มะขามหวาน..น้ำตาลเปรี้ยว รถหรูตรงเข้ามาจอดหน้าซุ้มเรือนไทย สร้างจุดสนใจให้คนรับใช้ชายหญิงวางมือจากงานที่ทำ
พากันมาออรอต้อนรับใครบางคน หลังรู้ว่าคนสำคัญจะเดินทางมาถึง ลุงเติมเป็นคนไปรับที่สนามบินก่อนหน้าไม่กี่ชั่วโมง
หญิงวัยกลางคนนุ่งผ้าไหมพื้นบ้านสีตองอ่อน ฝีมือตัดเย็บปราณีตบรรจง เดินออกมายืนรอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มมีความสุข
ร่างสูงสง่างามก้าวลงรถออกมายืนเต็มความสูง ตรึงทุกสายตาชื่นชมปลาบปลื้มเป็นที่สุด
“มะขาม” เสียงขานชื่อแฝงความดีใจของผู้ให้กำเนิด ดึงสติพวกเขาให้กลับสู่ร่าง หลังถูกสะกดด้วยรูปลักษณ์น่าเกรงขาม
ร่างสูงสง่าไม่รอช้าก้าวยาวพนมมือค้อมตัวต่ำกราบบนลาดไหล่ผู้ให้กำเนิด พร้อมรับสัมผัสจากฝ่ามือบอบบางแฝงความรักความ
เอ็นดูเปี่ยมล้น ลูบเรือนผมนุ่มสีดำสนิทด้วยความอ่อนโยน
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะลูก” น้ำเสียงอบอุ่นเปรียบดังน้ำทิพย์ชโลมใจของเขาเสมอมา
“สวัสดีครับแม่ ผมคิดถึงแม่ครับ” เสียงทุ้มนุ่มพอได้ยินแล้วหัวใจถึงกับหวั่นไหวได้หากจิตใจไม่หนักแน่นพอ
สาวน้อยสาวใหญ่ได้ละลายตายไปตามกัน ออกจากปากได้รูปของชายหนุ่มที่เป็นจุดสนใจขณะนี้
“แม่ก็คิดถึงลูกจ๊ะ ทักทายทุกคนหน่อย พวกเขารอต้อนรับลูกอยู่” แม่เลี้ยงปราณีค่อยจับบ่ากว้างดันห่าง เธอเพิ่งตระหนักชัด
มะขามโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากจริงๆ ถึงแม้อายุ 22 แต่ร่างกายสูงใหญ่บุคลิกน่าเกรงขาม หน้าหล่อมีประกายเลื่อมใสอย่างประหลาด
มะขามทำตามคำบอก หันไปสำรวจแต่ละคนที่มองเขาด้วยสายตาชื่นชมไม่ขาด เพื่อลำดับชื่อเสียงเรียงนามในความทรงจำ
ที่ห่างหายไปนาน ด้วยพื้นฐานคนมีสัมมาคารวะ เคารพความเป็นอาวุโสมากกว่ายึดชนชั้นทางฐานะ ไม่แปลกที่ฝ่ามือแข็งแรง
สองข้างจะกระพุ่มไหว้อย่างนอบน้อมอีกครั้ง จนคนรับใช้ตาลีตาเหลือกรับไหว้กันแทบไม่ทัน
“สวัสดีครับ..ป้าเพียร พี่ก่ำ พี่สายพิณ พี่จอย” เขาทักได้แม่นยำ แม้แต่ละคนจะเปลี่ยนไปตามวัยพอสมควร
แต่เค้าโครงเดิมในความทรงจำก็ยังพอจำกันได้
“ตาย..ไหว้พระเถิดพ่อคู๊ณณณ!!” ป้าเพียรภรรยาลุงเติมคนขับรถที่ไปรับเขาถึงสนามบินรีบรับไหว้ก่อนใคร
ปรีเข้ามาสวมกอดด้วยความคิดถึง ป้าเพียรคือพี่เลี้ยงเขาก่อนเดินทางไปอยู่ต่างประเทศ มะขามสวมกอดร่างนุ่มนิ่มออกจะท้วม
เข้าขั้นอ้วนเช่นเดียวกัน เขาไม่เคยคิดว่าป้าเพียรคือคนรับใช้ นอกจากเคารพรักดุจญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง
“ผมคิดถึงป้าเพียรมากนะครับ” คำพูดหวานหูเหมือนผงชูรสชั้นดี หยอดคนสูงวัยใกล้หกสิบ
ถือเป็นยาชูกำลังชั้นยอดทีเดียว ป้าเพียรถึงกับดีใจน้ำตาไหล แต่ก็อดตัดพ้อกลับไม่ได้
“โถ! อย่าทำปากหวานให้คนแก่ดีใจเก้อ คิดถึงกันทำไมไม่กลับมาเยี่ยมกันบ้างเล่าค่ะ หายไป 12 ปี
จะให้ป้าเชื่อได้ยังไงว่าคุณขามพูดออกมาจากความรู้สึกจริงๆ” ภาพหญิงสูงวัยกระเหง้ากระหงอดใส่หนุ่มหล่อตรงหน้า
ทำเอาบรรดาคนรับใช้ที่เหลือปิดปากแอบหัวเราะกันคิกคัก นานทีได้เห็นป้าเพียรแม่บ้านเก่าแก่แสดงอาการเป็นสาวรุ่นแบบนี้
“หึหึ! คิดถึงสิครับ ที่ผมไม่กลับมาเพราะอยากประหยัดค่าเครื่องบิน ตอนนี้ผมก็กลับมาแล้วนี่ไงครับ”
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มละไมปนขำนิดๆ พูดกลั้วหัวเราะเล็กน้อย แต่กลับดูดียิ่งนักในสายตาพวกเขาที่มองได้ไม่รู้เบื่อ
ขยับนิดหน่อยกลับดูดีมีชาติตระกูล ให้ความรู้สึกยำเกรงมากกว่าจะคิดในเชิงจาบจ้วง ภายในใจต่างพากันยอมรับว่า
ชายหนุ่มตรงหน้า พร้อมด้วยรูปสมบัติปานเทพยดามาจุติยังแดนมนุษย์..
“เอาเถอะค่ะ ป้าเชื่อเพราะคุณขามไม่ใช่คนพูดปด แค่คุณกลับมาป้าก็ดีใจหาย หวังว่าพ่อคุณคงไม่ไปไหนอีกใช่ไหม
สงสารพ่อเลี้ยงไม่มีใครช่วยดูแลกิจการ อายุก็มากขึ้นยังต้องตรากตรำทำงานหนักอยู่อีก คุณขามคงตั้งใจกลับมาช่วยงาน
ของพ่อเลี้ยงสินะพ่อคุณ” ในฐานะแม่บ้านเก่าแก่ถือเป็นญาติอาวุโสก็ว่าได้ แม้แต่พ่อเลี้ยงกิตติพงษ์ยังต้องเกรงใจ
ไม่น่าแปลกที่ป้าเพียรจะสามารถพูดจาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวนาย ที่เห็นกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่โดยไม่กลัวใครมองว่าตีตัวเสมอ
“ครับ..ผมเรียนจบแล้ว ตั้งใจกลับมาช่วยพ่อ” มะขามใช้สรรพนามเรียกพ่อเลี้ยงว่าพ่อ นับตั้งแต่พ่อเลี้ยงกิตติพงษ์
ยกย่องแม่เป็นนายหญิงของบ้าน ให้เกียรติจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้อง เขาจึงเรียกพ่อเรื่อยมา
กลับมาครั้งนี้..ส่วนหนึ่งเขาเรียนจบแล้ว แต่เหตุผลหลักเป็นเพราะคำขอของแม่ ที่บอกให้รู้พ่อเลี้ยงสุขภาพร่างกาย
ไม่แข็งแรง หลังตรวจพบเป็นโรคหัวใจสมควรต้องได้พักผ่อน ในฐานะที่เขารับการอุปการะจากพ่อเลี้ยงทำให้ชีวิตมี
ความสุขสบายมานาน ถึงเวลาที่ต้องทดแทนคุณท่าน จึงเดินทางกลับมาอยู่ถาวร นับตั้งแต่จากแผ่นดินเกิดไปนานกว่า 12 ปี
ไม่เคยกลับเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“มาเหนื่อยๆ ขึ้นบ้านก่อนเถอะลูก พักผ่อนให้สบายค่อยสำรวจ ตั้งแต่เราจากไปมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
รบกวนก่ำเอากระเป๋าคุณขามไปเก็บที่ห้องให้หน่อยนะจ๊ะ” แม่เลี้ยงปราณียุติสถานการณ์ซาบซึ้งลง หลังเห็นว่าขืนไม่ทำ
อะไรสักอย่าง อีกนานกว่ามะขามจะได้พักผ่อน ป้าเพียรรักและเอ็นดูมะขามแค่ไหน ทำไมเธอจะไม่รู้เชียวหรือ
รักยิ่งกว่าลูกในไส้เสียอีกกระมัง
“นั่นสิ..ป้าก็มัวแต่ดีใจที่ได้เจอคุณขาม ลืมสนิทว่าป้าทำบัวลอยเผือกของโปรดไว้ต้อนรับ
ขึ้นบ้านเถอะเดี๋ยวป้าให้สายพินเอาไปให้ทานที่ตั่งรับลมบนเรือน” เป็นอันว่ามะขามได้ฤกษ์ปลีกตัวขึ้นเรือนไทย
ทำธุระส่วนตัวก่อนชิมบัวลอยเผือกฝีมือเลิศรสของป้าเพียร เขาจำได้เสมอว่าโปรดปรานมากแค่ไหน..นานแล้วสินะที่ไม่ได้ทาน
แม้ต่างเรือนไปแรมไกล ความใส่ใจไม่เลือนหาย
พาใจคืนถิ่นมิตรสหาย อบอุ่นหลาย..กายและใจ
เรือนร่างสูงสง่าในชุดผ้าฝ้ายสีขาวเบาสบาย เสื้อแขนกระบอกคอกลมติดกระดุมสาบแบบทางเหนือ
ยืนรับลมตรงระเบียงหน้าห้องนอน ในมือถือแก้วกาแฟยกจิบ เขากำลังดื่มด่ำบรรยากาศบ่ายคล้อยผีตากผ้าอ้อม
มองทิวเขาเป็นฉากแต้มของธรรมชาติ สายลมโกรกเบาๆ หอบกลิ่นฟางข้าวปนหญ้าแห้ง กลิ่นมูลสัตว์ไอดิน
ให้ความเป็นธรรมชาติที่คุ้นเคยสมเป็นเสน่ห์ของแผ่นดินบ้านเกิด เหมือนอ้อมกอดอุ่นห้อมล้อมขณะนี้
สายตาคมเข้มจดจ้องไปไกล ในหัวครุ่นคิดอะไรมากมายยากจะรู้ได้ ใบหน้าหล่อสันกรามแข็งแรงรับจมูกโด่ง
ไม่แสดงอาการให้จับสังเกตว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ หน้าหลอเหลาดูช่างเกรงขามฉายบารมีแฝงอำนาจ
ชวนเลื่อมใสเจิดจรัสเป็นทวีคูณ..
“ก็อกๆๆ..ขออนุญาตค่ะ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นพอให้ได้ยินอย่างรู้มารยาทเป็นอย่างดี
“เชิญครับ” พอได้รับอนุญาต ประตูไม้สักทองแกะสลักสวยงามค่อยเปิดออก
สายพินคนรับใช้ยืนสำรวมกิริยา บอกจุดประสงค์ในการมาว่า
“คุณปราณีให้สายพินมาเชิญคุณขามไปพบที่ห้องโถงด้านล่างค่ะ พ่อเลี้ยงกับคุณตาลกลับมากันแล้ว”
คนรับใช้วัยคานทองบอกอย่างชัดเจน
“ขอบใจมาก ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้” พูดจบสายพินเลี่ยงเปิดทาง ให้ร่างสูงสง่าที่ข่มเธอกระจ้อยร่อยต่ำต้อยไปในพริบตา
ก้าวขาเดินผ่านเธอไป ในมือชายหนุ่มยังถือแก้วกาแฟติดออกไปด้วย ทุกการกระทำกลับสง่างามปานหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์
ยิ่งแผ่รัศมีบางอย่างสัมผัสรู้ด้วยใจ เธอแทบเผลอคุกเข่าก้มหน้าเหมือนพวกทาสในอดีตด้วยซ้ำ ทำไม..คุณขามถึงดูสูงศักดิ์
มากมายขนาดนี้ ทั้งที่ทำตัวปกติธรรมดา ใช่มีแต่เธอที่คิดไปเอง คนอื่นๆ ต่างก็พูดในทำนองเดียวกัน
ความรู้สึกที่ได้รับ เทียบระหว่างคุณขามกับคุณตาล ต่างกันลิบลับ คุณตาลแค่ได้มองหน้าหล่อใสกระจ่างแวววาว
พาหัวใจหนุ่มๆ สาวๆ เต้นตามระทึกครึกโครมลุ่มหลงไปเลย ยากตัดใจถอนสายตาจากได้ง่ายๆ มีแต่อยากจะวิ่งซบอก
ขอแค่ได้สัมผัสเพียงปลายเล็บก็ถือว่ามีความสุขแล้ว
ตรงข้ามคุณมะขามกลับให้ความรู้สึกเคารพยำเกรง ไม่กล้าลบหลู่ในเชิงคิดชู้สาว ทั้งที่รูปลักษณ์พ่อดุจเทวาไม่ต่างกัน
แต่คล้ายมีอำนาจแฝงบางอย่างทำให้ไม่กล้าคิดด้วยแบบนั้น..
“ขาม..มาแล้วเหรอลูก พ่อกับน้องกลับมากันแล้ว รอต้อนรับลูกอยู่” แม่เลี้ยงปราณียิ้มอ่อนโยนส่งมาให้
หลังเห็นลูกชายเดินด้วยท่วงท่างามสง่าถือถ้วยกาแฟเข้ามาด้วยใบหน้าอาบยิ้มละไม
ไม่ต้องรอให้แม่พูดอีก ร่างสูงใหญ่รีบวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะ ทรุดตัวต่ำคลานเข่าเข้าไปหาพ่อเลี้ยงกิตติพงษ์
ที่นั่งเก้าอี้ไม้สัก ท่านดูแก่ลงพอสมควร หลังพบกันครั้งสุดท้ายเมื่อสามปีก่อนที่ท่านอุตส่าห์บินไปเยี่ยมเขาถึงอเมริกา
“สวัสดีครับพ่อ” ท่าทางหมอบกราบของมะขามดูไม่มีขัดตา กลับเป็นท่วงท่าอ่อนน้อมสุดๆ
ทำให้พ่อเลี้ยงถึงกับน้ำตาซึมที่ได้รับการแสดงความกตัญญูจากผู้ที่ได้ชื่อว่าลูกเลี้ยง..อ่อนน้อมงดงามขนาดนี้
“กราบพระเถอะขาม พ่อดีใจที่เรากลับมา ครอบครัวต่างรอวันนี้กันมานาน ขอต้อนรับกลับบ้าน..ลูกชาย”
เสียงทุ้มแหบแฝงแววการุณเอ่ยขึ้น พร้อมเอามือลูบหัวอย่างเอ็นดู ค่อยจับไหล่กว้างดึงให้ลุกนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่าง
จึงเป็นโอกาสให้สายตาสองคู่สบกันครั้งแรก นับตั้งแต่ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาในห้องนี้
ตาเรียวสวยดุจดวงตาหงส์ ใบหน้าอ่อนเยาว์งามพิลาศเหนือคำบรรยายจ้องมองเขาไม่กระพริบ
ลูกตางามเปล่งประกายระยิบระยับดั่งดวงดาวส่องแสงได้ตอนกลางวัน เหมือนมีคำพูดมากมายอยากจะบอก
แต่ปากอิ่มสีสดกลับไม่มีคำใดหลุดออกมา นอกจากหน้าหล่อปนงามปานสลักด้วยฝีมือจิตรกรชั้นยอด
อาบไปด้วยรอยยิ้มบางเบาอย่างที่เจ้าของไม่รู้ตัวว่าตนได้จ้องการกระทำของพี่ชายอย่างไม่วางตา
เหมือนต้องมนต์สะกดไปแล้วนั้น
“หวัดดี..เป็นไงบ้างล่ะเรา” กลับเป็นมะขามเสียเอง ยอมเป็นฝ่ายเอ่ยปากทักน้องชายต่างสายเลือดขึ้นมาก่อน
เพราะทนสายตาหวามไหวเหมือนจะพูดได้ที่มองมาต่อไปไม่ไหว บอกไม่ได้เป็นเพราะอะไร
รู้แต่ควบคุมตัวเองลำบาก ทั้งที่เขามักมีคนวิจารณ์ให้ฟังอยู่เสมอมา ว่าเป็นคนมาดสุขุมคัมภีรภาพ
ควบคุมตนเองได้ทุกสถานการณ์ แต่ขณะนี้เขาถึงกับตั้งคำถามกับตนเองว่าจริงหรือ ที่เขาสามารถควบคุมตัวเองได้ดี
ในเมื่อตอนนี้เขารู้ตัวว่า..อกด้านซ้ายกำลังเต้นรัวตึกตักๆ ทั้งที่ผ่านมาเขาแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า
รู้สึกตื้นเต้นกับสิ่งไหนเท่านี้มาก่อนไหม?
“ครับ..ผมสบายดี พี่ขามคงสบายดีมากสินะ ถึงได้ไม่คิดถึงกันเลย” คำพูดที่ออกมาประโยคแรก
อาบด้วยรอยยิ้มสดใส โชว์ฟันสวยขาวจั๊วจนคนมองถึงกับหรี่ตาเพราะทนประกายของรอยยิ้มนี้ไม่ไหว
แต่ประโยคหลังกับแฝงแววตัดพ้อปนน้อยใจให้เห็น พร้อมลูกตาเรียวสวยสลดวูบเหมือนคนพูดไม่ได้เสแสร้ง รู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ
“ครับ..พี่สบายดีทางกาย แต่หัวใจกลับไม่ดีเท่าไหร่ ทนคิดถึงคนรักและห่วงใยซึ่งอยู่บนแผ่นดินเกิดไม่ไหว”
เขาพูดจากใจเช่นกัน ใครจะมารู้ดีกว่าตัวเขาได้เล่า นอกจากร่างกายที่พักฟื้นสมบูรณ์แข็งแรงเต็มร้อย
คงมีแต่หัวใจที่โหวงเหวงเหมือนรอคอยบางอย่างมาเติมเต็ม ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ากำลังรออะไร ได้แต่เก็บไว้ในใจอยู่คนเดียว..
คนฟังถึงกับเผยยิ้มหน้าบานอีกครั้ง หลังประโยคนี้ออกจากปากพี่ชายที่เขาเฝ้ารอทุกเมื่อเชื่อวัน
ขอให้พี่กลับมา..เพื่อรับฟังคำขอโทษของเขาที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้พี่เสียใจจนหนีหายสิบสองปี
มาวันนี้พี่กลับมาอยู่ตรงหน้า แสดงว่าคำอธิษฐานของเขาเป็นจริง ขอโอกาสพี่ชายอภัยให้น้องคนนี้สักครั้ง..
ไม่รอช้า ร่างขาวเปล่งปลั่งสว่างนวลภายใต้ชุดนักเรียนกางเกงน้ำเงินถุงเท้ายังไม่ได้ถอดทรุดลงกับพื้น
เดินเข่าเข้าไปหยุดเบื้องหน้ามะขาม ก่อนจะยกมือกระพุ่มไหว้ แล้วกราบลงบนเข่าแทน
“ผมกราบขอโทษพี่ ที่ทำให้เสียใจครั้งนั้น หวังว่าพี่จะอภัยให้น้องงี่เง่าคนนี้ด้วยนะครับ” ประโยคนี้ เขาเตรียมพูดนับสิบปี
หวังแค่มีสักวันที่เขาจะได้พูด และวันนี้เขาก็ได้ทำแล้ว ท่ามกลางสักขีพยานคือพ่อกับแม่เลี้ยงปราณี
ที่บัดนี้น้ำตาคลอไปแล้วทั้งสองท่าน คงปลาบปลื้มที่เห็นลูกชายปรับความเข้าใจกัน
มะขามถึงกับอึ้งตัวชาดิก..คาดไม่ถึงว่าน้ำตาลจะทำขนาดนี้ กว่าจะได้สติ
ค่อยเอามือหนาลูบหัวทุยเบาๆ เอ่ยปากยกโทษให้
“พี่ไม่เคยถือโทษโกรธตาลเลยครับ พี่อภัยให้ตาลเสมอ สบายใจได้แล้วนะ ตาลคือน้องที่พี่รัก
มีหรือที่พี่จะโกรธได้ลงคอ” ขณะที่พูด สายตาสองคู่ประสานกัน เหมือนมีพลังไหลผ่านถ่ายเทไปมา
นอกจากเขาทั้งคู่คงไม่มีใครรับรู้ได้ แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่รู้เหตุผล รู้เพียงอย่างเดียวว่า หัวใจอุ่นซ่านอย่างประหลาด
“ขอบคุณพี่ขามนะครับ ที่ยกโทษให้ ผมจะชดเชยช่วงเวลาที่เราขาดการติดต่อไปนาน
อาสาเป็นพี่เลี้ยงพาทัวร์ทั่วอำเภอ รวมโรงเลื่อยพ่อด้วย” เสียงทุ้มติดห้าวนิดๆ ดูกระตือรือร้น
หลังได้รับการอภัยจากมะขาม แถมขันอาสาเป็นไกด์พาทัวร์ต่างหาก ตาเรียวสวยระยิบระยับ..ดีใจจนปิดไม่มิด
“อืม..พี่ขอบใจมาก” มะขามได้แต่ขานรับยิ้มเอ็นดูให้ ท่ามกลางสายตายินดีของพ่อเลี้ยงกิตติพงษ์กับแม่เลี้ยงปราณี
ที่ลูกชายทั้งสองปรับความเข้าใจกันได้แบบนี้
จากนั้นเป็นการซักถามพูดคุยเกี่ยวกับแผนการอนาคตของมะขามกับพ่อเลี้ยงกิตติพงษ์
ซึ่งไม่พ้นการไปเริ่มงานดูแลธุรกิจค้าไม้ของพ่อเลี้ยง สักระยะ ก่อนให้พ่อเลี้ยงวางมือพักผ่อนดูแลสุขภาพ
ตามความต้องการของแม่เลี้ยงปราณี ที่อยากให้สามีได้พักผ่อนร่างกายเสียที
จบด้วยไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ การใช้ชีวิตของสองหนุ่มแลกเปลี่ยนกันไปมา รอเวลามื้อค่ำขึ้นโต๊ะ
น้ำตาลออกจะผิดปกติไปสักนิด ไม่รีบร้อนเปลี่ยนชุดนักเรียนเหมือนทุกครั้งที่กลับถึงบ้าน คุยจ้อกับพี่ชายติดลมแล้ว
ทั้งที่ฝ่ายหลังดูเป็นผู้ฟังที่ดี ปล่อยน้องชายสุดหล่อคุยเสียเป็นส่วนใหญ่...
ในอดีต..พระจันทร์ก่อนลงมาจุติตามพระบัญชาท้าวมหาพรหม ได้แวะไปตั้งจิตอธิษฐานขอพรกับพระตรีมูรติ
ซึ่งเป็นเทพเจ้าประทานพรผู้ยิ่งใหญ่ เกิดจากการรวมตัวของสามมหาเทพ ได้แก่ พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม
ด้วยพระจันทร์เห็นว่าบทลงโทษของพระพรหม ให้ลงมาเกิดยังเมืองมนุษย์ จะสามารถคืนสู่สวรรค์พ้นโทษทัณฑ์ได้ก็ต่อเมื่อ
พระจันทร์กับพระพฤหัสบดีรักใคร่ซึ่งกันและกัน ไม่เป็นอริศรัตรูกันต่อไป
พระจันทร์เห็นท่าคงลำบากยากแท้กว่าสิ่งใด หากจะให้ตนกับพระพฤหัสบดีให้รักใคร่กลมเกลียวดุจไม่มีเรื่องบาดหมาง
แก่กาลก่อน ต่อให้ความทรงจำเลือนหาย เทวะบารมีแห่งอำนาจสิ้นสูญ แต่จิตใต้สำนึกของความเกลียดชังย่อมตามมา
โดยสัญชาตญาณ มองไม่เห็นทางจะมีสิ่งใดทำให้ทั้งสองรักใคร่กันได้ ด้วยเหตุนี้พระจันทร์ผู้ที่คิดว่าตนฉลาดล้ำ
จึงตั้งจิตภาวนาอธิษฐานขอพรจากพระตรีมูรติก่อนลงมาถือกำเนิดว่า
“ข้าแต่มหาเทพผู้เป็นใหญ่ ข้าพระองค์ขอความเมตตาจากมหาเทพ ได้โปรดประทานพรศักดิ์สิทธิ์แก่ข้าฯ ด้วยเถิด
เหตุเกิดองค์ท้าวมหาพรหมลงทัณฑ์ให้ข้าฯ ไปรับโทษยังเมืองมนุษย์พร้อมกับพระพฤหัสบดี ภายใต้เงื่อนไข
ตราบใดข้าฯ ทั้งสองมิอาจรักใคร่สามัคคี จักมิคืนสู่สวรรค์จาตุมหาราชิกา ด้วยตบะบารมีธรรมความดีที่ข้าฯ ได้สร้างสม
ขอมหาเทพเจ้าโปรดเมตตา กรุณาประทานพรให้พระพฤหัสบดีรักใคร่ข้าพระองค์ โดยมิอาจต้านทานอำนาจพยาบาทใดๆ
เปิดใจรักใคร่ตัวข้าฯ เพื่อบรรลุเงื่อนไขแห่งองค์ท้าวท่าน คืนสู่สวรรค์ครรลัยด้วยกาลบัดนี้เทอญ”
พรของพระจันทร์ได้ตามพระประสงค์ แต่พระจันทร์หารู้ไม่ การขอพรให้ผู้ใดรักใคร่นั้น องค์มหาเทพตรีมูรติ
จักต้องให้ฝ่ายขอพิสมัยรักใคร่บุคคลนั้นด้วยเช่นกัน ตามคำที่ว่า ‘รักใช่เกิดฝ่ายเดียว คำว่าสมหวังย่อมมาซึ่งรักของสองฝ่าย’
ความจริงในข้อนี้ พระจันทร์มิอาจล่วงรู้หรือไม่ก็ละเลยหลงลืมโดยไม่ทันเฉลียวใจ...
โอ้เอ๋ย..องค์พิลาศหน่อบดินทร์ คิดว่าตนไร้สิ้นมารปัญหา
กระหยิ่มยิ้มย่องสู่พื้นพสุธา ฤาสิเน่หาล้วนมาเป็นคู่ชม
ฝ่ายบดินทร์องค์นคเรศ พระเกตุผู้สดับองค์ภัทรศร
ช่างไม่รู้เล่ห์องค์นรินทร ฤทัยประภัทรศรจักชอนชม..
ปราณวี.
พี่วีฝากมาให้อัพแล้วค่ะ
ฝากขอโทษแฟนนิยายกันด้วย ที่พี่เค้าติดภาระกิจไม่ได้ส่งมาบ่อย
แต่จะมีมาเรื่อยๆ พี่เค้ารับปากเขียนจบแน่นอนค่ะ
ให้กำลังใจพี่เค้าหน่อย จะได้มีพลังเขียนตอนใหม่มาให้เราอ่านกันไวๆ