ตอนที่ 04 ค่อนข้างเป็นเรื่องเหนือจินตนาการสำหรับปานฝันว่าวันหนึ่งกิจวัตรประจำวันของเขาจะเปลี่ยนไป อาจารย์หนุ่มนั่งตรวจข้อสอบจากกระดาษคำตอบของลูกศิษย์ในห้องพักครูของมหาวิทยาลัยในช่วงเย็น ทั้งที่ตัวเองสอนเสร็จตั้งแต่บ่ายเพราะรอเวลาเลิกงานของใครบางคนที่มักจะอ้อนให้เขารับส่งมากกว่ายอมนั่งรถไฟฟ้ากลับบ้านเอง กระนั้นปานฝันก็ยอมตามใจน้องชายอยู่เป็นนิจ
“อ้าว ครูฝัน ยังไม่กลับไปจำศีลอีกหรือคะ?”
คนที่กระเซ้าเป็นอาจารย์สอนดนตรีเช่นเดียวกัน หล่อนจบจากโรงเรียนดนตรีเดียวกับปานฝัน กระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปริญญาตรีตลอดจนไปถึงระปริญญาเอกยังเรียนคณะเดียวกันมาตลอดหากแต่ต่างสาขาทำให้ เมธาวีรู้จักนิสัยของ
ครูฝัน ดีเป็นพิเศษ
“รอรับน้องชายเลิกงานน่ะ”
“เอ๊ะ เท่าที่เมจำได้ฝันเป็นลูกโทนของครูวาดนี่”
“เรื่องมันยาวน่ะ เอาเป็นว่าเป็นญาติห่างๆที่มาอยู่ด้วยแล้วกัน”
ปานฝันเป็นชายในอุดมคติของใครหลายคนตั้งแต่สมัยเรียน หนึ่งในนั้นก็หมายรวมไปกับเมธาวีด้วย หากแต่โลกที่ปิดสนิทของชายหนุ่มไม่เคยนำพาซึ่งความหวังมาให้สาวน้อยจนน่าเหนื่อยใจ
“จริงรึ? อย่างพี่ฝันนี่จะรับใครมาอยู่ด้วย เป็นไปได้ด้วยเหรอ? เมนึกว่าอยากจะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตเสียอีก”
“ที่จริงก็ตั้งใจไว้แบบนั้นเหมือนกัน”
เมธาวีท้าวแขนกับโต๊ะทำงานของปานฝัน อดใจไม่ได้ที่จะไล่สายตามองรูปหน้าได้สัดส่วนของชายหนุ่มผู้เคร่งขรึม เขาดูจริงจังกับทุกอย่างแบบไม่มีช่องว่างให้ได้รีแลกซ์เลยสักนิด แต่ก็นั่นแหละ ปานฝันยังเป็นปุถุชนทั่วไป เขายังยิ้มและหัวเราะ หรือนานๆทีจะมีมุกหน้าตายให้คนรอบข้างพอผ่อนคลายบ้าง
“วันนี้วันเกิดมิน แวะไปอวยพรน้องที่คอนโดหน่อยไหม?”
ภูมินทร์เป็นน้องชายคนเดียวของเมธาวีที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวแต่คนละเอกกับปานฝัน ทางนั้นจบนิเทศการแสดงและตอนนี้เป็นพระเอกหนุ่มเต็มตัวแล้วด้วย กระนั้น สมัยเรียนที่ปานฝันค่อนข้างสนิทสนมกับเมธาวี ภูมินทร์ก็ติดพี่ฝันแจอยู่เหมือนกัน
“จัดงานกันกี่โมงล่ะ? เดี๋ยวลองถามเหนือดูเผื่ออยากเจอดารา”
เมธาวีคลี่ยิ้ม “ 2 ทุ่มเป่าเทียน ถ้าไม่ได้มีธุระที่ไหนไปก่อนก็ได้ สั่งอาหารมาหนำเลย”
สุดท้ายคิมหันต์กับปานฝันก็มาอยู่ในคอนโดขนาด 143 ตารางเมตรย่านสุขุมวิทกับแขกเหรืออีกราวๆยี่สิบชีวิต มีกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยม4 -5 คน เพื่อนมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นรุ่นน้องปานฝันอีกเกือบ 10 ซึ่งต่างยกมือไหว้เขาตามมารยาทด้วยความคุ้นหน้า ส่วนที่เหลือเป็นเพื่อนนักแสดงที่สนิทๆกันของพระเอกหนุ่ม
เสียงดนตรีเร่งเร้าภายในห้องสี่เหลี่ยมราคาสิบล้านกว่า เมธาวีคอยจัดเตรียมเสบียงอยู่ในครัว เพื่อนบางคนตั้งวงไพ่ บางกลุ่มดื่มเหล้าแลกเปลี่ยนความคิดสนุกสนาน พื้นที่หน้าโทรทัศน์ถูกแปรสภาพเป็นฟลอร์เต้นรำสำหรับแขกผู้ร่วมงานบางส่วน
แต่เจ้าของงานกลับนั่งตาแป๋วจิบวิสกี้มองคนไม่คุ้นหน้าตาไม่กระพริบ
“เหนือมีแฟนหรือยังครับ?”
ไอ้มินเป็นเกย์ ปานฝันก็พอจะรู้อยู่ หมอนี่ควงเด็กหนุ่มไม่ซ้ำหน้าแต่ก็ดูไม่ได้จริงจังกับใครเป็นพิเศษตั้งแต่สมัยเรียนตามแบบฉบับผู้ชายหน้าตาดีนั่นแหละ แต่พอมันให้ความสนใจคิมหันต์ ปานฝันก็รู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ
“ยังครับ คุณมินมีอะไรหรือเปล่าเนี่ยนั่งจ้องเหนือตั้งแต่เข้ามาแล้ว”
โอ๊ย ที่ถามนี่โง่จริงหรือแอ๊บแบ๊วกันแน่ ตาเป็นประกายวาววับขนาดนั้นมองปราดเดียวก็รู้ว่าภูมินทร์มันจ้องจะเขมือบเด็กหนุ่มเนื้อขาวอยู่ ปานฝันหันหน้าหนีแล้วยกแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นดื่มด้วยความหงุดหงิด
หงุดหงิดทั้งรุ่นน้องเจ้าของวันเกิด
หงุดหงิดทั้งไอ้เด็กเมื่อวันซืนที่นั่งทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋อไม่รู้เรื่องราวนั่นแหละ
รู้อย่างงี้ไม่พามาก็น่าจะดี “ก็เหนือน่ารัก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายังไม่มีแฟน นี่โสดรอผมหรือเปล่า?”
ภูมินทร์ยังรุกหนัก ยิ่งเป็นรุ่นเดียวกันแล้วมันยิ่งไม่เกรงใจอีกฝ่าย จ้องแก้มขาวๆของเด็กหนุ่มหน้าอ่อนส่งแววเจ้าชู้ทางสายตาไปให้ไม่ปิดบัง
“ฮะๆ มินตลกอะ เลิกมองเถอะน่า เหนือชักจะเขินแล้ว”
คิมหันต์ยิ้มกลบเกลื่อน ยกมือขึ้นโบกเพราะเริ่มอึดอัดกับท่าทีของอีกฝ่าย ภูมินทร์ที่เขาเห็นในโทรทัศน์หล่อน้อยกว่านี้แต่ก็กระชากลมหายใจแม่บ้านติดละครมานักต่อนัก กระนั้น ถ้าจะให้มานั่งจีบกันตรงๆแบบนี้เห็นทีเหนือจะไม่ได้รู้สึกดีสักเท่าไร
“กูไปเติมเหล้านะ”
ปานฝันไม่ได้ตั้งใจจะสะบัดเสียงห้วนหรอก แต่มันเป็นไปเอง ภูมินทร์หันมาฉีกยิ้มกว้างให้เพื่อนพี่สาวเหมือนดีใจนักหนาที่ปานฝันลุกออกไปเขาจะได้ทำอะไรสะดวก ภูมินทร์ลุกมานั่งโซฟาตัวเดียวกับคิมหันต์ที่เดียวกับที่ฝันลุกไปเมื่อครู่
“แล้วมาอยู่กรุงเทพนี่ได้ไปไหนบ้างยัง ว่างๆไปเที่ยวกับผมนะ เดี๋ยวพาตะลอน”
มือเล็กที่วางอยู่บนหน้าตักถูกดาราหนุ่มฉวยไปรวดเร็ว คิมหันต์ตกใจพยายามรั้งออกแล้วเหลือบมองผู้ชายที่เดินลุกจากไปอย่างไม่ใยดีจากนั้นสีหน้าก็สลดลงเล็กน้อย ตากลมเหลือบมองไปหลังครัวที่ปานฝันหายไปกับเมธาวีแล้วถอนหายใจ
ตั้งแต่ตอนที่ไปรับแล้วมีหญิงสาวหน้าตาดีนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถแล้ว คิมหันต์ต้องระเห็จตัวเองไปเบาะหลังมองเมธาวีกับปานฝันคุยกันสนิทสนมด้วยความรู้สึกปวดมวนในช่องท้องประหลาดๆ
เขาเอนตัวพิงเบาะโซฟากำมะหยี่ ยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นดื่มเพราะเริ่มปั้นหน้ายิ้มใส่ภูมินทร์ไม่ไหว
“ไม่สนุกเหรอ?”
“อ้อ เปล่า เหนื่อยๆกับงานน่ะ”
ถึงพูดแบบนั้น แต่ตาดำสีนิลก็มองไปทางห้องครัวไม่กระพริบ ภูมินทร์มองตามจุดปลายทางของสายตาหวานแล้วเหมือนพอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง เขาเอื้อมมือไปวางบนพนักพิงโซฟาให้ดูเหมือนกำลังโอบเด็กหนุ่มอยู่กลายๆ
“เป็นแฟนกับพี่ฝันเหรอ?”
“เอ๊ะ? เปล่าหรอก พี่น้องกันเฉยๆ”
“ฮะๆ โทษทีนะ ผมก็ถามอะไรแปลกๆ รู้อยู่แท้ๆว่าพี่เมกับพี่ฝันน่ะเป็นแฟนกัน”
คิมหันต์ยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นมาดื่ม
“งั้นเหรอ....?”
เสียงกระซิบจากปากแดงจัดเบา แต่ภูมินทร์ก็ได้ยินมันชัดเจน รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นที่มุมปาก เขาใช้ปลายนิ้วไล้ลอนผมที่ประอยู่บนปกเสื้อบนของน้องชายรุ่นพี่แล้วเอื้อมตัวเข้าไปกระซิบใกล้
“เดี๋ยวเหนือถือเค้กให้ผมเป่าเทียนหน่อยนะ”
คิมหันต์รับคำในลำคอ เขาเบี่ยงหลบปลายจมูกของคนเจ้าชู้ไม่ทันเลยถูกฉวยหอมแก้มเข้าไปเต็มแรง หัวคิ้วบางติดจะขมวดเข้าหากันเหลือบไปมองในครัวเป็นระยะ และนั่นทำให้เด็กหนุ่มรู้ว่าท่าทางที่ภูมินทร์ทำเขาอึดอัดเทียบไม่ได้เลยสักนิดกับดวงตาโศกของพี่ชายที่จับจ้องมาเขม็งไม่กระพริบ
******
เสียงที่ดังจากแกรนเปียโนตัวใหญ่กลางบ้านดุดันและแข็งกระด้าง คิมหันต์วางแปรงสีฟันลงบนแก้วแล้วก้มลงบ้วนปากสองถึงสามครั้งก่อนเดินออกมาจากห้องน้ำ นักดนตรีที่บรรเลงเสียงเกรี้ยวกราดยังคงนั่งขยับปลายนิ้วพริ้วไหวอยู่ในที่ๆสมควรจะอยู่ ตาคมไม่ได้มองโนตเพลงที่กางอยู่หากแต่มันเลื่อนลอยแบบจับจุดไม่ได้ เคลื่อนปลายนิ้วไปตามแรงขับดันของจิตใจที่ทำให้เหนือรู้สึกว่าวันนี้เพลงของพี่ฝันไม่ได้ไพเราะเอาเสียเลย
“ห้องน้ำว่างแล้วนะครับ”
คิมหันต์ตะเบ็งเสียงผ่านดนตรีแต่ก็ไม่ได้ทำให้ปลายนิ้วของพี่ชายสะดุดทำให้เหนือไม่แน่ใจว่าพี่ฝันจะได้ยินที่เขาพูดหรือเปล่า เท้าเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่มเคลื่อนไปใกล้คู่สนทนา แต่อาการหมางเมินตั้งแต่ที่งานปาร์ตี้ทั้งๆที่พี่ฝันเป็นคนพาเขาไปแท้ๆนั่นทำให้คิมหันต์รู้สึกโมโห แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้พี่ชายเล่นดนตรีที่ฟังดูดุดันนั้นจนจบ
ปานฝันนั่งหอบอยู่บนเก้าอี้เปียโนตัวเดิม ตัวที่แม่เคยนั่งข้างๆสอนเขากดไล่โน้ต ตัวที่เขานั่งบรรเลงมันด้วยตัวเอง ตัวที่เขามอบ
‘จูบแรก’ ให้อีกคนที่ไม่ประสาเหมือนๆกัน
จากนี้ไปชีวิตเขาจะมีเหนือ วูบหนึ่งที่ฝันเคยคิดแบบนั้น แต่วันนี้ภูมินทร์กลับสอนเขาว่า
‘อย่าลำพองใจไป’‘มินขอพรแล้วเป่าเค้กสิ’
เมธาวีเร่งเร้าท่ามกลางแสงเทียนที่ถูกปักบนเค้กปอนด์ ดวงตาของเจ้าของงานวันเกิดมองคนถือแวววับ ยกมือมาประสานกันไว้บนอก
‘พรข้อนี้ผมควรขอจากใครดี จากเทวดา จากเหนือ หรือจากพี่ฝัน...’
ทั้งห้องคงไว้ซึ่งเสียงเงียบงัน มีเพียงรอยยิ้มหยอกล้ออย่างรู้ทันจากกลุ่มเพื่อนเท่านั้นที่ทอดส่งต่อกันและกันจนปานฝันรู้สึกว่างเปล่าในช่องท้องแต่กลับจุกขึ้นมาถึงอก
‘ของขวัญวันเกิดปีนี้ ผมขอ’เหนือ’ได้เหรือเปล่า?’
‘เหนือไม่ได้เตรียมอะไรมาให้หรอกนะครับ’ คนถือเค้กรีบปฏิเสธพัลวัน แต่ภูมินทร์ไม่ได้มีทีท่าเสียดายเลยสักนิด
‘ผมหมายถึง ขอตัว ขอใจของเหนือ ได้หรือเปล่า’
เสียงหวีดหวิวผิวปากดังเซ็งเซ่ แต่สำหรับปานฝันแล้วมันกำลังเป็นเสียงที่กรีดลงไปในใจเขาต่างหาก คิมหันต์ยิ้มน้อยๆหลบตาพลางส่ายหน้า
‘แบบนั้นคงต้องถามพี่ฝันแล้วแหละว่าจะยกเหนือให้หรือเปล่า’
ภูมินทร์หันมองรุ่นพี่ยิ้มๆ เขาก้มลงเป่าเค้กเมื่อเห็นว่าปานฝันสาดเหล้าลงคอแบบไม่คิดจะตอบหรือหยอกล้ออะไรเขามากไปกว่านั้น
อยากไปก็ไปสิ.. เขาจะมีสิทธิ์ไปหวงห้ามหรือไงกัน “พี่ฝันเป็นอะไร”
เสียงของน้องชายปลุกให้ปานฝันหลุดออกจากภวังค์ ชายหนุ่มนิ่งไม่ให้คำตอบน้องชาย หนำซ้ำยังลุกหนีให้อีกฝ่ายคว้าข้อมือเอาไว้เสียอีก
“พี่ฝัน.. ทะเลาะกับพี่เมหรือ?”
คิมหันต์กัดริมฝีปากล่างแน่น รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาที่กระบอกตา ท่าทีปั้นปึ่งแถมยังเปิดโอกาสให้เขาอยู่กับภูมินทร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่านี่จะให้เขาคิดยังไงนอกเสียจากพี่เมให้พี่ฝันช่วยเป็นพ่อสื่อให้เขากับพระเอกหนุ่ม และพอเห็นว่าเขาไม่เล่นด้วยคงเอาไปทะเลาะไม่พอใจ ทั้งๆที่เป็นแฟนกันแท้ๆแต่กลับช่วยเหลือน้องชายของแฟนตัวเองไม่ได้เลย
“ฉันจะไปทะเลาะกับเมทำไม”
“จะไปรู้เหรอครับ เหนือเห็นพี่ฝันอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่ในงานแล้ว นึกว่าทะเลาะกับแฟนเสียอีก”
“ฉันกับเมไม่ได้เป็นแฟนกัน ไม่ได้ทะเลาะกันด้วย อย่ายัดเยียดฉันให้คนโน้นคนนี้”
“คนที่ทำแบบนั้นน่ะพี่ฝันต่างหาก!”คิมหันต์เผลอตวาดเสียงลั่น ปานฝันสะบัดหน้ามองขณะที่อีกฝ่ายกลับก้มหน้า ปล่อยให้น้ำตาหยดลงพื้นแหมะ แหมะ ทั้งๆที่ไม่อยากจะร้องแท้ๆ ดังนั้นพอรู้ตัวว่ากลั้นไม่ได้แล้วเหนือจึงเลือกที่จะก้มหน้าให้ปอยผมหน้าร่วงลงมาปิดสภาพน่าเวทนาของเขาสักเสี้ยวก็ยังดี
ปานฝันเม้มปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง ในใจวูบไหวเมื่อเห็นว่าแด็กผู้ชายตรงหน้ากำลังสั่นไปทั้งร่าง มือที่รั้งเขาไว้เมื่อครู่ลู่อยู่ข้างลำตัวกำหมัดเข้าหากันจนมือขาวๆสามารถเห็นเส้นเลือดปูดโปนออกมาได้ชัด
“พี่ฝันต่างหากที่ยัดเยียดเหนือให้มินอยู่ได้”
“คนรักกันชอบกันจะให้ฉันขวางหรืออย่างไร?”
“เหนือบอกไปแล้วนี่ว่าเหนือชอบพี่...”
“นั่นมันความรู้สึกของพี่น้อง” ฝันว่า
“ถ้าจะคิดว่าเป็นพี่น้องก็คิดไปคนเดียวสิ อย่ายัดเยียดให้ผมคิดเหมือนพี่ อย่ายกผมให้คนโน้นคนนี้...
มันเจ็บนะ..”
ปานฝันกระพริบตาถี่ เจ็บ ใช่ สำหรับเขามันก็เจ็บ แต่ที่เจ็บจนน่ารำคาญที่สุดคือฝันไม่รู้ว่าเขาเจ็บเพราะอะไร
เห็นสองคนมองตากัน เห็นมินสนใจเหนือ เห็นน้องชายตัวเองในอ้อมแขนของรุ่นน้องอีกคน
มันเจ็บ.. ทั้งๆที่ เหนือก็ไม่ได้บอกว่าจะทิ้งเขาไปเหมือนที่แม่ทำเลยสักนิด เหนือยังอยู่กับเขา เวลานี้ ตอนนี้ แต่เขาก็
ยังเจ็บ ความรู้สึกของพี่น้องอะไรนั่น ปานฝันไม่คิดหรอกว่ามันจะเกิดขึ้นได้ เลือดคนละสาย โตมาคนละสังคม มิหนำซ้ำยังเป็นคนที่จู่ๆก็โผล่มาให้เขารับผิดชอบทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเคยมีตัวตนอยู่ด้วยอีกต่างหาก
แค่รับมาอยู่ด้วยตามหน้าที่ที่สมควร แต่ที่ไม่สมควรคือความรู้สึกบ้าบอที่เกิดขึ้นนี่ต่างหาก
โง่แค่ไหน ปานฝันก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่สายสัมพันธ์ของพี่น้อง “ก็แค่สับสน.. ก็แค่สงสารเท่านั้นแหละ”
สิ่งที่คิมหันต์รู้สึก มันเกิดจากความคิดนั้นเท่านั้น ส่วนสำหรับเขา มันก็เกิดจากความเหงาก็เท่านั้น
“ไม่ใช่ความรู้สึกแบบที่นายเข้าใจหรอก เหนือ”
“เหนือไม่เข้าใจอะไรหรอก พี่ฝันรู้ไหมเหนือดำเนินชีวิตมาได้ยี่สิบกว่าปีนี่ด้วยความไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเรียนโรงเรียนชายล้วน ไม่เข้าใจว่าทำไมคบเพื่อนต่างฐานะไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงห้ามเล่นกลางแดด ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีคนคอยรับคอยส่ง รู้อย่างเดียวว่านั่นมันคือความพอใจของแม่เพราะตอนนั้นเหนืออยู่กับแม่ แต่ตอนนี้ชีวิตเป็นของเหนือ เหนืออยู่ด้วยตัวเองแล้วดังนั้นเหนือจะทำอะไรตามความพอใจของตัวเองบ้าง”
“เหนือแค่อยากชอบพี่ฝัน เหนืออยากอยู่กับพี่ฝัน เหนือไม่อยากให้พี่ฝันไล่เหนือไปไหน ให้เหนือทำได้ไหมเล่า! หรือมันลำบากเกินไป พูดมาสิว่าพี่ฝันไม่ได้คิดแบบเดียวกับเหนือ พูดมาว่าพี่ฝันไม่ได้ต้องการเหนือเลย!!”
ปานฝันนิ่ง เขาเป็นคนที่คิดอะไรมากเกินไปเสมอๆ และนี่อาจเป็นอีกครั้งที่ฝันรู้สึกว่าเขากำลังทำนิสัยแบบนั้นอีกแล้ว
คิมหันต์ตัวสั่นเทิ้ม ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสบตาชายที่เอาแต่เงียบหลังจากไม่พอใจอยู่นาน เหนือไม่อยากเข้าข้างตัวเองนักหรอกว่าพี่ชายโกรธเพราะความหึงหวง แต่ถ้าตัดเรื่องเมธาวีไม่ได้ทะเลาะกับพี่ชาย มิหนำซ้ำยังไมได้เป็นแฟนกันตามคำลวงของภูมินทร์ด้วยซ้ำ เหนือก็คิดไม่ออกแล้วว่าปานฝันกำลังโกรธเรื่องอะไร
“หยุดใช้สมองสักทีได้ไหม พี่ฝันตอบเหนือตามที่หัวใจของพี่ฝันบอกได้หรือเปล่า”
บางทีมันอาจเหมือนการเล่นดนตรี ไม่ต้องท่องจำตัวโน๊ตให้มันเมื่อยตุ้มนักก็ได้
ปานฝันมองหน้าของน้องชายที่น้ำตาอาบแก้มขาวเอาไว้นิ่ง ไม่ชอบเลยที่หน้าหวานของคิมหันต์ไม่ได้ประดับด้วยรอยยิ้มเหมือนอย่างเคย ยิ่งน้ำตาที่เกิดจากความเสียใจนั่น กำลังทำให้ปานฝันรู้สึกระบมในหัวใจ
ไม่ชอบเลยจริงๆ.. “เหนือ...”
“ครับ”
คิมหันต์รับคำอย่างว่าง่าย สบตากับพี่ชายนิ่งและบางทีเขาก็ได้รับคำตอบแล้วว่าปานฝันคิดกับเขาเช่นไร
หมับ! แขนเพียงข้างเดียวเท่านั้นที่ทำให้ทั้งตัวคิมหันต์ลอยเข้ามาปะทะอก ปานฝันซุกจมูกลงไปดมดอมบนเรือนผมเส้นเล็กของน้องชายแล้วยกมืออีกข้างขึ้นกอดคนตัวเล็กกว่าไว้ทั้งตัว ขณะที่คิมหันต์ค่อยๆยกมือขึ้นกอดเอวอีกฝ่ายไว้เช่นกัน
“นอกจากแม่แล้ว... ความรักทั้งหมดที่ฉันมี จะฝากไว้ที่นายได้ไหม”
ปากสีอ่อนของคนในอ้อมแขนคลี่ยิ้ม คิมหันต์กระชับอ้อมแขนอีกฝ่ายให้แน่นขึ้นแล้วสะอื้นฮักแทนคำตอบ
“นี่.. ไม่ได้บอกให้ร้องไห้หนักกว่าเดิมนะ หยุดได้แล้ว”
“ก็เหนือดีใจนี่...”
“อืม.. รู้แล้ว”
ปานฝันตอบ เขาเองก็อดคลี่ยิ้มออกมาในความน่ารักของน้องชายไม่ได้เหมือนกัน พูดว่าดีใจทั้งๆที่เสียงอู้อี้ สูดน้ำมูกฟื้ดฟ้าดในกอดของเขา แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน
“ต่อไปนี้เวลาใครถามห้ามบอกว่าญาติแล้วนะ ต้องบอกว่าแฟน เข้าใจไหม”
พอได้ตำแหน่งปุ๊บ คิมหันต์ก็รีบสำแดงเดชออกคำสั่งชายหนุ่มเสียงเข้ม ปานฝันรับคำแล้วหัวเราะในลำคอ
ทั้งๆที่คิดมาตลอดว่าอนาคตมีหวังตัวเองจะได้เป็นครูเพลงแก่ๆนั่งเล่นดนตรีเงียบๆตามลำพังในบ้านเดี่ยวในกลางเมืองเสียแล้ว แต่จากนี้มันคงเปลี่ยนไป
ออกจะเหนือฝันสักหน่อย กับการที่เขาจะใช้ชีวิตคู่กับใครสักคน แต่กระนั้น ฝันรู้ดีว่าเขาทำได้ดีแน่ๆ ปานฝันเคยรักแม่และดูแลอีกฝ่ายได้สมบูรณ์แบบแค่ไหน ทำไมเขาจะไม่รู้
ต่อจากนี้เช่นกัน เขาจะดูแลคนในอ้อมแขนให้มั่นใจได้เลยว่าครั้งนี้ คิมหันต์จะมีโอกาสร้องไห้เพราะเขาเป็นครั้งสุดท้าย
“พี่รักเหนือนะ..” คิมหันต์ยิ้ม
“เหนือรู้ เหนือก็รักพี่เหมือนกัน” เสียงกระซิบบอกแว่วรำพัน ขณะที่เม็ดฝนค่อยๆโปรยปรายกระทบหลังคา บรรเลงให้ทั้งสองฝ่ายค่อยๆโน้มตัวเข้าหากันช้าๆ
ให้แม้แต่อากาศก็ไม่มีโอกาสได้คั่นกลางระหว่างริมฝีปากของทั้ง 2 ฝ่าย
ทั้งๆที่อุณหภูมิภายนอกกำลังลดต่ำลงเรื่อยๆ แต่ใจของปานฝันและคิมหันต์แล้ว กลับรู้สึกอุ่นวาบในอกอย่างบอกไม่ถูก
♥♥♥♥♥ HAPPY ENDING ♥♥♥♥♥