พอมาถึงโฮมสเตย์ ก้านก็หันมาเรียกคนที่หลับในทันทีที่ล้อหมุน
“อ้าว อยู่บ้านแล้ว”
แนชงัวเงียลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้าน ท่าทางเก้อเล็กน้อยพอเห็นพ่อแม่ ที่ลุกออกมาดู
พ่อเรียกก้านให้อยู่คุยกันก่อน แนชก็เลยเดินผ่านจะขึ้นไปอาบน้ำ ตอนที่เดินขึ้นบันไดยังได้ยินที่พ่อคุยกับก้าน
“พ่อไม่ได้อยากยอมรับที่แกชอบผู้ชายด้วยกันหรอกนะ แต่ตอนที่เห็นแกผิดหวัง พ่อกับแม่ก็กลับเสียใจไปกับแก ก็ยังคุยกันว่า รออีกสักเดือนถ้าพวกแกแยกกันจริงๆ ก็จะจับแกไปเจอกับผู้หญิงแล้ว แต่พอเห็นเขาขับรถมาหาแกกลางดึก มาพูดขอโทษพ่อกับแม่ ก็คิดว่า เพราะพวกแกอยู่ไกลกัน มันจะมีช่วงเวลา มีช่องว่างเยอะ ถ้าคิดจะคบกัน มันก็ต้องใช้ความอดทน และความเข้าใจมากกว่าคนที่เขาคบกันแล้วก็ทำงานอยู่ที่เดียวกันหลายเท่า”
พ่อสอนแล้วเดินกลับขึ้นมาที่ห้องนอน ขณะที่แนชรีบเข้ามารออยู่ในห้องเหมือนกัน พอก้านตามเข้ามาเลยเห็นว่าแนชยังไม่ได้อาบน้ำ
“กระเป๋ากูยังอยู่ในรถ พ่อกับแม่ขึ้นห้องกันหมดแล้วหรือยัง”
“ขึ้นมาแล้ว แนชอาบน้ำเลยก็ได้ผมลงไปเอากระเป๋าให้”
“ไม่ต้อง กูไปเอาเองดีกว่า มึงนอนเถอะ”
“งั้นแนชเอากางเกงผมใส่นอน พรุ่งนี้เช้าผมไปเอากระเป๋าให้” ก้านลุกไปหยิบกางเกงเลจากตู้มาส่งให้ ตัดปัญหาไม่ต้องเถียงกันเรื่องกระเป๋า
แนชรับกางเกง แต่พอก้าวเข้าไปในห้องน้ำก็กลับออกมาใหม่
“กูว่ายังไงกูก็ต้องลงไปเอากระเป๋าอยู่ดี”
“ทำไม”
“ก็แปรงสีฟันอันที่กูใช้ครั้งก่อนไม่อยู่แล้ว”
ครั้งก่อนก้านมีแปรงสีฟันใหม่ ที่ยังไม่ได้แกะอยู่ในตู้ แนชก็เลยถือวิสาสะแกะใช้ แต่ว่าตอนนี้เหลือแปรงอยู่อันเดียว
“หรืออยู่ในตู้”
“ไม่มีหรอก ผมยังไม่ได้ไปเอามาสำรองไว้”
ก็ที่นี่เป็นโฮมสเตย์ มีของใช้ส่วนตัวแบบนี้สำรองอยู่ที่ร้านค้าเล็กๆ ด้านหน้า แปรงสีฟันอันเดิมที่แนชใช้ตอนคืนแรกที่โดนพามาจากร้านของตือ เป็นอันที่ก้านสำรองไว้ในตู้
แนชอึ้งๆ “มึงคิดว่ากูจะไม่กลับมาแล้วใช่มั้ย”
ก้านไม่ตอบคำถาม แต่ลุกขึ้นมากอดไว้
“กูอยากมาตั้งแต่วันนั้น แต่วันถัดมากูยังต้องทำงาน แล้วกูก็ไม่กล้าด้วย ยิ่งคิดว่าถ้าเปลี่ยนเป็นมึงพูดอย่างนั้นแล้วกูมาได้ยิน กูอาละวาดแน่ แต่เพราะเป็นมึง กูได้แต่ลังเล ยิ่งโทรหายิ่งเงียบหายก็ยิ่งไม่กล้า”
“อาบน้ำเถอะ ถ้าไม่รังเกียจ ใช้แปรงสีฟันอันเดียวกันได้มั้ย”
ตื่นสายกว่าใครในบ้านเหมือนเคย ลงมารถกระบะสีหม่นคันนั้นไม่อยู่แล้ว เลยเดินมาที่ห้องครัวที่เป็นห้องอาหารในเวลาเดียวกัน มีแม่บ้านกำลังหั่นผักเตรียมของสดสำหรับมื้อเที่ยงอยู่คนเดียว ก็เลยขอทำข้าวไข่เจียวกินเองแล้วมาช่วยเด็ดผัก ล้างของจนเกือบ 11 โมง คนงานจากร้านค้าด้านหน้าคนหนึ่งก็เข้ามาช่วยงานในครัว
แขกชุดแรก 2 คนเข้ามาในห้องครัวเพื่อกินอาหารเที่ยงก่อนที่จะออกไปเที่ยวข้างนอก แล้วก็มีทยอยเข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งเที่ยง
นัดรับประทานอาหารมื้อค่ำตอนหนึ่งทุ่ม เป็นมื้อพิเศษที่มีอาหารทะเลเผาด้วย
มีเพียงแขก 2 คนแรกที่ขอสั่งอาหารค่ำไปรับประทานที่ห้องพัก ส่วนคนอื่นๆ จะมาตามเวลานัด
แนชมีหน้าที่เพียงยืนยิ้ม แล้วก็ช่วยเก็บล้างทำความสะอาดเมื่ออาหารมื้อนี้ผ่านไป และมีคนงานหลายคนเข้ามากินข้าวเที่ยง
“พี่ครับ ก้านยังไม่กลับมากินข้าว”
แม่บ้านหันมาบอก “อาจกินที่ร้านก่อสร้างก็ได้นะคะ”
แนชพยักหน้ารับทราบ “แล้วปกติ เขาให้พี่ดูแลหมดเลยหรือครับ”
“ไม่หรอกค่ะ” แม่บ้านบอกกลั้วหัวเราะ “ถ้าคุณก้านไม่อยู่ ก็จะให้แม่มาอยู่ วันนี้คงเห็นว่าคุณมาน่ะค่ะ”
“นี่เขาไม่คิดว่าผมจะหนีไปหาแม่ผมมั่งหรือไง”
แม่บ้านยิ้มเหมือนรู้ว่า แนชไม่มีทางหนีไปหาแม่ในเวลาที่ที่นี่กำลังขาดคนแบบนี้
แนชช่วยงานในครัวเสร็จก็เลยออกมาโทรศัพท์หาก้านที่ร้าน เพราะโทรเข้ามือถือไม่ติด
“ขออนุญาตไปหาแม่นะ”
“ก็ไปสิ”
“แล้วที่นี่ ปล่อยไว้งี้เหรอ”
“แนชจะไปนานหรือไง”
“ก็ถ้าคืนนี้กูไปนอนกับแม่ล่ะ”
ก้านหันไปมองคนงานที่กำลังจัดของตามใบสั่งขึ้นรถแล้วบอกกับแนช
“ไปเถอะ ทางนี้จัดของขึ้นรถแล้วอีกสักครึ่งชั่วโมงผมจะไปถึง ฝากบอกพี่แม่บ้านให้ด้วย”
ตอนที่แนชขับรถผ่านห้องพักที่ด้านหน้า ทุกอย่างก็ดูสงบเงียบดี แต่ก็จำได้ที่ก้านเคยบอกไว้ว่าถ้ามีแขกมาพักเต็มที่นี่ก็วุ่นวายเหมือนกันเพราะคนงานมีแค่แม่บ้าน กับยาม
แล้วเดี๋ยวเขาก็กลับมาแล้วนี่หว่า
กลับมาบ้านตัวเอง คุยกับพ่อแม่ แล้วก็กินข้าวเย็น ใจมันก็พะวักพะวน จนแม่สงสัย
“เป็นอะไรของแก ทำเหมือนคนลืมของจะกลับไปเอาดีหรือไม่เอาดี”
“ไม่ได้ลืมหรอก แนชรู้สึกว่าควรจะกลับไปช่วยเขาทำงาน แต่อีกใจก็คิดว่า เขาทำกันมาตั้งนานแล้ว จะไปทำอะไรได้”
“ที่โฮมสเตย์ของก้านน่ะหรือ” พ่อถาม
“ครับ”
“คนเต็มหรือไง”
“ช่าย ตอนที่แนชมาบ้าน ก้านมันยังอยู่ที่ร้านก่อสร้าง พี่แม่บ้านเขาบอกว่าไม่เป็นไร ช่วงบ่ายแขกมักอยู่ในห้อง ไม่ก็ออกไปเที่ยวข้างนอก แต่มันก็..ไม่รู้สิ มันเหมือนไปนั่งๆ นอนๆ แล้วก็เห็นอยู่ว่ามีงานดันหนีกลับบ้าน”
“ถ้าจะไปก็ไปช่วยเขาทำงาน อย่ามัวแต่กินเหล้า เล่นสนุกไปเป็นภาระให้เขา” พ่อบอก แล้วเดินไปเปิดโทรทัศน์ดูข่าว แนชคุยกับพ่ออีกครู่ ก็ขอกลับมาที่โฮมสเตย์อีกรอบ เสียงเพลงจากห้องอาหารยังดังอยู่ แสดงว่าอาหารมื้อค่ำยังไม่จบลง
คนขับรถตามหลังแนชเข้ามาคือแขก 2 คนที่แจ้งไว้ว่าจะสั่งอาหารค่ำไปกินที่ห้องพัก
แนชจอดรถที่หน้าบ้านพักแล้วเดินกลับมาถามว่าต้องการสั่งอาหารหรือยัง ทั้งคู่ก็เลยสั่งอาหาร หนุ่มตัวเล็กรับคำสั่งแล้วถึงได้มาที่ห้องอาหาร
จดรายการอาหารที่แขกสั่งให้กับแม่บ้าน เจ้าของโฮมสเตย์ก็รีบดึงมือไว้ก่อนที่แนชจะไปช่วยล้างจานชาม
"เหนื่อยหรือเปล่า"
"ไม่หรอก กูว่ากูน่าจะถามมึงมากกว่านะเรื่องนั้นน่ะ"
"ผมไม่เท่าไหร่หรอก ตอนบ่ายที่แนชไม่อยู่ โดนไล่ให้ไปนอนตอนบ่าย"
แนชพยักหน้าช้าๆ "แสดงว่ากูไม่อยู่นี่ดีสินะ เพราะมึงได้พัก"
ก้านหน้าเหวอ จนแม่บ้านที่กำลังเตรียมอาหารอยู่ใกล้ๆ หัวเราะขำ "ไม่ใช่หรอกค่ะ คุณก้านกลับมาแล้วไม่เจอคุณ ก็เริ่มเดินวนไปวนมา พี่ก็เลยบอกว่า ให้ไปนอนพัก พอแขกกินอาหารค่ำเสร็จ จะได้มีแรงไปหาคุณในเมือง"
เสร็จงาน แม่บ้านและคนงานก็ทยอยกลับ เหลือแต่ยามที่ด้านหน้า ก้านกับแนชเดินเรื่อยๆ กลับมาที่บ้านพัก
"เหมือนไม่ยุ่งแต่ก็ยุ่ง"
"เฉพาะฤดูท่องเที่ยวกับเสาร์อาทิตย์เท่านั้นแหละ วันธรรมดาก็ได้แต่ซ่อมประตูหน้าต่าง ล้างบ้านกันไปเรื่อย"
เดินกลับมาเกือบถึงบ้าน ก้านถึงได้หันมาถาม "แนชจะกินเหล้าหรือเปล่า ผมกลับไปเอามาให้"
"ไม่กินหรอก"
"กินได้นะ"
แนชชกเบาๆ ที่ไหล่หนา "ห่า เห็นกูเป็นไอ้ขี้เมาไปได้"
ก้านหัวเราะ โอบไหล่บางเดินเข้าบ้าน "ก็เห็นว่าเวลากลับมาบ้านแล้วจะไปกินเหล้ากับพวกพี่กิมทุกครั้ง"
"เหมือนกันซะที่ไหนละ" แนชเถียง
"แล้วมันต่างกันตรงไหน"
"ตรงที่มึงไม่ใช่เพื่อน"
คำตอบของแนชทำให้ก้านถึงกับหยุดกึก
"กูละนึกแล้วเชียว ไอ้ยักษ์บ้า ต้องน้อยใจแน่ๆ เข้าบ้านก่อนเลย" พอเริ่มบ่น แนชก็บ่นไปเรื่อย "ทีเวลาอยู่กับแขก อยู่กับคนงาน ไม่เห็นมันจะขี้น้อยใจ ใครใช้ให้ทำอะไรก็ทำ อยากได้อะไรบอกมา ป๋าก้านทำให้ ทีกับกูพูดนิดพูดหน่อย แม่งนอยด์ตลอด ไอ้แนชละไม่เข้าใจจริงจริ๊ง"
พอเข้ามาในบ้าน แนชก็ดึงแขนให้ก้านนั่งที่เก้าอี้โต๊ะกินข้าว แล้วตัวเองนั่งคร่อมตักหันหน้าเข้าหา
"หนีได้ ให้มันรู้ไป"
"แนช...แต่ผมว่า ท่านี้มัน ...ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ"
แนชก้มหน้ามองแล้วกลายเป็นหน้าแดง แต่พอจะลุกขึ้น ก้านกลับกอดเอวบางไว้
"นั่งแล้วนั่งเลย ห้ามลุก ไม่งั้นผมเดินหนี"
"สัดเหอะ ชอบขู่อะไรของมึงไม่รู้ กูจะปัญญาอ่อนตามมึงแล้วเนี่ย" กำปั้นผอมๆ ทุบเข้าที่ไหล่ "แล้วกูจะพาเข้าเรื่องยังไงดีวะ ...เอางี้ กูถามก่อน ใครบอกมึงเรื่องที่กูกลับมาแล้วต้องไปกินเหล้า"
"พี่กิม"
"ก็เออ ถูก ไอ้กิมเพื่อน ไอ้ตือก็เพื่อน ทุกคนเป็นเพื่อนกินเหล้าด้วยกันมาตั้งแต่เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อจากเด็กชายเป็นนาย แต่ที่กูไม่กินกับมึง เพราะมึงเคยบอกว่า เวลาที่ที่นี่มีแขกมึงจะไม่กินเหล้า"
"แล้ว.."
"แล้วไง ก็มันคนละเรื่องกัน อย่าเอามาเกี่ยวกันสิ"
"ก็เมื่อกี้แนชบอกว่า ไม่กินกับผม เพราะผมไม่ใช่เพื่อน"
"เหรอ~~" แนชทำหน้านิ่ว "งั้นก็กูมั่ว"
ก้านขำที่แนชไถลเสียดื้อๆ
...แนชก็มั่วๆ แบบนี้ทุกทีน่ะแหละ...
"เอาเป็นว่า ถ้ามึงไม่กินกูก็ไม่กินโอเค๊"
"โอเค"
"แล้วน้อยใจอะไรอีก"
"วันเกิด" ก้านพูดสั้นๆ
แนชถึงกับใช้ข้อนิ้วขยี้ที่หว่างคิ้ว "ก็. พูดเหมือนเดิมได้มั้ย...”
คนตัวเล็กมัวแต่มองไปทางอื่น เลยไม่ได้เห็นอาการซ่อนยิ้มของคนที่กำลังน้อยใจ
“กูขอโทษ...กูไม่ได้มีใครที่ไม่อยากให้รู้เรื่องมึง คือสำหรับมึงแล้ว เวลามันนานหลายปี แต่สำหรับกูมันเหมือนเราเพิ่งคุยกัน แล้วมันก็เร็วมากจนกูยังไม่อยากเชื่อตัวเอง เจอมึงเป็นน้องเต้ยร้านปาลูกโป่งในงานโรงเรียน อีกชั่วโมงสองชั่วโมงถัดมามึงกลายมาเป็นน้องเต้ยเด็กเสิร์ฟ แล้วก็เอาตุ๊กตาหลอกกูมาที่นี่”
ก้านกลั้นหัวเราะจนแทบสำลัก ต้องทำเป็นกระแอมเพื่อไม่ให้หลุดเสียก่อน
แนชได้แต่เหลือบตามอง
“แล้วมึงก็ถอดวิก เพื่อที่จะบอกกับกูว่ามึงคือนักบอลโรงเรียน แล้วมึงก็กลายเป็นเจ้าของที่นั่นที่นี่ มึงเข้าใจมั้ย สำหรับกูแล้วมึงเป็นเหมือนลมที่พัดอยู่รอบๆ ตัวกูน่ะ จู่ๆ ก็เกิดขึ้นแล้วก็วนเวียนอยู่อย่างนี้” แนชทำมือหมุนๆ อยู่รอบศีรษะตัวเอง
“แล้วกูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมกูถึงยอมตามใจมึงง่ายนัก พอพวกเขาถามขึ้นมาปากมันก็พูดออกไปเอง ขอโทษนะ"
ก้านพยักหน้า เหมือนยอมรับในคำตอบ ที่สรุปจบแบบดื้อๆ ตามนิสัย แต่กลับถามต่อ
"ผมบังคับแนชหรือเปล่า"
"เปล่า เมื่อคืนกูขับรถมาเอง วันนี้ก็ขับมาเองเหมือนกัน"
"แล้วคืนนั้น ไปฉลองวันเกิดกับใคร"
"ไม่ได้ไป สั่งพิซซ่ามากินที่ทำงานกัน แล้วก็กลับห้อง กูทั้งโทรหา ทั้งพิมพ์ข้อความหามึงจนมือจะหงิก มึงเห็นข้อความบ้างหรือเปล่าเหอะ"
ก้านหันไปมองที่ลิ้นชักเก็บของแห้งในครัว ทำให้แนชมองตาม
"อย่าบอกนะ...." หนุ่มตัวเล็กลุกไปเปิดตู้ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา เครื่องแบตฯ หมดดับไปแล้ว "โห มึงนะ เชื่อเขาเลย"
ก้านดึงมือแนชให้กลับมานั่งที่เดิม แล้วแย่งโทรศัพท์วางไว้บนโต๊ะ
"ก็ผมกลัวแนชจะว่าผมงี่เง่า แล้วเลือกคนที่แนชไปฉลองวันเกิดด้วย โทรมาบอกเลิกกับผม ผมก็เลยเอาโยนไว้ในตู้"
"คนนั้นคนไหนอีกวะเนี่ย ปวดหัวว่ะมึงน่ะ" แนชโวยวาย อยากยิ้ม อยากขำและอยากร้องไห้ในเวลาเดียวกัน
"แนชไม่รู้หรอกว่าเวลาเดินเข้าไปในออฟฟิศแบบนั้น ผมมันก็แค่ไอ้บ้านนอก จะเอาอะไรไปสู้กับคนตัวขาวๆ แต่งตัวสวยๆ แบบนั้นได้"
"สวยตรงไหน ทุกคนแต่งตัวเหมือนกันหมด อย่างกับถ่ายสำเนามา" แนชเถียง พาออกนอกเรื่อง พอหันมามองคนที่เรียกตัวเองว่าไอ้บ้านนอก รอยยิ้มที่เปิดเผยเต็มตาทำให้ใจเต้นแรงต้องหันไปมองทางอื่น "เคลียร์หรือยัง กูจะได้ไปอาบน้ำแล้วจะลงมาดูละคร ปกติกูกลับมาต้องมาดูละครกับแม่นะเนี่ย"
ก้านดันคางสวยให้หันกลับมารับจูบ จากริมฝีปากต่อริมฝีปากกลับกลายเป็นปลายลิ้นที่สัมผัสม้วนเกี่ยว แล้วดูดริมฝีปาก แนชเอียงหน้ารับจูบ ฝ่ามือใหญ่ที่ต้นขาและสะโพกคล้ายมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น
เสียงครางแผ่วในลำคอของคนตัวเล็กยิ่งกระตุ้นให้ก้านรุกกว่าเดิม สอดมือเข้าใต้เสื้อสัมผัสแผ่นหลังบาง แนชเอนตัวตามแรงมือเข้ามาแนบชิด
ริมฝีปากบางละออกซุกหน้าลงกับไหล่
"แนช"
"อือ"
"เหนื่อยหรือ"
"อือ"
"แนช"
"ถามก็ถามสิ มือมึงน่ะ ทำไมต้องเลื้อยด้วยวะ" แนชยุกยิกหนีมือซนที่ลูบแผ่นหลัง แล้ววนกลับมาหายอดอกเกลี่ยปลายนิ้วผ่าน แล้วบีบคลึงที่ยอดอก "มัน...เสียว..."
ริมฝีปากหนาก้มลงจูบย้ำ รู้สึกถึงมือผอมๆ ที่ออกแรงบีบไหล่แน่นกว่าเดิม จนต้องดึงออกให้คล้องคอไว้ แต่ยังไม่ละจูบ
เลื่อนมือกดสะโพกเข้ามาหา แล้วบีบนวดที่ก้นกลม พอละจูบที่ริมฝีปากไปที่แก้มแดงเรื่อ แนชก็หอบเบาๆ
"แนชไปอาบน้ำก่อน ผมต้องไปดูที่ป้อมด้านหน้า แล้วจะกลับมาปิดบ้าน"
สีหน้าของคนตัวเล็กแสดงออกชัดเจนว่ามีคำถาม แล้วก็เปลี่ยนเป็นเขิน จนต้องลุกขึ้นแล้วหันมาชกแขนใหญ่อีกที ก่อนที่จะวิ่งขึ้นบันไดบ้าน
“ก็ผมต้องทำงานนี่นา” ก้านทำเสียงอ้อนไล่หลังมา
======จบตอนที่ 3=======
ขอบคุณที่คุณชอบเรื่องนี้นะครับ แต่เวลาบวกคะแนนกติกาบอกให้บวกที่กระทู้แรกของแต่ละตอนนะครับ
สายเพราะต่างคนต่างคิดว่าอีกคนลงเรื่องแล้วนะครับ ก็วันนี้วันสีฟ้า พี่ไจฟ์ต้องมาลงเองนี่นา อยากเม้าท์ต่ออีกนิดอะ
คือไอ้พระเอกสวยเนี่ย ที่มา่มันคือ ในเฟสบุ๊ค ที่เขามีแอพฯ ให้คะแนนอวาต้าร์ แล้วพี่ไจฟ์ได้คำว่า "สวย" 55555 คำแรกที่ออกมาจากปากคือ "xxย เหอะ ชกแม่งให้คว่ำ ใครทำแอพฯนี้วะ!!!"
อีกเรื่องคือ ผมคิดพล็อตแค่ที่บอกคุณ แต่เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ พี่ไจฟ์เขียนไปหัวเราะไป ผมมายืดเรื่องนิดๆ หน่อยๆ อย่าชมว่าผมเก่งเลย เดี๋ยวผมเชื่อจริงๆ นะเออ
พบกันวันอาทิตย์นะครับ
ไจฟ์กัีบทีครับ