^O^{เสน่ห์รักปักใจ} กัส & วิน...The End...THX. MiSS-U
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ^O^{เสน่ห์รักปักใจ} กัส & วิน...The End...THX. MiSS-U  (อ่าน 194547 ครั้ง)

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9

ออฟไลน์ murasakisama

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-4
หมอกัสมาแล้วววววว :กอด1:ส่วนอีกคนขอให้ไปดีไปดีเถอะ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
ในที่สุดก็เม้นได้สักที  5555

เจอกันก้อจับจูบเลยทีเดียวเชียวนะ  55
ดีที่กัสไม่ตบกลับ  ไม่งั้นจะกลายเป็นตบจูบๆๆ  อิอิ

+1 ให้จ้าา

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ตอนที่ 5

กัส

ผมรับรู้ถึงแสงสีส้มจากไฟหัวเตียงที่เปล่งแสงนวลให้ความสว่างเพียงจุดเดียวในห้อง  สายตาผมจับจ้องเพียงฝ้าเพดานสีขาวมานับชั่วโมง  หลังจากจบการสนทนาทางโทรศัพท์ผมก็พาร่างกายที่หนักอึ้งกลับขึ้นห้อง  คำบอกเล่าของเพื่อนสาวคนสวยเมื่อหัวค่ำส่งผลให้ผมต้องนึกถึงคนๆนั้น  สับสน  ฟุ้งซ่าน  โกรธ  เสียใจ  เศร้า  อารมณ์ตอนนี้บรรยายไม่ถูกจริงๆ  เหตุการณ์นั้นผ่านมาเกือบสองปีแล้วผมที่คิดว่าตัวเองน่าจะลืมไปแล้ว  แต่พอถึงวันนี้ก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าผมยังลืมคนๆนั้นไม่ได้จริงๆ



สองปีก่อน

เสียงดนตรีดังอึกทึกครึกโครมทำให้ต้องยื่นหน้าไปแนบหูคนข้างกายเพื่อตะโกนคุยถึงจะสื่อสารกันรู้เรื่อง  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครอารมณ์เสียหรือไม่สบอารมณ์ที่ต้องทำ  กลับชอบที่อยู่กับสถานที่แห่งนี้  สนุก  ตื่นเต้น  เร้าใจ  ได้ปลดปล่อย  คงเป็นความรู้สึกนี้ต่างหากที่เป็นแรงดึงดูดผู้คนให้มารวมตัวกัน  รวมทั้งผมและเพื่อนสนิทอีกสองคนที่ต้องการหาประสบการณ์แปลกใหม่ชวนตื่นเต้นจากผู้คนรอบตัวและสถานที่แปลกใหม่แห่งนี้  มันช่างน่าค้นหายิ่งนักสำหรับพวกเราที่เพิ่งมาสถานที่แบบนี้เป็นครั้งแรก

“เสียงเพลงดังจังเลยแต่น่าสนุกดีนะ  กัส  มิค” เสียงหวานของหญิงสาวคนเดียวดังขึ้นทำให้ผมหันมาสนใจกับคนพูดทันที

“ใช่ๆ  เฮ้ย!  นั่นเค้ากอดกันด้วย  ไมไม่จูบกันเลยอ่ะ” หนุ่มตัวเล็กใส่แว่นหน้าเด็กกว่าอายุทำท่าตกใจและชี้ชวนให้เพื่อนหันไปมองคู่รักข้างๆที่กำลังกอดกัน  ใบหน้าใกล้กันจนแทบจะจูบกันอยู่แล้ว  ผมหันหน้าหนีภาพตรงหน้าก่อนจะพูดกับมิค

“มิคอย่าไปมองเค้าสิ  มาหันมานี่” ผมกลัวว่าจะโดนมองแปลกๆได้ที่พวกเรามัวแต่มองคนอื่นเขาจู๋จี๋กันแบบนั้น

“แหมกัสอ่ะ” มิคส่งเสียงเล็กๆทำหน้างอนปากยู่มาให้ผมทันทีที่ผมเอ่ยปราม

“อย่าไปห้ามมิคเลยกัส  คนไม่เคยมีก็ยังงี้แหละ  ฮิๆๆ” เสียงมายดังเอ่ยแซวมิคพร้อมเสียงหัวเราะอย่างถูกใจ

หลังจากสำรวจจนพอใจแล้วพวกเราก็หันกลับมาคุยกันเองพร้อมขยับตามจังหวะเสียงเพลงไปด้วย  ทำให้เป็นจุดดึงดูดความสนใจของคนรอบข้างทั้งหญิงและชายแบบไม่รู้ตัว  เปรียบเสมือนกวางน้อยเนื้อหวานที่มีเหล่าเสือสิงห์จ้องเขมือบ  เพียงแต่รอจังหวะและคุมเชิงกันอยู่เท่านั้น

“ว้ายยย” เสียงร้องอย่างตกใจของสาวมายดังขึ้นทำให้ผมกับมิคต้องหันไปมองอย่างตกใจ

พบว่ามีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งใส่แว่นหน้าเครียดกำลังจับข้อศอกของมายอยู่และจ้องตากับมายไม่กระพริบ  ผมที่กำลังจะเข้าไปช่วยเพื่อนสนิทที่ถูกคนแปลกหน้าจับไว้ก็ต้องชะงักกับเสียงของมายที่ทักชายหนุ่มตรงหน้า

“น้องปรัช” สรรพนามที่มายใช้เรียกหนุ่มแว่นตรงหน้าทำให้ผมรู้ว่าทั้งคู่รู้จักกัน  จึงเริ่มเบาใจได้บ้างแต่ก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดีที่มายโดนผู้ชายถูกเนื้อต้องตัว

ส่วนคนที่มายเรียกว่า ‘น้องปรัช’ ไม่มีทีท่าจะคลายแรงจับมายลงเลย  แถมหน้าตาก็ช่างเคร่งเครียดอย่างน่ากลัวด้วยอาการถลึงตาและขมวดคิ้วมุ่นจนเหมือนโกรธเกลียดกันมาก่อน  ผมที่สังเกตทั้งคู่อยู่ก็เริ่มไม่พอใจนายปรัชอะไรนี่ขึ้นมาบ้างแล้วที่ทำกิริยารุนแรงกับเพื่อนผมแบบนี้  ส่วนมายก็เริ่มหน้าตาเหยเกคงด้วยเจ็บจากแรงบีบของนายปรัช  แต่ก่อนที่ผมจะได้ห้ามปรามอะไรก็มีเสียงแทรกขึ้นซะก่อน

“นี่นายเป็นใครมากระชากเพื่อนเราทำไม” มิคที่คงไม่พอใจมากเข้าใกล้ทั้งคู่และตะคอกออกมาด้วยหน้าตาจริงจัง  ก่อนที่มิคเข้าไปแทรกและพยายามดึงแขนมายออกจากมือของนายปรัช  แต่ไม่เป็นผลเพราะรูปร่างที่ต่างกันเกินไป  ผมที่เห็นท่าไม่ดีก็เตรียมเข้าไปช่วยอีกแรง

“กัส  มิค  ไม่เป็นไรจ้ะคนรู้จักมายเอง” เสียงใสเอ่ยห้ามทุกคนรอบกายเมื่อเห็นเค้าลางแห่งความวุ่นวาย  พาลทำให้ผมกับมิคหยุดการกระทำทั้งหมด  แต่เรายังคงจ้องหน้าผู้มาใหม่อย่างเอาเรื่องก่อนที่มายจะโดนนายปรัชดึงข้อมือให้ไปยืนข้างๆ
 
“แล้วนายนี่เป็นใครล่ะทำแบบนี้ตกใจหมด” มิคเอ่ยเสียงดังทั้งๆที่หน้าตายุ่งเหยิงอย่างอารมณ์ไม่ดีและจ้องหน้าปรัชอย่างเอาเรื่อง

“นี่ปรัชจ้ะ  ปรัชจ๊ะนี่กัสกับมิคเพื่อนสนิทมายเอง” สาวมายแนะนำพวกเราสามคนให้รู้จักกันทันทีที่เห็นทุกคนหน้าตาไม่ดีพร้อมมีเรื่อง

พวกเราสามคนมองหน้ากันและพยักหน้าทักทายแต่ยังประเมินอีกฝ่ายอยู่ว่าจะมีท่าทางแบบไหน  ยิ่งมิคที่ตัวเล็กกว่านายปรัชนั้นแทบจะกระโดดกินหัวนายนั่นด้วยซ้ำครับ  ตัวผมแค่มองประเมินทั้งปรัชและมายอยู่จึงรู้ว่าทั้งคู่คงสนิทกันพอดู  เพราะมายยอมให้ปรัชจับมือถือแขนได้โดยไม่คิดปัดป้อง  ส่วนมายก็มองมิคกับปรัชสลับกันไปมาแบบหนักใจคงกลัวว่าทั้งคู่จะมีเรื่องกัน  ส่วนนายปรัชก็มองมิคและผมนิ่งๆไม่มีอารมณ์โกรธในแววตาแบบแรกเจอแล้วครับ

“มายมานี่ได้ยังไง” นายปรัชหันไปถามคนที่ตัวเองจับข้อมือไว้ด้วยเสียงนิ่งเรียบและจ้องรอคำตอบจากมายเขม็ง

“ก็ขับรถมาสิจ๊ะ  ถามได้” มายตอบตรงแต่แอบประชดเสียงแผ่วท้ายประโยคที่เจ้าตัวคงไม่ได้ตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน  จนผมแอบขำที่สาวน้อยเค้ารู้จักยอกย้อนด้วย  แต่นายปรัชนี่ก็หูดีมีประสิทธิภาพมากและคงได้ยินคำท้ายที่มายเอ่ย  หน้าตานายนั่นถึงกับขมึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง

“มาย!  มานี่เลยนะตามมา” เสียงห้าวเรียกชื่อเพื่อนสาวของผมเสียงดังลั่น  ก่อนจับจูงข้อมือบางลากออกจากโต๊ะไป

“เฮ้ยยยย  นายปรัชจะพามายเดียร์ไปไหน” มิคลากเสียงยาวและถลาตามทั้งคู่ออกไปทันที

ผมที่มองภาพคนทั้งหมดอยู่ก็ตกใจที่เพื่อนสาวคนสนิทโดนลากออกไปโดยผู้ชายแปลกหน้าสำหรับตัวเอง  แต่ข้าวของบนโต๊ะของเพื่อนๆและของผมนั้นยังอยู่ทำให้ผมเสียเวลาเก็บทุกอย่างมาถือไว้  หันมาอีกทีสามคนนั้นก็ไม่อยู่ในสายตาแล้วครับ  เจอแต่คนแปลกหน้าอยู่รอบกาย

“ขอทางด้วยครับ  โอ๊ะ  ขอโทษครับผมไม่ได้ตั้งใจ” ผมที่พยายามเบียดเสียดผู้คนเพื่อจะตามเพื่อนๆออกไปนอกผับก็ชนเข้ากับใครก็ไม่รู้ที่อยู่ตรงหน้าเข้า

“เฮ้ยยย  ไรวะชนแล้วแค่ขอโทษไม่พอหรอกนะเห็นมั้ยเลอะเต็มเสื้อเลย” คนที่ผมชนเขาโวยวายเสียงดังใส่ผมใหญ่เลยครับ  แถมสะบัดเสื้อตัวเองไปมาให้ผมเห็นหลักฐานว่ามีเหล้าเปื้อนเสื้อเขาด้วยฝีมือผมเอง

“ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” เห็นดังนั้นผมก็รีบเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิดออกไปอีกครั้ง

“อืม  ฮึๆๆ  ไม่เป็นไรน่ารักแบบนี้พี่ให้อภัย” ไอ้ผู้ชายที่ผมชนมันถึงกับหัวเราะชอบใจ  ด้วยใบหน้ายิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยหลังได้มองหน้าผมแล้ว  แต่แววตาวาวๆนั่นทำเอาผมขนลุกจนต้องรีบเอ่ยออกไป

“ขอบคุณครับ” ผมเดินเลี่ยงจากผู้ชายตรงหน้าหลังเอ่ยขอบคุณแล้ว  แต่ต้องตกใจและใจหายวาบเมื่อมันเข้ามากอดรัดผมไว้ทั้งตัว

“เฮ้ย!  ปล่อยนะทำบ้าอะไรของนายเนี่ย” ผมตะโกนและดิ้นรนออกจากอ้อมกอดที่แสนน่ารังเกียจนี้  แต่แรงผมน้อยกว่ามันมากทำให้มันได้ใจรัดร่างผมแน่นกว่าเดิม

“ให้อภัยแต่ต้องไปกับพี่นะจ๊ะหนุ่มน้อย  ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะอย่างถูกใจของมันดังขึ้นใกล้หู  ทำเอาผมขนลุกเพราะความรังเกียจปนขยะแขยง

“ไอ้บ้า  ปล่อยนะ  ช่วยด้วย” ผมทั้งด่าทั้งโวยวายและขอความช่วยเหลือจากคนที่ยืนอยู่รอบข้าง  แต่ไม่มีใครคิดจะช่วยผมเลยครับ  น้ำตาเริ่มมาคลอที่หน่วยตาเพราะความกลัวแล้ว

“เฮ้ย!  มึงทำไรวะ” เสียงห้าวดังขึ้นข้างตัวผมพร้อมแรงกระชากที่สามารถทำให้ผมลอยตามแรงมือใหญ่คู่นี้ออกจากอ้อมกอดที่แสนน่ารังเกียจมาได้

หน้าผมชนเข้าอกแกร่งของคนที่เข้ามาช่วยและกลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆสำหรับผู้ชายก็ลอยเข้าโสตประสาทรับกลิ่นทันที  ‘สดชื่นหอมจัง’ นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิด  แต่ผมก็ไม่สามารถเห็นหน้าผู้ที่มาช่วยตัวเองไว้ได้เพราะหลังจากโดนกระชากหน้าซุกอกแกร่งแล้ว  เจ้าของอกก็ดันผมไปซ่อนไว้ด้านหลังที่มีแผ่นหลังกว้างขวางกั้นผมไว้อย่างปกป้อง

“ฉวยโอกาสกับเด็กนะมึงอ่ะ  หา!” เสียงห้าวของคนตรงหน้าผมดังหาเรื่องขึ้นทันที

“ฉวยโอกาสไร  นี่แฟนกู” ไอ้คนหน้าด้านนั่นมันพูดออกมาได้ยังไงว่าผมเป็นแฟนมัน  แต่ผมยังไม่ทันปฏิเสธเจ้าของร่างสูงใหญ่ตรงหน้าผมก็สวนไอ้คนหน้าด้านไปซะก่อนครับ

“มึงอย่ามามั่ว  กูเห็นตั้งแต่ต้นที่มึงลวนลามเค้าแล้ว  หรือมึงจะมีเรื่องกับกู” เสียงเข้มดุอย่างน่ากลัวดังขึ้นจนผมอดจะสะดุ้งนิดๆไม่ได้  ส่วนไอ้ผู้ชายฉวยโอกาสนั่นผมก็ไม่รู้ว่ามันจะนึกกลัวแบบผมมั้ยนะ   

“เอ่อ  ไม่  มึงเอาไปเลย” ดูท่าทางไอ้ผู้ชายคนนั้นมันคงนึกกลัวขึ้นมาแล้ว  เพราะมันถึงกับเอ่ยปากยอมยกผมให้คนที่มาช่วยผมไว้อย่างง่ายๆ  ผมถึงกับโล่งใจและรู้สึกปลอดภัยอีกครั้ง

“มึงระวังตัวให้ดีนะ  อย่ามาหาเรื่องที่นี่อีกแล้วอย่าหาว่ากูไม่เตือน”

จบบทสนทนาระหว่างไอ้เลวนั่นที่พยายามลวนลามผมกับ ‘อัศวินหนุ่ม’ ที่เข้ามาช่วยไว้แล้ว  ผมคิดว่าจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นซะแล้วครับ  แต่ไอ้เลวนั่นกลับไม่แน่จริงมันคงไม่กล้าหือกับชายหนุ่มร่างสูงคนนี้  และเขาคนนี้เป็นใครกันนะทั้งๆที่ไม่รู้จักกลับยื่นมือมาช่วยผมไว้  แต่ผมต้องหยุดความคิดทั้งหมดลงเมื่อโดนคนตัวใหญ่ที่มาช่วยลากข้อมือให้เดินตาม

“อ๊ายยยย  วินจริงๆด้วย  นั่นหล่อนวันนี้วินมาด้วย”

“วินไปไหนคะ  กลับแล้วเหรอ”

ตลอดทางเดินที่เราสองคนเดินเพื่อออกนอกผับก็มีทั้งสาวๆและหนุ่มน้อยน่ารักทักคนที่จูงมือผมเดินนำหน้าอยู่ไม่ขาด  และนั่นทำให้ผมรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีชื่อว่า ‘วิน’ อัศวินของผม

อากาศปลอดโปร่งรอบตัวพร้อมแสงไฟส่องสว่างยามค่ำคืนข้างนอกนี้ทำให้ผมยิ่งเห็นชัดว่าคนที่ลากตัวเองออกมานั้นสูงใหญ่กว่าผมมากขนาดไหน  วินมีแผ่นหลังกว้างไหล่หนาก้าวเดินด้วยขายาวมั่นคงด้วยความเร็วไม่มากนัก  แต่กลับทำให้คนที่ตัวเล็กกว่าแบบผมถึงกับต้องซอยเท้าเดินให้ทันร่างสูงข้างหน้าถึงกับเหนื่อยหอบเลยครับ

“นี่ๆๆๆ  คุณช้าๆหน่อยครับ  ผมเดินไม่ทัน” ผมที่เริ่มเหนื่อยเอ่ยท้วงคนข้างหน้า  ส่งผลให้ร่างสูงชะงักกึกหยุดเดินซะเฉยๆทำให้ผมที่ไม่ทันระวังชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างไปเต็มๆหน้าเลยทีเดียว

“โอ๊ยยย  เจ็บจัง” ผมลูบคลำจมูกตัวเองป้อยๆเพราะความเจ็บที่แล่นจี๊ด  และรู้สึกได้ว่ามีน้ำตาซึมออกทางหางตาตัวเองด้วย

ทันใดนั้นรู้สึกว่าแสงสว่างที่เคยมีถูกปกคลุมด้วยเงาดำทะมึนจากร่างตรงหน้าที่ชะโงกตัวก้มเข้าหาบดบังแสงไฟไปสิ้น  พร้อมเสียงห้าวทุ้มน่าฟังก็ดังขึ้นมาให้ได้ยิน

“เป็นยังไงบ้าง  เจ็บมากมั้ย” เสียงนุ่มแสดงความห่วงใยมาในประโยคที่เอ่ยถามจนคนที่ได้ยินแบบผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง

คิ้วเข้ม  ตาคมดุ  จมูกโด่งเป็นสัน  ปากหนาแดงสด  ‘หล่อมาก’  เป็นใบหน้าที่ผมเห็นเมื่อเงยหน้ามองคนที่ช่วยตัวเองไว้  ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนและเวลาผ่านไปเท่าไหร่เพราะเผลอจ้องคนตรงหน้าซะเพลินตา  แต่สติของผมคงไม่อยู่กับตัวนักเพราะมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีฝ่ามืออุ่นยื่นมาลูบหน้าลูบจมูกตัวเองเข้าแล้ว  ตามมาด้วยเสียงนุ่มอ่อนโยนสอบถามอาการผมอย่างห่วงใย  ก่อนใบหน้าหล่อเหลานั้นจะส่งยิ้มน้อยๆมาให้มีแววตาล้อเลียนอยู่ด้วย  ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าความร้อนวิ่งลามไปทั้งหน้าและใบหูของตัวเอง  และเอ่ยตอบกลับอย่างยากลำบาก

“มะ  ไม่เป็นไรแล้วครับ  ขอบคุณที่ช่วยผมไว้” ผมก้มหน้าหลบสายตาคมคู่นี้ขณะตอบไม่อยากเห็นสายตารู้ทันเลย ‘น่าอายจัง’ ที่เผลอจ้องผู้ชายแปลกหน้าอยู่ได้ตั้งนานสองนาน

“ผมวินครับยินดีที่ได้รู้จัก” เสียงนุ่มดังแนะนำตัวเองขึ้นมา  ผมรวบรวมความกล้าก่อนเอ่ยออกไป

“เอ่อ  คือ  ผมกัสครับ” ผมก็ได้แต่ตอบไปทั้งๆที่ก้มหน้าซ่อนหน้าแดงๆของตัวเองไว้

“ชื่อน่ารักจังน้า ‘กัส’ เหรอเหมาะสมกับตัวดี” เสียงล้อเลียนขี้เล่นเอ่ยเย้าผมยิ่งทำให้ผมต้องก้มหน้าชิดอกมากกว่าเดิม

ผมสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วอุ่นที่ถูกยื่นมาเชยคางตัวเองขึ้นให้สบตาคมหวานคู่นั้นและเหมือนต้องมนต์  ทำให้จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมดุแต่มีเสน่ห์อย่างไม่รู้ตัว  ก่อนจะรับรู้ถึงสัมผัสแผ่วเบา  นุ่ม  และเปียกชื้นบริเวณริมฝีปากของตัวเอง  ผมสะดุ้งตกใจจะผละออกแต่กลับมีแรงกดจากท้ายทอยไว้ด้วยฝ่ามือหนาของคนที่ ‘จูบ’ ผมอยู่ 

กลีบปากหนาของร่างสูงพยายามหยอกล้อบดเบียดปากของผมซึ่งเริ่มขัดขืนให้กลับมาเคลิ้มอีกครั้ง  พร้อมเลาะเล็มไปตามขอบปากเพื่อให้ผมเปิดรับเรียวลิ้นของอีกฝ่ายเข้าไป  ผมที่ไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้จึงเผลอตัวเปิดกลีบปางนุ่มให้อีกฝ่ายเข้ามาชิมความหวานภายในอย่างทั่วถึง  ไม่รับรู้ว่าตอนนี้รอบตัวมีใครอยู่บ้างและตัวเองกำลังอยู่ที่ไหนเพราะเคลิ้มไปกับสัมผัสแรกที่ได้รับกับคนแปลกหน้าที่ช่วยผมไว้

“อืมมม”

เสียงครางอย่างพอใจจากร่างสูงที่ชิมความหวานจากปากของผมและเจ้าของมันก็กำลังโอบกอดผมอยู่ดังขึ้น  ซึ่งตอนนี้ผมไม่มีแรงจะยืนด้วยตัวเองต้องอิงแอบอกกว้างเพื่อช่วยพยุงตัว  แต่เหมือนผมตกจากสวรรค์เมื่อรับรู้ถึงแรงกระชากร่างของตัวเองออกจากอกหนาพร้อมเสียงของเพื่อนสนิทที่โวยวายขึ้นมา  ผมยังจับใจความไม่ได้เพราะสติยังกลับมาไม่ครบถ้วน  ก่อนจะเริ่มรับรู้ถึงอ้อมกอดนุ่มนิ่มกลิ่นคุ้นเคยของเพื่อนสาวตัวเล็กที่โอบประคองตัวผมไว้  และกลับมารู้ถึงเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง

“นายเป็นใครเนี่ย  หา  มาทำแบบนี้กับเพื่อนเราทำไม”

“ใจเย็นมิคนั่นเพื่อนปรัชจ้ะ  ชื่อวิน”

“นายทำแบบนี้กับเพื่อนเราได้ยังไงกันเนี่ย ”

เสียงมิคกับมายโต้ตอบไปมาทำให้ผมที่สติรับรู้กลับมาครบถ้วนแล้ว  รู้สึกอายมากกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นจนไม่กล้าแม้จะจะมองรอบตัวว่ามีใครอยู่บ้าง  ตอนนี้คิดได้เพียงแต่อยากออกไปจากสถานการณ์ตรงหน้าให้เร็วที่สุดเท่านั้นครับ

“เอ่อ  มิค  มาย  เรากลับกันเถอะ  นะ” ผมเอ่ยขอร้องกับเพื่อนตัวเล็กอีกสองคน  มิคกับมายมองหน้าผมอย่างห่วงใยและพยักหน้าให้กันเอง

“แต่.....  อืมก็ได้  ส่วนพวกนายอย่ามาให้พวกเราเห็นหน้าอีกนะ” มิคหันไปพูดกับใครบ้างผมก็ไม่รู้ครับเพราะได้แต่มองหน้าเพื่อนทั้งสองคนเท่านั้น  ไม่กล้าหันหลังกลับไปมองอีกฝ่ายที่มิคคุยด้วยเลย

แต่ถ้าผมจะหันไปมองก็คงจะต้องตกใจและอายมากกว่านี้  เพราะด้านหลังนั้นมีชายหนุ่มและหญิงสาวรวมกันถึงห้าคนยืนจับกลุ่มกันอยู่  ผมและเพื่อนอีกสองคนก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อกลับไปที่รถ  แต่ต้องชะงักกับเสียงห้าวที่ดังขึ้นข้างหลัง

“ไม่รับปากหรอกนะว่าจะไม่ให้เห็นหน้าอีก ‘กัส’ เราต้องเจอกันอีกแน่ครับ”

ใจความที่อีกฝ่ายสื่อมาให้ได้ยินทำให้ผมยิ่งหน้าร้อนกว่าเดิม  ไม่กล้าจะมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนด้วยซ้ำ  ได้แต่คว้าข้อมือมิคและมายเดินลิ่วแทบเป็นวิ่งกลับไปที่รถเท่านั้น 

‘นี่ผมจะยังได้เจอคนแปลกหน้าที่จูบผมและทำให้ได้อายมากที่สุดในชีวิตอีกเหรอครับเนี่ย’

......................................

ลงซ่อมค่ะ

 :กอด1:

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ตอนที่ 6

วิน

ภาพถ่ายในมือผมนั้นเป็นภาพของผู้ชายสองคนที่คนหนึ่งส่งยิ้มกว้างส่วนหนุ่มอีกคนยิ้มแค่มุมปาก  แต่แววตาทั้งคู่ส่องประกายแห่งความสุขออกมาไม่ต่างกันทำให้คนที่นั่งมองภาพแบบผมต้องยิ้มออกมาและคิดย้อนถึงอดีตที่ผ่านมา

อดีตของผมที่เคยมีคนสำคัญในภาพเคียงข้างแต่ตอนนี้ข้างกายกับไร้ซึ่งผู้ใดเคียงกัน  แม้คนที่ผมคิดว่าคล้ายกับหนุ่มตัวเล็กในภาพคนที่คิดว่าใช่จะใช้แทนกันได้แต่เปล่าเลย  ผมกลับโดนหักหลังแต่ก็ไม่เชิงหักหลังสินะแต่มันเป็นกรรมตามสนองมากกว่า  หลังจากได้เจอเพื่อนสนิทของคนๆนั้นโดยบังเอิญทำให้อดีตที่พยายามลืมย้อนกลับมา  ผมอดไม่ได้ที่จะคิดถึงอดีตถึงกับหยิบรูปนี้ที่เก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะหัวเตียงโดยมีกล่องกำมะหยี่ใบเล็กทับอยู่ออกมาดูจนได้  คิดถึงอดีตกับ ‘จูบ’ ครั้งแรกกับคนๆนั้น



สองปีก่อน

“กวางน้อยน่ารักโต๊ะนั้นถ้าจะไม่รอดว่ะ  ฮ่าๆๆๆ”

เสียงเพื่อนสนิทหน้าตี๋พูดพร้อมพยักพเยิดใบหน้าไปทางเป้าหมายที่มีสามหนุ่มสาวตัวเล็กขยับโยกตามจังหวะเพลง  ซึ่งขณะนี้โดนจ้องจากเสือร้ายที่อยู่รอบข้างและเตรียมจะขย้ำกวางน้อยยามเผลอเหมือนที่เพื่อนหน้าตี๋ของผมเปรียบเปรยไว้เลย  แต่ผมก็ไม่แปลกใจกับคำเปรียบนี้ของเพื่อนนักขนาดพวกผมนั่งไกลจากโต๊ะนั้นพอควร  ผมยังเห็นถึงเสน่ห์ไร้สิ่งปรุงแต่งเป็นแรงดึงดูดให้เข้าหาจากกลุ่มนั้นเลยครับ

“ตอนนี้ไอ้ปรัชถึงไหนแล้ววะ” เสียงเข้มของไอ้ฟินดังขึ้นทำให้ผมละสายตาจากภาพกวางน้อยมาให้ความสนใจมันแทน

“เมื่อกี้มันส่งข้อความมาว่ามีอุบัติเหตุข้างทางคงมาช้าหน่อยแต่ใกล้ถึงแล้ว” คนที่ตอบเป็นสาวเท่ประจำกลุ่มที่ไอ้ปรัชมันคงส่งข้อความมาให้ก่อนหน้าแล้ว

“อ้าววว  ตายยากจริงมันเดินมานู่นแล้ว  เฮ้ยยยย  มันรู้จักกับโต๊ะนั้นเหรอวะ” ไอ้ธีมันตะโกนแข่งกับเสียงเพลงเมื่อเห็นไอ้คนที่เพื่อนรอ  แต่ท่าทางตกใจปนสงสัยของมันทำให้ทั้งกลุ่มเราหันไปมอง

ผมเห็นไอ้ปรัชหนุ่มมาดนิ่งประจำกลุ่มกำลังดึงรั้งลากสาวน้อยตัวเล็กหนึ่งในกวางน้อยที่พวกผมพูดถึงไปที่ทางออก  และมีหนุ่มน้อยตัวเล็กสวมแว่นก้าวตามทิ้งไว้เพียงหนุ่มน้อยอีกคนที่โต๊ะ  คนตัวเล็กหน้าหวานที่ละล้าละลังเก็บของอยู่ไม่ทันได้ก้าวตามเพื่อนทั้งสองไป

“ปรัชลากผู้หญิงออกไปแล้วว่ะ  นี่มันเรื่องอะไรกันวะ  ตามไปดูกันหน่อยเร็ว”  มนบ่นอย่างตกใจปนหัวเสียที่ไอ้ปรัชทำแบบนี้กับผู้หญิงเพราะปกติไอ้ปรัชเป็นคนที่นิ่งที่สุดในกลุ่มแล้ว  ไม่เคยเห็นมันทำรุนแรงป่าเถื่อนกับผู้หญิงเลย  เอาแค่เสียงดังด้วยยังไม่มีให้เห็น 

ตอนนี้ในสายตาผมคนที่น่าเป็นห่วงที่สุดกับเป็นหนุ่มตัวเล็กที่โดนทิ้งไว้ต่างหาก  เพราะคนตัวเล็กนั่นกำลังโดน ‘ไอ้แมน’ นักเที่ยวขาประจำที่นี่กอดรัดอยู่  ผมตัดสินใจไม่ตามเพื่อนคนอื่นๆออกไปแต่กลับเดินแหวกผู้คนไปหากลุ่มคนมุงเบื้องหน้าแทน  และทันได้ยินคนตัวเล็กขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครกล้าเข้าช่วยคงเพราะรู้ว่าไอ้แมนมันเป็นนักเที่ยวตัวแสบที่ทุกคนรู้จักดีกับความซ่าของมัน  ไปถึงผมดึงคนที่ถูกไอ้แมนกอดไว้มาแนบอก  สัมผัสแรกของคนตัวเล็กที่ผมรับรู้คือความนุ่มนิ่มเรียบตึงของผิวกาย  ตามมาด้วยกลิ่นหอมอ่อนหวานที่โชยมาจากร่างนุ่มในอ้อมกอด  และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมประทับใจเมื่อแรกเจอจากร่างนิ่มหอมกรุ่นในอ้อมแขน 

ผมดันคนตัวเล็กที่สร้างความประทับใจให้ผมไปแอบด้านหลังตัวเอง  ไอ้แมนมันโกรธที่ผมเข้ามายุ่งเรื่องของมันและมันยังกล้าอ้างว่าคนตัวเล็กเป็นแฟนมันด้วย  ผมซึ่งเห็นเหตุการณ์แต่แรกก็ตอบโต้กลับไป  คิดว่ามันจะแน่แต่ที่สุดมันก็ยอมรามือจากหนุ่มน้อยคนนี้ไป  ซึ่งถ้าไอ้แมนกล้าจะลองดีผมจะจัดให้มันสักชุดใหญ่อยู่แล้วครับ  ขาประจำแบบมันต้องรู้อยู่แล้วครับว่าที่นี่เป็นถิ่นของใครเพราะเจ้าของผับแห่งนี้เป็นญาติของไอ้ปรัช  ใครคิดจะหาเรื่องอะไรก็ต้องดูดีๆก่อน  เรื่องรูปร่างผมก็ได้เปรียบไอ้แมนอยู่มาก  มันจึงยอมง่ายๆคงไม่ยากเจ็บตัวฟรีหรอกครับ 

เมื่อหมดเรื่องผมก็ลากข้อมือคนตัวเล็กที่ผมได้ช่วยไว้ให้ตามออกมาเพื่อหาเพื่อนกลุ่มเราทั้งสองคน  ระหว่างทางก็มีผู้หญิงเรียกชื่อผมมาตลอด  บางคนใจกล้าหน่อยก็เข้ามาจับแขนผมด้วยซ้ำ  แต่ผมไม่ได้สนใจแค่ส่งยิ้มให้และเดินต่อเพราะใจผมนั้นเป็นห่วงหนุ่มน้อยคนที่เดิมตามหลังคนนี้มากกว่า  ผมมารู้ตัวอีกทีเมื่อคนตัวเล็กที่ตามมาร้องทักด้วยเสียงเหนื่อยๆเหมือนหายใจไม่ทัน

“นี่ๆๆๆ  คุณช้าๆหน่อยครับ  ผมเดินไม่ทัน” เสียงหอบเหนื่อยของคนข้างหลังทำให้ผมหยุดเท้าที่ก้าวเดินทันที  ตามมาด้วยแรงกระแทกเข้าใส่หลังจากร่างเล็กที่คงหยุดเท้าตัวเองไม่ทัน  เสียงร้องตกใจแสดงความเจ็บปวดทำให้ผมหมุนตัวกลับไปมองทันที

ภาพกลุ่มผมดำสนิทตรงหน้าที่มีเจ้าของเป็นหนุ่มร่างเล็กตัวหอมกำลังเอามือคลำจมูกตัวเองป้อยๆ  ที่หน้าคงกระแทกเต็มแรงเข้ากับแผ่นหลังผมนั่นเอง  ทำให้ผมมองไม่เห็นใบหน้าเจ้าของผิวนุ่มนิ่มเพราะมือขาวนั้นบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง

“เป็นยังไงบ้าง  เจ็บมากมั้ย”

ผมเอ่ยถามร่างบางอย่างเป็นห่วงทำให้คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมองก่อนค่อยๆทิ้งแขนลงข้างตัว   ผมจึงได้เห็นดวงตากลมโตมีน้ำตาซึมทางหางตา  ปลายจมูกโด่งแดงช้ำ  เครื่องหน้าจิ้มลิ้มปากนิดจมูกหน่อย  แก้มแดง  ผิวเนียน  ใบหน้าคนน่ารักให้ความรู้สึกเหมือนทอมมากกว่าผู้ชาย  ให้ผมมองเพลินกวาดสายตาไล่ไปทุกส่วนบนใบหน้าหวาน  ตอนนี้ริมฝีปากบางของคนตัวเล็กตรงหน้าเผยอออกน้อยๆและมีดวงตาเคลิ้มฝัน  ทำให้ผมอดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าคนน่ารักคงหลงเสน่ห์ในความหล่อของผมเข้าแล้ว  อดที่จะภูมิใจตัวเองไม่ได้จนต้องคลี่ยิ้มออกมาตามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะในคอให้กับความน่ารักน่าเอ็นดูที่ได้เห็น

“มะ  ไม่เป็นไรแล้วครับ  ขอบคุณที่ช่วยผมไว้”

คนตัวเล็กตรงหน้าผมเค้าคงอายมากเพราะหน้าขึ้นสีระเรื่อทันตาลามไปถึงใบหู  เมื่อผมเผลอทำตาล้อเลียนส่งไปให้ ‘น่ารักมาก  และ  อยากรู้จัก’ คิดได้ดังนั้นปากก็เร็วทันใจเอ่ยถามออกไปทันที

“ผมวินครับยินดีที่ได้รู้จัก” ผมคลี่ยิ้มหวานใส่ตาคนหน้าแดง  ผลก็คือคนน่ารักทำตาโตกว่าเดิมและอ้าปากหวอ ‘คนอะไรน่าฟัดชะมัด’

“เอ่อ  คือ  ผมกัสครับ” กว่าคนน่ารักน่าฟัดจะเอ่ยชื่อออกมาได้ก็ใช้เวลาพักหนึ่ง  แต่ก็สมกับที่รอคอยเพราะชื่อหลุดออกมาจากปากจิ้มลิ้มน่าสัมผัสนั้น

“ชื่อน่ารักจังน้า ‘กัส’ เหรอเหมาะสมกับตัวดี” เหมือนผมจะละเมอพูดอะไรไปสักอย่างยามจ้องมองปากแดงระเรื่อตรงหน้า

‘อยากสัมผัส  อยากใกล้ชิดกว่านี้  อยากรู้ว่าริมฝีปากนั้นจะนุ่มอย่างที่คิดมั้ย’ ระหว่างที่คิดเหมือนผมต้องมนต์สะกดจากเจ้าของปากแดงตาโตให้เคลื่อนหน้าเข้าหา

ผมรู้สึกดีมากยามที่ได้สัมผัสริมฝีปากนุ่นนิ่มที่มีกลิ่นหอมจางๆ ‘จูบ’ นี้มันเกิดขึ้นเร็วมากอย่างที่ผมก็ไม่ทันตั้งตัวแค่คิดว่าอยากสัมผัสริมฝีปากแดงของคนน่ารัก  ร่างกายไปก่อนสมองสั่งการหลังได้รู้ว่าคนตัวเล็กชื่อ ‘กัส’   ผมรับรู้ได้ว่าร่างบางตรงหน้าสะดุ้งเตรียมผลักไสผมออกอย่างตกใจ  แต่ผมยังรู้สึกไม่พอยังไม่เต็มอิ่มจากสัมผัสที่ได้รับจึงยกมือรั้งศีรษะทุยไว้  อีกมืออ้อมมากอดรอบตัวคนร่างบางให้แนบชิดขึ้นเพื่อลดการดิ้นรนของอีกฝ่าย  ริมฝีปากก็ทำหน้าที่บดเบียดเคล้าคลึงรอบขอบปากเพื่อให้คนน่ารักเคลิบเคลิ้มยอมเปิดปากรับเรียวลิ้นของผมเข้าไปเพื่อจะได้ชิมรสหวานภายในได้  ผมรับรู้ได้ว่าคนที่โดนกอดเริ่มโอนอ่อนเคลิบเคลิ้มและยอมเปิดปากรับเรียวลิ้นของผมที่รอชิมความหวานอยู่  ผมสำรวจทั่วโพรงปากหวานดูดกลืนน้ำหวานรสชาติดีก่อนลัดเลาะไปตามแนวฟันเรียงสวยของคนตรงหน้า  เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสไร้เดียงสาที่เริ่มตอบโต้กลับมา  เผลอคางอย่างพอใจกับสิ่งที่ได้รับแต่สวรรค์ล่มเป็นยังไงผมพึ่งรู้ในตอนนี้  เพราะแรงที่มากระชากคนน่ารักให้หลุดจากอ้อมกอดของผมไปพร้อมเสียงดังโวยวายที่ตามมา

“นายเป็นใครเนี่ย  หา  มาทำแบบนี้กับเพื่อนเราทำไม”

ตามมาด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างของเจ้าของเสียงนั้นผลักเข้าที่อกผมอย่างแรง  แต่ผมไม่ได้หันไปมองหรอกว่ามันเป็นใคร  เพราะสายตาของผมตอนนี้มีเพียงคนน่ารักที่โดนแยกออกจากอ้อมกอดเท่านั้น  กัสหนุ่มตัวเล็กตกอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาวที่เป็นคนเดียวกับคนที่โดนไอ้ปรัชลากออกไปก่อนเกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมานั่นเอง  ผมได้ยินไอ้คนที่ผลักผมออกถามอะไรมากมายและหญิงสาวที่กอดกัสอยู่คงแนะนำว่าผมเป็นเพื่อนกับไอ้ปรัช  แต่คงยังไม่เป็นที่พอใจของหนุ่มแว่นตัวเล็กตรงหน้าเพราะยังมองผมอย่างกับแค้นเคืองกันมานาน  ผมเบนสายตากลับไปที่เดิมก็เห็นว่าตอนนี้หนุ่มน้อยที่เพิ่งโดนผมจูบไปหน้าแดงก่ำทำหน้าไม่ถูก  กัสคงอายมากเพราะทั้งเพื่อนของผมและเพื่อนของกัสเองต่างอยู่กันครบและคงไม่พลาดช็อตเด็ดของเราเป็นแน่

“เอ่อ  มิค  มาย  เรากลับกันเถอะนะ” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาทำลายความเงียบขึ้นมา  ทั้งๆที่เจ้าของยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจากพื้นดินตรงหน้าเลย  จนผมอยากจะเข้าไปเชยคางมนขึ้นเพื่อสบตาให้ได้เห็นตาคู่สวยนั้นอีกครั้ง

“แต่.....  อืมก็ได้  ส่วนพวกนายอย่ามาให้พวกเราเห็นหน้าอีกนะ” หนุ่มแว่นขมวดคิ้วมุ่นเม้มปากแน่นจ้องมองกัสอย่างตัดสินใจก่อนยอมตามใจเพื่อน  และหันมาสั่งพวกผมที่ยืนอยู่ด้วยเสียงแข็งๆ

ตอนนี้ผมคงต้องปล่อยให้กวางน้อยทั้งสามได้กลับไปก่อน  เพราะขืนทำอะไรมากกว่านี้คงโดนเกลียดแทนรับรักแน่ ‘รับรัก’ เหรอ  ความรู้สึกนี้ไม่เคยเกิดกับผมมาก่อนไม่น่าเชื่อว่าผมจะเป็นเอามากขนาดนี้  แต่สัมผัสที่เพิ่งผ่านผมรู้เพียงว่ามันไม่พอ ‘อยากได้มากกว่านี้’ ใช่แล้วผมต้องการคนๆนี้มาเป็น ‘คนของผม’ ให้ได้  ผมตัดสินใจแล้วจึงเอ่ยประโยคหนึ่งตามหลังร่างเล็กทั้งสามไป

“ไม่รับปากหรอกนะว่าจะไม่ให้เห็นหน้าอีก ‘กัส’ เราต้องเจอกันอีกแน่ครับ” หลังคำพูดของผมก็ได้เห็นว่าทั้งสามคนที่เดินออกไปแล้วชะงักเท้า  แต่กลับโดนร่างบางที่อยู่ตรงกลางดึงรั้งข้อมือให้เดินต่อ  และผมมั่นใจว่ากัสต้องได้ยินสิ่งที่ผมพูด  เพียงแต่ตอนนี้ผมทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้  แต่หลังจากนี้ผมจะทำทุกวิถีทางให้ได้คนน่ารักที่ชื่อ ‘กัส’ มาเป็นคนของตัวเองให้ได้ 

“ไอ้วิน  มึงไปจูบเค้าทำไมวะ  หรืออัดอั้นมากไม่ได้เอาออกนานล่ะสิ” ผมหันไปมองเจ้าของเสียงดังข้างตัวในความหมายกวนๆทันทีที่ไอ้ธีพูดจบด้วยความหมั่นไส้  แต่ไม่ทันได้ตอบโต้มันก็โดนสำเร็จโทษโดยผมไม่ต้องเสียงแรงแม้แต่น้อย

“ป้าบบบ / โอ๊ย!  มนอ่ะ  ธีเจ็บนะ” ไอ้หนุ่มตี๋หน้ากวนโดนตบหลังจากสาวเดียวของกลุ่มเพื่อปรามไม่ไห้พูดเล่น  ไอ้ธีทำหน้ามุ่ยส่งสายตาออดอ้อนใส่มนและลูบหลังตัวเองป้อยได้อย่างน่าหมั่นไส้  จนคนที่ได้เห็นอย่างผมอยากเข้าไปซ้ำอีกสักทีในความปากดีของมัน  แต่ผมก็ต้องหันมาตามเสียงเรียบนิ่งที่ดังขึ้น 

“คนนี้แค่เล่นๆเหมือนเคยรึเปล่า” ไอ้ปรัชทำหน้านิ่งจริงจังไม่แพ้น้ำเสียง  สายตามันจับจ้องมาที่ผมเขม็งอย่างรอคอยคำตอบ  ส่วนผมก็กำลังค้นหาความรู้สึกของมันในแววตาว่าไอ้ปรัชกำลังรู้สึกยังไงถึงถามผมมาแบบนี้  ในเมื่อตลอดมาพวกเราจะไม่ยุ่งเรื่องที่ว่าเพื่อนจะสนใจใครจะจีบใครมาก่อน  เพราะต่างรู้กันดีว่าแต่ละคนสามารเอาตัวรอดได้

“เพราะถ้ามึงแค่เล่นๆ  คนนี้กู ‘ขอ’ อย่ายุ่งกับเค้า” คำ ‘ขอ’ ของไอ้ปรัชครั้งนี้ทำผมฉุนขาด  มันกล้าดียังไงมาขอคนที่ผมคิดว่าตัวเองกำลังสนใจแบบที่ไม่เคยสนใจใครได้เท่านี้มาก่อน

“มึงหมายความว่าไง  มึง ‘ขอ’ เค้าจากกู  มึงเป็นอะไรกับเค้า  หา” ผมเข้ากระชากคอเสื้อและจ้องตาไอ้ปรัชอย่าเอาเรื่อง

“เฮ้ยยย  พวกมึงอย่าทะเลาะกัน  คุยกันดีๆ” เสียงสาวเดียวตะโกนขึ้นพร้อมเพื่อนที่เหลือจับแยกเราทั้งคู่ออกจากกัน  ผมจ้องตากับไอ้ปรัชก็พบว่าแววตามันไม่ได้สื่อว่ามัน ‘ขอตัวกัส’ ในแบบที่ผมคิด  มีแต่แววตาเข้าใจและไม่มีแววโกรธขึ้งที่โดนผมหาเรื่องเลยสักนิด  ผมยกมือลูบหน้าลูบตาก่อนจ้องตาไอ้ปรัชอย่างแน่วแน่อีกครั้ง

“กูขอโทษ” ผมเอ่ยขอโทษไอ้ปรัชก่อนเพราะเพิ่งได้สติหลังความหึงบังตาไปชั่วขณะ  ส่วนไอ้ปรัชก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจ
   
“กัสเป็นแค่เพื่อนสนิทกับคนรู้จักของกู  ไม่ได้เป็นอะไรกัน  กูเพิ่งรู้จักกับเค้าวันนี้แต่ไม่อยากมีปัญหา  ถ้ามึงคิดจะเล่นๆกับเค้า” ไอ้ปรัชทำหน้านิ่งสายตาจริงจังยืนยันคำพูดของมัน  ซึ่งผมเข้าใจมันนะและอยากให้มันเข้าผมด้วย

“คนนี้กูจริงจังว่ะ  กูจะเอากัสมาเป็นคนของกูให้ได้” หลังคำพูดของผมเกิดความเงียบขึ้นมาทันที  เพราะพวกมันคงคิดไม่ถึงว่าคนที่ไม่คิดจริงจังกับใครทั้งหญิงและชายที่มาเกี่ยวข้องด้วยแบบผม  จะคิดจริงจังกับหนุ่มหน้าหวานคนที่เพิ่งเจอได้ไม่ถึงสองชั่วโมง

“วันนี้หมดอารมณ์เที่ยวแล้ว  กูจะกลับแล้วพวกมึงจะเอาไง” ไอ้ฟินหนุ่มร่างสูงผิวเข้มทำลายความเงียบขึ้นมาหลังจากที่เพื่อนๆทุกคนพากันอึ้งกับคำพูดของผมที่อยากสละโสดกะทันหัน

“อืม  กลับดิ  ไอ้วินมึงน่าจะถามรายละเอียดของน้องกัสกับไอ้ปรัชนะ  เพราะเป็นเพื่อนสนิทกับ ‘คนรู้จักของมัน’ แต่กูแปลกใจว่ะ  ไอ้ปรัชมึงแค่คนรู้จักกับน้องมายเหรอ  กูเห็นมึงลากเค้าออกมาน่ะมีไรที่พวกกูไม่รู้รึเปล่า” ถึงคราวที่ไอ้ธีหนุ่มตี๋อินเทรนด์จะมีสาระกับเค้า  มันก็สามารถเรียกความสนใจของเพื่อนทั้งหมดได้เหมือนกัน  ว่ามีอะไรระหว่างไอ้ปรัชหนุ่มที่เป็นกุนซือของกลุ่มกับสาวน้อยร่างอวบอิ่มที่โดนมันลากออกมาแต่กลับให้นิยามแค่ ‘คนรู้จัก’ เท่านั้น

“สามคนนั้นมึงไปเรียกเค้าว่าน้องไม่ได้” ไอ้ปรัชยังโยกโย้ไม่ตอบแต่กลับเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง

“ทำไมเรียกไม่ได้  หรือเป็นรุ่นเดียวกันวะแต่ไม่น่านะ  หน้าตาท่าทางเด็กออก” ไอ้ธีทำหน้างงใส่คิ้วขมวดมุ่นหลงกลไอ้ปรัชไปเต็มๆ

“เค้าอายุมากกว่าเรา 2 ปี”

“หา! / อะไรนะ! / เฮ้ย! / อืม”

หลากหลายคำอุทานที่เกิดจากเพื่อนที่ได้ฟังเรื่องอายุของกลุ่มคนที่จากไป  ก็แปลกใจไปตามๆกันกับหน้าตาที่ไม่สมกับอายุเลย  แต่สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่หนุ่มแว่นแสนฉลาดอยากให้เกิดเพื่อเบี่ยงเบนไม่ให้ใครถามเรื่องที่ไม่อยากพูดถึงสาวน้อยคนนั้นอีก  และหนุ่มตี๋อินเทรนด์ก็ยังไม่แน่พอในการเค้นความลับจากเพื่อนออกมาได้  และตอนนี้ทุกคนก็ลืมเรื่องของหนุ่มแว่นไป  กลับมาสนใจกับหนุ่มสาวทั้งสามที่จากไปแทน 

..................................

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^

เมื่อวินตั้งใจจะลงมือจีบกัสแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
คนน่ารักอย่างหมอกัสจะเป็นยังไง ติดตามต่อตอนหน้าค่ะ

 :pig4: ทุกการติดตามนะคะ

เปิดจอง & โอน หนังสือตั้งแต่  วันนี้ ถึง 16 ก.ค. 55

1.เสน่ห์รักปักใจ 1 เล่ม (ฉบับรีไรท์) >>> กัส+วิน
   38 ตอน  5 ตอนพิเศษ 
   จำนวน 420 หน้า ราคาเล่มละ 350 บาท

สนใจการรวมเล่มซีรีย์ "เสน่ห์รัก" ติดตามรายละเอียดหน้าแรกค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33594.msg2026832#msg2026832

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20

ออฟไลน์ 111223

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 910
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-5
จะรอติดตามตอนต่อไปขอรับ
วินจะรุกกัสจังแล้ว

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ eern

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 615
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5
จองเสน่ห์ร้ายพ่ายรักคะขอรายระเอีดยการโอนเงินด้วยคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
เข้ามาวิ่งเล่นแล้วก็มาส่องวินกัสด้วยจ้ะ
กัสน่ารักอ่ะ คุณหมอตัวน้อยๆของวิน
เดี๋ยวรออ่านเป็นหนังสืออีกที  :z2:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
วินนี่เราจะรุกจีบ
หมอกัสแล้ว :z2:

ออฟไลน์ i1_to*pp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +683/-5

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
มาอ่านใหม่อีกรอบค่ะ

+1+เป็ดให้กำลังใจคุณ MISS-U

ออฟไลน์ lidelia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
อยากเห็นคนน่ารักโดนคนหล่อจีบค่าา  :-[ :-[

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ตอนที่ 7

กัส

หลังจากเลิกประชุมคณะกรรมการบริหารของโรงพยาบาลแล้ว  ผู้เข้าร่วมประชุมต่างแยกย้ายกันกลับซึ่งรวมถึงผมด้วย  วันนี้ช่างเป็นวันที่หนักหน่วงสำหรับผมมากนัก  ทั้งงานที่ต้องให้การรักษาและต้องเข้าประชุมตลอดบ่ายของวัน  ทำให้พลังงานชีวิตของผมลดฮวบ  ผมเดินหอบแฟ้มงานมาด้วยสีหน้าอิดโรยผ่านส่วนให้บริการต่างๆ  เจอทั้งเจ้าหน้าที่ที่คุ้นเคยประจำห้องต่างๆและคนไข้ที่นั่งรอต่างยกยิ้มทักทาย  ถึงแม้จะเหนื่อยแค่ไหนผมก็ตอบรับไมตรีเหล่านั้นรอยยิ้มกลับไป  เมื่อผมเปิดประตูห้องฟันเข้ามาได้เพื่อนสนิทที่นั่งรออยู่ก็ทักทายขึ้นทันที

“กัส  การประชุมเป็นไงบ้างหนักมากเลยเหรอสีหน้าไม่ค่อยดีเลย” มิคเอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนแสดงความห่วงใย  พร้อมกับลุกขึ้นเดินมาใกล้ผมและวางมือลงบนไหล่  ผมจึงส่งยิ้มให้คนขี้กังวลได้สบายใจขึ้น

“ไม่หนักหรอกมิค  ไปเรากลับบ้านพักกันเถอะได้เวลาเลิกงานแล้ว” หลังคำพูดของผมมิคคิ้วขมวดมุ่นสายตาแสดงความห่วงใยชัดเหมือนจะพูดอะไรออกมา  แต่ก็กลับพยักหน้าให้แทนก่อนระบายยิ้มน้อยๆ  และตบที่ไหล่ผมเบาๆเหมือนต้องการให้กำลังใจและรอให้ผมเป็นคนเอ่ยปากเองมากกว่าจะซักไซ้  แม้เจ้าตัวจะอยากรู้มากแค่ไหนก็ตาม

ผมรับรู้ได้ว่าเพื่อนสนิทเป็นห่วงผมเรื่องอะไร  เพราะข่าวคราวจากมายเมื่อคืนแท้ๆที่ทำให้ผมดูน่าเป็นห่วงในสายตามิคแบบนี้  ด้วยเมื่อคืนกว่าจะได้นอนเพราะมัวแต่คิดถึง ‘อดีต’ ทำให้นอนไม่หลับ  ส่งผลให้ผมดูอิดโรยจนน่าเป็นห่วง

    

“เอ้าดื่มน้ำแอปเปิ้ลก่อน  อากาศที่นี่ดีจริงๆคิดไม่ผิดที่มาทำงานที่นี่”

ผมที่นั่งอยู่รับเครื่องดื่มจากมิคที่มีน้ำใจเอามาให้  พร้อมหันไปมองวิวตรงหน้าและอดเห็นด้วยกับเพื่อนในใจไม่ได้  บริเวณที่เรานั่งกันอยู่เป็นหน้าบ้านพักของเราในโรงพยาบาล  พอมองออกไปจะพบกับทางเดินที่ทอดยาวผ่านหน้าบ้านหลังนี้ทางเดินนั้นวนผ่านไปยังบ้านพักหลังอื่นด้วย  และมีวิวของภูเขาสูงเป็นจุดเรียกสายตาอยู่ตรงหน้า  ประกอบด้วยลมเย็นเอื่อยๆพัดผ่าน  ทำให้ใจผมเริ่มผ่อนคลายขึ้น

“คิดมากเรื่องที่ยัยมายเดียร์เล่าเมื่อคืนเหรอ” สมแล้วที่มิคเป็นเพื่อนสนิทของผม  เราคบกันมานานจนรู้ว่าผมกังวลเรื่องอะไรอยู่  ผมหันหน้าหนีสายตาจับผิดทันทีก่อนเสียงเยาะของมิคจะตามมา   

“ฮึ  กรรมนี่มันไม่ต้องรอนานนะตามมาทันซะแล้ว” ผมรู้ว่ามิคหมายถึงใครพอได้คิดถึงหน้าคนๆนั้นก็อดจะรู้สึกเจ็บในอกแทนไม่ได้  แม้คนๆนั้นจะทำกับผมไว้อย่างสาหัสแค่ไหนก็ตาม


“อยากให้มายเดียร์มาอยู่ด้วยกันจังคิดถึงสมัยเรียนอ่ะ  เฮ้ออออ เดียวมิคไปดูเอกสารในห้องก่อนนะกัสมีอะไรก็เรียกแล้วกัน” มิคขอตัวเข้าห้องพักส่วนตัวคง
เพราะอยากให้ผมได้คิดอะไรเงียบๆคนเดียว 

ผมไม่อยากจะหวนคิดถึงอดีตที่แสนเจ็บปวดเลย  แต่ไม่ว่าจะทำยังไงผมก็สลัดความคิดถึงคนๆนั้นไม่หลุดซะที 



สองปีก่อน

ในห้องพักนิสิตทันตแพทย์ชั้นปีที่หกมีคนนั่งอยู่ประปรายเพราะตอนนี้ส่วนใหญ่ออกลงปฏิบัติงานรักษากันอยู่  แต่มุมหนึ่งของห้องกลับมีสองหนุ่มสาวนั่งคุยกันอยู่เบาๆพอให้ได้ยินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“พวกนั้นมากันจริงๆนะกัส  เนี่ยมายเพิ่งวางโทรศัพท์จากปรัชอ่ะ  เราจะทำไงดี  มิคก็ทำงานอยู่ด้วยสิ” ใบหน้าติดร้อนรนของมายจ้องมองผมไม่กระพริบอย่างต้องการช่วยหาทางออก 

ผมนั้นทั้งตกใจและพะวักพะวงไม่รู้จะจัดการกับปัญหานี้ยังไงดี  ถ้าตอนนี้มีเพื่อนสนิทอีกคนอยู่ด้วยคงจะดีไม่น้อย  เพราะยามคับขันแบบนี้มิคมักจะมีวิธีดีๆแก้ไขปัญหาได้เสมอ  ใบหน้าผมยามนี้คงเคร่งเครียดไม่แพ้จิตใจ  จนมายถึงกับยกมือมาลูบระหว่างคิ้วให้  ผมก็ได้แต่ยิ้มแหยตอบกลับไป  บุคคลที่ถูกกล่าวถึงนั้นผมน่ะไม่อยากเจอเลย  ยิ่งเมื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์น่าอายที่เพิ่งผ่านมายิ่งลำบากใจ
 
“เอางี้  กัสหนีกลับก่อนดีมั้ย” เป็นความคิดที่ดีเหมือนกันนะหนีก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากัน  ผมพยักหน้าให้มายและเตรียมหมุนตัวกลับไปเก็บของ  แต่แล้วเสียงประกาศที่ดังขึ้นก็เป็นอันทำให้ความตั้งใจล่มสลาย

“นิสิตทันตแพทย์กรณ์กวินทร์  ชั้นปีที่หกติดต่อที่ห้องตรวจด้วยค่ะ”

เสียงประกาศที่เรียกชื่อผมวนซ้ำอีกรอบแล้วแต่ผมก็ยังยืนนิ่งค้างอยู่ที่เดิม  ส่วนสาวมายเพื่อนสนิทก็ยืนนิ่งยกมือทั้งสองขึ้นปิดปากตาคู่สวยเบิกกว้างจับจ้องมาทางผมอย่างตื่นตระหนก ‘หนีไม่ทันซะแล้วสิ’

    

“หมอกรณ์กวินทร์  เดี๋ยวคุณรับผู้ป่วยรายนี้นะเพราะผู้ป่วยระบุมาว่าต้องเป็นคุณ”

“ครับอาจารย์”

ผมยื่นมือรับแฟ้มประวัติคนไข้ที่ถูกส่งมาให้จากอาจารย์ที่รับแฟ้มมาจากห้องทำประวัติก่อนหน้า  ผมไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะผู้ป่วยสามารถเลือกหมอที่จะรักษาแต่หมอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธผู้ป่วยได้  ยิ่งรายนี้ ‘นายอัศวิน  สกุลทรัพย์ไพศาล’ ยิ่งยากปฏิเสธ   ผมคงต้องทำใจสินะใจจริงอยากเดินหนีให้พ้นมากกว่า

“คุณตรวจเสร็จแล้วก็ทำการนัดรักษาต่อได้เลยนะ” อาจารย์พูดเตือนผมขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นผมเงียบไปนาน  ผมจึงได้แต่รับคำก่อนท่านจะเดินจากไป 

ผมเดินถือแฟ้มประวัติกลับมาหามายที่ยืนรออยู่ด้านหลัง  เราสบตากันก่อนมายจะส่งยิ้มให้กำลังกลับมา  ผมสูดหายใจลึกหนึ่งเฮือกเพื่อสร้างความมั่นใจสยบใจที่สั่นไหว  เพราะรับรู้ได้ว่าผมต้องไปเผชิญหน้ากับใคร ‘คนที่ทำให้หัวใจผมหวั่นไหวแบบที่ไม่เคยเป็นเพียงแค่พบกันครั้งแรก’ 

    

“คุณอัศวินครับเดี๋ยวผมนัดวันเพื่อเข้ารับการรักษาต่อให้เลยนะครับ” หลังตรวจชายหนุ่มที่ผมเอ่ยชื่อเสร็จแล้วจึงบอกกล่าวถึงการนัดหมายต่อไป  ผมพยายามก้มหน้าให้ความสนใจในการเขียนผลตรวจบนแฟ้มประวัติ  แทนสายตาพราวระยับที่จับจ้องอยู่

“ครับ  กัสนัดมาเลย  ผมพร้อมเสมอ” เสียงนุ่มสุภาพที่ได้ยินมันใกล้เกินจำเป็นรึเปล่านะ  ผมจึงขยับเก้าอี้ล้อเลื่อนออกห่างเจ้าของเสียงแต่ก็ยังทำเป็นไม่สนใจ  ใครจะกล้าเงยหน้าขึ้นทั้งๆที่รู้ว่าใบหน้าร้อนผ่าวและใจที่เต้นโครมครามจนกลัวอีกฝ่ายได้ยินด้วยซ้ำ  ผมหวังว่าอาการเหล่านี้ของผมจะไม่เป็นที่สังเกตของ ‘วิน’ เข้าซะก่อน

“กัสครับ  เป็นอะไรหน้าแดงเชียว” ความหวังของผมไม่เป็นผลซะแล้วสิ  โดนจับได้ซะแล้วต้องทำอะไรสักอย่าง  ผมพยายามเก๊กขรึมหันไปดุคนที่กำลังตอแยผมอยู่ทั้งๆที่หน้าแดงนี่แหละครับ

“นี่นายวิน  ควรเรียกผมว่าพี่กัสนะ” สิ้นคำของผมคนที่สมควรเกรงใจกันบ้างนั้นกลับยิ้มกว้างตาพราวใส่ตาผมซะงั้น

“อืม  แอบสืบประวัติกันด้วยเหรอครับพี่กัสสนใจกันรึเปล่าน้า  แต่ไม่เอาหรอกขอเรียกชื่อเฉยๆก็พอนะเพราะตัวเล็กแบบนี้เป็นพี่ไม่ได้หรอก  ฮึๆๆ” เสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์ที่ผมเริ่มไม่ชอบใจหลุดออกมา  จนผมเลิกอายแต่เริ่มโกรธขึ้นมาแทน  เหมือนผมเป็นตัวตลกให้นายวินคนนี้มาหัวเราะเยาะเลย

“นี่นาย!” ผมยังไม่ทันได้ต่อว่าวินไปมากกว่านี้  แต่ด้วยท่าทางยกนิ้วจรดริมฝีปากและหันหน้ามองรอบตัวของวิน  ทำให้ผมต้องเก็บเสียงเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองอยู่ที่ไหนและเผลอส่งเสียงดังเกินจำเป็นออกไป

“ชู่ๆๆๆๆ  เบาๆครับ  เดี๋ยวอาจารย์หมอก็มาว่าหรอก  หมอดุคนไข้จังน้า” สีหน้าทะเล้นที่ส่งมาล้อเลียนทำให้ผมต้องสะบัดหน้าหนี  ด้วยไม่อยากมองหน้าคนเจ้าเล่ห์ขี้แกล้งเอาซะเลย

เรื่องที่นายวินแกล้งล้อเลียนผมว่าไปแอบสนใจเจ้าตัวนั้น  จริงๆผมไม่ได้ตั้งใจสืบประวัติหรอกก็ได้รู้จากเพื่อนสาวคนสนิทนั่นแหละ  เพราะหลังเกิดเหตุการณ์น่าอายขึ้นผมโดนซักซะขาวสะอาดจากเพื่อนสนิททั้งสองคน  หลังจากนั้นประวัติคนตรงหน้าโดยย่อก็ถูกมายตีแผ่ให้ได้รู้ว่า  วินนั้นดังไม่ใช่เล่นด้วยความสมบูรณ์แบบของเจ้าตัว  ทั้งหน้าตาและฐานะที่ดึงดูดให้ทั้งหญิงและชายเข้าหามากมาย  ทำให้ภาพของวินในสายตาผมดูเป็นผู้ชายเจ้าชู้มากแถมตอนนี้มาทำเป็น ‘จีบ’ ผมอีกด้วยยิ่งไม่น่าไว้ใจ  การที่ผมรู้สึกหวั่นไหวกับวินมากเท่าไหร่ผมคงต้องกันวินให้ออกห่างเท่านั้น

“เรียบร้อยแล้วครับนี่บัตรนัดของคุณครับ” อยากตัดบทสนทนากับวินเร็วๆเพราะไม่อยากเห็นหน้าอีก  ผมจึงรีบยื่นบัตรนัดให้แล้วจะได้ขอตัวไปจากที่นี่ซะที  แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินออกไปกลับรู้สึกถึงสัมผัสที่แก้มพร้อมเสียงดังฟอด

“เฮ้ยยย” ผมยกมือกุมแก้มทันทีพลันเกิดความร้อนกระจายทั่วใบหน้าจนเหมือนหน้าแทบระเบิด  ส่วนคนที่กระทำการอันอุกอาจกลับยิ้มกว้างเต็มหน้าตาพราวระยับอย่างถูกใจ  สายตาวินจับจ้องผมไม่คลายจนต้องเสหลบตา  ใจอยากจะก้าวหนีออกจากจุดเกิดเหตุแต่ขากลับไม่มีแรงซะอย่างนั้น
 
“เดี๋ยวผมรอรับหมอกัสไปทานข้าวเย็นด้วยกันนะครับ  อ๊ะ  ห้ามปฏิเสธถึงปฏิเสธก็จะบังคับ” คนขี้บังคับพูดจบก็เดินจากไปไม่รอคำตอบของผมเลย 

มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ครั้งแรกที่เจอกันวินก็ขโมยจูบแรกของผมไป  ครั้งที่สองก็มาฉวยโอกาสหอมแก้มผมซะฟอดใหญ่  ทำไมมันถึงผิดขั้นตอนไปหมดอย่างนี้  ไม่อยากคิดว่าถ้าไปกินข้าวด้วยจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง  ‘แล้วทำไมใจผมต้องเต้นแรงแทบทะลุอกและปากถึงได้ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่แบบนี้ด้วยนะ’

    

“สั่งเลยครับหมอ  วันนี้ไอ้วินมันเลี้ยงเต็มที่ครับ  เต็มที่เลย” ชายหนุ่มหน้าตี๋ส่งยิ้มกวนๆชักชวนให้ผมและเพื่อนๆสั่งอาหาร  ส่วนผมที่กำลังยื่นมือไปรับเมนูจากคนตาตี่ก็ชักกลับแทบไม่ทัน  เพราะวินนั้นแย่งไปซะก่อนแต่กลับเปิดเมนูให้และยื่นกลับมาบริการให้ผมถึงที่  พร้อมรอยยิ้มหวานอย่างเอาใจจนผมไม่กล้าต่อตาด้วย

“ไอ้ธีมึงนี่จริงๆเลย  เดี๋ยววันนี้กูปล่อยให้จ่ายเองซะเลยนี่” เสียงเข้มดังขึ้นแต่ผมก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงหรอก  เพราะตากำลังจับจ้องรายการอาหารต้องหน้าอยู่

“อ้าว  ไอ้นี่  มึงนั่นแหละจ่าย  กูไม่ได้ ‘จีบ’ หมอกัสนี่แต่เป็นมึง” ถ้าคนหน้าตี๋เป็นเพื่อนของผมนะคงได้โดนฝ่ามือพิฆาตข้อหาทำให้ผมได้อายแล้วครับ  แต่ในเมื่อไม่ใช่ผมจึงทำได้เพียงแค่ยกเมนูในมือขึ้นบังใบหน้า  ปิดร่องรอยความร้อนที่กำลังแผ่กระจาย  ไม่กล้าแม้แต่มองหน้าคนร่วมโต๊ะเลย

“เออ  กู ‘จีบ’ กูจ่าย” เสียงเข้มที่กระแทกในตอนต้นเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานในคำที่มีความหมาย  เหมือนต้องการสื่อให้ผมได้รู้ว่าคนพูดต้องการอะไร  ผมลดเมนูในมือลงเพื่อแอบมองหน้าคนพูดที่นั่งฝั่งตรงข้าม  แต่ต้องตกใจและยกเมนูมาบดบังใบหน้าไว้ดังเดิม  เมื่อเจอเข้ากับสายตาเจ้าเล่ห์และรอยยิ้มกรุ่มกริ่มเข้า

คราแรกนั้นผมจะไม่มาทานข้าวกับวินแล้ว  แต่อีกฝ่ายกลับยื่นข้อเสนอให้พาเพื่อนมาด้วยได้  บวกด้วยสีหน้าอ้อนวอนทำผมใจอ่อนจึงรับนัดครั้งนี้  ซึ่งผมก็ขอเลือกร้านอาหารเองวินก็ตกลงยอมแบบไม่มีข้อแม้  พวกเราจึงได้มานั่งที่ร้านอาหารติดแอร์เล็กๆใกล้กับมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่  ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นนิสิตมหาวิทยาลัยนี้ทั้งนั้น  ด้วยเป็นร้านเล็กๆจึงมีไม่กี่โต๊ะแต่อาหารอร่อยราคาไม่แพงลูกค้าแน่นทุกวันและผมก็เป็นลูกค้าประจำร้านนี้ด้วย  ตอนที่มาถึงพวกเรานั่งกันอยู่สี่คนแต่ยังไม่ทันสั่งอาหาร  เพื่อนหน้าตี๋ของวินนามว่า ‘ธี’ ก็เข้ามาทักเพราะจำรถที่จอดหน้าร้านได้  แถมโทรตามเพื่อนในกลุ่มตัวเองมาจนครบ  ผมแอบฟังได้ความว่าให้มาเจอว่าที่ ‘คนของไอ้วิน’ กัน  ได้ฟังถึงกับอึ้งทำตัวไม่ถูกก็ไม่รู้ว่าผมเป็นคนของวินตั้งแต่ตอนไหน  ส่วนวินคนขี้ตู่กลับยิ้มกว้างไม่ทักท้วงเพื่อนตัวเองสักนิดเลย  จนผมล่ะแอบหมั่นไส้แต่ก็ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้

“หมอกัส  หมอมิค  หมอมาย  สั่งอาหารเถอะค่ะ  อย่าไปสนใจพวกมันเลย” เสียงอ่อนๆของหญิงสาวเพื่อนสนิทของวินเอ่ยชวนและปรามเพื่อนตัวเองไปในตัว  พร้อมช่วยแก้สถานการณ์ให้ผมที่อายจนทำตัวไม่ถูกได้ผ่อนคลายลง  พร้อมกับเสียงแซวของหนุ่มหน้าตี๋ว่านานมากแล้วที่ไม่ได้ยินสาวเท่คนนี้พูดจาไพเราะแบบนี้  ซึ่งสาวเท่ก็ตอบแทนคำแซวของธีโดยการฟาดฝ่ามือใส่ไหล่หนาๆเสียงดังจนผมเองยังตกใจ  หันไปมองมิคและมายก็ตกใจตาโตไม่ต่างกัน

“ขอบคุณครับ  จริงๆมนไม่ต้องเรียกหมอนำหน้าหรอกครับ  เรียกชื่อพวกเราก็พอ  เนอะ” มิคเอ่ยพร้อมหันหน้ามาขอความเห็นจากผมและมาย

“ใช่ครับ / ตามนั้นค่ะ” เราจึงประสานเสียงกันพร้อมส่งยิ้มไปให้สาวเท่เพื่อยืนยันคำพูด  จนมนเผยยิ้มสวยมาให้ได้เห็น

จากนัดทานข้าวครั้งแรกที่คิดว่ามีแค่สองคนแต่กลับมีถึงแปดคน  บรรยากาศที่คิดว่าจะโรแมนติกและทำตัวไม่ถูกกลับเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยสลับเสียงหัวเราะนั้น  กลับทำให้ผมชอบและผ่อนคลายมาก  และมีความคิดว่าคนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวหรือไม่น่าคบเหมือนที่คิดไว้  ผมรู้สึกสนุกพูดคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติกับทุกคน  ยกเว้นก็แต่วินที่นั่งตรงข้ามกับผมนั้นแทบไม่ได้คุยด้วยเลย  แต่ผมก็รู้ตัวว่าอยู่ในสายตาของวินตลอดเวลา  แล้วแบบนี้ใครจะกล้าหันไปคุยด้วยกันเล่า  ผมคงต้องทำตัวให้ชินซะแล้วกับสายตาที่แทบจะกลืนกินคู่นี้ของวิน

“วันนี้แค่นี้ก่อน  แต่เตรียมตัวเตรียมใจไว้นะครับกัส  ผมจะรุกหนักกว่านี้แน่ๆ”

ผมที่เดินเกือบถึงรถแล้วกลับโดนดึงรั้งข้อศอกเบาๆ  พร้อมเสียงนุ่มที่กระซิบข้างหูและสัมผัสถึงลมร้อนขณะที่อีกคนกระซิบบอก  แม้จะผละออกมานานแล้วแต่ผมยังรู้สึกถึงลมอุ่นๆที่ปะทะใบหูนั้นอยู่เลยพร้อมด้วยหัวใจที่เต้นแรง

........................................

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^

+1ให้ทุกเม้นท์แล้วค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ

สนใจการรวมเล่มซีรีย์ "เสน่ห์รัก" ติดตามรายละเอียดหน้าแรกค่ะhttp://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33594.msg2026832#msg2026832

ออฟไลน์ MooJi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-0
^
^
^
^
^
^
คิดถึงคนนี้
คิดถึง  MiSS-U
กอดดดดดดดดดดดดดดดดด
 :กอด1: :กอด1:
^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2012 07:14:44 โดย MooJi »

tawan

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ 111223

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 910
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-5
วินรุกแล้ว ดูแล้วยังไงกัสจังก็ไม่รอดแน่ๆ ฮ่าๆ
+1

ออฟไลน์ i1_to*pp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +683/-5

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
วินรุกหนักมากอย่างนี้กัสก็หวั่นไหวแย่
ตอนนี้ฟินยังไม่สนใจหนูมิคใช่ไหมเนี่ย


ออฟไลน์ tagloveX-Mark

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-6
วินรุกหนักจิง ๆ 5555+ กัสรับมือไหวมะเนี่ย

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
วินรุกหนักเลย หมอกัสเสร็จแน่ๆ คึคึ

ออฟไลน์ eern

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 615
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5
เอาใว้สิ้นเดือนเค้าจะไปโอนเงินให้นะคะรอเงินเดือนออกก่อน :bye2:

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ตอนที่ 8

วิน

บริษัท ‘เอสเอสพีคอนสตรัคชั่น’ เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดกลางที่แตกสาขากิจการมาจากบริษัทแม่ที่ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้างขนาดใหญ่  ซึ่งผู้บริหารเป็นหนุ่มไฟแรงที่เป็นลูกชายคนที่สองของเจ้าของบริษัทแม่ที่ตอนนี้รามือให้ลูกชายคนโตบริหารงานแทน  ภายในห้องทำงานกว้างสำหรับผู้บริหารด้านหนึ่งมีกระจกใสตั้งแต่พื้นจรดเพดาน  ม่านถูกดึงไปด้านข้างเปิดให้คนในห้องเห็นทิวทัศน์ด้านนอกและรับแสงสว่างภายนอกเข้ามาทำให้บรรยากาศภายในน่าทำงาน   ผนังด้านอื่นทาสีครีมยิ่งเพิ่มความสว่างยิ่งขึ้น  ขณะนี้มีชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้มนั่งหน้าขรึมจับจองอยู่ที่โต๊ะทำงานกว้างที่ถูกวางชิดไปทางผนังด้านหนึ่ง  ตรงข้ามเป็นประตูบานใหญ่  บนโต๊ะกว้างมีเอกสารวางอยู่เต็มพร้อมคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 

‘Rrr  Rrr  Rrr’

เสียงโทรศัพท์ขัดจังหวะการทำงานของผมที่กำลังนั่งดูสัญญาที่ต้องเซ็นในอาทิตย์หน้า  ผมจึงต้องละสายตาจากตัวหนังสือตรงหน้าพร้อมยื่นมือรับโทรศัพท์ข้างตัว  อีกมือยกขึ้นนวดระหว่างคิ้วเพื่อผ่อนคลายความตรึงเครียด

“คุณวินคะ  คุณฟินโทรมาค่ะให้ออยโอนเข้าไปเลยนะคะ” เสียงเลขาส่วนตัวดังขึ้นเพื่อขออนุญาตโอนสายเพื่อนสนิท  ผมจึงตอบรับกลับไปให้เธอโอนสายเข้ามาเลย

“วินวันนี้ไปฉลองเปิดร้านใหม่เฮียศาลกัน” ไอ้ฟินไม่พูดพร่ำทำเพลงมันตรงเข้าประเด็นเรื่องเที่ยวทันที  มันจะรู้บ้างมั้ยว่าผมกำลังเคร่งเครียดกับงานตรงหน้ามากแค่ไหน 

“โทรมานึกว่าธุระสำคัญอะไร  ที่แท้ชวนไปกินเหล้าแล้วทำไมไม่โทรเข้ามือถือกูวะ” ผมเปิดตามองผ่านกระจกปล่อยสมองให้ผ่อนคลายและรอฟังคำตอบโต้ของไอ้วิน

“มึงดูโทรศัพท์มึงสิ  แบตมึงหมดป่ะไอ้นี่”

หลังคำพูดไอ้วินผมจึงคว้าโทรศัพท์มาดูและได้เห็นว่าแบตหมดจริงๆ  เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เข้าวันใหม่ไปแล้ว  จึงลืมสนใจเรื่องอื่นแม้แต่โทรศัพท์ตัวเอง  ถ้าผมปล่อยให้ตัวเองว่างเมื่อไหร่ความคิดมันมักจะลอยไปหาใครอีกคนเสมอ  ผมเป็นอะไรไปนะทั้งๆที่พยายามลืมมาตลอดแท้ๆ

“อืม  หมดจริงว่ะ  โทษที”

“ช่วงนี้กูเห็นมึงไม่ค่อยไปไหนกับพวกกูเลยอยากเจอหน้า  งานยุ่งมากเหรอวะ”

“เออ  นิดหน่อยว่ะ  แล้วนัดกันกี่โมง  ใช่ที่เฮียศาลเคยบอกมั้ยวะ”

“ที่นั่นแหละ  ไปถึงสักทุ่มหนึ่งนะ”

“ได้  แล้วเจอกัน”

หลังวางสายจากเพื่อนสนิทผมถอนใจเฮือกใหญ่  และพยายามรวบรวมสมาธิให้กลับมาจดจ่อกับงานตรงหน้าอีกครั้ง  พยายามปัดใบหน้าหวานของคนๆนั้นออกไป  วันนี้ได้ไปผ่อนคลายเจอเพื่อนบ้างก็ดีเผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น

    

“ขอบใจพวกมึงมากที่มากันครบเซ็ตขนาดนี้  วันนี้มึงเต็มที่กันเลยนะเดี๋ยวกูไปดูเพื่อนกูทางโน้นก่อน” ชายหนุ่มร่างท้วมเจ้าของร้านมาทักทายตบหลังตบไหล่บรรดารุ่นน้องที่สนิทที่วันนี้กะล้มทับเจ้าของร้าน

“แน่อยู่แล้วเฮียเดี๋ยวผมสนองความต้องการเฮียเอง  ฮ่าๆๆ” ไอ้ธีหนุ่มตี๋อารมณ์ดีประจำกลุ่มตอบรับน้ำใจของรุ่นพี่เจ้าของร้านอย่างกวนๆ  มันจึงได้รับแรงตบที่หลังแรงกว่าใครๆ  แล้วเฮียศาลก็เดินไปหาเพื่อนกลุ่มอื่นๆแทน 

บรรยากาศของร้านอาหารกึ่งผับขณะนี้ก็คึกคักสนุกสนานมีทั้งหญิงและชายน่าตาดี  ที่สำคัญคนเหล่านั้นกำลังแอบมองมาที่โต๊ะกลุ่มของผมที่มีห้าหนุ่มหนึ่งสาวที่โดดเด่นทั้งหน้าตาและการแต่งกาย 

“ช่วงนี้มึงเครียดๆไปนะวิน” มนเอ่ยทักผมทันทีที่ในโต๊ะเหลือเพียงเพื่อนสนิทในกลุ่ม  สายตามนจับจ้องผมอย่างเป็นห่วงแม้หน้าตาจะยังคงนิ่งไม่เปลี่ยน  ผมจึงส่งยิ้มให้มนได้รู้ว่าผมไม่ได้เป็นอะไรก่อนยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ

“นั่นดิ  หรืออัดอั้นได้เอาออกมั่งป่ะเนี่ยหลังจากเลิกกับเด็กเก่ามึงอ่ะ  วันนี้ก็สอยไปซักคนดิเผื่อจะดีขึ้น” ผมหันหน้ามามองไอ้ฟินทันทีที่มันพูดจบ  ก็เจอเข้ากับหน้าตาเจ้าเล่ห์พร้อมรอยยิ้มเก๊กหล่อของมันเข้า 

ไอ้ฟินคงไม่ได้ตั้งใจกวนผมหรอกเพราะรู้นิสัยกันอยู่  มันคงห่วงใยผมในแบบของมัน  ช่วงนี้ผมเครียดและคิดถึงอดีตมากไปจริงๆ  ถ้าวันนี้จะทำตามคำแนะนำของเพื่อนคงไม่ผิด  เพราะผมก็เพิ่งเลิกกับแฟนไปและเป็นผู้ชายธรรมดาสุขภาพแข็งแรงคนหนึ่งจะปลดปล่อยบ้างก็คงไม่เสียหาย  คิดมาถึงตรงนี้ผมจึงมองไปรอบๆเผื่อจะเจอใครที่ถูกใจบ้าง

“มนจ๋า  ทำไมไม่ตีไอ้ฟินมั่งอ่ะ  ทีเวลาธีพูดแนวนี้ยังไม่ทันจบประโยคก็โดนแล้ว” ไอ้ธีส่งเสียงประท้วงเล็กๆและทำท่าทางออดอ้อนกับคู่ซี้  ภาพตรงหน้าผมนี้มันช่างน่าหมั่นไส้มาก

“ก็วันนี้กูเห็นด้วยกับความคิดไอ้ฟินมัน  หรืออยากโดนล่ะ” พอเจอคำเชิญชวนของมนเข้าไอ้ธีก็แกล้งทำหน้างอนใส่สะบัดหน้าพรืด  เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆได้ทันที  ไอ้ธีมันก็แกล้งทำแกล้งพูดไปแบบนั้นเองครับ  และมันก็กล้าทำแต่กับมนเท่านั้น  ขืนมันมาทำตัวเป็นสาวน้อยกับพวกผมคงได้กินบาทาแทนข้าวไปแล้ว

“พี่ครับโต๊ะโน้นฝากเครื่องดื่มมาให้ครับ” แก้วเครื่องดื่มสีอำพันถูกยื่นมาตรงหน้าผมพร้อมเสียงบริกรของร้านนำเครื่องดื่มมาให้ขัดเสียงหัวเราะที่เกิดขึ้น  พร้อมชี้มือไปทางโต๊ะที่ถัดไปสองโต๊ะที่เป็นเจ้าของเครื่องดื่มแก้วนี้

ผมมองไปทางเจ้าของเครื่องดื่มแก้วนี้  เป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหวานขาวใสตัวบางและไม่น่าจะสูงนัก  นั่งอยู่กับเพื่อนที่มีทั้งชายและหญิง  กำลังส่งสายตาเชิญชวนมาให้ผมอย่างชัดเจนพร้อมยกแก้วขึ้นอย่างเชื้อเชิญ

“สอยคนนี้ไปเลยมึง  ถ้ามึงไม่เอากูเอาเอง  ฮ่าๆๆๆๆ” ไอ้ฟินกระซิบบอกพร้อมหัวเราะต่อท้าย  มันคงแค่ต้องการแซวผมเพราะอย่างไอ้ฟินนั้นมีทั้งชายและหญิงที่อยู่ที่นี่ส่งสายตาให้อยู่หลายคนแล้ว  มันไม่จำเป็นต้องมาสนใจผู้ชายตรงหน้านี้ก็มีให้มันสอยกลับคืนนี้อยู่แล้ว 

ผมหันหน้ากลับไปสบตาหนุ่มน้อยใจกล้าแล้วยกแก้วที่ได้มาขึ้นจิบเครื่องดื่มในมือเป็นการตอบรับ  จึงได้รับรอยยิ้มกว้างตอบกลับก่อนคนร่างบางจะลุกขึ้นเดินมาทางโต๊ะที่ผมนั่งอยู่  โดยรวมแล้วหนุ่มน้อยคนนี้ก็ไม่เลวนักท่าทางเชิญชวนนี้คงทำให้คืนนี้ผมหลับสบายไม่ต้องคิดถึงอดีตอีก

    

“แกร๊ก  ปัง” เสียงไขประตูและปิดอย่างแรงเหมือนไม่ทันใจเจ้าของห้องนักดังขึ้น

“อืมมมม  อ๊ะ  ใจเย็นสิครับ”

เสียงครางตามมาด้วยเสียงปรามที่ไม่จริงจังนักหลุดมาจากหนุ่มน้อยหน้าใสที่ตอนนี้โดนประกบปากจูบทันทีหลังพูดจบ  โดยมีผมตามประกบไม่ห่าง  มือไม่ว่างเพราะกำลังลูบไล้สัมผัสร่างบางตรงหน้า  พร้อมดันร่างนั้นถอยหลังไปที่เตียงแต่ปากไม่ได้ห่างจากกันยังจูบกันอย่างดูดดื่ม  จนร่างบางหงายหลังลงไปกับเตียงผมจึงผละออกพร้อมดึงชายเสื้อร่างด้านล่างออกทางหัวและทิ้งไปอย่างไม่ใยดี  เราสบตากันไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาเพราะต่างสื่อสารผ่านทางสายตา  ดวงตาคู่สวยที่มีไฟปรารถนาลุกโชน  คนร่างบางไม่ปล่อยให้ผมได้ถอดเสื้อผ้าด้วยตัวเอง  เพราะยื่นมือมาช่วยปลดพันธนาการที่ติดตัวผมออก  จนเหลือแต่ชั้นในสีดำที่ตอนนี้ปกปิดสิ่งที่อยู่ภายในไม่มิดมีส่วนหัวโผล่มาทักทายพร้อมน้ำใสซึมออกมา

“ขอเต้ยได้มั้ยฮะ” เจ้าของเสียงหวานช้อนตามามองอย่างออดอ้อนพร้อมรอยยิ้มยั่วยวน  ผมสบตาและลูบหัวทุยเป็นการอนุญาต

หนุ่มเต้ยยิ้มกว้างอย่างถูกใจก่อนร่างบางจะส่งมือลูบไล้สัมผัสแท่งร้อนที่เริ่มขยายตัวนอกกางเกง  ผมพยักหน้าพร้อมกดหัวร่างบางลงต่ำเป็นสัญญาณให้เริ่มลงมือ  เจ้าของมือบางไม่รอช้าดึงขอบกางเกงในลงต่ำและผลักร่างผมให้นอนราบลงกับเตียง  ก่อนเต้ยจะเอื้อมมือมากำรอบแท่งร้อนและขยับขึ้นลง  นิ้วอุ่นสัมผัสส่วนปลายเพื่อกระตุ้นอารมณ์ของผมให้สูงขึ้น  จนผมที่ได้รับสัมผัสปลุกเร้าอย่างชำนาญต้องกัดฟันแน่นระงับความพลุ่งพล่านไว้  หลังจากเต้ยทำความคุ้นเคยกับแท่งร้อนในมือแล้วจึงก้มหัวลงเลียหยาดน้ำจากส่วนปลายและครอบปากรูดลงตามความยาว 

“ซี้ดดด  อืมมมม” ผมสูดปากระบายอารมณ์เสียวซ่านจากการปรนเปรอของเจ้าของปากนุ่ม

เสียงครางคงไปกระตุ้นให้ร่างบางได้ใจจึงเพิ่มความเร็วขยับหัวขึ้นลงตามความยาวของแท่งร้อนในปาก  โดยมีผมคอยกดหัวทุยคุมจังหวะเพื่อให้แท่งร้อนนั้นเข้าไปให้ลึกอย่างที่ใจต้องการพร้อมสวนสะโพกเข้าหา  พักเดียวเต้ยผละปากออกมาใช้ลิ้นเลียจากโคนสู่ปลายพร้อมปากที่ดูดเม้มปลายยอดเพื่อกระตุ้นอารมณ์ของผมให้สูงขึ้น  จนผมแทบทนไม่ไหวด้วยว่าช่วงนี้ไม่ได้ปลดปล่อยมานาน  จึงจับไหล่ร่างบางไว้ก่อนจะเตลิดไปไกลกว่านี้  ผมพลิกร่างเต้ยให้นอนหงายคว้าแท่งร้อนของอีกฝ่ายไว้ก่อนขยับขึ้นลงเร็วๆอีกมือไล้ลงต่ำควานหาทางเข้า  เพื่อเตรียมพร้อมและปลุกอารมณ์ให้ร่างบาง

“อ๊ะ  อือออ  พี่วินฮะ  เร็วอีกนิดฮะ  อ๊า” เสียงหวานครางอย่างชอบใจและเร่งให้ผมขยับมือตอบสนอง

เต้ยที่นอนตาฉ่ำตัวแดงเถือกจ้องตาผมอย่างเชิญชวนก่อนจะยื่นมือลูบไล้ยอด อกตัวเอง  ส่วนนิ้วมืออีกข้างถูกส่งเข้าปากแดงฉ่ำและดูดนิ้วให้อย่างยั่วยวน  ผมที่จ้องทุกการกระทำอย่างมีชั้นเชิงของเต้ยถึงกับคลี่ยิ้มให้อย่างถูกใจ  ผละมือจากช่องทางรักที่กระหน่ำตอดรัดออกมา  ก่อนส่งนิ้วทั้งสามเข้าปากร่างบางที่เผยอรออยู่แล้ว  และหมุนข้อมือวนนิ้วไปทั่วโพรงปากร้อนอีกมือยังขยับอย่างต่อเนื่อง  เมื่อได้สารหล่อลื่นธรรมชาติแล้วจึงผละออกเพื่อเปิดช่องทางรักเตรียมพร้อมให้ร่างข้างใต้

“อ๊ะ  อ๊า นะ นั่น  พี่วิน  นั่นแหละ  อ๊า” เสียงครางหวานหูอย่างถูกใจดังขึ้นพร้อมกายที่บิดเร่าอย่างยั่วตา

ผมสอดนิ้วจบครบสามนิ้วก่อนบิดหมุนเพื่อขยาย  นิ้วคงไปโดนจุดที่ไวต่อสัมผัสผมจึงกดเน้นย้ำและได้รับเสียงครางหวานหูตอบกลับมา  ควงนิ้วเข้าออกรั่วถี่ยิบเพื่อเตรียมรับสิ่งที่ใหญ่กว่า  เมื่อเห็นว่าร่างบางพร้อมแล้วผมจึงถอนนิ้วออกยกสะโพกมนขึ้นเพื่อเอาหมอนมารองไว้  จับแท่งร้อนของตัวเองที่พร้อมรบขยายเต็มที่แล้วสวมถุงยางและขยับขึ้นลงอีกนิดไปจ่อที่ปากทางเข้า  ออกแรงดันจนส่วนหัวเข้าไป

“ซี้ดดด  อย่าเกร็งครับมันรัดพี่”

“อ๊ะ  เข้ามาทีเดียวเลยครับ  เต้ยรับได้  อ๊าๆๆๆ”

หลังคำพูดอนุญาตของคนด้านล่างผมก็ส่งสะโพกฝังแท่งร้อนเข้าไปจนมิดแท่งในครั้งเดียว

“อ๊าๆๆๆ / ซี้ด  โอ้วววว”

ผมเริ่มขยับสะโพกเข้าออกฝากฝังในช่องทางร้อนจังหวะจากช้าเป็นเร็วและเร็วขึ้น  ร่างข้างใต้ก็ไม่ยอมแพ้ขยับสะโพกเด้งรับสวนเข้ามาอย่างเมามัน  เสียงร้องอย่างเสียวซ่านดังออกมาจากเราทั้งคู่จนแยกไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร ผมเป็นฝ่ายกระแทกจับยึดสะโพกมนไว้ใบหน้าเชิดหงายแดงกล่ำหลับตาแน่น

“พี่ครับกระแทกแรงๆครับ  อ๊ะ  ซี้ดดดด  อย่างนั้นฮะ  เต้ยชอบฮะ  อ๊า” เสียงกระตุ้นเร่งเร้าของร่างบาง  ทำผมตอบสนองให้อย่างใจ  สะโพกซอยถี่หัวใจเต้นเร็วตาพร่าเลือนและรับรู้ได้ว่าใกล้ถึงฝั่งฝัน  พลันใบหน้าหวานที่ฝังใจก็ปรากฏชัดขึ้นในห้วงคำนึง

“กัส  กัส  โอ้วววว  อ๊าๆๆๆ”

เมื่อถึงปลายทางแห่งความสุขเราต่างปลดปล่อยธารรักออกมา  ของร่างบางถูกฉีดพ่นเปรอะเปื้อนตามหน้าท้องขาวและอกบาง  ส่วนผมก็ถอดถอนแท่งร้อนจากความอุ่นร้อนและเอนซบลงบนเตียงข้างร่างของเต้ย  ไร้ซึ่งการสัมผัสผิวกายกันและกัน  เราต่างหอบหายใจจนตัวโยนหลังกิจกรรมที่เพิ่งผ่านพ้น  จนลมหายใจกลับมาปกติอีกครั้ง

“กัสนี่ใครฮะ” เกิดคำถามจากร่างที่นอนข้างกันขึ้น  เต้ยถามหาชื่อของคนที่ผมเผลอเรียกออกมาเมื่อถึงจุดแห่งความสุขสม

ผมได้แต่มองหน้าเต้ยนิ่งๆและไม่คิดจะตอบคำถามนี้  ไม่อยากเป็นคนใจร้ายต่อว่าคู่นอนที่ไม่มีสิทธิ์ซักไซ้กัน  แม้ผมจะรู้ตัวว่าเสียมารยาทแค่ไหนที่ร้องเรียกชื่อคนอื่นต่อหน้าคนที่ให้ความสุขเราก็ตาม  ผมลุกจากเตียงเงียบๆและหันหลังเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดร่างกาย  กลับออกมาเต้ยนั่งพิงหัวเตียงมีผ้าห่มคลุมแค่สะโพกมองมาตรงมาที่ผมด้วยแววตาตัดพ้อ

“เต้ยขอโทษฮะ” เสียงหวานเว้าวอนเอ่ยขอโทษด้วยแววตาสำนึกผิดปนน้อยใจ  ผมจึงฝืนยิ้มส่งไปให้ก่อนเดินเข้าหา

“อืม  นี่รับไปครับ” ผมยื่นแบงค์สีเทาปึกหนึ่งไปให้ร่างตรงหน้า  เต้ยเงยหน้ามองด้วยหยาดน้ำตาคลอหน่วยและไม่ยอมยื่นมือมารับสินน้ำใจที่ผมหยิบยื่นให้ 

ผมไม่ได้คิดดูถูกอีกฝ่ายเลยแค่คิดว่านี่เป็นสิ่งตอบแทนที่ผมจะให้ได้  อยากจะให้กับคนที่มอบความสุขให้กันจะได้ไม่ติดค้างกันอีก  เพราะคนส่วนใหญ่ที่เข้าหาผมก่อนนั้นก็เต็มใจและยอมที่จะมีอะไรกับผมอยู่แล้วแม้ไม่ได้สิ่งตอบแทนกลับก็ตาม

“อย่าคิดว่าพี่ดูถูกนะครับ  รับไปนะพี่จะได้สบายใจ  พี่ไปล่ะ  โชคดีครับ”

หลังจากผมพูดจบอีกฝ่ายจึงยื่นมือมารับพร้อมทำหน้าเศร้าน้ำปริ่มตา  ผมจึงยื่นมือไปลูบหัวและกล่าวคำลาก่อนเดินออกมาจากห้องนั้น  ผมให้ได้แค่นี้จริงๆแม้จะน่าสงสารหรือน่าสนใจขนาดไหน  เมื่อได้ชิมแล้วก็ไม่ติดใจอะไรมันก็แค่วิถีทางหนึ่งที่ต่างฝ่ายก็ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน  และเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ผมได้รู้แน่ชัดว่ายังไม่สามารถลืมคนในอดีตที่ฝังใจคนนั้นได้เลย

....................................

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^O^

ตอนนี้เป็นมุมดาร์กๆของนายวินมุมหนึ่ง
แต่ความรู้สึกในใจก็ยังลืมรักปักใจแบบกัสไม่ได้ค่ะ
ตอนหน้าเราจะได้รู้กันว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่
ที่ทำให้ต้องเลิกรากันไป  จะมาในมุมมองของกัสนะคะ

+1ให้ทุกเม้นท์แล้วค่ะ  :pig4: ทุกการติดตามค่ะ

ฝากติดตามการรวมเล่มด้วยนะคะ  รายละเอียดที่หน้าแรกค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33594.0

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
ดีแล้วที่วินยังไม่ลืมกัส

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด