ขณะเดียวกัน เปียวที่อยู่อีกบริษัทก็กำลังเก็บข้อมูลเรื่องฮิโรยูกิจากพี่ชาย ฮิโรยูกิคือคนที่เข้ามาช่วยกู้วิกฤตให้พฤทธาการ แต่
ฮิโรยูกิก็เป็นคนรู้จักของมิสเตอร์แอล เปียวอดคิดไม่ได้ว่าทั้งสองคนนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงเปียวก็ยัง
เดาไม่ออกว่ามิสเตอร์แอลทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร
อลันมาตามเปียวที่บริษัทพฤทธาการ ชายหนุ่มตรงมาที่ห้องทำงานของนายพรตเป็นอันดับแรก แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเปียวจะอยู่ที่นั่น
และยังไม่ทันที่เจ้าของห้องอย่างนายพรตจะได้ถามไถ่อันใด อลันก็เดินลิ่วออกไปเสียก่อน ชายสูงวัยมองตามเด็กรุ่นลูกที่แสนจะ
อารมณ์ร้อนแล้วส่ายหน้า
เปียวออกจากห้องทำงานของพี่ชายมาเมื่อสมควรแก่เวลาที่จะต้องกลับไปที่มูลนิธิของคุณอัญชัน แต่เพียงเปิดประตูออกมาความ
คิดที่จะกลับไปมูลนิธิก็หายวับไปกับตา เมื่อมิสเตอร์แอลมายืนจังก้าอยู่ต่อหน้าเช่นตอนนี้
“มิสเตอร์แอล…”
“ผมบอกอะไรนี่คุณไม่เคยฟังกันเลยใช่ไหม?”
เปียวเงียบไม่ต่อคำ เหลียวมองกลับไปด้านหลังก็เห็นว่าพี่ชายกำลังจะเดินมาหา อลันมองข้ามไหล่เปียวไปที่พงศกรเช่นกัน ก่อน
เบือนสายตามาที่เด็กหนุ่มตรงหน้า
“หรือคุณอยากให้ผมมาตามกลับ เพื่อที่คนทั้งบริษัทนี้จะได้รู้ว่าเราเป็นอะไรกันน่ะฮึ?” อลันโน้มตัวไปกระซิบเชิงข่มขู่
“คุณมันน่ารังเกียจ”
เปียวต่อว่า อลันยืดตัวขึ้นตรง มองตอบเด็กดื้อที่เชิดหน้ามองมาอย่างถือดีนั้น ก่อนคว้าแขนเรียวแล้วลากถูลู่ถูกังไปโดยไม่สนใจ
เสียงร้องประท้วงเลยสักนิด
เมื่อมาถึงรถ เปียวเข้าไปนั่งในรถโดยที่อลันไม่จำเป็นต้องสั่งซ้ำ อลันก้าวเข้าไปนั่งข้างเปียวพร้อมกับที่คมเข้าไปนั่งทำหน้าที่คน
ขับจำเป็นในวันนี้ รถออกตัวไปด้วยความเร็วพอเหมาะ ภายในรถยังคงเงียบสนิทไร้ถ้อยคำใดจากปากผู้โดยสาร คมมองคนทั้งคู่
ผ่านกระจก เห็นพากันหันหน้าหนีไปคนละทางแล้วก็เหนื่อยใจแทน ชายหนุ่มหน้านิ่งถอนใจเบาๆก่อนกลับมาตั้งใจขับรถต่อไปไม่
วอกแวก
รถที่เปียวนั่งเคลื่อนตัวออกนอกเส้นทางที่จะกลับบ้านมิสเตอร์แอล เปียวเห็นวิวข้างทางแปลกไปจึงขยับขึ้นนั่งตัวตรง เหลียวมอง
รอบๆอีกครั้งให้แน่ใจก่อนหันมามองมิสเตอร์แอลที่ไม่ได้ให้ความสนใจกับเส้นทางที่เปลี่ยนไปนั้นเลยสักนิด พอเห็นดังนั้นแล้ว
เปียวจึงเอนหลังนั่งพิงเบาะเหมือนเคย อยากจะพาไปไหนก็ไปเถอะ
รถที่คมขับพาทั้งสามคนมาหยุดลงที่ชายทะเลแห่งหนึ่ง อลันเปิดประตูก้าวลงจากรถเปียวจึงต้องลงตาม ทะเลในช่วงเวลาที่
พระอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้าเช่นนี้ช่างสวยงามราวมีมนต์สะกด มันคงจะดีกว่านี้ถ้าหากเปียวมาที่นี่ด้วยความเต็มใจ อลันจับ
จูงมือเด็กน้อยแสนดื้อของเขาไปที่บ้านพักริมหาด เป็นบังกะโลหลังไม่เล็กไม่ใหญ่สวยงามกำลังดี บรรยากาศรายรอบดูร่มรื่น
ริมระเบียงที่ยื่นออกไปรับลมทะเลก็ตกแต่งด้วยไม้ดอกเล็กดอกน้อยน่ารัก เปียวล่ะอยากจะรู้เสียจริงว่าใครเป็นคนเลือกบังกะโล
หลังนี้ ที่แน่ๆคงไม่ใช่มิสเตอร์แอล
“ชอบไหม?”
อลันเอ่ยถามเมื่อเห็นเด็กหนุ่มกวาดตามองรอบๆราวกำลังสำรวจตรวจตรา ริมฝีปากหยักอมยิ้มบางเบา เปียวมองรอบๆอีกทีแล้ว
โคลงศีรษะไปมา อลันชะงัก รอยยิ้มที่มีเมื่อครู่หุบฉับ
“ทำไม มันไม่สวยหรือ หรือว่ามันหลังเล็กไป?”
“เปล่า มันก็ดูดี... มาก” เปียวบอกตามที่ใจคิด อดยอมรับไม่ได้หรอกว่าที่นี่สวย
“แล้วทำไม…?” อลันถามอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อที่นี่ดีแล้วทำไมยังไม่ชอบใจอีก
“คุณไม่รู้หรือว่าทำไม?”
เปียวเอ่ยย้อน อลันนิ่งไปเมื่อได้คำตอบ ชายหนุ่มตัวโตทำเสียงแปลกๆในลำคอแล้วยิ้มเยาะตัวเอง ที่เขาไม่ชอบก็เพราะมากับเรา
สินะ หึ!
“เอาเถอะ ถือว่าเซ้นต์ผมไม่ดีพอ”
เมื่ออลันพูดมาแบบนั้นเปียวก็เป็นฝ่ายนิ่งไปบ้างที่บังกะโลหลังนี้มิสเตอร์แอลเป็นคนเลือก
“จะเข้าไปดูในห้องหน่อยไหม เผื่อจะถูกใจบ้าง”
อลันเสนอ เปียวส่ายหน้าทำให้อลันยิ่งขุ่นมัว ชายหนุ่มจึงเดินปึงปังเข้าห้องไปเสียเอง เปียวถอนใจเบาๆก่อนเดินออกไปที่
ระเบียงบ้าน เด็กหนุ่มนั่งลงที่เก้าอี้ริมระเบียง มองทะเลสีฟ้าครามที่ตัดกับสีของท้องฟ้ายามเย็นด้วยความรู้สึกหม่นมัวในใจ นั่ง
อยู่ตรงนั้นได้ไม่นานอลันก็เดินออกมาบอกว่าจะกลับไปสะสางงานที่บริษัทสักหน่อย ถ้าเสร็จเร็วคงได้กลับมา
“คุณอยู่ได้ใช่ไหม?” อลันเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“ผมไม่เป็นไร”
เปียวตอบกลับแล้วหันหน้ากลับไปมองท้องทะเลที่ตนเองมองอยู่เมื่อครู่ เห็นแบบนี้อลันก็ไม่อยากจะไปมันแล้ว แต่ก็คงทำไม่ได้
อย่างใจคิด ชายหนุ่มจึงบอกกับเปียวอย่างแบ่งรับแบ่งสู้
“ถ้าทำได้... ผมจะรีบมา”
“ช่างเถอะ ผมอยู่ได้”
เมื่อเปียวย้ำมาอีกครั้งอลันจึงก้าวลงจากบังกะโลไป คมที่รออยู่ด้านล่างหันมาค้อมศีรษะให้คนของนายเล็กน้อยก่อนก้าวตาม
นายไปที่รถ เปียวมองตามคนทั้งคู่ไปเงียบๆ พระอาทิตย์ที่ลาลับฟ้าไปแล้วทำให้รอบบริเวณมืดลง มันช่างดูว้าเหว่และเงียบเหงา
เสียงรถของอลันที่ติดเครื่องแล้วขับออกไปดังมาให้ได้ยิน เปียวถอนหายใจเบาๆก่อนเข้าบ้านพักหลังเล็กนี้ไปพร้อมกับความน้อย
ใจที่ผุดขึ้นมา
‘ถูกทิ้งอีกแล้วสิเรา’
+++++++++++++
เช้าวันต่อมาเปียวก็ยังไม่เห็นว่าอลันจะกลับมาอย่างที่พูดไว้ ก็แน่ล่ะ ก็เขาบอกเองว่าอยู่ได้ แล้วเรื่องอะไรที่มิสเตอร์แอลต้อง
รีบกลับมากันล่ะ คิดไปก็วุ่นวายเปล่า ในบ้านพักมีเสื้อผ้าข้าวของพร้อมสรรพ ไม่รู้ว่ามิสเตอร์แอลเตรียมการเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อ
ไหร่ พออาบน้ำอาบท่าเสร็จเปียวจึงออกไปเดินเล่นที่ชายหาด มีนักท่องเที่ยวออกมาเล่นน้ำบ้างอาบแดดบ้างประปราย เปียวเดิน
เลาะไปตามริมหาด ถอดรองเท้าแล้วใช้เท้าเปล่าสัมผัสพื้นทรายที่ถูกน้ำทะเลซัดสาดพอทำให้ใจสงบลงบ้าง
เดินไปได้สักพักก็รู้สึกว่าก้าวเดินของตนเองเหมือนจะมีใครเดินตามมา เด็กหนุ่มหันกลับไปมองด้านหลังของตนเอง เห็นชายหนุ่ม
คนหนึ่งหยุดยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มจริงใจถูกส่งมาให้ เปียวจึงยิ้มตอบไปตามมารยาท
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยทัก
“ครับ” เปียวผงกศีรษะตอบรับคำทักทาย ชายคนนั้นยิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิม ก้าวเข้ามาข้างเปียวที่ออกเดินอีกครั้งแล้วชวนคุย
“มาเที่ยวหรือครับ?”
เปียวหันมามองคนถาม รู้สึกกระอักระอ่วนใจเล็กๆกับการตอบคำถามคนแปลกหน้า
“คือ... ผมเป็นคนที่นี่น่ะครับ ถ้าเกิดคุณอยากไปเที่ยวที่ไหนแล้วไม่มีคนนำเที่ยวก็เรียกใช้ผมได้นะครับ”
ท่าทางคนพูดดูหวั่นๆอย่างไรไม่รู้ เป็นคนนำเที่ยวได้จริงหรือ เปียวยังแปลกใจอยู่ว่าคนนำเที่ยวเขามีการขายตรงแบบนี้ด้วย ทั้งคู่
เดินเลาะหาดไปข้างกันหนุ่มแปลกหน้าก็คอยแนะนำที่เที่ยวต่างๆในจังหวัดกับเปียวไปตลอดทาง พอเปียวเอ่ยถามจริงจังว่าเป็น
คนนำเที่ยวจริงหรือ หนุ่มคนนั้นก็มีสีหน้าเก้อเล็กน้อยก่อนบอกว่าเขาไม่ได้เป็นคนนำเที่ยวหรืออะไร แต่ที่บอกว่าเป็นคนในพื้นที่นี้
คือเรื่องจริง เห็นเปียวเดินอยู่คนเดียวท่าทางเหงาๆเลยเข้ามาทัก เปียวรับรู้ถึงความจริงใจในคำพูดของคนนี้จึงทักทายแนะนำตัว
กันใหม่ ถือว่าได้เพื่อนใหม่เพิ่มอีกคนก็ไม่เลวนัก
“ผมชื่อเอิร์ท” ทางนั้นเอ่ยแนะนำตัวมาก่อน
“เปียว” เปียวเองก็แนะนำตัวสั้นๆพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่ทั้งคู่จะเอ่ยประโยคต่อมาพร้อมกันอีกครั้ง
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
เปียวที่เพิ่งมีเพื่อนใหม่ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างที่ตนเองไม่ได้อยู่คนเดียวในต่างถิ่น ส่วนทางด้านอลันที่กลับมาแล้วเห็นเปียวไม่อยู่ที่
บ้านพักก็กลายเป็นเรื่องใหญ่อีก จะออกไปตามเปียวก็เห็นเดินกลับมาพอดี จะไม่อะไรเลยถ้าข้างกายไม่มีใครอีกคนอยู่ด้วย และ
ที่สำคัญหมอนั่นกล้าดีอย่างไรมาแตะต้องคนของเขา!
อลันตรงเข้าไปหาคนทั้งคู่ด้วยอารมณ์โกรธเคืองที่เห็นเปียวยอมให้คนอื่นแตะเนื้อต้องตัวแนบชิดขนาดนั้น เปียวที่ได้แผลที่เท้า
มาจากการเล่นน้ำทะเลแล้วเหยียบเศษแก้วที่แตกอยู่ใต้พื้นทรายเข้าทำให้เพื่อนใหม่อย่างเอิร์ทต้องช่วยพยุงกลับมานั้น พอเห็น
มิสเตอร์แอลเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยวก็ให้รู้สึกเหนื่อยหน่ายใจ ถ้ามาแล้วเป็นแบบนี้สู้ปล่อยเขาไว้ที่นี่คนเดียวจะดีกว่า
ด้วยร่างกายที่สูงใหญ่แบบหนุ่มลูกครึ่งทำให้เมื่ออลันก้าวมาหยุดตรงหน้าเปียวและเอิร์ทจึงดูสูงล้ำไปไกล อลันมองหนุ่มแปลก
หน้าที่พยุงเปียวอยู่ด้วยความโกรธกรุ่น เอิร์ทปล่อยแขนเปียวเมื่ออลันดึงแทบเรียกว่ากระชากตัวเปียวออกไป เปียวบอกขอบคุณ
เพื่อนใหม่ที่ช่วยพามาส่งก่อนที่จะถูกอลันฉุดกระชากลากถูไม่ปรานีปราศรัย เอิร์ทอยากเข้าไปช่วยแต่สายตาที่อลันมองเขาเมื่อ
ครู่ทำให้เขาไม่กล้าที่จะก้าวออกไป เพราะสายตาที่มองมานั้นมันเต็มไปด้วยความหึงหวง
“มิสเตอร์แอล โอ๊ะ! เดี๋ยว…”
เปียวร้องค้านคนอารมณ์ร้อนเมื่อรู้สึกเจ็บเท้าขึ้นมา แต่ฝ่ายนั้นก็ยังไม่ยอมหยุดเดิน
“เดี๋ยวก่อน อลัน... เดี๋ยว ผมเจ็บเท้า”
อลันชะงักเมื่อเปียวเรียกชื่อเขา ชายหนุ่มพยายามระงับโทสะที่พุ่งพล่าน ก่อนหันมาหาเปียว เท้าที่เป็นแผลและถูกพันด้วยผ้าสี
ขาวสะอาดตอนนี้มีเลือดซึมออกมาจนเปรอะไปทั่ว เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วอารมณ์โกรธเมื่อครู่ก็ดูจะมลายหาย ความห่วงใยแทรกเข้า
มาแทนที่จนหมดสิ้น ยิ่งเห็นว่ามีเลือดไหลซึมออกมาก็ยิ่งห่วง
อลันย่อกายลงเล็กน้อยก่อนจะช้อนตัวเปียวขึ้นอุ้ม เปียวตกใจจนต้องรีบกอดเกี่ยวต้นคอของอีกฝ่ายเอาไว้กันตก ชายหนุ่มอุ้ม
เปียวกลับไปที่พักโดยไม่มีคำพูดใดๆมาสร้างความหงุดหงิดให้ทั้งคู่อีก พอกลับมาถึงอลันก็พาเปียวเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ
เพราะน้ำทะเลเกาะจนตัวเหนียวไปหมด อลันออกมารอด้านนอกพร้อมกล่องอุปกรณ์ทำแผล พอเปียวอาบน้ำเสร็จออกมาอลัน
จึงให้ไปนั่งที่โซฟาเพื่อจะช่วยทำแผลให้ แต่เปียวกลับถกเท้าหนี
“ไม่ต้อง!”
อลันชะงักกับการปฏิเสธของเปียว เปียวเองก็รู้สึกว่าตนเองทำไม่ถูกเท่าไหร่จึงเอ่ยแก้เสียงเบา
“ผมบ้าจี้น่ะ”
เปียวบอกแบบนั้นแล้วจะทำแผลเอง แต่อลันไม่ยอมฟังยึดขาเปียวเอาไว้แล้วจะจัดการทำแผลให้ เปียวยื้อเอาไว้ไม่ยอมให้อลัน
ทำ แต่ยิ่งเกร็งเท้ายิ่งเจ็บจึงต้องอยู่นิ่งให้คนหน้าดุทำแผลให้
ความรู้สึกขัดแย้งในใจเกิดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมิสเตอร์แอลเอาใจใส่ตนเองเช่นนี้อีกแล้ว เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ตามอารมณ์ไม่ถูก แต่เขาก็
เต้นตามเกมของมิสเตอร์แอลทุกทีไป อย่างเช่นตอนนี้ที่หัวใจมันเต้นแรงกว่าปรกติ เปียวก็ยังจะคิดไปได้ว่ามันอาจจะเป็นเพราะ
เสียเลือดจากแผลที่เท้ามากไปก็เป็นได้ ไม่ใช่เพราะมิสเตอร์แอลเสียหน่อย
++++++++++++
อลันวางมือจากงานของตนเองชั่วคราวเพื่อจะใช้เวลาอยู่กับเปียว และเป็นการถามใจตนเองไปในตัวว่าแท้ที่จริงแล้วหัวใจของเขา
อยู่ที่นี่ใช่หรือไม่ คมยังอยู่จัดการงานเร่งด่วนให้เขาและจะตามมาในช่วงค่ำของวันนี้
เหตุจากเมื่อวานเปียวเท้าเจ็บทำให้ทั้งคู่ต้องอยู่แต่ในบังกะโลไปก่อน และเช้าวันนี้เองที่ทำให้อลันที่เริ่มจะอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว
อารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาอีก เอิร์ทมาหาเปียวแต่เช้า ทั้งคู่คุยกันอยู่ตรงระเบียงบ้านนานสองนานจนอลันชักจะทนไม่ไหว ชายหนุ่มเดิน
ออกไปบอกว่าเปียวควรจะพักผ่อนได้แล้วไม่ควรมานั่งตากลมแบบนี้ ทำให้เอิร์ทต้องขอตัวกลับไป
การกระทำของมิสเตอร์แอลส่งผลให้วันทั้งวันเปียวไม่ยอมพูดด้วยเลยสักนิด ช่างเป็นทริปที่กร่อยสิ้นดี พอตกเย็นอลันจึงอยาก
สร้างบรรยากาศดีๆเพื่อสานสัมพันธ์ให้ดีขึ้น จัดดินเนอร์แสนโรแมนติกมาล่อใจแต่เปียวกลับไม่ให้ความสนใจมันแม้แต่น้อย
“เอาใจยากจริงโว้ย!”
อลันแทบอยากจะล้มโต๊ะทานข้าวที่ถูกจัดมาอย่างดีแต่ไร้คนเหลียวแลเหมือนดังเจ้าของความคิดนั่นล่ะ ชายหนุ่มจึงประชดด้วย
การโทรเรียกแม่สาวแสนสวยให้มาหาถึงที่ เอาให้เจ็บจนตายกันไปข้างเลยดีไหม
“นี่คุณคคนางค์ ผมจะทานข้าวกับเธอที่นี่ ถ้าคุณไม่รังเกียจจะมาร่วมดินเนอร์แสนโรแมนติกกับเราก็ได้นะครับ”
เปียวมองมิสเตอร์แอลที่เอ่ยแนะนำแม่สาวสวยทรงโตอย่างคนเคยคุ้น หญิงสาวที่ถูกเอ่ยแนะนำก็ช่างกระไรเลย กอดแขนซบ
ไหล่ออดอ้อนออเซาะกันเสียเหลือเกิน เด็กหนุ่มเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนบอกเสียงเรียบ
“เชิญตามสะดวกเถอะครับ ผมไม่รบกวนดีกว่า พวกคุณคงอยากมีเวลา...ส่วน-ตัว”
เปียวกระแทกเสียงใส่ในตอนท้าย ก่อนเดินหนีเข้าห้องมา ปิดประตูใส่คนด้านนอกอย่างกระแทกกระทั้น เด็กหนุ่มยืนคว้างอยู่
กลางห้อง รู้สึกเหมือนตนเองเป็นตัวตลกสำหรับมิสเตอร์แอล มันมากจนเกินไปแล้วแบบนี้ เห็นเขาไม่มีทางไปเลยคิดจะทำอะไร
ก็ได้อย่างนั้นหรือ มันก็จริงที่เขาไม่มีทางไป แต่ใช่ว่าจะยอมตลอดไปเสียเมื่อไหร่กัน
เปียวเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อนยากที่หัวเตียงแล้วจะออกไปจากห้อง พอมองดูโทรศัพท์ในมือแล้วก็สะท้อนใจ ช่างเป็นคน
ที่มีสมบัติติดตัวน้อยชิ้นเสียจริง เด็กหนุ่มออกมาจากห้อง สายตาก็ยังอดไม่ได้ที่จะเมียงมองคนที่กำลังมีดินเนอร์สุดหวานอยู่ที่โต๊ะ
ทานข้าวนั่น ใจเด็กหนุ่มเจ็บแปลบขึ้นมาพอให้รู้สึกเมื่อเห็นหญิงสาวแสนสวยนั้นแทบจะก่ายเกยอยู่บนตัวมิสเตอร์แอลอยู่แล้ว
วัวเคยขาม้าเคยขี่ล่ะสิ คนบ้า
++++++++++++++
หลังจากเห็นว่าเปียวเงียบหายไปอลันจึงเข้ามาหาในห้อง แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ชายหนุ่มกลับออกมาอีกรอบเพื่อจะ
เดินหาเปียวรอบบริเวณบ้าน คมที่นั่งเล่นอยู่ริมระเบียงบ้านลุกเดินมาหาผู้เป็นนายที่มีทีท่าร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด เกิดเรื่องแล้วหรือ?
“เกิดอะไรขึ้นครับ?”
คมที่เพิ่งมาถึงได้ไม่นานนักเอ่ยถามผู้เป็นนาย หลังจากเสร็จงานแล้วเขาก็ตรงมาที่นี่เลย
“ฉันหาเปียวไม่เจอ นายอยู่ตรงนี้ตลอดหรือเปล่าคม?”
“เปล่าครับ ผมเพิ่งมาได้ไม่นาน”
อลันพ่นลมหายใจยาว หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาเปียว แต่ฝ่ายนั้นกลับปิดโทรศัพท์ไปเสียแล้ว เล่นกันแบบนี้ใช่ไหมเปียว!
“เอากุญแจรถมา” อลันเอ่ยขอกุญแจรถจากคม สีหน้าถมึงทึงได้ที่
“คุณจะไปไหน?”
“ไปตามหาเปียวน่ะสิ... เด็กดื้อ อย่าให้เจอเชียว”
ชายหนุ่มคาดโทษเด็กดื้อในตอนท้าย คมจึงเอ่ยเตือน
“ผมว่าคุณควรใจเย็นมากกว่านี้”
“…………...”
“อย่าหาว่าผมสอนเลยนะ”
คมออกตัว อลันมองหน้าคนพูดนิ่งก่อนมีทีท่าที่อ่อนลงจากเดิม ความใจร้อนของเขามันจะทำให้เสียเรื่อง ดังเช่นที่เป็นมาก็เห็นอยู่
ว่ามันแย่แค่ไหน
“ฉันเข้าใจ ฉันเองก็หงุดหงิดที่ตัวเองเป็นแบบนี้เหมือนกัน”
คมยิ้มบางที่อลันยอมฟังที่ตนเองเตือน ก่อนบอก
“ผมจะขับรถให้ แต่…”
“อะไร?”
“คุณแคนดี้…”
คมพูดค้างไว้เท่านั้นอย่างรู้กัน อลันถอนใจหนักๆให้กับความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้น
“ไปส่งเธอก่อน”
“ครับ”
คมรับคำแล้วรีบไปจัดการให้ในทันที ตอนแรกคคนางค์จะไม่ยอมกลับท่าเดียว แต่พอเห็นสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังจนออกจะเป็น
เคร่งเครียดของอลันแล้วเธอถึงได้ยอมไป ไม่อยากเสี่ยงกับอารมณ์ของชายหนุ่มสักเท่าไหร่ ทางที่ดีเธอควรจะเอาใจเขาเข้าไว้
มากกว่าเพื่อผลประโยชน์ของตัวเธอเอง
อลันเพิ่งจะมาสำนึกได้เอาตอนนี้เองล่ะว่าไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย ให้ตายเถอะ ชายหนุ่มสบถในใจด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านเต็ม
กำลัง ทั้งที่มีโอกาสแต่กลับไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์ โง่ชะมัดเลยอลัน นี่หรือมิสเตอร์แอลที่ใครๆก็กล่าวขานถึง เก่งไปเสียทุกเรื่อง
แต่เรื่องหัวใจตัวเองกลับแก้ไม่ตก น่าสมเพชชะมัด
ในขณะที่อลันออกตามหาเปียวอย่างร้อนใจ เปียวก็ได้ขอติดรถของชาวบ้านที่ขับผ่านมาเพื่อไปสถานีขนส่งในพื้นที่ เพราะเงินที่
ติดตัวมาเขาต้องเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น และมันมีไม่พอที่จะนั่งเครื่องบินกลับไปได้ เปียวขอบคุณเจ้าของรถแสนใจดีอีกครั้งเมื่อรถ
มาจอดที่สถานีขนส่ง เด็กหนุ่มเข้าไปซื้อตั๋วแล้วนั่งรอเวลาที่รถจะออก จะได้กลับบ้านเสียที ขณะที่อลันแทบจะพลิกแผ่นดินหาก็
ยังไม่เจอเปียว
“พอก่อนเถอะครับ พรุ่งนี้ค่อยให้คนตามหาดีกว่า ผมว่าป่านนี้คุณปฏิญญาคงกลับกรุงเทพฯไปแล้ว”
“ไม่คม ฉันต้องตามตัวเขาให้ได้เดี๋ยวนี้!”
คมบอกนายของตนเมื่อทั้งคู่มาที่ท่าอากาศยานประจำจังหวัด แต่อลันกลับปฏิเสธที่จะทำตาม เที่ยวบินเข้ากรุงเทพฯเพิ่งจะออก
ไปไม่นานก่อนที่พวกเขาจะมาถึงนี่เอง แต่ดูเหมือนเจ้านายของคมจะไม่ปักใจว่าเปียวได้กลับไปแล้วถึงยังวิ่งหาทั่วทั้งพื้นที่ของ
สนามบินอยู่เช่นนี้
+++++++++++++
สถานีขนส่งของจังหวัด รถประจำทางที่จะเข้ากรุงเทพฯสายที่เปียวจะโดยสารไปกำลังจะออก เด็กหนุ่มก้าวขึ้นไปบนรถเพื่อรอ
เวลา ด้านล่างก็ยังมีคนขายของเดินวนไปมา บ้างก็ขึ้นมาถึงบนรถที่เปียวนั่ง เสียงโหวกเหวกจากด้านล่างทำให้เปียวชะโงกตัว
ออกไปมอง เห็นเด็กสาวคนหนึ่งกำลังร้องตามกระเป๋าของตนเองที่ถูกฉกไปต่อหน้าต่อตา ผู้คนรายรอบแตกฮือเมื่อเกิดเหตุ
พนักงานประจำรถทัวร์ขึ้นมาตรวจดูว่าผู้โดยสารมากันครบแล้วหรือไม่เมื่อรถกำลังจะออกตัวไป เปียวยังคงมองสถานการณ์ด้าน
ล่างที่กำลังวุ่นวายกันอยู่ ก่อนที่รถจะออกเด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง…
อลันกับคมมาที่สถานีขนส่งของจังหวัดเป็นที่สุดท้าย ความหวังหนึ่งเดียวที่มีอยู่ พอมาถึงรถที่จะเข้ากรุงเทพฯก็ออกไปเสียแล้ว
อลันรู้สึกเหมือนจะหมดแรง เขาวิ่งวุ่นตามหาคนๆเดียวมาทั้งคืนแล้วในตอนนี้ กวาดสายตามองหารอบบริเวณอย่างคาดหวังแต่ก็ไม่
พบ เมื่อหมดหนทางที่จะตามแล้วอลันจึงจะกลับที่พัก แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มที่ท่าทางคล้ายเปียวนั่งก้มหน้าก้มตา
เล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่เก้าอี้รอรถเข้าเสียก่อน อลันรีบรุดเข้าไปหาทันทีทำให้คมรีบก้าวตาม
เปียวเงยหน้าขึ้นมองคนที่ท่าทางเหนื่อยหอบตรงหน้า ก่อนเบือนสายตาไปทางอื่นเมื่อสบกับนัยน์ตาคมที่ฉายแววดุดันนั้น
“สนุกมากไหมเปียว?”
ชายหนุ่มเอ่ยถามน้ำเสียงห้วนจัด มองโทรศัพท์ในมือเปียวแล้วยิ่งหงุดหงิด ตอนเขาโทรหานี่ไม่ยอมเปิดเครื่องนะเด็กบ้า!
“ผมน่าจะถามคุณมากกว่านะ นึกยังไงไปวิ่งเล่นตอนกลางคืน หรือกีฬาในร่มมันไม่เร้าใจพอ?”
เปียวหันกลับมาเอ่ยถามยียวน ปิดท้ายประโยคด้วยการเหยียดรอยยิ้มเยาะเย้ย
“ปากดี”
เปียวยักไหล่ให้คนหน้าดุที่แทบจะกินหัวเขาได้อยู่แล้วในตอนนี้ เด็กหนุ่มลุกขึ้นขยับกายไล่ความเมื่อยเล็กน้อยก่อนออกเดิน
“จะไปไหน!”
อลันกระชากแขนเรียวกลับมาอย่างแรงจนเปียวแทบเซ เด็กหนุ่มมองหน้าคนถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนบอก
“กลับที่พักไงครับ”
“หา?”
“ดึกแล้วนะ แล้วผมก็ง่วงมากด้วย คุณเองก็น่าจะกลับไปอาบน้ำอีกรอบนะ”
เสนอแนะด้วยความหวังดีแล้วเปียวก็หันไปหาคมที่ยืนเงียบอยู่ไม่ห่าง
“รถอยู่ไหนครับคุณคม?”
คมที่มองสถานการณ์เงียบๆมาโดยตลอดกลับดูจะรับมือกับเปียวได้มากกว่าคนใจร้อนอย่างอลัน หนุ่มหน้านิ่งเดินนำคนของเจ้า
นายไปที่รถ อลันยังมึนงงเพราะตามอารมณ์เปียวไม่ทัน ให้เขาเที่ยวตามหาทั้งคืน แต่บทจะกลับก็ง่ายดายปานนี้เลยนี่นะ อลัน
เข่นเขี้ยวเด็กหนุ่มในใจขณะที่เดินตามไปขึ้นรถเพื่อกลับที่พัก เหนื่อยมาทั้งคืนขนาดนี้ต้องเอาคืนเสียให้เข็ด เด็กแสบ!
TBC
นิยายเรื่องนี้มีแต่คนงงอ่ะ เขาเขียนไม่เคลียร์ใช่เปล่า งื้อออ
น้อมรับทุกคำติชม จะปรับปรุงนะคะทุกท่าน 
ปล. ขอตอบคอมเม้นต์คุณ naamsomm สักเล็กน้อย ใหม่ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แต่ไปเฝ้าไข้เจ้านายที่โรงพยาบาลตั้งสิบกว่าวันแหนะ ลืมวันลืมคืนกันเลยทีเดียว ฮะๆ
แถมยังมึนจนลืมวันแม่อีกต่างหาก รู้อยู่นะว่าวันที่ 12 อ่ะวันแม่ แต่พอถึงวันมันดันลืมสนิท จนค่ำแม่ต้องโทรมาเอง แล้วบอกกับแม่เสียงอ่อยว่าหนูลืมอ่าแม่ เง้อโอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

อ่านจบแล้วแอบอยากบ้องหูให้ทั้งคู่
ทำไมทำอะไรไม่ค่อยคิดกันนะ
บ้องหูอลันใช่ไหมคะ ไม่ใช่บ้องหูน้องใช่ไหมอ่ะ>.<
ขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตาม และขอบคุณทุกบวกที่ให้กันด้วยค่ะ
จะทยอยบวกคืนนะคะ ตอนนี้ยาวจนตาลายเลยอ่ะ
วันใหม่ค่ะ 
++++++++++
Eดิทค่ะ
จิ้มบวกหนึ่งครบทุกท่านแล้วค่า
วันนี้ได้เจาะไข่เป็ดคุณ Hikaru23 ไปอีกใบแล้วล่ะ 
ปล. ขอบคุณคุณpuppyluv ด้วยนะคะ บวกให้น้องเปียวตั้งสองรอบแหนะ 