ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 ผมบ้า… ใช่ครับ... ใครๆก็บอกว่าผมบ้า... อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้มั้ง... ไม่รู้สิ... ผมไม่สนใจสิ่งพวกนั้นหรอก สำหรับผม แค่ไฟดวงเล็กๆและหนังสือสักเล่ม อะไรก็ได้ แค่นั้นก็พอใจแล้วสำหรับผม... ยิ่งไอ้พวกคนชุดสีดำๆทมึนๆที่ชอบเดินตามผมอยู่เรื่อยมันทำให้ผมยิ่งรำคาญ อย่าถามว่าทำไมผมไม่หนี ผมหนีมาเป็นสิบ แต่ไม่รู้ว่าทำไมพวกมันตามผมเจอทุกครั้ง... ผมก็แค่คนบ้าเท่านั้นเอง
“เฮ้ย... อย่ายุ่งกับมันเลยว่ะ เขาว่ากันว่ามันเป็นบ้า... ไม่ยอมไปไหน นั่งอ่านแต่หนังสืออยู่แบบนี้มาตั้งหลายวันแล้ว”ผมเงยหน้ามองไอ้กลุ่มคนที่บอกว่าผมบ้า... อีกแล้วเหรอ แต่สายตาผมกลับไปสะดุดใจกับคนในชุดสูทภูมิฐานที่ตัวใหญ่กว่าผมสักหน่อย... หล่อดีแฮะ...
“พวกมึงกลับไปก่อนป่ะ... กูว่ากูอยากลองคุยกับคนบ้าดูสักตั้ง”ในความมืดที่มีแค่แสงโคมไฟจากตรงที่ผมนั่งอยู่ ผมบอกไปรึยังว่าบ้านตอนนี้ของผมคือข้างถนน
“เอาจริงเหรอวะไอ้สัก... มึงนี้ท่าจะบ้าไปแล้วว่ะ”ตกลงคนๆนั้นเขาก็บ้าเหมือนผมเหรอ... ตลกชะมัดเลยแฮะ เป็นคนบ้า แต่ใส่สูทซะดูดีเชียว...
“มึงเป็นคนบ้าเหรอ ชื่ออะไรวะ”ผมเงยหน้ามองเขางงๆ เขาถามชื่อผมเหรอ...
“ถามผมเหรอ... ไม่รู้สิ ผมเป็นคนบ้า ไม่มีชื่อเหรอ”ผมตอบกลับเสียงเรียบแล้วก้มหน้าไปอ่านหนังสืออีกครั้ง ตัวหนังสือเบลอๆนิดๆ อาจเพราะสายตาผมสั้นลงล่ะมั้งเนี่ย
“เออ... มึงนี่แปลกดีจัง กูชื่อสัก มึงมากับกูดีกว่า เดี๋ยวกูพาไปอยู่ด้วย”เขาฉุดลากผมให้ลุกขึ้นแล้วลากผมให้เดินไปที่รถของเขา... ผมมองแขนของผมที่โดนจับอยู่ สลับกับด้านหลังที่พวกชุดดำที่ตามมาเฝ้าผมหลายวันค่อยๆกรูกันเข้ามา...
“กูรู้ล่ะ... ต่อไปนี้กูจะเรียนมึงว่าอิม... ตกลงนะ”สักพูดขึ้นระหว่างขับรถออกมา... ผมพยักหน้าให้เขาก่อนจะเพ่งตัวหนังสือที่เลือนรางเต็มที... สักวันคงต้องไปตัดแว่นแล้วล่ะ
“เอานี้ ชุดของมึง ตัวพอๆกับกู มึงคงใส่ได้ใช่มั๊ยอิม”ผมคลี่เสื้อยืดเก่าๆของเขาออกมาดู มันก็พอจะใส่ได้อยู่หรอก... อย่างน้อยมันก็ดูดีกว่าชุดที่ผมใส่อยู่ตอนนี้... ไม่นานผมก็เดินกลับออกมาจากในห้องน้ำ เห็นเขาป้วนเปี้ยนอยู่กับหลอดไฟที่เปิดไม่ติด...
“อ้าว... เสร็จแล้วเหรอ เดี๋ยวกูไปอาบบ้างแล้วกัน... ไฟมันไม่ติด... อยู่มืดๆไปก่อนแล้วกันนะ”เขาโยนไฟฉายมาให้ผม ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป ผมขยับไฟฉายเปิดๆปิดๆ แล้วปีนเก้าอี้ที่สักเอามาตั้งไว้เพื่อซ่อมไฟ ไม่นานนักสักก็เดินออกจากห้องน้ำ แล้วลองเดินไปเปิดไฟอีกครั้ง คราวนี้มันติดขึ้นมาทันที...
“เออว่ะ ทิ้งไว้เฉยๆเสือกติด”สักหัวเราะขำๆก่อนจะเดินไปแต่งตัว... ผมก้มหน้าอ่านหนังสือก่อนจะเรียกชื่อสักเบาๆ
“เอ่อ... สัก.... ขอ... ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ”ผมบอกแล้วเดินช้าๆไปเข้าห้องน้ำ... ไม่ไหว ตาผมแห้งมาก... ผมก้มหน้าทำอะไรสักพักก่อนจะเดินออกมา ถึงทางเดินจะมัวกว่าเดิมก็เถอะนะ...
“คืนนี้มึงนอนที่พื้นได้มั๊ย... แล้วพรุ่งนี้เดี๋ยวกูหาผ้านวมมาปูเพิ่มให้”สักบอก ผมพยักหน้าแล้วขดตัวลงนอนบนพื้นไม้แข็งนั่นเอง
“แกต้องทำ...”เสียงที่ดังก้องในห้องโถงใหญ่ทำให้ผมที่ยืนมองอยู่ถึงกับสะดุ้ง... ชายอีกคนส่ายหน้ารัวๆ
“ไม่เอา ยังไงผมก็ไม่ทำ”
“นั่นมันเรื่องของแก... ฉันตามใจแกมามากพอแล้ว ต่อไปแกต้องทำตามฉันบ้าง...”เสียงทรงอำนาจนั้นสั่งอีกครั้ง... ผมปิดหูไม่อยากรับรู้ แต่เสียงนั้นก็ดังเข้ามาไม่หยุด
“ผมทำไมได้ ผมไม่ชอบมัน”
“แกต้องทำ... ฉันสั่งให้แกทำ!!”ผมสะดุ้งขึ้นมากลางดึก... แอร์คอนดิชั่นยังทำงานส่งเสียงหึ่งๆ ส่วนคนบนเตียงก็กรนเบาๆ... ผมฝันร้ายอีกแล้ว ผมเกลียดคนในฝันจริงๆ เกลียด... จนไม่รู้จะทำยังไงดี...
“อิม... เดี๋ยวกูต้องไปเรียน อ่อ... มึงรู้จักมั๊ย มหาวิทยาลัยน่ะ กูอยู่ปีสาม... คณะแพทย์เชียวนะ แล้วมึงล่ะ อิม... ได้เรียนอะไรบ้างมั๊ย”มันถามผม... ส่วนผมก็ไม่ใส่ใจที่จะตอบ ก้มหน้าอ่านหนังสือการ์ตูนที่สักหยิบมาจากห้องมันให้ผม...
“มึงจะนั่งรอในมหาลัยก็ได้ อีกสามชั่วโมงก็ก็เลิกล่ะ แล้วเดี๋ยวกูพาไปหาซื้อชุดมาให้ โอเคป่ะ”ผมพยักหน้า... ไม่นานมันก็เลี้ยวรถเข้ามาถึงคณะแพทย์ ผมนั่งรอมันอยู่ตรงม้านั่ง ก่อนจะถือโอกาสสำรวคณะข้างเคียง...
“เข้าไม่ได้นะครับ จากนี้เป็นเขตของคณะวิศวะครับ”ผมหัวเราะกับเด็กในชุดนักศึกษา ที่ดูจากหน้าตาแล้วก็คงจะประมาณปีสอง...
“ผม... อยากเข้าไปดูด้านใน”
“เอ๊ะ!! ก็บอกว่าห้ามเข้าๆ ถึงมึงเข้าไปกูก็โดนจารย์เล่นสิวะ”ผมเอามือล้วงกระเป๋าตังค์ที่ผมมักใช้เก็บของสำคัญๆแล้วหยิบให้พวกมันดู...
“อ๊ะ... ขอโทษครับพี่ ผมไม่รู้ว่า...”ผมส่ายหน้าแล้วหัวเราะแห้งๆ
“ผมเป็นคนบ้านะ... ใครๆก็ว่างั้นแหละ”ผมยิ้มแล้วเดินเข้าไปในคณะวิศวะช้าๆ ต้นไม้หลายชนิดที่ปลูกไว้ก่อนเข้าตัวตึก ด้านหน้าอาคาร...แปะภาพนักศึกษาคนหนึ่งไว้ใหญ่มากๆ ใจความใต้ภาพนั้นเขียนไว้ว่า
‘นายนัทพงศ์ อิศรเวช เกียรตินิยมอันดับหนึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์สาขาวิศวกรรมเครื่องกล เกรดเฉลี่ย 4.00’
ผมหัวเราะอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปในตัวอาคาร... นักศึกษาหลายคนมองผมงงๆ แต่อาจารย์บางคนกลับทำหน้าตกใจแล้วทำท่าจะเข้ามาทักผม แต่ผมก็เลี่ยงออกมาก่อน โดนจับได้ว่าแอบเข้ามาคงไม่ดีเท่าไร... ผมสำรวจคณะนี้อยู่สักพักก็เดินกลับออกมา ผ่านเด็กปีสองพวกนั้นอีกครั้ง
“เอ่อ... พี่ครับ ข่าวที่ว่านั่นน่ะ จริงหรือเปล่าครับ”เด็กพวกนั้นทำกล้าๆกลัวๆถามผม
“ไม่รู้สิ ... ผมบ้านะ”ผมหันหลังกลับไปตอบแล้วเดินก้าวเท้ายาวๆอย่างสบายอารมณ์ไปที่ตึกคณะแพทย์ ที่จริงสองคณะนี่ก็ห่างพอควร แต่ผมคงเดินจนชินละมั้ง...
“อ้าว... อิมไปไหนมาเนี่ย กูหาตั้งนาน เดี๋ยวนะ... ไม่รู้รถเป็นอะไร อยู่ดีๆก็สตารท์ไม่ติดซะงั้น”ผมเอื้อมมือไปจับแขนสักแล้วพูดเบาๆ
“สัก... ผมหิวน้ำ...”สักมองเข้าไปในรถก่อนจะปาดเหงื่อเบาๆ
“งั้นมึงนั่งรอก่อนแล้วกัน ในรถไม่มีน้ำ เดี๋ยวกูไปซื้อมาให้”สักว่าแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับไปทางตัวตึก ผมเดินไปหมุนเครื่องยนต์อยู่สักแปป ก่อนจะออกมานั่งรอ สักวิ่งกลับมาพร้อมโค้กสองแก้ว เขาส่งให้ผมก่อนจะกลับไปง่วนอยู่กับรถอีกครั้ง ผมเดินไปบนรถแล้วสตารท์เบาๆมันก็ติดขึ้นมาง่ายดาย
“อ้าว... ติดแล้วเหรอ งั้นกลับกันเหอะอิม”สักเรียก ผมเดินไปนั่งข้างๆ ก่อนที่สักจะออกรถไป...
ผมอยู่กับสักมาเกือบเดือน... คนบ้าอย่างผมก็นั่งอ่านหนังสือทุถกเรื่องที่มีในบ้านของสักหมด จนลามไปถึงห้องสมุดของมหาลัยของสัก ถึงจะแปลกๆ แต่สักก็ยอมยืมมาให้ผม...
“อิม... นี่เพื่อนกู ชื่อไม้ ไอ้ไม้นี่อิม... ที่กูเจอเมื่อตอนนั้นไง”ไม้เพื่อนสักยิ้มให้ผมก่อนจะนึกสักครู่
“พี่นัท!!”ผมก้มหน้าสะดุ้งกับชื่อที่เรียกออกมา
“ไอ้ไม้ มึงเป็นบ้าอะไรวะ มันชื่ออิม ไม่ใช่พี่นงพี่นัทอะไรของมึงสักหน่อย”สักว่า... ไม้ส่ายหน้ายิก ก่อนจะวิ่งไปหยิบหนังสือรุ่นเมื่อสองสามปีก่อนมาเปิดให้สักดู...
“มึงดูนี้ไอ้สัก... พี่อิมที่มึงว่าน่ะ เกียรตินิยมอันดับหนึ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์เชียวนะเว้ย!”ไม้เปิดหนังสือเทียบหน้ากับภาพในหนังสือ ซึ่งผมก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ
“ผมเป็นคนบ้านะ ใครๆก็ว่างั้น”ผมตอบเสียงเบา ก่อนที่สักจะพูดชื่อขึ้นมาลอยๆ
“นายนัทพงศ์ อิศรเวช เกิดวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2532 รหัสนักศึกษา...”เขาอ่านจากหนังสือรุ่นแล้วมองหน้าผมอีกครั้ง...
“กูว่า... มึงต้องมีเรื่องเคลียร์กับกูยาวแล้วว่ะอิม”สักไล่ไม้กลับไปแล้วมองหน้าผม...
“กูขอความจริง!”ผมลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าตัวแรกที่ผมใส่ตอนที่มาอยู่กับสัก... เดินไปเปลี่ยนก่อนจะเดินกลับออกมา สักมองผมงงๆ ก่อนที่ผมจะส่งเสื้อผ้าทั้งหมดคืน
“ขอบคุณที่ให้ที่ซุกหัวนอนมาหนึ่งเดือน แต่ว่า... คนบ้าไม่สมควรอยู่กับคนปกติหรอกนะ”ผมเดินออกมาก่อนจะเผชิญหน้ากับผู้ชายชุดสูทสีดำที่ยืนล้อมรอบตัวผม
“ขออนุญาต นายท่านให้ผมพาตัวคุณกลับครับ”ผมหน้าซีดเตรียมหันหลังหนี แต่พวกมันก็กระชากแขนผมไพร่หลังแล้วล็อคขึ้นรถไป... ผมถูกมัดมือมัดปากไว้แน่น หวังว่ามันคงไม่พาผมไปฆ่าหรอกนะ...
ครืด...
ประตูรถเปิดออกช้าๆ พร้อมกับชายคนหนึ่งซึ่งดูว่าเป็นหัวหน้าของทุกคนในนี้เดินเข้ามาหาผม ใบหน้าบึ้งตึงเขม่นหน้าผมก่อนจะเงื้อมือขึ้นช้าๆ ผมหลับตาด้วยความตกใจ... นี้จะฆ่ากันแล้วเรอะ ผมเป็ฯคนบ้า คนบ้าน่ะคนบ้าได้ยินมั๊ย...
“อื้ออออ~!!”แรงบีบรัดทำให้ผมสะบัดตัวไปมา ชายคนนั้นหันไปตบลูกน้องที่นั่งในรถคนละทีแล้วเอ่ยสั่ง
“ใครสั่งให้มึงมัดลูกกูแบบนี้... แก้มัดเดี๋ยวนี้!!”
“ตระกูลอิศรเวชไม่ตกต่ำขนาดที่จะถูกจับมัดง่ายๆแบบนี้ ว่าแต่... หิวหรือเปล่า พ่อให้แม่บ้านทำกับข้าวไว้เยอะแยะเลย ไปกินกันดีกว่านะ”คนตัวใหญ่ทำท่าจะลากผมลงไปให้ได้ ใครจะไปลงตามเล่า... พอผมสะบัดตัวหนีได้ ผมก็ถลาวิ่งออกไปอีกทาง ร้อนหึคนที่ยืนคุมพื้นที่ต้องตามจับผมอีกครั้ง
“ตามจับนัทให้ได้ ให้ตายสิไอ้ลูกนอกคอกนี้มัน...”คนเป็ฯพ่อได้แต่กุมขมับก่อนจะเหลือบไปเห็นอะไรแวบๆที่หางตา... ฝ่ามือหน้าจับและกระชากมันออกมาทันที!!
“โอ๊ย!”เสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมชะงักและพวกเขาก็จับผมได้ ผมถูกพากลับไปที่เดิมก่อนที่ใครคนหนึ่งจะถูกผลักออกมา
“สัก”ผมอุทานด้วยความตกใจสักมองหน้าผมเหมือนจะหาคำตอบ ผมสะบัดให้หลุดจากการจับกุมแล้วเดินไปพยุงสักขึ้นมา
“เอาอุปกรณ์ทำแผลตามขึ้นไปให้ที่ห้องด้วย”ผมหันไปบอกใครสักคน ไม่รู้สิ เดี๋ยวคงมีแม่บ้านเอาขึ้นมาให้ละมั้ง ผมพยุงสักขึ้นไปที่ชั้นสอง ก่อนจะเดินประตูห้องๆหนึ่ง...
“ห้องของมึงเหรอ ใหญ่ชะมัด”ผมเบ้ปากแล้วเปิดไฟก่อนจะฉุดให้สักนั่งลงบนเตียง... ชั้นหนังสือในห้องกินพื้นที่เกินครึ่ง... อีกฟากเป็นอาวุธต่างๆทั้งปืนผาหน้าไม้ ถัดจากนั้นก็เป็นเกียรติบัตรจำพวกเทควันโด้ คาราเต้ ไอคิโด้แล้วก็ใบอนุญาตพกปืนอย่างถูกกฏหมาย... กองสุมๆกันเอาไว้ ผมเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดที่คิดว่าสักจะใส่ได้สักชุดหนึ่งมา ดูท่าคงจะล้มลุกคลุกคลานมาไม่น้อย ชุดถึงได้เปรอะเปื้อนขนาดนี้ ยิ่งกว่าคนบ้าอย่างผมซะอีก
“อิม... มึงเป็นใครกันแน่”สักถามเบาๆ ผมถอนหายใจแล้วลูบหน้าตัวเองเบาๆ
“เปลี่ยนชุด... แล้วเดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง”มันหยิบเสื้อผ้าไปก่อนจะเข้าไปในห้องน้ำ พักใหญ่ๆมันก็ออกมาพร้อมๆกับแม่บ้านที่เอาอุปกรณ์ทำแผลขึ้นมาให้พอดี...
“อย่าเพิ่งใส่เสื้อ มานี้ก่อน เดี๋ยวกูทำแผลให้”สักเดินมานั่งตามที่ผมบอก ก่อนที่ผมจะเริ่มลงมือทำแผลพร้อมๆกับเล่าเรื่องของตัวเองให้มันฟัง
“จริงๆกูชื่อนัท นัทพงศ์ อิศรเวช ตามที่มึงรู้นั่นแหละ เกียรตินิยมอันดับ1วิศวะนั่นก็ใช่ แต่ที่มึงไม่รู้คือบ้านกูเป็นมาเฟีย... ตั้งแต่เด็ก กูถูกเลี้ยงให้เข้มแข็ง... กูยิงปืนเป็นตั้งแต่ก่อนคูณเลขเป็นด้วยซ้ำ”ผมหัวเราะขื่นๆก่อนจะเปลี่ยนจากสำลีชุบแอลกอฮอลล์มาเป็นยาแดง
“กูทำตามที่พ่ออยากให้เป็น จนถึงตอนมหาลัยที่กูดื้อรั้นของพ่อจนได้เรียนวิศวะ กูทำให้พ่อเห็นว่ากูชอบเรียนสิ่งนี้ แต่มึงรู้มั๊ย พ่อกูบอกว่าอะไร... ‘ กูเป็นมาเฟีย วิศวะทุกอย่างที่กูชอบ พ่อแค่ให้กูเรียนแก้เบื่อ เรียนเอาวุฒิแค่นั้น ’ พอกูเรียนจบ... พ่อก็จะให้กูขึ้นตำแหน่งหัวหน้าแทน”ผมเก็บทุกอย่างเข้ากล่องก่อนจะเดินไปที่มุมห้อง หยิบปืนขึ้นมาและเล็งไปที่เป้ารูปคนซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง
ปัง!!
“แต่ระหว่างได้ทำงานที่ตัวเองชอบกับฆ่าคนใช้ชีวิตกร่างๆระวังตัวกลัวตายตลอดเวลา กูขอเป็นคนธรรมดาที่ทำสิ่งที่ตัวเองชอบดีกว่าว่ะ”รอยกระสุนทะลุที่หัวของเป้ากระดาษ
“มึงเลยทำตัวเป็นคนบ้าแล้วออกจากบ้านงั้นสิ”ผมพยักหน้าก่อนจะหัวเราะเบาๆ...
“ตอนเด็ก กูเคยคิดว่าเป็นมาเฟียมันโคตรจะเท่ห์... แต่ไม่รู้สิ... กูคิดว่ามันไม่ใช่ กูชอบอ่านหนังสือ ชอบพวกเครื่องยนต์ ชอบที่จะเป็นคนธรรมดา...”สักเดินไปไล่ดูหนังสือในชั้นก่อนจะหยิบมาเปิดดู ผมเงียบไปสักพักก่อนที่สักจะพูดขึ้นมาลอยๆ
“ถ้ามึงไม่อยากเป็น กูเป็นให้เอามั๊ย”
“พ่อกูไม่มีทางยอมแหงๆ”ผมหัวเราะ พ่อผมเป็นไง ผมย่อมรู้ดี
“ไม่ลองไม่รู้หรอก...”สักหัวเราะเบาๆก่อนจะเก็บหนังสือเข้าชั้นแล้วเดินลงไปข้างล่าง โต๊ะอาหารตัวใหญ่มีแค่พ่อผมคนเดียวเท่านั้นที่นั่งอยู่บนหัวโต๊ะ สักเดินเข้าไปนั่งข้างๆก่อนจะยกมือไหว้
“ลุงป๋องสวัสดีครับ...”ผมมองสักอย่างแปลกใจ เขารู้ชื่อพ่อผมได้ไงเนี่ย
“ผมลูกพ่อเลิศไงครับ ตอนเด็กๆผมแวะมาที่นี้บ่อยๆ แต่หลังจากที่พ่อเลิศย้ายไปเชียงใหม่ ผมเพิ่งย้ายกลับมาคนเดียวตอนเข้าปีหนึ่งเองน่ะครับ”พ่อหัวเราะแล้วพยักหน้า
“เออๆ ลุงก็ว่าคุ้นๆหน้าเราอยู่... ที่แท้ก็เหมือนเจ้าเลิศนี้เอง... แล้วนี้เรียนที่ไหนล่ะ”แล้วพ่อผมกับสักก็คุยกันต่อไปอีกพักใหญ่ ทำไมผมจำไม่ได้นะ...
“ลุงป๋องครับ ผมอยากดูแลนัทครับ”
“หืม... หมายความว่าไงน่ะเรา”พ่อผมพูดอีกครั้งทำเอาผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ไหนสักแค่บอกว่าจะดูแลแก๊งค์แทนผมไม่ใช่เรอะ... แล้วผมเกี่ยวอะไรด้วยวะ
“ผมอยากดูแลแก๊งค์ของลุงป๋อง แล้วผมก็อยากดูแลนัทด้วยครับ”สักพูดย้ำอีกครั้ง ผมได้แต่ก้มหน้าไว้อาลัยให้สัก พ่อผมคงปล่อยให้สักรอดหรอกนะ...
“ไอ้สัก!!”เสียงตะโกนลั่นก่อนจะตามมาด้วยเสียงทุบโต๊ะดัง ปึง!!
“พ่อ!! สักพูดเล่นน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”ผมถลาไปห้ามพ่อตัวเองที่เงื้อมือขึ้น ก่อนจะ... ลูบหลังสักแบบยินดี...
“เออ... อันที่จริงลุงกับพ่อเลิศก็คิดๆอยู่ว่าจะให้ลูกพวกเราแต่งงานกัน โชคร้ายที่เป็นผู้ชายทั้งคู่... แต่ถ้าเรากล้ามาขอไอ้นัทกับลุง ลุงก็โอเค ไอ้นัทมันไม่อยากคุมแก๊งค์ลุงก็รู้ แต่ทำไงได้ ลุงมีลูกคนเดียว แต่ถ้าเป็นเรา ลุงก็พร้อมจะมอบแก๊งค์ให้ดูแลแน่นอน...”ผมอ้าปากค้าง... นี่พ่อผมกำลังพูดเหมือนจะยกผมให้พฃกับไอ้สักชัดๆ ผมเป็นผู้ชายนะครับพ่อเฮ้ย!
หลังจากผ่านเหตุการณ์ระทึกขวัญมาได้เกือบสิบนาที ผมกับสักก็เดินขึ้นมาบนห้องๆเดิมก่อนที่ผมจะนอนแผ่หลานวดขมับตัวเองอยู่พักใหญ่
“ไม่ต้องห่วงหรอก... กูพูดจริง กูจะดูแลมึงแน่ๆ”สักบอกก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆ
“ตกลงมึงไม่ได้บ้าใช่มั๊ย”สักถามผมอีกครั้ง ผมหันไปมองก่อนจะเขกมะเหงกมันแรงๆ
“กูบ้า... บ้าเพราะมึงนั่นแหละ”ผมหลับตคาลงก่อนจะได้รับสัมผัสเบาสๆที่แก้มทำเอาผมลืมตาโพล่งอีกครั้ง
“งั้นกูก็บ้าเหมือนกัน บ้าว่ารักแถบ แบบว่ารักเธอ”สักพูดก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจทิ้งให้ผมนอนหน้าแดงอยู่บนเตียง
“ไอ้สัด! ปีนเกลียวนะมึง”ผมตะโกนด่าตามหลังมันที่เดินเข้าห้องน้ำอีกครั้ง...
ที่จริงถ้าเป็นคนอื่นผมคงยิงไส้ไหลไปแล้ว แต๊ะอั๋งลูกมาเฟียแบบนี้ แถมผมก็ยังเป็นผู้ชาย แต่ทำไงได้... ทั้งๆที่มันรู้ว่าผมบ้า มันยังกล้าเอาผมไปอยู่ด้วย ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้มัน มันก็ยังให้ผมอยู่กับมันมาหนึ่งเดือนเต็ม ทั้งๆที่ผมไม่ได้เรียกร้องให้มันมาดูแล แต่มันกลับเสนอตัว... งั้นจะยกผลประโยชน์ที่มันแต๊ะอั๋งผมเมื่อกี้ให้หายๆกันไปแล้วกัน... แค่ครั้งเดียว ครั้งนี้ครั้งเดียวจริงๆนะ...
“อิม... ถึงมึงจะบ้า แต่กูก็รักคนบ้าแบบมึงนะ”
เอาล่ะ... ผมว่า... ผมควรหยิบปืนแล้วไปยิงมันในห้องน้ำแล้วใช่มั๊ย ข้อหา... ทำลูกมาเฟียหน้าแดงแถมทำให้เขินเนี่ย โทษหนักนะเฮ้ย!!
“ถ้าออกมากูฆ่ามึงแน่!”
“ข้อหาอะไรวะ”มันตะโกนถามออกมาจากในห้องน้ำ
“ทำให้กูรักไงล่ะไอ้ควายยย!!”
------------------------------------------------The end---------------------