงเอ่ยถาม รู้สึกหวั่นใจว่าเด็กน้อยของเขาจะกลัวเขาหรือเปล่าที่เป็นเช่นนั้น
เปียวนิ่งไปเล็กน้อย ขยับตัวอย่างอึดอัดแล้วบอก
“เปล่า ผมแค่... ไม่ค่อยชอบคนแบบนี้เท่าไหร่นัก”
เปียวบอกเสียงเบาราวกลัวว่าคนที่ตนเองอิงแอบอยู่ตอนนี้จะโกรธเอาอีก
“ผมจะพยายาม”
คนฟังคิ้วขมวดกับคำว่าพยายามของมิสเตอร์แอล ก่อนพลิกกายมาถาม
“พยายามอะไร?”
“พยายาม... เป็นในแบบที่คุณชอบ”
อลันมองดวงตาวาวใสของเด็กหนุ่มอย่างสื่อความหมาย แต่เปียวเลี่ยงที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งที่อลันต้องการสื่อจึงมีคำถามตาม
มาอีก
“เพื่ออะไรกัน?”
“เพื่อ...”
“?” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วรอคอยคำพูดต่อจากนั้นที่อลันจงใจเว้นเอาไว้
“เพื่อหัวใจของคุณ”
ความหมายของคำพูดนั้นเล่นเอาหัวใจเปียวเต้นผิดจังหวะ ทั้งสีหน้าและแววตาของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความสับสน คำถามมาก
มายก่อเกิดขึ้นมาในใจ เพื่อหัวใจของเขาหรือ มิสเตอร์แอลอยากได้หัวใจของเขาไปเพื่ออะไรอีก พันธสัญญาที่มีอยู่ตอนนี้ไม่ควร
มีเรื่องหัวใจมาเกี่ยวข้อง หากมอบใจ คงมีแต่เขาเท่านั้นที่เจ็บ
“มิสเตอร์แอล คุณ…”
อลันกุมมือเรียวให้แตะสัมผัสอกด้านซ้ายของตนเอง เปียวมองเลยไปที่แผลจากคมกระสุนภายใต้ผ้าสีขาวที่ปิดทับ ลูบไล้แผ่ว
เบาราวกลัวว่าอีกคนจะเจ็บ ก่อนช้อนสายตามองคนที่โน้มใบหน้าลงมาหา
“ยกมันให้ผมได้ไหม เปียว?”
อลันกระซิบวอนอ้อนขอ อยากได้หัวใจดวงนี้ อยากครอบครองมันแต่เพียงผู้เดียว
“มิสเตอร์แอล…”
เปียวเอ่ยเรียกเมื่อมิสเตอร์แอลเริ่มโลมเล้าเอาแต่ใจ ริมฝีปากกดจูบแล้วลากผ่านทุกตารางนิ้วในร่างกายขาวเนียน มือปลาหมึก
ซุกซนค้นหา กอบกุมกายร้อนของเด็กหนุ่มที่เต้นเร่า เด็กน้อยของมิสเตอร์แอลเผลอแยกขาออกกว้างอำนวยความสะดวกให้อีก
คนรุกไล่อย่างได้ใจ ปลายเท้าเรียวจิกที่นอนหนานุ่มด้วยความซ่านเสียวเมื่อลิ้นอุ่นชื้นลากไล้ดูดดุนยอดอก สะโพกเพรียวถูกยก
ลอย ความผ่าวร้อนด้านล่างนาบผ่านจุดอ่อนไหวจนต้องเกร็งร่างตอบรับ
“เรียกอลันสิที่รัก” อลันเอ่ยวอน ก่อนแทรกร่างกายใหญ่โตเข้าหา
“อื้มมม”
เปียวกัดปากกลั้นเสียง เมื่ออลันถอนกายแล้วผลักดันเข้าหาอย่างลึกล้ำ ขยับกายเชื่องช้าเป็นจังหวะต่อเนื่อง
“เปียว…”
อลันครางเรียกชื่อคนใต้ร่างขณะสวนกายเข้าออกเร่งเร้ามากขึ้น กระตุ้นให้อารมณ์ทั้งคู่สูงขึ้นไปอีก
“เปียว...”
กระทุ้งกายหนักๆให้เด็กหนุ่มหลุดเสียงครางแหบพร่าสมใจ
“ที่รัก เรียกชื่อผมหน่อย”
เอ่ยกระซิบชิดเรียวปาก ปลายลิ้นกวาดไล้ดูดดุนพันพัว ลิ้มรสความหวานอย่างกระหายหิว ขยับกายเข้าออกรุนแรงหนักหน่วงจน
เปียวรู้สึกจุกเสียดไปทั่วช่องท้อง แต่ความกระสันซ่านกลับมีมากกว่าจนเกินต้านทาน เสียงเรียกชื่ออลันจึงพร่าสั่นเกินทนไหว
“อ... อลัน อลัน…อ๊าซ์”
เปียวหยัดกายขึ้นรับไม่รู้ตัวเมื่อมิสเตอร์แอลกระทั้นกายเข้าหา เสียงครางครวญยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ยิ่งใกล้จุดหมายยิ่งยากที่จะ
สะกดกั้นมันเอาไว้ เปียวตอบรับทุกการขยับโยกกาย รู้สึกรวดร้าวทั่วสรรพางค์เมื่ออารมณ์ร้อนพุ่งทะยานแตะปลายฝัน อลันปลด
ปล่อยทุกหยาดหยดแห่งชีวิตจนหมดสิ้น ร่างกายเกร็งสะท้านเมื่อถูกบีบรัดรุนแรงจากคนใต้ร่าง ความสุขสมที่ได้รับในครั้งนี้มันช่าง
หวานแหลมและบาดลึกไปทั่วทั้งร่างกาย ลมหายใจของทั้งคู่หอบถี่ เหนื่อยแทบขาดใจแต่ก็สุขมากกว่าครั้งใดที่เคยร่วมรักกันมา
อลันก้มลงไปแตะจูบริมฝีปากที่เจ่อบวมเพราะฤทธิ์จุมพิตแสนร้อนแรง เลาะเล็มปลายลิ้นไปตามขอบปากอมชมพูที่เผยอโกย
อากาศเข้าปอด เคล้าคลอเคลียไม่ห่างหาย เปียวประท้วงในลำคอทั้งยังคงหลับตานิ่งอยู่ หัวคิ้วขมวดนิดๆกับการคลอเคลียของ
มิสเตอร์แอล อลันหัวเราะในลำคอกับการตอบโต้ของเด็กน้อย
“พักผ่อนนะครับเด็กดี ขอบคุณที่มอบความสุขมากมายนี้ให้ผม”
อลันกระซิบบอก สิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบ และเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอจากเด็กดีของเขา
+++++++++++++
ทางด้านฮิโรยูกิที่ได้ไปเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างอาคารของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งภายใต้ชื่อของพฤธาการ เขาและพงศกร
พยายามหาข้อมูลและให้ทุกฝ่ายร่วมเสนอความคิดเห็น ส่วนมากแล้วพนักงานระดับลูกจ้างที่ตำแหน่งเล็กๆมักไม่มีสิทธิ์มีเสียงที่
จะออกความเห็น และคงเป็นเช่นนี้ในทุกๆที่ของการทำงาน แต่เพื่อหาแนวคิดที่แตกต่างและน่าจะเป็นไปได้ที่สุด ฮิโรยูกิจึงเปิด
โอกาสให้ทุกคนได้แสดงศักยภาพของตนเองออกมา เมื่อพิจารณาดูแล้วฮิโรยูกิก็เอากลับมาให้คมช่วยดูอีกทางหนึ่งด้วย
บริษัทพฤทธาการถูกลดความเชื่อมั่นเรื่องมาตรฐานการทำงานไปแล้ว ภาพลักษณ์ของบริษัทท่าทางจะกู้กลับคืนมาได้ยาก เมื่อ
การบริหารงานที่ผิดพลาดมันสั่งสมมานานมากพอจะทำให้ความเชื่อถือของคู่ค้าลดลง การที่จะทำให้ชื่อพฤทธาการกลับมาผงาด
อีกครั้งจึงเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง แต่หากได้งานชิ้นนี้ทุกอย่างคงไปได้สวยกว่าที่เป็นอยู่
หลังจากพยายามกันอยู่นานจนในที่สุดพฤทธาการก็ได้งานแรกมา งานในครั้งนี้มีเม็ดเงินที่จะเข้ามาในบริษัทมากพอที่จะยื้อชีวิต
ทุกคนต่อไปได้ และสามารถปลดหนี้ธนาคารได้ส่วนหนึ่งเพื่อให้บ้านของเปียวไม่ต้องถูกธนาคารยึดไป แต่หนี้สินที่ติดมิสเตอร์แอล
เอาไว้ก็ยังคงต้องผลัดผ่อนออกไปอีกอยู่ดี
เมื่องานประสบผลสำเร็จพงศกรจึงนัดฉลองให้กับความเหน็ดเหนื่อยของทุกคนที่ผ่านพ้นมา ก่อนที่จะต้องเหนื่อยกันอีกครั้งใน
การเริ่มทำงานกันอย่างจริงจังต่อจากนี้ สถานที่คือร้านอาหารกึ่งผับ ซึ่งชั้นบนมีบริการห้องนอนให้เช่า มีอาหาร มีเครื่องดื่ม มีความ
บันเทิงครบครัน ฮิโรยูกิได้รับการเชื้อเชิญมางานเลี้ยงเล็กๆครั้งนี้ด้วย ชายหนุ่มจึงต้องมาอย่างรักษามารยาทอันดี ข้างกายก็ยังคง
เป็นเลขาฯคนเก่งที่อลันส่งมาคอยดูแลไม่ห่าง
“ต้องพกไปด้วยทุกที่เลยหรือครับคนนี้น่ะ?”
พงศกรเดินมานั่งข้างฮิโรยูกิพร้อมแก้วเครื่องดื่ม ฮิโรยูกิรับแก้วนั้นมาก่อนยิ้มบอก
“เขาทำหน้าที่ได้ดีใช่ไหมล่ะครับ?”
พงศกรหัวเราะในลำคอกับการย้อนของฮิโรยูกิ คาเสะ ท่าจะเข้าหายากเสียกระมัง ฮิโรยูกิปรายตามองคนที่นั่งอยู่ข้างกาย
ริมฝีปากที่กำลังจิบเครื่องดื่มที่พงศกรถือมานั้นลอบยิ้ม ก่อนเหลือบมองเลขาฯหนุ่มร่างสูงใหญ่ของตนเองที่มีทีท่าไม่สนใจ
ใครอยู่ใกล้ๆ
“ท่าทางคงมีค่ำคืนที่แสนร้อนแรงน่าดูนะครับ”
ฮิโรยูกิเลิกคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจที่พงศกรต้องการสื่อ พงศกรจับปกเสื้อของตนเองแล้วขยับเล็กน้อย ฮิโรยูกินิ่งไปนิดก่อนรอยยิ้ม
พลาสติกจะกลับมาแตะแต้มริมฝีปากคงเดิม ที่คอของเขาคงมีรอยที่พี่คมฝากไว้เป็นแน่พงศกรถึงได้พูดกับเขาแบบนั้น แต่จะให้
ลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อตรวจดูก็คงดูไม่ดีสักเท่าไหร่ ฮิโรยูกิจึงยังคงนั่งอยู่ที่เดิมราวไม่สนใจร่องรอยที่ต้นคอของตนเองเสียอย่างนั้น
ท่าทางคล้ายไม่ใส่ใจของฮิโรยูกิกระตุ้นความอิจฉาในใจของพงศกรขึ้นมาได้ดีทีเดียว เขากำลังอิจฉาใครก็ตามที่ได้ทำร่องรอย
บนร่างกายของชายหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัยผู้นี้ เขากำลังแปลกไปจากเดิม เพราะอะไรนั้นมีเพียงเขาที่รู้ดีที่สุด
ทั้งที่คิดว่าจะอยู่ไม่นานก็กลับ แต่ฮิโรยูกิกลับเมาพับไม่รู้เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แถมยังทำให้เลขานุการของตนเองเลอะเทอะ
ตามไปด้วยอีก เลขาฯหนุ่มจึงฝากฮิโรยูกิไว้กับพงศกรสักครู่เพราะจะไปห้องน้ำ พอกลับมาอีกทีฮิโรยูกิกับพงศกรก็หายไปเสีย
แล้ว เลขาฯหนุ่มรีบติดต่อใครคนหนึ่งทันที
+++++++++++++
พงศกรพาฮิโรยูกิขึ้นมาบนห้องที่ได้ขอเปิดไว้ในคืนนี้ หิ้วปีกคนเมาไปวางที่เตียงนอน ขยับมายืนมองคนบนเตียงอย่างข่มใจ
“ขนาดเมานะนี่ ยั่วอารมณ์ดีชะมัด”
พงศกรถอยออกห่าง โทรติดต่อเลขาฯของฮิโรยูกิให้มารับที่ห้องนี้ ข้างล่างมันวุ่นวายเกินไป แถมพอเมาแล้วฮิโรยูกิยังดูวุ่นวาย
และเอาแต่ใจตัวเองอย่างมากจนพงศกรต้องหาที่ๆเป็นส่วนตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ เดี๋ยวลูกน้องได้หมดความนับถือกันพอดีที่นาย
ญี่ปุ่นเมาแล้วเป็นแบบนี้
พงศกรโทรศัพท์บอกเลขาฯของฮิโรยูกิแล้ว พอหันกลับมาคนเมาก็กำลังดึงทึ้งถอดเสื้อของตนเองออก ก่อนล้มตัวลงนอนอย่างไม่
สนใจไยดีเลยว่าคนมองจะรู้สึกอย่างไร พงศกรก้าวเข้าหาอย่างเผลอไผล นั่งลงที่เตียงแล้วมองสำรวจร่างกายขาวเนียนนั้น มือ
หนาเลื่อนเข้าใกล้ อยากแตะสัมผัสร่างกายของคนนี้ แต่ก็ต้องหักห้ามใจ ต่อเมื่อเห็นรอยรักบนตัวของคนเมา ความรู้สึกผิดชอบชั่ว
ดีก็ปลิวหาย ความอิจฉาแล่นพล่าน อิจฉาคนที่ได้แนบชิดร่างกายนี้
พงศกรขยับกายขึ้นคร่อม มองร่องรอยสีแดงช้ำบนแผ่นอกขาวบางแล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก โน้มลงไปใกล้ก่อนกด
ซ้ำริมฝีปากของตนเองที่รอยนั้น กวาดลิ้นตวัดเลียวนไล้จนเจ้าของร่างบิดกายเล็กน้อยด้วยความสยิวซ่าน นั่นเพิ่มความลำพองใจ
ให้พงศกรยิ่งขึ้นไปอีก ริมฝีปากหนายกยิ้มก่อนก้มลงจูบปากบางสวยล่อสายตา แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรที่มากกว่านั้น เสียงเคาะ
ประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะ อารมณ์หวามไหวที่มีแตกซ่าน พงศกรถอยห่างร่างกายแสนเย้ายวนตานั้น ลูบใบหน้าด้วยความรู้สึก
ตระหนกกับสิ่งที่ทำลงไป
ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้นอีกครั้งหยุดความพุ่งพล่านของพงศกรได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มเดินไปเปิดประตู เลขาฯของฮิโรยูกิจับ
จ้องมองเขานิ่ง พงศกรไม่ค่อยถูกชะตากับนายคนนี้สักเท่าไหร่ แค่เข้ามาอยู่ในระดับสายตาก็รู้สึกหงุดหงิดแล้ว นี่ยังมาจ้องเขาราว
กับเขาทำผิดอะไรมาอย่างนั้น ถึงเขาจะทำจริงก็เถอะ
พงศกรเบี่ยงกายหลบเมื่อเลขานุการหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องแล้วตรงไปช้อนตัวผู้เป็นนายขึ้นอุ้มเพื่อพากลับ ถึงฮิโรยูกิจะสูง แต่ก็
ผอมกว่าที่เห็นจากภายนอก เลขาฯหนุ่มเดินผ่านพงศกรไปด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย พงศกรมองตามท่าทางหยิ่งยโสนั้นแล้วให้หงุด
หงิดใจเหลือกำลัง นึกว่าตัวเองเป็นใครกัน!
+++++++++++++
รถยนต์คันหรูแล่นไปตามท้องถนนในยามค่ำคืน แสงไฟสองข้างทางส่องสว่าง ฮิโรยูกิที่นั่งอยู่ที่เบาะด้านหลังรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วย
ความมึนงง นวดขมับไล่ความมึนอยู่ชั่วครู่ถึงเพิ่งรู้ว่าตนเองนอนอยู่บนตักของคม และมีเสื้อสูทคลุมร่างกายอยู่
“พี่คม”
ฮิโรยูกิเอ่ยเรียกเจ้าของตักที่ตนเองหนุนนอน ก่อนลุกขึ้นมานั่ง
“ประมาทไปแล้วนะฮิโระ”
คมพูดเสียงนิ่ง สีหน้าดูนิ่งเฉย ยังคงเป็นนายคมลูกน้องคนสนิทของมิสเตอร์แอลคนเดิม แต่ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยนั้นฮิโรยูกิรู้ว่า
มันมีอะไรซ่อนอยู่ ร่างเพรียวขยับเข้าใกล้ก่อนกระซิบถามยั่วอารมณ์
“หึงหรือครับ?”
“หวงด้วยต่างหาก”
คำตอบที่สวนกลับมาทันทีทำให้ฮิโรยูกิอมยิ้มพอใจ มือเรียวสวยลูบต้นขาของคนหน้านิ่งเบาๆขณะที่สายตาจับจ้องมองตาของอีก
ฝ่ายไม่หลบลี้ไปไหน
“งั้น... กลับไปพี่คมก็ช่วยลบรอยให้หมดสิครับ”
มือเรียวลูบเลยขึ้นมาถึงจุดหมายปลายทาง ก่อนกดย้ำเบาๆเมื่อรู้สึกถึงอาการตอบรับจากสัมผัสใต้อุ้งมือ
“ยั่วนักนะ”
คมกัดฟันกลั้นความรู้สึกที่ไวกว่าปรกติของตนเอง คนช่างยั่วอมยิ้ม ก่อนเอนศีรษะซบไหล่หนาที่เครียดเกร็งขึ้นมาทันทีที่เขาเข้า
ใกล้ ช่างออดอ้อนน่าจับกดเสียตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด นับวันคมก็ชักจะคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่ ฮิโรยูกิคนนี้ต่างจากฮิโรยูกิตัวน้อยของ
เขาเพียงลักษณะภายนอกที่ใครๆเห็น แต่เนื้อในแล้วก็ยังคงเป็นฮิโระน้อยของพี่คมคนเดิม มีเพียงความยั่วเย้าเร้าอารมณ์หวาม
ไหวที่เพิ่มขึ้นมาเท่าตัว...
+++++++++++++
ภายในห้องนอนของเปียวในค่ำคืนเดียวกันนั้น อลันยกตัวนอนตะแคงข้าง มองคนที่หลับปุ๋ยด้วยความรู้สึกที่แปลกไป มันรู้สึกอุ่น
ข้างในหัวใจ เพียงชั่วเวลาไม่นานเขากลับรู้สึกผูกพันกับเด็กคนนี้มากมาย เคยคิดเพียงว่าอยากให้ได้มาอยู่ใกล้ๆไม่ว่าในสถานะ
ใดก็ตาม แม้แต่ในสถานะของเจ้าหนี้กับลูกหนี้ที่ถูกนำตัวมาขัดดอก ที่สักวันหนึ่งเมื่อถึงเวลาอันสมควรเขาก็ต้องปล่อยเด็กคนนี้
กลับไป
แต่จนถึงวันนี้ที่อะไรๆมันเริ่มจะชัดเจนมากขึ้น เขากลับไม่อยากให้เวลาของการจากลามาถึง อยากจะให้มันคงอยู่กับเขาไปให้นาน
ที่สุด อยากให้มันเป็นเช่นนี้เรื่อยไปในทุกๆวันที่เขาตื่นขึ้นมา มีเด็กคนนี้อยู่เคียงข้าง คอยเป็นน้ำเย็นหล่อเลี้ยงหัวใจที่เคยแห้งแล้ง
ให้ชุ่มเย็น แม้บางทีอาจจะกลายเป็นน้ำร้อนให้เขาต้องร้อนใจบ้างเขาก็ยังยินดีที่จะอยู่ชิดใกล้
อลันเกลี่ยนิ้วมือกับแก้มของคนหลับ เปียวขยับตัวแล้วนิ่วหน้าเล็กน้อยกับสัมผัสแปลกปลอม อลันอมยิ้มเอ็นดูก่อนกดจุมพิตผะแผ่ว
ที่หน้าผากนูนเกลี้ยง ลดกายลงนอนเคียง กระชับอ้อมกอดโอบประคองแนบกาย
อยากหยุดเวลาเหล่านี้เอาไว้... มันจะเป็นไปได้ไหมนะ เปียว
TBC
ขอบคุณทุกกำลังใจ และทุกบวกหนึ่งบวกเป็ดด้วยค่ะ 
ขอแปะบวกหนึ่งตอนที่ 10 เอาไว้ก่อนนะคะ เพราะเพิ่งบวกตอนที่ 9 ไปเมื่อเช้า
ไว้จะมาบวกให้ใหม่อีกทีนะคะทุกท่าน 
วันใหม่ 