: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! ประกาศ re-printค่ะ [05/01/17]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: : ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน UPDATE!! ประกาศ re-printค่ะ [05/01/17]  (อ่าน 226756 ครั้ง)

ออฟไลน์ Yuthaiz2

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ปันน่าสงสารอ่ะ โฮฮฮฮ

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
 ร้องไห้โหเลยทีเดียว

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
พี่ชายน้องชายดูแลกันแบบนี้ อบอุ่นดี

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
โหยย
คุณพ่อ ถ้าจะเลี้ยงไว้แล้วดูถูกดูแคลนกันขนาดนี้

อย่าเลยครับ
สงสารฟร่ะ!! *อิน*

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
สงสารปันอ่ะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

Kagehana : พี่ชายเค้ากำลังง้อน้องเค้าล่ะ ฮิฮิ




-7-




“เอ้า ลุกมากินได้แล้ว”

หลัง จากกลับจากไปซื้อบรรดายาและโจ๊กอุ่นๆสองถุงพร้อมหมูย่างแล้ว ชยางกูรยังเหลือเวลาพอที่จะซื้อเค้กของโปรดจากร้านประจำมาไว้ด้วย ชายหนุ่มประคองถ้วยโจ๊กของตัวเองและปัณวิทย์มายืนใกล้เตียงแล้วใช้เท้าเขี่ย ไอ้ก้อนกลมๆที่ฟอร์มแกล้งหลับ

“ใส่ไข่ไม่ใส่ผัก... ฟูฝุ่นมากินเร็ว” เสียงทุ้มแกล้งเรียกกระต่ายทั้งสองตัวที่กลิ้งเล่นอยู่บนพื้น

“เฮ้ย! กินไม่ได้ เดี๋ยวท้องเสีย!!” ปัณวิทย์รีบโวยขึ้นมาทันที

“กระต่ายไม่กินคนก็ลุกมากินเร็ว” ชยางกูรวางชามบนเตียงแล้วเดินไปลากโต๊ะมาไว้ข้างๆพร่อมกับเอาชามทั้งสองอันตั้งบนนั้น

“กินเสร็จกินยาอาบน้ำทายานอน... โอเค้”

“อาบไปแล้ว... ไม่ต้องพูดมากเลย” เด็กหนุ่มบ่นว่าพลางตักโจ๊กเข้าปากทีละคำด้วยความหิวโหย

“ขอบคุณยัง...ไปซื้อมาให้เนี่ย” คนเป็นพี่ทวงคำขอบคุณหน้าตาเฉย ทั้งที่ตัวเองออกไปซื้อ...และเข้ามาวุ่นวายเองแท้ๆ

“ว่าไงครับคุณน้องปัน”

“อือ ขอบคุณครับ” ถึงจะพูดเพราะแต่ปัณวิทย์ก็ทำท่าเฉยๆแล้วรีบตักโจ๊กต่อ

เป็น ชยางกูรเองที่ยิ้มไปกับคำพูดนั้น เขายกช้อนขึ้นคนโจ๊กในจานตัวเองแล้วตักเข้าปาก และเพราะพื้นที่โต๊ะมันเล็ก ไหล่ถึงต้องเบียดกันแทบตลอดเวลา อุณหภูมิอุ่นๆของร่างกายปัณวิทย์ทำให้เขารู้สึกดีไม่หยอก

“จริงๆมีเค้กนะ แต่เอาไว้กินเองยั่วคนปากเจ็บ” เขาพูดขึ้นเมื่อกินโจ๊กสลับหมูย่างไปได้ครึ่งชาม

“กินด้วยดิเฮ้ย! ไม่เป็นไร” ถ้าเป็นเค้กที่ชอบก็อยากจะทำลืมเรื่องเจ็บไปก่อนเลย

“จะกิน”

“น้อยๆหน่อย กินข้าวให้หมดก่อนเหอะ” ท่าทางเหมือนเด็กๆเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ

ชยางกูรกินโจ๊กช้าๆ แกล้งถ่วงเวลาคนรอกินเค้ก จนเมื่อสายตาเขียวๆมองมาเป็นรอบที่ห้าเขาถึงลุกไปเอาเค้กที่ซ่อนไว้มา

“อ่ะ...บลูเบอรี่ชีสพาย ของโปรดนาย” ชายหนุ่มยื่นให้แต่พออีกฝ่ายเอื้อมมารับกลับดึงออกห่าง

“จะดีกันได้หรือยัง ปัน”

“............ ถ้าเขารู้... ฉันก็โดนอีก......” เด็กหนุ่มนิ่งไปก่อนจะเอ่ยตอบเสียงแผ่ว

“ไม่เป็นไร ฉันเป็นพี่นายนะ” นัยน์ตาสีฟ้าราวกับท้องฟ้าสดใสทอดมองอ่อนโยน

“กับอีแค่น้องชายคนเดียว...ยังไงก็ต้องช่วยปกป้องกันล่ะนะ”

“...............” ปัณวิทย์ยื่นมือไปรอรับขนมของตัวเองพลางจ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง

“... ดีกัน....”

“เห็นแก่กินนะเรา” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่มือใหญ่กลับยื่นส่งให้แต่โดยดี

นัยน์ตาสีเข้มพราวของปัณวิทย์ที่มองมาทำให้รู้สึกแปลกๆในหัวใจ เหมือนกับก้นตะกอนที่ถูกกวนขึ้นมาพรางอะไรบางอย่างให้พร่ามัว

...เป็นน้องชาย ไม่ใช่สเปค ชอบทำให้โมโห...

แต่บางอย่างที่โผล่พ้นความพร่ามัวนั้น... มันชวนให้ขัดแย้งเหลือเกิน...

“ก็อร่อย...” เด็กหนุ่มทำเสียงขุ่นพลางค่อยๆเคี้ยวแป้งพายกรอบก่อนจะยิ้มน้อยๆอย่างมีความสุข

“แหงอยู่แล้ว จะกินทั้งทีก็ต้องของอร่อยสิ” ชยางกูรแทรกขึ้นมาแล้วลงไปนั่งข้างๆเหมือนตอนแรก

“คำนึงดิ”

ปัณวิทย์อดไม่ได้ที่จะค้อนให้ทีหนึ่ง ก่อนจะยื่นถาดพายใบเล็กให้

“อะ”

“ป้อนดิ่” ชยางกูรหัวเราะทันทีที่เห็นอีกฝ่ายหันขวับมามอง

“ล้อเล่นน่า” เขาเอาช้อนตักเข้าปากแล้วดันคืน

“รีบๆกิน จะได้ทายานอน”

“ทำไมต้องทายานอน ไม่ใช่เด็กแล้วนะเว้ยครับ” เขารีบท้วงพลางตักพายเข้าปากอีกคำแล้วเคี้ยวช้าๆเช่นเดิม

“โตแล้ว ไม่ต้องนอน ไม่ได้มีไข้”

“งั้นอยากทำอะไรล่ะ หน้าบวมขนาดนี้” ถุงยาแก้ฟกช้ำถูกแกะออกมาพร้อมๆกับยาเม็ดแก้ปวด

“อ่ะ กินยาก่อน อย่าบอกนะว่ายาเม็ดกินไม่ได้”

“กินได้!! เห็นกูเป็นอะไรครับ” คิ้วยิ่งขมวดเข้าหากันเมื่อถูกถามเหมือนเป็นเด็กประถม

“เด็กประถม...ละมั้ง ก็ทั้งงอแงงี่เง่าเอาแต่ใจ ไม่ได้ดั่งใจก็โวยวายฟาดหัวฟาดหางใส่คนอื่น” ชยางกูรเหน็บ...ก่อนจะพูดต่อ

“แต่พี่เดฟก็ไม่ได้เกลียดนิสัยอย่างนั้นของน้องปันปันหรอกนะครับ”

“บอกว่าไม่ให้เรียกไง!” คราวนี้คนโดนเรียกชื่อปันปันแทบจะแยกเขี้ยวใส่แถมขย้ำคอให้อีกที

“เฮ่ย-- แหย่นิดหน่อยทำแยกเขี้ยวใส่ ดุอย่างกับหมา” ชยางกูรทำเสียงดุใส่บ้าง

“ทำไม ชื่อต้องห้ามเหรอ ถึงเรียกไม่ได้น่ะ”

“............... ไม่ให้ เรียกแล้วเฮิร์ท มีไรปะ” ปัณวิทย์ทำทีเป็นเหมือนเรื่องขำมากกว่าเพื่อจะเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้

“กวนตีน” มือใหญ่เลื่อนแก้วน้ำส่งให้พร้อมกับหยิบหลอดยามาเตรียมไว้

“กินยาได้แล้วจะได้ทายา ลีลาจริงๆ”

ทำไมต้องคอยดูแลกันขนาดนี้...ถ้าใครถามเขาด้วยคำถามนี้ ชยางกูรก็จนปัญญาจะตอบ

ปัณวิทย์จิ๊ปากแต่ก็หยิบยามากินตามคำอีกฝ่าย

“กินแล้ว เอายามาดิ จะได้ทา”

“ทาเองได้หรือไง มานี่มา” เขาแกะหลอดยาออกแล้วบีบเบาๆให้เนื้อครีมติดปลายนิ้ว

“หันมาเด่ะ” ชยางกูรใช้มือที่ไม่เละครีมจับปลายคางเบาๆ

“ทำไมจะทาไม่ได้วะ” แม้จะพูดเถียงแต่ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะไม่ได้ตั้งใจเถียงด้วยเท่าไหร่นัก

“นี่ ถ้าเงียบปากอีกนิดน่ะจะจีบเลย” ชยางกูรแซวแล้วค่อยๆแต้มครีมบนผิวแก้มบวมของปัณวิทย์เบาๆ ปลายนิ้วสากไล้ช้าๆให้ตัวยาเคลือบรอยบวมไว้

“อย่าเล่นงี้เว้ย ขนลุกครับ แฟนได้ยินจะเข้าใจผิด” เขาพูดเสียงเข้มพลางปล่อยให้อีกฝ่ายทายาให้ตามสะดวก

“ถ้าฉันจีบจริงๆ อ่อนๆแบบนายไม่รอดหรอก” คนที่ทายาให้ยิ้มอวดตัวก่อนจะละมือออก

“เรียบร้อย ไปนอนไปเดี๋ยวพี่เดฟสุดหล่อตบตูดนอนให้”

“ตบตูดนอนไรวะ นั่นเด็กเล็กๆแล้วเว้ย แล้วว่าใครอ่อนวะ” เด็กหนุ่มดันหน้าอีกคนไปไกลๆเป็นการแสดงออกว่าไม่พอใจ

...และหยอกเล่นนิดหน่อย

“เอาน่าๆ ยอมรับความจริงบ้างไอ้หนู” ชยางกูรจับข้อมือไว้แล้วดึงปัณวิทย์เข้ามาจนใบหน้าเกือบจะชนกัน รอยยิ้มพราวติดบนใบหน้าเจ้าเล่ห์

“จะทำไรต่อ นอนหรือนอนหรือนอน”

“เล่นไรวะ!! ไม่นอน จะว้อทส์แอปหาแฟน” เขาว่าพลางเอื้อมตัวไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ข้างเตียง

เขา ปล่อยให้เด็กหนุ่มตรงหน้าพลิกกายไปหาโทรศัพท์แล้วนอนคว่ำเล่นอย่างสบายใจ ชยางกูรเลื่อนโต๊ะวางถาดข้าวและอื่นๆไปห่างๆก่อนจะทุ่มกายนอนลงบนเตียงบ้าง

ชาย หนุ่มหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดดู เฟสบุ๊คของเขามีคำขอเป็นเพื่อนและข้อความใหม่....ซึ่งมาจากแฟนสาวของคนที่ นอนอยู่ข้างๆ เขากดรับขอเป็นเพื่อนก่อนแล้วจึงเปิดอ่านข้อความ

ชยางกูรขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นข้อความของไอลดาที่ส่งมา...ขอเบอร์ของตนเอง

...ทั้งๆที่เป็นแฟนของปัณวิทย์เนี่ยนะ...

นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองเด็กหนุ่มที่นอนคว่ำกดโทรศัพท์พร้อมรอยยิ้มอยู่

“ครับ คิดถึงไอซ์ หล่อเหมือนเดิมเมื่อไหร่จะกลับไปเรียนครับ” เขาพูดใส่โทรศัพท์เพื่อส่งข้อความเสียงให้อีกคน

...แหวะ ไอ้น้ำเน่าเอ๊ย...

ชยา งกูรกดดูข้อความอีกรอบแต่ยังไม่ได้ส่งกลับ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าไอลดาตั้งใจจะทำอะไรอยู่ถึงส่งข้อความนี้มา ใช่ว่าเขาอคติเรื่องที่ตอนนั้นเด็กสาวงี่เง่าใส่ปัณวิทย์ แต่แบบนี้มันดูจะผิดวิสัยของคนที่เป็นแค่แฟนน้องชาย

...ยังไม่นับรวมสายตาในวันนั้น

“ปัน... แฟนเรียนอยู่ป่ะ ส่งข้อความไปจะฟังได้เหรอ”

“เปล่า อยู่ห้องสมุด ทำไมเหรอ” เด็กหนุ่มที่ยังนอนคว่ำถามโดยไม่หันมามองหน้าอีกคน

“เปล่า ไม่มีอะไร” คนถามเงียบเสียงไปก่อนจะค่อยๆแอบเอาโทรศัพท์ใส่กระเป่ากางเกง

“แล้วกับไอซ์ตอนนี้แฮปปี้กันดีป่ะ หายงอนเรื่องกลับก่อนยัง” ชยางกูรหยั่งเชิงถาม

“หายแล้วดิ มั้ง ก็ตอบข้อความแปลว่าหายแหละ” เขาเอื้อมวางโทรศัพท์คืนที่เดิมก่อนจะหันมาหาคนข้างๆ

“ไมเหรอ”

“เปล่า......”

...แล้วข้อความนั้น หมายความว่ายังไง...

“ถามแต่คนอื่น... ชอบพี่นัทไม่ใช่เรอะ” ปัณวิทย์แถมสายตารังเกียจมาให้ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างทับไป

“คนนั้นน่ะชอบ แต่ท่าจะยาก... ก็สเปคแหละ แต่เข้าถึงยากขนาดนั้นก็ขี้เกียจพยายามว่ะ” ชายหนุ่มบ่นเซ็งๆแล้วกลิ้งตัวขดบนเตียง

“แต่ก็ชอบจริงๆล่ะนะ หน้าตาแบบนั้นน่ะ”

“เป็นยังไงวะ รู้สึกยังไงเหรอ...” เขาหันมามองหน้าร่างสูง

“ชอบผู้หญิง... แล้วก็ผู้ชายเหมือนกันเนี่ย แปลว่าถ้าเจอผู้หญิงหน้าตาแบบพี่นัทก็ชอบสิ”

“อืม....” คำถามตอบยากนำพาความสงสัยกรุ่นขึ้นมาในหัว

นั่นสินะ...หน้าตาแบบที่ชอบ

“ก็... บอกแล้วไงว่าเป็นไบ จริงๆก็ไม่ได้คบแค่คนหน้าตาแบบนี้หรอก แต่ชอบไง ดูว่าง่าย... ท่าทางจะสอนเรื่องอย่างว่าสนุกดี” เขาพูดกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นคนฟังอ้าปากค้างแถมดวงตากลมๆก็ยิ่งเบิกโต

“นอกจากเอาผู้ชายแล้วยังโรคจิตอีก” ปัณวิทย์เบ้ปากแล้วลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง

“อืม......... นั่นดิ... หน้าตาแบบที่ชอบ.... เหรอวะ...” เด็กหนุ่มนึกถึงแฟนสาวของตัวเองที่คบกัน หน้าตาน่ารัก รูปร่างสมส่วน ควงไปไหนก็มีแต่คนมอง แบบนั้นเรียกว่าชอบ ก็ถูกแล้ว

...หรือเปล่า

“ผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันก็รู้สึกดีนะเว้ย ไม่เคยลองอย่ามาพูด” มือใหญ่ผลักไหล่คนที่นั่งอยู่เบาๆ

“ก็เหมือนนายชอบแฟนนายไง ถ้าไม่ใช่แบบที่ชอบก็คงไม่อยากคบด้วยหรอก”

“เหรอ มันเหมือนกันเหรอ ก็คบ... เพราะชอบ... หรือเปล่าวะ...” เขาหัวเราะออกมา

“ก็ไอซ์เข้ามา ก็คบกัน อะไรงั้น”

“อะไร...พูดเหมือนสับสน สรุปว่าเพราะชอบถึงคบหรือเพราะคบถึงชอบกันแน่” ชยางกูรมองเข้าไปในแววตา... ที่ฉายแววไม่แน่ใจ

“พูดเหมือนไม่ได้ตั้งใจคบ...”

“ไอ้ แบบนี้แหละเลิกมาหลายแล้ว การที่คบใครสักคนน่ะ... ต้องคบเพราะรัก ไม่ใช่แค่ปฏิเสธไม่ได้แล้วคบไปวันๆ เป็นฉันนะ ถ้าไม่ใช่ความรู้สึกรักจะไม่คบให้เสียเวลาเลย”

“... ก็ แก่แล้วนี่หว่า ฉันยังเด็ก ค่อยๆเรียนไปแหละวะ” เด็กหนุ่มรีบแย้งกลับ

“ยังไม่แก่เว้ย แรงดีไม่มีตก ไม่ต้องพักยกด้วย” คิ้วสีอ่อนยักขึ้นท่ามกลางรอยยิ้มขัน

“นายไม่นอนงั้นฉันนอนนะ วันนี้จะโดดงานอยู่เป็นเพื่อนแล้วกัน ขอบคุณฉันด้วยล่ะ”

“เฮ้ยไม่เอา! ถ้าเขารู้เขาต้องมาตามหาแน่ แล้วเป็นเพราะฉันอีก......” ท้ายประโยคน้ำเสียงของคนช่างโวยวายพลันอ่อนลง

แวบแรกที่เห็นใบหน้าสลดลง ส่วนลึกของหัวใจเรียกร้องให้ดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดเบาๆ

...แต่เขาก็ทำได้เพียงเอื้อมมือไปลูบหัวเท่านั้น

“ก็บอกแล้วไงว่าอย่าเป็นกังวล ตอนออกไปซื้อโจ๊กฉันโทรไปลาเรียบร้อยแล้ว... บอกว่าป่วย พ่อไม่รู้หรอกว่าฉันขลุกอยู่นี่”

“.... ถ้าว่างั้นก็ได้.... พูดแล้วชักง่วง... งั้นจะนอนมั่งแล้วนะ” ถึงปากจะพูดอย่างนั้น แต่อีกฝ่ายก็เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาอีกครั้งเพื่อจะพิมพ์ข้อ ความให้แฟนสาว

“บอกไอซ์ก่อนว่านอน จะได้ไม่งอนว่าส่งแล้วไม่ตอบ...” ปัณวิทย์เอ่ยบอกขึ้นมาลอยๆ หลังจากนั้นก็วางโทรศัพท์คืนแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาพลางหันตะแคงข้างมาหาอีกคน

“ไม่ได้อยากจ้องหน้านะเว้ย แต่มันเจ็บแก้ม....” นัยน์ตาดุๆค่อยๆปิดลงช้าๆ พร้อมกับคิ้วที่มักขมวดเข้าหากันนั้นคลายออก

“เออ หลับไปเหอะ” ชยางกูรพูดขำๆ พอเห็นอีกฝ่ายหลับจริงๆ ชายหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความเก่าแล้วตอบกลับไป



-ไม่ค่อยสะดวกครับน้องไอซ์ มีอะไรคุยผ่านเฟสบุ๊คก่อนดีกว่าเนอะ-



ไม่นานนัก ก็มีข้อความส่งตอบกลับมาแทบจะทันที



-ไม่เปนไรคะ คุยกันทางนี้ก่อนก้อได้ พี่เดฟเปนพี่ปันหรอค่ะ-



-ครับ เป็นญาติกัน ไอซ์ไม่มีเรียนเหรอครับ-



แม้จะขัดใจกับภาษาไทยแปลกๆของเด็กสาว แต่พอคิดว่าเป็นลักษณะของวัยรุ่นทั่วไปก็พอเข้าใจได้



-คะ ว่างอยุ่ พี่เดฟพึ่งกลับมาจากเมกาหรอค่ะ ไปทำอะไรที่นั่นมาหรอค่ะ-



หลัง จากส่งข้อความในเฟสบุคคุยกันหลายครั้ง ชยางกูรก็สรุปใจความได้ว่าสาวน้อยแฟนปัณวิทย์ต้องการจะสานต่อความสัมพันธ์ กับเขามากเกินกว่าพี่ชายของแฟน

เด็กสมัยนี้เป็นงี้เหรอวะ....

นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างมองคนที่นอนอยู่ด้วยความสงสาร..อ่อนโยนที่แฝงอยู่เจือจางจนแทบมองไม่เห็น



/////////////////////////



ทันทีที่ขึ้นรถของชยางกูร ปัณวิทย์ก็แสดงอาการหัวเสียออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“เมนส์มาหรือไงวะแม่ง...” ทั้งๆที่กลับมาเรียนแล้ว แต่ดูเหมือนแฟนสาวของเขาจะหาเรื่องทะเลาะไร้สาระจนทำให้หัวเสีย

“เป็นไรวะ หน้าเป็นตูดมาเชียว” คนขับหันมาหาแล้วยิ้มให้จางๆ

เออวุ้ย....หงุดหงิดเป็นแมวบ้าอีกแล้ว

“ก็ไอซ์อะดิ เหวี่ยงอะไรมาก็ไม่รู้ แล้วมาลงกับฉัน” หน้าตายังไงแสดงความหงุดหงิดอย่างชัดเจน

“ผู้หญิงก็งี้แหละ ใจเย็นๆน่า ไปหาไรกินแก้เครียดดีกว่า กินไรดีวันนี้” ชยางกูรยักไหล่แล้วออกรถไปทิศทางที่ตรงกันข้ามกับบ้าน

“เปปเปอร์ลันช์...” เขาตอบเสียงนิ่งแล้วทิ้งตัวพิงเบาะรถ

“เพิ่งกินไปเอง ไม่เบื่อเหรอวะ” เปปเปอร์ลันช์....ครั้งที่เท่าไหร่ของเดือนแล้วก็ไม่รู้

“ไปกินบาร์บีคิวไหม... ฉันอยาก”

“ไม่เอา ไม่อยากนั่งหน้าร้อน” เขาพูดอย่างเอาแต่ใจแล้วหันมาทำหน้าเบ้ใส่

...ไอ้เด็กเอาแต่ใจ...

“ยังกับเปปเปอร์ลันช์ไม่ร้อนงั้นแหละ” ชยางกูรบ่นเบาๆแต่ก็แปลว่ายอมลงให้แต่โดยดี

“มีการบ้านป่ะ”

“มี ง่าย... แวบเดียวก็เสร็จ” เขายักไหล่อย่างไม่สนใจ ปัณวิทย์ไม่ใช่เด็กมีปัญหาเรื่องการเรียนอยู่แล้ว

“เออ เก่งคร้าบเก่ง” ชยางกูรประชด

ใน ตอนแรกที่เห็นเกรดในสมุดรายงานผลการเรียน ทำเอาเขาอึ้งไปเล็กน้อย เกรดสวยหรูเรียงกันเป็นตับชนิดที่ว่าเขาเทียบไม่ติด... ปัณวิทย์เป็นเด็กเรียนดีและขยันสม่ำเสมอ บางคืนที่เข้ามาหาก็จะเห็นร่างเพรียวนั่งอ่านหนังสือและติดป้ายไว้บนเก้าอี้ ที่หันหลังให้ว่าห้ามรบกวน

“ปรับหน้าหน่อยๆ พาไปเลี้ยงนะไม่ได้พาไปเชือด” ตอนที่รถติด มือใหญ่เอื้อมมาบีบปากบุ่ยๆไม่เบานัก

“..... ก็มันน่าโมโหนี่หว่า.......” เด็กหนุ่มว่าพลางดึงมืออีกฝ่ายออก

“เออ เลิกก็ได้” ถึงอย่างนั้น แววตาก็ยังดูหงุดหงิดอยู่ดี

“ก็ ถ้างี่เง่านักก็เลิกซะสิ” ที่ยุส่งไม่ใช่เพราะเขารังเกียจแฟนของน้องชาย... แต่เป็นเพราะดูท่าแล้วว่ายังไงๆไอลดาก็คงไม่หยุดอยู่ที่ปัณวิทย์แน่

“ปันก็ไม่ได้ขี้เหร่... พอดูได้นิดหน่อย หาแฟนใหม่เอาง่ายกว่ามั้ง”

“.... ก็เขาไม่ได้บอก เดี๋ยวร้องไห้ดราม่าไรวุ่นวาย” คล้ายกับปัณวิทย์จะพูดไปเพราะตัดรำคาญ

“...เขาอยากให้นายสนใจมั้ง” ชยางกูรเหยียบคันเร่งให้รถแล่นไปยังเส้นทางที่ตรงไปสู่ร้านที่ปัณวิทย์อยากกิน

“ก็ลองอยู่กับเขาให้มากขึ้น ฟังมากขึ้น ...ถ้าทำได้น่ะนะ”

แต่ผู้หญิงเป็นเสียอย่างนี้...ท่าทางคงไม่ใช่ย่อย

“..... อืม เพราะช่วงหลังเลิกเรียนแล้วกลับบ้านเลยมากกว่ามั้ง... งั้น” ปัณวิทย์ลองทบทวนดูบ้างว่าช่วงที่ผ่านมา เขาแบ่งเวลาว่างของตัวเองมาใช้กับพี่ชายต่างสายเลือดคนนี้ด้วย

“เฮ้ย-- ไม่เกี่ยวกับฉันนะ” คนขับรีบท้วง

“ก็แล้วทำไมช่วงนี้เราไม่อยู่กับเพื่อนล่ะ ปกติกว่าจะกลับงี้...อาหารสำรองรอแหง็กประจำ”

“ก็กลับทานข้าวเย็นให้ทันไม่โดนว่าก็พอ” เขาตอบสั้นๆพลางเอนหน้าพิงกับเบาะรถ

“ถึงแล้วปลุก...”

“ใช้กูเลยนะครับน้องปัน” ชยางกูรบ่นเบาๆด้วยรอยยิ้ม

...เอาเหอะ....

...แค่นี้ไม่เป็นไร...






To Be Continued....

ออฟไลน์ lidelia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
มาติดตามด้วยคนค่ะ  :mc4:

มาต่อไวๆนะ  :กอด1:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
น่ารักจังเลย ปันปัน รักพ่อ ที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ความรักเนอะ ห้ามกันยาก ไม่ว่ารักใหนๆ ก็เหมือน และสำคัญเท่ากัน

ออฟไลน์ ต่ายน้อย

  • กระต่ายน้อยลอยคอ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-3
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27719.0
เรื่องนี้ไอ้คุณพ่อมันน่าตบสุด อะไรฟะเด็กไม่รู้เรื่องก็มาลงที่เด็ก ที่ตัวเองก็มีชู้ไม่เห็นจะว่าตัวเองเลย

ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook

ออฟไลน์ dark-soleil

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
สงสารปันๆ ส่วนยัยไอลดานั่นก็กรุณาเก็บลงกรุด้วยนะคะ เราเกลียดยัยนี่ัจัง บังอาจคิดแย่งพี่ชาย"ที่รัก"ของปันๆ่

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

-8-







“นี่ล่ะ ดีสุดแล้ว!” ปัณวิทย์พูดพร้อมรอยยิ้มกว้างพลางคลุกเคล้าเนื้อกับข้าวและไข่ให้เข้ากัน

“เห็นของกินล่ะอารมณ์ดี” ชยางกูรเหน็บขณะที่ใช้ช้อนกดแซลมอนและข้าวโพดลงบนกระทะร้อน

“แล้วไงล่ะ” ย้อนถามกลับด้วยรอยยิ้มยียวนพลางยดโค้กขึ้นดื่มอึกใหญ่

“ป๊าว-----” ขึ้นเสียงสูงพลางเลิกคิ้วอย่างจงใจจะล้อเลียน

ชยางกูรอาศัยจังหวะที่ปัณวิทย์เผลอ ขโมยชิมเนื้อในจานมาชิมก่อนจะยิ้มล้ออีกครั้ง

“เฮ้ย! ขโมยเนื้อโทษถึงตายนะเว้ยครับ!!” เด็กหนุ่มเอื้อมส้อมไปหมายจะขโมยเนื้อปลาแซลมอนคืนบ้าง

“งก” เจ้าของไม่รอให้อีกฝ่ายแย่ง กลับตักข้าวในจานยื่นให้เลย

“พี่เดฟใจดี ไม่งกเหมือนน้องปัน”

“ยี้ อย่าเรียกน้องปันดิวะ ขนลุก!” ไม่พูดเปล่าแต่ยิ่งทำท่าขนลุกประกอบด้วย

“ไมล่ะ ชอบเรียกนี่...สนุกดีออก” การที่ได้เห็นปฏิกิริยานี่ล่ะสนุกสุดๆแล้ว

“บอกว่าขนลุกไงวะ” คนเป็นเด็กกว่าทำคิ้วขมวดใส่จนแทบจะผูกกันเป็นโบว์

“ที่ นายเรียกฉันว่าพี่เดฟฉันยังไม่เห็นเป็นไรเลย” ข้าวคำโตถูกตักเข้าปากพลางเคี้ยวอย่างมีความสุข แซลมอนชิ้นเล็กๆเข้ากันได้ดีกับข้าวโพดร้อนๆหวานนิดๆ ยิ่งกินกับน้ำอัดลมยิ่งดีเข้าไปใหญ่

“ไปกินไอติมกันต่อไหม หรือจะกลับเลย”

“อือ อยากกินไอซ์มอนสเตอร์” คนพูดต่ออย่างเอาแต่ใจยิ้มกว้างให้แล้วตักข้าวเข้าปากบ้าง

“อือ”

มื้ออาหารแสนสะดวกผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากจ่ายเงิน ชายหนุ่มผมทองก็เดินตามอีกฝ่ายที่คุ้นเคยกับที่ทางมากกว่าไปยังร้านที่อยากกิน

-ติ๊ง-

เสียงข้อความในเฟสบุคดังขึ้น...แต่ไม่ต้องกดดูเขาก็รู้ว่าเป็นใคร

...น้องไอซ์..แฟนปัน....

“กินสตรอว์เบอร์รี่นะ” ปัณวิทย์หันมาถามความเห็นคนที่ยืนเปิดโทรศัพท์ไอโฟนดูอยู่

“เฮ้ย ถาม... สนใจกันก่อนดิ”

“เฮ้ย เอาลำไยแทน” ชยางกูรได้แต่รีบเก็บมือถือและหวังว่าจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ

...เอาจริงเหรอวะเด็กคนนั้น...

สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดและไม่มีวันจะทำตลอดชีวิตคือการนอกใจ...แต่ไอลดากำลังทำให้เขานึกถึงมัน

...มันไม่ใช่...

“งั้นใส่สตรอว์กับลำไย... เคปะ” แม้จะถามว่าโอเคหรือเปล่า แต่เด็กหนุ่มก็หันไปสั่งเองโดยไม่รอคำยืนยันจากอีกคนแม้แต่น้อย

ชยางกูรยิ้มขำกับท่าทางเอาแต่ใจ...และพยายามเหมือนจะเอาใจเขา จริงๆก็น่ารักไม่หยอกหรอก แต่ติดที่ชอบทำตัวเหมือนดื้อด้านไปนิด

...ไม่งั้นคงน่ารักกว่านี้...

นัยน์ตาสีฟ้าใสมองไปยังแผ่นหลังของเด็กที่ยังไม่โตเต็มที่ในชุดนักเรียน สะบักไหล่ได้รูปที่เห็นลางๆผ่านผ้าเนื้อบางดูเซ็กซี่ไม่น้อย

...แต่ไม่ใชสเปค...

“อะ ได้แล้ว” เขายื่นช้อนพลาสติกให้อีกคนแล้วเดินไปหาโต๊ะนั่ง

“ปันกินก่อนนะ”

“ห้ามแย่งลำไย!” คนเป็นพี่ทำตัวเป็นเด็กด้วยการร้องแย่งพร้อมรอยยิ้ม

รส หวานๆหอมๆของน้ำหวานเข้ากันได้ดีกับผลไม้ที่อยู่บนหน้า ยิ่งไปกว่านั้น...แม้จะรู้สึกแปลกๆกับการที่ต้องตักถ้วยเดียวกันกับคนที่ไม่ ใช่คนรัก

...แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี...

“......เปรี้ยว...สตรอว์เบอร์รี่...”

“อะไร อร่อยออก กินไม่เป็นอะดิ” ปัณวิทย์ว่าพลางตักกินตักกินไม่สนใจอีกฝ่าย เด็กหนุ่มไม่ได้ชื่นชอบลำไยอยู่แล้วจึงไม่คิดแย่ง

...น่าแปลกที่บางทีก็รู้สึกว่า อยู่กับชยางกูรทำให้เขารู้สึกสบายใจมากกว่าเวลาอยู่กับไอลดา

แต่มันก็ไม่เหมือนกัน

“ไม่ชอบที่มันเปรี้ยว...กลิ่นก็หอมอยู่หรอกแต่ทำไมต้องเปรี้ยวขนาดนั้นก็ไม่รู้” ชยางกูรบ่น

“ปันต่างหาก เด็กผู้ชายชอบกินสตรอว์เบอร์รี่แม่งโคตรแมนเลย”

“ไรวะ ผู้ชายยังใส่สีชมพูได้เลย” นัยน์ตาเรียวหรี่มองอย่างขัดใจแล้วตัดสินใจขโมยลำไยเข้าปากตัวเองเฉย

“อ่าวๆ ลำไยของฉันนะเว้ย อย่ามั่ว” ไอ้คนที่ลอยหน้าลอยตาอมช้อนแถมยังยักคิ้วเย้ยให้นี่น่าซัดสักที

“คนสุดท้ายที่แย่งฉันกินเนี่ย...โดนจูบกลางโต๊ะเลยนะ”

เด็กหนุ่มรีบถอยตัวไปแล้วมีสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

“อย่ามาบ้านะเว้ย นี่เมืองไทย”

“ถ้า ตอนนี้อยู่เมืองนอกกันทำได้เหรอ...” ชยางกูรลากเสียงยาว ไอ้อาการขี้ตกใจนี่แหละ..ที่เขาชอบ ใบหน้าขาวจะเปลี่ยนเป็นแดงจัดแล้วเอนหนีไปเล็กน้อย น่ารุกไล่แกล้งต่อที่สุด

“ได้ แต่ไม่ให้ทำเว้ย กูเป็นผู้ชายครับไอ้พี่เดฟ” เขายืนยันเสียงแข็งแถมแยกเขี้ยวใส่เหมือนกับแมวที่กำลังขู่แล้วพองขนจนฟู

“ตอน นั้นที่จูบก็ผู้ชาย แต่น่ารักกว่าเด็กดื้อแถวนี้เยอะ” ชยางกูรยื่นหน้าเข้าไปใกล้ลูกแมวที่พยายามแยกเขี้ยวพองขนก่อนจะหลุดหัวเราะ ออกมา

“ล้อเล่นน่า--- ฉันไม่เอานายหรอก”

“อ... ก็เออดิ!” แม้จะรู้สึกแปลกๆไปกับคำพูดของอีกฝ่าย แต่เขาก็รีบผลักชยางกูรออกไปทันที

“ฉันอยู่กับนายนี่...สักวันต้องน่วมแหงๆ” เจ้าของเสียงทุ้มพูดอีกแล้วตักลำไยเข้าปาก

ความอบอุ่นที่ถูกเติมเต็มด้วยวิธีง่ายๆ...และสัมผัสได้จริง

...ไม่ใช่สักแต่ว่าให้ โดยไร้ความรู้สึก...



////////////////////////////////////////////////////////



“สงสัยแม่งได้เลิกกันแหงเลย” เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

“โหยย ไรวะ ฟันแล้วทิ้งเหรอมึง” อาธิปตบไหล่คนที่ถอนหายใจ ก่อนจะโดนศิวะตบหัวต่อฐานล้อเล่นไม่ดูสถานการณ์

“เป็นไรวะไอ้ปัน ทะเลาะกับไอซ์อีกแล้วเหรอวะ” เด็กหนุ่มร่างสูงเจ้าของตำแหน่งนักกีฬาตัวจริงบาสเกตบอลเดินมานั่งข้างๆ

“กูเปล่าทะเลาะ เค้ามาทะเลาะกับกู เอะอะก็ว่ากูผิดหมดอะสัด” ปัณวิทย์ยังแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยแม้แต่น้อยออกมาชัดเจน

“กูว่าช่วงนี้ไอซ์ก็งี่เง่าเกิน เหมือนหาเรื่องทะเลาะกับมึงตลอดอ่ะ” ศิวะพูดต่อแล้วถอนหายใจหนัก

“ตอนแรกกูว่าจะไม่สนเพราะเป็นเรื่องของพวกมึง...แต่กูว่าไอซ์เปลี่ยนไปว่ะ พวกมึงมีอะไรกันป่ะวะ”

“ไม่มี กูไม่เคยเหอะ ตามใจตลอดอะ” เด็กหนุ่มเอนศีรษะพิงกับพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลง

เด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆจับไหล่เบาๆอย่างเข้าใจ กระทั่งอาธิปที่มักจะหยอกล้อยังเงียบเสียง...ได้แต่จ้องตากับศิวะ

“ไอซ์มีคนอื่นเปล่าวะ”...แต่สุดท้ายอาธิปก็หลุดสิ่งที่คิดอยู่ในหัวมาจนได้

“ไม่ รู้ว่ะ ไม่อยากคบแล้วก็บอกมาดิวะ จะทู่ซี้คบทำไมสัด” เด็กหนุ่มไม่ไว้หน้าด้วยซ้ำว่าจะต้องระวังคำพูดกับคนที่ยังเรียกว่าเป็นแฟน อยู่

“เหยยย มึงใจเย็นๆสิวะปัน ก็แล้วทำไมมึงไม่ขอเลิกก่อนวะ จะได้ไม่ต้องมานั่งหงุดหงิดอย่างงี้”

“ก็เดี๋ยวแม่งมาร้องไห้ดราม่าใส่กูอีก” เขาตอบต่อด้วยน้ำเสียงที่ติดว่ารำคาญ

“อ้าว ไอ้สัด แล้วมึงจะคาราคาซังอย่างงี้เนี่ยนะ กูถามจริงเหอะ ถ้าเค้ามีคนใหม่จริงๆแล้วมึงยังเฉยขนาดนี้ได้ มึงรักเค้าเปล่าวะ” อาตี๋หนุ่มที่คันปากยิบๆอยู่นานได้ที่แรกเข้ากลางวง

“ไม มึงจะเสียบเหรอวะไอ้อัฐ”

“ห่า กูไม่แย่งแฟนเพื่อนเว้ย”

“มึงพูดเหมือนพี่กูเลยห่า เออ ก็คงงั้นแหละ แม่งวีนยังงั้น คบกันต่อไปกูตายก่อน” ปัณวิทย์ว่าพลางถอนหายใจออกมาอีกที

“เดี๋ยวดูๆไปอีกนิดก็แล้วกัน ถ้าแม่งไม่ดีขึ้นกูจะเลิก มึงอยู่ข้างกูนะเว้ย”

“ห่า ทำตัวเป็นเด็กเรียกร้องความสนใจนะมึง” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่รอยยิ้มของเพื่อนก็ยังบอกว่าอยู่ข้างใคร

“เออ รอมึงอกหักร้องไห้กระซิกกระซี้ก่อน อกแมนๆของพี่อัสซี่รอให้มึงซบเสมอ”

“ถุย อกแมนๆ” คำพูดกับสีหน้ายิ้มขำของปัณวิทย์ดูขัดกันแต่ศิวะกับอาธิปก็เข้าใจดีค่าที่เป็นเพื่อนกันมาตลอด

“เออ กูมาซบแน่”

“เฮ้ย..ไอ้ปัน..” เสียงของศิวะดังขึ้นเรียกให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง

“....เมียมึงมาว่ะ”

“.... ว่าไงไอซ์” ปัณวิทย์ปั้นรอยยิ้มทักทาย

“ไอซ์มีเรื่องจะคุยกับปัน...ขอคุยแค่สองคนนะ” เด็กสาวเสยผมไปด้านหลังแล้วเหยียดยิ้ม ไม่หลงเหลือความอ่อนหวานที่เคยมีให้

“พวกมึงไปก่อน” เขายกมือไล่พลางมองรอยยิ้มที่มองมา

...ไม่น่ารักเลย

“เรื่องอะไร”

เด็ก สาวเดินมานั่งข้างๆ ขาเรียวยาวยกไขว่ห้างแต่ไม่มีท่าทีจะกอดกระแซะแบบเมื่อก่อน ไอลดากอดอกแล้วมองหน้าปัณวิทย์ด้วยดวงตาสีเทากลมโตของบิ๊กอาย

“ถ้า เราจะเป็นอย่างงี้กันต่อไป ไอซ์ว่าเราเลิกกันเหอะ ปันไม่สนใจไอซ์เหมือนเมื่อก่อนเลย” แม้ถ้อยคำจะดูคล้ายตัดพ้อ แต่น้ำเสียงดูไร้เยื่อใยของคนรักแล้ว

“ไอซ์เบื่อ”

“อย่ามาอ้างเลย ไอซ์แหละที่เปลี่ยนไป” ปัณวิทย์ลุกขึ้นยืนแล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชาไม่แพ้กัน

“อยากเลิกก็เลิก แต่ไม่ต้องมาพูดว่าปันผิด”

“ก็ ทำไมล่ะ ก็ไอซ์เบื่อปัน เบื่อเด็กๆแบบปันแล้ว ใช่ ไอซ์อยากเลิกกัน และไอซ์จะเป็นฝ่ายบอกเลิกก่อนด้วย” เด็กสาวเชิดหน้าขึ้นสูง ดวงตาสวยเฉี่ยวกรีดมองแล้วสะบัดหน้าหันหลังให้

“เลิกกันนะปัน ไอซ์เซ็งเต็มทนแล้วกับเด็กอย่างปัน!”

...ผิดที่กูอีก...

...ทำไมอะไรๆแม่งก็กูวะ...

ปัณวิทย์ไม่ได้โต้ตอบอะไร เขามองหน้าเด็กสาวที่ตัวเองเคยคิดว่าน่ารักนิ่ง... นาน

“อือ อะไรก็ช่าง” เด็กหนุ่มเดินผ่านไปปล่อยไอลดาไว้ที่เดิม

ไอลดามองอดีตคนรักที่เดินจากไปก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูข้อความของใครบางคน

...เป้าหมายครั้งต่อไปของเธอ...



//////////////////////



“อะไร วะครับไอ้พี่เดฟ จะเอาบลูเบอร์รี่ชีสพายครับ” ปัณวิทย์เปิดประตูบ้านเข้ามาแล้วมุ่งหน้าไปทางลิฟท์ หมายจะขึ้นไปหาเจ้าฟูกับฝุ่นให้อารมณ์ตัวเองดีขึ้น

-อะไรวะ ยังไม่เลิกงานเลย เดี๋ยวค่อยไปซื้อน่า แล้วนี่อยู่ไหนเนี่ยให้ไปรับป่ะ -

“ไม่ ต้อง ถึงบ้านแล้ว งั้นรอข้างบนนะ” เขาถอดรองเท้าผ้าใบสีดำของตัวเองออกก่อนจะก้าวขึ้นบันไดไป มือเอื้อมหยิบกุญแจห้องในกระเป๋าพลางเอ่ยขอสตรอว์เบอร์รี่สดเพิ่มจากปลายสาย

“คุยกับใคร ปัณวิทย์” เสียงเข้มดังจากด้านบนก่อนที่พลภัทรจะก้าวลงมาจากบันได

ใบหน้าบึ้งตึงไร้รอยยิ้มอันใด เฉกเช่นเดียวกับนัยน์ตาที่มองด้วยความเกลียดชัง

-ใครอ่ะปัน คุณพ่อเหรอ-

“... กับ... เพื่อนครับ เฮ้ย แค่นี้ก่อนนะ” ปัณวิทย์โกหกไป และไม่รอที่จะฟังคำตอบ เขารีบกดตัดสายก่อนจะมองสายตาของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเจ็บปวด

...ปันทำให้พ่อเกลียดตรงไหน...

“ฉันไม่ยักรู้ว่าแกมีเพื่อน...ชื่อเดฟ” ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหาแล้วแค่นหัวเราะ

“โกหก โง่ๆ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามายุ่งกับลูกของฉันอีก! ตามมาที่ห้อง!” พลภัทรตะโกนใส่แล้วหันหลังเดินนำโดยไม่มองสักนิดว่าอีกฝ่ายจะตามมาหรือไม่

...ไอ้เด็กน่ารังเกียจ...

เด็กหนุ่มได้แต่นึกก่นด่าพี่ชายต่างสายเลือดที่ยังไม่กลับมาขณะเดินตามหลังชายที่เคยเรียกว่าพ่อ

...ซวยอีกแล้ว...

...ไหนมึงบอกจะไม่เป็นไร...

เขาเอื้อมปิดประตูห้องแล้วยืนเงียบรอฟังคำของพลภัทร

เหล้า ที่ถูกใช้ดื่มยามดับทุกข์ถูกเทด้วยมือสั่นๆตามแรงอารมณ์โกรธ พลภัทรตวัดตามองอดีตเด็กน้อยที่อุ้มชูในวันวานแล้วได้แต่เย้ยหยันตัวเอง

..ไอ้โง่เอ๊ย!...

“แก จะมายุ่งอะไรกับชยางกูรอีก แกหวังอะไร! สำนึกมั่งว่าแค่ฉันเลี้ยงแกที่เป็นลูกหมาที่ไหนก็ไม่รู้มาขนาดนี้ก็บุญเท่า ไหร่แล้ว สำนึกมั่งไหมปัณวิทย์!”

“... ผม... แค่คุยด้วย... ไม่ได้หวังอะไรทั้งนั้นครับ” ปัณวิทย์ตอบเสียงเรียบก่อนจะหลบสายตาอีกฝ่าย วันนี้อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ยังต้องมาเจออย่างนั้นอีก

...ไอ้พี่เฮ็งซวยจะกลับมาทันได้ที่ไหนวะ...

“แต่แกก็ยังไม่เชื่อฉัน..อย่านึกว่าฉันโง่นะ ไอ้ที่ชยางกูรไปหาแกที่ห้องหมายความว่าไง!” พลภัทรตะคอกซ้ำ

“ก็ แค่มาคุยเป็นเพื่อนผมแล้วก็เล่นกับกระต่ายครับ... คุณพลภัทร” ในอึดใจที่เกือบเรียกออกไปว่าคุณพ่อถูกยั้งไว้ได้ทัน

“เพราะ แกไปทำตัวเรียกร้องความสนใจเขาก่อนน่ะสิ! แค่ตัวเองมีปัญหาไม่พอ ยังใช้ไอ้กระต่ายบ้านั่นเป็นเครื่องมืออีก แกนี่มันเหมือนใครกัน....” พลภัทรยิ้มเยาะแล้วดื่มเหล้าจนหมดแก้ว

“เหมือนพ่อเลวๆ...หรือแม่ที่ร่านกันแน่”

...ทำไมต้องถูกว่าทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด...

...ทำไมต้องถูกบอกเลิกทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด...

...ทำไมไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น...

...คนผิดต้องเป็นปัน...

“ฟังผมก่อนสิครับ พี่เขาแค่มาคุยด้วย...”

“แกไม่มีสิทธิ์เรียกเขาว่าพี่! เขาเป็นลูกฉันและไม่ได้เกี่ยวข้องกับแก อย่าคิดเทียบเขา...ไม่งั้นบ้านนี้จะไม่มีที่ให้แกซุกหัวนอน!”

...เกลียด...

...ใบหน้าที่เหมือนผู้หญิงคนนั้น...

“....... เข้าใจ........ แล้วครับ” ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจก่อตัวขึ้นจนคล้ายกับมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอหอย ปัณวิทย์รู้สึกได้ถึงหัวตาที่ร้อนผ่าว มือที่กำจนแน่นทำให้เจ็บขึ้น แต่กลับไม่เท่าหัวใจที่รู้สึกปวดร้าว

“แต่ ถ้าคุณชยางกูรเข้ามาคุยกับผมเอง... คุณจะให้ผมทำยังไงครับ” คำพูดยอกย้อนหลุดออกไปก่อนที่จะทันได้คิดว่าไม่สมควร แต่เด็กหนุ่มก็คิดว่าไม่เป็นไร เพราะบอกไปแล้วว่าเข้าใจ

...แล้วก็ไม่ต้องยุ่งกับชยางกูรอีกเลยก็เท่านั้น

ก่อนที่พลภัทรจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป แก้วในมือก็ปลิวกระแทกใบหน้าฝ่ายตรงข้ามแล้วหล่นลงมาแตกกระจายแทบเท้าแล้ว...

-เพล้ง-

เสียงกระทบนั้นบาดลึกเข้าไปในหัวใจชายวัยกลางคน...แม้จะไม่อยากยอมรับแต่เขารู้สึกว่ามันดูจะมากเกินไป

“อย่ามายอกย้อนฉัน! เดี๋ยวนี้กล้าดียังไงมาทำน้ำเสียงแบบนั้น ไอ้เด็กเมื่อวานซืน”

มือที่ซ่อนอยู่ด้านหลังกำแน่นด้วยความรู้สึกอันสับสน และยิ่งมองขึ้นไปตรงหางคิ้วที่มีเลือดซึม..ก็ทำได้เพียงเบือนหน้าหนี

...ปัน...

“ก็ แล้วผมต้องทำยังไงคุณถึงจะพอใจ?????” น้ำตาที่หลั่งไหลออกมามีสีที่ต่างไปเพราะเลือดสีเข้มที่ลงมาปะปนด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่ปัณวิทย์ขึ้นเสียงดังใส่ เจ็บที่ถูกทำร้าย

...เจ็บจนไม่อยากทน

เด็กหนุ่มเคยคิดว่าพยายามตั้งใจเรียน เป็นเด็กดี ไม่ทำตัวให้รกหูรกตา ไม่ทำตัวให้เป็นภาระ... แค่นั้น ก็จะได้รับการยอมรับอีกครั้ง

...แต่มันเปล่าประโยชน์...

“ปัน....” พลภัทรเรียกชื่อเล่นอีกฝ่ายที่ไม่ได้เรียกมานานก่อนจะเงียบลงแล้วเบือนหน้าหนีสายตาอันเจ็บปวดของเด็กหนุ่มตรงหน้า

น้ำตา ที่ปนหยาดเลือดทำให้เขาเกือบจะใจอ่อนแล้วเข้าไปโอ๋ปลอบเหมือนคราวที่เด็กชาย ปันปันปั่นจักรยานแล้วหกล้ม... แต่เพราะสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและความจริงที่ถูกหลอกมาถูกเปิดเผย พลภัทรจึงไม่อาจแม้แต่จะมองได้อย่างสนิทใจอีกแล้ว

“ออกไปซะ แล้วอย่าให้ฉันเห็นหน้าแกอีก...” คำสั่งที่อ่อนล้าพูดขึ้นมาด้วยเสียงไม่ดังเท่าที่ควร

“อย่าเถียงฉันอีก... ปัณวิทย์...”

เขารู้... ว่าปัณวิทย์เป็นเด็กดีและพยายามเสมอมา

เขารู้... ว่าเด็กคนนี้ทำไปเพื่ออะไร และเพื่อใคร

เขารู้... ว่าถ้อยคำที่ไม่แม้กระทั่งตัดพ้อนั้น กำลังอดทนเพื่อรอคอยการยอมรับจากใคร

...แต่เขาไม่สามารถกลับไปเป็น 'พ่อ'คนเดิม ได้อีกแล้ว...

ประตู ห้องของพลภัทรปิดลงพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มที่วิ่งออกไป ปัณวิทย์ไม่คิดจะรอให้ลิฟท์มาด้วยซ้ำ ขาสองข้างก้าวขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นบน เขาเปิดประตูห้องของตัวเองเข้าไปแล้วกระแทกปิดเสียงดัง

ร่าง กายทรุดลงกับพื้นห้องก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร เลือดไหลหยดลงมาที่ปลายคางก่อนจะร่วงลงพื้นห้องเป็นดวงเล็กๆ กระต่ายตัวน้อยสองตัวรีบเข้ามาหา แต่ปัณวิทย์ก็หันไปห้ามไว้

“ฟู ฝุ่น ไม่เอาครับ ฮึก... เดี๋ยวเลอะหมดนะ...”

กระต่าย สีขาวทำจมูกฟุดฟิดใส่ก่อนจะกระโดดเข้าหาแล้วเอาหัวกลมๆดันเบาๆที่ข้อเท้า เจ้านาย ส่วนตัวสีเทาที่มองอยู่ก็รีบวิ่งเข้าไปอ้อนอีกด้านเช่นเดียวกัน

“ฮึก... ไม่มีใครสนใจปันเลยนะครับ มีแต่ฟู...... กับฝุ่น... ที่จะอยู่กับปัน... ตลอดไป... เนอะครับ” ถึงจะหนีออกจากบ้านหลังนี้ไปได้ แต่จะให้หนีไปไหนกัน แล้วทำแบบนั้นไป พลภัทรจะมาตามตัวกลับไป หรือว่าปล่อยทิ้งไปเลย

...ไม่ว่าแบบไหนก็เจ็บปวดด้วยกันทั้งนั้น

เพราะตัวเขาไม่มีใครเลย

...กระทั่งคนที่บอกว่าจะดูแล ก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน...








To Be Continued.....


ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
แงๆๆๆ สงสารปัน

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
เห็นแก่ตัว

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อ่านจบแล้วเซ็งมาก


ถ้าสายเลือดมันสำคัญขนาดนั้น เมิงไม่โคลนนิ่งเอาเลยว่ะคะ
รู้สึกอยากเหวี่ยงมากๆ อ่านแล้วหงุดหงิดโพ้ดๆ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
สงสารปัน

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
งี่เง่าว่ะพลภัทร
แม่ง... อายุเท่าไรกันแน่เนี่ย ปัญญาอ่อนว่ะ
อะไรก็โทษคนอื่นถ้าตัวคุณมีน้ำยาทำให้เมียรักได้แม่งคงไม่ไปเป็นชู้กับคนอื่นหรอก
ปันปัน โชคร้ายจริงๆมีพ่อแบบนี้ เฮ้อ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ krit24

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
แง
อ่านแล้วสงสารปันปันอ่ะฮือ

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
kagehana : สวัสดีค่ะ ^^ แอบเอาดราม่ามาแปะเบาเบานิดนึง(?)

พ่อของน้องปันเป็นคนมีปมค่ะ แต่หลังจากนี้(อีกสักพักใหญ่...) จะมีเหตุให้นิสัยเปลี่ยนไปนิดนึง แต่ตอนนี้เกลียดกันไปได้เลยตามสบายค่ะ ฮ่าๆๆๆ










-9-




ชยางกูรแวะซื้อขนมเค้กจากร้านเจ้าประจำ ทั้งพายบลูเบอร์รี่ของโปรดเด็กงอแง และช็อตเค้กสตรอว์เบอร์รี่ที่เจ้าตัวออกปากขอเพิ่มเติม ร่างสูงก้าวออกจากลิฟท์แล้วเดินไปยังห้องปัณวิทย์เหมือนเช่นทุกวันที่จะขลุก อยู่ในห้องนี้จนกว่าจะง่วง

“ปัน...เอาเค้กมาส่งแล้ว” ชยางกูรเคาะประตูพร้อมรอยยิ้ม

เจ้าของห้องที่ยังไม่ได้ขยับลุกจากที่เดิมหันไปมองที่ประตู มือยกขึ้นเช็ดเลือดที่เลอะปลายคางออกแล้วเอ่ยตอบเสียงขุ่น

“ไม่กินแล้ว....”

“เฮ้ยไรวะ ก็เมื่อกี้ยังบอกให้ซื้อมาฝากอยู่เลย” ชยางกูรบ่นแล้วหมุนลูกบิด...ยังดีที่ไม่ได้ล็อค

...สงสัยไปหงุดหงิดอะไรมาอีกแหง

“หงุดหงิดอะไรมาอีกวะครับ คุณน้องปัน....” ปลายเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนนั่งคุดคู้อยู่ข้างประตู

“เฮ้ย..เป็นไรวะ..มานั่งทำไมตรงนี้”

“บอกให้ออกไป!! ไม่ต้องมาคุยกับกูแล้ว ไม่ต้อง ออกไป ขอร้อง ออกไปเลย!!”

แม้จะงงและหงุดหงิดกับการโดนตวาด แต่ชยางกูรก็ยังนั่งลงข้างๆแล้วแตะไหล่บางที่ลู่ลงเบาๆ

“เกิดอะไรขึ้น เล่าให้ฉันฟังสิ”

ปัณวิทย์ยกแขนขึ้นปัดมืออีกฝ่ายออก

“เขาไม่อยากให้นายเข้าห้องฉัน! ไม่อยากเห็นนายเข้ามาคลุกคลีกับฉัน! รู้แล้วก็ไปซะสิ!!!”

“ปัน!” ชยางกูรจับใบหน้ามอมแมมให้หันมาหา นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างเบิกกว้างอย่างตกใจกับรอยแผล

“ไป โดนอะไรมาน่ะ แล้วทำไมไม่ใส่ยา” ปากแผลไม่ใหญ่นักและเลือดก็หยุดไปแล้ว แต่รอยเลือกแห้งกรังที่เลอะตามแนวแก้มและเสื้อนักเรียนบ่งบอกว่าไม่ใช่แผล เล็กเท่ามดกัดแน่

“ปัน.... ใครทำ...”

พอคิดว่าปัณวิทย์โดนทำอะไรมา... ในอกก็รู้สึกปวดแปลบ....

“จะใครก็ช่าง— เขาไม่พอใจที่ฉันอยู่กับนาย เพราะงั้นก็ออกไปได้แล้ว เดี๋ยวทายาเองได้” คิ้วขมวดเข้าหากันพลางดันมืออีกฝ่ายออก

“คุณพ่อล่ะสิ...” ให้พูดอย่างนี้คงไม่มีคนอื่นแน่

“คราวนี้เขาทำเกินไป เดี๋ยวฉันจะไปพูดให้...” ชยางกูรดึงคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอดแล้วลูบไหล่และแผ่นหลังเบาๆ

แต่ปัณวิทย์กลับผลักอีกฝ่ายออก

“อย่ามากอดนะ!! ปล่อย! ถ้าเขามาเห็น.... ถ้าเขามาเห็น...” เด็กหนุ่มพร่ำพูดเหมือนกับไม่มีสติ

“เขาคิดว่าฉันร่านเหมือนแม่ เขาพูดอย่างนั้น เขาจะคิดยังไง ออกไป ออกไป! ฉันไม่รู้จักแก”

“ปัน...เดี๋ยวสิ...ปัน ปัน!!”ชยางกูรรวบมือที่ผลักไสแล้วเขย่าเด็กหนุ่มที่ไร้สติ

...น่าสงสาร...

...คงถูกพูดทำร้ายจิตใจมาอีกแล้ว...

“ไม่มีใครว่าปันนะ... ปันเป็นเด็กดี...ใจเย็นๆ”

“ปล่อย! ไม่ดี!! เข้าใจไหม เขาคิดว่ากูเป็นเกย์เหมือนมึงขึ้นมากูคงโดนเฉดหัว เข้าใจกูมั่ง ถ้ามึงเข้าใจกูก็ออกไป!!”

“ทำไม เป็นเกย์แล้วไม่ใช่คนหรือไงวะ” ชยางกูรถามกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“ทำไงได้ ในเมื่อมันชอบไปแล้ว พวกฉันผิดหรือไงวะ”

“เขาไม่ชอบ!!! ไม่เข้าใจเหรอวะ??? ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง บอกให้ออกไป!!” เด็กหนุ่มยังพยายามผลักอีกคนออกไป

“นาย สิพูดไม่รู้เรื่อง เขาไม่ได้รักนายขนาดที่ต้องแคร์จนเป็นบ้าอย่างนี้ซะหน่อย! เลิกหวังได้แล้วว่าเขาจะดีด้วย นายเห็นๆอยู่ว่าทำไปก็ไร้ค่า!!” เสียงแหบห้าวตะโกนก้องในห้องเล็ก กระต่ายตัวน้อยที่อยู่ใกล้ๆรีบวิ่งหาที่ซุกจนตัวสั่น

“แล้วก็อย่ามาดูถูกคนอื่น...จะเกย์จะไบยังไงนายก็ไม่มีสิทธิ์ว่า”

“ทำไม จะไม่มีสิทธิ์! กูยังต้องทนให้โดนด่าโดยไม่มีสิทธิ์ตอบโต้อะไรทั้งนั้น!!!” ปัณวิทย์ไม่สนใจเลยสักนิดเดียวว่าอีกฝ่ายจะตวาดมา คล้ายกับแผลที่แห้งไปเริ่มจะปริแตกออกมาอีกครั้ง

“อย่า มาเหี้ยนะปัน! มึงกำลังพูดคนละเรื่องกับกูอยู่ มึงทนไม่ไหวก็ไม่ต้องทนดิ่ หนีออกจากบ้านไปเลย แม่งไม่สนมึงหรอก!” ชยางกูรพูดซ้ำด้วยแรงอารมณ์ที่เป็นเท่าตัว

“แล้วจะ ให้กูไปไหน???? มึงพูดได้ พูดง่ายนี่!! ห่าเอ๊ย กูไม่น่ายุ่งกับมึง กูไม่ควรยุ่งกับเลยห่า ไม่ควรเลย!!! กูเหี้ย ไปสิ มายุ่งกับกูทำไม??”

“กู เป็นพี่มึงไง! มึงอย่ามาทำตัวงอแงเป็นเด็กห้าขวบเลย มึงไม่ไปเพราะไม่อยากไปต่างหาก มึงอยากจะอยู่กับคุณพ่อของน้องปันปัน...ห่าเอ๊ย! เจ็บแล้วไม่จำ”

“กู ไม่ใช่น้องมึง!! มึงกับกูไม่มีความเกี่ยวพันกันเลยสักนิดเดียว อย่ามานับพี่นับน้องกัน กูบอกให้ออกไป!!!” ปัณวิทย์ตวาดเสียงลั่น ก่อนจะรีบเงียบไปเพราะกลัวว่าพลภัทรจะมาได้ยินอีก

...คราวนี้คงไม่ใช่แค่แก้ว

“แล้ว ที่ผ่านมาล่ะ ทั้งๆที่ฉันคิดว่าแกเป็นน้อง...อย่ามาโกหกเลยปัน คนเกลียดกันทำแบบที่เราทำอย่างงี้ไม่ได้หรอก” ชยางกูรพูดเสียงเรียบ แต่แววตากลับลุกโชนด้วยความโกรธ

...เจ็บ... ในใจ...

“มัน ยิ่งกว่าพี่น้องสายเลือดเดียวกันด้วยซ้ำ ทำไมวะ! ทำตัวเป็นเด็กอ่อนแอ โดนพ่อด่าทีก็บอกเลิกคบไม่เป็นพี่น้อง แม่งงี่เง่าเกินไปหน่อยแล้ว!”

“เพราะ กูไม่มีเลือดเขาแบบมึงไงกูถึงงี่เง่า!! กูทำอะไรก็ผิด!! เขาบูชามึงก็ดีแล้ว คงสะใจน่าดูถ้ารู้ว่าลูกชายที่รักมากบูชามากแม่งก็ชอบผู้ชายด้วยกันได้!!” รอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นบนใบหน้าก่อนที่จะแค่นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ

...คล้ายกับคนสมเพชตัวเอง

ปัณวิทย์ยกมือขึ้นปาดเลือดที่ไหลออกมาอีกครั้งออกลวกๆ

“กูจะไปทำแผลแล้ว มึงออกไป....”

แต่ ร่างเล็กกว่ากลับถูกยึดไว้แล้วอุ้มขึ้น โดยไม่ทันที่จะโวยวายอะไร ชยางกูรก็เหวี่ยงปัณวิทย์ลงบนเตียงพร้อมกับคร่อมเอาไว้ ท่อนแขนแข็งแรงกางกั้นปิดตายทางหนีเช่นเดียวกับแววตาดุร้ายที่จ้องสบลึก

“งั้น ลองหน่อยมั้ยล่ะ...จะได้รู้ว่าผู้ชายมันดียังไง!” ฝ่ามือหยาบหนาจับที่ส่วนอ่อนไหวที่อยู่ใต้กางเกงแล้วรูดซิปพลางสอดมือเข้าไป เคล้นคลึงเบาๆ

“มึงก็ดีแต่ด่าว่าคนอื่น! คนอย่างมึงต้องเจอกับตัวเองถึงจะสำนึก!”

หมัดลุ่นๆถูกปล่อยเข้าที่ข้างแก้มเต็มแรง

“มึงอย่ามาล้อเล่นกับกู!! บอกให้ออกไปไงห่า ไม่รู้เรื่องเหรอวะ!!”

รส ปร่าของเลือดในปากและความเจ็บยิ่งเหมือนเชื้อเพลิงที่สุมไฟให้ลุกโชน ร่างสูงใช้มือหนึ่งรวบข้อมือทั้งสองข้างแล้วกดไว้ด้วยกัน ในขณะที่อีกมือนั้นดึงสิ่งเกะกะที่อยู่เบื้องล่างให้หลุดจากปลายขา

“ใครว่าล้อเล่น...น้องปันปัน...”

“!!! อย่าเรียก บอกว่าไม่ให้เรียกไง!!! ปล่อยกู!!!” คราวนี้พอรู้ว่าจะถูกทำอะไรเข้าจริงๆ เด็กหนุ่มออกแรงทั้งเตะทั้งถีบอีกคนให้ออกไป

“แม่ง เอ๊ย!” สบถออกมาก่อนจะละมือด้านล่างขึ้นมาดึงเนคไทรอบคอตนเอง ชยางกูรคลายปมให้หลวมแล้วเอาไปกระตุกรัดข้อมือทั้งคู่แล้วใช้ปลายอีกข้างพัน กับหัวเตียงลูกกรงเหล็กบนที่นอน

พอ พันธนาการข้อมือของปัณวิทย์ได้ เสื้อนักเรียนที่ยับย่นก็ถูกเปิดออกอย่างง่ายดายแม้จะต้องคอยระวังปลายเท้า ที่ดิ้นรนอยู่บ้าง ชายหนุ่มจุดรอยยิ้มร้ายกาจบนมุมซึ่งรับกับนัยน์ตาสีสวยที่แปรเปลี่ยนเป็นมืด หม่น

“กลัวหรือยัง...ถ้ากลัวก็ขอร้องฉันซะดีกว่านะ น้องปันปัน...” ชื่อเล่นในวัยเยาว์ถูกเอามาใช้ในการเรียก..เพื่อความสะใจ

ชยา งกูรในตอนนี้เหมือนกำลังถูกผีที่มาจากความโกรธเข้าครอบงำ เขาได้แต่เพียงปล่อยให้มันชักพาตัวเองตกไปสู่ห้วงความปรารถนาอันร้อนแรงที่ ตนเองไม่เคยนึกถึงมาก่อน

...ไม่แม้กระทั่งรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาต้องการจากปัณวิทย์...

“ให้ ขอร้องคนอย่างมึงกูยอมตายสัด!!!” ปัณวิทย์ตะโกนใส่หน้าด้วยอารมณ์โมโหที่พุ่งสูง แทบจะไม่ได้คิดแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะถูกทำอะไร

“กู ไม่เอามึงถึงตายหรอกน้องปันปัน...กูจะเก็บไว้เล่นนานๆ..จะทำกับมึงให้ หายอยาก เอาจนมึงไม่มีทางปากดีได้ตลอดชีวิต....แล้วกูค่อยเขี่ยมึงทิ้ง” ถ้อยคำหยาบคายไม่ร้ายแรงเท่าฝ่ามือหนาที่จับต้นขาเรียวแยกออกแล้วสอดนิ้ว เข้าไปยังช่องทางเบื้องหลังโดยไม่เตรียมพร้อมใดๆ

...เอาสิ...

...จะยังปากดีไหวไหม...

“อันเท่านี้เองเหรอ..น่ารักจังนะน้องปันปัน” นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองแก่นกายที่ยังอ่อนนุ่มครึ่งๆกลางๆแล้วหัวเราะเบาๆ

“!!!” เด็กหนุ่มกลั้นเสียงร้องไว้แทบไม่ทัน ร่างทั้งร่างเกร็งต้านปลายนิ้วที่สอดเข้ามาทันทีโดยอัตโนมัติ เขากัดฟันกรอดแล้วเค้นเสียงตอบกลับไป

“ไอ้เหี้ย-- อึ้ก!!”

ปลาย นิ้วที่สอดลึกอยู่ภายในขยับไปรอบๆอย่างไม่สนใจปากที่กำลังด่าหยาบคาย ชยางกูรปลุกเร้าส่วนอ่อนไหวด้านบนไปพร้อมๆกับสอดแทรกนิ้วที่สอง ภายในของปัณวิทย์กระตุกเกร็งโอบล้อมปลายนิ้ว หากแต่ร่างกายที่ยังดูไม่โตเต็มที่กลับสั่นไหวเหมือนสัตว์เล็กๆที่กำลังหวาด กลัว

ฝ่ามือที่กอบกุ่มกายเร่าร้อนขยับเร็วๆอีกทั้งยังนวดคลึงอย่างช่ำชองและหยุดมือเป็นระยะเพื่อกลั่นแกล้งคนที่อยู่เบื้องล่าง

“เจ็บล่ะสิ..มันก็เหมือนคำพูดมึงที่เอาแต่ทำร้ายคนอื่นไง...โดนเองมั่งแล้วเป็นไง”

“.......”

...โดนเองมั่งแล้วเป็นไงเหรอ...

“ก็แค่เจ็บที่ตัว... อึก-- ไม่เหี้ยเท่าที่อื่นหรอก!”

“งั้นแสดงว่ามากกว่านี้ก็ไม่เป็นไรสินะ” ชยางกูรพูดเสียงต่ำแล้วขยับมือมากขึ้น

ต่อ ให้ไม่ได้รัก...แต่เมื่อผู้ชายได้รับการสัมผัสในส่วนนั้นแล้ว ร้อยทั้งร้อยก็ต้องการการปลดปล่อย ชยางกูรขยับมือเร็วขึ้นเมื่อร่างกายของปัณวิทย์บ่งบอกว่าต้องการที่จะปลด ปล่อย ซึ่งต่างกับริมฝีปากที่เอาแต่พร่ำด่าเหลือเกิน

“หุบปากซะที กูรำคาญ อยากก็บอกว่าอยากสิวะ มึงจะทนทำไม!”

รอยยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของปัณวิทย์เพียงชั่วครู่หนึ่ง

“มึงรำคาญก็เรื่องของมึง ฮะ-?! ทำไมกูต้องสนใจ กูไล่-- อะ-- มึงยังไม่ไป...”

“กู จะกินมึงก่อน... มีปัญหาไรป่ะ” รอยยิ้มยกขึ้นอย่างตั้งใจกวน ก่อนจะขยับแรงขึ้น ส่วนอ่อนไหวที่อยู่ในการกอบกุมปลดปล่อยหยาดอุ่นร้อนมาเต็มสองมือ บางส่วนไหลลงสู่เบื้องล่างตรงที่นิ้วยังคงสอดแทรกเข้าไป

“เยอะนะ...ไม่นึกว่าจะอัดอั้นขนาดนี้...แฟนไม่ทำให้เหรอวะ”

“แฟน อะไร? กูไม่มี” ร่างกายคล้ายกับหมดแรงไปชั่วขณะหนึ่ง เด็กหนุ่มจ้องมองคนที่อยู่ด้านบนด้วยสายตาโกรธแค้น ความรู้สึกกระอักกระอ่วนในช่องท้องยังคงไม่หายไป

“กูเบื่อแล้วปัน...ถ้ามึงขอโทษกูดีๆกูจะไม่ทำต่อ” ชยางกูรถอนหายใจกับความดื้อรัน...และตัวเองที่เผลอขาดสติไปชั่ววูบ

...ไม่น่าเลย...

...ทำไมมันเลยเถิดขนาดนี้วะ...

“เบื่อแล้วก็ไปสิ จะอยู่ทำไม” ปัณวิทย์หันหน้าหนี เมินคำที่อีกฝ่ายบอกให้ขอโทษ

...กูไม่ได้ทำอะไรผิด...

“แก นี่ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย...” หยาดอุ่นร้อนที่ปัณวิทย์ถูกทำให้ปล่อยออกมาถูกใช้แทนสารหล่อลื่นบนเรียวนิ้ว ที่สอดเข้าไปในช่องทางเบื้องหลัง

“ขอโทษสิ...”

“อ--!!? ไม่....” ทั้งสภาพแบบนี้ ปัณวิทย์ก็ไม่คิดยอมอ่อนให้

ทันที ที่ได้ยินเสียงปฎิเสธที่แสนดื้อดึง นิ้วที่สามก็ถูกแทรกเข้าไปตาม ผนังด้านในอุ่นร้อนกระตุกเกร็งตอบรับการเข้ามาของสิ่งแปลกปลอม ส่วนอ่อนไหวที่อยู่กึ่งกลางลำตัวเริ่มแข็งขึ้นอีกครั้งหลังจากปลดปล่อยไป แล้วรอบหนึ่ง

“แค่กระตุ้นแค่นี้ก็แข็งอีกรอบแล้วเหรอ..อ่อนไหวจังน้า-- น้องปันปัน”

ปัณวิทย์ได้แต่กัดฟันกรอดที่ต้องถูกอีกฝ่ายข่มเหงแบบไร้ทางสู้ รู้ทั้งรู้ว่าแค่พูดขอโทษก็จบแล้ว

...แต่ก็ไม่อยากจะพูดออกไป

“ร่างกายก็เป็นอย่างนั้นแหละ อึก--! ม... ไม่ฟัง... สมอง... ที่บอกว่ารังเกียจ... หรอก!”

“ก็ หัดให้ร่างกายมันนำหัวสมองมั่งสิ...รู้สึกดีก็บอกว่าดี... อย่าเอาแต่ปากแข็ง” น้ำเสียงนุ่มนวลพูดเบาๆคล้ายปลอบ ก่อนจะก้มลงจูบเรือนผมยุ่งๆที่เปียกชื้น

...เพราะใกล้กันมากเกินไป...

...เพราะมัวยึดติดกับเสปค...

“ฉันจะไม่ทำให้นายเจ็บ..นะ?..”

...เลย หลงลืมไปว่าแท้ที่จริงแล้วมันไม่ได้เกี่ยวกับอะไรเลย แต่มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ...รู้ตัวอีกทีก็ชอบเข้าไปแล้ว

ชยางกูรปลอบประโลมร่างเพรียวด้วยจูบนับไม่ถ้วนบนพื้นผิวเปล่าเปลือย เช่นเดียวกับปลายนิ้วภายในที่ยังคงรุกรานอย่างอ่อนหวาน

น่า แปลกที่เขารู้ดีว่าควรจะตอบโต้ไปให้อีกฝ่ายหยุด แต่ร่างกายกลับตอบสัมผัสแผ่วเบาบนผิวกายและปลายนิ้วที่ควานลึกจนตัวเองยัง แปลกใจ ปัณวิทย์อ้าปากจะเอ่ยคำพูด ทว่าเสียงที่หลุดออกมากลับเป็นเสียงครางแผ่วเบา

...ฉันเป็นอะไรไป...

เสียง ครางแผ่วๆของคนตรงหน้ายิ่งเหมือนสิ่งเร้าให้ชยางกูรทำอะไรที่มากกว่านั้น ชายหนุ่มถอนปลายนิ้วออกทั้งที่ริมฝีปากยังขบเม้มบนยอดอกสีเข้ม ชยางกูรเอาหยาดอุ่นร้อนที่ยังเลอะอยู่บนผิวกายทาลงไปบนแก่นกายที่เตรียม พร้อม

“...เจ็บนิดนึงนะ...” พูดจบก็ดันส่วนปลายเข้าไปเชื่องช้า...

มือ สองข้างที่ถูกมัดไว้กำจนแน่น ท่อนแขนเกร็งขึ้นมาเรื่อยไปจนถึงลำตัว สมองสั่งการอย่างชัดเจนว่าเจ็บ นัยน์ตาเรียวที่มักมองเชิดปิดลงเพื่อกลั้นความรู้สึกเอาไว้

“อ... อา...”

“ไม่ เป็นไร..ฉัน..พี่ไม่ทำปันเจ็บนะ...” เสียงทุ้มพูดปลอบเบาๆตามด้วยจุมพิตหวานแผ่วบนริมฝีปาก ชยางกูรจูบรอยแผลที่มีเลือดซึมบนศีรษะของปัณวิทย์ มือใหญ่ปลดเนคไทที่พันธนาการข้อมือทั้งสองไว้ ในขณะที่กายใหญ่โตก็ค่อยๆเคลื่อนเข้าสู่ส่วนที่ลึกที่สุดในร่างของอีกคน

“กอดไว้นะปัน...” เขาจับเรียวแขนข้างหนึ่งวางโอบบนไหล่ของตนเองก่อนจะดันเข้าจนสุดพร้อมกับลมหายใจเจือเสียงหอบ

ปลายนิ้วจิกลงกลางแผ่นหลังทันทีที่อีกฝ่ายดันกายเข้ามาจนสุด คนที่ไม่เคยให้ใครได้สัมผัสลึกซึ้งขนาดนี้ได้แต่เกร็งตัวจนแน่น

“...... อ... อึก”

ชยา งกูรดันเข้าไปจนสุดแล้วค้างเอาไว้ เขากอดแผ่นหลังเปล่าเปลือยแน่นขึ้น จมูกโด่งได้รูปกระสากลิ่นกายหอมหวาน....คล้ายสตรอว์เบอร์รี่สุกฉ่ำ น่าลิ้มลอง

ชายหนุ่มค่อยๆขยับตัว ระวังไม่ให้ช่องทางอ่อนไหวที่ไม่เคยรองรับใครเกิดบาดแผล ปัณวิทย์ผวาเฮือกในอ้อมกอดคล้ายจะดิ้นรน หากแต่พอจูบประโลมก็หลงเหลือเพียงเสียงครางอ่อนหวาน

“.....ปัน....อึดอัดไหม....”

“อ... อือ... ไม่ไหว... แล้ว....” เด็กหนุ่มส่ายศีรษะไปมาพลางเอ่ยขอร้อง ความดื้อดึงที่เคยมีคล้ายกับถูกอ้อมกอดของชยางกูรละลายให้หายไป น้ำตาค่อยๆรื้นขึ้นมาเพราะความอึดอัดที่ก่อตัว

...รู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึกๆ เพราะจิตใจของตัวเองไม่ได้ต่อต้านแต่กลับยอมรับการที่ตัวเองกำลังตอบสนองสัมผัสจากผู้ชายอีกคน

“กอด ไว้นะ....กอดแน่นๆ” ชยางกูรกระซิบข้างหู ร่างสูงขยับกายเข้าออกเร็วขึ้นอีกนิดพร้อมทั้งไม่ลืมที่จะชักพาคนในอ้อมกอด ให้มีความสุขไปพร้อมๆกัน

ช่องทางอุ่น ร้อนแสนคับแคบให้ความรู้สึกดีในทุกคราที่ขยับไหว การสอดประสานแม้จะไม่ถึงขั้นราบรื่นเพราะความที่อีกฝ่ายไม่เคย แต่ก็ให้รสชาติแปลกใหม่ชวนให้มัวเมา

“ดีไหม.....ปัน.....”

ไม่ มีคำตอบที่ชัดเจนจากปัณวิทย์ มีเพียงเสียงครางเพราะความสุขทางอารมณ์ที่ไม่เคยพานพบ อ้อมกอดโอบกระชับแน่นตามคำอีกฝ่ายโดยไม่รู้สึกตัว รับรู้แต่เพียงความร้อนที่เชื่อมต่อกันเท่านั้น

...ซ้ำยังรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่เคยรู้จัก บางอย่างที่ทำให้มีความสุข ที่เป็นยิ่งกว่าความสุขทางกาย

ริม ฝีปากอุ่นร้อนไล่จูบตามหัวไหล่เปล่าเปลือยที่มีเสื้อตัวบางคลุมไว้หมิ่นเหม่ ยิ่งขยับกายเข้าหาเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังดำดิ่งเข้าสู่ห้วงอารมณ์หวามไหวที่ไร้ทางออก ชยางกูรนำพาเด็กหนุ่มในอ้อมกอดให้สัมผัสความรู้สึกแตกต่างจากการมีสัมพันธ์ แบบเดิมๆ ท่อนล่างที่เชื่อมต่อกับด้านบนที่ไร้ช่องว่างทำให้รู้สึกราวกับเป็นคนเดียว กัน

...ยิ่งกว่าอิ่มเอม...

...ยิ่งกว่าความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน...

พรุ่งนี้ตอนเช้าไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นเช่นไร ในตอนนี้เขารู้เพียงความเร่าร้อนอันแสนอบอุ่นที่มอบให้กันและกัน...เท่านั้น...

“ข้างใน...นะ..”น้ำเสียงทุ้มต่ำพูดเบาๆติดจะอ้อนนิดๆ ก่อนที่จะกระแทกกายเข้าเร็วขึ้นเพราะรู้ว่าการปลดปล่อยใกล้จะมาถึงแล้ว

ปัณวิทย์ ไม่ตอบรับอะไรในตอนนี้ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ปฏิเสธ จะมีเพียงอ้อมกอดที่รัดแน่นขึ้นด้วยแรงอารมณ์ที่พุ่งสูง เขาไม่อาจรับรู้อะไรได้อีกแล้ว คล้ายกับตัวเองเป็นเพียงร่างเปล่าๆ ที่พอถูกริมฝีปากหรือปลายนิ้วสัมผัสก็จะรู้สึกร้อนผ่าวราวกับมีชีวิตขึ้นมา

...สูญเสียความเป็นตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“!? พ... พี่- ฮึก--! ปัน... อึก ม.. ไม่ไหว.....” วงแขนที่โอบกอดไว้รัดแน่นจนแทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน ประสาททุกส่วนในร่างกายคล้ายกับเกร็งจนชาไปหมด เบื้องหลังที่รองรับอีกฝ่ายไว้บีบรัดจนรู้สึกถึงตัวตนของร่างสูงชัดเจนก่อน ที่จะปลดปล่อยออกมา

ในวินาทีที่หยาดของ เหลวอุ่นร้อนของคนในอ้อมกอดปลดปล่อย ร่างสูงก็ขยับตัวถี่ขึ้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นเนิบช้า แก่นกายที่อยู่ภายในเกร็งตัวอีกครั้ง...ก่อนจะปลดปล่อยเข้าสู่ภายในที่โอบ ล้อมไว้อย่างนุ่มนวล

ชยางกูรกอดปัณวิทย์แน่นแล้วซุกใบหน้าลงที่ลำคอเรียว ฟันคมงับเบาๆที่ผิวเนื้ออ่อนระหว่งลำคอกับไหปลาร้าอย่างหมั่นเขี้ยว

“ปัน...หอมจัง...” จมูกโด่งซุกไซร้กับผิวแก้มคล้ายจะหยอกล้อ ก่อนจะปล่อยตัวเองทับร่างข้างใต้โดยที่ยังเชื่อมต่อกัน

“.... อือ... อุ่น.....” เด็กหนุ่มร่างโปร่งเอ่ยพึมพำออกมาเบาๆอย่างเหนื่อยอ่อน นัยน์ตาเรียวคมค่อยๆปิดลงช้าๆ ปลายนิ้วแตะสัมผัสแผ่วๆที่หลังคอของชยางกูรโดยไม่รู้ตัว

...ความรู้สึกเป็นสุขที่ไม่เคยสัมผัส

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว ร่างสูงเลยได้แต่ถอนใจ...เพราะหากเป็นปกติแล้วเขาจะขอคู่นอนต่ออีกสักยกสองยก

ชยางกูรลูบเส้นผมสีดำชื้นเหงื่อที่แนบศีรษะกลมมนของคนข้างใต้ แล้วจูบเบาๆที่ขมับ

“......วันนี้แค่นี้ก่อนก็ได้...”

ชาย หนุ่มขยับตัวประคองให้ร่างเพรียวขึ้นมานอนข้างบนแทนโดยไม่ใส่ใจจะเอาส่วนที่ เริ่มจะอ่อนตัวซึ่งค้างคาอยู่ภายในออก เขาขยับให้ปัณวิทย์นอนซบอยู่บนตัวอย่างนั้นแล้วค่อยๆปิดเปลือกตาลง

...เอาเหอะ...

...เรื่องของพรุ่งนี้ไว้ค่อยคิด...




To Be Continued.....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ coon_all

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
สงสารน้องปันอ่ะ
พี่เดฟก็รักน้องนะ แต่พ่ออ่ะใจร้าย
น้องปันออกจะทำดีแต่แบบ เฮ้อ.... สงสารน้องมากอ่ะ

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
อบอุ่นหัวใจ

tippy

  • บุคคลทั่วไป
เดฟชอบปัน แต่เราว่า เพราะพ่อ ความใจร้อนของเฟ และความชอบประชดของปัน ไหนจะยัยน้องไอซ์ จะนำพาหายนะต่างๆมาให้ ความรักครั้งนี้อีกเยอะหน่ะสิ

อยากขอคนแต่งมาแต่งต่อให้จบนะจ๊ะ เรื่องดีชอบอ่ะ o13

ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
จากตอน 8
โอยยยย น้ำตาร่วงเลยอ่าาาาาาา สงสารมากกกก!!!!

ปัน ฮรึก!

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
เง้อออออ *ปี๊บ* กันแล้วอ่าาา =w="

ออฟไลน์ madadong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เศร้าอ่ะ T^T แต่เราชอบนิยายขมๆ แบบนี้จัง ปลื้มเรื่องนี้มากก
คอมเม้นท์ครั้งแรกของเรามอบให้เรื่องนี้เลยค่ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียน รอตอนต่อไปอยู่นะคะ ^^

ออฟไลน์ SungJimun

  • ♥ 끝까지준홍 ♥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
สงสารน้องปันอ่า เจ็บมากมั้ยลูก โถๆๆๆๆๆๆๆๆๆ T^T
พี่เดฟช่วยเข้าใจน้องเค้าเร็วๆทีสิ ฮือออออออออออออ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
สงสารน้องปัน พี่เดฟอย่าทิ้งน้อง :monkeysad:
ตื่นขึ้นมาก็ไม่อยากให้ทะเลาะกันนะคะ ช่วยกันประคับประคอง 'ครอบครัว' ของตัวเองไว้ดีๆนะ
ฟูกับฝุ่นจะมีพ่อกับแม่แทนพี่แล้วล่ะคราวนี้ :haun4:

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
 :jul1:

จอบจังนะตอนนี้ แต่ปัญหาใหญ่อีกมากมายต้องตามมาแน่ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด