[[ THE CAGE ]] . . กรงรัก . .
บทส่งท้าย“ขยับไปทางนั้นอีกหน่อยสิครับ”
“หืม? แบบนี้เหรอ?”
“ตรงนั้นแหละครับ ดีแล้ว”
ชายหนุ่มร่างสูงละมือออกจากกรอบรูปที่มีรูปภาพของพวกเขาสองคนที่ถ่ายไว้ตอนไปทะเลด้วยกันเมื่อไม่นานมานี้ ก่อนจะก้าวลงจากบันไดลิงพร้อมกับยิ้มให้ร่างบางที่เงยหน้ามองผนังห้องด้วยสายตาเป็นสุข
บ้านหลังนี้ คือบ้านหลังเดิมที่เตชินท์ซื้อเอาไว้โดยตั้งใจจะให้เป็นเรือนหอเมื่อตอนที่ได้แต่งงานกับนภิสา ซึ่งหญิงสาวโอนสินทรัพย์คืนกลับมาให้แก่เขาเพราะเห็นว่าน่าเสียดายที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ตอนแรกที่นิชายังอยู่ต่างประเทศ ชายหนุ่มได้กลับมานอนที่นี่เป็นพักๆเพราะอยู่ใกล้บริษัทมากกว่า แต่ก็ไม่อยากขายห้องที่คอนโดทิ้งเพราะมีความทรงจำมากมายที่เคยสร้างร่วมกันไว้กับคนที่รัก
แต่ในวันนี้ นิชากลับมาแล้ว เด็กน้อยคนนั้นของเขากลายเป็นหนุ่มน้อยที่มากด้วยความคิดและความกล้าหาญที่จะตัดสินใจ เมื่อเขาออกปากถามถึงเรื่องห้องที่คอนโด นิชาก็ออกความเห็นให้ขายไปเลยดีกว่า เพราะคอนโดแถวสาทรนั้นเรียกราคาได้สูง
“นทไม่เสียดายเหรอ?”
“เสียดายอะไรครับ?”
“ก็... เราเคยอยู่ด้วยกันในห้องนั้นตั้งนาน”
“ทำไมต้องเสียดายด้วยล่ะ?”
“อ้าว... ก็”
“ในเมื่อตอนนี้นทก็อยู่กับพี่ชินเหมือนเดิม ความทรงจำมันไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ มันอยู่ในใจของเรานั่นแหละ แถมเราสามารถสร้างความทรงจำใหม่ๆที่บ้านหลังนี้ด้วยกันได้อีกยาวเลยด้วย”
“พูดแบบนั้นมันก็จริงอยู่”
“ใช่ไหมล่ะครับ งั้นจะลังเลทำไม ขายเลย ยังไงเก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี บริษัทอยู่ซะรามอินทรา ถ้าพี่ชินจะถ่อกลับไปนอนถึงสาทรก็ไปคนเดียวเถอะครับ นทคนหนึ่งล่ะไม่เอาด้วย”
มือใหญ่ยีลงบนผมนุ่มที่ถูกย้อมให้เป็นสีน้ำตาลสว่างรับกับใบหน้าขาวมีเลือดฝาดอย่างคนสุขภาพดีด้วยความหมั่นเขี้ยว
“เดี๋ยวนี้พูดเก่งจริงนะ”
“อ้าว ก็ตอนอยู่เมืองนอก ทุกคนต้องกล้าพูดกล้าแสดงออกครับถึงจะมีเพื่อนเยอะ ขืนทำตัวเงียบๆอยู่มุมห้องก็โดนมองว่าเป็นตัวประหลาดกันพอดี ทำไมเหรอ? ไม่ชอบนทที่เป็นแบบนี้เหรอครับ?”
เตชินท์ถึงกับชะงักไป รีบปฏิเสธแทบไม่ทัน
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น แค่แซวเล่น นทจะเป็นยังไงพี่ก็รักเสมอนั่นล่ะ”
“พูดแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย ไปกินข้าวกันไหมครับ หิวแล้ว”
“จะออกไปข้างนอก หรือจะกินที่บ้าน?”
“กินที่บ้านก็ได้ครับ พี่ชินจะได้พักผ่อนด้วย เดี๋ยวนททำอะไรให้กินเอง”
“ไม่เป็นไร พี่ทำให้ดีกว่า นทเองก็เหนื่อยกับงานมามากแล้ว”
“พี่ชินต่างหากที่เหนื่อยกว่า นทเห็นแล้วยังเหนื่อย เอกสารอะไรเยอะแยะกองเต็มโต๊ะเลย นี่ก็เอาคอมกลับมาทำที่บ้านด้วยไม่ใช่เหรอครับ”
ในตอนนี้ นิชาทำงานเป็นเลขานุการผู้บริหารของบริษัท พูดให้ชัดเจนก็คือเป็นเลขาส่วนตัวของชายหนุ่ม ที่รับหน้าที่ทั้งงานราษฎร์และงานหลวง ดูแลตั้งแต่ระบบการทำงานภายในบริษัท ตารางการทำงานของประธานบริษัท ตลอดจนบัญชีส่วนตัวของประธานบริษัท ดังนั้นไม่ว่าเตชินท์จะไปที่ไหน นิชาจะรู้เรื่องก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวเสียด้วยซ้ำไป
“อืม ช่วงนี้มีคนติดต่อเข้ามาขอซื้อแฟรนไชส์น่ะ ถ้าตกลงกันได้เขาจะไปสาขาที่อเมริกาด้วยนะ”
“ดีจังเลยเนอะ แบบนี้นทก็สบายใจ”
“สบายใจที่พี่หาลูกค้าได้เพิ่มเหรอ?”
“ใช่สิครับ พี่ชินได้ลูกค้าเพิ่ม เงินก็เพิ่ม ความมั่นคงก็เพิ่ม แบบนี้บั้นปลายชีวิตของนทคงได้นอนตีพุงอยู่กับพี่ชินสบายๆ”
เตชินท์หัวเราะ เขานั่งลงบนโซฟาเคียงข้างร่างเล็กที่พูดเจื้อยแจ้วไม่ยอมหยุดแล้วรั้งเอวบางเข้ามาใกล้ ก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มใสฟอดใหญ่
“นี่ตั้งใจจะเป็นเด็กเสี่ยเลยใช่ไหม”
“ไม่ใช่แค่ตั้งใจนะครับ จะเป็นให้ได้เลยล่ะ” นิชาเอ่ยพร้อมกับปีนขึ้นคร่อมร่างหนาที่นั่งเอนกายอยู่บนความหยุ่นนุ่มของโซฟาตัวใหญ่ ดวงตาจรดมองใบหน้าดูดีอย่างรักใคร่ “ถึงเสี่ยจะไปไหนก็จะตามไปด้วย ไม่ยอมให้ไปมีเด็กที่ไหนแน่”
“เด็กเหรอ แย่จัง พี่ติดเด็กอยู่คนหนึ่งซะด้วยสิ”
ร่างบางชักสีหน้าในทันที คิ้วเรียวขมวดมุ่นพร้อมกับทำจมูกย่นอย่างไม่พอใจ
“พี่ชินไปติดเด็กที่ไหนบอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ก็... เด็กขี้โมโหที่นั่งตักพี่อยู่คนนี้ไง ไม่ว่าเราจะโตขึ้นอีกกี่ปี ยังไงก็เด็กกว่าพี่อยู่ดีใช่ไหมล่ะครับ?”
“อ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าจะไปงาบเด็กที่ไหน นทจะไปด้วย”
“จริงเหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นนทจะทำยังไง?”
ใบหน้าสวยประดับด้วยรอยยิ้มหวาน หากชายหนุ่มกลับรับรู้ได้ถึงความอำมหิตที่แผ่ออกมาจากดวงตาคู่โตนั้นจนขนลุกวาบ
“อยากรู้... ก็ต้องลองนะครับพี่ชิน แต่ทางที่ดีนทว่าอย่าลองจะดีกว่า”
“พี่ไม่ลองหรอก พี่ไม่มีวันลองแน่นอน ไม่ต้องห่วงนะ ตกอยู่ในกำมือของนทแบบนี้แล้วจะให้พี่หนีไปไหนรอดล่ะครับ”
นิชาหัวเราะให้กับท่าทางยอมแพ้ของร่างตรงหน้า พร้อมกับโอบบ่ากว้างเอาไว้เมื่อร่างกายถูกอุ้มให้เอนนอนลงบนโซฟาตัวเดิม
“พี่ชิน พรุ่งนี้เราไปใส่บาตรกันนะ”
“หืม ได้สิ ว่าแต่ทำไมจู่ๆชวนล่ะ?”
“ก็เห็นเขาบอกว่าตักบาตรร่วมกันแล้ว ชาติหน้าเราจะเกิดมาพบกันอีกไง”
“นทเชื่อด้วยเหรอ?”
“เชื่อสิครับ ไม่แน่นะ ถึงตอนนั้นนทอาจจะเป็นหนุ่มรูปหล่อ ส่วนพี่ชินเป็นสาวน้อยน่ารักน่าทะนุถนอมก็ได้”
ชายหนุ่มกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น ก่อนจะโอดโอยเมื่อถูกกำปั้นน้อยๆทุบหลังมาเต็มแรง
“ไม่พูดแล้ว”
“โอ๋ๆ อย่างอนนะ ปะ พรุ่งนี้ไปใส่บาตรกัน จะได้รู้ด้วยว่าทฤษฎีนี้จริงไม่จริง”
“แล้วจะรู้ได้ไงเล่า ไม่เชื่อก็บอกมาเหอะ”
“ทำไมจะไม่รู้ล่ะ สัญญากันแล้วไง จะชาตินี้หรือชาติหน้า เราก็ต้องเกิดมาคู่กันอยู่ดี เอาไว้ชาติหน้าเราค่อยมาดูกันนะว่าใครกันแน่ที่จะได้เป็นสาวน้อยน่ารัก”
นิ้วเรียวดีดกระหม่อมร่างที่นอนอยู่ข้างใต้เบาๆ ก่อนจะยิ้มตอบเมื่อเห็นอีกฝ่ายส่งยิ้มน่ารักมาให้
ชีวิตคนเราจะมีกันกี่ชาติก็ไม่รู้หรอก
แต่ว่าอย่างน้อย พวกเขาก็ขอสร้างความสุขและความทรงจำร่วมกันให้มากที่สุดตั้งแต่วันนี้ เพื่อที่ว่าวันเวลาผ่านไป จะได้ไม่มีวันไหนที่ทำให้นึกย้อนมาแล้วต้องเสียดาย
ไม่ว่าสุดท้ายแล้วเส้นทางจะไปจบลงที่ไหน พวกเขาก็จะไม่มีวันเสียใจ
--- ตราบใดที่ยังมีกันและกัน
- บทส่งท้าย จบ -
Talk: สวัสดีค่า หวานกันพอมั้ยคะ หรือยังไม่พอหว่า? ><
จริงๆชานมอยากจะให้คู๋กันหว๊านนนนหวานใส่กันเหมือนกันนะคะ
แต่ว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของคนสองคน ให้เขาไปหวานใส่กันหลังไมค์คงจะดีกว่าเนอะ (แถไปเรื่อย) 555
เรื่องรวมเล่ม คงอีกสักพักนะคะ แต่ว่าคงมีตอนพิเศษที่ลงในเล้านอกเหนือจากตอนพิเศษในรวมเล่มให้หายเหงากันค่ะ
(แต่สารภาพตามตรงว่าตอนนี้ยังนึกไม่ออก 555)
ใครอยากอ่านตอนพิเศษแบบไหน รีเควสกันได้นะคะ เป็นไอเดียให้ชานมด้วย
ขอบคุณมากที่ติดตามกันมานะคะ ^ ^
ป.ล. สุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัย เป็นสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ << เพราะคนเขียนเพิ่งแอดมิดรพ.มาหมาดๆ 555