ปิ้ง!!!!!!!!
แหม กำลังเคลิ้ม ๆ เสียงเตือนจากไมโครเวฟก็ดันมาขัดจังหวะจนได้
“มากัส หิวไหม” ผมลุกไปเปิดไมโครเวฟดู มันแหยะ ๆ ยังไงก็ไม่รู้
“จะตายไหมอะ” ไอ้กัสเดินมาดูพร้อมกับทำหน้าเจื่อน ส่วนผมนั้นหน้าบูดเป็นตูดลิงแล้วครับ
“ปะ ไปกินกันข้างนอกดีกว่า บิวเตรียมตัวก่อนดีกว่า เดี๋ยวกัสกลับบ้านก่อน อีกครึ่งชั่วโมงจะรีบมารับ นะ”
“เอางั้นก็ได้” เมื่อคิดบวกลบคูณหารแล้ว ยังไงก็ดีกว่ากินอาหารที่เหมือนไม่ใช่อาหารอยู่ที่บ้าน ก็เลยตกลงมันไป
หลังจากนั้นผมก็ปล่อยให้มันกลับบ้านไป ส่วนผมก็จัดแจงทำธุระส่วนตัวไปคนเดียวเงียบ ๆ พร้อมกับเปิดทีวีดูไปเรื่อยเปื่อยรอเวลาที่ไอ้กัสมันจะมารับ ครึ่งชั่ว่โมงเกินมา 5 นาทีไอ้กัสก็มาโผล่อยู่ที่หน้าประตูห้องแล้ว มันมาด้วยชุดหล่อของมันเลยครับ
“ไปยัง” เสียงของมันทำให้ผมต้องตื่นจากภวังค์
“อืม...ไปดิ” ผมตอบมันไปพร้อมกับหลบตา ไม่กล้าจ้องตามันครับ เขิน ระหว่างที่นั่งไปในรถผมคอยแต่แอบชำเลืองดูหน้ามัน เวลาหน้ามันนิ่ง ๆ นี่ก็น่าดูไปอีกแบบเนอะ ซอกคอมันก็ข๊าวขาว ผมแพ้เลยละครับคนที่มีซอกคอขาว ๆ ดูแล้วหน้าเอาหน้าไปซุกจังเลย
“มองไร ไม่เคยเห็นคนหล่อหรอ” น่าน พูดเหมือนใครวะ คุ้น ๆ ท่าทางตอนนี้น่าหมันใส้มาก ๆ
“คนหล่ออะเคยเห็น แต่ไม่เคยเห็นคนแปลก” ผมตอกกลับไปหนึ่งทีพร้อมกับสะบัดบ๊อบใส่หันหน้าออกทางหน้าต่างรถทันที มันได้ได้พูดอะไรกลับมาครับได้ยินแต่เสียงหัวเราะ ฮึฮึ
พอไปถึงห้างใหญ่ใจกลางเมืองที่เปิดมาแล้ว 60 ปี ในนี้คนเยอะมาก ๆ คงเนื่องจากว่าปิดเทอมด้วยและก็คนส่วนมากก็มาเดินตากแอร์กันด้วยหละมั้ง คนจึงแน่นไปหมด
“กินอะไรดี” มันถามผมระหว่างที่เดินไปเรื่อย ๆ
“อะไรก็ได้”
“พิดซ่าไหม”
“ไม่เอา ไม่ชอบอะ”
“งั้น เอ็มเคดีกว่า”
“ไม่ดีอะ ไม่ชอบกินผัก”
“งั้นเคเอฟซี”
“ยี้ ไข้หวัดนกยิ่งระบาดอยู่ เดี่ยวก็ตายกันพอดี”
“แล้วจะกินอะไร” มันยังคงถามผมต่อไป
“อะไรก็ได้” ผมก็ตอบไปคำเดิม ก็อะไรก็ได้จริง ๆ นิหน่า ส่วนมันหยุดเดินทันที
“แป๊ะ”
เมื่อสิ้นเสียงนั้น ผมรีบเอามือน้อย ๆ ของผมกุมไปที่หน้าผากทันที ก็ไอ้กัสนะสิ มันหันมาดีดหน้าผากผมดันแป๊ะ น้ำตาแทบร่วง
“ถามใหม่นะ จะกินอะไร” มันหันมาจ้องหน้าผมพร้อมถามด้วยน้ำเสียงจะกินเลือดกินเนื้อ ไรวะ แกล้งนิดหน่อยต้องลงไม้ลงมือกันด้วย
“ฟูจิ” ผมก้มหน้าตอบมันไปเบา ๆ
“เออ ก็แค่เนี้ยแหละ” แล้วมันก็ลากมือผมเดินไปรอคิวที่ฟูจิครับ คนแน่นมาก ๆ ยืนรอเหลืออีกประมาณ 4 คิว สาขานี้ดีครับเรียกชื่อครั้งเดียว ถ้าไม่โผล่หัวมาก็ข้ามไปเลย เลยเร็วหน่อย
“ลำดวน 2 ท่านค่ะ” เสียงใส ๆ ของพนักงานเรียกชื่อคิวต่อไปครับ แต่แม่งใครวะชื่อลำดวน ถ้ากรูชื่อนี้นะ กรูคงกัดลิ้นตัวเองตายแน่ ๆ แล้วอีกนานไหมวะเนี่ยจะถึงคิวกรู ระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่นั้นไอ้กัสมันก็ลากมือผมเข้าไปในร้าน
“คุณลำดวนใช่ไหมค่ะ”
“อ้อชื่อเพื่อนผมครับ ลำดวน” ไอ้กัสมันว่าพร้อมกับเหล่ตามาทางผม พร้อมกับเดินนำเข้าไปในร้าน ทิ้งให้ผมยืนเป็นเป้าสายตากับพนักงานอยู่หน้าร้าน ผมแอบเห็นพนักงานและคนแถวนั้นยิ้มกันน้อย ๆ เอ๊ะ เมื่อกี้มันบอกว่าเพื่อนมันชื่อลำดวน แต่นี่ก็มากันแค่สองคน งั้นหมายความว่า ชื่อลำดวนคือชื่อกรูหรอวะ ไอ้เชี่ย!!!!!! เมิงแกล้งกรูอีกแล้วนะไอ้กัส จังหวะนั้นกำลังจะวิ่งไปจัดการกับไอ้กัสที่เดินตามหลังมาพร้อมกับหัวเราะอยู่พอดี สายตาอันแหลมคมก็ปร๊าดดดดดดไปเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตานั่งอยู่ที่มุมร้าน
“ไอ้ฟิล์ม” มากับใครวะนั่น ผู้หญิงซะด้วย
ผมรีบดึงไอ้กัสให้หันไปมองทางเดียวกับผม เราสองคนหันมาสบตากัน สายตาของไอ้กัสมีแววสงสัยอยู่ไม่น้อย เพราะสังเกตุได้จากคิ้วมันขมวดพันกันเป็นเงื่อนพิรอดแล้ว
ไอ้ฟิล์ม........เมิง