ฤกษ์งามยามดี ตอนที่5 วันที่5 เดือน5 พ.ศ2555 (มาซะดึกดื่น=..=)
It’s Real เดี๋ยวรักเลย
ตอนที่ ๕ หวั่นไหวโซลที่ได้ยินตาต้าพูดว่าจะจีบหนุ่มแบบนั้นก็อดกังวลไม่ได้ สายตาคอยแต่จะมองตามว่าน้องมี
ท่าทีกับใครที่ไหนบ้าง พักหลังมานี้ตาต้าสนิทกับกายมากขึ้น โซลไม่อยากจะคิดไปไกลขนาด
ที่ว่าสองคนนี้มีความรู้สึกที่พิเศษต่อกันหรอก เพียงแต่แอบสงสัยไปหมดทุกคนแล้วในตอนนี้
แม้แต่ดินก็ยังถูกจับตามอง
“มีอะไรหรือเปล่าครับ นาย”
ดินที่คอยตรวจเอกสารงานอยู่ใกล้ๆโซลเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนเองมองมาทางนี้นาน
แล้ว หรือเจ้านายของเขามีอะไรจะใช้เขาหรือเปล่า
“เปล่า ฉันแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
โซลบอกปัด ก่อนจะชวนดินคุยเรื่องอื่น แต่ก็ไม่วายวนมาที่เรื่องของตาต้าอยู่ดี นี่เขาคิดมาก
จนเกินไปแล้วหรืออย่างไรกัน
“ตาต้ากับจินนี่จะไปให้ลุงสนสอนปลูกสตรอเบอร์รี่นี่ นายได้บอกชินไว้ก่อนหรือยัง?”
ชินที่ว่าคือคนคอยคุมงานทุกอย่างในไร่สตรอเบอร์รี่ที่ไร่รณวีร์ปลูก เรียกว่ามีหน้าที่ดูแลและสั่ง
การเด็ดขาด รอบรู้ด้านการพัฒนาสายพันธุ์ และเรื่องปัญหาอื่นๆของผลไม้ชนิดนี้ดี โซลจึงได้ให้
ดินติดต่อชินให้เรียบร้อย เผื่อลูกสาวกับน้องชายของเขาไปจะได้ไม่คลาดกัน
“ผมบอกชินเรียบร้อยแล้วครับ แต่จะว่าไปนี่ คุณตาต้าดูจะกระตือรือล้นกับเรื่องพวกนี้มากเลยนะ
ครับ เมื่อหลายวันก่อนก็มาถามพ่อผมว่าปลูกผักในต้นกล้วยด้วยหรือเปล่า เพราะคุณเขาเห็นมา
จากในทีวีว่ามันทำได้”
ดินพูดไปสีหน้าก็ฉายชัดถึงความนิยมชมชอบต่อน้องชายเจ้านาย โซลฟังที่ลูกน้องคนสนิทพูด
แล้วก็ยิ้มตาม นึกท่าทางน้องออกเลยทีเดียว
ตาต้ามาจากเมืองกรุงก็จริงอยู่ แต่โดยพื้นเพแล้วแม่ของตาต้าเป็นคนในพื้นที่นี้ ตอนเด็กตาต้าก็
เลยอยู่ที่นี่ ด้วยงานของคุณพ่อที่ต้องย้ายไปโน่นมานี่ตลอด ทำให้ตาต้าต้องอยู่กับยายและตา
หลายปี จนกระทั่งพ่อของตาต้าเปลี่ยนงานและมีที่ทำงานเป็นหลักแหล่ง ตาต้าจึงได้ย้ายตาม
พ่อไปอยู่เมืองหลวง จะกลับมาเยี่ยมตายายบ้างเมื่อมีโอกาส มาคราวนี้ตาต้าก็ได้แวะไปหาท่าน
ก่อนที่จะมาหาพี่ที่นี่ และก่อนกลับก็คงจะไปพักกับพวกท่านสักสองสามวันให้ท่านได้หายคิดถึง
บ้าง
++++++++++
“สวัสดี หนุ่มน้อย”เสียงทักทายที่ดังมาจากด้านหลัง ทำให้ตาต้าหันไปมอง ขมวดคิ้วนึกอยู่เล็กน้อย เมื่อเห็นผู้ชาย
ตัวโต หุ่นหนาล่ำ ดวงตาสีอ่อนกับจมูกที่โด่งขึ้นสันชัดเจนนั่นท่าทางจะเป็นลูกครึ่ง หรือไม่ก็ลูก
เสี้ยว มองอย่างพินิจพิจารณาแล้ว ตาต้าจึงยกยิ้มแล้วไหว้หนุ่มตัวใหญ่บึ้กตรงหน้า
“สวัสดีครับ พี่ผู้กองไต๋”
“หือ จำได้ด้วยเหรอ?”
ไต๋ หรือไตรภพ นายตำรวจหนุ่มเพื่อนโซลมองตาต้าอย่างแปลกใจ ที่แนะนำตัวกันไปคราวที่
แล้วเขาไม่ได้มาในรูปลักษณ์แบบนี้ แต่เด็กหนุ่มหน้าใสกลับจำเขาได้
“ท่าจะแย่แล้วมั้งไต๋ ขนาดตาต้ายังจำได้เลยว่าเป็นมึง แล้วอย่างนี้ผู้ร้ายมันไม่หมายหัวมึงไว้แล้ว
เหรอป่านนี้”
เสียงแซวของโซลดังมาก่อนตัว เดินเข้ามากอดคอเพื่อนรัก ไตรภพยังมองหน้าตาต้าอยู่
“ตาต้ารู้ได้ยังไงว่าเป็นพี่”
“ต้าเดาเอา แบบว่าลักษณะโดยรวมมันก็บ่งบอกตัวตนของเราได้เหมือนกันเนอะ”
ตาต้าหัวเราะแห้งๆให้นายตำรวจหนุ่มที่จ้องเหมือนเขาทำผิดอะไรมาอย่างนั้นล่ะ สายตากดดัน
กันได้อีก
“อือ”
ไตรภพเพียงทำเสียงในลำคอรับคำบอกเล่าของตาต้าเท่านั้น ก่อนรอยยิ้มเป็นมิตรจะกลับมาสถิต
บนริมฝีปากของนายตำรวจหนุ่มร่างยักษ์ ตาต้าถึงกลับลอบถอนหายใจโล่งอกที่เป็นแบบนั้น
สายตาคมของนายตำรวจหนุ่มมองตามดินที่เดินผ่านไป ไตรภพเอ่ยขอตัวกับเพื่อนและเด็กหนุ่ม
โซลรั้งแขนเพื่อนไว้ เอ่ยปรามเบาๆพอได้ยินกันสองคน
“อย่าไปตอแยดินมันนัก”
“…………..”
ไตรภพเพียงแต่ยิ้มไม่ได้ว่าอะไร ก่อนจะเดินช้าๆตามคนหน้าเข้มไป โซลส่ายหน้าที่เพื่อนทำเป็น
ไม่สนใจ ตาต้ามองพี่ผู้กองไต๋กับพี่โซลอย่างสงสัย สงสัยว่าเขาคุยอะไรกัน ท่าทางเหมือนมีลับ
ลมคมใน ไร่นี้นี่ความลับเยอะจัง
“เป็นอะไรน่ะเรา คิ้วขมวดเป็นปมหมดแล้ว”
“ต้าสงสัย”
“ว่า?”
“หลายอย่าง”
ตาต้าตอบไปแบบนั้นแล้วก็เผลอนึกไปว่ากำลังเล่นยี่สิบคำถามกับพี่อยู่หรือเปล่า
“งั้น เอามาสักอย่างซิ เผื่อพี่จะคลายความสงสัยของเราได้”
“ต้าไม่กล้าถาม”
ตาต้าทำหน้าแหยจนโซลสงสัย คำถามอะไรกัน ร้ายแรงแค่ไหนน้องถึงไม่กล้าถาม
“ทำไม?”
“เรื่องคุณปรเมศวร์ที่เจอที่น้ำตกกับ…”
เมื่อเห็นว่าพี่ทำหน้าเครียดทันทีที่เอ่ยชื่อบุคคลต้องห้าม ตาต้าจึงเม้มปากแล้วบอกเสียงค่อย
กว่าเดิม
“ขอโทษครับ ที่ต้าสงสัยอะไรไม่เข้าเรื่อง”
พอเห็นน้องทำหน้าจ๋อย โซลจึงลูบศีรษะปลอบ
“พี่ไม่รู้จะอธิบายกับตาต้าว่ายังไง ที่จริงมัน… เอาเป็นว่าเขาเป็นคนไม่น่าคบหา ดังนั้นถ้าตาต้า
เจอเขาก็หลีกให้ห่างรู้ไหม?”
ตาต้าพยักหน้ารับ แม้จะไม่ได้คลายความข้องใจของตนเองลงไป แต่คำเตือนของพี่สำคัญกว่า
โซลโยกศีรษะน้องด้วยความเอ็นดูในความว่าง่าย เรื่องปรเมศวร์เป็นเพียงเรื่องในอดีต เขาไม่
อยากจะนำมาบอกกล่าวให้น้องไม่สบายใจ เพราะเรื่องราวที่เกิดตาต้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
แม้แต่น้อย
++++++++++++
วันต่อมาตาต้ากับจินนี่ที่นัดกันว่าจะปลูกสตรอเบอร์รี่ก็ได้ฤกษ์ลงไร่กันสักที ลุงสนพาทั้งคู่ไปที่
แปลงสตรอเบอร์รี่ แนะนำให้รู้จักคนที่ดูแลรับผิดชอบงานตรงนั้น ชิน
ตาต้ากับน้องจินนี่ทักทายทำความรู้จักกับชิน ก่อนที่ชินจะพาทั้งคู่ลงพื้นที่จริง พอตาต้ากับน้อง
จินนี่เห็นแปลงสตรอเบอร์รี่ที่มีลูกสีแดงสดแล้วก็ตาวาว ร่ำๆว่าอยากจะลงไปเก็บเสียเดี๋ยวนั้น ชิน
จึงเตรียมอุปกรณ์ให้พี่น้องทั้งสองได้เก็บสตรอเบอร์รี่กันสมใจ โดยมีนุ่นคอยดูแลน้องจินนี่อยู่ไม่
ห่าง
เมื่อเก็บสตรอเบอร์รี่กันจนพอใจแล้ว ชินจึงนำสองพี่น้องมาที่โรงเพาะ ขณะที่เดินทางมาก็พูดคุย
ไต่ถามกันไปด้วยจนถึงที่ที่เป็นจุดหมาย
“ผมเคยเห็นที่เขาปลูกในกระถางกันด้วย เราจะทำแบบนั้นบ้างได้ไหมครับพี่ชิน”
“ลองดูก็ได้นะครับ เพราะพี่ก็ไม่เคยปลูกแบบนั้น แต่ก็ไม่น่าจะยากนะ”
ชินแบ่งรับเมื่อตาต้าเสนอความคิดเห็น พาเข้าไปในโรงเพาะและอธิบายคุณลักษณะและวิธีการ
ปลูกให้ฟัง
“ส่วนมากช่วงฤดูที่จะปลูกสตรอเบอร์รี่จะเป็นช่วงหน้าหนาวครับ ช่วงเดือนกันยาตุลานี่กำลังพอดี
เลย เพราะสตรอเบอร์รี่เป็นผลไม้เมืองหนาว ไม่ถูกกับความร้อนสักเท่าไหร่นัก ยิ่งเป็นต้นอ่อน
ด้วยแล้ว อาจจะเฉาตายได้ครับ”
“ว้า แล้วแบบนี้จินนี่กับพี่ตาต้าจะได้ปลูกไหมคะเนี่ย”
จินนี่ทำน้ำเสียงเสียดายที่ได้ยินแบบนั้น ชินยิ้มให้ก่อนจะบอกหนูน้อย
“ปลูกได้ครับน้องจินนี่ เพราะที่ไร่เรามีโรงปลูกที่ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมได้ครับ”
“ว้าว ดีเลยค่ะ งั้นพี่ชินพาจินนี่กับพี่ตาต้าไปปลูกเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
จินนี่ปรบมือเปาะแปะอย่างดีใจ กระตุกมือพี่ชินให้พาตนเองกับพี่ชายคนสนิทไปทำการปลูกโดย
ไว ตาต้าขำน้องที่ร่าเริงเกินเหตุ ดูท่าจะอยากไปจริงๆแล้วตอนนี้
“เดี๋ยวครับน้องจินนี่ ขั้นแรกเรามาเตรียมอุปกรณ์กันก่อนดีไหม?”
ชินอมยิ้มกับความน่ารักน่าเอ็นดูของลูกสาวตัวน้อยของเจ้านาย เสนอสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างแรก
กับหนูน้อย เสียงใสๆนั้นก็ตอบรับกลับมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ค่า”
ชินขอให้ลุงสนช่วยเตรียมกระถางมาให้จินนี่กับตาต้า แต่สองพี่น้องก็ขอเพิ่มมาให้พี่นุ่นด้วย จะ
ได้มีครบทุกคน ขณะที่รอชินก็ไปเตรียมดินสำหรับปลูกและต้นพันธุ์สตรอเบอร์รี่ ลุงสนกลับมา
พร้อมกายและแก้วน้องสาวกายที่มาช่วยลุงแกดูแลแปลงผักในช่วงปิดภาคเรียน หาค่าขนม
เล็กๆน้อยๆ
เมื่อได้อุปกรณ์ทุกอย่างครบแล้วจึงเริ่มลงมือปลูก จัดแจงทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ตาต้าจึงขอ
กระดาษกับปากกาเมจิกและไม้เล็กๆอีก3อัน เพื่อเอามาเขียนชื่อของตนเองกับน้องจินนี่และพี่นุ่น
เสร็จแล้วก็ติดกาวแล้วเอาไปปักข้างกระถาง
“อันนี้ของพี่นุ่นนะคะ ติดป้ายเอาไว้เลย”
“ขอบคุณค่ะ”
จินนี่ยื่นป้ายชื่อที่เขียนว่าพี่นุ่นให้ คนรอบข้างมองอย่างเอ็นดูในความเอื้อเฟื้อของน้องหนู ที่
น่ารักและไม่ถือตัวว่าตนเองอยู่เหนือกว่า อาจซนบ้างในบางเวลา แต่จินนี่ก็รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่
เพราะการอบรมสั่งสอนที่ดีของพ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงของไร่รณวีร์ คุณรณวีร์และคุณน้ำทิพย์
+++++++++++
เมื่อทำการปลูกสตรอเบอร์รี่กันได้อย่างใจแล้ว นุ่นก็พาน้องจินนี่กลับบ้านก่อน เพราะตาต้ามีนัด
กับหนุ่มกายว่าจะไปเที่ยวที่บ้านกายเลยให้น้องกลับก่อน ลากับจินนี่แล้วตาต้าก็เดินคุยสอบถาม
เรื่องการดูแลสตรอเบอร์รี่กับพี่ชินไปเรื่อย จนกายกับแก้วปั่นจักรยานมาจอดด้านหน้าแล้วเรียก
“ตาต้า ไปกันได้หรือยัง?”
“อืม ไปสิ”
ตาต้าพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยขอตัวกับชิน
“ผมขอตัวนะครับพี่ชิน”
“ครับ”
ชินยิ้มส่ง มองความร่าเริงของเด็กๆแล้วมีความสุขดี เป็นเด็กนี่มันดีแบบนี้ล่ะนะ
ตาต้าขึ้นซ้อนรถของกาย หนุ่มกายก็เตรียมออกตัวในทันที
“จับดีๆนะ จะพาซิ่งแล้ว”
“ว้ากกก”
ไม่เพียงแต่พูด กายทำอย่างนั้นจริงๆ จนตาต้าที่ยังไม่ตั้งตัวร้องลั่น ส่วนกายก็หัวเราะเสียงดัง
อยากแกล้งตาต้าจนไม่รอน้องสาวตัวเอง แก้วจึงร้องประท้วงมาแต่ไกล
“พี่กาย รอแก้วด้วยดิ๊”
“กายๆ รอน้องก่อน”
ตาต้ากระตุกชายเสื้อเพื่อนให้รอน้องแก้ว แต่กายกลับเหลียวกลับไปมองแล้วร้องท้าน้องสาว
เย้วๆ
“ฮ่าๆๆ ถ้าแน่จริงตามมาให้ทันเด้ วู้ววว”
จักรยานของสองพี่น้องปั่นแข่งกันไปตามทางในไร่ โซลที่เพิ่งออกมาจากสำนักงาน กำลังจะไป
ตรวจงานในไร่เห็นว่าน้องชายที่น่ารักของตนเองซ้อนท้ายรถคันหนึ่งในนั้นอยู่จึงชะงักเท้ามอง
ตาต้าที่เห็นพี่อยู่ไม่ไกลจึงบอกให้กายผ่อนความเร็วลงหน่อย ก่อนจะร้องทักพี่
“พี่โซล”
“จะไปไหนกันน่ะ?”
โซลรีบถามทันทีก่อนที่น้องจะผ่านไป
“ต้าไปเที่ยวบ้านกายนะ เดี๋ยวกลับ”
ตาต้าบอกก่อนโบกมือหยอยๆให้พี่ เกาะเบาะรถแล้วบอกให้เพื่อนเร่งความเร็ว โซลที่จะร้องถาม
ก็ไม่ทันน้องแล้ว เพราะฝ่ายนั้นไปไกลแล้ว
“เดี๋ยว ตาต้า…”
โซลมองตามจักรยานคันน้อยไปด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก นี่ตาต้าสนิทถึงขนาดที่ไปเที่ยวบ้านกาย
ได้แล้วหรือ
‘ต้าจะจีบหนุ่ม’เสียงห้าวนั้นดังแทรกเข้ามาในความนึกคิด คิ้วเข้มขมวดมุ่น ก่อนจะส่ายหน้าเมื่อไม่เชื่อในสิ่งที่
ได้ยิน คงไม่ใช่หรอกมั้ง?
+++++++++++
คนที่บอกกับตนเองว่าสิ่งที่คิดมันไม่น่าจะใช่ กลับรีบกลับมาก่อนที่จะค่ำตามเวลากลับปรกติของ
ตนเองด้วยซ้ำ ถือแฟ้มงานกลับมาตรวจที่บ้านทั้งที่ไม่เคยทำ เพราะระลึกอยู่เสมอว่าบ้านคือที่
พัก คือพื้นที่สำหรับปลดปล่อยความเมื่อยล้า และให้เวลากับครอบครัว การกลับมาที่บ้านจึงไม่
ควรนำเรื่องงานที่แสนวุ่นวายกลับมาด้วย แต่วันนี้ต่างไป ใจของโซลมันร่ำๆอยากกลับมาเสียตั้ง
นานแล้ว แต่ก็ยังติดภาระหน้าที่ที่ต้องทำให้เสร็จ
โซลเดินเข้ามาภายในบ้าน ทั้งที่บังคับสายตาให้มองตรงไปเท่านั้น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองที่
ประจำของน้องชายกับลูกสาวตัวน้อย ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายจินนี่คงยังไม่ตื่นจากนอนกลางวัน แล้ว
พี่ชายคนสนิทของลูกล่ะ กลับมาหรือยัง
“ตาต้ากลับมารึยัง”
โซลเอ่ยถามคนในบ้านที่เข้ามารับของที่โซลถือมาไปเก็บที่ห้อง
“กลับมาแล้วค่ะ อยู่ที่ครัวแหนะค่ะ”
“ขอบใจ”
เมื่อได้คำตอบหนุ่มตัวโตก็เปลี่ยนทิศทางการเดินไปยังห้องครัวในทันที เสียงหัวเราะกับเสียงพูด
คุยของคนหลายคนดังแว่วมาให้ได้ยินขณะที่เดินเข้าไปใกล้ หนึ่งในนั้นก็คือเสียงของตาต้าเอง
“อย่าให้กระเด็นนะกาย”
เสียงตาต้าว่ากลั้วหัวเราะ
“พี่กายตำถูกพริกไหมเนี่ย เดี๋ยวครกก็แตกหรอก ฟังเสียงโขลกแล้วไม่น่ารอด”
ตามมาด้วยเสียงเด็กผู้หญิง และเสียงทุ้มห้าวของเด็กหนุ่มปิดท้ายการสนทนา
“ฮื้อ มาทำเองเลยไหมแก้ว”
ภายในครัวแก้วแลบลิ้นใส่พี่ชาย กายก็ได้แต่ฮึ่มฮั่มใส่กัน จนป้าพิศต้องบอกให้รีบโขลก
เครื่องแกงให้เสร็จเพราะกำลังจะตั้งกะทะผัดเครื่องแกงแล้ว โซลที่เพิ่งก้าวเข้ามาในครัวมอง
ความวุ่นวายเล็กๆนั้นแล้วเอ่ยถาม
“ทำอะไรกันอยู่น่ะตาต้า”
“พี่โซล”
ตาต้าที่กำลังเด็ดใบโหระพากับสะระแหน่เงยหน้าขึ้นมามองพี่ โซลเลยเดินเข้าไปใกล้น้องเพื่อ
จะดูว่าน้องกำลังทำอะไร เห็นมีผักตั้งหลายอย่าง กายที่นั่งใกล้ตาต้าเลยขยับออกมาให้โซลได้
นั่งแทนที่ตนเอง
“วันนี้ต้าไปที่บ้านกายมา ยายของกายทำอาหารพื้นเมืองให้ต้าทานด้วย ชื่ออะไรนะกาย?”
ตาต้าหันไปถามเพื่อนใหม่ที่กำลังตักเครื่องแกงออกจากครกให้ป้าพิศไปผัดต่อ
“แกงโฮ๊ะ”
“แกง~ โฮ๊ะ!”
ตาต้าเลียนเสียงพูดของกายแล้วหัวเราะ ทำให้กายกับแก้วหัวเราะตามไปด้วย เพราะตาต้าพูดคำ
ว่าแกงโฮ๊ะนี่มาหลายรอบแล้ว ตั้งแต่ที่บ้านของกาย
“มันอร่อยดีอ่ะ ต้าเลยว่าจะให้ป้าพิศทำให้กินอีก เลยจะมาดูวิธีทำด้วย พออยู่กรุงเทพฯแล้วแม่ก็
ไม่ค่อยได้ทำอาหารพวกนี้ให้ทานเท่าไหร่ จะมีก็พวกน้ำพริก แต่ส่วนใหญ่ซื้ออาหารปรุงสำเร็จ
มากกว่า รสชาติไม่เหมือนกับที่ต้าทานวันนี้เลย”
ตาต้าขยายความให้พี่ฟัง ก่อนจะลุกไปล้างมือข้างๆกาย โซลมองตามคนเป็นน้องที่สนิทสนมกับ
หนุ่มกายมากเป็นพิเศษ เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะช่วงอายุที่ไล่เลี่ยกันทำให้ตาต้าสนิทกับกายได้เร็ว
แต่พอนึกถึงที่น้องบอกว่าจะจีบหนุ่ม ถึงแม้จะบอกกับตนเองว่าน้องก็แค่ล้อเล่น แต่มันก็อดคิด
ไม่ได้ว่าถ้าน้องพูดจริง แล้วน้องจะจีบใครกัน
ตาต้าที่ล้างมือเสร็จแล้ว เดินเข้าไปดูป้าพิศผัดพริกแกงกับเนื้อสัตว์ที่เตรียมเอาไว้โดยมีกายมา
ยืนดูข้างๆ จนกรรมวิธีทุกอย่างเสร็จสิ้น ป้าพิศจึงให้เด็กๆได้ชิมรส
“ตาต้า ระวังร้อนนะ”
หนุ่มกายเอ่ยเตือนเมื่อเห็นว่าเพื่อนจะส่งน้ำแกงที่ร้อนควันฉุยเข้าปากโดยไม่ได้เป่าก่อน ตาต้าถึง
ได้หัวเราะแล้วเป่าลมไล่ความร้อนนิดหน่อยก่อนชิม โซลจ้องทุกการกระทำของเด็กทั้งสองเขม็ง
จนกายรู้สึกได้ถึงสายตามาคุ
กายหันกลับมามองด้านหลังที่โซลนั่งอยู่ สีหน้าแหยได้ที่ ก่อนจะอ้อมแอ้มบอก เพราะคิดว่า
ตนเองตีสนิทกับน้องชายนายมากไป นายคงไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
“เอ่อ… ตาต้าเขาให้เรียกชื่อน่ะครับ”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร”
โซลว่าเสียงเรียบ แต่คนฟังถึงกับกลืนน้ำลาย ท่าจะอยู่นานกว่านี้คงไม่แค่ว่า เพราะสายตาเริ่มไม่
พอใจแล้ว
“ตาต้า”
“หือ?”
ตาต้าเลิกคิ้วมองเหมือนจะถามว่ามีอะไร
“เราว่าเรากับน้องกลับก่อนดีกว่า”
“อ้าว”
หนุ่มน้อยร้องเบาๆ เห็นท่าทางเหงื่อแตกของเพื่อนแล้วก็ไม่ได้ขัด เดินออกมาส่งหน้าโรงครัว
กายยกมือไหว้คนหน้าเข้มที่ตามออกมาด้วย ก่อนจะโบกมือลาตาต้าอีกที
“เจอกันพรุ่งนี้”
“อืม เจอกันพรุ่งนี้”
พอเพื่อนขึ้นจักรยานปั่นออกไปแล้ว ตาต้าจึงพูดกับคนที่ยังยืนเป็นหลักอยู่ด้านหลัง
“พี่โซลน่ะ มายืนทำหน้ายักษ์อยู่แบบนี้คนเขาก็กลัวแย่สิ เห็นไหมกลับบ้านไปเลย”
“ให้เรียกกลับมาดีไหมล่ะ”
โซลประชดเสียงห้วน จนตาต้ารู้สึกฉุนปนงง
“ทำไมต้องทำเสียงแบบนี้ด้วย”
หนุ่มน้อยขมวดคิ้วใส่น้ำเสียงห้วนสั้นที่พี่ใช้กับตนเอง โซลมองตาใสๆที่เริ่มขุ่นแล้วยิ่งอารมณ์ไม่
ดี ทีเมื่อครู่อยู่กับเพื่อนนี่ยิ้มแย้มเฮฮา เฮอะ! เห็นเพื่อนดีกว่าแล้วนี่
โซลเดินหงุดหงิดจากไปโดยไร้คำอธิบาย เรื่องแค่นี้เองเขากลับรู้สึกอะไรไปมากมายแล้ว ทั้งที่
มันไม่มีอะไรเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ตัดความหงุดหงิดนี้ไปไม่ได้ จะโดนเด็กปั่นหัวไม่รู้ตัวแล้วโซล
“อะไรของเขา?”
ตาต้ามองตามคนขี้หงุดหงิดอย่างไม่เข้าใจ เลือดจะไปลมจะมาหรืออย่างไรกันถึงได้มาอารมณ์
เสียใส่เขาแบบนี้ ท่าทางจะเข้าวัยทองแล้วมั้งนี่
+++++++++++
ตกค่ำ หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อย นั่งย่อยกันสักพักตาต้าก็ไปส่งน้องจินนี่นอน โดยที่
ตลอดเวลาที่ทานข้าวกันมีเพียงจินนี่กับตาต้าที่คุยกันอยู่สองคน ส่วนคนเป็นพ่อของน้องหนูจินนี่
นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจนคนที่ร่วมโต๊ะไม่อยากเสวนา
หลังจากส่งน้องนอนแล้วตาต้าก็กลับมานอนที่ห้องของตนเอง ถึงจะอยากนอนห้องจินนี่มากกว่า
แต่มันก็ไม่สะดวกใจที่จะไปกวนน้องทุกวันแบบนั้น ตาต้าจึงต้องทำใจกล้ามานอนที่ห้องที่พี่จัด
ไว้ให้
กลับเข้าห้องตนเองแล้วสิ่งที่ต้องทำคือโทรหาแม่ รายงานทุกข์สุขให้แม่ทราบ มีคุยกับพี่ชาย
บ้างเป็นบางวันเมื่อพี่ชายอยู่กับแม่ด้วย หลังจากวางโทรศัพท์ไม่นานประตูห้องก็ถูกเคาะ ตาต้า
เก็บมือถือก่อนจะเดินไปเปิดประตู
โซลที่คิดวกวนอยู่แต่กับเรื่องเมื่อกลางวันจนปัดออกจากหัวไม่ได้ จึงต้องมาหาน้องในตอนนี้
ตาต้ายังยืนนิ่งอยู่หน้าประตูจนโซลต้องเอ่ยปาก
“ขอพี่เข้าไปได้ไหม?”
“อ๋อ! เอ่อ… ครับ”
ตาต้าเบี่ยงกายหลีกทางให้พี่เข้ามา ก่อนจะปิดประตูลง
โซลถือวิสาสะเดินไปเปิดประตูระเบียง แล้วออกไปยืนเท้าแขนมองบรรยากาศยามค่ำคืนที่นอก
ระเบียงห้องของตาต้า ตาต้าเดินตามออกไปยืนข้างๆ ไม่มีคำพูดใดจากปากพี่ นอกจากเสียง
แมลงกลางคืนที่ดังอยู่รายรอบ โซลถอนหายใจก่อนจะหันหน้ามามองน้องอย่างจริงจัง
“ที่ว่าจะจีบหนุ่มนี่ หมายถึงกายเหรอ?”
โซลกลั้นใจถามออกไปอย่างใจคิด ตาต้ามองพี่ตาโตกับคำถามนั้น ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“ทำไมพี่โซลถึงคิดว่าต้าจะหมายถึงกาย?”
“ถ้างั้นก็ชิน”
เมื่อคนแรกมีแววว่าจะไม่ใช่ โซลจึงเริ่มเดาสุ่ม โยงไปหาชินที่ตาต้าเพิ่งเจอวันนี้เสียอย่างนั้น
“ไปกันใหญ่แล้วพี่โซล กลายเป็นว่าใครที่อยู่รอบตัวต้าน่าสงสัยไปหมดแล้วเนี่ย”
ตาต้ายิ่งฟังยิ่งมึนตามคนเป็นพี่ เดาสุ่มแบบนี้มันจะถูกไหมล่ะนั่น คนที่ใช่ก็ดันไม่นึกถึงเสียอีก
“ถ้าอย่างนั้นแล้วใครล่ะ?” โซลกอดอก หน้าเริ่มเครียด
“พี่โซลไม่รู้จริงๆน่ะ?”
ตาต้าเอียงคอมองคนหน้าเครียด คิดไปถึงไหนแล้วน่ะ
“เรานี่ยังไงนะ ถ้าพี่รู้แล้วพี่จะถามไหม หื้ม”
“งื้อ พี่โซลอ่า ต้าเจ็บนะ!”
ตาต้าดึงมือพี่ที่บีบจมูกตัวเองออก แต่คนเป็นพี่ก็ยังเล่นไม่เลิก หนุ่มน้อยเลยสะบัดหน้าไปมาจน
มึนเสียเอง โซลปล่อยมือแล้วหัวเราะน้องที่ทำเป็นเวียนหัวจนเกินจริง ก่อนจะชะงักเมื่อสบตา
กลมโตนั้นเข้าเต็มเปา ตาต้ามองตอบสายตาพี่ไม่หลบ ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด ปากอิ่มเอ่ยบอก
เสียงแผ่ว
“นี่ไงล่ะ”
“หือ?”
โซลเลิกคิ้วเป็นเชิงถามกับสิ่งที่น้องพูด
“คำตอบที่พี่โซลอยากได้”
ตาต้าคว้ามือพี่มา โซลมองการกระทำนั้นงงๆ ก่อนที่ตาต้าจะเลื่อนมือหนามาที่อกข้างซ้ายของ
ตนเอง ดวงตากลมโตมองตาพี่ไม่ละไปไหน
“พี่โซลรู้สึกไหมว่าหัวใจต้ามันเต้นแรงกว่าปรกติ”
“…………..”
“มันไม่ได้เป็นแบบนี้กับกายหรือพี่ชิน”
“……………”
“แต่ที่มันเป็นแบบนี้ เพราะ… พี่โซลคนเดียว”
“ตาต้า นี่…”
โซลถึงกับนิ่งไป ในใจกระตุกกับคำพูดน้อง คนๆนั้นคือเขาหรือ คนที่น้องบอกว่าจะจีบนั่น
หมายถึงเขาเองหรือ แววตากลมมีแต่ความมุ่งมั่นและมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยมจนโซลแอบหวั่นใจ
แต่ความจริงที่ได้รู้นี้มันนำพาความรู้สึกแปลกประหลาดปนเปมาให้โซล มันมีทั้งความลิงโลดเมื่อ
รู้ว่าคนที่น้องชอบคือตนเอง แต่ในขณะเดียวกันก็มีความกังวลปนมาด้วย แต่โซลก็เลือกที่จะ
หยุดความนึกคิดที่แสนสับสนทุกสิ่งอย่าง เมื่อใบหน้าเนียนใสของอีกคนขยับเข้ามาใกล้ ใกล้จน
ความกังวลใจนั้นปลิวหาย หลงเหลือเพียงความล่องลอยและหลงไหล ปล่อยตัวปล่อยใจไป
ตามแต่ที่มันควรจะเป็น แตะสัมผัสกลีบปากอิ่มที่เผยอน้อยๆเหมือนรอคอย บดคลึงเชื่องช้าแต่
ร้อนแรง มือหนารั้งร่างเพรียวให้เข้ามาแนบชิดสนิทแน่นยิ่งกว่าเก่า หัวหมุนกับการเย้าหยอกของ
ลิ้นเล็กที่หลอกล่อให้เขาตามติด ในหูคล้ายได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ แต่โซลก็ไม่ได้ให้
ความสนใจมากไปกว่าความหวานหอมที่ได้รับจากน้องชายที่น่ารักนี้ เอ่ยกระซิบชิดริมฝีปากน้อง
เสียงพร่า
“ตาต้าหยุดพี่ที ห้ามพี่หน่อยคนดี”ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ปากก็ยังตามดูดชิมความหวานอยู่ไม่คลาย มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา ทั้ง
ที่อายุก็ขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่วัยรุ่นที่เพิ่งริจะลองรัก แต่กลับควบคุมตัวเองได้ยากเหลือเกินเมื่ออยู่
ใกล้คนนี้
‘ตาต้า พี่กำลังจะแย่แล้ว ช่วยหยุดความรู้สึกนี้ที’
TBC• พี่โซลไวไฟ ฮา รีบดึงน้องตาต้าออกมาอย่างไว >///<
• ลองจัดหน้าใหม่ดู คลิกกันกระจาย ใช้แบบเดิมดีกว่าเนอะ
• ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ
• บวกให้ทุกบวกค่า