เรื่องนี้อิทธิพลมาจากช่วงที่ฝนตกและเพลงนี้ค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=_eTAbIWSlnEฝากด้วยนะคะ
ตอนที่ 02
ปลายเดือนมิถุนายน พายุหอบเอาเม็ดฝนหยดรินตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันจวบจนพระอาทิตย์ตก กระทั่งบัดนี้แม้เข็มนาฬิกาจะบ่งบอกว่าควรแก่เวลานอนของเหนือแล้ว เสียงของน้ำฝนดังคงดังเปาะแปะยังสะท้อนมาในห้องนอนซึ่งถูกปิดไฟมืดสนิทให้เจ้าของห้องนอนลืมตาโพลง
แค่ลำพังเสียงฝนตกตอนกลางคืนสำหรับคนต่างถิ่นก็ทำให้รู้สึกเคว้งคว้างอยู่แล้ว ยิ่งยามมันเคล้ามากับเสียงเชลโล่ในห้องโถง ยิ่งทำให้หัวใจเล็กบีบตัวลงอย่างประหลาด เหนือไม่แน่ใจว่าเขาเหงา กำลังคิดถึงบ้าน ตื่นเต้นกับงานวันพรุ่งนี้ แปลกที่ หรือเป็นเพราะประโยคบ้าๆที่ตัวเองพูดเมื่อสบเข้ากับดวงตาไร้แววคู่นั้นของพี่ชายเป็นครั้งที่ 2 ของวันกันแน่
บางทีทั้งหมดอาจเป็นเหตุผลทำให้เหนือนอนไม่หลับ
ร่างกายบอบบางขยับพลิก แล้วถอนหายใจออกมาเสียงแผ่ว เขาเฝ้าจินตนาการถึงการมีพี่ชายสักคนไว้ปรึกษา ชวนทำเรื่องพิเรนทร์ๆนอกกรอบคุณแม่ มีชีวิตอิสระเป็นของตนเองมาตั้งแต่เล็ก หากแต่เพราะตัวเป็นลูกชายคนเดียวที่ผ่านการทำกิ๊ฟท์มาครั้งแล้วครั้งเล่าของคุณหญิงยศวดี ดังนั้นถึงถูกเลี้ยงดูอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่เด็ก
คิมหันต์เกิดในฤดูร้อน และคุณหญิงอยากให้สามีของหล่อนพึงระลึกไว้ว่ามีลูกชายอยู่เมืองเหนือหล่อนจึงตั้งชื่อให้เขาเช่นนี้ การถือกำเนิดของบุตรชายเป็นเรื่องที่ดีเพราะมันทำให้สามีของหล่อนกลับบ้านและเลิกรากับภรรยาลับจากเมืองกรุงได้ในที่สุด
กระนั้นเหนือก็รู้ดีว่าพ่อรักคุณปานวาดมากเพียงใด เขารับฟังเรื่องราวต่างๆของญาติที่ไม่เกี่ยวพันกันทางสายเลือดผ่านปากของชายวัยกลางคนตั้งแต่เล็ก รูปภาพของคุณปานวาดกับพี่ปานฝันถูกเก็บไว้อย่างดีลับตาคุณหญิง กระนั้นวันที่โทรศัพท์จากทางโรงพยาบาลในกรุงเทพดังขึ้น บิดาก็เร่งเก็บเสื้อผ้าจองตั๋วเครื่องบินหอบเขาซึ่งยังอยู่ในเครื่องแบบมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มางานศพของหญิงในตำนานกันตามลำพังโดยไม่ให้มารดารู้
คิมหันต์มองพี่ชายอยู่ห่างๆ เขาไม่รู้จะไปแนะนำตัวกับผู้ชายที่นั่งเรียบร้อยหน้าโลงศพนั้นว่าอะไร
ตาคู่นั้นของปานฝันไร้แวว ไม่มีหยดน้ำตาแต่กลับทำให้เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดและโดดเดี่ยวได้อย่างชัดแจ้ง
“ถ้าเหนือเรียนจบ เหนือจะมาอยู่กับพี่ฝันได้ไหม?”
คิมหันต์ถามบิดาขณะที่นั่งเครื่องกลับเชียงใหม่ สายตาของพ่อเหม่อลอยออกไปด้านนอกซึ่งเต็มไปด้วยกลุ่มเมฆสีขาวตัดกับพื้นสีฟ้า ไม่มีคำตอบจากบิดาจนเหนือคิดว่ามันคงเป็นเพียงฝันลมๆแล้งๆของเขาอีกครั้ง
เหมือนกับฝันว่าจะได้เรียนโรงเรียนสหศึกษา เหมือนกับฝันว่าจะมีเพื่อนในรูปแบบที่ต่างไป เหมือนกับฝันที่เขาจะได้นั่ง2แถวกลับบ้านเหมือนคนอื่นบ้าง เหมือนกับฝันว่าเขาจะมีแฟนสาวน่ารักๆสักคน
คิมหันต์เป็นลูกคุณหนูโดยสมบูรณ์แบบกระทั่งบริษัทขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นติดต่อมาหลังจากเรียนจบ มันเป็นโอกาสอันดีของเขาทั้งในเรื่องหน้าที่การงาน จวบจนไปถึงชีวิตประจำวัน
แต่เมื่อได้ใช้ชีวิตกับปานฝัน กลับไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาจินตนาการไว้
เขาไม่ได้รับการเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายของตน แต่กำลังถมบ่อเหวแห่งความเคว้งคว้างให้อีกฝ่ายต่างหาก
พี่ฝันไม่ใช่พี่ชายที่จะพาเขาเตะบอลและเล่นโคลนสนุกๆ แต่กลับเป็นชายหนุ่มที่เขาอยากจะเอื้อมมือไปจับเอาไว้ไม่ให้มันสั่นไหวพร้อมกับบอกว่า “ไม่ว่าจะต่อไปจะเป็นยังไง พี่ฝันก็ยังมีเหนือนะ...”
ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง เขาพลิกตัวมากอดหมอนข้างใบสีขาว เสียงเชลโล่สงบลงแล้วเหลือเพียงเสียง แต่ก แต่ก ของเข็มนาฬิกาสลับกับเสียงเม็ดฝนกระทบหลังคาดังเปาะแปะเท่านั้น
ประตูห้องสีขาวถูกเปิดออก คิมหันต์ปิดตาหลับแทบไม่ทัน เขาไม่เข้าใจตัวเองสักนิดเดียวว่าทำไมต้องแกล้งทำเป็นนอนแล้วทั้งๆที่พี่ฝันไม่ได้จะเข้ามาดุที่เขาพลิกตัวไปมาไม่รู้จักหลับจากนอนทั้งๆที่พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าสักหน่อย เปลือกตาอ่อนสงบนิ่งอยู่นาน เขารอให้แสงไฟที่ลอดมาจากด้านนอกมืดลงทว่าเวลาผ่านไปนานนับนาทีประตูก็ยังคงเปิดทิ้งไว้อยู่
คิมหันต์ลังเลว่าเขาควรลืมตาขึ้นหรือไม่ ทว่าสัมผัสอ่อนโยนจากมืออุ่นที่แตะลงบนเส้นผมทำให้เด็กหนุ่มตัดสินใจแกล้งหลับต่อ
ไม่มีเสียงพูดใดๆหลุดออกมาจากปาก ปานฝันเดินออกจากห้องน้องชายต่างสายเลือดไปอย่างเงียบเชียบ ทิ้งไว้เพียงแววตาสับสนของคนบนเตียงที่ปรือเปิดมองบานประตูค่อยๆปิดลงอย่างเชื่องช้าเท่านั้น
คิมหันต์ค่อนข้างเป็นที่ถูกใจของเพื่อนร่วมงานหลังจากเริ่มงานวันแรก รูปร่างหน้าตาอินเทรนด์ราวหนุ่มเกาหลีจวบกับผิวขาวของชาวเหนือทำให้ป้าแก่ๆตลอดจนเสือสิงห์กระทิงแรดครึกครื้นกันใหญ่ หลังเลิกงานพนักงานและหัวหน้าถึงกับกระตือรือล้นเหลือเกินที่จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณหนูในร้านอาหารที่เป็นผับแอนด์เรสเตอรองค์ใกล้สำนักงาน คิมหันต์กดโทรศัพท์บอกพี่ชายที่ตกลงว่าจะมารับในช่วงสัปดาห์แรก เป็นระยะเวลานานกว่าอีกฝ่ายจะรับสาย
“ว่าไง”
“พี่ฝันรับสายช้า”
“สอนอยู่ เพิ่งเลิก อีก 20 นาทีรอแถวออฟฟิศไปก่อน”
ปานฝันคิดว่าคิมหันต์โทรเร่ง เขารีบเก็บเอกสารการสอนลงกระเป๋าโดยใช้คอเอียงหนีบโทรศัพท์เอาไว้
“เปล่าๆ เหนือไม่ได้เร่ง จะบอกว่าวันนี้ที่ออฟฟิศมีเลี้ยงที่ร้าน the cafe สัก3ทุ่มค่อยมารับเหนือได้ไหม?”
ปานฝันยกแขนขึ้นมาดูเวลา เขาเกือบจะตอบรับคำในลำคอแล้วแต่ดูเหมือนน้องชายจะเปลี่ยนใจเสียก่อน “หรือพี่ฝันจะมาทานด้วยกัน?”
“ไม่ล่ะ นายอยู่กับเพื่อนดีกว่า”
“แล้วพี่ฝันจะทานมื้อเย็นกับใคร?”
กับใคร? อย่างนั้นหรือ? คิ้วหนาของปานฝันขมวดเข้าหากันเล็กน้อย โดยปกติแล้วเขามักเจียวไข่กินง่ายๆที่บ้านต่อด้วยเบียร์ซักกระป๋องแล้วนั่งอ่านหนังสือหรือเล่นดนตรีจนกว่าจะเข้านอน ลืมนึกไปแล้วว่าบางทีคนเราก็ควรมีเพื่อนกินข้าวในบางมื้อบ้าง
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันกลับไปกินที่บ้านเอง”
“ถ้าพี่ฝันจะกลับบ้านแล้วเดี๋ยวเหนือให้พี่ที่ออฟฟิศไปส่งก็ได้ จะได้ไม่ต้องวนรถกลับไปกลับมา”
“จำทางกลับได้แล้วหรือไง?” ปานฝันถาม คราวนี้ปลายสายเงียบไปซึ่งเป็นคำตอบให้พี่ชายอย่างดีว่าเหนือยังไม่คุ้นทาง คิมหันต์ถอนใจหนักด้วยความเกรงใจพลางกระชับโทรศัพท์ในมือแน่น
“ถ้าอย่างนั้นพี่ฝันมาด้วยกันเถอะ จะได้รู้จักเพื่อนๆเหนือด้วย คนอื่นไม่ว่าอะไรหรอก”
คิมหันต์ลองอ้อนอีกครั้ง ปลายสายเงียบไปพักใหญ่ให้คนขอใจเต้น สุดท้ายแววตาสับสนของปานฝันก็สงบลงพร้อมกับคำตอบซึ่งเป็นที่พอใจของน้องชาย
“อีก20นาทีเจอกันที่ร้านก็แล้วกัน...”
ฤดูฝนยังคงทำหน้าที่ของมันไม่ขาดตก แม้เวลาล่วงมาดึกดื่นจนเริ่มเข้าวันใหม่แล้ว เม็ดฝนก็ยังโปรยปรายไม่รู้จักหลับนอน
นิวบีทเทิลคันสีฟ้าแล่นผ่าละอองฝน ไฟหน้าสีส้มเหลืองสาดกระทบหยดน้ำให้เห็นท่ามกลางความมืด ล้อยางคุณภาพดีค่อยๆบรรจงหยุดอย่างนิ่มนวลเมื่อเข้าสู่โรงรถชายคาบ้านหลังที่เขาใช้พำนักพักพิงเป็นประจำ
“....เหนือ”
สารถีหันไปเรียกน้องชายต่างสายเลือดเบาๆ เขาสะกิดที่เสื้อแขนยาวสีขาวแต่เด็กหนุ่มก็ไม่ยอมลืมตาเปิด กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยคละคลุ้งตลบภายในรถนั่นไม่ใช่ของปานฝัน เขาไม่ดื่มโดยให้เหตุผลกับเพื่อนพนักงานของคิมหันต์ว่าต้องขับรถ อีกทั้งยังต้องดูแลเหนือซึ่งคงไม่แคล้วถูกรับน้องจากเพื่อนร่วมงานด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครั้งแรกในชีวิต
สุดท้ายก็ไม่ต่างจากที่เขาคาดการณ์ คิมหันต์เมามายไร้สติตั้งแต่เดินออกจากร้านจนบัดนี้ก็ยังไม่สร่าง
ชายหนุ่มถอนหายใจ สัดท้ายก็ต้องหิ้วปีกพยุงคิมหันต์ให้ลุกเดินอย่างทุลักทุเลเข้ามาในห้องนอน วางร่างเล็กลงบนเตียงนุ่มเบามือแล้วเลื่อนไปปัดเกลี่ยผมเส้นเล็กที่ร่วงลงปาปกใบหน้าค่อนไปทางหวานซึ่งกำลังเห่อแดงไปจนถึงใบหู
“เป็นยังไงบ้าง?”
ตากลมโตเหมือนลูกหมาของคิมหันต์ปรือเปิด เขาส่ายหัวเมื่อพี่ชายเอ่ยถามด้วยความไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี ทั้งชาและร้อนไปทั้งหน้า ลำคอ หัวใจก็เต้นถี่จนสมองปวดมึนไปหมด
“เดี๋ยวฉันเอาผ้ามาเช็ดหน้าให้ อยากอ้วกไหม?”
คิมหันต์ส่ายหน้าอีกครั้ง ปานฝันจึงลุกไปเตรียมผ้าเช็ดตัวชุบน้ำพอหมาดในห้องน้ำ นานมากแล้วที่ชายหนุ่มไม่ได้ดูแลใครสักคน เป็นเวลาร่วม 4 ปีที่เขาหายใจตามลำพัง ทว่าพอกลับเข้ามาในห้องที่เปิดเพียงไฟโคมเอาไว้ เจ้าบ้านกลับไม่พบร่องรอยของน้องชายอย่างทีแรก
ติ๊ง - - - เสียงเปียโนดีดกังวาฬจากห้องโถง ปานฝันถือผ้าเช็ดตัวกับกะละมังเล็กเดินตามเสียงไป อย่างที่คิดคือคิมหันต์นั่งตาปรือปรอยโงนเงนอยู่หน้าแกรนเปียโนสีดำซึ่งเป็นที่รักยิ่งของมารดา
“เหนืออยากฟังพี่ฝันเล่นเปียโน”
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาพูด ปานฝันวางกะละมังพลาสติกไว้บนโต๊ะเล็กข้างโหลปลาทองแต่หยิบผ้าเช็ดตัวยื่นให้คนเมา คิมหันต์รับมาเช็ดหน้าตัวเองแรงๆไล่ลงมายังลำคอที่ปานฝันไม่สังเกตในทีแรกว่ามันแดงเถือกไม่ต่างกัน
“เพลงที่พี่ฝันเล่นกับคุณวาด เหนืออยากฟัง”
ปานฝันนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดียวกันกับคิมหันต์เพียงแต่คนละทิศกัน ปานฝันหันหน้าเข้าหาเปียโนตัวใหญ่ขณะที่น้องชายหันหลังให้
“เสียดายที่นายไม่มีโอกาสได้ฟังเสียงของแม่...”
“เป็นเพลงที่แม่ชอบที่สุด”
ปานฝันยิ้มเมื่อความทรงจำที่ว่าเพลงนี้เขาได้ยินมันเกือบทุกคืนจากปากกระจับของแม่นับตั้งแต่วันที่พ่อของคิมหันต์จากไป บางทีแม่ก็ร้องเพลงจนจบ บางทีก็ร้องไห้ก่อนมันจะจบ
และบางที ก็ไม่มีเสียงร้องไห้หรือร้องเพลงหลุดออกมาจากปากของแม่เลยสักนิด กระนั้น เขาก็ยังจำความหมายของเพลงได้อย่างขึ้นใจ
ในวันนี้มีเพียงเสียงเปียโนเท่านั้นที่ตอบรับฉัน
และเชลโล่เก่าๆตัวนั้นช่างเงียบเหลือเกิน
มันทำให้ฉันเดาได้อย่างแน่นอนเลยว่า เธอตัดสินใจที่จะจากฉันไป
ฉันไม่เชื่อเธอที่บอกกับฉันว่าเสียใจเหลือเกินที่ต้องจากกัน
แต่แม้อยากจะอยู่ด้วยกัน จูงมือเธอและกอดเอาไว้เหมือนในวันวาน ฉันก็ทำไม่ได้แล้ว...
ได้เพียงแต่หวัง ว่าใครคนนั้นจะรักเธอได้มากกว่า
และสิ่งที่ฉันทำได้ตอนนี้คือจากเธอไป
เธออยากจะให้ฉันพูดอะไรล่ะตอนนี้?
ฉันแค่ไม่อยากที่จะต้องเดินต่อไปคนเดียว
ทำไมเธอมักจะทำให้ฉันต้องยิ้มในเวลาที่ฉันไม่ต้องการ
ฉันทนมองเธอตอบรับความรักเขาไม่ได้
แต่อย่ากังวลไปเลย
ฉันจะอยู่ต่อไปโดยไม่มีเธอ
ในเมื่อเธอจากไปไกล
ฉันไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ที่นี่
แต่กับแค่เธอจากไป ทำไม่ฉันถึงไม่สามารถลืมความเจ็บปวดนี้ได้นะ
ฉันไม่สามารถทำได้สักครั้ง
ได้แต่ปล่อยให้มันผ่านไปอย่างเงียบๆ
ฉันต้องเรียนรู้ที่จะหักห้ามใจไม่ให้รักเธอ
นั่นเพราะฉันรักเธอ... คิมหันต์หลับตาลง เขารู้สึกเจ็บปวดและเคว้งคว้างกับความรู้สึกว่างเปล่าของปานฝัน ทุกห้วงทำนองเมโลดี้กัดกินใจจนแม้พี่ชายจะใช้เพียงเสียงดนตรีเป็นเครื่องมือสื่อสารยังทำให้เหนือรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ขอบตา
ดนตรีจบลงแล้ว เหลือไว้ซึ่งเสียงฟ้าร้องครืนอยู่บนท้องนภา
ปานฝันหันเอียงหน้ามาหาน้องชาย ขณะเดียวกัน คิมหันต์ก็เอี้ยวตัวไปหาอาจารย์หนุ่ม ตาของเหนือปรือปรอยด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ผสานกับดนตรีซึ้งกินใจทำให้มันดูหวานหยดเป็นพิเศษ ขนตาเป็นแพของน้องชายตัวเล็กงอนงามเหลือเกินเมื่อได้จ้องเข้าไปใกล้ เช่นกัน นี่เป็นครั้งที่สามที่คิมหันต์ได้สบตากับปานฝัน
และเหนือก็ถูกสะกดดังคำพ่อกล่าว..
ระยะห่างระหว่างใบหน้าของชายหนุ่มทั้ง 2 ลดน้อยถอยลงราวกับกำลังดึงดูดซึ่งกันและกัน เปลือกตากลมโตของคิมหันต์ค่อยๆปรับระดับลดลงกระทั้งปิดสนิทอย่างรู้งาน ปานฝันจรดริมฝีปากลงบนกลีบปากแดงฉ่ำอย่างเชื่องช้าราวต้องมนตร์ บัดนี้โลกอันเปล่าเปลี่ยวของพี่ชายค่อยๆเปิดออกให้คนตรงหน้าก้าวเข้ามาช้าๆด้วยรสจูบ
“..................”
แม้แรกสัมผัสยามกลีบปากประกบลงไปจะแผ่วเบาทว่ากลับวาบหวามขึ้นมาในหัวใจแห้งผาก รสชาดหวานฉ่ำชุ่มลิ้นค่อยๆมัวเมาให้ปานฝันไม่อาจหยุดแค่แตะเพียงแผ่วเบา กลิ่นลมหายใจผสานกับแอลกอฮอล์ที่ผ่อนออกมาของน้องชายยั่วเย้าให้ปานฝันติดกับ การเคลื่อนไหวของริมฝีปากค่อยๆขยับไปอย่างนุ่มนวลราวกับกลัวว่าปากสีสดของอีกฝ่ายจะเจ็บช้ำ ปานฝันไม่เคยใช้ริมฝีปากนี้จูบใคร แต่น่าแปลกที่เขากลับจุมพิตคนตรงหน้าได้อย่างช่ำชอง ช่วงชิมรสหวานที่ขยับรับเก้ๆกังๆได้อย่างไม่มีเบื่อ เขาสั่งให้คิมหันต์ค่อยๆเผยอกลีบปากออกจากกันด้วยลมหายใจอุ่น ใช้มือข้างหนึ่งนวดคลายอาการเกร็งตัวลงบนท้ายทอยเหนือแล้วเอียงคอให้ปลายลิ้นค่อยๆสอดเข้าไปตามหารสหวานเหมือนภุมรีย์เฝ้าฝักใฝ่น้ำหวานจากมวลดอกไม้
“อืม.....”
เหนือเผลอร้องครางออกมาอย่างลืมตัว ตอนนี้เขาเหมือนเป็นแมวเชื่องๆที่ถูกเจ้าของลูบคางให้เคลิบเคลิ้ม ปลายลิ้นของปานฝันตวัดเลียและดึงดูดช่วงชิงเอาลมหายใจของคิมหันต์ไป ยิ่งเมื่อถูกจูบลึกเข้ามาแค่ไหน เด็กหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองถูกดึงขึ้นสูงมากเท่านั้น
“ฮื้อ....อื้ม....”
ทั้งอึดอัดและผ่อนคลาย ยิ่งเมื่อปลายนิ้วของปานฝันสอดสางเข้าไปในไรผมเล่นยิ่งทำให้สมองว่างเปล่า หัวใจเต้นถี่แรงจนไม่กล้าปรือตาเปิด กระทั่งอีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกไป
เหนือมองตามปากที่แดงจัดของพี่ชายแล้วยกมือขึ้นมาจับตรงอกด้านซ้ายของตัวเอง มันเต้นตุบ ตุบ ราวกับจะหลุดออกมาอยู่รอมร่อ ขณะที่ปานฝันยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองแล้วเบือนหนีไปอีกทาง
“เข้านอนซะ”
เจ้าบ้านเอ่ยกับน้องชายเสียงนิ่ง คิมหันต์พยักหน้าลงหงึกหงักผุดลุกเข้าไปในห้องนอนของตัวเองลงกลอนอย่างดิบดี ขณะที่ปานฝันกลับมีแววตาสับสนอยู่หน่อยๆตามลำพัง
--------------------------------
To be continue