อ้อนนักรักซะดีแมะ 8/6/2555 : 12.45 น. ตอนจบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อ้อนนักรักซะดีแมะ 8/6/2555 : 12.45 น. ตอนจบ  (อ่าน 88689 ครั้ง)

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 16/5/2555
«ตอบ #60 เมื่อ17-05-2012 00:04:40 »




        ปืนหยิบอ่างใบเล็กใส่น้ำอุ่น เหยาะโคโลญจ์กลิ่นลาเวนเดอร์ที่ตัวเองชอบลงไป

แล้วคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กเนื้อนุ่มมาซับน้ำบิดจนหมาด ลูบไปตามใบหน้าของปอที่ยังหลับสนิท

เจ้าตัวทำเสียงอืออาเหมือนจะรำคาญที่โดนก่อกวนเวลานอนอันแสนสุข ปืนอดที่จะอมยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้

เนื้อตัวนอกร่มผ้าของปอได้รับการทำความสะอาดแต่เพียงเบา ๆ เกรงว่าคนที่กำลังหลับสบายจะตื่นขึ้นมาซะก่อน

   หน้าก็เช็ดแล้ว

   ซอกคอก็แล้ว

   แขนทั้งสองข้าง และ ฝ่ามือ กระทั่งนิ้วมือ ปืนก็เช็ดเบา ๆ ทีละนิ้ว ทีละนิ้ว

   ทีนี้ก็เหลือ....

   ไม่กล้าว่ะ

   เกิดปอตื่นขึ้นมาตอนที่เขากำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ไม่รู้จะร้องโวยวายเอาซะขนาดไหน

   .....................

   นอนทั้งอย่างนั้นแล้วกันนะปอ พี่ก็อยากทำให้อยู่หรอก แต่มือไม้มันสั่น ๆ น่ะ ควบคุมตัวเองไมได้เลย
 
ผิดพลาดพลั้งเผลอไป จะมองหน้ากันไม่ติด พี่ไม่อยากเป็นอย่างที่แล้วมา ที่เราไม่คุยกันต่างคนต่างหลบหน้า

จนบัดนี้พี่ก็ไม่แน่ใจว่าทำอะไรให้ปอขุ่นเคือง

   ใช่เหตุการณ์คืนนั้นหรือเปล่าหือ.....ปอ

   ………………

   คืนนี้อากาศค่อนข้างอบอ้าว ปืนคิดว่างั้นนะ หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายตัวเองซะหอมกรุ่นแล้ว

(ตัวเองยังอยากจะสะอาด ทีกับน้องกับนุ่งล่ะปล่อยให้มันดองเค็ม)

   เหลือบมองคนที่นอนแขนขาป่ายเปะปะไปทั่วเตียง ก็คงจะร้อนน่าดู เพราะชายเสื้อเลิกขึ้นมา

จนเห็นหน้าท้องขาวเนียนเรียบ ไรขนบาง ๆ สีอ่อนเป็นเงาซุกตัวอยู่ใต้ขอบกางเกง ชักนำสายตาให้มองต่ำลงไปได้อีก

....เฮ้อ!....ปืนถอนหายใจหนักหน่วง พยายามเปลี่ยนทิศทางของสายตาออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อสวัสดิภาพของตัวเอง

   ย้ายสายตาไปที่อื่นได้เดี๋ยวเดียว ก็อดที่ปรายตากลับมามองหน้าคนนอนหลับไม่ได้

   นานเหลือเกินแล้วที่ไม่ได้อยู่ข้าง ๆ กันอย่างนี้ ปอนึกสนุกอะไรขึ้นมาถึงได้หัดกินเหล้าก็ไม่รู้

นี่ถ้าพ่อกับแม่รู้เข้าจะว่ายังไง ที่ปืนไม่ดูแล ปล่อยให้ลูกเค้าทำตัวเหลวไหลแบบนี้ ทั้งที่รับปากกันไว้ซะดิบดี

สำหรับวัยรุ่นทั่ว ๆ ไปมันคงไม่แปลกที่จะสังสรรค์ด้วยเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ พอให้ครึกครื้นแต่สำหรับครอบครัวปอ

กลับเป็นเรื่องเสียหาย คงเป็นด้วยว่าปอยังอยู่ในวัยเรียน และป๊าของปอก็ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ขยันทำมาหากิน

เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกอยู่เสมอ

   เอาเถอะ นิด ๆ หน่อย ๆ คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง ปืนเองก็ไม่คิดจะให้ปอติดเหล้าซะหน่อยนี่นา

   ปอนอนกระสับกระส่ายน่าดู ขยับแขนขาอยู่ตลอด จนปืนต้องลุกขึ้นไปหยิบอ่างใส่น้ำมาเช็ดตัว

 ให้อีกรอบ

   เอาวะ....

   ปืนค่อย ๆ พลิกตัวปอทีละข้าง เช็ดตัวให้โดยไม่ต้องถอดเสื้อ แค่ฝ่ามือแตะเนื้อเนียน ๆ นุ่ม ๆของปอ

สติของปืนก็แทบกระเจิง สู้กัดฟันทำให้เสร็จ ๆ ไปจะได้นอนบ้าง

   ถึงท่อนล่างนี่ท่าจะลำบากหน่อย เพราะคงล้วงเข้าไปไม่ได้ ปืนแกะกระดุมกางเกงยีนส์ รูดซิปลง

จากนั้นค่อย ๆ รูดลงมาตามเรียวขา แค่เห็นผ้าชิ้นเล็กที่ห่อหุ้มปอน้อย ปืนก็ต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

แล้วผ่อนลมหายใจออกมาอย่างไม่เป็นจังหวะนัก ก่อนจะเอาผ้าหมาดเช็ดไปตามขาแข้งที่เรียวขาวของปอ

รู้ทั้งรู้ว่ามือของตัวเองมันสั่น ๆ แต่มาขนาดนี้แล้ว จะให้ทำไง ปอเองก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาโวยวาย

ก็เลยจัดการเช็ดตัวให้จนสำเร็จเสร็จสิ้น เขาใส่กางเกงผ้าฝ้ายเนื้อเบาให้ปอเป็นอันดับสุดท้าย

ครั้นจะปล่อยให้ขาขาว ๆ ล่อตาล่อใจก็กลัวจะระงับกิเลสตัณหาที่พลุ่งพล่านของตัวเองไม่ไหว

   กว่าจะได้ล้มตัวลงนอนก็ปาเข้าไปตีสามกว่า ๆ ดีว่าพรุ่งนี้ก็ยังเป็นวันหยุดงาน ไม่งั้นจะมีแรงลากสังขาร

หน้าตาสะโหลสะเหล ไปทำงานได้รึเปล่าก็ไม่รู้


   ไอ้การทำงานเกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ ของชาวบ้านนี่ก็เป็นภาระหนักหนาอยู่นะ

เวลาที่ปืนกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัด เพื่อนบ้านบางคนเคยพูดว่า โชคดีจังที่ได้จับเงินล้าน

ถึงจะไม่ใช่เงินเราก็เถอะ เพราะไม่ใช่ว่าจะได้เห็นเงินกองเป็นตั้งง่าย ๆ

   ปืนได้แต่ยิ้ม ทั้งที่อยากจะบอกเหลือเกินว่า มันเป็นทุกข์แสนสาหัสน่ะไม่ว่า ที่ต้องมารับผิดชอบเงินคนอื่น

 เกินก็เข้ากระเป๋าตัวเองไม่ได้ ต้องตั้งพักรอลูกค้ามาทวงถาม แต่ขาดขึ้นมาล่ะเดือดร้อนต้องชดใช้เอง

 (เพราะนึกไม่เคยออกว่า ของลูกค้ารายไหน) เพราะฉะนั้นเขาจะต้องมีสติสัมปชัญญะ

และสมาธิตลอดเวลาที่ทำงานกับเงิน ถ้ายังไม่อยากเข้าเนื้อ แต่กระนั้นก็ไม่วาย ได้ชดเงินที่ขาดเป็นครั้งคราว

ใครมันจะไปนึกออกว่าลูกค้ารายไหนให้เงินไม่ครบ หรือว่ารายไหนที่เราจ่ายเงินแถมไป 

(ใช่ ถ้ารู้มันก็คงไม่ขาดไม่เกินหรอกว้า)


   ปืนเป็นคนที่โบราณเรียกว่า ‘นอนไว’ เพราะแค่มีอะไรผิดปกติ อย่างเสียงดังแค่เพียงแว่ว ๆ

หรือ คนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ขยับเพียงนิดเดียว ปืนก็รู้สึกตัวตื่นทันที ยิ่งคนที่นอนร่วมเตียงเมื่อคืนนี้

เป็นคนที่ปืนเฝ้าห่วงหาอาวรณ์ ทั้งยามหลับยามตื่น เขาก็มีอันสะดุ้ง กลัวว่าปอจะเป็นอะไรไป

ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นอะไรมากมายเกินกว่าอาการปวดหัว อันสืบเนื่องมาจากเมาค้างหรอก

แต่เท่าที่จำได้เจ้านี่เวลาไม่สบายล่ะงอแงน่าดูเชียว สมัยที่มาเรียนกวดวิชาก่อนเอ็นทรานซ์

ปอเคยเป็นไข้ สาเหตุก็เพราะเดินตากฝนไปเรียน แล้วยังนั่งเรียนในห้องแอร์นานถึงสองขั่วโมงอีกด้วย

ไข้ไม่จับก็ให้มันรู้ไป

   หนนั้นปืนต้องวิ่งซื้อโจ๊กบ้าง ข้าวต้มบ้าง เพราะปอเจ็บคอกินอะไรไม่ได้เลย เป็นอย่างนี้อยู่สองวันกว่าไข้จะสร่าง

 ระหว่างนั้นปืนก็ลางานไม่ได้เสียด้วย เพราะพนักงานลาพักผ่อนไปคนนึง ถ้าปืนลาอีกก็คงเหลือคนทำงานน้อยลง

 เพื่อน ๆ คงจะเหนื่อยมากขึ้น เขาเองก็เกรงใจ เลยแค่ขออนุญาตผู้บังคับบัญชา เอารถของแบ็งก์ขับไปดูแลปอ

ที่อพาร์ทเมนท์เพื่อความสะดวกรวดเร็วตอนช่วงพักเที่ยง ตกเย็นก็ต้องรีบกลับมาด้วยความเป็นห่วง

   ดูท่าตอนนี้ก็ไม่น่าจะต่างกับตอนนั้น เพียงแต่คราวนี้ปวดเพราะอาการแฮงก์โอเวอร์ไม่ใช่เพราะตากฝน

เสียงครางโอดโอยของปอดังแผ่ว ๆอยู่ข้างหู เหลือบไปดูถึงได้เห็นว่าปอนอนซุกตัวอยู่ข้าง ๆ ไหล่เขานี่เอง

 หน้าตายู่ยี่เชียว....ก็ไม่เคยกินนี่น้าปอ เตือนแล้วก็ไม่ยอมฟัง

   ....ผมอยากลองกินนี่ ถึงได้ชวนพี่ปืนมาเป็นเพื่อนไง....อืม...ปืนยังจำได้

   “พี่ปืน ปวดหัวอ่ะ”

   ปอยกมือขึ้นกุมหัว ปลายนิ้วขยุ้มผมเพื่อบรรเทาอาการปวดตุบ ๆ

   “ลุกไหวมั้ย”

   หน้ายู่ยี่ส่ายไปมา

   “ยังกับจะระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ เลยอ่ะ”

   เสียงก็ยิ่งแผ่วหวิวเข้าไปอีก บอกให้รู้ว่าอาการปวดคงมิใช่น้อยเลย สำหรับคนไม่เคยลิ้มรสแอลกอฮอล์

   “นอนเฉย ๆ ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพี่มา”

   ปืนลุกขึ้นจากเตียง ตรงดิ่งไปที่เคาน์เตอร์ น้ำต้มไว้ตั้งแต่เมื่อคืนยังร้อนจัดอยู่ในกระติก

เพราะพออุณหภูมิลดลงมันก็ต้มใหม่ ปกติปืนไม่เคยเสียบปลั๊กค้างไว้อย่างนี้ให้กินไฟเปล่า

เพราะไม่เคยอุตริลุกขึ้นมาหาอะไรร้อน ๆ ดื่มตอนดึก ๆ แต่คราวนี้ถือเป็นเหตุฉุกเฉิน

เผื่อปอลุกขึ้นมาเขาจะได้ชงอะไรให้ดื่มแก้อาการเมาค้าง

   ทั้งที่ตายังปิด แต่ปอก็จิบน้ำอะไรบางอย่างในถ้วยกระเบื้องที่ปืนนำมาจ่อที่ปาก แล้วก็ทำหน้าเบ้

   “แหยะ ขมอ่ะ”

   ปอไม่ค่อยจะดื่มกาแฟ สำหรับปอ มันก็แค่เครื่องดื่มหวาน ๆ เย็น ๆ แก้กระหาย ไม่ได้เป็นคนติดกาแฟอย่างปืน

 พอมาเจอกาแฟแก่จัด ไม่มีความหวานเจือปนก็เลยบ่นเป็นธรรมดา

   “นี่แหละ จะได้สร่างเมา”

   “จะอ้วกแทนอ่ะดิ”

   “วิ่งเข้าห้องน้ำให้ทันแล้วกัน อย่ามาอ้วกรดที่นอน”

   ปืนหัวเราะหึ ๆ ไม่ต้องบนที่นอนหรอก แค่ลองอ้วกใส่ห้องสิ เป็นอยู่ไม่ติดล่ะคราวนี้ กว่ากลิ่นอ้วกของคนเมาจะจาง

 คงต้องเปิดประตูหน้าประตูหลัง ระบายอากาศกันทั้งวันแน่ ๆ

   ปอขยับยิ้มนิดนึงแล้วก็กลับนิ่วหน้า เพราะอาการบีบรัดที่ขมับ พาให้ระบมไปทั้งหัว

   “เดี๋ยวกินอะไรซักนิดแล้วกินยานอนนะ รอหน่อยแล้วกัน พี่จะ   รีบไปรีบมา”

   คนเมาค้างเผลอพยักหน้ารับคำ ก็เลยร้องโอยออกมาให้ปืนได้ขำอย่างเอ็นดูก่อนจะไปทำธุระส่วนตัว

 แล้วจะได้รีบไปซื้ออะไรอุ่น ๆ มารองท้องให้ปอได้กินยาแก้ปวดหัว

   เกือบเที่ยงปอถึงตื่นเต็มตา หลังจากที่กินข้าวกินยา และได้นอนเต็มอิ่ม แต่หน้าใส ๆ ของปอก็ยังดูเซียว ๆ

   “เข็ดจนตายเลยอ่ะพี่ปืน”

   ปอลุกขึ้นนั่งเท้าศอกสองข้างลงบนเข่า สองมือเสยผมดำสลวยที่ยาวเคลียไหล่ปัดไปให้พ้นใบหน้า

 ปืนผละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังเปิดเมล์ของที่ทำงานเพื่ออ่านข่าวสารของแบ็งก์ หันมามองปอ

   “จะถอนหน่อยมั้ย”

   “ถอนอะไรครับ”

   ปืนหัวเราะหึ ๆ รู้ว่าปอไม่ค่อยเข้าใจภาษาคนกินเหล้านัก

   “ก็กินเข้าไปอีกซักแก้วไง เค้าเรียกถอน อาการจะได้ดีขึ้น”

   ปอทำหน้าเหวอ โบกไม้โบกมือพัลวัน

   “ไม่เอาแล้ว เลิกเด็ดขาด ไม่รู้กินกันเข้าไปได้ยังไง”

   “ให้มันจริงนะ ทีหลังก็อย่ามาชวนพี่แล้วกัน”

   “ไม่เกี่ยวกันนี่ ผมบอกว่าไม่กินเหล้า ไม่ได้บอกว่าไม่ไปเที่ยวผับซะหน่อย”

   อ้าว ! ไอ้นี่ชักจะเจ้าเล่ห์ใหญ่แล้ว

   “อย่าให้ถึงกับติดเที่ยวก็แล้วกัน แม่กับป๊าจะว่าพี่ไม่ดูแลน้อง”

   “ผมโตแล้วน่าพี่ปืน ไม่ต้องมาดูแลยังกับผมเป็นเด็กมัธยมก็ได้”

   ปอทำหน้างอ ที่ดูยังไงก็ยังเป็นเด็กสำหรับปืนอยู่ดี

   “เอ้า! ถ้าไม่ใช่เด็กแล้วก็ลุกขึ้นไปอาบแต่งตัว เดี๋ยวจะได้ไปกินข้าวกัน”

   ปืนเดินมาที่เตียง เก็บผ้าห่มพับให้เรียบร้อยไว้ที่ปลายเตียง ตบหมอนสองใบให้ฟู เป็นเชิงไล่ให้คนนอนตื่นสาย

ขยับตัวไปทำอย่างที่บอก

   ก่อนหน้านี้ปืนมีหมอนหนุนแค่ใบเดียว กับหมอนข้างอีกใบ นั่นก็พอแล้วสำหรับคนโสดที่อยู่ตามลำพังอย่างเขา

 แต่นับจากที่ปอมาค้างกับเขาครั้งแรก ก่อนเดินทางไปเรียนต่อที่กรุงเทพ ปืนก็จัดหาเครื่องนอนอีกชุดหนึ่ง

ทั้งหมอนหนุน หมอนข้างและผ้าห่ม ไว้สำหรับปอ แล้วก็ไม่เคยเก็บ ยังคงวางเคียงคู่กันไว้บนเตียง

ราวกับปอไม่เคยจากไปไหน เขาไม่รู้ว่าทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไร รู้แค่ว่ามันอุ่นอกอุ่นใจบอกไม่ถูก

แม้ว่ามันจะเหมือนเป็นการสร้างเงาของปอไว้หลอกตัวเอง แต่เมื่อคืนนี้ปืนก็ดีใจว่าอย่างน้อย

เงานั้นก็เป็นจริงขึ้นมาได้แค่คืนหนึ่งก็ยังดี

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 16/5/2555
«ตอบ #61 เมื่อ17-05-2012 00:09:40 »



     กว่าอาหารที่อยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มวัยกำลังกินกำลังนอนจะหมดลงได้ ปืนก็ต้องเคี่ยวเข็ญซะแทบแย่

ออกจะผิดวิสัยไปหน่อยที่วันนี้ปอยอมกินสุกี้ ทั้งที่ปกติไม่เห็นจะชวนกิน

   “อยากกินอะไรน้ำ ๆ ร้อน ๆ”

   ข้อเสนอของปอตอนเลือกร้านอาหาร ทำให้ปืนนึกถึงเมนูนี้

   “ข้าวต้มไง”

   “เพิ่งจะกินเมื่อเช้าเอง ข้าวต้มอีกแล้วเหรอ”

   หน้าเซียว ๆ ของปอ ดูแขยงขยาดชื่ออาหารยังไงก็ไม่รู้

   “งั้นไปกินสุกี้กันมั้ย”

   ตัวเลือกนี้เป็นอันผ่าน ปืนรู้สึกว่าพักนี้ชักจะเดินเข้าห้างบ่อยกว่าเดิม ไม่ได้ช็อปป้ง ช็อปปิ้งอะไรหรอก

แค่เข้ามากินอาหารเท่านั้นแหละ แล้วก็ไม่ใช่ว่าปืนกินอาหารข้างทางไม่เป็น แต่ในห้างมันมีทุกอย่างครบวงจรนี่นา

เอามันตั้งแต่ตื่นเช้า ไปจนจะหลับตานอน ถ้าไม่คิดจะไปไหนเลยนั่งเล่นเดินเล่น ทั้งกินทั้งซื้อของ ก็หมดไปวันนึงแล้ว

ถ้าจะถามว่าปืนชอบกินอาหารนอกบ้านรึก็ไม่เลย  ปืนชอบนั่งกินอาหารในบ้านแบบสบาย ๆ เขาติดรสมือแม่ด้วยซ้ำไป

กินอะไรที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าอาหารที่แม่ทำให้กิน (ยกเว้นร้านอาเจ็กหมงนะ) แต่จะทำไงได้

ในเมื่อเขายังต้องเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ไปวัน ๆ แถมไม่มีรถขับ จะให้ตระเวณไปกินข้าวที่ไหนไกล ๆ คงไม่ไหว

นอกจากจะไม่สะดวกแล้ว ยังเจอกับคนขับรถรับจ้างที่ขูดรีด เรียกค่าเช่าเหมาแพงเกินเหตุเข้าไปอีก

   เอ....หรือว่าถึงเวลาที่เขาควรจะมีบ้านสักหลัง ไม่ต้องใหญ่โต เพราะมันคงจะอ้างว้างเกินไป

เอาแค่ห้องนอนสักสองห้องเผื่อแขกไปใครมา มีห้องเอนกประสงค์ทั้งนั่งเล่น ทั้งรับแขก

ห้องครัวเล็ก ๆ พอที่จะประกอบอาหารง่าย ๆ กินกันสองคน (กับปอ)

คงไม่ต้องถึงกับโขลกเครื่องแกง ขูดมะพร้าวมาคั้นน้ำกะทิ แค่จะทำแกงเพียงแค่ถ้วยเดียวหรอก

   แล้วความคิดนั้นก็ถูกถ่ายทอดออกมา เมื่อเดินผ่านชั้นเครื่องนอน ที่เต็มไปด้วยที่นอน หมอน ผ้าห่ม

วางเรียงรายคละสีคละลายกันอย่างน่าดู ซึ่งตอนนี้ปืนก็เดินเลี้ยวเข้าไปเลือกผ้าปูที่นอนโดยมีปอเดินตามมาติด ๆ

   “พี่ว่าจะซื้อบ้าน”

   ปืนยังไม่ละสายตาจากผ้าปูที่นอนสีฟ้าเหลือบเทา ที่กำลังคลี่ออกมาดูลวดลาย สีสัน

   “ฮื่อ ก็ดีนี่ครับ”

   “ไปดูกันมั้ย ลูกค้าที่แบ็งก์เค้ากำลังเริ่มโครงการใหม่ น่าสนใจ ราคาก็ไม่แพง”

   “แล้วแต่พี่ปืนสิครับ ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ แม่เคยบอก”

   “พี่จะชวนปอไปอยู่ด้วยกัน ก็ต้องไปเลือกด้วยกันสิ”

   ปอทำหน้าแปลกใจ แล้วรีบถาม

   “ไปอยู่ยังไง เดี๋ยวพี่ปืนมีครอบครัว ผมก็ไปเป็นส่วนเกินอ่ะดิ”

   “แล้วตอนนี้มีรึป่าวล่ะ พี่ไม่คิดจะซื้อหรอกนะ ถ้าต้องอยู่คนเดียวน่ะ”

   แต่ในใจปืนอยากจะตอบเหลือเกินว่า....ถ้าได้อยู่กับปอตลอดไป เขาก็ไม่สนใจที่จะมีหรอกครอบครัวที่ปอพูดถึงน่ะ

   “ไม่เห็นจะเกี่ยวกับผมซักหน่อย พี่ปืนซื้อบ้านก็เตรียมสร้างครอบครัวของตัวเองไปดิ เดี๋ยวผมก็จะเอ็นฯใหม่แล้ว

ถ้าได้ก็จะไปอยู่หอพักของมอ”

   “ให้มันได้ก่อนเหอะน่า แล้วค่อยมาว่า”

   “ก็นั่นแหละ แล้วพี่ปืนก็ต้องอยู่คนเดียว ผมไปอยู่ด้วยซะที่ไหน”

   ....อย่าพูดจาอะไรแข็งขันอย่างนั้นสิปอ พี่ฟังแล้วใจหายยังไงไม่รู้ ใจคอจะทิ้งกันไปจริง ๆอ่ะ....

   “ไปดูด้วยกันก่อนแล้วกันนะ พรุ่งนี้เลย”

   “ก็ได้ ผมไปเป็นเพื่อนพี่ปืนแล้วกันครับ”

   ให้มันได้อย่างนี้สิปอ ถ้าถูกใจปอ พี่ปืนจะยอมกู้แบ็งก์ผ่อนบ้านซัก 20 ปี จะทำให้บ้านเป็นวิมานของเราให้ได้

....เฮ้อ.....ฝันไปรึป่าววะปืนเอ๊ย



   วันต่อมาปืนก็ชวนปอไปดูบ้านหลังที่ว่า โครงการบ้านจัดสรรแห่งนี้เป็นของลูกค้าที่เพิ่งจะขอวงเงินสินเชื่อกับแบ็งก์

ในการทำโครงการชุดนี้ ซึ่งก่อนหน้านั้นเจ้าของโครงการก็เดินบัญชีอย่างสม่ำเสมอ เรียกว่าเป็นลูกค้าที่มีเครดิตอยู่ในเกณฑ์ดี

 ที่แบ็งก์ปล่อยสินเชื่อให้ได้โดยไม่ต้องกังวล แถมปืนยังมีความคุ้นเคยเป็นพิเศษเสียอีก ถึงกับเอ่ยปากว่า

 ถ้าเขาต้องการจะซื้อบ้าน จะได้ลดราคาเป็นพิเศษ

   โครงการนี้มีบ้าน 3 ชุด ชุดแรกอยู่ด้านหน้าหมู่บ้านติดถนนใหญ่ เป็นอาคารพาณิชย์ ซึ่งไม่อยู่ในความสนใจของปืนเลย

 ชุดที่สองเป็นทาวน์เฮ้าส์บ้านแฝดชั้นเดียวบนเนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา อันนี้น่าสน ราคาก็ไม่แพงเกินไป

ส่วนพื้นที่ว่างด้านข้าง ปืนชอบว่าจะได้ปลูกต้นไม้ได้บ้าง เขาเองก็เบื่อห้องเช่า พื้นที่จำกัดที่มองไปทางไหน

ก็เห็นแต่ฝาผนังเต็มที เสียอย่างเดียวที่ด้านหนึ่งจะต้องอาศัยฝาผนังร่วมกับบ้านอีกหลังที่อยู่ติดกัน

   ส่วนบ้านเดี่ยวบนเนื้อที่ 100 ตารางวานั้นปืนชอบที่สุด ขนาดก็ไม่ใหญ่เกินไป สร้างเกือบจะตรงกลางของที่ดิน

ทำให้ห่างจากบ้านที่อยู่ติดกันอย่างไม่ต้องกลัวว่าจะทนรำคาญเสียงรบกวน (ถ้ามี) ที่สำคัญ หมดห่วงเรื่องไฟไหม้บ้าน

 บ้านใครไม่ระวังก็โดนไปคนเดียว ไม่ต้องเดือดร้อนบ้านอื่น

   แต่ราคา....เฮ้อ!

   เงินเก็บที่มีอยู่ดาวน์บ้านหลังนี้แล้วไม่เหลือเลยสักบาท ไอ้ที่คิดจะซื้อรถเล็ก ๆ สักคันเป็นอันพับไป

ถ้าจะเอาให้ได้จริง ๆ แต่ถ้าเลือกบ้านแฝด เขาก็ดาวน์รถได้อีกคัน ผ่อนทั้งรถ ผ่อนทั้งบ้าน

เงินเดือนก็ยังใช้ได้สบาย ๆไม่ตึงตัว

   “พี่ปืนชอบแบบไหนครับ”

   “พี่อยากได้บ้านเดี่ยว ไม่วุ่นวายดี”

   “เหมือนกันเลย ผมว่าราคามันสูงเหมือนกันนะครับ พี่ปืนจะไหวเหรอ แล้วหมู่บ้านชานเมืองแบบนี้

ถ้าไม่มีรถส่วนตัว พี่ปืนไปทำงานลำบากแน่ ๆเลย ไหนจะต้องออกไปขึ้นรถหน้าหมู่บ้าน

ไปถึงถนนใหญ่แล้วก็ใช่ว่าจะหารถโดยสารได้ง่าย ๆ”

   “นั่นสิ ทีแรกยังไม่ได้คิดหรอกเรื่องการเดินทางน่ะ แต่พอมาเห็นจริง ๆ แล้ว สงสัยพี่ต้องเอากลับไปคิดเป็นการบ้านซะแล้ว”

   ปืนมองบ้านหลังที่ชอบอย่างอาลัยอาวรณ์ อยากได้ก็อยาก แต่เรื่องการเดินทางก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ยิ่งที่ทำงานของเขา

ก็ไม่ใช่ใกล้ๆ จากหมู่บ้านถ้าขึ้นรถโดยสารคงใช้เวลาไม่ต่ำครึ่งชั่วโมง นี่ยังไม่นับเวลาที่จะต้องมายืนรอรถนะ

แล้วถ้าวันฝนตก....โฮ้ย!! ทำไมไอ้การจะมีบ้านสักหลังมันถึงได้ลำบากยากเย็นนักนะ

   แต่เอาเถอะ....ใคร ๆ เค้ายังมีบ้านเป็นของตัวเองกันได้นี่นา

   สองมือสองเท้าเท่ากัน จะมายอมสิ้นท่าหมดหนทางแบบนี้ได้ยังไง

   กำลังเดินดูบ้านตัวอย่าง ปืนก็เหลือบไปเห็นรถยนต์คันที่ดูคุ้นตา แต่คนที่ก้าวลงมาจากประตูด้านคนขับยิ่งคุ้นตากว่า

   “พี่เอกแน่ะพี่ปืน”

   เออ...รู้แล้ว ปืนหันไปมองหน้าปอเป็นเชิงรับคำว่าเห็นเหมือนกัน

   พี่เอกเดินรี่ตรงเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม   

          ทำไมต้องเป็นเวลานี้ด้วยวะ....ปืนเข่นเขี้ยวด้วยความหมั่นไส้ในใจ

          เขาไม่เคยไว้ใจพี่เอกอีกเลย ตั้งแต่วันที่กลับจากอบรมสาขาเขตสามจังหวัด

แม้แต่วันที่ไปฉลองวันเกิดแฟนพี่เอกคืนนั้น ปืนก็ไม่สนิทใจอยู่ดี

ไม่รู้ล่ะ ก็เขาเป็นห่วงปอนี่นา ทั้งห่วงทั้งหวง บอกไม่ถูก   
         
               นั่น....ดูมัน พี่เอกเหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าเขากับปอมาที่นี่ด้วยกัน ท่าทางที่เดินลงจากรถจึงดูมั่นใจนักหนา

   “หวัดดีครับพี่เอก”

   เป็นเจ้าปอที่มือไม้อ่อนยกขึ้นไหว้พี่เอกตามมารยาท

   “หวัดดีปอ มาดูบ้านกันเหรอปืน”

   ไม่หรอกมั้ง....ถามมาได้ ลูกกะตามีไว้ทำไมวะ

   “พอดีเลย พี่ก็สนใจบ้านที่นี่เหมือนกัน เจ้าของโครงการเค้าเป็นลูกค้าแบ็งก์เรานี่”

   “ครับ”

   ปืนตอบรับไปแกน ๆ....ก่อนที่ลูกค้ารายนี้จะมาขอวงเงินสินเชื่อที่สาขาของปืน ก็เข้าไปที่สาขาของพี่เอกก่อนนั่นแหละ

 แต่เจรจากันยังไงไม่รู้ลูกค้าถึงถอยกลับมาตั้งหลัก จนมีคนแนะนำให้มาพบผู้จัดการสาขาของปืน

สุดท้ายก็อนุมัติสินเชื่อให้ไป นี่ก็ร่วม 2 ปีแล้ว ตั้งแต่โครงการนี้ลงเฟสแรกและประสบความสำเร็จจนเริ่มเฟสที่สอง

ที่ปืนกำลังจะตัดสินใจซื้อ

   “เออ...ปืนสนิทกับเจ้าของโครงการรึป่าว”

   “ทำไมเหรอครับ”

   ปืนทำหน้าเซ่อ ทั้งที่รู้ว่าพี่เอกจะพูดอะไรต่อไป

   “เผื่อจะได้ราคาพิเศษไง”

   ว่าแล้วเชียว

   “ไม่สนิทหรอกพี่ ผมไม่ได้ทำสินเชื่อนี่ จะได้คุ้นเคยกัน”

   “แล้วพอจะมีใครพูดต่อรองราคาได้มั้ยล่ะ”

   กรูนี่แหละ....แต่เรื่องอะไรจะบอก เกิดพี่เอกซื้อบ้านโครงการนี้ขึ้นมาได้เซ็งตาย ปืนไม่อยากได้เพื่อนบ้านแบบนี้

 ยิ่งถ้ามีปอมาอยู่ด้วย ยิ่งอันตราย

   “เต้ยไม่มาด้วยเหรอครับพี่เอก”

   ปืนถามถึงแฟนพี่เอก เผื่อจะเตือนสติได้บ้าง หากพี่เอกมีพิรุธในใจ จะได้ฉุกคิดว่าปืนรู้ทัน

   “วันนี้มีสอนน่ะ แต่ปอคงไม่ได้เรียนกับเต้ยแล้วมั้ง ถึงได้มาดูบ้านแทนที่จะเข้าเรียน”

   “ยังเรียนอยู่ครับ แต่วันนี้พี่เต้ยสอนม.ต้น ส่วนของผมเป็นคอร์สติว เรียนตอนเย็นทุกวันเลยครับ”

   “อ้อ...งั้นเหรอ พี่ก็ลืมไปว่าปอกำลังรอเอ็นฯใหม่”

   “แล้วปืนดูหมดทุกแบบรึยัง”

   “ไม่หมดหรอกครับพี่เอก ผมเลือกดูที่ชอบจริง ๆ น่ะ”

   “หลังไหนเหรอ พี่อ่ะชอบบ้านเดี่ยว แต่เนื้อที่มันน้อยไปหน่อย”

   “ก็ซื้อมันสองแปลงติดกันเลยสิครับ จะได้กว้าง ๆ”

   ประชดแม่งเลย....อวดร่ำอวดรวยดีนัก แปลงนึงตั้ง 100 ตารางวา ยังว่าน้อย ราคามันก็ใกล้สามล้านเข้าไปแล้ว

สองแปลงมันจะเป็นเท่าไหร่เข้าไปล่ะ แค่แปลงเดียวปืนก็หืดขึ้นคอแล้ว

   เป็นอันว่าโครงการซื้อบ้านก็พับไป ด้วยความหวาดระแวงของปืนเองที่คิดว่า พี่เอกอยากใกล้ชิดปอ

ทั้งที่รู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อยเลย ทั้งแบบบ้านก็ถุกใจ ราคาก็พอสู้ไหว เสียนิดเดียวที่อยู่ไกลตัวเมืองไปหน่อย

อยากจะสะดวกปืนก็ต้องซื้อรถอีกคัน แต่คิดดูแล้วก็คงพอไหว ถ้ายังไงกลับไปบ้านขอเงินแม่มาสมทบก็คงได้

   ไม่เป็นไร ดวงสร้างเนื้อสร้างตัวคงยังมาไม่ถึง ปืนบอกตัวเองให้รอไปก่อนก็ได้

ดีเสียอีก เงินที่แม่ก็เก็บไว้กินดอกไปพลาง ๆ แต่ก็น่าเสียดายนะ แค่คน ๆ เดียวทำให้เราต้องเปลี่ยนความคิด

เปลี่ยนความตั้งใจเนี่ย นึกอยากจะสาปแช่งแต่ก็กลัวจะผูกเวรผูกกรรมกันไปถึงชาติไหน ๆ



   หลายวันถัดมา ปืนก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่เอก ถามถึงเรื่องบ้านทำเอาปืนงง

   “ตกลงปืนจะเลือกหลังไหน พี่ว่าจะไปดูอีกทีเย็นนี้ ปืนว่างมั้ยจะได้ไปด้วยกัน”

   “ผมยังไม่ตัดสินใจหรอกครับพี่เอก อาจจะยังไม่ซื้อ”

   “อ้าว! ทำไมล่ะ พี่นึกว่าปืนชอบนะ”

   น้ำเสียงดูจะผิดหวังกับคำตอบของปืน

   “ก็ชอบน่ะสิครับ แต่ว่า...”

   “ชอบก็ไปด้วยกันเย็นนี้เลย ไปจองไว้ก่อน จะได้เลือกที่สวย ๆ”

   “แต่ผม...”

   “เอางี้ เลิกงานแล้วพี่ไปรับที่สาขานะ”

   “เดี๋ยวครับ ผม....”

   พี่เอกวางหูไปแล้ว ปืนวางโทรศัพท์ลงกับแป้น ยังรู้สึกงงเหมือนถูกฆ้อนทุบหัวอยู่เลย

บทพี่แกจะรวบรัดตัดความก็สรุปเอาเองดื้อ ๆ นี่คิดจะรวบหัวรวบหางปอให้ได้ใช่มั้ยพี่เอก....อย่าหวังเลยวะ

ต่อให้อยากได้บ้านโครงการนั้นแค่ไหน แต่ปืนก็เห็นแก่สวัสดิภาพของปอมากกว่า

เพราะมันหมายถึงสวัสดิภาพของหัวใจตัวเองด้วย แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะต้องมานั่งรอให้พี่เอกมารับด้วยล่ะ

รีบชิ่งดีกว่า ให้มันรู้ไปว่าจะตามไปถึงที่บ้าน

   แต่ทว่าปืนคิดผิด

   เพราะพี่เอกตามมาถึงอพาร์ทเมนท์ของปืนจริง ๆ ด้วย คนอะไรจะมุ่งมั่นได้ถึงขนาดนี้

   “พี่รีบออกจากที่ทำงานเลยนะ กลัวปืนจะรอนาน ที่ไหนได้ หนีกลับบ้านซะนี่”

   พี่เอกยังพูดไปยิ้มไป ไม่ยักโกรธ ทั้งที่น่าจะรู้ตัวว่าปืนตั้งใจหนีหน้า

   “ผมขอโทษนะครับพี่เอก พอดีผมไม่ค่อยสบาย เลยกลับมาก่อน”

   “ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าพี่รู้ว่าปืนไม่สบาย พี่จะได้รีบไปรับมาส่งบ้าน ไม่ใช่ว่าจะคะยั้นคะยอให้ไปวันนี้ซักหน่อยนี่นา”

   ลงอีรูปนี้ปืนก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้ ก็พี่เอกออกจะแสดงน้ำใจเสียจนปืนไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธออกไปตรง ๆ

   “แล้วนี่เป็นอะไรมากรึเปล่า พี่พาไปหาหมอมั้ย”

   ไม่พูดเปล่า พี่เอกยังเอื้อมมือมาอังที่หน้าผากปืนซะงั้น....เขาบอกตอนไหนว่าเป็นไข้ตัวร้อนเนี่ย

   “ผมแค่ปวดหัวน่ะครับ คงจะเครียดเรื่องงานไปหน่อย”

   ไปได้น้ำขุ่น ๆนะ ปวดหัวตัวไม่ร้อนก็มีนี่หว่า ไหน ๆ ริจะโกหกก็ต้องไถลไปให้ตลอดแหละ

   “กินยารึยัง”

   ความอาทรที่แฝงมากับคำพูดสั้น ๆ ทำให้ปืนอดไม่ได้ที่จะต้องช้อนตาขึ้นมอง

ใบหน้าพี่เอกแทบจะปะทะกับใบหน้าของปืนเข้าพอดี จนปืนต้องผงะออกมา

   “ครับ ๆ กะ....กินแล้ว”

   “งั้นก็พักผ่อนแล้วกันพี่ไม่กวนล่ะ พรุ่งนี้ถ้ายังไม่ดีขึ้น พี่ว่าปืนลาป่วยดีกว่านะ เครียด ๆแล้วยังไปทำงานทุกวัน

มันจะยิ่งสะสม”

   เออ...รู้หรอกวะ ว่าไม่สบายเค้าให้ลาป่วยได้ ก็ธนาคารเดียวกัน มันก็ระเบียบอันเดียวกันน่ะแหละ



   รุ่งขึ้นอีกวัน พี่เอกยังอุตส่าห์โทรมาตามตื๊อปืนด้วยเรื่องเดิม

   “หายดีแล้วเหรอปืน”
               
   “ครับพี่เอก กินยาแล้วนอนพักก็หาย”

   “งั้นไปดูบ้านกันนะ เดี๋ยวพี่ไปรับ”

   “ผมอ่า....”

   “รอแป็บนึง พี่กำลังสตาร์ทรถ เดี๋ยวคงถึงก่อนปืนเลิกงานนั่นแหละ อย่าหนีกลับบ้านไปซะก่อนล่ะ เดี๋ยวปอจะไม่มีเพื่อน”

   “หา....พี่เอกว่าไงนะ....พี่เอก...พี่...”

   นั่น....ทิ้งปริศนาไว้แล้ววางสาย มันน่ายันไปซักดอกให้หายหมั่นไส้ พี่เอกหมายความว่ายังไงที่ว่า

เดี๋ยวปอจะไม่มีเพื่อนเนี่ย

   แต่ปืนไม่ต้องรอนานเลย ที่พี่เอกบอกว่ารอแป็บนึงก็เป็นอย่างที่บอกจริง ๆ ยังกับว่าตอนที่โทรศัพท์คุยกัน

พี่เอกอยู่ห่างจากนี่ไม่ถึงสิบนาที

   ...ไม่ถึงสิบนาที....

   ....ปอจะไม่มีเพื่อน....

   เฮ้ย!! อย่าบอกนะว่า ตอนที่คุยกัน พี่เอกอยู่ที่สปอร์ตคลับ ปืนเริ่มใจไม่ดี เพราะเขารู้ว่าวันนี้ปอจะไปว่ายน้ำที่นั่น

   แล้วคำตอบก็เดินผ่านประตูเข้ามา ไม่ต้องให้ปืนได้สงสัยต่อไป พี่เอกคงไปรับปอที่สปอร์ตคลับ

แล้วยังใช้สิทธิ์ของการเป็นพนักงานขอให้ รปภ.เปิดประตูผ่านเข้ามาได้อย่างสบาย ๆ

 โดยมีอีกสองคนที่เดินตามมาติด ๆ

   “เสร็จรึยังปืน”

   พี่เอกถามปืน หลังจากเดินทักทายใครต่อใครอีกสี่ห้าคนที่รู้จักกัน เพราะว่าได้เคยร่วมงานกันมาบ้าง

บางคนก็เคยเจอเวลาที่ไปอบรมหลักสูตรต่าง ๆร่วมกัน

   “อีกนิดหน่อยครับ”

   คำตอบที่ไม่ตรงกับใจหลุดออกไปโดยไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นแม้แต่น้อย นี่กระมังที่เค้าเรียกว่าตกกระไดพลอยโจน

ปืนมองตามหลังพี่เอกที่เดินเข้าห้องผู้จัดการด้วยสายอาฆาต หันมาอีกทีก็สบตาปอเข้าอย่างจัง

เพราะเจ้าของหน้าใสปากแดงนั่นกำลังจ้องปืนอยู่ด้วยสายตาที่บอกว่าไม่เข้าใจ

....ปืนคงไม่คิดจะเฉลยกับปอหรอก ดีไม่ดี จะกลายเป็นการชี้โพรงให้กระรอกไปซะ

..ไม่ต้องรู้หรอกปอ แต่พี่ปืนจะไม่ยอมให้ปอต้องกลายเป็นของเล่นของพี่เอกแน่ ๆ

   เสร็จจากการตรวจนับเงินสดในมือส่งให้ผู้รักษาเงิน ปืนก็เดินพิรี้พิไร เก็บงานส่วนอื่น ๆ

จนไม่รู้จะถ่วงเวลาด้วยการทำงานอะไรดี ดูเหมือนเพื่อนร่วมงานจะรวมหัวกันขับไล่ไสส่งปืนให้รีบออกไปพร้อมกับพี่เอก

ทั้ง ๆที่พี่แกก็ช่างมีน้ำอดน้ำทนรอได้โดยไม่ปริปากบ่นหรือออกปากเร่งปืนเลยแม้แต่นิดเดียว

   “พี่เค้ารอนานแล้วแน่ะปืน”

   พี่ก้อย พี่เลี้ยงสมัยเริ่มงานของปืนสะกิดสีข้าง พร้อมกับกระซิบเบา ๆ ก็มีแค่พี่ก้อยแหละ ที่ปืนทั้งรักทั้งเกรงใจ

เพราะว่าทักษะในการทำงานของปืนก็มีพี่ก้อยเป็นคนถ่ายทอดให้ เมื่อแกเตือนมาปืนก็ต้องฟัง....ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ก้อยนะ

ปืนไม่สนหรอกจะบอกให้

   เดินมาถึงที่รถได้ พี่เอกก็จัดแจงหาตำแหน่งที่นั่งให้ทุกคน ปืนได้แต่อ้าปากหวอกับคำเชื้อเชิญที่ไม่ถามความสมัครใจสัก

นิด.....แต่ก็นะ....ตั้งแต่ถูกชวนกึ่งบังคับให้ไปดูบ้าน (ที่ปืนไม่อยากได้แล้ว) พี่เอกก็มีวิธีที่ทำให้ใคร ๆ ต้องยอมทำตาม

โดยที่โต้แย้งไม่ทันอยู่แล้ว

   “ปอนั่งกับพี่เต้ยเค้าก็แล้วกัน เค้าจะได้ช่วยติวให้ด้วย ได้ยินว่าพรุ่งนี้จะมีสอบย่อยไม่ใช่เหรอ

ปืนมานั่งข้างหน้ากับพี่นี่มา”

   เส้นทางจากที่ทำงานของปืนไกลจากจุดหมายปลายทางกันคนละฟากเมืองเลยทีเดียว

แต่เป็นเพราะว่ามีถนนเลี่ยงเมืองช่วยร่นระยะทาง และแก้ปัญหาการจราจรคับคั่งในชั่วโมงเร่งด่วนยามเย็นไปได้มาก

แทนที่จะเสียเวลาถึงครึ่งชั่วโมงไปกับป้อมไฟจราจรตลอดเส้นทาง ก็เลยใช้เวลาแค่เพียงสิบห้านาทีก็ถึง

ถ้าปืนต้องขึ้นรถโดยสารน่ะเหรอ คงใช้เวลาอยู่บนรถเกือบชั่วโมงเลยมั้ง นอกจากว่าจะเรียมอเตอร์ไซค์รับจ้าง

ให้ไปส่งถึงที่ในราคาเหมาจ่ายที่แพงซะจนไม่อยากจ่าย

   เต้ยดูจะชอบบ้านตัวอย่างที่พี่เอกพามาดูมาก เดินดูเสียจนทั่วรอบแล้วรอบเล่า เดินไปก็วาดภาพไปว่า

มุมนี้จะจัดเป็นห้องรับแขก มุมโน้นนั่งเล่น  ห้องนอนใหญ่สีครีม ห้องนอนเล็กสีชมพู แต่คนที่คอยเออออห่อหมก

กลับไม่ใช่พี่เอก กลายเป็นเจ้าปอของปืนไปเสียได้ ปืนเลยได้โอกาสเก็บข้อมูลความฝันของปอมิให้ตกหล่น

เผื่อว่ามีโอกาสได้ซื้อบ้านเป็นของตัวเอง (ซึ่งคงไม่ใช่โครงการนี้แน่) เขาจะตกแต่งให้ถูกใจปอไปเสียมุมเลยคอยดู

   “เป็นไงปืน พี่ว่าเราเลือกมุมด้านในก็ดีนะ ไม่พลุกพล่าน แล้วด้านนั้นก็ติดกับพื้นที่ว่างสุดเขตโครงการพอดี

ได้ยินว่าเจ้าของโครงการเค้าจะปล่อยให้เป็นพื้นที่ว่างไปอีกนาน ยังไงก็คงไม่ปลูกบ้านเพิ่มตรงนั้นอยู่แล้ว

เพราะเป็นที่ดินชายธง ทำได้อย่างดีก็สวนหย่อมไม่ก็สนามเด็กเล่นปืนจะเอาหลังริมรึว่าถัดเข้ามาล่ะ”

   “แล้วแต่พี่เอกเถอะ ผมยังไงก็ได้”

   เพราะปืนจะไม่เอาบ้านโครงการนี้อยู่แล้ว แล้วยังไม่คิดจะบอกพี่เอกอีกด้วย ก็ทำไมล่ะ จะเสียเงินซื้อบ้านทั้งที

ก็ต้องเลือกจนถูกใจนั่นแหละ เพราะราคามันไม่ใช่บาทสองบาท

   แต่นี่อะไรยังไม่ทันได้จองเลยด้วยซ้ำ ปืนก็ชักไม่ชอบขี้หน้าเพื่อนบ้านซะแล้ว เรื่องอะไรจะเสียเงินซื้อ

แล้วยังต้องคอยหวาดระแวงจนหมดความสุขไปด้วยเล่า

mamaUM

  • บุคคลทั่วไป
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 16/5/2555
«ตอบ #62 เมื่อ17-05-2012 00:10:18 »

เห้อออ  ชอบพี่ปืนจัง ...

รออ่านตอนต่อไปนะคะ ><

ออฟไลน์ posh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 16/5/2555
«ตอบ #63 เมื่อ17-05-2012 00:34:33 »

พี่เอกเล็งพี่ปืนชัวร์

ออฟไลน์ Na_RimKLonG

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 16/5/2555
«ตอบ #64 เมื่อ17-05-2012 02:14:51 »

หรือพี่เอกจะจีบพี่ปืน
เอ๊ะยังไง

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 16/5/2555
«ตอบ #65 เมื่อ17-05-2012 11:09:46 »

พี่เอกนี่ยังงัยกันแน่ :really2:

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 16/5/2555
«ตอบ #66 เมื่อ17-05-2012 11:51:26 »

พี่เอกแปลกๆ ทำไมต้องอยากให้ปืนไปดูบ้านขนาดนั้น
ตกลงชอบปอหรือปืนกันแน่
แต่ก็ดูรักเต้ยดีอยู่นี่
ปอก็ดูว่าไม่ให้ความหวังปืน แต่ก็ไว้ใจ ไปนอนด้วยทั้งเมาๆ

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 16/5/2555
«ตอบ #67 เมื่อ17-05-2012 12:14:24 »

พี่เอกนี่ชักยังไงๆ
 :o
ตัวเองก็มีเมียอยู่แล้วนิ
มาก้อร่อก้อติกพี่ปืนอยู่นั่นแหละ
แถมพี่ปืนก็ไม่รู้ตัวอีก ซื่อเกินมั้ยพี่ปืนเอ๊ย
มัวแต่ห่วงน้องมัน ตัวเองแหละที่ไม่ปลอดภัย
 :freeze:

ออฟไลน์ luv_khun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 16/5/2555
«ตอบ #68 เมื่อ17-05-2012 16:40:40 »

เคยอ่านอีกบอร์ดมาเหมือนกัน  นานมากกกกแล้ว จนจำเรื่องไม่ค่อยได้  คุ้นๆชื่อเรื่อง  แต่จำชื่อคนแต่งได้ Noo

ดีใจที่เอามาลงที่นี่อีก  ขอบคุณนะ :L2:

takkie

  • บุคคลทั่วไป
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 16/5/2555
«ตอบ #69 เมื่อ17-05-2012 18:10:34 »

ขอบคุณครับคุณนู

เห็นคนที่เข้ามาอ่านแล้ว ผมก็ปลื้มแทน

นึกว่ามีแค่ผมที่อยากอ่าน

จะติดตามพี่ปืนกับน้องปอที่นี่นะครับ


 :กอด1:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 16/5/2555
« ตอบ #69 เมื่อ: 17-05-2012 18:10:34 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 16/5/2555
«ตอบ #70 เมื่อ17-05-2012 19:11:09 »

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยนะปืน มัวแต่ห่วงปอๆอยู่นั่น หึ หึ หึ ห่วงตัวเองเทอะ

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 18/5/2555
«ตอบ #71 เมื่อ18-05-2012 00:25:25 »




ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ

คุณ mamaUM > อย่าเพิ่งใจอ่อนกับปืนนะ ที่จริงอ่ะมันร้าย

คุณ posh คุณ Na_RimKLonG คุณ CarToonMiZa คุณ $VAN$ คุณ choijiin > คอนิยายแน่เลย อ่านปุ๊บเดาได้ปั๊บ มีแต่ปืนแหละที่มันยังโง่อยู่ 555 จะโดนงาบแล้วยังไม่รู้ตัวอีก

ครับคุณ luv_khun > นานมากกกกก จนผมก็ลืมนึกถึงคนที่เคยอ่านค้างไว้ที่โน่น ไม่นึกว่ายังมีคนจำได้ ดีใจจังครับ

 คุณ takkie > เป็นคนชวนผมมานี่แท้ ๆ ทำไมมาช้ากว่าใครเค้าล่ะ

yayee2 >   :กอด1:  พี่ยาหยี



ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ อ่านต่อเลยครับ














     ปอรีบตื่นแต่เช้าทั้งที่เป็นวันเสาร์ เพื่อจะขนตะกร้าผ้าที่ใช้แล้วขึ้นไปซักที่ห้องของปืนเช่นทุกเสาร์

ที่ผ่านมานับแต่แยกห้องออกมาอยู่ตามลำพัง  แต่วันนี้เช้ากว่าปกติหน่อย เพราะนัดกันไว้ว่าจะไปดูหนังรอบเช้า

จากนั้นค่อยไปกินข้าวเที่ยงกันต่อ  อิ่มแล้วก็จะไปเดินย่อยอาหารซื้อของใช้เข้าบ้าน

      วันนี้ปอถลกผ้าปูที่นอนกับปลอกหมอนมาซักเสียด้วย เพราะดองมาทั้งอาทิตย์แล้ว

ทั้งที่ปกติ ทุกวันพุธจะเป็นวันที่จะต้องทำความสะอาดของพวกนี้

แต่เพราะปอมัวแต่คร่ำเคร่งกับการสอบวัดผลการเรียนรู้ของโรงเรียนกวดวิชา

ทำให้งานหลาย ๆ อย่างถูกพักไว้ และเอาเวลามาทบทวนความรู้แทน

ซึ่งก็ได้ผลดี เพราะพี่เต้ยบอกว่าคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ของเขาสูงเป็นที่สองของกลุ่ม

ส่วนที่หนึ่งก็ได้เจ้าประจำที่เคยได้ไปหนที่แล้ว (มันเก่งขนาดนี้แล้วมันจะมาเรียนพิเศษเพื่อ)

     
      ห้องของปืนอยู่เหนือขึ้นไปอีกชั้น ปอก็เลยเดินขึ้นบันไดเอา ถือเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งในยามเช้า

จะว่าไปแล้วไม่ว่าเวลาไหน ปอก็เดินขึ้นบันไดทุกที เพราะมันก็แค่ชั้นเดียวเองไม่รู้จะใช้ลิฟท์ไปทำไม
 
      เคาะประตูห้องพอเป็นพิธีแล้วปอก็เสียบการ์ดปลดล็อก การ์ดนี้ปืนให้ไว้นานแล้ว

ตั้งแต่ครั้งที่มาเรียนพิเศษเตรียมเอ็นฯ ให้ไว้เผื่อปอจะมาซักผ้ารีดผ้าทั้งของตัวเองและของปืน

แล้วปอก็อุ๊บอิ๊บไว้ไม่เคยคืน ปืนเองก็ไม่เคยทวงถาม

     ประตูเปิดออกเห็นห้องรับแขกโล่ง ๆ ที่เจ้าของเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ แต่ตัวเองกลับเข้าไปอาบน้ำผิวปากเป็นเพลง

ไปพร้อม ๆ กัน

 (ฟังยังไงก็ไม่เห็นจะเป็นเพลง ถ้าเป็นเสียงนกเสียงกาล่ะว่าไม่ถูก )

      ปอเดินไปยัดผ้าที่หิ้วมาเข้าตู้ซัก แล้วเดินไปหยิบตะกร้าผ้าของปืนมาซักรวมกัน

ผงซักฟอกยี่ห้อไหน ๆ ที่โฆษณาว่าสะอาดหมดจด พลังซักสูง ขจัดคราบสกปรกได้ชะงัดนัก

ปอกับปืนลองกันมาไม่รู้จักกี่ยี่ห้อ สุดท้ายก็มาลงเอยที่น้ำยาซักผ้าสินค้าขายตรงยี่ห้อหนึ่ง

      นึกถึงวันที่ตกลงกันเรื่องน้ำยาซักผ้าแล้วปอก็ยังรู้สึกขำเล็ก ๆ

      “แพงโคตรอ่ะปอ”

      “ก็ผมแพ้ผงซักฟอกหนิพี่ปืน”

      ปอยื่นมือสองข้างที่เต็มไปด้วยขุยของผิวหนังที่ลอกเป็นแผ่น ๆ อย่างน่ากลัวให้ปืนดู

เห็นแล้วปืนก็ทำสีหน้าว่าสงสารปอ คว้ามือที่เคยขาวนุ่มนิ่มมาลูบไล้เบา ๆ

      “พี่ซักเองก็ได้ ปอไม่ต้องทำดีมั้ย”

      “ไม่เอ๊า...”

      ปอตอบกลับมาด้วยโทนเสียงสูงกว่าปกติ เมื่อปืนเอ่ยปากที่จะทำงานนั้นซะเอง

เพราะทนเห็นอาการแพ้ผงซักฟอกของปอไม่ได้ ทั้งที่ปืนเองก็ใช่ว่าจะชอบซักผ้า

      “พี่ปืนทำงานเหนื่อยแล้ว ยังจะให้มาซักผ้าได้ไง ผมอ่ะไม่มีอะไรทำอยู่แล้วนอกจากไปเรียนวันละไม่กี่ชั่วโมง

ผมทำได้ ผมอยากทำให้พี่ปืนด้วย....ใช้น้ำยาเหอะ....นะ ราคามันสูงแต่ไม่แพงนะขวดนึงใช้ได้ตั้งนาน

.....ไม่รู้จะขี้เหนียวไปถึงไหน”

      ประโยคหลังเสียงอุบอิบเบาหายลงไปในลำคอ ไม่ได้ตั้งใจจะให้ปืนได้ยิน

      “จะขี้เหนียวไปไหน ถ้าไม่ใช่เพราะจะเก็บตังค์ซื้อบ้านน่ะ”

      ปืนตอบกลับมาเสียงนุ่ม อ่อนโยนซะจนปอต้องเงยหน้าขึ้นมองให้แน่ใจว่า ปืนไม่ได้โกรธที่เขา

เผลอพูดถึงนิสัยช่างประหยัดมัธยัสถ์ของปืน (ที่เรียกสั้น ๆ ว่าขี้เหนียว)

      “งั้นผมออกค่าน้ำยาซักผ้าเองก็ได้ ไม่อยากรบกวนพี่ปืนมากไปกว่านี้ แค่ที่พี่ปืนให้มาใช้เครื่องซักผ้าที่ห้อง

ผมก็สะดวกสบายมากพอแล้ว ผมแพ้ผงซักฟอกเอง พี่ปืนก็ไม่ควรต้องมาเดือดร้อนไปด้วย”

     ด้วยประโยคเด็ดนี้ทีเดียว ที่ทำให้ปืนตัดใจซื้อน้ำยาซักผ้าขวดละหลายร้อยเพื่อรักษาสภาพผิวหนัง

และฝ่ามือของปอไม่ให้ลอกเป็นขุย....นี่ก็เพิ่งขวดที่สองเอง บอกแล้วว่ามันใช้ได้ตั้งนาน

      ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับเสียงผิวปากหยุดชะงักลง

      “อ้าว! มานานรึยังปอ”

      ปอละสายตาจากตู้ซักผ้าที่ตัวเองกำลังแยกผ้าขาวและผ้าสีอ่อนลงซักก่อน
         
      “ตะกี้เองครับ พี่ปืนกินไรรึยัง”

      “ชงกาแฟเผื่อพี่แล้วกัน”

      ปืนเดินเข้าห้องนอน เสียงเปิดตู้เสื้อผ้าดังอยู่หลังบานประตูที่ไม่ได้ปิด

      “งั้นเดี๋ยวผมลงไปซื้อปาท่องโก๋ข้างล่างก่อนนะ”

      ปอตะโกนบอกก่อนจะวิ่งตึง ๆ ลงลิฟท์มาหน้าอพาร์ทเมนท์ที่มีของกินวางขายไม่มาก

แต่ก็พอมีของชอบให้เลือกซื้อ

      คำพูดคุยอย่างสนิทสนมง่าย ๆ สบาย ๆ ระหว่างเขากับปืนกลับมาเหมือนเก่า

ความประดักประเดิดค่อย ๆ หายไป  อาจจะเป็นเพราะต่างคนต่างก็ต้องการให้เป็นแบบนี้

แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ปอเองเด็กกว่าปืนก็ไม่ค่อยกล้าที่จะเป็นฝ่ายเริ่มต้น แต่ก็รอทีท่าอยู่ตลอดเวลาว่า

เมื่อไหร่ที่ปืนก้าวเข้ามาแค่เพียงครึ่งก้าว   เขาก็พร้อมจะกระโดดออกไปทั้งตัว


      เขาเคยฝังความรู้สึกของตัวเองอยู่กับความไม่แน่ใจ ที่ก่อตัวขึ้นมาในคืนบนรถไฟ 

ปอยอมรับกับตัวเองได้อย่างเต็มใจว่า เขารู้สึกอบอุ่นที่มีปืนเคียงข้างในทุกเวลาที่เขาเรียกหา

และคิดตลอดมาว่า นั่นเพราะเขาอยากมีพี่ชายสักคนอย่างที่เคยเห็นเพื่อนในวัยเด็กมีกัน

พี่ชายที่คอยดูแล ช่วยเหลือ ปกป้อง และเป็นเพื่อนเล่น

ความเงียบเหงาในวัยเด็กไม่ได้ทำร้ายปอมากนัก เขายอมรับได้กับการที่ต้องเป็นลูกคนเดียว

ที่ไม่เคยขาดความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่...ก็แค่ไม่มีพี่ชาย ปอเคยปลอบใจตัวเองว่า

ไม่มีพี่มีน้องก็ดีไปอย่าง ที่จะไม่มีใครมาแย่งความรักส่วนนี้ไป ยิ่งเวลาที่เห็นพี่น้องคนอื่นแย่งของเล่นกัน

ปอก็คิดว่าดีเหมือนกันที่เขาไม่มีใครมาคอยแย่ง

      ยิ่งใกล้ชิดกับปืน ปอก็ยิ่งติด พอเวลาห่างกัน ปอก็ยิ่งคิดถึง แต่ก็บอกตัวเองว่า

คงเป็นเพราะเขาคุ้นเคยกับการมีปืนอยู่ใกล้ ๆ คอยช่วยเหลือ ดูแลทุกอย่าง จะคิดจะทำอะไรก็ไม่เคว้งคว้าง

อะไรที่มันกลายเป็นความเคยชิน พอขาดไปมันก็ต้องมีความรู้สึกโหยหาเป็นธรรมดา

ยิ่งช่วงที่ปอเรียนอยู่กรุงเทพยิ่งแล้วใหญ่ เขาคิดถึงปืนบ่อย ๆ และพยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคม

เพื่อนฝูงและสิ่งแวดล้อมใหม่ให้ได้ การที่ปอมีเนยช่วยให้เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวมากนัก

เพราะถึงยังไงก็เป็นคนที่คุ้นเคย พอที่จะพูดคุยปรับทุกข์กันได้ แต่ก็ยังไม่วายเกิดปัญหาขึ้นมาอีก


      ตอนที่ปอคิดว่าเขากำลังจะปรับตัวเข้ากับใครต่อใครได้ เนยก็กลับมาตีจากอย่างกะทันหัน

ชนิดที่ปอเองนอกจากตั้งตัวไม่ทันแล้ว ยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนที่กำลังคบหาเป็นแฟนกัน

แต่ในที่สุดเขาก็รู้ว่าเหตุผลที่เนยบอกเขามันเป็นเพียงแค่ข้ออ้างของเนยเพื่อที่จะปัดความผิดให้พ้นตัว

กว่าที่ปอจะยืนหยัดได้อย่างมั่นเท้าอีกครั้ง ก็ใช้เวลาไม่น้อย

และถ้าไม่มีพี่ปืนเขาอาจจะใช้เวลาในการฟื้นตัวมากกว่านี้ก็เป็นได้

      จนวันนี้ปอยอมรับได้อย่างเต็มหัวใจแล้วว่า เขาอยากมีพี่ปืนเคียงข้างอย่างนี้เรื่อยไป

ปืนเองก็คงจะคิดเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์บนรถไฟคืนนั้นคงไม่เกิดขึ้น

เหตุการณ์ที่ทำให้ปอเริ่มหวั่นไหวด้วยอารมณ์อ่อนหวานที่กรุ่นขึ้นมาในหัวใจ

แค่ลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดแก้มยังมีอิทธิพลกับปอได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เพียงแต่คืนนั้น เขายังตกใจ หวั่นกลัวกับอารมณ์ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

และปอเองก็ไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับเขาได้ อารมณ์นั้นช่างแปลกนักในความรู้สึก

มันแปลกและน่าตกใจเสียจนปอต้องขอเวลาทบทวนมันสักกระยะ ซึ่งตอนนี้ปอพร้อมแล้ว

สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่มันจะเป็นไป ปัญหาข้างหน้าที่มันยังไม่เกิด

ปอไม่อยากเก็บมาคิดให้จิตใจเศร้าหมองไปเปล่า ๆ แค่เริ่มคิดว่าป๊ากับแม่จะว่ายังไงบ้าง

ที่ลูกชายคนเดียวกลายมาเป็นแบบนี้ ปอก็เริ่มจะท้อใจซะแล้ว ดังนั้นตัดปัญหาที่ยังไม่เกิดออกไปซะ

เพราะตราบใดที่พี่ปืนยังอยู่เคียงข้างกันไม่หนีหายไปไหน ปอก็มีพลังใจล้นเหลือที่จะต่อสู่ฝ่าฟันไปด้วยกันกับพี่ปืนอยู่แล้ว


      ประตูปิดล็อกเมื่อปอกลับขึ้นมาบนห้อง เขาก็ว่าตัวเองไม่ได้กดล็อกนี่นา แต่ก็ไม่เป็นไร

เพราะการ์ดยังอยู่ในกระเป๋ากางเกง ปอรูดการ์ดเปิดประตูเข้าไปด้วยความคุ้นเคยราวกับเป็นเจ้าของห้องคนหนึ่ง

แล้วเดินไปวางของไว้บนโต๊ะรับแขกที่มีถ้วยกาแฟที่เขาชงทิ้งไว้วางอยู่ก่อนแล้ว

ประตูห้องนอนยังปิดอยู่ ไม่รู้ว่าพี่ปืนมัวแต่ทำอะไร จนกาแฟเย็นชืดหมดแล้ว เขาลงไปข้างล่างไม่นานนัก

และปืนก็ไม่น่าจะใช้เวลาแต่งตัวนานขนาดนี้.....จะแต่งหล่อไปไหน ยังไม่ได้จะออกไปกันตอนนี้ซะหน่อย

อย่างเร็วที่สุดก็ต้องซักผ้าให้เสร็จก่อน แล้วปอยังต้องลงไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องของตัวเองอีก

      ปอส่ายหน้าน้อย ๆ หยิบถ้วยกาแฟถ้วยเดิมไปเก็บ แล้วชงถ้วยใหม่มาวาง

ก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องเรียกปืนให้ออกมา

      “พี่ปืน”

      เคาะประตูได้สองก๊อก ปอก็ถือวิสาสะเปิดเข้าไปโดยไม่รอคำขานรับ
   
     แต่ภาพที่ปอเห็นกลับเป็นอะไรที่ไม่คุ้นเลยและไม่เคยเห็นมาก่อน

     ปืนไม่ได้กำลังแต่งตัว ไม่ได้แม้แต่จะเลือกอะไรมาสวมใส่ซักชิ้น ประตูตู้เสื้อผ้าบานคู่ยังเปิดค้าง

แต่คนที่เขาเห็นว่านุ่งผ้าเช็ดตัวก่อนที่เขาจะลงไปข้างล่าง ตอนนี้ผ้าชิ้นนั้นหลุดไปกองบนพื้นหน้าเตียง

มีเพียงร่างเปลือยเปล่าที่ถูกทาบทับด้วยใครอีกคนที่ยังสวมเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย และพร้อมจะปลดให้หลุดออกไป

จากร่างกายได้ทุกเวลา ทั้งคู่กำลังนัวเนียอยู่บนเตียงกลางห้องนอนกว้างของปืน

      เตียงกว้างที่ปอเคยมานอนค้างเป็นบางครั้ง

      เตียงที่ปูผ้าสีฟ้านวล ที่ปอเลือกให้ด้วยตัวเองเมื่อตอนที่ไปซื้อของเข้าบ้านครั้งสุดท้าย

แต่ตอนนี้ผ้าปูนอนผืนนั้นยับยู่ดูไม่ได้ เพราะสองร่างที่กำลังก่ายเกยกันบนเตียงนั้น


ปืนกำลังผละออกจากร่างใหญ่ที่กดทับเขาอยู่ข้างบน ในขณะที่ปอน้ำตากลบตาไปแล้ว

เท้าทั้งสองกำลังก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว

ได้ยินเสียงเรียกชื่อปอแว่ว ๆ อยู่ข้างหลังสองสามครั้งก่อนจะเงียบไป

เมื่อปอกระแทกประตูห้องปิดดังปัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-05-2012 00:31:52 โดย ์NOO »

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 18/5/2555
«ตอบ #72 เมื่อ18-05-2012 00:33:25 »




 จะว่าเป็นโชคหรือเคราะห์ก็เหลือจะเดา เพราะมันจบไม่สวย ดีไม่ดีอาจจะมองหน้าปืนไม่ติดอีกต่อไป

ส่วนไอ้เด็กนั่นก็ช่างเถอะ นักเรียนของเจ้าเต้ย ไม่เกี่ยวอะไรกับเอกอยู่แล้ว หนุ่มใหญ่ท่าทางสุขุม

ที่ตอนนี้มีรอยฟกช้ำประทับอยู่บนข้างแก้มและมุมปาก ยกมือขึ้นลูบตรงนั้นเบา ๆ แล้วก็ต้องสูดปาก

เพราะมันระบม....เห็นนิ่ง ๆ ไม่รู้นะเนี่ยว่าต่อยก็เป็น แต่ก็ดี

เหมือนได้กินแกงไตปลาเวลาที่รู้สึกเบื่ออาหารยังไงยังงั้นเลย

(แกงไตปลา เป็นอาหารประจำถิ่นใต้ มีเครื่องในปลาเป็นส่วนประกอบหลัก เมื่อนำมาปรุงอาหาร

ต้องใช้เครื่องแกงผสมเครื่องเทศให้มีรสเผ็ดร้อน มีรสเค็มนำ รับประทานเป็นกับข้าว

หรือ เป็นน้ำแกงขนมจีนก็อร่อย รับประทานกับผักสดหลาย ๆชนิด)

      ความจริงก็ตั้งใจจะมาชวนปืนไปดูบ้านที่จองไว้ด้วยกัน หลังที่เขาจองไว้มีความคืบหน้าไปบ้างแล้ว

แต่ของปืนยังไม่ถึงไหนเลย เขาก็แค่อยากจะมารับไปดูบ้าน เพราะปืนไม่มีรถไปเอง อาจจะไม่สะดวก

อีกหน่อยก็จะเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว ความสนิทสนมที่มีอยู่เดิมจะได้แน่นแฟ้นเข้าไปอีก

      เขาเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองใจร้อนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ก็เลยทำให้เสียเรื่อง จากนี้ไปคงต้องทิ้งระยะไว้สักหน่อย

กว่าที่จะพูดคุยกันได้เหมือนเดิม ตัวเขาเองน่ะไม่เป็นไร โดนแค่นี้เจ็บน้อยกว่ามดกัดซะอีก กลัวแต่ว่าปืนจะไม่ชอบใจ

พาลเกลียดน้ำหน้าจนไม่ยอมพูดด้วยแล้วเขาจะทำยังไง เขาเล็งของเขาไว้ตั้งนาน

ตั้งแต่ตอนที่ไปอบรมหลักสูตรระบบงานใหม่ที่กรุงเทพพร้อมกัน บังเอิญปืนพักอยู่ห้องเดียวกับเพื่อนที่เอกสนิทด้วย

ก็เลยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดระยะเวลาของการอบรม นิสัยใจคอของปืนเป็นที่ถูกใจของเอกมาก

ลักษณะเป็นคนใจกว้าง พูดคุยสบาย ๆ อารมณ์ดี ถึงจะไม่ใช่คนขี้เล่น แต่ก็พอจะมีอารมณ์ขัน

ได้ใกล้ชิด พูดคุยกันทุกวัน เอกไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย ไม่เหมือนคู่รักที่เอกเคยคบหาด้วย ที่หลังจากเสร็จกิจแล้ว

แทบอยากจะสลัดให้ห่างกาย แม้แต่เต้ยคนที่นอนร่วมเตียงคนปัจจุบันก็ไม่ใช่กรณียกเว้น

เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น หมดอารมณ์ใคร่ ก็พลอยหมดอารมณ์รัก

หมดอารมณ์ที่จะคลอเคลียนัวเนียไปด้วย

      ตอนที่เอกมาถึงอพาร์ทเมนท์ เห็นปอเดินออกไปทางร้านค้า ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเขาตั้งใจจะมาหาอีกคน

เลยไม่สนใจจะทัก พอขึ้นไปถึงห้องของปืน เอกกำลังจะเคาะประตูอยู่แล้วเชียวแต่พอลองจับลูกบิดประตู

ก็พบว่ามันเปิดออกได้อย่างง่ายดาย เอกก็เลยถือวิสาสะเดินเข้าไปถึงห้องนอน ซึ่งมองจากทางเข้า

ก็เห็นบานประตูห้องนอนแง้มอยู่ อะไรบางอย่างดลใจให้เอกก้าวเข้าไปเงียบ ๆ

แล้วสายตาของเขาพลันได้เห็นเรือนร่างกำยำแข็งแกร่งของชายหนุ่มผู้เป็นเป้าหมาย

ร่างสูงใหญ่ผิวสีน้ำตาลจางกระตุกหัวใจของหนุ่มใหญ่อย่างเอกให้เต้นผิดจังหวะ มัดกล้ามแน่น ๆ

กับแผงอกแต้มสีน้ำตาลแดงจัดเป็นตุ่มไตสองข้าง กระชากอารมณ์ของเอกให้กระเจิดกระเจิง

ริมฝีปากแห้งผากจนต้องใช้ปลายลิ้นออกมาแตะเลียให้ชื้น

มองต่ำลงมาถึงช่วงล่าง เอกยิ่งรู้สึกถึงกระแสเลือดในกายวิ่งพล่านไปรวมอยู่ตรงจุดเดียวกัน

จนไม่สามารถบังคับปฏิกิริยาของมันได้

ไม่ทันได้คิดยับยั้งชั่งใจเอกก็ได้ทำตามอารมณ์ปรารถนาของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว


      ผลที่ได้ถึงมันจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและปืนชะงักงันไปเล็กน้อย

แต่เอกก็อดที่จะอมยิ้มให้กับสิ่งที่เขากระทำลงไปไม่ได้

อย่างน้อยเขาก็ได้เห็นเรือนร่างแข็งแกร่งสมบูรณ์ยามที่ไร้อาภรณ์ปิดบัง

จำได้ติดตาทีเดียวว่ามันยั่วยวนหัวใจเพียงใด

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้กอดปืนแบบเต็มอ้อมแขน ได้จูบฟอนเฟ้นไปตามเนื้อตัวของปืน

แม้จะพียงแค่ชั่วอึดใจเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้เอกเกิดความมุ่งมั่นจะคว้าปืนมานอนแนบข้างให้ได้สักวัน


      **************************************************************

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 18/5/2555
«ตอบ #73 เมื่อ18-05-2012 00:37:53 »

     หลังจากผลักไอ้คนที่นอนทับเขาออกห่างได้แล้ว

ปืนก็ลืมตัวเกือบจะกระโจนออกจากห้องทั้ง ๆ เปลือยกายอย่างนั้น จำได้ว่าเขาตะโกนเรียกปอเสียสุดเสียง

แต่ผลที่ได้ก็คือ ไอ้หน้าด้านคนนั้น กลับกอดรัดเขาจากด้านหลัง แล้วผลักให้ลงไปนอนคว่ำหน้าบนเตียงเหมือนเดิม

ยังไม่ทันที่มันจะล้มตัวตามลงมา ปืนก็พลิกตัวนอนหงายงอเข่าดีดผึงออกไปสุดแรง แต่ก็พลาด

มันกลับเบี่ยงตัวไปด้านข้างทัน

....ไวชิบ!

      คราวนี้ถือโอกาสที่มันไม่ทันตั้งตัว ปืนดีดตัวลุกขึ้นกำหมัดชกออกไปเต็มแรง หนนี้ได้ผล

ไอ้พี่เอกหน้าหัน เลือดออกซิบ ๆ ที่มุมปาก แต่มือของปืนก็ออกจะเจ็บ ๆ อยู่เหมือนกัน

คนอะไรวะ ชกซะหน้าหันยังมาแสยะยิ้มให้อีก

      “ทำบ้าอะไรเนี่ยพี่เอก”

      ปืนตวาดออกไปสุดเสียง ทั้งตกใจที่โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งโมโหที่ปอวิ่งหนีไป โดยที่เข้าใจอะไรผิด ๆ

ก็เพราะไอ้พี่เอกคนเดียว แล้วดูมันซิ ยังจะมาทำหน้าเป็นยืนจ้องอย่างไม่เกรงใจเจ้าของห้องอีก

ปืนรีบคว้าผ้าขนหนูที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมานุ่งอย่างลวก ๆ ก่อนที่จะสึกหรอไปมากกว่านี้

      “ไม่บ้านะ ก็พี่....”

      พี่เอกหน้าสลดลงจนเห็นได้ชัด จากที่เมื่อกี้ยังทำตาวาว ๆ อยู่เลย

      “ไม่บ้าอะไรได้ พุ่งเข้ามาฟัดผมเนี่ย ไม่เรียกว่าบ้าแล้วจะเรียกว่าอะไร”

      “เรียกว่ารักไง ทำไม....พี่รักปืนนี่มันบ้านักเหรอ แล้วที่พี่ทำน่ะเค้าเรียกกอดไม่ใช่ฟัด”

      เออ....รู้หรอกว่ากอด แต่ไอ้ที่ผลักลงไปคว่ำหน้าบนเตียง แล้วคลุกซะผ้าปูยับย่นน่ะ มันเกินกว่ากอดไปเยอะแล้ว

แต่ไอ้ที่มาบอกว่ารักทำเอาปืนสะดุดใจอยู่ไม่น้อย ทั้ง ๆที่มีเต้ยอยู่ทั้งคน ยังมีหน้ามาบอกว่ารักเขาได้เต็มปาก

เคยได้ยินกิตติศัพท์ของพี่เอกมาจากคนอื่นว่าพี่เอกเจ้าชู้อย่างร้าย

เจอเข้ากับตัวเองวันนี้ปืนว่าพี่เอกร้ายกว่าที่เขาคิดเสียอีก

      “หมัดหนักเหมือนกันนะเราน่ะ”

      ปืนลูบข้อนิ้วมือของตัวเอง รู้สึกถึงอาการปวดระบมไม่น้อยเลย

      “อีกซักหมัดมั้ยล่ะ”

      “เปลี่ยนเป็น.....”

      เห็นสลดอยู่เมื่อกี้ยังจะยื่นหน้ามาทำปากจู๋ใส่อีก ปืนก็เลยสวนหมัดลอย ๆ ออกไป เผื่อจะโดนเฉี่ยว ๆ มั่งก็ยังดี

ที่ไม่ทำน่ะไม่ใช่ว่ามีใจให้หรอกนะ แต่ปืนยังเจ็บมืออยู่ต่างหาก ไม่ใช่นักมวยนี่หว่า จะได้ทนทานต่อแรงกระแทก

      “ปอ”

      ปืนพึมพำ เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า คนที่วิ่งออกไป ป่านนี้จะเตลิดไปถึงไหน แล้วพกเอาอารมณ์ชนิดไหนไปด้วย

เรียกก็ไม่หยุด เขาเกือบจะวิ่งตามไปแล้วดีที่นึกได้ว่าไม่มีผ้าติดตัวสักชิ้น ไม่งั้นผู้คนได้แตกตื่นกันทั้งฟลอร์แน่

      ปืนรีบสวมเสื้อผ้าเท่าที่จะคว้าได้ หันไปดูพี่เอกก็ยังนั่งที่ปลายเตียง ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนซะงั้น

หมั่นไส้ก็หมั่นไส้ มันน่าใส่อีกสักตุ้บสองตุ้บ แต่ไม่มีเวลาแล้ว เขาต้องไปตามหาปอก่อน

      “ผมยังมีเรื่องต้องคุยกับพี่อยู่นะ เรายังไม่จบกันแค่นี้หรอก”

      ปืนทิ้งท้ายไว้ก่อนจะออกมา



ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 18/5/2555
«ตอบ #74 เมื่อ18-05-2012 00:42:52 »

ปอไม่ได้กลับห้องของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกล

เพราะรู้ตัวเองว่าไม่พร้อมจะพบหน้าใครในตอนนี้

ดาดฟ้าของอพาร์ทเม้นทตอนสาย ๆ ไม่มีคนเลย ซึ่งปกติก็ไม่ค่อยจะมีใครขึ้นมาอยู่แล้ว

แต่ปอชอบมานั่งเล่นตอนค่ำ ๆ มองดูฟ้า ดูดาว ไม่มีจุดหมายอะไรในการมอง นอกจากปล่อยสมองให้ว่างเปล่า


      พื้นดาดฟ้าเป็นปูนซีเมนต์เรียบ ๆ มีถังเก็บน้ำถังใหญ่วางเรียงราย กำแพงทั้งสี่ด้านความสูงแค่เมตรเดียว

พื้นปูนบางแห่งมีตะไคร่น้ำเกาะเขียวพรึ่ด ไม่ค่อยน่าดู ไม่มีกระทั่งร่มเงาหลบแดด

นอกจากชายคาที่ยื่นออกมาจากบานประตูเหนือบันไดหนีไฟที่ปอเพิ่งจะปีนขึ้นมา

      ปอเคยใช้เป็นที่นั่งเล่นในยามที่ไม่รู้จะไปไหนช่วงที่เขาหลบหน้าปืน

บนนี้มีเก้าอี้ไม้เก่า ๆ อยู่สองตัว ตั้งเข้าหากัน

มีโต๊ะเหล็กใกล้ผุคั่นตรงกลาง วางอยู่ใต้ชายคาชิดผนัง

คงมีใครสักคน หรือสักคู่เคยมานั่งพูดคุย พักผ่อนกันตรงนี้ ยามที่ไม่อยากให้ใครรบกวน

      แดดไม่แรง อากาศไม่ค่อยร้อน อาจจะเพราะเพิ่งจะเป็นยามสาย

มุมนี้อยู่ด้านทิศใต้ ไม่ได้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกที่จะรับแดดเช้าตรง ๆ

ปอหันไปด้านตะวันออกที่เป็นภูเขา ที่บ้านของเขาก็เต็มไปด้วยเทือกเขา

เส้นทางที่ผ่านไปสู่บ้านก็ต้องผ่านหุบเขา เห็นแล้วก็เลยคิดถึงบ้านขึ้นมาจับใจ

      เวลาที่สับสน คิดอะไรไม่ออก ปอเคยมีป๊า มีแม่ คอยให้กำลังใจ ชี้แนวทางให้ตัดสินใจ และไม่เคยบังคับ

เขาคุ้นเคยกับการตัดสินใจด้วยตัวเองมาตลอด ค่อนข้างจะเป็นผู้ใหญ่กว่าเพื่อนวัยเดียวกันเสียด้วยซ้ำ

เพราะอย่างนี้เมื่อปอขอมาเรียนกวดวิชาในเมืองใหญ่จึงไม่มีใครคัดค้าน

ถึงแม้ว่าจะมีครอบครัวอาเจ็กหมงที่รู้จักกันดีตั้งรกรากอยู่นี่ ปอกับครอบครัวก็ไม่เคยไปรบกวน

ป๊ากับแม่ปล่อยให้ลูกชายดูแลตัวเอง ยิ่งเดี๋ยวนี้มีพื่ปืนเป็นลูกชายอีกคน ยิ่งไม่ต้องห่วงเพราะรู้ว่าปออยากมีพี่ชาย

ทำยังไงก็ได้ ให้พี่ชายคนนี้ไม่ไปไหน ปอยอมหมด

แต่ป๊ากับแม่คงยังไม่รู้ว่าปอไม่อยากได้แค่พี่ชายซะแล้ว ปอคิดไกลไปมากกว่านั้น



หลังจากที่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความไม่แน่ใจอยู่นาน ปอก็ตัดสินใจได้ว่า อะไรมันจะเกิดก็ให้มันเกิดไป

ปอเห็นตัวอย่างชีวิตคู่ของพี่เอกกับพี่เต้ยมาแล้ว ก็ดูมีความสุขดี ไม่ต้องแคร์ใคร แค่มีเรา ความสุขก็เกิดได้

ปอผ่านวันเวลาที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวมานานเท่าชีวิตของเขา ได้พี่ชายแสนดีมาคนหนึ่งก็นับว่าโชคดีแล้ว

แต่ความรู้สึกที่ลึกซึ้งกว่า ที่ปอไม่เคยคาดฝันว่าจะเกิดขึ้นกับเขาได้ ก็แวะเวียนมาให้ฉกฉวยอย่างง่ายดาย

จะปล่อยให้ผ่านไปเฉย ๆ ปอคงโง่เต็มที

      แต่ใจเอ๋ยใจ.....ยังไม่ทันที่ปอจะเอื้อมมือคว้า ทำไมทุกอย่างถึงลอยหาย

      น้ำตาที่เพิ่งจะเหือดแห้ง รินออกมาจนเปียกแก้มอีกครั้ง ปอปล่อยให้มันไหลไปรวมกันที่ปลายคาง

มองดูมันหยดลงบนขากางเกงเป็นดวงสีเข้ม ถ้าปล่อยเสียงร้องโฮออกมาได้ก็คงดี

แต่ปอกลับร้องไม่ออก ระลอกความรู้สึกเจ็บหนึบที่กดแน่นในช่องอกมันช่างทรมานเสียจริง

นึกถึงภาพที่ยังติดตาทีไร ความเจ็บนั่นก็กดหนักขึ้นทุกที น้ำตาร่วงพรูจนกลั้นสะอื้นต่อไปไม่ไหว

เขาปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ไปโดยไม่มีเสียง ให้หัวใจมันคร่ำครวญเสียให้พอ

เจ็บคราวนี้ทำไมมันถึงได้ร้าวในหัวใจนัก ไม่เหมือนคราวที่เลิกกับเนยเลย


      ปอถอนสะอื้นเฮือก พยายามเรียกสติกลับคืนมา

ในหัวค่อยโล่ง เมื่อได้ปลดปล่อยอะไร ๆ ออกไปซะบ้าง

ปอถามตัวเอง.....แล้วเขาจะทำอะไรต่อไปดี

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 18/5/2555
«ตอบ #75 เมื่อ18-05-2012 00:47:11 »

      ปืนเดินจนเมื่อย ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าปอหายไปอยู่ที่ไหน แต่เขาก็หยุดตามหาไม่ได้

  ที่แรกที่คิดได้ก็คือห้องของปอ ทั้งที่รู้อีกแหละว่าปอคงไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่ก็ต้องลอง

  เคาะประตูได้สองสามทีไม่มีการตอบรับ  ปืนก็ลงลิฟท์ไปหาที่ล็อบบี้ ถามที่เคาน์เตอร์ก็บอกว่าไม่เห็น

ปืนคร้านจะสวนว่ามัวแต่คุยโทรศัพท์ มันคงเห็นหรอก....แล้วจะไปถามมันทำไม

      เขาตระเวณไปทั่วบริเวณอพาร์ทเมนท์ ไม่คิดหรอกว่าปอจะไปไหนไกล ๆ น้ำตาอาบหน้าซะขนาดนั้น

อย่างดีก็คงจะหลบ ๆ อยู่แถวสวนหย่อมใกล้ ๆ แต่เดินวนรอบแล้วรอบเล่า ปืนก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของปอ

(แหวกสุมทุมพุ่มไม้ดูมั่งดีมั้ยเนี่ย)

      ลงทุนเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างเหมาจ่ายให้ช่วยพาตระเวณรอบเมืองที่ ๆ คิดว่าปอน่าจะไป

สปอร์ตคลับ สวนสาธารณะ ร้านไอติมที่ปอชอบมานั่งกิน จนตะวันตรงหัว ปืนก็เริ่มท้อ


      .....ไปอยู่ที่ไหนน่ะปอ.....รู้บ้างมั้ยว่าพี่ปืนเป็นห่วงแค่ไหน


      ปืนไปเคาะประตูห้องของปออีกที ก็ไม่มีใครมาเปิดประตู ถ้าไม่โกรธจนไม่อยากเจอหน้า ปอก็คงไม่ได้อยู่ในห้อง

ปืนไม่มีเบอร์โทรของเพื่อนที่เรียนกวดวิชากับปอสักคน ไม่งั้นก็จะลองโทรถามดู เผื่อจะหลบไปอยู่กับเพื่อน

ส่วนเต้ยปืนไม่มีเบอร์โทร ถึงจะมีก็ไม่คิดจะโทรถาม และไม่คิดจะไปถามเอากับเต้ยด้วย เกลียดหน้าไอ้พี่เอกตัวการ

(แล้วเต้ยมันผิดตรงไหนวะปืน)


      ปืนเดินทอดอาลัยกลับห้องของตัวเอง จนปัญญาที่จะไปตามหาปอแล้ว

  ทั้งที่ห่วงแสนห่วง ในหัวใจนี่ร้อนยังกะไฟสุม เข้าห้องแล้วก็คงนั่งไม่ติด ได้แต่หวังว่าปอคงจะรีบกลับมาคุยกันให้เข้าใจ

เพราะที่จริงแล้วปืนไม่ได้คิดอะไรเลยเถิดกับพี่เอกแม้แต่นิดเดียว เหตุการณ์ที่เกิดก็ไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปืนลนลานรีบกดรับ.....ปอแน่ ๆจะให้พี่ปืนไปรับที่ไหนก็บอกมาเถอะ

      “ปืนนี่แม่นะ”

      ยังไม่ทันได้อ้าปาก เสียงที่ลอดมาตามสายก็แสดงตัวเสียก่อน

      “สวัสดีครับแม่”

      ปืนฝืนทำเสียงให้เป็นปกติ ทั้งที่ตอนนี้แทบอยากร้องไห้ ก็แม่ปอโทรมา แต่ปอกลับไม่อยู่

แล้วสาเหตุที่ไม่อยู่ก็เนื่องมาจากตัวเอง แต่จะให้ปืนพูดให้แม่ของปอฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นก็คงไม่ได้

คนเป็นพ่อเป็นแม่คงห่วงลูกชายจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ

ความผิดทั้งหมดนี่ ปืนจะไปคิดบัญชีกับพี่เอกคนเดียวเลย....คอยดู

      “เป็นไงมั่ง สบายดีมั้ย”

      “ครับแม่ ผมสบายดี”

      “ปอเกเรกับปืนมั่งรึเปล่า นี่แม่ก็เพิ่งคุยกับเค้ามานะ”

      ปืนได้แต่อ้าปากค้าง กะจะถามว่าปออยู่ไหน ก็กลัวแม่จะสงสัยเอา เลยได้แต่นิ่งฟัง

      “เห็นว่ากำลังซักผ้าอยู่ เสร็จแล้วจะออกไปซื้อของกัน”

      “ครับ”

      ปืนก็อยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน แต่นั่นมันเหตุการณ์เมื่อเช้า ก่อนที่เรื่องเลวร้ายมันจะเกิดขึ้น

      “ถ้าเค้ากวนให้ซื้อโน่นซื้อนี่ก็อย่าไปตามใจนักนะ”

      ขอแค่ปอไม่เป็นอะไร อยากได้อะไรพี่ปืนจะหาให้หมดทุกอย่าง

      “นี่ก็บ่นว่าปืนไม่รู้ไปไหน กำลังรอกินข้าวเที่ยงอยู่ แล้วนี่ปืนไม่ได้อยู่ที่ห้องหรอกเหรอ ทำไมถึงกินข้าวผิดเวลาอย่างนี้

ไม่ได้นะลูก ต้องระวังเรื่องกินให้เป็นเวลา ไม่งั้นโรคกระเพาะจะถามหารู้มั้ย อย่าว่าแม่เซ้าซี้เลยนะ”

      “ไม่หรอกครับ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วงผม แล้วปอ....เอ้อ....รอผมที่ไหนเหรอครับแม่”

      “ก็อยู่ที่ห้องไง เค้าบอกว่ากำลังซักผ้า แม่บอกแล้วนี่”

      “อ้อ!....ครับ  คือผมลืม”

      “งั้นแม่ไม่กวนล่ะนะ นี่ก็โทรมาคุยเฉย ๆ ไม่ได้เจอกันนานแม่คิดถึงน่ะ อยากถามสารทุกข์สุกดิบด้วย

ถามปอ รายนั้นก็ว่าสบายดีทุกที นี่ขนาดแม่บอกให้โทรบอกพี่ปืนว่า รอกินข้าวยังไม่ยอมโทรเลย

บอกว่าไม่อยากกวนพี่ปืน แหม....เด็กคนนี้ยังไงของเค้าก็ไม่รู้นะ”

      “คือผม.....”

      “ไม่ต้องแก้ตัวแทนน้องเลย ปืนนี่ก็ชอบแก้ตัวให้ทุกที ไปรีบกลับไปกินข้าวซะ แล้วแม่ค่อยโทรมาหาใหม่นะลูก”

      “ครับ สวัสดีครับแม่”

      ปืนแทบจะกระโจนขึ้นบันไดตั้งแต่ที่แม่ปอบอกว่า ปอรออยู่ที่ห้องแล้ว ติดที่ตอนนั้นอยู่ในลิฟท์

แล้วความที่สติไม่อยู่กะเนื้อกะตัว แทนที่จะเรียกลิฟท์ขาขึ้น ก็ดันเรียกขาลง ให้มันไปรับคนที่ชั้นใต้ดินก่อนแล้วถึงจะมาส่งชั้นสาม

....ใครเคยเป็นแบบนี้มั้ยเนี่ย

      พอเปิดประตูเข้าไปได้ ปืนก็สอดส่ายสายตาหาปอไปทั่วห้อง ที่ตู้ซักผ้า....ไม่มี

  ฝาตู้เปิดอยู่แปลว่าซักเสร็จแล้ว ห้องน้ำก็เปิดประตูทิ้งไว้ ไม่มีแม้แต่เงาของปอ

      ปืนสาวเท้าไปเปิดประตูห้องนอน....ก็ไม่มี…แล้วปอจะเข้ามาทำไมในนี้เล่า

      งั้นคงเป็นที่ระเบียงห้อง.....ไม่มี

      ไหนแม่บอกว่าปออยู่ในห้องไง เดินไปทั่วห้องซึ่งก็ไม่ได้ลึกลับจนต้องพลิกธรณีหา ปืนยิ่งกระวนกระวายใจ

  แล้วที่แม่บอกว่าปอรออยู่ที่ห้องล่ะ มันห้องไหน

  ในเมื่อเขาก็เพิ่งจะขึ้นมาจากห้องของปอก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่บอกว่าปอกำลังซักผ้า

      ปอครับ....ปออยู่ที่ไหน รู้มั้ยว่าพี่ปืนจะบ้าตายอยู่แล้วเพราะความเป็นห่วง

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 18/5/2555
«ตอบ #76 เมื่อ18-05-2012 00:51:26 »

      ปืนลังเลว่าจะกระโจนลงบันไดไปชั้นสองที่ห้องของปอก่อนหรือจะขึ้นลิฟท์ไปบนดาดฟ้าดี

ถ้าปอกำลังตากผ้าก็ต้องไปดาดฟ้า แต่ถ้าไม่....ปอจะกลับเข้าห้องของตัวเองไปทำอะไร

....คิดสิคิด.....

   เขาไม่อยากไปถึงตรงนั้นแล้วพบว่าปอไม่อยู่ ควานหาตัวมาตั้งแต่ตอนสาย จนป่านนี้ยังไม่เห็นหน้าค่าตาเลย

เท่าที่แม่บอกเพียงทำให้ปืนเบาใจว่าปอไม่ได้หนีหายไปไหนก็เท่านั้น แต่ความรู้สึกของปอล่ะ

แม่ไม่รู้นี่ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่  ไม่รู้ว่าเมื่อเช้าปอได้รับความกระทบกระเทือนทางใจขนาดไหน

รับรองได้ว่าปอไม่มีทางปริปากบอกแม่แน่ว่าตัวเองวิ่งหนีพี่ปืนด้วยใบหน้านองน้ำตา


      เขาแทบจะรอให้ประตูลิฟท์เปิดไม่ไหว ถ้าไม่คิดว่าเช้านี้วิ่งวุ่นจนหัวหมุน และอ่อนเปลี้ยเพลียใจเสียเหลือเกิน

ปืนก็คิดว่า ดาดฟ้าที่อยู่เหนือขึ้นไปอีกสี่ชั้น  เขาสามารถพิชิตได้เร็วกว่าไอ้ลิฟท์เต่าตัวนี้แน่ ๆ

ออกจากลิฟท์ได้ก็ไต่บันไดไปอีกสิบสี่ขั้น....อีกนิดเดียวเองนะปอ

      ผ้าปูนอนสีสว่างผืนกว้าง โบกล้อลมอยู่บนราวเชือกที่ถูกขึงไว้จนตึง ทุกทีปอจะต้องร้องขอให้ปืนช่วย

ถ้ามันหย่อนเสียจนชายผ้าห้อยลงระเรี่ยพื้น ปลอกหมอนเข้าชุดกัน พาดอย่างมีระเบียบถัดกันไป

เสื้อผ้าของเราสองคน ที่ปอชอบดุเวลาที่ปืนแขวนกับไม้แล้วไม่พับปกเสื้อพร้อมกลัดกระดุมให้เรียบร้อย

      “กลับด้านด้วยนะพี่ปืน แล้วพับปกด้วย ไม่งั้นแดดเลียสีซีดหมดหรอก แล้วอย่าลืมติดกระดุมล่ะ

ลมมันแรงเดี๋ยวพัดเสื้อไปตกถึงไหน ๆ ผมไม่รู้ด้วยนะ”

      แต่คราวนี้ปืนไม่ได้อยู่ช่วย มัวแต่ไปหาข้างนอกโน่น ทั้งที่จริงปอก็อยู่แถว ๆ นี้เอง

  ....ทำไมเขาไม่คิดให้ดีก่อนนะว่าปอชอบมานั่งเล่นบนนี้เสมอ

      “เวลาเหงาคิดถึงบ้าน ผมจะขึ้นมามองภูเขาด้านโน้น”

      ปอพยักพเยิดไปทางทิศตะวันออก ที่มีแนวเขาประจำท้องถิ่นทอดตัวจากทิศเหนือจรดทิศใต้

ถึงแม้ภูเขาที่นี่ จะไม่ใหญ่โตทมึนทึบเหมือนที่บ้าน แต่ก็ทำให้ปอคลายความคิดถึงลงได้ทุกครั้งที่ได้เห็น


      เดินวนจนทั่วลานโล่งกว้างเกือบครึ่งไร่ ก็ไม่รู้ว่าจะเดินหาให้มันได้อะไร ในเมื่อมันก็โล่งอย่างที่เห็น

ไม่มีซอกหลืบให้หลบซ่อนตัวได้เลย แดดบ่ายแรงจัดจนปืนแสบไปทั้งหน้า ร้อนสียเหงื่อชุ่มหลังไปหมดแล้ว

เหลืออีกที่เดียวที่สุดท้ายที่ปืนจะไป....ห้องของปอ

      แต่ตอนนี้ปืนบอกได้เลยว่าหมดแรง หมดทั้งแรงกาย แรงใจ ไม่น่าเชื่อว่า

แค่ปอหายไปจากสายตาไม่ทันถึงครึ่งวันดี เขากระวนกระวาย ใจหายวิบ ๆ ได้ถึงเพียงนี้ แล้วถ้า........

      ปืนสลัดหัวให้ความคิดร้าย ๆ ที่ผุดขึ้นในหัวหลุดออกไป เขาไม่อยากคิดถึงวันที่เขาจะไม่มีปอ

แค่ตอนนี้....ขณะนี้ที่ไม่รู้แน่ว่าปออยู่จุดไหน หัวใจของปืนยังถูกบีบรัดเสียจนแทบจะหาจังหวะเต้นไม่เจอ

ขออย่าให้วันนั้นมาถึงเลยนะ เพราะเขาไม่รู้เลยว่าตัวเองจะทนได้แค่ไหน

      ใครบอกกันนะว่าบันไดขาลงไม่เหนื่อยเท่าขาขึ้น จะเถียงให้คอเป็นเอ็นเลย

เพราะทุกย่างก้าวต้องเกร็งเสียจนหน้าขาล้าไปหมดแล้ว

ปืนรีบก้าวเร็วขึ้นเพื่อลดอาการเกร็งให้น้อยลง มันก็แค่ช่วยลดอาการล้าได้บ้าง

แต่ความรุ่มร้อน ทุรนทุราย ไม่ได้ลดลงไปเลย

      ปืนก้าวไปตามทางเดินแล่นกลางระหว่างห้องพักสองฟากอย่างรวดเร็ว ยิ่งใกล้เข้าไปใจปืนก็ยิ่งเต้น.....ปอต้องอยู่

*

*

*

      ปืนนวดมือตัวเองอย่างหัวเสีย เคาะประตูก็แล้ว ตบประตูก็แล้ว ไม่มีทีท่าว่าคนข้างในจะเปิดประตูออกมา

คิดได้อย่างเดียวว่า ปอไม่ได้อยู่ในห้อง

ก่อนจะเคาะประตูบานทึบนั้น ปืนเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นใจว่า เขาจะปลอบปอยังไง

จะบอกปอว่ายังไงว่า เหตุการณ์อุบาทว์นั่นไม่ได้เกิดจากตัวเขาสักนิด

แต่แล้วคำอธิบายทั้งหลายก็หยุดอยู่แค่เพียงความคิด

ไม่ได้หลุดออกจากริมฝีปากแม้สักคำเมื่อแน่ใจว่า ต่อให้เคาะจนมือบวมก็จะไม่มีใครมาเปิดประตู


      สุดปัญญาที่พี่ปืนจะไปตามหาปอแล้วนะ ขอนอนพักเอาแรงก่อนแล้วกัน

แล้วปืนก็พบว่าทั้งเนื้อทั้งตัว เค้ามีแค่โทรศัพท์มือถือที่ซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง

กับกระเป๋าเงินที่เหน็บอยู่ในกระเป๋าหลัง.....ตายโหง ทำไมมันซวยอย่างงี้วะตู



      กว่าที่ปืนจะเข้าห้องของตัวเองได้ก็สะบักสะบอมน่าดู รอแม่บ้านเป็นนานกว่าจะได้มาสเตอร์คีย์มาจัดการให้ 

สลัดรองเท้าออกไปคนละทิศละทางแล้ว ตอนนี้ปืนหัวหมุนเป็นลูกข่าง ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไร

นอกจากจิบกาแฟที่ปอชงทิ้งไว้ให้ก่อนลงไปซื้อของเช้าข้างหน้าอพาร์ทเมนท์ กับน้ำดื่มอีกขวด

ระหว่างที่เรียกรถรับจ้างตามหาปอ นอกนั้นไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย เรื่องหิวก็ต่างหาก

และไอ้ที่เหนื่อยจนหมดแรงก็อีกต่างหาก

     ตอนนี้ปืนเห็นโซฟาที่อยู่กลางห้องเหมือนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ไปแล้ว รูดเสื้อออกทางหัวเหวี่ยงออกจากแขนได้

ปืนก็ทำท่าถลาร่อนลงไป หมายใจจะหลับเสียให้สาสมกับที่เปลี้ยไปหมดทั้งตัว

      แต่ไอ้กองผ้าแพรที่ขยุ้มอยู่บนตัวใครอีกคน ที่กำลังหลับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวนี่สิ

ทำเอาปืนหายง่วง หายเหนื่อย หายเพลียเป็นปลิดทิ้ง

และที่กำลังเข้ามาแทนที่ก็คืออารมณ์โกรธกรุ่นแบบควันออกหู ที่ปืนแทบจะไม่เคยแสดงให้ใครได้เห็น

      แรงกระชากผ้าแพรออกจากตัวปอที่นอนขดอยู่บนโซฟา ทำเอาคนที่กำลังหลับเพลิน ๆ สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ

หน้าตาที่บอกว่าเสียขวัญไม่ได้ทำให้ความโกรธที่กำลังพุ่งอยู่ในตัวปืนลดลงมีแต่ จะยิ่งสะใจมากขึ้น

      ปอมองพี่ปืนอย่างไม่เข้าใจ หน้าพี่ปืนตอนนี้ถมึงทึงน่ากลัวที่สุด ดวงตาลุกวาว เสียงพ่นลมหายใจผ่านโพรงจมูก

ดังจนปอนึกถึงมังกร นี่ถ้ามีไฟพุ่งออกมาด้วยก็คงเหมือนจริง ๆ ผิวเนื้อพี่ปืนกลายเป็นสองสีดูน่าตลก

ส่วนลำแขนที่โผล่พ้นแขนเสื้อออกมาเกรียมเป็นสีแดงคล้ำเหมือนโดนแดดเผา โดยเฉพาะใบหน้าที่แก้มทั้งสองแดงสุก

พรุ่งนี้ก็คงเห็นเป็นรอยไหม้ อีกวันสองวันก็คงลอกเป็นขุยน่าเกลียด แผงอกตึงแน่นยังเป็นสีน้ำตาลนวล

เห็นแล้วปอก็อดอมยิ้มไม่ได้....ก็มันดูตลก เหมือนม้าลายตัวโต ๆ

      “ยังจะมีหน้ามายิ้ม!”

      เสียงที่ตวาดดังคับห้อง ทำให้ปอหายงงว่าทำไมพี่ปืนถึงทำหน้ายังกะโกรธใครมาเป็นร้อยชาติ

เขากลายเป็นต้นเหตุของความโกรธของพี่ปืนเหรอเนี่ย

      “พี่ปืนเป็นอะไร”

      เสียงที่หลุดออกไปเพียงแผ่ว ๆ ด้วยความไม่เข้าใจ กลับยิ่งโหมให้อารมณ์โกรธกระพือหนักขึ้นไปอีก

      ทั้งความหิว ความเหนื่อย และความเครียดที่สุมรุมปืนมาตั้งแต่เช้า ตั้งต้นกระหน่ำใส่ปอไม่ยั้ง

เหมือนปืนจะไม่ได้ยินเสียงเล็ก ๆ ที่พยายามอธิบาย

      “พี่เที่ยวตระเวณตามหาปอจนทั่วเมือง ตั้งแต่เช้ายันบ่าย กลับมาหาที่ห้องก็ไม่เจอ แม่โทรมาบอกว่าซักผ้าอยู่ในห้อง”

      “ผมซักผ้ารอพี่ปืนไงครับ”

      “ตามมาดู เห็นแต่เครื่องซักผ้าเปิดอ้าซ่าไว้ พี่ก็นึกว่าปอจะตากผ้าอยู่บนโน้น”

      “ผมขึ้นไปตากผ้าเสร็จก็ลงมา”
   
      “วิ่งกลับลงมาเรียกที่ห้องก็ไม่มี ทุบประตูจนมือจะหัก”

      “ผมเอาตะกร้าผ้ามาเก็บไม่ได้แวะที่ห้องซักหน่อย รอพี่ปืนจนหลับ”

      “จะไปไหนทำอะไรก็ไม่เห็นบอก รู้มั่งมั้ยว่าใครเค้าห่วงจนจะเป็นบ้า พี่ตามหาเสียทั่วแทบจะพลิกธรณีหาแล้ว

อยู่ ๆมานอนหลับเป็นทองไม่รู้ร้อนแบบนี้น่ะ ไม่สนใจเลยใช่มั้ยว่าใครจะเดือดร้อนหาซะจนหัวหมุน

เที่ยววิ่งร้องไห้ยังกับเป็นบ้าออกไปอย่างนั้น ใครเห็นเค้าจะนึกว่ายังไง เค้าคงหาว่าพี่รังแกปอล่ะสิ

แทนที่จะกลับมาคุยกันที่ห้อง ก็หายหัวไปไหนไม่รู้ แม่โทรมาพี่ก็ได้แต่อ้ำอึ้ง ไม่กล้าพูดอะไรออกไป กลัวแม่จะไม่สบายใจ

แล้วเราล่ะโทรไปหาแม่น่ะ ฟ้องอะไรไปบ้าง บอกไปรึป่าวว่าพี่มันเลวยังไง”

      ปอได้แต่มองแผ่นอกที่สะท้อนขึ้นลงเพราะแรงโมโหของปืนด้วยความน้อยใจ

  นี่เขาเป็นฝ่ายผิดสินะ ปอกลืนก้อนสะอื้นกลับลงไปอย่างยากเย็น

      ปอจะรู้เหรอพี่ปืนว่า จะมีใครออกไปตามหาในเวลาอย่างนั้น....เวลาที่ควรจะเป็นของคนสองคน

และประตูห้องที่เปิดค้างไว้ก็เพียงพอแล้วที่จะบอกว่า คนสองคนไม่ได้มีสติสัมปชัญญะจะรับรู้ไตร่ตรองว่าใครจะเข้าจะออก

โดยเฉพาะพี่ปืนนั่นแหละ รู้ทั้งรู้ว่าปอกำลังจะกลับขึ้นมา ทำไมถึงได้ทำร้ายจิตใจกันด้วยการพาใครก็ไม่รู้มาเสพสุขกัน

เพียงแค่ปอคล้อยหลัง ถึงจะไม่เคยรู้ว่าปอรู้สึกยังไงกับพี่ปืน แต่อย่างน้อยก็น่าจะคิดบ้างสิว่า...ปอเป็นน้องนะ

ขอให้ปอได้เก็บภาพพี่ชายที่แสนดีไว้ไม่ได้หรือ

      “พี่ปืนพูดอะไร ผมเหรอจะฟ้องแม่ ก็แค่โทรไปหาเฉย ๆ แล้วแม่ก็ถามถึง ผมก็บอกว่าจะออกไปซื้อของกัน

แล้วก็รอกินข้าวพร้อมพี่ปืน ผมเคยทำอย่างนั้นเหรอครับ เคยทำให้พี่ปืนดูแย่ในสายตาพ่อกับแม่เหรอ

แต่ต่อให้ผมพูด เค้าก็คงไม่เชื่อหรอกคิดว่าผมแกล้งล้อเล่น พี่ปืนรู้มั้ยครับว่าทำไม”

      ว่าจะไม่แล้วเชียว....น้ำตาเจ้ากรรมมันก็ดันไหลออกมาอีกจนได้ จะร้องไปทำไมวะ

  เท่าที่ร้องไห้มาตลอดเช้ายังไม่หนำใจใช่มั้ยไอ้ปอ

      ปืนได้แต่อึ้ง เห็นน้ำตาของปอแล้ว ปืนก็นึกเกลียดตัวเองขึ้นมาทันที….ถูกของปอ

ทั้งที่ความจริงปืนก็น่าจะรู้อยู่เต็มอกว่า ไม่เคยสักครั้งที่ปอจะทำ

      “เพราะเค้ารู้ว่าผมอยากอยู่ที่นี่ เพราะที่นี่มีพี่ปืน แล้วรู้มั้ยครับ ว่าทำไมผมถึงอยากอยู่ในที่ที่มีพี่ปืน”

      ปืนได้แต่นิ่งอึ้ง

      “เพราะผมรักพี่ปืน ได้ยินมั้ยครับ”

      กว่าที่ความหมายที่ได้ยินจะซึมซับเข้าไปในหัว ปอก็วิ่งออกจากห้องไปอีกแล้ว

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 18/5/2555
«ตอบ #77 เมื่อ18-05-2012 02:03:49 »

รีบไปปรับความเข้าใจกันนะ

น้องก็รักพี่เหมือนกันแหละ  :-[

ออฟไลน์ daboo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 444
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 18/5/2555
«ตอบ #78 เมื่อ18-05-2012 09:19:38 »

ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก



ค้างครับ



ผมรออ่านต่อนะครับ

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 18/5/2555
«ตอบ #79 เมื่อ18-05-2012 11:51:50 »

ว้าว ปอเป็นฝ่ายบอกรักก่อน คาดไม่ถึงจริงๆ
เอ้าปืนรีบไปง้อน้องซะนะ ดันไปเหวี่ยงใส่ซะมากมาย

ว่าแต่เอกไม่ได้คิดอะไรกับปอเลยเหรอเนี่ย แล้วตอนนั่งรถนั่นเรียกไปนั่งด้วยทำไม :really2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 18/5/2555
« ตอบ #79 เมื่อ: 18-05-2012 11:51:50 »





ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 18/5/2555
«ตอบ #80 เมื่อ18-05-2012 12:08:11 »

 :กอด1: :L1:

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 18/5/2555
«ตอบ #81 เมื่อ18-05-2012 12:24:53 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
 :sad4:
พี่ปืนใจร้ายทำไมไปว่าน้องแบบนี้เล่า
แทนที่เจอน้องแล้วจะรีบกอดให้เต็มที่
ดันไปดุไปว่าน้องอีก
แบบนี้คนอ่านจะย้ายข้างนะขอบอก
 :m16:
น้องปอกลับมาหาพี่ปืนเถอะน้า กระซิกๆ
 :o12:
คุณนูคะ มันค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
 :z3:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 18/5/2555
«ตอบ #82 เมื่อ18-05-2012 14:23:47 »

หึ หึ ปืนเอ๊ยยยย...
 :กอด1: :จุ๊บๆ:น้องนู

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 18/5/2555
«ตอบ #83 เมื่อ18-05-2012 15:13:02 »

ในที่สุด  น้องปอก็ใจตรงกันสักที
คนอ่านก็พลอยดีใจไปกับเขาด้วย
ถึงจะยังไม่รู้ว่าจะง้อน้องสำเร็จรึป่าวก็เถอะ
อิอิ
+1 ให้จ้ะ

ออฟไลน์ KuMaY

  • คนไม่สำคัญ ทำไรก็ผิด
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 18/5/2555
«ตอบ #84 เมื่อ18-05-2012 23:58:11 »

เศร้าอ่ะ :monkeysad:
พี่ปืนง้อด่วนๆ o18

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 18/5/2555
«ตอบ #85 เมื่อ19-05-2012 10:26:38 »

ตามมาอ่านจากลิงค์ที่มีคนแนะนำ(อีกแล้ว ^ ^)

สนุกค่ะ อย่าลืมมาต่อจนจบตามสัญญานะคะ

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 19/5/2555
«ตอบ #86 เมื่อ20-05-2012 00:02:53 »




วันหยุดแล้ววววววววว.......เพิ่งจะได้โพสท์ครับ

ตลอดทั้งวันก็เขียนนิยายเรื่องอื่นไปด้วย

เล่นเกมไปด้วย แหะ ๆ

ทำงาน 5 หยุด 2 ขอเหลวไหลนิดนึงครับ


อื่มมมมมม

ผมขอออกตัวก่อนว่า ผมเป็นคนไม่ค่อยมีวินัยกับการโพสท์นิยายเท่าไหร่นะครับ

แบบว่า......ทุกวัน วันเว้นวัน อะไรเงี้ยะ ผมทำไม่ได้ (ด้วยหลายสาเหตุ)

เพราะงั้นก็จะมีแต่สัญญาใจว่าจะไม่ทิ้งกระทู้

แค่นี้รับได้มั้ยครับ       
 

ขอบคุณทุกคอมเ้ม้นท์ที่เป็นกำลังใจให้ผมเสมอ ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไหร่

เห็นแล้วมีความสุขทุกทีเลย 










       ปืนกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟา อย่างหมดเรี่ยวแรง ความพยายามที่จะหาปอให้เจอตั้งแต่เช้าสูญเปล่า

อย่างไม่มีหนทางแก้ไข ความกังวลว่าปอหายไปไม่ได้แม้สักครึ่งหนึ่งของความกังวลที่เขาเป็นอยู่ขณะนี้

      พี่ปืนก็รักปอ.....แต่มีอะไรบ้างที่พี่ปืนจะทำได้ ไม่เห็นหนทางเลยสักนิด

      ใคร ๆ ก็บอกว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม เมื่อสองใจตรงกัน ก็ยิ่งก่อให้เกิดความสุขอย่างไม่มีอะไรมาเปรียบ

  ....ไม่เห็นจะจริงเลย ดูอย่างเขานี่ไง....มันเจ็บปวดยิ่งกว่าตอนที่เขาคิดว่าปอไม่ได้รักเสียอีก

  ....เพราะเขารักตอบปอไม่ได้.....

        พี่ปืนรักปอไม่ได้.....ไม่ได้อยากทำร้ายหัวใจปอนะ แต่พี่ปืนทำร้ายป๊ากับแม่ของปอไม่ได้

ปอเป็นแก้วตาดวงใจของท่านทั้งสอง ถึงท่านจะให้ปอเลือกอนาคตเอง ไม่ได้ขีดเส้นชะตาชีวิตให้เดิน

แต่ก็คงไม่ได้หมายความว่า ปอจะเลือกรักใครก็ได้ อย่างน้อยการพูดคุยของครอบครัวปอกับอาเจ็กหมงในคืนนั้น

ก็คงจะเป็นการบอกให้รู้เป็นนัย ๆ แล้วว่า ต่อไปจะได้เกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน

แล้วพี่ปืนจะยืนอยู่ตรงไหนในชีวิตของปอกันเล่า

การที่พี่ปืนได้รับความไว้วางใจให้ดูแลปอแทน เท่ากับว่าท่านได้วางทั้งหัวใจและชีวิตไว้ในอุ้งมือพี่ปืนแล้ว

มีเพียงสองสิ่งที่ทำได้คือเป็นลูกชายอีกคนของท่าน และเป็นพี่ชายของปอเท่านั้น


      *

      *

      *

      ปืนลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเทน้ำดังอยู่ไม่ห่างตัวนัก หลังไหล่เล็ก ๆที่กำลังหันด้านข้างให้

ทั้งคุ้นตาและเจนใจจนต้องเขม้นมองอีกครั้งว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด

      “ปอ”

      “ตื่นแล้วเหรอครับพี่ปืน”

      รอยยิ้มบนริมฝีปากของคนตัวเล็กตรงหน้า ดูสดใสเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อตอนบ่าย

ทำให้ปืนต้องมองไปรอบ ๆ ตัวและทบทวนเหตุการณ์ไปพร้อมกัน

      “เช็ดหน้าหน่อยนะครับ”

      มือน้อย ๆ ซับผ้าหมาดน้ำไปตามใบหน้าและลำคอเบา ๆ เอาลงซักน้ำในอ่างใบย่อมอีกที บิดให้หมาด

แล้วซับไปตามลำแขนเรื่อยไปจนถึงฝ่ามือ ปืนคว้ามือที่กำผ้าเปียกมากุมไว้ในอุ้งมือตัวเอง

อยากยกมือนี้ขึ้นจรดริมฝีปากจูบปลอบขวัญปอแทนคำขอโทษ

      “ปอ พี่....”

      “ไม่ต้องพูดหรอกครับพี่ปืน ผมเข้าใจ”

      “แต่พี่....”

      “นอนเฉย ๆ นะครับ เช็ดตัวเสร็จแล้วพี่ปืนนอนต่ออีกหน่อยดีกว่า ตอนที่พี่ปืนหลับ ผมเตรียมอาหารมื้อเย็นไว้แล้ว

ค่ำนี้เรากินราดหน้าทะเลกันนะ”

      “พี่ไม่นอนต่อดีกว่า ขอไปอาบน้ำก่อน เหนียวตัวเต็มทีไม่รู้นอนลงไปได้ยังไง”

      “คงเพลียน่ะครับ เพราะออกไปทั้งวัน แถมแดดก็ออกเปรี้ยง อาบน้ำเย็น ๆก็ดีนะจะได้สดชื่นขึ้น

พี่ปืนออกมาก็พอดีผมตั้งโต๊ะเสร็จ”

      อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ทุกอย่างก็พร้อมอยู่บนโต๊ะแล้ว อาหารที่ไม่ใช่เมนูพิเศษ

...ก็แค่เส้นก๋วยเตี๋ยวผัดแห้งกับน้ำสำหรับราดหน้า ปรุงด้วยผักคะน้าสียังเขียวสด กุ้งตัวอวบสีชมพู

ปลาหมึกสดเนื้อขาวบอกความสด เนื้อปลากะพงชุบแป้งทอดดูน่ากิน

แต่อาจจะเป็นเพราะไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าล่ะมั้ง


      โต๊ะกลมตัวเล็กสำหรับสองคนนั่ง ปูด้วยผ้าตาสีฟ้าขาว แจกันปักดอกไม้สดเป็นพุ่มเล็กช่วยเพิ่มบรรยากาศ

ยังขาดก็แต่เชิงเทียน....ท่าจะบ้าละปืน....ก็แค่ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า จะวิลิศมาหราไปเพื่อ

      “กินมืด ๆ เดี๋ยวมองไม่เห็นพริกอ่ะครับ”

      ปอพูดออกมาราวกับจะรู้ว่าปืนคิดอะไรอยู่ แล้วปืนก็หันไปดูพริกน้ำส้มที่ลอยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าสามสี..เขียว แดง เหลือง

      “กินเผ็ดไม่ได้แล้วจะใส่พริกทำไมล่ะเอ๊อ”

      “ราดหน้าไม่ใส่พริกน้ำส้มมันจะได้รสชาติเหรอพี่ปืนก็”

      การสนทนาค่อย ๆ เข้ารูปเข้ารอย เพราะทั้งคู่ต่างพร้อมใจกันไม่พูดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านมาสด ๆ ร้อน ๆ

บางทีการปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไปสักนิดอาจจะทำให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม

ปืนยอมรับว่าตัวเองยังไม่พร้อมจะบอกปอว่าเขาตัดสินใจยังไง หลังจากได้ยินคำบอกรักที่ปอโพล่งออกมา

      “ปอ....พี่อยากพูดกับปอเรื่องวันนี้”

      “กินก่อนนะครับ ผมทำสุดฝีมือเลย เคยแต่ช่วยแม่ทำนิด ๆ หน่อย ๆ เพิ่งจะลงมือเองก็หนนี้แหละ

กินอิ่มแล้วต้องชมผมด้วยนะ”

      “เมนูนี้ไม่เคยทำให้กินเลยนี่นา แถมทำครั้งแรกจะให้พี่ชม ไม่มั่นใจเกินไปหน่อยเร้อ”

      “น่า...ชมหน่อยนะ ผมจะได้มีกำลังใจเอาไปปรับสูตรให้ถูกปากพี่ปืนไง”

      แค่คำแรกปืนก็ต้องชมออกมาจากใจจริง

      “หืม....อร่อยจริง ๆ ด้วย”

      “ขอบคุณครับ ผมจะได้บอกแม่ว่าพี่ปืนชอบรสนี้ วันหลังจะได้ถามสูตรเมนูอื่นมั่ง”

      จบจากของคาว ปอก็เสิร์ฟของหวานต่อ

      “วันนี้มันวันอะไรน้า พ่อครัวคนเก่งขยันใหญ่ มีขนมหวานเสิร์ฟซะด้วย”

      “ผมไม่ได้ทำเองหรอกครับ ซื้อเค้ามาน่ะ ทับทิมกรอบเจ้าประจำของพี่ปืนไง”

      “มิน่า หน้าตาคุ้น ๆ”

      ปืนตักขนมหวานเข้าปาก แต่เห็นปอไม่มีถ้วยขนมวางตรงหน้าก็ถามขึ้น

      “แล้วปอไม่กินล่ะ”     
         
      “ผมอิ่มจะแย่แล้วล่ะครับ”

      “อิ่มอะไร พี่เห็นปอกินไปนิดเดียว ไม่ถึงครึ่งของพี่ด้วยซ้ำ”

      “ก็ผม...ก็ตอนทำผมก็ทำไปชิมไปตั้งเยอะแล้วนี่ครับ นี่ก็เผื่อท้องไว้กินเป็นเพื่อนพี่ปืนอีกครึ่งนึงไง”

      เฮ้อ!...เอาเหอะ จับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็แล้วไป พี่รู้นะว่าปอคงกินอะไรไม่ลง ที่จริงแล้วพี่ก็เหมือนปอนั่นแหละ

แต่เห็นปอตั้งใจทำออกอย่างนี้ ก็เลยกินซะสองชาม กลัวปอจะเสียน้ำใจ

ปืนผลักถ้วยขนมหวานออกห่างตัว รู้สึกตื้อขึ้นมาจนต้องวางช้อน

      “อ้าว! ไม่กินให้หมดล่ะครับ ของชอบพี่ปืนไม่ใช่เหรอ”

      “อิ่มแปล้เลยปอ พี่กินก๋วยเตี๋ยวไปสองชามแล้วปอก็เห็น”

      “แต่มันยังมีอีกตั้งเยอะ”

      “ปอไม่เห็นช่วยพี่กินหนิ....ยกเข้าตู้เย็นไปก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยกินต่อ”

      ปืนนั่งหน้าจอโทรทัศน์ โดยที่ประสาทการรับรู้ไม่ได้ทำงาน ก็คงจะเช่นเดียวกับคนที่นั่งกอดหมอนบนพื้นใกล้กัน

ท่านั่งเอาคางเกยหมอน ทำตาลอยจะบอกว่ากำลังดูละครสนุกอยู่ก็คงไม่ใช่

เพราะในขณะที่ตัวละครกำลังหัวเราะกันสนุกสนาน

แต่ปืนกลับรับรู้ถึงอาการหงอยเหงาของปอได้อย่างชัดเจน

      “ง่วงเหรอปอ”

     “.......”

        “ปอ....”

         ?

        “ปอ”

      ปอสะดุ้งแล้วขานรับ

       “ครับพี่ปืน”

      “พี่ปืนว่าอะไรนะ”

      “เปล่าหรอก พี่แค่ถามว่าปอง่วงรึยัง”

      “ยังเลย พี่ปืนจะนอนแล้วเหรอ งั้นผมกลับห้องก็ได้”

      “ไม่หรอก พี่ยังไม่ง่วง นั่งคุยกันก่อนดีกว่า”

      “ครับ”

      แล้วปอก็หันไปดูละครต่อด้วยอาการเดิม

      “พี่อยากจะขอโทษปอเรื่องเมื่อบ่ายน่ะ”

      “เรื่องอะไรครับ”

      ปอหันมาถาม

      “ที่พี่ตะโกนเสียงดังใส่ปอ”

      “ช่างมันเถอะครับ พี่ปืนอุตส่าห์ออกไปตามหาผม แต่ผมกลับมานอนหลับสบายในห้อง ก็สมควรให้โกรธหรอก”

      “แต่พี่ก็ไม่ควรระบายอารมณ์ใส่ปออย่างนั้น”

      “นิดหน่อยน่ะ พี่ปืนก็ไม่ได้โกรธผมจริง ๆ หรอก...ใช่มั้ยครับ ไม่งั้นเราก็คงไม่ได้มานั่งดูโทรทัศน์ด้วยกันแบบนี้หรอก

จริงมั้ยพี่ปืน”

      ปอขยับเข้ามานั่งข้าง ๆ ขาปืน สายตาที่เงยขึ้นมองสบตาปืนชวนให้อยากก้มลงไปโอบกอด

แล้วปลอบประโลมเรียกขวัญเสียเหลือเกิน แต่เท่าที่ทำได้ปืนก็แค่ลูบผมปอเบา ๆ

      “ผมรู้ว่าพี่ปืนลำบากใจที่จะ....”

      ปอหยุดพูดดื้อ ๆ จนปืนต้องจ้องรอคำพูดที่ยังไม่จบประโยค

      “ถ้าการที่ผม...รักพี่ปืนทำให้พี่ปืนต้องยุ่งยากใจ ผมก็จะพยายามไม่รัก”

      ได้ด้วยเหรอปอ...พี่ปืนยังทำไม่ได้เลย   

      “แต่ขอผมอยู่ใกล้ ๆ พี่ปืนได้มั้ยครับ เรากลับไปเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมนะครับ ผมสัญญาว่าต่อไป

จะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของพี่ปืน จะไม่ก้าวก่าย จะไม่ทำให้พี่ปืนต้องวุ่นวายออกตามหาอย่างวันนี้”

      ปืนอยากบอกเหลือเกินว่าทุกอย่างที่ปอพูดมา เขาไม่เคยมีปัญหา มีแต่จะต้องการให้มันเป็นไปอย่างนั้นเสียด้วยซ้ำ

อยากบอกให้ปอรู้ว่า เขาเองก็มีใจรักตอบปอเช่นกัน

      แต่มันจะดีเหรอ....

      ปอซบหน้าลงบนต้นขาเขา ปืนรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างที่อุ่นชื้นซึมผ่านกางเกงผ้าฝ้ายเนื้อเบาจนเปียกถึงผิวเนื้อใต้ผ้า

ใจแข็งไว้นะปืน....เพราะถ้าใจอ่อนเมื่อไร คนที่เสียใจที่สุดก็คงเป็นป๊ากับแม่ของปอที่กำลังรอความสำเร็จของลูกชาย

อย่างใจจดใจจ่ออยู่ที่บ้าน

      ไมใช่เรื่องดีเลยที่จะต้องมารับรู้ว่าเขามีส่วนทำให้ลูกชายคนเดียวต้องกลายเป็นคนเบี่ยงเบนทางเพศ

ไหนจะคู่หมายของปออีก  หยินเองก็เป็นเด็กน่ารัก ถ้าไม่นับถึงความก๋ากั่นเกินขอบเขต

ก็เรียกได้ว่าเป็นเด็กดีมีความคิดความอ่านก้าวหน้าเกินวัย ดูแล้วทั้งคู่ก็เหมาะสมกันดี

สองครอบครัวจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันสมความตั้งใจ ไม่ควรที่ถูกทำลายเพราะเขา

      “พี่ปืนรู้จักเค้ามานานแล้วเหรอครับ”

      ปอถามเสียงเบาดังอู้อี้ เพราะยังนั่งในท่าเดิม ถึงปอจะไม่เอ่ยถึงใครหรือเรื่องอะไร ปืนก็เข้าใจดี

ว่าปอหมายถึงเรื่องที่เห็นเมื่อเช้านี้

      “เคยร่วมงานกันบ่อย ๆ ถึงรู้จักกันไม่นาน ก็สนิทกันเร็ว แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่ปอคิดหรอกนะ

พี่กับเค้าก็แค่ร่วมงานกันเฉย ๆ พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเค้าคิดอะไรกับพี่”

      “แล้วพี่ปืน....ชอบ...เอ้อ...ชอบ...”

      “ชอบเค้าอ่ะเหรอ...ก็ไม่ได้เกลียดนะ รู้จักกันในฐานะเพื่อนร่วมงานก็เท่านั้น”

      “ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึง....”

      ปอเงยหน้าขึ้นมองปืน แล้วรีบก้มหน้าหลบสายตาเมื่อพูดประโยคต่อมาด้วยเสียงแผ่วเบาแต่รัวเร็ว

      “พี่ปืนชอบผู้ชายรึป่าว แบบว่า...เป็น.....เป็นเกย์รึป่าว”

      “หือ?”

      ปืนอึ้ง เพราะไม่คิดว่าปอจะยิงคำถามตรง ๆ แบบนี้ อีกทั้งยังไม่เคยเตรียมคำตอบสำหรับคำถามแบบนี้ด้วย

เขาเคยผ่านสมรภูมิรักทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย เรียกว่าได้ทั้งสองแบบ แต่เท่าที่จำได้ ตั้งแต่เขารู้จักปอ

ปืนก็ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนเลย ถ้าจะเคยมีเพศสัมพันธ์ด้วยก็เป็นเพราะธรรมชาติเรียกร้องซะมากกว่า

กับผู้ชายด้วยกันยิ่งอยู่นอกเหนือความคิดของปืนไปเสียด้วยซ้ำ

      “ถ้าพี่ปืนไม่ชอบ แล้วพี่ปืนปล่อยให้เค้าทำอะไร ๆ ได้ยังไง พี่ปืนมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันด้วยเหรอครับ”

      …………..

      “พี่ปืน ผมขอโทษ”

      ปอโหย่งตัวขึ้นคุกเข่า สายตาวิงวอนขอลุแก่โทษ เขาแค่อยากจะถามให้แน่ใจว่าพี่ปืนเป็นเหมือนเขาหรือเปล่า

อยากรู้ว่าถ้าไม่มีผู้ชายคนนั้น พี่ปืนจะรักเขาได้มั้ย แต่กลับกลายเป็นว่าคำถามเหมือนเด็กเอาแต่ใจ

ดูจะทำร้ายพี่ปืนของเขาตรงจุดเสียแล้ว  เมื่อพี่ปืนหยุดมือที่กำลังลูบผมเขาเบา ๆ

สายตาที่พี่ปืนมองเขามันดูเจ็บปวด ตัดพ้อ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ

    “ผมขอโทษ”

    ปอพูดซ้ำ ๆ เขาไม่รู้จะหาคำไหนมาช่วยเยียวยาความเจ็บปวดที่เขาเห็นในดวงตาคู่คมของพี่ปืนให้มันบรรเทาเบาบางลงได้

         “ผมขอโทษที่ถามไม่คิด พี่ปืนตีผมก็ได้ครับ อย่านิ่งเฉยแบบนี้”

         “ไม่หรอก ปอไม่ได้ผิดอะไร”

         ปืนพูดด้วยเสียงแหบเครือ เขาคิดอย่างที่พูด ปอไม่ผิดที่ถามเขาด้วยคำถามที่เขาตอบไม่ได้ เขาต่างหากที่ผิด

       ...ผิดที่รักปอทั้งที่ไม่ควรจะรัก และเขาต้องไถ่ความผิดนั้นด้วยการไม่ถลำลึกไปมากกว่านี้

เขารู้ว่าปอถามเขาด้วยเหตุผลอะไร แต่ไม่ว่าเขาจะตอบปอยังไง ความรักระหว่างเขากับปอมันก็ไม่มีวันเป็นจริงไปได้

        .....ตัดใจเสียวันนี้เถอะปอ อย่าเลือกเดินทางที่มันจะทำร้ายหัวใจ และทำลายครอบครัวของปอเลย

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 19/5/2555
«ตอบ #87 เมื่อ20-05-2012 00:11:22 »



       อาการใจจะขาดที่ใครเคยพูดกันมันเป็นอย่างนี้นี่เอง เจ็บจนลืมหายใจ พอทำท่าจะหายใจมันก็แน่นในอก

เห็นน้ำตาของปอทีไรหัวใจปืนมันเป็นอย่างนี้ไปเสียทุกที

      ปืนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เหมือนจะเรียกพลังจากทุก ๆ ส่วนของร่างกายมารวมที่อกข้างซ้าย

ให้มีเรี่ยวแรงพอที่จะตอบคำถามของปอให้กระจ่าง ก่อนที่มันจะหยุดเต้นไปเสียก่อน

      “ปอเป็นน้องของพี่นะ อยากรู้อะไรก็ถามมาเถอะ พี่จะตอบทุกอย่าง แล้วที่ปอถามว่าพี่ชอบผู้ชายรึเปล่า

พี่ก็จะบอกว่า ใครก็ได้ที่เค้ารักเรา แล้วเราก็รักเค้า ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงรึผู้ชาย ถ้ามีความรักให้แก่กันด้วยความจริงใจ

ก็คงไม่แปลกอะไรที่เราจะปล่อยใจไปกับความรักนั้น”

   ปืนเข้าข้างตัวเองว่า การที่เขาพูดถึงความรักอย่างเป็นกลาง มันจะให้ผลดีกับปอมากกว่าที่จะปิดกั้นความรู้สึก

บางรูปแบบที่สังคมรอบข้างยังไม่อาจจะัยอมรับได้ อย่างไรเสียปืนก็ยังอยากให้ปอเห็นว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม

      “ถ้างั้นผู้ชายคนนั้นเค้าเป็นคนรักของพี่ปืนเหรอครับ ทำไมผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย”

      ปืนสงสัยว่า ‘ผู้ชายคนนั้น’ ที่ปอพูดหมายถึงใคร หรือว่าปอจะจำไม่ได้ว่าผู้ชายที่บุกรุกห้องนอนของปืนเมื่อเช้า

เป็นคนใกล้ตัว

      “พี่ปืนคงคบกับเค้ามานานแล้วสินะครับ เค้าถึงได้เข้าถึงเนื้อถึงตัวพี่ปืนขนาดนั้น”

      นั่นไง....ปอจำไม่ได้จริง ๆ แหละว่าเป็นพี่เอก

      “ไม่เคยหรอก เพราะพี่ไม่เคยเปิดโอกาสให้ แต่เมื่อเช้าคงจะได้จังหวะมั้ง ไม่มีใครอยู่

ปอเองก็คงไม่ได้ล็อกประตูก่อนจะออกไป แล้วยังมาเจอห้องนอนก็เปิดทิ้งไว้อีก พี่กำลังแต่งตัว

ก็เลยไม่ทันระวังว่าเช้าขนาดนั้นใครจะมาเยี่ยมเรา”

      “งั้นก็ผมเองที่ปล่อยให้เค้าเข้ามาลวนลามพี่ปืนได้”

      “อย่าโทษตัวเองเลยปอ พี่ไม่ได้คิดอย่างนั้นซักหน่อย มันก็แค่เหตุบังเอิญ แล้วพี่ก็ป้องกันตัวเองได้”

    ...ใช่...ปล่อยออกไปหนึ่งหมัด นิ้วยังระบมไม่หาย

      “หมายความว่าจริง ๆ แล้วเค้าไม่ใช่คนรักของพี่ปืนใช่มั้ยครับ”

      “นี่ปอจำพี่เอกไม่ได้เหรอ”

      “อะไรนะ...พี่ปืน....พี่เอกเหรอครับ”

      “แต่พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเค้าหรอกนะ ปอก็รู้ว่าพี่เอกน่ะเจ้าชู้แค่ไหน ตอนที่ปอกลับบ้านแล้วพี่ไปอบรมสาขาน่ะ

พี่เอกเค้าทำท่าสนใจปอจนพี่นึกว่าพี่เอกคิดอะไรกับปอเสียอีก”

      “ทื่ไหนได้ พี่เอกคงจ้องพี่ปืนตลอดเวลาอ่ะ แล้วเค้านะทำเป็นมาตีสนิทกับผม หลอกถามเรื่องเกี่ยวกับพี่ปืนตั้งหลายอย่าง”

      “พี่เอกหลอกถามเรื่องของพี่เหรอ เค้าถามอะไรมั่ง”

      ปืนไม่เคยรู้เลยว่าเขาจะอยู่ในความสนใจของพี่เอก ก็เห็นมีแฟนอยู่ตลอดไม่เคยขาดคนควง

แล้วเขากับพี่เอกก็เพิ่งจะรู้จักกันไม่นาน ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้

      “ก็ถามว่าผมกับพี่ปืนอยู่ห้องเดียวกันรึป่าว รู้จักกันได้ไง รู้จักกันนานรึยัง เพราะว่าบ้านผมอยู่โน่น

คนละทิศกับบ้านเดิมของพี่ปืนเลย”

      “แล้วปอเล่าให้เค้าฟังแค่ไหน”

      “ผมก็เล่าไปเรื่อย มันก็ไม่ใช่ความลับอะไรนี่ครับ ผมบอกพี่เอกไปด้วยว่าเราเคยอยู่ห้องเดียวกันพักนึง

ก่อนที่ผมจะแยกออกไป ดูพี่เอกจะสนใจเป็นพิเศษอ่ะ ว่าทำไมผมถึงต้องแยกห้อง”

      “แล้วปอบอกพี่เอกเหรอว่าเรา….”

      ปืนยั้งคำพูดว่า..ไม่พูดจากัน...ไว้แค่ปลายลิ้น ไม่อยากย้ำเตือนเรื่องเก่า ๆที่มันผ่านไปแล้ว
 
      “เรื่องอะไรผมจะบอกล่ะครับ เรื่องในครอบครัวเราพี่เอกไม่เกี่ยวอะไรด้วยนี่ ผมบอกว่าห้องมันคับแคบไปหน่อย

ถ้าเพื่อนผมกับเพื่อนพี่ปืนมาหาเราพร้อม ๆ กัน”

      “อ้าว! แล้วมันไม่ใช่เหตุผลนี้หรอกเหรอ ที่ปอย้ายออกไปน่ะ”

      “เออะ...เอ่อ...มันก็...ใช่นะ”

      “แสดงว่า....มันต้องมีเหตุผลอื่นอีกงั้นสิ”

      ทั้งที่พอจะเดาออกอยู่ก่อนแล้ว ว่าปอย้ายออกไปไม่ใช่ด้วยเหตุผลนี้ แต่ปืนก็ยังไม่รู้ชัด

      ปออ้ำอึ้ง

      “ว่าไง”

      “ผม...”

      “เราควรจะคุยกันให้เข้าใจซะทีนะปอ ไหนบอกว่าจะกลับมาเป็นน้องชายของพี่เหมือนเดิม

แล้วเดี๋ยวนี้น้องชายมีความลับกับพี่ชายด้วยเหรอ”

      “ครับ”

  ปอก้มหน้ารับคำยอมจำนน

      “ผมจะพูดเรื่องนี้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ แล้วจะไม่พูดถึงอีก ผมสัญญาว่าหลังจากคืนนี้ ผมจะเป็นปอคนเดิม

เป็นน้องชายของพี่ปืน ถ้าสิ่งที่ผมพูดทำให้พี่ปืนลำบากใจ ผมก็ขอโทษ ขอแค่พี่ปืนอย่ารังเกียจผม”

“พี่เต็มใจรับฟังทุกเรื่องที่ปอพูดเสมอ ไม่ว่าจะยังไงพี่ก็อยากให้ปอรู้ว่าพี่ไม่มีวันรังเกียจปอ”

      “ขอบคุณครับ ผมดีใจที่ได้ยินพี่ปืนพูดอย่างนี้”

      เสียงนุ่ม ๆ เบา ๆ เริ่มต้นเล่าถึงความรู้สึกตัวเองอย่างค่อยเป็นค่อยไป นี่เป็นครั้งที่สอง

ที่ปอเปิดเปลือกตัวเองให้ปืนได้ฟัง ครั้งแรกด้วยเรื่องของเนย แต่อย่างไรก็ตาม

ปืนก็สังเกตความแตกต่างของปอได้อย่างชัดเจน

      ครั้งนั้นปอเหมือนเด็กที่สับสน หวาดระแวง และดูเศร้าซึม แต่คราวนี้แววตาของปอ

เต็มไปด้วยความแน่วแน่และมุ่งมั่น เขารู้สึกได้ถึงความมั่นใจในตัวเองที่นับวันปอจะมีมากขึ้น

      “ตอนนั้นผมอยู่กับพี่ปืนต่อไปไม่ได้ เพราะผมไม่เข้าใจพี่ปืน และพี่ปืนก็ไม่เหมือนเดิม

ผมอยากออกห่างมาซักพักเผื่อจะคิดอะไร ๆ โดยที่ไม่ต้องมีความรู้สึกที่มีต่อพี่ปืนมาครอบงำ”

      …….

      “หลายเดือนที่ผ่านมา พี่ปืนรู้มั้ยว่าผมแทบจะหาความสุขไม่ได้เลย

ทั้ง ๆที่ผมเป็นคนดิ้นรนที่จะแยกห้องออกไปเองแท้ ๆ พอเอาเข้าจริง ๆ

ผมกลับโหยหาความรู้สึกอบอุ่นเหมือนตอนที่เราอยู่ด้วยกัน ผมต้องเผชิญกับความเงียบเหงาทุกเมื่อเชื่อวัน

ผมไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวแบบนี้มาก่อน ทั้ง ๆ ที่ผมก็เป็นลูกโทนน่าจะชินกับการอยู่ตัวคนเดียวด้วยซ้ำ

แต่กลายเป็นว่าผมไม่อยากไปไหน ไม่อยากทำอะไร เพราะทำคนเดียวมันไม่สนุก ไม่เพลิน

ผมอยากได้เพื่อน ผมก็เริ่มหันเข้าหาเพื่อนในโรงเรียนมากขึ้น แต่มันก็ชดเชยกันไม่ได้

ผมตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมผมถึงไม่หายเหงาซะที แค่ผมไม่เจอพี่ปืน ไม่ได้กินข้าวด้วยกัน

ไม่ได้ไปไหนทำอะไรด้วยกันอย่างเคย มันทำให้ผมว้าเหว่ได้ขนาดนี้เชียวเหรอ

...ตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่าทำไมตัวเองถึงได้รู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกแบบนี้เรียกว่าอะไร”

      …….

      “ตอนที่พี่ปืนจะไปอบรมแล้วยังมีแก่ใจชวนผมกลับบ้าน ผมดีใจมากที่พี่ปืนนึกถึงผม

ผมคิดเอาเองว่าคงเป็นเพราะผมคิดถึงบ้าน ดีใจที่ได้กลับบ้าน ขากลับพี่เอกชวนผมไปนั่งด้วยกัน

เค้าถามผมหลายอย่างเกี่ยวกับพี่ปืน ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าเค้าอยากรู้ไปทำไม คิดแค่ว่าเค้าคงอยากชวนคุยเฉย ๆ

หลายเรื่องที่ผมตอบเค้าไป ยิ่งทำให้ผมแปลกใจตัวเองว่า ทำไมผมถึงจดจำเรื่องราวของพี่ได้มากมายนัก

แล้วยังรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้พูดถึง”

      …….

      “กลับมาถึงห้อง ผมก็คิดแทบจะตลอดเวลาว่าผมรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมเพราะเราได้กลับมาคุยกันเหมือนเดิมใช่มั้ย

ผมไม่กล้ายอมรับ ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนตัวเองไม่เหมือนใคร ๆ ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่น ๆ

เพราะความรู้สึกของผมที่มีต่อพี่ปืนเปลี่ยนไปหรือที่จริงมันไม่เคยเปลี่ยนก็ไม่รู้ แต่ผมต่างหากที่ไม่เข้าใจ”

      ปอเงยหน้ามองปืน แววตาเศร้าสบตาปืนทั้งที่น้ำตาคลอ

      “ตอนนั้นผมกลัวมาก แล้วก็สับสนมากด้วย ผมเริ่มสงสัยว่าตัวเองจะเป็น....เกย์”

      โธ่!....ปอ

      ปืนโอบปอไว้ในอ้อมกอด ซบหน้าลงบนเส้นผมอ่อนสลวยหอมกรุ่นของปออย่างรักใคร่

ไม่ง่ายเลยกับการที่ปอจะยอมรับได้อย่างหน้าชื่นตาบาน ว่าตัวเองมีวิถีชีวิตและความคิดที่เปลี่ยนไปเป็นเกย์

      สำหรับบางคนที่อยู่ในสังคมเมืองใหญ่ ๆ อาจจะเห็นเป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่ปืนที่มาจากบ้านนอกมาอยู่ในเมืองหลายปีแล้ว

เขาถึงได้เห็นเป็นเรื่องธรรมดา มีตัวอย่างให้ดูถมเถไป ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ ภาพยนตร์ นักร้อง ดารา

หรือแม้แต่นักศึกษาในสถาบันการศึกษาหลาย ๆแห่ง ก็มีให้เห็นกันเกร่อ

...แต่นั่น ไม่ใช่สังคมแบบที่ปอเคยอยู่มาแต่เล็กแต่น้อย ก็คงยากที่ปอจะปรับความรู้สึกให้ทัน

      “ก่อนหน้านั้นคอร์สคณิตศาสตร์เปลี่ยนคนสอนใหม่เป็นพี่เต้ย ผมชอบพี่เค้าเพราะสอนสนุก

สอนอะไรที่ดูยากให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ผมก็เริ่มจะติดพี่เต้ย จนผมมารู้ว่าพี่เต้ยมีแฟนเป็นผู้ชายซึ่งตอนนั้น

ผมไม่รู้ว่าเป็นพี่เอก ผมฟังพี่เต้ยเล่าเรื่องแฟนจอมเจ้าชู้ จนเรียกได้ว่ารู้จักดีก่อนที่จะเห็นตัวซะอีก

ตอนที่ผมเจอพี่เอกก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเป็นคนเดียวกันกับแฟนพี่เต้ย”

      ……

      “กลับมาเรียนวันแรกน่ะแหละผมถึงได้รู้ เพราะพี่เอกเค้าไปรอรับพี่เต้ยตอนเลิกเรียน พี่เต้ยแนะนำให้ผมรู้จัก

เราต่างคนก็ต่างเพิ่งรู้ว่าไม่ใช่คนอื่นคนไกล ผมก็ยิ่งรู้สึกสนิทใจที่จะคบกับพี่เอก กับพี่เต้ยขึ้น

จนถึงกับไปไหนมาไหนด้วยกันบ้าง  จากที่ไม่ค่อยไปไหนกับใคร ผมก็เริ่มมีสังคมมากขึ้น”

      …..

      “อยู่ด้วยกันบ่อย ๆ ได้ยินพี่เต้ยพูดถึงพี่เอกบ่อย ๆ ผมก็เริ่มชินกับความรักแบบนี้ว่าไม่เห็นจะผิดตรงไหน

ใคร ๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะรักกันได้ ขอแค่เราจริงใจกับความรัก กับคนที่เรารัก มันก็เพียงพอแล้ว”

      …..

      “แล้วผมเองก็คิดว่าพี่ปืนน่าจะมีใจให้ผมบ้าง”

      “หือ”

      “ลืมเรื่องที่พี่ปืนทำกับผมบนโบกี้รถไฟคืนนั้นแล้วเหรอครับ”

      ปออ้อมแอ้มถามไม่เต็มเสียง เล่นเอาปืนแทบสะดุ้งกับคำถามที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยของปอ

      “มะ...ไม่....ไม่ลืม แต่....แต่...”

      “นั่นแหละครับ พอผมเริ่มยอมรับความรู้สึกตัวเองได้ ก็คิดเข้าข้างตัวเองไปว่า

พี่ปืนก็คงคิดกับผมไม่ต่างกัน ถึงได้...จูบแก้มผม”

      …..

      “ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าที่คิดไว้มันผิดหมด”

      ไม่นะปอ...ไม่ผิดเลยซักนิดเดียว….เสียงนั้น แค่ลั่นอยู่ในอกปืนเท่านั้น

แม้จะอยากยืนยันปืนก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไป ปอกำลังจะเปลี่ยนความคิด และต้องตัดใจจากเขาได้ในไม่ช้า

.......นี่มิใช่หรือที่เขาอยากให้มันเป็นไป

      “ผมรู้ว่าสุดท้ายแล้วผมคงเป็นได้แค่น้องชายของพี่ปืนเท่านั้น แต่พี่ปืนไม่ต้องห่วงนะครับ

ผมจะไม่ทำให้พี่ปืนต้องยุ่งยากใจเป็นอันขาด”



      ปืนนอนไม่หลับตลอดคืน เช้าขึ้นมาถึงได้เห็นร่องรอยของคนอดนอนอย่างเด่นชัด

คำพูดของปอวนเวียนอยู่ในความหัวจนจิตใจปืนเองว้าวุ่น ทั้งที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า

จะไม่ยอมตกเป็นทาสอารมณ์ของตัวเอง และจะพยายามทำทุกทางให้ปอลืมความรู้สึกที่มีต่อเขาให้ได้

เรื่องรักระหว่างเขากับปอไม่ควรเกิดขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ปืนก็จำเป็นที่จะต้องหยุดไว้แค่นี้

ก่อนที่ทั้งเขาและปอจะถลำลึกเลยเถิดไปจนยั้งไม่อยู่ เขาคงต้องทำอะไรสักอย่าง

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 19/5/2555
«ตอบ #88 เมื่อ20-05-2012 00:15:31 »

      จากวันที่เกิดเรื่องมาจนถึงวันนี้เกือบครึ่งเดือน ปืนยังไม่เคยเจอหน้าพี่เอกเลยซักครั้ง

ส่วนเต้ยนั้นปืนก็ไม่เคยจะถามจากปอว่าเป็นยังไงบ้าง แต่ก็คาดว่าถ้าเขาหรือแม้แต่ปอไม่ปริปากพูดอะไรออกไป

เต้ยก็คงไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์อุบาทว์เกิดขึ้นที่ห้องของปืน โดยที่ไอ้พี่เอกเป็นตัวการ เพราะไอ้ตัวการคงจะไม่พูดอะไรแน่ ๆ

      เขาได้ข่าวว่าพี่เอกขายดาวน์บ้านหลังนั้นไปแล้ว เพราะเจ้าของโครงการบ้านเป็นลูกค้าที่สาขาของปืน

มาเดินบัญชีแทบทุกวัน   ส่วนสาเหตุที่ขายก็ไม่มีอะไรมาก เจ้าของโครงการบอกว่าพี่เอกบ่นว่าไกลไป

แต่ปืนค่อนข้างแน่ใจว่า เป็นเพราะพี่เอกรู้ว่าปืนไม่ได้ซื้อบ้านหลังข้าง ๆต่างหาก

    หลังจากเหตุการณ์วันนั้นปืนก็เลยค่อย ๆ ทบทวนเรื่องราวตั้งแต่ที่ได้รู้จักพี่เอกมา ก็เพิ่งจะผิดสังเกตหลายเรื่อง

เพียงแต่ตลอดเวลานั้นพี่เอกมีแฟน มีคู่ควงไม่เคยขาด ปืนก็นึกไปว่าเป็นความสนิทสนมแบบเพื่อนฝูง

ที่คุยกันถูกคอก็เท่านั้น   หารู้ไม่ว่าพี่เอกคิดจะขย้ำเขาตลอดเวลา

.....นี่ถ้ารู้ตัวก่อน ปืนคงจะระวังไม่ให้พี่เอกเข้าถึงตัวได้แน่ ๆ



      อีกเดือนกว่า ๆ ก็ได้เวลาเอ็นทรานซ์อีกแล้ว ปืนสังเกตเห็นปอขยันขึ้นมากมาย นอนก็ดึกขึ้น

แต่การลงเรียนคอร์สติวกลับน้อยลง อย่างวันนี้ปกติปอจะมีเรียนตอนเย็นไปจนถึงสองทุ่ม แต่พอจบคอร์สปกติแล้ว

ก็ไม่คิดจะสมัครเรียนต่อ เพราะคลาสนี้จะเต็มไปด้วยน้องม.6 ที่ลงเรียนเพื่อการกวดวิชาเป็นพิเศษ

      “ผมไม่อยากเรียนคลาสเดียวกับรุ่นน้อง ๆ รู้สึกว่าตัวเองแก่ ๆ ยังไงไม่รู้อ่ะ”

      ปอทำหน้ามุ่ย...เดี๋ยวก็แก่ไปจริง ๆ หรอกเอ๊อ...

      “แล้วทั้งห้องน่ะ มีเราอายุมากกว่าใครเพื่อนรึไง”

      “ก็ไม่หรอกครับ ผมรู้สึกไปเองน่ะ แต่ผมก็เตรียมตัวสม่ำเสมอมาตลอดนะ ถึงไม่ได้ลงคอร์สติวก็คงไม่เป็นไร

หาแนวข้อสอบมาทำเองก็คงได้”

      “ประมาทไปรึป่าว”

      “โธ่! พี่ปืนอ่ะ เรียนเยอะหนักสมองจะตาย นี่ผมว่าจะชวนพี่ปืนไปนอนเล่นริมทะเลซักคืนเชียวนะ ไปป่าว”

      “ก็ดีนะ ปีนี้พี่ลาพักร้อนไปไม่กี่วันเลย จะหมดปีอยู่แล้ว เดี๋ยวหมดสิทธิ์ลา”

      “ไป......ไป......ไป........”

      ปอทำท่าคิด

      “เกาะสมุยมั้ย”

      ปืนพูดถึงเกาะใหญ่ในอ่าวไทย ก็ไกลออกไปหน่อยแถมต้องนั่งเรือออกไปอีกทอด ปืนคงต้องลาทั้งอาทิตย์
   
      “อยากไปครับ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”

      ปืนเสนอชื่อเกาะในทะเลอันดามัน ใกล้เข้ามาแต่เป็นอีกฝั่งของด้ามขวาน

      “น่าสนใจนะครับ ผมยังไม่เคยไปเลย แต่เอ็นฯให้เสร็จก่อนดีกว่า”

      “เกาะหลีเป๊ะเอ้า!”

      “นั่งเรือนานโคตรอ่ะ”

      “เกาะกระดานมั้ย ใกล้เข้ามาหน่อย เช้าไปเย็นกลับ”

      “อื่มมมม”

      ปอทำท่าคิดซะนานจนปืนขี้เกียจรอฟัง

      “หาด..........แล้วกัน”

      พูดจบปืนก็รีบลุกขึ้นเดินหนี หมั่นไส้ไอคนเรื่องมาก โน่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอา เขาก็เลยประชดมันเสียส่งไป

ดูซิจะว่ายังไง   เพราะหาดที่ว่านั่นอยู่หากจากบ้านไปแค่ 30 กิโลเมตรเอง

      “ก็ดีเหมือนกันนะพี่ปืน เช้าไปเย็นกลับได้สบาย ๆ ทะเลเหมือนกัน

...เอาตามนี้แหละ วันเสาร์นี้เลยนะครับ ผมจะได้เตรียมรายการอาหารไปปิคนิคกัน”

      เห็นอาการร่าเริงแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ก็ต้องส่ายหน้าให้กับความน่าเอ็นดูของปอ

ซึ่งคงไม่รู้ตัวหรอกว่าโดนประชดเข้าให้แล้ว

      “พี่ปืนอยากกินไรบอกมาเลย ถ้าเป็นเมนูใหม่ ๆ ผมจะได้หัดทำก่อน แต่ถ้าไม่ยุ่งยากผมจะได้เตรียมเครื่องปรุง”

      “อะไร ๆ ก็ทำไปเถอะ พี่ก็กินได้ทุกอย่างที่ปอทำนั่นแหละ”

      “งั้น....พรุ่งนี้เย็นเราไปซื้อของกันนะครับ เดี๋ยวผมไปดูก่อนดีกว่าว่าขาดเหลืออะไร”

     ปอเดินออกจากห้องไป ประตูห้องปืนยังไม่ทันงับสนิทดี แขกที่ปืนไม่เต็มใจต้อนรับก็เดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย

ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มตามแบบฉบับหนุ่มสุขุมลุ่มลึกที่ปืนคุ้นเคย แต่ท่าทีแบบนี้เขารู้ซะแล้วว่ามันหลอกตา

ภายในน่ะยังกับเสือร้ายที่จ้องจะขย้ำเขาทุกครั้งที่มีโอกาส ปอเดินตามมาห่าง ๆ สายตาจับจ้องแผ่นหลังของพี่เอกไม่วางตา

      “มีอะไรครับพี่เอก ถึงมาเอาป่านนี้”

      “แวะมาเฉย ๆน่ะ”

      พี่เอกตอบ และคงรู้สึกว่ามีใครอีกคนกำลังจ้องอยู่ด้านหลัง จึงหันไปมอง

      “อ้าว! ปอ นึกว่าจะกลับไปที่ห้องซะอีก”

      “ผมยังไม่เสร็จธุระกับพี่ปืนน่ะครับ”

      ปอก้าวเดินเข้ามานั่งที่โซฟา ปักหลักแบบเรือทิ้งสมอ คว้าหมอนอิงมากอด หยิบหนังสือที่อยู่ใกล้มือมาพลิกดู

       ...จะรู้เรื่องมั้ยน่ะว่าในหนังสือเขาว่ายังไงบ้าง

      “พี่มีธุระจะคุยกับปืนหน่อยนึงน่ะปอ”

      “ก็คุยไปสิครับ ผมไม่ได้เกะกะอะไรไม่ใช่เหรอ”

      นั่น...กวนได้อีกเจ้าปอ

      “มีอะไรก็พูดมาเถอะพี่เอก อันที่จริงผมคิดว่าเราไม่น่าจะมีอะไรคุยกันนะครับ”

      “ทำไมตัดสัมพันธ์กันแบบนี้ล่ะปืน”

      พี่เอกขยับเข้ามาใกล้ ทำท่าจะคว้ามือปืนไปกุมไว้เสียด้วย หางตาของปืนรู้สึกเหมือนเจ้าปอขยับตัวทันที

แต่ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น

      “พี่อยากคุยส่วนตัว”

      ไม่พูดเปล่า ทำเป็นเหลือบตาไปทางประตูห้องนอน....รู้ทันนะเว้ย...ถึงไม่ได้ทำอะไร

แต่ไอ้ที่จะให้เข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวระดับนั้นน่ะเมินซะเถอะ เขาสงวนสิทธิ์ไว้ให้เจ้าปอคนเดียวเท่านั้นแหละ

      “ตรงนี้ก็คุยได้ ผมกับปอก็พี่น้องกัน พี่เอกพูดมาผมก็ต้องเล่าให้ปอฟังทีหลังอยู่ดี”

      “แต่ว่านี่มัน...”

      “งั้นก็ไม่ต้องคุยก็ได้นะครับ เพราะผมไม่มีธุระอะไรกับพี่เอกอยู่แล้ว”

      “ก็ได้ ๆ”

      ปืนโบกมือไปที่เก้าอี้เดี่ยวตรงข้ามกัน แล้วเขาก็นั่งเก้าอี้เดี่ยวอีกตัว ส่วนโซฟาตัวยาวมีปอนั่งอยู่ก่อนแล้ว

คั่นระหว่างเขากับพี่เอก  ปอหันหน้ามามองปืนที แล้วหันไปมองพี่เอกอีกที ก่อนจะก้มลงอ่านอะไรที่อยู่ในมือต่อไป

ท่าทางที่เหมือนจะไม่สนใจ  แต่ปืนก็รู้ว่า ใบหูเล็ก ๆ ขาว ๆ กำลังกางผึ่งคอยฟังเต็มที่เชียวแหละ

      “พี่ขายบ้านไปแล้วนะ”

      “ครับ”

      “มันไกลน่ะ ไปมาไม่ค่อยสะดวก”

      ปืนไม่ตอบ แต่ทำหน้ารู้ทัน

      “อ้ะ ๆ บอกก็ได้ เพราะพี่รู้ว่าปืนไม่ได้ซื้อบ้านหลังข้าง ๆ ไง”
 
       ก็แค่นั้น

      “พี่อยากรู้ว่าทำไม”

      “เงินไม่พอครับ มันแพงไป”

      “ไม่จริงหรอก”

      “แล้วพี่เอกว่าความจริงเป็นไงล่ะครับ”

      “ปืนจะหลบหน้าพี่”

      “โห สำคัญตัวเองผิดไปรึป่าวครับพี่เอก ผมจะหลบหน้าพี่ทำไม พี่ต่างหากที่ควรจะหลบหน้าผม”

       ทำมาเป็นรู้ทัน ก็ไม่เชิงว่าอยากหลบหน้านะ แต่ถ้าบอกว่าไม่อยากเจอหน้าจะถูกกว่า

      “ไม่เห็นมีอะไรต้องหลบนี่ พี่อยากเจอปืนทุกวันเสียด้วยซ้ำ”

        โถ่....ไอหน้าด้าน

      “พี่เอกมีธุระอะไรกับผมกันแน่ พูดมาเลยดีกว่า”

      “ก็....”

       พอปืนจิกเข้าเรื่อง หนุ่มใหญ่มาดมั่นก็เริ่มมีทีท่าไม่มั่นเหมือนเคย ออกจะแปลกไปจากที่เคยเห็น

ท่าทางขยับมือไม้ แขนขา สายตาก็คอยแต่จะเหลือบมองปอ ที่นั่งไม่รู้ไม่ชี้ อ่านหนังสืออะไรไปเรื่อยเปื่อย

ยังกับเนื้อหาที่อยู่ในนั้นมันน่าสนใจเสียเต็มประดา

      “ปืน...พี่ขอร้องล่ะ ขอพี่คุยส่วนตัวซักครู่ได้มั้ย”

      “ผมว่าเราไม่มีเรื่องส่วนตัวที่จะต้องคุยกันนะครับ”

      “พี่ว่าปืนรู้แน่ว่าพี่จะพูดเรื่องอะไรต่างหาก ถึงได้ไม่ยอมเปิดโอกาสให้พี่ได้พูดเลย”

      “ถ้ายังงั้นผมว่าพี่เอกก็น่าจะรู้ต่อไปอีกว่า ผมจะตอบว่าอะไร จริงมั้ยครับ งั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะพูดกัน

เพราะทั้งคำถามคำตอบเราต่างก็รู้อยู่แก่ใจ”

      “ปืน...”

      “เอาล่ะ ๆ ผมจะกลับห้องล่ะครับ”

      ปอวางหนังสือลงบนโต๊ะ แล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดแทรกขึ้น

      “พี่เอกมีอะไรก็พูดกับพี่ปืนซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ส่วนพี่ปืนมีอะไรที่ไม่เข้าใจกันก็คุยกันดี ๆ

ผมนั่งขวางอยู่อย่างนี้มันคงไม่จบง่าย ๆ ขอโทษนะครับที่อยู่เป็นก้าง ผมก็แค่อยากรู้ว่าพี่สองคนจะเอายังไงกัน

แต่ดูท่าแล้วถึงเช้าผมก็คงไม่รู้...ผมไปล่ะ”

      ปอขว้างหมอนอิงที่อยู่ในมือส่งให้ปืนแรง ๆ ตั้งใจจะให้กระแทกหน้าแต่ปืนก็รับไว้ได้ทันซะก่อน

ปืนส่งสายตาตามไปก็เห็นแววตาเหมือนจะตัดพ้อ น้อยใจอยู่ในทีตอบกลับมา

      ...อยากบอกเหลือเกินว่าเขาไม่ได้อยากจะปรับความเข้าใจกับพี่เอกหรอก

แต่คำพูดนั้นมันก็จุกอยู่แค่คอหอย จำต้องกลืนมันกลับลงไป

      “แล้วผมจะโทรมานะพี่ปืน”

      ปอบอกทิ้งท้ายก่อนจะปิดบานประตูเบา ๆ

      พี่เอกยิ้มออกมาบาง ๆ ตามด้วยเสียงถอนหายใจโล่งอก ในขณะที่ปืนเริ่มจะเสียวอยู่ในอก

จะบอกว่าไม่กลัวรึก็ไม่อยากจะโกหกตัวเอง เขาไม่ลืมสัมผัสจ้วงจาบของพี่เอกในวันนั้น

แค่นึกถึงก็แทบจะอยากหลับตาปี๋    ถ้ามันจะทำให้ลืมภาพและสัมผัสนั้นให้หมดไปจากใจได้นะ

เคยแต่เป็นฝ่ายเริ่มแล้วค่อยรุก แต่พอกลายมาเป็นฝ่ายถูกรุกบ้าง ปืนก็รู้สึกแปลก ๆ

โดยเฉพาะกับคนที่ไม่เคยอยู่ในความคิดความสนใจมาก่อน  แถมยังไม่รู้เนื้อรู้ตัวล่วงหน้า

บอกเลยว่าปืนยังทำใจไม่ได้

      “ปอนี่เป็นเด็กดีจริง ๆนะ รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร”

      “พอเถอะครับพี่เอก ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นให้เสียเวลา พี่จะเอายังไงกับผมก็ว่ามาเลย”

      “นี่...พี่ไม่ได้มาเจรจาทำศึกนะ ถึงจะต้องมาตกลงอะไรอย่างเป็นทางการขนาดนี้”

      พี่เอกไม่พูดเปล่า ยังลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เดินเข้ามาจนชิดเก้าอี้ของปืน ที่พยายามทำใจกล้าไม่ลุกหนี

ก็นี่มันบ้านของเขาเองนี่นา จะต้องไปกลัวอะไร ผิดพลาดพลั้งไปก็แจ้งข้อหาบุกรุกเคหสถานซะก็หมดเรื่อง
 
     ...หัวหมอได้อีก

      “กินข้าวรึยัง”

      “ครับ ผมเรียบร้อยแล้ว”

      “แต่พี่ยังไม่กินอะไรเลย หิวด้วย”

      แล้วเกี่ยวอะไรกับเขาวะ

      “ไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ”

      “ขี้เกียจออกไป”

      “งั้นทำอะไรให้พี่กินหน่อยได้มั้ย หิวจริง ๆ นะ ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เที่ยงนู่น”

      ....แล้วพี่จะหิ้วท้องรอใครไม่ทราบ....

      “นะ อะไรพี่ก็กินได้หมด ทำให้กินหน่อยนะ”

      “ผมทำไม่เป็นหรอก หิวขึ้นมาก็ซื้อเอา”

      “พี่ทำเป็น งั้นขอยืมครัวหน่อยนะ”

      ว่าแล้วก็ก้าวยาว ๆเข้าไปในครัว.....อารายวะ....จะไม่รอให้เขาบอกอนุญาตก่อนรึยังไง...

  ปืนได้แต่มองตามไปอย่างงง ๆ กับความเป็นกันเอง ที่พี่เอกแสดงออกมา ดูพี่เอกมันรู้ซะอีกว่าครัวอยู่ตรงไหน

เดินไปสำรวจเคาน์เตอร์เสร็จแล้วก็เดินมาเปิดตู้เย็น คุ้ย ๆ เขี่ย ๆ ก็ได้ไข่มาสองฟอง มะเขือเทศ กับผักอะไรขยุกขยุย

ที่เจ้าปอซื้อมาเก็บไว้ หันมาชูของในมือให้ดู ยักคิ้วให้ปืนทีนึงแล้วก็ไปทำอะไรง่วนอยู่ตรงเคาน์เตอร์

ปืนไม่อยากจะให้ความสนใจมากนัก โดยนิสัยแล้วเขาก็ไม่ค่อยจะขัดอะไรใครเท่าไหร่

เว้นซะแต่ว่ามันจะทำให้เขาเดือดร้อนรำคาญจนเกินไป ก็อาจจะพูดบ้าง และตอนนี้ที่เขาทำเป็นไม่สนใจ

ไม่ใส่ตามองก็เพราะพยายามข่มอารมณ์โกรธที่กำลังปุด ๆ อยู่ข้างใน

หวังว่าเสร็จเรื่องกินแล้ว จะได้พูดกันให้จบเรื่องซะที

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: อ้อนนักรักซะดีแมะ 19/5/2555
«ตอบ #89 เมื่อ20-05-2012 00:18:12 »

       หลังจากได้กลิ่นหอม ๆ กวนจมูกมาพักใหญ่ ปืนยืดคอมองที่โต๊ะอาหาร

เห็นชามแก้วใบใหญ่ที่ไม่ค่อยได้หยิบมาใช้บรรจุน้ำซอสสีแดงข้น ๆ อยู่เต็มชาม

ข้าง ๆ กันมีเส้นสะปาเก็ตตี้สีเหลืองนวลรองด้วยผักขยุกขยุยสีเขียว 2 จาน

       “มากินกันได้แล้วครับ”

      พ่อครัวจำแลงเชิญชวนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่มันย่อง เพราะอยู่หน้าเตาไฟ

คงร้อนน่าดู เม็ดเหงื่อผุดที่ข้างขมับกับปลายจมูก ดูตลกแต่ก็น่าทึ่ง

เนื่องจากเห็นพี่เอกในคราบพนักงานที่สวมเชิ้ตขาวผูกเนกไทมาตลอด

ไม่คิดว่าจะมีอารมณ์พ่อครัวแบบนี้กะเค้าเหมือนกัน นึกอีกทีก็สงสาร

ปืนเลยเดินไปเปิดพัดลมดูดอากาศ ปิดหน้าต่างทุกบานแล้วเปิดแอร์ให้

พี่เอกเลยยิ่งได้ใจ ส่งยิ้มมานัยน์ตาเยิ้มเห็นแล้วชวนหมั่นไส้

      ทั้งที่มื้อเย็นเพิ่งผ่านไปหยก ๆ แต่กลิ่นหอม ๆ ที่โชยมาเข้าจมูกก็ชวนให้น้ำลายสอ

พี่เอกจัดการตักซอสราดเส้นที่อยู่ในจานจนชุ่ม ส่งให้ปืนก่อนจะจัดการของตัวเองบ้าง

จะว่าเห็นแก่กินมั้ยเนี่ย ถ้าปืนจะบอกว่า พี่เอกทำอาหารได้อร่อยน่ากินจริง ๆ ซอสที่เห็นข้น ๆ นั้น

มีเห็ดแชมปิญองหั่นเป็นชิ้น กับไข่เป็นริ้ว ๆ ปนอยู่ด้วย ไม่มีเนื้อหมูเนื้อไก่สักนิด แต่มันก็ได้รสชาติอย่างไม่น่าเชื่อ

      นอกจากทำอาหารให้กินแล้ว ยังเก็บล้างถ้วยจานชามให้เรียบร้อย รวมทั้งจานอาหารของปืน

      .....ก็จะทำไมล่ะ เขาไม่ได้เรียกร้องให้พี่เอกทำให้กินนะ แล้วไอ้การเก็บกวาดครัวให้สะอาดเอี่ยมเหมือนเดิม

ก็ควรจะเป็นหน้าที่ของคนที่เป็นต้นคิดทำอาหารมื้อนี้ด้วย

      “อ้าซซซซ”

      พี่เอกกลับมานั่งแปะลงบนตัวโซฟา ขายาว เหยียดออกอย่างสบายอารมณ์

หัวพิงพนักเอียงหน้ามาทางปืนที่กำลังจ้องโทรทัศน์ไม่วางตา

      “ถ้าได้อยู่กับปืนทุกวันอย่างนี้ก็ดี”

      ปืนเหลือบตามองอย่างหวาดระแวง

      “ไม่ทำอะไรหรอกน่า คราวก่อนมันอดใจไม่ไหวเท่านั้นเอง”

      พี่เอกหัวเราะในลำคอ เมื่อยื่นมือมาลูบขาปืนเล่นเบา ๆ แล้วปืนสะดุ้งหดขาขึ้นบนเก้าอี้

แถมขยับตัวออกห่างทันทียังกะต้นไมยราบเวลาโดนใครเอามือไปแตะ

      ไว้ใจไม่เคยได้เลยนะ

      “คุยได้ยังธุระของพี่น่ะ”

      ปืนมองพี่เอกด้วยหางตา ชักจะเริ่มรำคาญคนท่ามากขึ้นมาหน่อย ๆ

      “แหม ข้าวไม่ทันจะเรียงเม็ดเลย จะชวนคุยเรื่องเครียด ๆ ไปทำไมกันครับ”

      พี่เอกทำเสียงอ้อน....น่ารักตายล่ะ

      “ไม่ได้กินข้าว ไม่ต้องรอให้เรียงเม็ดหรอก ไอ้ขนมจีนฝรั่งน่ะ เดี๋ยวมันก็ย่อย”

      เงียบไปอึดใจใหญ่ ๆ พี่เอกก็ค่อย ๆ พูดอย่างช้า ๆ คงพยายามเลือกคำพูดให้ฟังดูดี

      “ปืนอาจจะเห็นว่าพี่มีใครต่อใครตลอดเวลา แต่พี่อยากจะบอกว่า ไม่เคยรู้สึกกับใครแบบที่รู้สึกกับปืนเลยนะ

ปืนก็รู้ว่าพี่ไม่ได้ชอบผู้หญิง พี่ไม่เคยรู้หรอกว่า ผู้ชายที่เค้ารักผู้หญิงน่ะเค้าเป็นกันยังไง

กับน้อง ๆ ที่พี่เคยอยู่ด้วยกัน พี่ก็แค่ชวนมาอยู่เป็นเพื่อนกัน ทำอะไรร่วมกัน

มีเพื่อนอยู่ด้วยกันมันก็ช่วยแชร์อะไรต่อมิอะไรได้ตั้งหลายอย่าง ทั้งค่าใช้จ่าย ทั้งความรู้สึก ดีกว่าอยู่คนเดียว

ส่วนเรื่องเซ็กส์น่ะมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ใกล้ชิดกันมันก็เกิดอารมณ์ใคร่เป็นธรรมดา

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะขาดไม่ได้”

      ….แต่ก็เห็นมีไม่ได้ขาดนี่หว่า....

      “แต่กับปืนมันไม่เหมือนกัน ตั้งแต่ที่ได้รู้จัก พี่ก็รู้สึกว่าอยากอยู่ใกล้ ๆปืน อยากเห็นหน้าทุกวัน

พอรู้ว่าปืนจะซื้อบ้าน พี่ก็ตัดสินใจซื้อด้วย ทั้งที่ไม่เคยคิดมาก่อน จนใคร ๆก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้

เพื่อนมันยังถามว่าพี่นึกยังไง เพราะพี่เคยพูดเสมอว่าพี่ตัวคนเดียว พ่อแม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว

เพราะท่านก็อยู่ของท่านไปไม่เดือดร้อน เงินเดือนพี่ก็ใช้คนเดียว กินเที่ยวบ้าง เก็บบ้าง ซื้อบ้านก็เป็นภาระเปล่า ๆ”

      ……....

      “แต่พี่ก็ยอมเพราะอยากอยู่ใกล้ปืน อย่างน้อย ได้อยู่บ้านติดกัน ก็คงได้เจอกันบ่อย ๆ”

      ยิ่งฟังปืนก็ยิ่งแปลกใจว่าเขาไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยว่าพี่เอกจะคิดกับเขาไปได้มากมายขนาดนี้

เท่าที่เห็นก็ออกจะเป็นผู้ชายเต็มตัว แถมยังมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว

ส่วนเขาเองก็แมนไม่น้อยไปกว่ากัน อะไรจะพิศวาสหลงใหลได้ปลื้มกับเขานัก

      “ปืนคงคิดว่าพี่ชอบผู้ชายแบบเต้ย เพราะก่อนหน้าเต้ย พี่ก็มีแต่ผู้ชายที่ดูนุ่มนิ่มแบบเดียวกัน

พี่ก็ไม่รู้หรอกนะทำไมถึงได้ชอบปืน...รักเลยล่ะเอ้า”

      ....อย่าพู้ดดด...ตรูขนลุกไปหมดแล้ว....

       “คบกับพี่ได้มั้ย พี่รู้ว่าปืนยังไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่หรอก แต่ถ้าปืนรักปอได้ ปืนก็น่าจะรักพี่ได้เหมือนกันนะ”

       ปืนผงะ พี่เอกรู้ได้ยังไง อาการของเขามันเห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ

       “สงสัยว่าทำไมพี่รู้ใช่มั้ย”

        พี่เอกถาม

       "เพราะปืนอยู่ในสายพี่ตลอดเวลาไง ทีแรกที่ปืนแนะนำว่าเป็นน้อง พี่ก็ไม่ได้นึกอะไร

แค่แปลกใจว่าปืนกับปอ อายุห่างกันตั้งมาก ทำไมถึงสนิทกันจนนับพี่นับน้องกันได้ก็เท่านั้น

แล้วพี่ก็เริ่มผิดสังเกตว่าปืนแคร์ปอมากเกินไป ดูแลใกล้ชิดเกินไป ไม่เหมือนพี่น้องผู้ชายเค้าทำกัน

มาแน่ใจจริง ๆ ตอนขากลับ เพราะพี่แกล้งชวนปอมานั่งข้างหน้าด้วยกัน

 พี่เห็นปืนอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่ตอนนั้นก็เลยมั่นใจว่า ปืนต้องรักปอเกินกว่าคำว่าน้อง”

      ….ไอรู้ดี....

      “แล้วพี่ก็ว่าตัวเองคิดไม่ผิด ที่รู้สึกว่าปอก็ดูจะหวงปืนเกินกว่าน้องชายจะหวงพี่ชาย...ใช่มั้ยครับ”

   เรื่องนี้ปืนก็เพิ่งรู้เมื่อเร็ว ๆนี้เอง พี่เอกมองได้ทะลุปรุโปร่งตั้งแต่เมื่อไรกัน

      “พี่เอกพูดขึ้นมาทำไม”

      “ก็ไม่ทำไม แค่อยากให้แน่ใจว่าพี่คิดไม่ผิด...ใช่มั้ยปืน”

      พี่เอกชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ แกล้งถามย้ำเขาไปงั้นแหละ ทั้งที่คงพกความมั่นใจมาเต็มที่

      “ผมไม่เห็นมันจะหนักหัวใคร”

      ถูกจี้จุดเข้าปืนก็ชักจะอดไม่ไหว ทั้งที่ปกติเขาไม่ใช่คนจุดเดือดต่ำแบบนี้

      “อย่าหยาบคายกับพี่สิครับ”

      พี่เอกลูบหลังมือปืนเบา ๆ ไม่ใช่จะล่วงเกิน แต่เหมือนจะปลอบให้ปืนใจเย็นลงมากกว่าซึ่งมันก็ได้ผล

อารมณ์ร้อนไปก็ไม่ช่วยอะไร ปืนยังไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมพี่เอกต้องพูดถึงเรื่องเขากับปอขึ้นมา
 
      “แต่ปอคงจะไม่รู้นะครับ ว่าปืนน่ะรักแก ทำไมไม่บอกน้องเค้าไปล่ะครับ”

      ปืนเริ่มขะยุกขะยิก ไม่รู้ว่าพี่เอกจะมาไม้ไหนกันแน่ ใจเขาเริ่มกระวนกระวาย

ถ้าพี่เอกกำลังจะใช้จิตวิทยากับเขา มันก็กำลังจะได้ผล

      “บอกไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ….ทำไมถึงบอกไม่ได้”

      ยังจะมาทำตาเจ้าเล่ห์     
     
      “กลัวที่บ้านเค้าจะรู้ล่ะสิ เพราะน้องยังเด็ก ไม่ก็ ที่บ้านเค้าอาจจะรับไม่ได้”

      “ไม่ใช่เรื่องของพี่เอกเลยนะครับ”

      พี่เอกพยักหน้า แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้

      “ก็แปลว่ายังไงก็ไม่มีหวัง ถูกมั้ย”

      ทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าพี่เอกพูดถูก แต่พอได้ยินใครพูดเข้าหูจริง ๆ ปืนกลับรู้สึกเจ็บแปลบ ๆในอกขึ้นมาทันที

ทั้งที่ทำใจ ทั้งที่ตัดใจ มาตั้งนานแล้ว

      “เปิดใจให้พี่บ้างสิครับ ไหน ๆความรักของปืนกับปอก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว พี่รักปืนนะ

พี่จะทำให้ปืนมีความสุข พี่จะทำให้ปืนลืมปอให้ได้”

      “มันลืมกันไม่ได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรอกครับพี่เอก มาพูดกับผมแบบนี้ แล้วเต้ยล่ะ พี่จะเอาเค้าไปไว้ที่ไหน”

      “เต้ยเค้ารู้ดีว่า เราอยู่กันด้วยความพอใจของทั้งสองฝ่าย ไม่มีอะไรผูกมัด

เมื่อไหร่ที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอยากหยุด อีกฝ่ายก็ต้องยอมอย่างไม่มีเงื่อนไข”

      “ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอพี่เอก ผมว่าเต้ยเค้ารักพี่นะ”

      “พี่ก็รักเต้ย ถึงได้ชวนมาอยู่ด้วยกัน แต่มันก็จบลงแล้วตั้งแต่พี่รู้จักปืน พี่เคยบอกเค้าแล้วด้วยว่าพี่พบคนที่พี่รักแล้ว

เมื่อไหร่ที่เราตกลงกันได้ เต้ยก็จะจากไปโดยดี”

      “หา! พี่เอกบอกเต้ยเหรอว่าพี่...เอ้อ...รักผม”

      “เปล่า พี่แค่บอกว่าพี่เจอคนที่พี่รักแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร เค้าไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้นี่”

      โห เลือดเย็นว่ะพี่เอก...ถ้าเต้ยเกิดรักพี่เอกขึ้นมาจริง ๆ แล้วไม่ยอมไป มันไม่ยุ่งนุงนังกันไปใหญ่เหรอเนี่ย

อย่าว่าเป็นเขาหรือว่าใครเลยที่จะมาแทนที่เต้ยน่ะ ยังไงมันก็เจ็บเท่ากัน เพราะผลมันคือการถูกทิ้ง

อย่าคิดว่ามีการตกลงมาก่อนล่วงหน้าแล้วมันจะไม่เจ็บปวด เพราะวันที่ตกลงกัน

ความรักมันอาจจะยังไม่ฝังรากลงลึกอย่างวันนี้ เขาไม่อยากเป็นมือที่สามในชีวิตรักของใคร

ยิ่งเป็นพี่เอกยิ่งไม่อยากร่วมเวรร่วมกรรมเสียส่งไป

      “ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ผมสงสารเต้ย เค้าผิดตรงไหนพี่เอกถึงได้ขอเลิกกับเค้าเพื่อจะมีคนใหม่”

      “ไม่มีใครผิดหรอกครับ ก็แค่เราไม่รักกันแล้ว ก็ต่างคนต่างไป เต้ยเค้ารู้กติกาดี ไม่ต้องห่วงนะครับ”

      “ผมไม่ได้ห่วงหรอก แค่ไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พิ่ทิ้งเต้ย และที่สำคัญผมไม่ได้รักพี่เอก”

      “รู้น่า แต่พี่จะทำให้ปืนรักพี่ซักวัน ไม่มีประโยชน์อะไรที่ปืนจะงมงายอยู่กับปอ

เพราะยังไงก็ไม่มีวันที่จะได้อยู่ด้วยกันอย่างคนรักหรอกจริงมั้ย”

      “นั่นมันก็เรื่องของผม ถ้าพี่คิดว่าพี่จะทำให้ผมรักพี่ได้ล่ะก็ จะลองดูก็เอา

แต่ผมหวังว่า พี่จะไม่เอาเรื่องที่เราคุยกันไปบอกปอหรอกนะ”

      “ทำไมพี่ต้องบอกล่ะ ปืนเองไม่ใช่เหรอที่บอกว่ายังไงก็จะเล่าให้ปอฟังอยู่ดีน่ะ”

       เออ...จริงด้วย เขากลัวไปเองว่า พี่เอกอาจจะไปพูดอะไรให้ปอรู้ว่าคนที่เขารักเป็นใคร

เขากลัวว่ามันจะกลายเป็นว่าเขาให้ความหวังปอ ทั้งที่ก็รู้ว่ายังไงมันก็ไม่มีอนาคต


      พี่เอกกลับเอาตอนสี่ทุ่ม...นั่งซะนาน แล้วก็พูดมันอยู่เรื่องเดียวจนปืนชักจะคล้อยตาม

ไม่ใช่เรื่องที่ปืนตกลงยอมเป็นแฟนพี่เอกหรอก แต่ปืนมองเห็นทางที่จะทำให้ปอเลิกรักเขาได้อย่างเด็ดขาด

มันอาจจะดูใจร้ายที่ทำให้ปอต้องเสียใจ แต่ถ้าเขาไม่ทำแบบนี้

ปอก็คงจะยังอยู่ในวังวนที่ว่างเปล่า ตราบใดที่ปืนยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน

     ....ถึงเวลาที่เขาควรจะทำอะไรให้จริง ๆ จัง ๆเสียที เขาหวังเพียงอย่างเดียวว่า

พี่เอกจะไม่ปากโป้ง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด