ตอนที่ 11กัส“สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะมาย”
“มีความสุขมากๆนะน้องมายเดียร์ ฮิๆๆ”
“มิคอ่ะ ให้เรียกได้แค่มายเดียร์นะไม่เอาน้องนำหน้า วันนี้วันเกิดมายทั้งกัสและมิคต้องตามใจมายสิ ชิ”
เจ้าของวันเกิดรับของขวัญและคำอวยพรจากผมและมิคด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างน่ารัก ก่อนจะเริ่มงอนแก้มป่องส่งค้อนน้อยๆให้มิคที่แกล้งเรียกชื่อมายโดยมีคำนำหน้าที่เจ้าตัวไม่ชอบ มิคที่รู้ตัวว่าขืนปล่อยไว้ไม่รีบง้อเจ้าของวันเกิดคงจะได้เจอมายงอนจริงจังแน่ จึงเข้าไปกอดแขนและยิ้มออดอ้อนหวังให้มายใจอ่อน
“จ้ามายเดียร์มิคไม่แกล้งแล้วไม่งอนน้า อ่ะเพิ่มคำอวยพรให้อีกข้อ อืม อ่ะรู้ล่ะ ขอให้มายเดียร์มีแฟนเร็วๆนะครับ” ท่าทางง้องอนและคำพูดถูกใจของมิคทำให้มายค่อยๆคลี่ยิ้มหวานใส่พ่อคนขี้แกล้ง
“แหมมิคอ่ะ งั้นมายขอแกะเลยนะว่าอะไรอยู่ในกล่อง”
ผมที่นั่งอยู่ใกล้ๆคนทั้งคู่ไม่ได้ออกความเห็นอะไรหลังจากเอ่ยอวยพรแก่เพื่อนสาวไปแล้ว ได้แต่นั่งมองเพื่อนสนิทคุยกันด้วยรู้สึกใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ เพราะอดีตของวันคล้ายวันเกิดเพื่อนสาวคนตรงหน้านี้มันมีความทรงจำเลวร้ายสำหรับผมอยู่ไม่น้อย ขณะที่ผมนั่งคิดหมกมุ่นอยู่คนเดียวนั้นผมไม่รู้ตัวหรอกว่ามีสายตาอีกสองคู่มองอย่างเป็นห่วง
“กัส กัส ดูนี่สิ นี่กล่องของขวัญใคร ใครให้มายเดียร์มาน้า ห่อซะสวยเชียว” เสียงมิคที่ดังขึ้นทำผมหลุดจากภวังค์และหันมามองกล่องของขวัญที่อยู่ในมือเพื่อน
กล่องของขวัญห่อด้วยกระดาษมันวาวสีเงินแซมดอกไม้เล็กๆสีชมพูกล่องนี้มันน่ารักมาก หลังผมพิจารณาเจ้ากล่องนี้แล้วทำให้ได้รู้ว่าเจ้าของมันคงพิถีพิถันเป็นพิเศษ และคงต้องรู้ใจเจ้าของวันเกิดมากด้วยที่เลือกลายและสีที่มายชอบ กล่องนี้ใครให้มายมานะเพราะเมื่อเช้าที่ผมตื่นนอนนั้นยังไม่มี ผมเหลือบมองเพื่อนสาวคนสนิทก็ได้เห็นว่ามายหน้าแดงท่าทางอึกอักอย่างมีพิรุธ
“เอ่อออ อืม ของเพื่อนข้างบ้านเอามาให้น่ะ” กว่ามายจะตอบมาได้เล่นเอาผมกับมิคลุ้นจนเหนื่อย ซึ่งคำตอบนั้นไม่สมกับที่ผมสองคนลุ้นเลย กับแค่ ‘เพื่อนข้างบ้าน’ ทำไมถึงทำให้มายมีท่าทางเขินอายได้ขนาดนี้กัน เพื่อนบ้านคนนี้คงไม่ธรรมดาอย่างที่คิดแล้วล่ะครับ
“ใคร แล้วมิคกับกัสรู้จักมั้ย แล้วทำไมมายเดียร์ต้องหน้าแดงด้วย น่าสงสัยจังน้า จริงมั้ยกัส” มิคทำเสียงเล็กเสียงน้อยส่งสายตาล้อเลียนใส่มาย ก่อนจะหันมาพยักพเยิดขอเสียงสนับสนุนจากผมด้วย
ผมพยักหน้ารัวๆแทนคำตอบก่อนส่งยิ้มใส่ตาคนหน้าแดง ดูสิหน้าเพื่อนสาวของผมแดงก่ำอย่างน่าเอ็นดูเชียวครับ และมิคคงคิดเหมือนผมเลยยิ่งซักมายใหญ่ว่าเพื่อนข้างบ้านของมายเป็นใครกันแน่
“เราไม่เคยมีความลับต่อกันนะมายเดียร์ หรือเราไม่ใช่เพื่อนสนิทกันแล้ว” มิคทำแก้มป่องสายตาคาดคั้นใส่มายทันทีที่พูดจบ เล่นเอาสาวมายถึงกับร้อนรนเข้าจับมือมิคเขย่าก่อนหันมาส่งสายตาเว้าวอนใส่ผมอย่างน่าสงสาร
“มิคจ้ะมายบอกก็ได้ อย่าทำเสียงแบบนี้สิ อืม ก็ เฮ้อ ปรัชจ้ะ ปรัชเอามาให้เมื่อเช้า” ผมที่กำลังแอบยิ้มกับท่าทางของสองเพื่อนสนิทมีอันต้องหุบยิ้มใจและหายวาบกับชื่อของคนที่มายเอ่ยมา
“ปรัชเพื่อนนายวินน่ะเหรอ แล้วไปสนิทกันตอนไหนเนี่ยมายเดียร์” มิคเสียงสูงใส่มายหน้าตาสงสัยอย่างมาก ส่วนผมก็นิ่งค้างไปเลยตั้งแต่ชื่อ ‘วิน’ หลุดมาจากปากมิค ความเจ็บเล็กๆเกิดขึ้นในใจทันทีเมื่อภาพใบหน้าของคนที่พยายามลืมชัดขึ้นในความทรงจำ
“ไม่มีอะไรซะหน่อย ไม่เอาแล้วมายไปดูสถานที่ข้างล่างก่อน”
“อ้าวหนีเลยดูสิ ต้องรู้ให้ได้ว่ามีอะไรแอบแฝง เดี๋ยวมิคมานะ”
ผมไม่ได้สนใจว่ามิคกับมายจะไล่จับกันได้มั้ยหรือมายจะมีคำตอบยังไงเรื่องปรัช เพราะใจของผมมันลอยกลับไปยังอดีตเมื่อหนึ่งปีก่อนที่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายที่ทำเอาผมเสียศูนย์
หนึ่งปีก่อนภาพที่เห็นตรงหน้าผมนี้มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ยขอให้เป็นแค่ฝันทีเถอะ น้ำตาที่ล้นทะลักไหลไม่ขาดทำให้ภาพเบื้องหน้าผมนั้นพร่าเลือนจนไม่เห็นในรายละเอียด ‘วินอยู่กับใคร ทำไมวินถึงทำกับผมแบบนี้ ไหนว่ารักกันไง รอให้ผมพร้อมก่อนไม่ได้เหรอ ผมไม่ดีตรงไหน’ คำถามมากมายวิ่งวนอยู่ในหัวผมไม่ได้พูดออกไปได้แต่กำลังร้องไห้และพยายามกลั้นสะอื้นไว้ ผมเจ็บร้าวในอกจนแผ่กระจายไปทั้งร่าง ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะพยุงตัวพาตัวเองออกไปจากภาพบาดตาตรงหน้าและมันก็เริ่มชา ผมได้ยินเสียงผู้หญิงไม่รู้ว่าพูดอะไรกับวิน ใบหน้าเธอเลือนลางเห็นไม่ชัดหรอกว่าเธอจะหน้าตาเป็นยังไง และตอนนี้ผมอยากหายตัวไปจากที่นี่ไม่อยากรับรู้ความจริงนี้ ผมอยู่กับความคิดของตัวเองนานขนาดไหนไม่รู้จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกชื่อและมีแรงมาเขย่าตัว ผมค่อยๆหันหน้าไปมองและก็เจอกับผู้ชายที่บอกว่ารักผม ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าคนที่ ‘เคยรัก’ผมมากกว่า
“กัส กัสครับ กัสเป็นอะไร มองมาที่วินสิครับ โธ่ อย่าเป็นแบบนี้ วินใจไม่ดีเลย ฟังวินอธิบายก่อนนะ”
เสียงของวินเรียกผมอย่างอ่อนโยนแกมห่วงใย ความจริงผมจะเป็นอะไรมากขนาดไหนวินก็ไม่สมควรมาทำหน้าเป็นห่วงขนาดนี้ ทั้งๆที่วินกล้าทำกับผมได้ขนาดนี้แท้ๆ วินออกแรงพยุงผมไปที่โซฟาข้างเตียงก่อนเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน และพูดอะไรอีกมากมายแต่ตอนนี้ผมไม่อยากฟังจึงปิดการรับรู้ทั้งหมด
“กัสครับ วินรักกัสนะ คุยกับวินก่อนนะ”
ผมรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอ้อมกอดของร่างหนาตรงหน้า ปกติทุกครั้งที่กอดกับวินผมจะรู้สึกอบอุ่นเสมอ แต่ครั้งนี้กลับหนาวไปถึงใจเหมือนมีเข็มเป็นพันๆเล่มมาทิ่มแทงผิวที่โดนสัมผัส ‘ไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้วไม่เอาแล้ว’ ผมออกแรงผลักร่างหนาออกห่างตัวจนหลุดจากอ้อมกอดนั้นได้เพราะเจ้าของไม่ทันตั้งตัว
“ผมจะกลับ”
“กัส วินไม่ให้ไปจนกว่ากัสจะฟังวิน”
วินเอื้อมคว้ามือของผมไว้แต่พอได้สบตาว่างเปล่าของผมเข้าก็ยอมปล่อยแต่โดยดี แววตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจปนเว้าวอนนั้นไม่ได้ทำให้ผมนึกเห็นใจ ผมมองเมินไปทางอื่นพยายามกลั้นสะอื้นและพยายามสงบใจให้มากที่สุดแม้จะทำได้ยากก็ตาม หลังจากนั้นวินยังไม่ให้ผมออกจากห้องพยายามต่อรองให้เพื่อนของผมมารับกลับแทนการกลับเอง ในระหว่างรอมิคมารับหลังจากที่ผมโทรศัพท์ตามแล้ว วินไม่ยอมห่างจากผมเลยทำให้เราต้องมานั่งบนโซฟาหนังหน้าโทรทัศน์ตัวเดียวกัน วินพยายามจะจับมือผมไปกุมแต่ผมไม่ยอมผมจึงสะบัดออกและกุมมือตัวเองไว้แน่น เราจึงนั่งกันเงียบๆโดยวินมองหน้าผมตลอดเวลา ส่วนผมได้แต่มองตรงไปที่โทรทัศน์ตรงหน้านิ่งๆไม่แม้แต่จะหันไปมอง จนได้ยินเสียงออดดังผมรู้ว่ามิคมาแล้วจึงลุกขึ้นเตรียมกลับทันที แต่กลับถูกรั้งไว้โดยเจ้าของห้องคนที่เป็นต้นเหตุให้ผมเจ็บเจียนตาย
“กัสครับ วินรักกัสคนเดียวนะ วินจะรอให้กัสใจเย็นก่อนแล้วเราค่อยคุยกันนะครับ”
ผมพยายามดึงมือกลับทันทีแต่สู้แรงไม่ไหวจึงได้แต่ปล่อยให้มือตัวเองตกอยู่กับมืออีกฝ่าย และยังคงมองเมินทำเป็นไม่สนใจ ผมรอฟังจนจบประโยคและเลือกที่จะไม่ตอบอะไรกลับไป ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกรู้แต่ว่าขอออกไปจากที่นี่ก่อน ไม่อยากเห็นหน้าคนตรงหน้าเลย การถูกทรยศหักหลังจากคนที่รักมันเจ็บ เจ็บจริงๆ หลังจากนั้นผมออกแรงดึงมือให้หลุดจากการจับกุมก่อนเดินไปเปิดประตู เจอเพื่อนสนิทที่มารับอยู่หน้าประตูและทันทีที่มิคเห็นหน้าผม มิคตกใจมากพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่โดนผมฉุดออกมาจากหน้าห้องซะก่อน และผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลยแม้แต่ตอนที่เรามาอยู่ในรถด้วยกันแล้วก็ตาม
“สบายใจแล้วกัสค่อยเล่านะ อย่าเงียบแบบนี้ รู้ใช่มั้ยว่ามิคเป็นห่วง”
เมื่ออยู่ที่ห้องนอนของเพื่อนแล้ว มิคก็เอ่ยประโยคนี้ขึ้นมาทำเอาผมเริ่มรู้สึกผิดที่ไม่ยอมเล่าอะไรให้เพื่อนรับรู้ ทำให้เพื่อนเป็นห่วงผมมากมายขนาดนี้ น้ำตาที่แห้งไปแล้วตั้งแต่ออกมาจากห้องนั้นกลับไหลออกมาอีกครั้ง ก่อนผมจะโผไปกอดเพื่อนสนิทตรงหน้า จริงสินะผมยังมีเพื่อนอยู่และตั้งใจจะเล่าให้เพื่อนฟังหลังจากที่สามารถหยุดน้ำตาแห่งความเสียใจนี้ได้แล้ว
“มายเดียร์กำลังมานะ เป็นห่วงกัสใหญ่เลย เราเป็นเพื่อนสนิทกัน กัสเป็นแบบนี้มิคก็ทุกข์ไปด้วยนะ ฮือๆๆๆ” ผมเศร้าเสียใจคนเดียวไม่พอยังทำเอาเพื่อนเศร้าตามไปด้วยเหรอเนี่ยผมนี่แย่จริงๆ
“นายวินทำแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย มันน่าจับมาซ้อมจริงๆ โว้ยยยยย อยากฆ่าคนจัง”
“มิคจ้ะใจเย็นสิ กัสหน้าไม่ดีเลยเห็นมั้ย” หลังคำพูดของมายแล้วมิคก็ทำตาโตยกมือปิดปาก ก่อนเข้ามากอดแขนผมแน่นหน้าตาสำนึกผิดสุดๆ
“กัส มิคขอโทษ” เสียงอ่อนอ่อยที่ได้ยินจากมิคทำผมอารมณ์ดีขึ้นมา
“ฮึๆๆ มิคจะขอโทษทำไม กัสยังอยากทำแบบที่มิคว่าเลย”
“เฮ้อ เห็นแบบนี้ก็ค่อยสบายใจหน่อยที่เริ่มหัวเราะได้ แต่มิคก็ไม่อยากเชื่อนะที่วินทำแบบนี้ เพราะนายนั่นดูรักกัสมาก” น้ำเสียงไม่แน่ใจจากมิคทำผมหุบยิ้ม เพราะคำถามนี้ผมก็ต้องการคำตอบเหมือนกัน
“เวลาผ่านไปใจเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน”
“มายว่าเรื่องนี้เราอย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่เห็นเลยจ๊ะ เพราะมายฟังแล้วแปลกๆ มายเชื่อว่าวินรักกัสนะ และตอนที่ไปฝึกงานก็ติดต่อกันตลอดแม้ไม่เจอใช่มั้ย วินไม่มีทีท่าจะนอกใจด้วย อย่างเมื่อคืนก็บอกนี่ว่าจะไปผับกับเพื่อนๆ ถ้าคิดจะนอกใจจริงคงไม่บอกหรอกจริงมั้ย”
“มายเดียร์อย่าลืมสิ วินไม่รู้นะว่ากัสจะเปลี่ยนเวลากลับมาเช้านี้ อาจจะตั้งใจพายัยผู้หญิงนั่นมานอนด้วย ซึ่งกัสคงจะไม่รู้แน่ๆ ถ้าไม่ได้กลับมาก่อนเวลาและไปเจอเข้าน่ะ”
บทสนทนาที่หารือถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทั้งมิคและมายก็มีเหตุผลมาถกกัน ผมไม่ได้ออกความเห็นอะไรได้แต่ฟังเพราะมันตื้อไปหมด ‘ฝุ่นเข้าตา’ เป็นยังไงผมเพิ่งรู้ซึ้ง มันต้องให้คนอื่นมาช่วยเขี่ยออกถึงจะหายเคือง ระหว่างที่เพื่อนๆผมถกกันนั้นอยู่ๆสายตาผมก็ชำเลืองเห็นไฟโทรศัพท์ขึ้นว่ามีสายเข้า ด้วยผมปิดเสียงไว้เพราะวินโทรมาตลอดแต่ผมไม่อยากคุยด้วย แต่พอเห็นว่าเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยจึงเกิดความสงสัยขึ้นมา
“ใครโทรมา นายวินเหรอยังกล้าโทรมาอีก” เพื่อนหนุ่มคนสนิทเอ่ยถามอย่างประชดคนที่เป็นประเด็นตอนนี้ ผมจึงส่ายหน้าปฎิเสธก่อนจะกดรับสาย
“กัสๆ ใครโทรมาแล้วทำไมนิ่งไปแบบนี้ นายวินเหรอมันโทรมาทำไม กัสตอบมิคสิ” มิคทำหน้าเป็นกังวลมากแต่ผมยังคงพูดไม่ออกจึงได้แต่จ้องหน้ามิคนิ่งค้าง
“กัสจ๊ะเป็นอะไร” มายลูบแขนผมเรียกสติด้วยสีหน้าเป็นห่วง ผมพยายามตั้งสติก่อนมองหน้าเพื่อนทั้งคู่ไปมา
“ผู้หญิงที่นอนกับวินโทรมา.....” ตอนนี้ความรู้สึกของผมมันสับสน ใคร่รู้ และอึ้ง ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ต้องการอะไร และรู้เบอร์ผมได้ยังไง แล้วนัดผมไปเจอทำไม ผมที่ยังไม่ได้รับปากผู้หญิงคนนั้นเจอแต่ฝ่ายนั้นรวบรัดนัดเวลาสถานที่และตัดสายไป
แก้วกาแฟเบื้องหน้ามีหยดน้ำเกาะพราวจากความเย็นของน้ำแข็งในแก้วที่ละลายเกือบหมดแล้ว เก้าอี้ตรงข้ามไม่มีคู่สนทนานั่งอยู่มีแต่แก้วลักษณะเดียวกันวางอยู่ ผมนั่งตรงนี้มาตลอดหลังจากผู้หญิงคนนั้นจากไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้ สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นมาพูดกับผมก็คือเรื่องของวิน ผู้ชายที่คิดว่ารักผมแต่จริงๆแล้วสิ่งที่ทำมาทั้งหมดมันคือการหลอกลวง ความจริงที่ผู้หญิงคนนั้นเล่าคือได้คบเป็นแฟนวินก่อนที่วินจะมาจีบผม เธอไม่รู้ว่าวินแอบมาจีบผมลับหลังและมาโกหกผมว่าไม่มีแฟน ส่วนเธอได้ใช้ชีวิตกับวินเหมือนคู่รักมาตลอด ผมที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยโง่ที่ถูกนายวินนั่นหลอกทำดีด้วยทำให้คิดว่ารักกัน และเธอเล่าว่าวินเป็นแบบนี้แหละมีหลายรายแล้วที่เธอต้องมาจัดการให้คู่ขาของวินรับรู้ความจริง แต่ผมน่ะพิเศษหน่อยที่เธอเพิ่งมารู้หลังจากแอบคบกันลับหลังเธอนานถึงเกือบหกเดือน
ตอนแรกที่เธอเล่ามาทั้งหมดนั้นผมยังไม่เชื่อหรอกเพราะพูดใครก็พูดได้ เธอจึงหยิบหลักฐานคือรูปถ่ายระหว่างเธอกับวินในอิริยาบทต่างๆในสถานที่ต่างกันไป รูปส่วนใหญ่ทั้งคู่ไม่ได้มองกล้องแต่ก็รู้ว่าสนิทกันและใกล้ชิดกันมาก แม้บางรูปจะมีเพื่อนในกลุ่มวินอยู่ด้วยก็ตาม หลังจากเห็นภาพทั้งหมดผมใจเสียไปเกือบครึ่งแต่ก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อย เพื่อนๆผมเตือนมาว่าอย่าเชื่อเธอคนนี้ง่ายๆอาจมาแอบอ้างก็ได้ ดังนั้นผมจึงยังไม่ยอมเชื่อเธอคนนั้นก็ยื่นโทรศัพท์ที่มีรูปคู่ของเธอกับวินมาให้พร้อมให้กดไปที่กล่องข้อความ เมื่อได้อ่านข้อความที่เป็นเบอร์ของวินที่มีแต่ข้อความเป็นห่วงเป็นใยแล้ว แม้ไม่เห็นคำรักหวานๆแบบที่วินส่งมาให้ผมก็ตาม แต่ข้อความพวกนี้ก็ไม่ได้ต่างกันนักในเมื่อข้อความเหล่านี้เค้าใช้กับคนที่คิดพิเศษด้วยเท่านั้น ตอนนั้นผมใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอกกับหลักฐานที่เห็น ผมโกรธที่ถูกหลอกจากคนที่คิดว่ารักกัน และเหมือนเธอคนนั้นยังไม่พอใจที่เห็นผมเป็นแบบนี้ เธอส่งหลักฐานชิ้นสำคัญมาให้และมันเป็นดาบสุดท้ายที่ฟันลงมาให้สายสัมพันธ์ระหว่างผมกับวินให้ขาดสะบั้นลง มันคือต่างหูแบบห่วงที่มีลักษณะแค่ครึ่งวงไม่ได้วนครบรอบมีที่เสียบสำหรับใส่รูหูที่เจาะไว้ติดกับฐานด้านหลัง ซึ่งมีเพชรเม็ดเล็กฝังอยู่บนแผ่นทองคำขาวด้านล่างมีตัว ‘W’ นูนออกมามันมาจากชื่อของวินนั่นแหละ ซึ่งต่างหูข้างนี้เหมือนกับข้างที่ผมใส่อยู่เลย หมายความว่าวินทำต่างหูที่เหมือนกันนี้ให้ทั้งเธอคนนั้นและผมพร้อมกันสินะ หลังจากนั้นเธอได้พูดอะไรมาอีกรึเปล่าหรือทำอะไรต่อผมก็ไม่รับรู้แล้ว ได้สติอีกทีก็ไม่เห็นเธอแล้วแต่ผมก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมตรงนี้ แต่ใจผมนั้นไม่เหลืออะไรอีกแล้ว วินทำกับผมถึงขนาดนี้ได้ยังไงทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรให้เลยหรือเห็นผมเป็นของแปลกกัน มีแฟนเป็นผู้หญิงอยู่แล้วมันคงตื่นเต้นไม่พอสินะเลยมาหาประสบการณ์ในการคบกับผู้ชาย บังเอิญผู้ชายที่วินเลือกลองกลับเป็นผมคนนี้
“พอกันทีกับความรักที่หลอกลวง”
ผมวางเงินที่โต๊ะสำหรับค่ากาแฟและเดินจากไปพร้อมตัดสินใจว่าจะไม่ขอพบเจอกับผู้ชายหลอกลวงคนนั้นอีก
..................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^
น่าสงสารคู่รักสุดสวีทคู่นี้จริงๆค่ะ ดูสิคนมันอยากได้ผู้ชายถึงขนาด
วางแผนมาอยากดิบดี จนหมอกัสที่น่าสงสารตกหลุมเลย

ตอนหน้ามาดูกันเนอะว่านายวินจะจัดการยังไง ตามเอาใจช่วย
กัสวินด้วยนะคะ และขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
เปิดจอง & โอน หนังสือตั้งแต่ วันนี้ ถึง 16 ก.ค. 55 
1.เสน่ห์รักปักใจ 1 เล่ม (ฉบับรีไรท์) >>> กัส+วิน
38 ตอน 5 ตอนพิเศษ
จำนวน 420 หน้า ราคาเล่มละ 350 บาท