ตอน .. ลงเรือ
ตอนนี้พวกเราทุกคนขึ้นมาบนเรือกันหมดทุกคนแล้ว ด้วยปริมาณนักท่องเที่ยวที่หนาแน่น ทำให้ม้านั่งที่เตรียมไว้บนเรือ
ไม่เพียงพอ ผมและเพื่อนๆ ตัดสินใจนั่งจุ้มปุ้กกันแถวๆ ห้องเครื่องด้านบนชั้นสองของเรือ น้องแพนทิ้งก้นลงเบาๆ
ตามด้วยไอ้ภาคที่ตามติดแจ จนแทบจะสิงร่างไอ้ตัวเล็ก ก่อนจะขู่แกมบังคับให้อีกฝ่ายเข้ามานั่งในคอกหัวเข่า
แล้วพิงหลังลงเบาๆ กับอกแข็งแรงของตัวเอง ผมสังเกตุเห็นแพนหน้าขึ้นสีระเรื่อคงทั้งเขินทั้งอาย แต่ก็ขัดใจไอ้ลูกหมา..
ที่หวงเจ้าของไม่ไหว.... แถมสองมือซนๆ ยังสอดเข้าไปโอบเอวน้องกระชับกอดเบาๆ ให้ร่างอีกฝ่ายแนบชิด สนิทเข้าไปอีก
เรียกว่า..... หมดปัญญาแจ้งเกิดจะดีกว่า เห็นขนาดนี้....ใครคิดจะหลี ไม่โดนกำปั้นพ่อเจ้าพระคุณนั่นเข้าไปก็ไม่รู้จะว่ายังไง
ถัดจากภาคก็เป็นอ๋อม .. แอบเห็นสายตาไหววูบเล็กๆ ของไอ้ไม้ แค่เพียงนิดเดียว... นิดเดียวจริงๆ ที่ผมรู้สึกว่ามันเสียใจ
แต่เพียงแค่พริบตา ทั้งสีหน้าแววตาของมันก็เปลี่ยนเป็นออดอ้อน สนุกสนานร่าเริงได้ดังเดิม ไอ้ไม้นั่งลงข้างว่าที่หวานใจ
กระแซะหยอกบ้างหยอดบ้างพอให้ได้อรรถรสตามประสา ของแมวหวังชิมปลาย่าง ส่วนผมก็นั่งถัดจากมัน ...
แอบรู้สึกเจ็บแปลบ...แทนไอ้ไม้ไม่ได้ ก็เพราะรู้ดี...ว่าการที่ไปรัก....คนที่เค้าไม่รักตัวนั้นมันเจ็บแค่ไหน ได้แต่นั่งลงเงียบ ๆ
ไม่ได้ปริปากอะไรให้เป็นที่รำคาญ .... สายตาเหลือบมองคลื่นน้ำที่ซัดเป็นเกลียวสวยงาม สีฟ้าครามที่ปกคลุมไปทั่ว
ตั้งแต่ผืนน้ำยันผืนฟ้า หยิบหูฟังขึ้นมาเสียบ กดเพลงเดิมๆ ที่ฟังเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเบื่อ ปล่อยให้สองคู่ชู้ชื่นเค้าได้เสพสุข....
ระหว่างทางกันบ้าง เพราะเรามากัน 5 คน ฉะนั้นผมถือเป็นตัวแถม ไม่ได้เป็นที่ต้องการของใครเป็นพิเศษ เลยถือโอกาสนี้
ปีกวิเวกอยู่ลำพัง ค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง บางครั้ง....ทะเลสวย ก็ไม่ดึงดูดใจเรามากไปกว่า ความเจ็บปวดที่เราจะได้รับรู้
ในระยะเผาขนเช่นนี้ ฉะนั้น... สู้ปิดหู ปิดตา และปิดใจ ไม่รับรู้อะไรมันคงจะยังดีเสียกว่า
http://www.youtube.com/watch?v=dRJn317jyvkงมงาย
เนิ่นนานเท่าไรไม่รู้ที่รอเธอ ฉันจำไม่ได้
ที่จำได้ดีคือฉันมีเพียงเธอ แม้นานสักแค่ไหน
เธออยู่ที่ใดยังรักกันไหม ฉันไม่รู้ แต่ที่รู้คือฉันนั้นยังไม่เปลี่ยนใจ
ยังอยู่ตรงนี้ถึงแม้จะเหงาและเดียวดาย
ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันจะยังรักเธอ ไม่ว่าเธอกับฉันวันนี้จะอยู่แสนไกล
ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป
ไม่ว่าใครจะมองว่าฉันงมงาย ฉันก็ยังเหมือนเดิม
เมื่อเธอมีทางชีวิตไม่เหมือนฉัน ฉันห้ามไม่ได้
แต่ฉันจะมีชีวิตเพื่อรอเธอ แม้วันสุดท้าย
เกิดมาได้เจอคนที่ตามหามานานแสนนาน ทำให้รู้ว่าเธอมีค่ามากแค่ไหน
จะอยู่ตรงนี้ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เหลือใคร
ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันจะยังรักเธอ ไม่ว่าเธอกับฉันวันนี้จะอยู่แสนไกล
ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป
ไม่ว่าใครจะมองว่าฉันงมงาย ฉันก็ยังเหมือนเดิม
จะรอแค่เธอถึงแม้ใครหาว่างมงาย
ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันจะยังรักเธอ ไม่ว่าเธอกับฉันวันนี้จะอยู่แสนไกล
ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป
ไม่ว่านานเท่าไรยังมีเพียงเธอ (ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันมีเธอคนเดียวในหัวใจ)
ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะรักเธอ
.
.
.
แกล้งหลับตาไปอย่างนั้น ... ทั้งที่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของคนข้างๆ เสมอ แรงกระเพื่อมที่คาดว่าน่าจะเกิดจากการหัวเราะ
สั่นมาเป็นระยะ ค่อยๆ อมยิ้ม ที่มุมปาก นึกถึงใบหน้าไอ้ไม้ที่เปื่อมไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ว่ามองเมื่อไหร่....หรือแม้แต่
ในความคิดผม มันก็ทำให้เผลอยิ้มตามได้ทุกครั้ง ก็ไม่ได้ว่าอะไร....ก็แค่อยากให้มันมีความสุข และสมหวังกับอ๋อมสักที
อย่างน้อยๆ ก็เพื่อผมจะได้เห็นรอยยิ้มมัน .... และเผื่อตัวเองจะยิ้มได้แบบมันบ้าง และเผื่อ...จะตัดใจจากมันได้บ้าง...
ถ้าเกิดมันมีเจ้าของขึ้นมาจริงๆ เสียที
.
.
.”ตื่นซะทีไอ้ขี้เซา” หูฟังสองข้างถูกดึงออก พร้อมมือหนาๆ ของคนข้างกายที่ผลักมาที่หัวผมเต็มแรงๆ
หัวผมเลยเอนตามแรงผลักแกล้งๆของมัน ช้อนตาไปมองมันค้อนๆ เผื่อไอ้เจ้าตัวจะสำเนียกได้ว่านี่หัวคน ...
สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มกวนๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะ หึๆ อย่างพึ่งพอใจ ....ไม่ได้สำนึกหรือรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น
ผมเม้มปากเล็กๆ ก่อนจะทำปากขมุบขมิบให้อีกฝ่ายอ่านปากในการสาดคำสรรเสริญเยินยอไปให้
“Kวย” ไอ้ตัวดี ยกยิ้ม ก่อนจะเลิกสนใจผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หันไปยิ้มหล่อๆ ให้สาวสวยหนึ่งเดียว ....ที่ทำผมช็อค
ภาพที่เห็นคือ น้องแพนที่หลับอยู่ในอกไอ้ภาค หลังพิงอก ศรีษะซุกเข้าหาซอกคอของอีกฝ่าย
โดยมีไอ้หล่อกอดกระชับเอวไว้แน่น ส่วนหัวเอนหัวพิงฝาห้องเครื่องด้านหลัง ส่วนอีกข้างมีสาวผมยาวสลวยเก๋
แบบอ๋อมนอนซบอยู่ ผมค่อยๆ ไล่สายตาหันไปสบตาไอ้ไม้เห็นมันยังยิ้มปกติ ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ
คงจะชินกับเหตุการณ์พวกนี้บางแล้ว มันหันหน้าเข้าหาอ๋อมย่อตัวลงจนตัวจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน
ยังคงจับจ้องอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มบางๆ ปนเอ็นดู ค่อยๆ เกี่ยวมือ ไล่เก็บเส้นผมที่ละอยู่บนใบหน้าหวานให้ไปเกี่ยวที่ใบหู
ผมเผลอกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ กับท่าทางที่ดูช่างทนุถนอมเหลือเกิน ไอ้ไม้แตะเบาๆ ที่ไหล่อ๋อม กรอกเสียง
หวานหู .... ที่ผมว่าคงทำให้ผู้หญิงหลายคนละลาย บังเอิญแค่..................ไม่ใช่กับอ๋อม
“อ๋อมครับ... อ๋อม จะถึงแล้วครับ” ไอ้ไม้ว่า ออกแรงเขย่าอีกนิด คนที่ถูกปลุกก็กระพริบตาถี่ๆ หันมามองตอบ
“ไม้” อ๋อมทำตาปรือปรอยได้อย่างน่ารัก ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง แล้วลืมตาขึ้นมาอีก ก่อนจะยกมือมาขยี้ตาเบาๆ
ทั้งที่หัวยังซบที่ไหล่ภาค สักพักเหมือนจะรู้ตัวถึงค่อยๆ ดันตัวขึ้น หันไปมองทะเล ก่อนจะหันไปมองคู่รักอีกคู่
ที่ยังหลับตาพริ้ม เห็นอ๋อมเผลอจ้องอยู่สักพัก ก่อนจะหันมาเพราะไอ้ไม้เบนความสนใจ
“จะถึงแล้วไม้เลยปลุกอ๋อมก่อน” เจ้าตัวว่าแค่นั้นก็นั่งลงกับพื้นเรือดังเดิม ส่งยิ้มหล่อละลายใจมาเป็นระยะ
“อืมม จ้า” อ๋อมยิ้มเล็ก ๆ ช่างน่ามอง ชายหล่อกับหญิงสวย สมกันจริงๆ ในความรู้สึกผม เมื่อไหร่ไอ้ต้นจะสมหวัง?
อ๋อมลอบมองไอ้ภาคเป็นระยะ และเป็นไอ้ไม้เองที่เขย่าตัวไอ้ภาคให้ตื่น มันลืมตาขึ้นช้าๆ อย่างงัวเงีย
ก่อนจะหันไปแกล้งสุดที่รักของตัวเอง บีบจมูกบ้าง ดึงผมที่ยาวแล้วของแพนมาแหย่ที่หูบ้าง หรือแม้แต่
กดคางตัวเองถูไถไปกับหัวทุยๆ ของอีกฝ่ายอย่างสนุกสนาน ไอ้ตัวเล็กก็ยุ๊กยิ๊กๆ และก็ตื่นในที่สุด ไอ้หล่อมันก็ทำเป็นพูดจาดี
เหมือนไม่มีไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทั้งที่หน้าตามันเองดูจะสนุกสุดๆ ตอนที่ได้แกล้งสุดที่รักของตัวเอง
“ตื่นแล้วเหรอครับ ใกล้จะถึงแล้วน๊า” ไอ้ภาคลูบหัวน้องเบาๆ อย่างเอ็นดู ไอ้ตัวเล็กก็ขยี้ตาตัวเองเป็นการใหญ่
หันมาส่งเสียงตอบอีกฝ่ายว่า “อือ” แค่คำเดียว ก่อนจะหันไปสนใจเกาะซึ่งมองเห็นอยู่ตรงหน้าคาดว่าคงห่างไม่เกิน
500 เมตร ผมที่มองดูอยู่ทุกความเคลื่อนไหวถึงกับส่ายหัว ในความเจ้าเล่ห์ของไอ้หล่อมัน แต่ก็รู้สึกดีนิดๆ
ในความน่ารักของคู่นี้ นะ.... ก็เป็นอย่างนี้อยู่ตลอด ถึงมันจะแกล้งยังไง คนนี้.....เค้าก็รักของเค้าสุดใจอยู่ดี
“ภาคปวดไหล่รึเปล่า? ขอโทษทีนะที่อ๋อมเผลอซบตลอดทางเลย” อ๋อมว่ายิ้มๆ แต่ผมนี่อ่ะ พูดไม่ออกเลยอึ้งๆ
ไม่คิดว่าอ๋อมจะกล้าพูด เหล่ตาไปมองแพนบ้างเห็นน้องทำหน้าเฉยๆ ไม่ได้มีท่าทีอะไรไปมากกว่านั้น
“ใครว่าหล่ะอ๋อม อ๋อมซบไม้ต่างหาก พึ่งไปซบไอ้ภาคตอนที่เราลุกไปเข้าห้องน้ำเท่านั้นเอง” ไอ้ไม้ว่ายิ้มๆ อีกคน
ผมซึ่งอึ้งกิมกี่ไปอีกรอบ ว่าแต่ไม้....มึงลุกไปเข้าห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ กูนั่งอยู่ข้างๆ นี่ไม่เห็นจะรู้สึกว่ามึงลุกไปไหน
“อ้าวก็อ๋อมจำได้ว่า..... .. เอ่อ...งั้นเหรอ” อ๋อมเหมือนจะเผลอพูดอะไรสักอย่าง...แต่ก็นิ่งค้างไว้แค่นั้นแล้วกลับลำกลางทาง
หน้าตาดูผะอืดผะอมชอบกล แล้วก็เออออห่อหมกไปกับไอ้ไม้ หันไปสบตาไอ้ภาคกับแพนอีกเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มจืดๆออกมา
(ก็ถ้าอ๋อมพูดว่าอ๋อมจำได้ว่าซบไหล่ไอ้ภาคมาตลอดทาง นั่นก็แสดงว่า อ๋อมตั้งใจที่จะซบมันน่ะสินะ )
“อ้อ... เป็นอย่างนี้นี่เอง หึหึ” ไอ้ภาคสรุป แล้วยิ้มแซวๆ ไอ้ไม้แทน ไอ้นี่ก็กล้ายักคิ้วกวนๆ กลับ
เฮ้อ~ เหตุการณ์นี่ทำผมเกือบจะหายใจไม่ทั่วท้องซะแล้ว ผมไม่รู้ว่าแพนกำลังคิดอะไร น้องไม่ได้ยิ้ม หรือ
แสดงอาการไม่พอใจ เพียงแต่หันมามองการสนทนากันนิดๆ ก่อนจะอยู่นิ่งๆ เงียบๆ มองดูฟ้า มองดูทะเลไปเรื่อยๆ
.
.
.
.
เรือจอดตรงท่าเรือเป็นรอบที่สองหรือที่สามมั้ง ผมจำไม่ได้รู้แต่ว่าตัวเองก็หลุดอยู่ในวังวนความคิดของตัวเองอยู่เนิ่นนาน
สะดุ้งอีกทีก็ตอนที่ไอ้ไม้ผลักหัวผมจนเซนั่นแหล่ะ
“เชี่ย” เผลอสบถออกมาเบาๆ เห็นไอ้ไม้ส่ายหน้าเซ็งๆ รออยู่
“ถึงแล้วมึงเหม่ออยู่นั่นแหล่ะ” มันว่าก่อนจะสะพายเป้ของตัวเองพร้อมกระเป๋าอ๋อมขึ้นบนบ่า แล้วเดินตามหลังอ๋อมไป
ส่วนสามคนนั้น (เอ่อ~ ผมหมายถึง แพน ไอ้ภาค และอ๋อม) ก็เดินผ่านหน้าผมจนตอนนี้ปีนบันไดลงไปเป็นที่เรียบร้อย
รีบลุกขึ้นแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามไอ้พวกนั้นไป แต่ด้วยความรีบ ขณะที่หันหลังลงบันไดอยู่นั้น ผมเลยเหยียบพลาด
“เห้ย!!” ผมตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เห็นภาพสโลโมชั่นของตัวเอง มือที่พยายามเกาะราวบันไดไว้สุดชีวิต
หลุดผึงออก หน้าแข็งครูดไปกับขั้นบันได เผลอหลับตาแน่น นึกในใจ... หัวกูแตกแน่ๆ
“ตุบ!!......... เชี่ย!!” ค่อยๆ หลีตามองรอบข้าง ไม่เจ็บ รู้สึกถึงแรงกอดแน่นๆ ที่เอว หึ๋ย!! ใครวะ เลยเด้งตัวออกทันที
ได้เห็นสีหน้าเหยเกของอีกฝ่าย เอามือกุมท้องป้อยๆ ทำเอาผมหน้าซีดทันที .... ไอ้ไม้
“เป็นไรป่าวว่ะ โทษทีว่ะไม่ได้ตั้งใจ” รีบกุลีกุจอ ไปดึงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น มันปัดนั่นปัดนี่นิดหน่อยแล้วหันมาตบหัวผมแทน
“มึงนี่แม่ง.... ไม่เคยระวังเลย ถ้ากูไม่อยู่ไม่ต้องคอหักกันเลยเหรอว่ะ ดีนะที่รับทัน แล้วไม่ต้องทำหน้าสำนึกผิดขนาดนั้นนะ
ตัวเบายังกะนุ่นวันๆ แดกไรมั่งเนี่ย ที่กูจุกเพราะก้นมึงดันกระแทกท้องกูมาพอดีหรอก ไม่งั้นก็แทบไม่รู้สึก ป่ะไปกันได้แล้ว”
บ่นจบมันก็เดินตรงไป ตรงหางเรือกระโดดข้ามฟากไปยัง ท่าเรืออีกฟากทันที พอเห็นอย่างนั้นผมก็รีบตามมา
แต่ระวังมากขึ้น พร้อมทั้งสำรวจคร่าวๆ พอมั่นใจก็ข้ามไปอีกฟากทันที โดยมีไอ้ไม้มองตามด้วยสายตาดุๆ ผมเดินไปตีคู่กับมัน
“ขอบใจนะ” พูดเสร็จก็ตั้งท่าจะเดินเลี่ยงหนีมันไป แบบว่ายังไงมันเขินอ่ะ กูเห็นแม่งแอบยิ้มมุมปากนิดๆ
จะว่าไงดีอ่ะผมกับมันไม่ค่อยพูดดีๆ กันเท่าไหร่หรอก ถนัดแต่ด่าๆ แซวๆ แกล้งๆ กันมากกว่า
(แล้วอย่างนี้ผมไปชอบมันได้ไงวะงงตัวเอง) กำลังจะชิ่งหนี ไอ้ตัวดีก็รั้งแขนผมไว้ซะก่อน
“เมื่อกี้ว่าไงนะ?” แหม๊ะ.... ถ้าตามึงจะยิ้มขนาดนั้นกูว่า มึงยิ้มทางปากเลยดีกว่ามั้ย ผมหันไปมองนิดๆ
“ไรเล่า ... ก็บอกว่าขอบใจไง เชี่ยนี่!!” ด่าแม่งเลย
“อ๊าว!! ไอ้ห่า สรุปจะด่าหรือขอบใจกูเลือกเอาสักอย่าง” หน้ามันตอนนี้อย่างกวนตีนอ่ะ แน๊ะยักคิ้วใส่กูอีก เดี๊ยะๆแม่ง
“ขอบใจไง ไม่ได้ยินเหรอสัด” เลยเบิดกระโหลกมันไปทีหนึ่ง ได้ยินคำว่า “เชี่ย” สบถออกมาเบาๆ แต่ปากยิ้มกริ่มแล้ว
“ต้น...มึงเคยได้ยินป่ะ บุญคุณต้องทดแทนอ่ะ” ไอ้ไม้ว่ายิ้มๆ แม่ง..กูว่าแล้ว ต้องมีเรื่องให้กูช่วยชัวร์ ซึ่งผมก็ยิ้มหวานกลับ
“แล้วมึงเคยได้ยินป่ะไม้ ว่าแค้นก็ต้องชำระอ่ะ” ผมหันไปยักคิ้วถามมันกวนๆ ซึ่งไอ้เหี้ยนี่ ...เสือกยกยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ
ผมถึงกลับเบือนหน้าหนี ... ไม่ใช่อะไร .... แม่งหล่ออ่ะทำหน้าแบบนี้ กลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่ๆ แล้วกระแอมกลบเกลือน
“แต่ตอนนี้มึงมีบุญคุณที่ต้องทดแทนกูว่ะ” ไอ้หล่อเชี่ยๆ หันยื่นหน้ามาพูดใกล้ๆ ยื่นมาใกล้ทำเพื่อ? เชี่ยยยยยยยย!!
หัวใจผมเต้นแรงขึ้นอีก ไม่รู้ว่าตัวเองหน้าแดงอยู่รึเปล่า แต่รู้สึกเขินจัดๆ ...เลยต้องยื่นดัชนีมาเป็นผู้ช่วย ผลักแม่งหน้าหงาย
ซึ่งมันก็หัวเราะชอบใจ ไอ้เหี้ยนี่.....แม่ง S ชัดๆ
“ไอ้เลวทำดีหวังผลตอบแทน ถ้ามึงจะมาทวงบุญคุณกูขนาดนี้ คราวหน้า...” ยังไม่ทันพูดจบ ไอ้คนไม่เคยศึกษามารยาทผู้ดี
ก็พูดแทรกขึ้นมากลางป้อง
“คราวหน้าจะไม่ให้กูช่วย?” มันเลิกคิ้วเป็นคำถาม หน้าตาแม่งอย่างกวน ทำผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“ป่าว ... มึงก็ช่วยกูนี่แหล่ะ อย่างน้อยกูก็ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อให้มึงมาทวงบุญคุณไง ฮ่าๆๆ ” ไอ้ไม้แม่งผลักผมซะหน้าหงาย
“ถุย...นึกว่าจะแน่ แต่ตอนนี้ติดไว้ก่อนตอนนี้ยังนึกไม่ออก เอาไว้กูนึกออกเมื่อไหร่ค่อยทวง ฮ่าๆๆ” พูดจบแม่งก็เดิน
ลอยหน้าลอยตาไปหา (ว่าที่) สุดที่รักมัน ผมก็ได้แต่ส่ายหัวเบาๆ กวนให้ได้ตลอดน่ะ... แม่ง
เราเดินมาถึงห้องพักที่จองไว้ ไอ้หล่อติดเด็ก(ไอ้ภาค) กับเด็กถูกไอ้หล่อติด (น้องแพน) รับบทเป็นผู้เช็คอิน
โดยมีผม ไอ้ไม้ กับอ๋อมนั่งรอกันอยู่ด้านหน้า แม้ในตอนแรกอ๋อมพยายามจะไปช่วยไอ้ภาค แต่ก็ถูกไอ้หล่อแต่กวนตีน
แม่งดักทางไว้ก่อน ด้วยประโยคที่ว่า พร้อมกับรอยยิ้มหวานพิมพ์ คือไม่เข้าใจมึงจะหวานไปถึงไหนครับ
“ไม่ต้องหรอกอ๋อม ปล่อยให้ไอ้พวกตัวตั้งตัวตีไอ้ทำงานรับใช้พวกเราบ้าง พวกเราอุตส่าห์มาเป็นเพื่อนให้แล้วทั้งที”
“แต่อ๋อมอยากช่วย ... เดี๋ยวเราไปกับภาคก็ได้ให้ น้องแพนรออยู่นี่เถอะ ท่าจะเหนื่อยแล้ว” ไอ้ภาคหันไปมองน้อง
ด้วยสายตาที่เป็นคำถามว่า .. เหนื่อยมั้ยครับที่รัก? หึหึ ตาแม่งเลี่ยนโคตรๆ อ่ะ ไอ้ตัวเล็กก็น่ารักดี ตอบมาอย่างรู้ใจ
“ไม่เป็นไร แพนยังไม่เหนื่อยเลย แล้วพี่อ๋อมเป็นผู้หญิงด้วยอ่ะ . นั่งรอตรงนี้ดีกว่านะครับ เดี๋ยวแพนไปกับภาคเอง”
ไอ้ตัวเล็กยิ้มกลับมา แล้วอ๋อมก็ยิ้มเจื่อนๆ กลับไป สายตามองไปที่ไอ้ภาคอย่างอาลัยอาวรณ์ แต่ไอ้หล่อสิ แม่ง...
มันแต่ยิ้มให้เด็กตัวเองจนตาแทบปิด ยกมือขึ้นโอบไหล่แล้วลากเด็กไปด้วยกัน อ๋อมยังมองตามด้วยสีหน้าเศร้าๆ
ระบายลมหายใจออกมาเล็กน้อย อย่างคนผิดหวัง ผมเบนสายตาไปมองอีกคนที่คาดว่าคงอยู่ในอารมณ์ไม่ต่าง
มันมองมาที่อ๋อมแล้วยิ้ม ดึงความสนใจอ๋อมด้วยการพูดคุยกัน
“อ๋อมครับหิวน้ำอะไรมั้ย? เดี๋ยวไม้ไปซื้อให้ ” ไอ้หล่อสุดกวน เอ่ยเซอร์วิสสาว ผมก็แอบอมยิ้ม เวลามันอ้อนมันก็น่ารัก
อย่างนี้แหล่ะ เสียอย่างเดียว.... คงไม่มีทางที่มันจะมาอ้อนผม อ๋อมยิ้มตอบพยักหน้าน้อยๆ
“น้ำมะพร้าวปั่นสักแก้วก็ดีจ๊ะ ขอบใจไม้มากนะ” อ๋อมหันมายิ้มพิมพ์ใจ ส่วนไอ้ไม้วิ่งหางสะบัดไปที่ร้านน้ำด้านข้างแล้ว
“ต้นเป็นไรรึเปล่า เราเห็นเงียบมาตั้งแต่ขึ้นเรือแล้ว” อ๋อมหันมาให้ความสนใจผม ผมก็ยกยิ้มๆ ส่ายหน้าน้อยๆ
“ป่าวหรอกอ๋อม เรากำลังอินกับบรรยากาศน่ะ มันทั้งสดชื่นทั้งเหงาบอกไม่ถูก ถึงว่าคนอกหักชอบมาทะเล” ผมว่าขำๆ
ซึ่งดูอ๋อมก็ขำตามไปด้วย
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกนะเราว่า คนมีความรัก เค้าก็อยากมาทะเลกันไม่ใช่เหรอ?” อ๋อมว่ายิ้มๆ โชว์เขี้ยวน่ารักๆ
ที่ไอ้ไม้ชอบเอาไปเพ้อให้ผมฟังเวลาเห็นรอยยิ้มอ๋อมบ่อยๆ จะบอกว่า.... น่ารักจริงๆ ครับ
“ฮ่าๆ ก็คงงั้น แล้วอ๋อมอ่ะ ... อยู่ในอารมณ์ไหน” ผมหันไปถามด้วยความสนใจ
“ไม่รู้สินะ .... อาจจะทั้งรัก ทั้งอกหักไปในตัวมั้ง คิกๆ ” อ๋อมขำเบาๆ
“อ๋อม บางครั้งถ้าทางที่เราจะไปต่อมันเป็นทางตัน... ก็ลองเลือกไปทางเบี่ยงบ้างก็ได้นะ” ผมหันไปเตือนอ๋อมด้วยความหวังดี
“แต่ถ้าทางนั้น.... มันยังพอจะเห็นวี่แววว่าพอจะไปได้อยู่หล่ะ ต้นจะให้เราหยุดแล้วไปเลือกทางอื่นอยู่รึเปล่า”
“มันก็คงจะดีถ้าทางที่ว่ามันจะไม่ทำร้ายใครนะอ๋อม”
“อ๋อมก็ไม่เคยคิดจะทำร้ายใครนี่ เพียงแต่อ๋อมรู้ว่าทางที่ถูกที่ควรมันรออยู่ต่างหากหล่ะ ทางที่ยังไงที่ใครๆ
ก็ต้องเลือกเดินทางนี้ คนเรานะ....บางทีก็เดินหลงทางได้ไม่ใช่เหรอต้น บางครั้งเค้าก็แค่เดินหลงทาง และรอสักวัน
เค้าคงจะจำทางได้ และกลับมาเลือกทางที่ถูกเองน่ะแหล่ะ”
“ยังงั้นเหรอ”
“ขอบใจนะที่ต้นเป็นห่วง... ยังไงเราก็จะลองคิดดู”
“อืม” ผมเองก็ได้แต่เงียบหลังจากนั้น เพราะไอ้ไม้ที่กำลังวิ่งตรงมาด้วยสีหน้าดีใจ ทำให้เราจบบทสนทนาเรื่องนั้นไป
เรื่องที่ไม่รู้ว่ามันจะจบลงอย่างไร ก็ได้แต่ภาวนา.... ให้มันลงเอยอย่างสวยงาม