▙▜ รักนี้มีล้อ ◯ น้องเก้า VS พี่แตซอง [Rewrite] ▛▟
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ▙▜ รักนี้มีล้อ ◯ น้องเก้า VS พี่แตซอง [Rewrite] ▛▟  (อ่าน 118481 ครั้ง)

Peppermint

  • บุคคลทั่วไป
จบเศร้าแน่ๆเลยล่ะ TT
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
น่าสนใจมากค่ะเรื่องนี้  :L2:

ออฟไลน์ jaymaza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เศร้าแน่ๆเลยอ่าา

 :sad4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-03-2012 20:03:15 โดย jaymaza »

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
แววดราม่ามาแต่ไกล
ต้องเศร้าแน่ๆเลย


ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
รักให้ดีที่สุด
 o13

ออฟไลน์ Monochrome

  • โคอาล่า มาร์ช *O*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
วันนี้เกือบลืมเข้ามาอ่าน ^____^

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
แล้วถ้าบอกไปว่ารัก พี่เเตซองจะว่ายังไงน่ะ

ออฟไลน์ morningflower

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เฮ้อ เห็นแววเศร้ามาแต่ไกล  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
คงจบไม่เศร้า  แต่คงไม่สมหวังเช่นกัน
บางครั้งความรักก็ไม่จำเป็นต้องได้รับการสนองตอบในแบบที่คิดไว้

ออฟไลน์ londoneye

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
อาจจะเศร้าที่ต้องจากกัน

แต่คิดว่าคงจะมีความทรงจำที่ดีต่อกัน

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






fullmoon217

  • บุคคลทั่วไป
ไม่อยากจะอ่านเลย เพราะเห็นแววเศร้ามาแต่ไกล
แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะอ่านแล้วอบอุ่นไปทั้งใจ

ออฟไลน์ pp4

  • คนที่ 'ชอบ' ไม่ได้แปลว่าคือคนที่ 'ใช่'
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-6
ฮ่า~อ่านแล้วมีความสุขค่ะ
น่ารักมากๆ >-<
ไม่อยากคิดถึงอนาคต เศร้า
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399



 o13 o13 o13


อ่านแล้วรู้สึกดีจริงๆค่ะ

มันเป็นอารมณ์ว่าปราถนาให้คนที่เรารักมีความสุข เราเองก็มีความสุข ทำเพื่อเขา

ชอบมากกกกกกกกกกกเลยค่ะ มาต่ออีกนะ แต่ยังไงก็อยากให้เก้าสมหวัง คงเป็นความรักที่ดูอบอุ่นไม่ใช่น้อย

คอยดูแล ให้กำลังใจกัน

โดยส่วนตัวคิดแล้ว ว่ามันไม่น่าจะเศร้านะ ถึงจะเศ้าก็....... = _ + มันรู้สึกดี อิอิ

มาต่อให้อีกแบบเร็วๆนะ ไม่ใช่อะไร อยากอ่านต่อมากกกกกกกกแล้ว   :mc4: :pig4: :pig4: :pig4:

bellity

  • บุคคลทั่วไป
ถึงจะเศร้า(อ่านแล้วมีแววรางๆ ) แต่ก็เป็นเรื่องแปลกที่ไม่เคยรู้เลยครับ
ขอบคุณที่เอาเรื่องราวดีๆ มาถ่ายทอดให้อ่านกันนะครับ อย่างน้อยก็จะได้เข้าใจคนพิการกันมากขึ้น

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
▙▜ รักนี้มีล้อ ◯ น้องเก้า VS พี่แตซอง ▛▟
CHAPTER 07 ◉☥ ไปฟิลิปปินส์





ผมเคยคิดนะครับว่า ผมจะทำยังไงกับความรักของผมตอนนั้นดี บางทีก็คิดอยากจะบอกตรงๆ ไปเลย บางทีก็อยากแสดงอาการบางอย่างให้รู้ว่าคิดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำครับ ผมว่าทุกอย่างมันควรจะเป็นไปตามธรรมชาติของมัน ผมอยากจะลองดูว่าถ้าเราทำดีกับใครสักคนหนึ่งมากๆ และแสดงออกให้รู้ว่าเราห่วงใยและรักมากแค่ไหน เขาจะรักเราได้ไหม หรืออย่างน้อยที่สุด แค่ให้รู้ว่าเรารักและหวังดีก็พอแล้ว ผมไม่รู้หรอกครับว่าท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ผมทำมันจะนำพาไปถึงตรงไหน แต่ผมเชื่อว่าความรักจะนำทางผมไปถึงจุดๆ หนึ่งอย่างแน่นอน ลองมาดูนะครับว่า ในเวลาไม่ถึงสองเดือน ความรักจะนำพาผมไปไกลได้แค่ไหน


✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


มีวันหนึ่ง ผมก็ไปเป็น PA ให้พี่แตซองเหมือนเดิมครับ วันนี้เราไปกันที่ศูนย์เพื่อฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ ผู้ประสานงาน PA ก็แจ้งให้พี่แตซองทราบว่าจะให้พี่แตซองเดินทางไปบรรยายเรื่องการให้บริการ PA ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เนื่องจากว่าประเทศที่ว่านั้นต้องการมีระบบบริการ PA จึงต้องการคำแนะนำจากประเทศที่มีประสบการณ์แล้ว เจ้าภาพที่จัดงานคือองค์กรหนึ่งในญี่ปุ่นครับ ร่วมมือกับองค์กรในประเทศฟิลิปปินส์ พร้อมกับเชิญทางเกาหลีไปร่วมให้ความรู้ด้วย


ความจริงหัวหน้าศูนย์ที่เกาหลีจะต้องไปบรรยาย แต่ปรากฎว่าไม่สบายกะทันหันและไม่น่าจะหายทัน ก็เลยต้องหาคนไปแทน สุดท้ายก็กลายเป็นพี่แตซอง ผมว่าพี่แตซองเป็นคนเก่งนะครับ ที่ศูนย์พยายามชักชวนให้พี่แตซองมาทำงานด้วยหลายครั้งแต่พี่แตซองก็ไม่ยอมมา อยากลองหางานทำให้ตรงกับความสามารถจริงๆ ในบริษัททั่วไปก่อน ก็คงประมาณว่าไม่อยากให้คนทั่วไปมองว่าคนพิการสุดท้ายก็ต้องทำงานอยู่แต่กับคนพิการ อะไรทำนองนั้น
 

งานสัมมนาที่ว่านี้จัดเป็นภาษาอังกฤษครับ จึงต้องการคนที่สามารถแปลเกาหลี-อังกฤษได้ การเดินทางค่อนข้างกะทันหันพอสมควรเพราะเป็นการไปแทน แน่นอนการเดินทางไปครั้งนี้พี่แตซองสามารถพา PA ไปได้หนึ่งคน ผมก็ไม่รู้ว่าพี่แตซองจะเลือกให้ผมไปหรือเปล่า เพราะเท่าที่ผมทราบจากพี่แตซอง PA อีกคนก็ทำงานดีครับ เพียงแต่ไม่ได้ทำงานเกินเวลาเหมือนผมเท่านั้นเอง ผมก็ได้แต่แอบลุ้นในใจ ถ้าไม่เลือกผม ผมคงเซ็งแย่เลย เพราะจะไม่ได้เจอกันอีกหลายวัน


สุดท้ายผมก็ได้รับเลือกครับ พร้อมกับต้องไปเป็นล่ามให้พี่แตซองด้วย ผมพูดได้สามภาษาครับ ไทย เกาหลีแล้วก็อังกฤษ ช่วงนั้นก็วุ่นวายพอสมควรครับเพราะต้องจองตั๋วกันด่วน ดีที่ว่าพี่แตซองมีพาสปอร์ตอยู่เลยไม่ต้องไปทำใหม่ ส่วนผม เดินทางเข้าประเทศนั้นได้สบายอยู่แล้วครับ


✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"พี่จะบอกว่า ผู้ช่วยคนพิการไม่ใช่คนรับใช้จะเขียนว่ายังไงดีล่ะเก้า"


พี่แตซองหันมาถามผมขณะที่เรานั่งทำงานเตรียมพรีเซนเทชั่นด้วยกัน แม้ว่าผมจะพอได้ภาษาอังกฤษอยู่บ้างแต่ก็ต้องเปิดดิกชันนารีเหมือนกัน


"อืม...น่าจะพูดว่า Personal assistants are not servants หรือไม่ก็ housemaids หรือเปล่าครับ"


"พี่ว่าใช้ servant ดีกว่าไหม housemaid น่าจะหมายถึงแม่บ้านหรือเปล่า"


ผมหัวเราะแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย พี่แตซองก็ยิ้มและหัวเราะเช่นกัน ผมชอบรอยยิ้มพี่แตซองมากๆ เลยครับ แววตาและรอยยิ้มที่อบอุ่นนั้นตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผมมาจนถึงทุกวันนี้ และคงจะจดจำไปอีกนานแสนนาน


"หิวหรือเปล่าเก้า เย็นแล้ว"


ผมหันออกไปมองตรงระเบียงห้องที่เป็นกระจกก็พบว่ามันเย็นแล้วอย่างพี่แตซองบอกจริงๆ


"จริงด้วยครับ ทำงานกันเพลินเลย พี่แตซองอยากจะไปกินข้างนอกหรือว่ากินบะหมี่ดีครับ"


"บะหมี่ดีกว่า พี่ขี้เกียจออกไปแล้ว"


เราสองคนก็เลยต้องหยุดพักเพื่อเติมท้องที่กำลังหิวโหย แต่อาหารเย็นของเราก็เป็นไปอย่างรีบร้อนเพราะยังคงห่วงพะวงกับการทำเพาเวอร์พอยท์อยู่ คาดว่าวันนี้อาจจะดึกกันเลยทีเดียว


พอกินอาหารเย็นเสร็จแล้วพี่แตซองก็อาบน้ำครับ พอพี่แตซองอาบเสร็จผมก็อาบบ้าง วันนี้ผมบอกแม่ไว้แล้วว่าจะนอนที่นี่เพราะจะอยู่ช่วยพี่แตซองทำงาน แม่ก็ไม่ว่าอะไรครับ รวมๆ เวลากินข้าวและอาบน้ำแล้วก็หมดไปชั่วโมงหน่อยๆ จากนั้นเราสองคนก็ช่วยกันทำงานต่อจนดึกเลย น่าจะตีอะไรสักอย่างผมก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่าดึกจนตาแทบจะปิด


"เก้า พี่ไม่ไหวแล้ว ง่วงมากเลย นอนก่อนดีไหม แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ"


พี่แตซองชวนด้วยหน้าตาสลึมสลือเต็มแก่ ผมเองก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่


"ก็ดีเหมือนกันครับพี่" ผมบอกแล้วก็หาว พี่แตซองขำใหญ่เลย


ผมช่วยพี่แตซองปิดคอมพิวเตอร์แล้วก็เข็นรถพี่แตซองมาที่เตียงนอน แอบดีใจที่จะได้อุ้มพี่แตซองตัวหอมๆ อุ่นๆ อีกแล้ว พอยกตัวพี่แตซองไปนอนบนเตียงได้แล้วผมก็เดินอ้อมไปอีกฟากของเตียงก่อนจะขึ้นไปนอนข้างๆ พี่แตซอง อ้อ พวกเราอาบน้ำกันแล้วนะครับ


"เก้า ขอบคุณมากนะครับที่มาช่วยทำงาน พี่รู้สึกเกรงใจมาก เก้าช่วยพี่หลายอย่างเลย เป็นทั้ง PA เป็นทั้งเพื่อนและน้องชาย วันนี้ก็ช่วยทำงานอีก"


ผมหันไปยิ้มกับพี่แตซองแล้วก็ยืนยันเช่นเดิม "ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ผมเต็มใจครับ"


"เป็นคนดีจริงๆ น้องชายของพี่ ผู้หญิงคนไหนได้เป็นแฟนด้วยต้องเป็นคนที่โชคดีมากๆ แน่เลย" พี่แตซองพูดพลางใช้มือลูบศีรษะผมไปด้วย


ผมก็ได้แต่แอบถามในใจว่าแล้วพี่แตซองไม่คิดว่าพี่โชคดีบ้างหรือครับที่ได้มาเจอกับผม ผมรักพี่นะครับ พี่แตซองตัวอุ่นๆ หอมๆ


"นอนดีกว่านะ ดึกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปกินอะไรอร่อยๆ ที่ตึก 63 กัน อยากไปไหม"


ได้ฟังอย่างนั้นแล้วผมก็ยิ้มดีใจใหญ่ พยักหน้าแทบจะทันที ตั้งแต่มาเกาหลีก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปเลย คราวนี้จะได้ไปกับคนที่แสนพิเศษของผมเสียด้วย ผมเชื่อว่ามันจะเป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่งที่ผมต้องจดจำไปชั่วชีวิตแน่นอน


หลังจากนั้นเราสองคนก็หลับเป็นตายเลยครับเพราะเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะครับพี่แตซอง นี่คงเป็นคืนแรกที่ผมตื่นมาแล้วจะได้เจอกับพี่ คิดแล้วก็อยากหยุดเวลาไว้อย่างนี้นานๆ ไม่อยากจะคิดถึงวันที่กลับประเทศไทยเลย


✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


แล้วก็มาถึงวันที่เราเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ครับ ไฟลท์ที่เราจะเดินทางนั้นค่อนข้างดึกมากพอสมควร ผมนั่งแท็กซี่จากบ้านน้าสาวมารับพี่แตซองที่คอนโดตอนสองทุ่มกว่าๆ ผมเตรียมกระเป๋าให้พี่แตซองไว้แล้วก่อนจะกลับบ้านไปเอากระเป๋าเดินทางก็เลยสามารถเดินทางได้เลย


วิธีการขึ้นแท็กซี่ก็ไม่ยากนัก ผมทำเหมือนตอนช่วยพี่แตซองขึ้นเตียงนอนนั่นแหละครับ พอพี่แตซองยืนขึ้นได้แล้ว ผมก็จะค่อยๆ หย่อนตัวพี่แตซองเข้าไปในรถ พอเรียบร้อยแล้วผมก็จะเก็บเบาะที่นั่งของวีลแชร์ แล้วก็พับรถวีลแชร์พี่แตซองใส่ไว้ข้างหลังรถ พอดีผมเลือกแท็กซี่แบบคันใหญ่หน่อย ก็เลยสามารถใส่ทั้งกระเป๋าและรถวีลแชร์ได้


เรามาถึงที่สนามบินอิ๋นชอนตอนเกือบๆ สี่ทุ่มครับ ผมว่ามันเป็นสนามบินที่ไกลมาก แล้วก็ไปเช็คอิน ผมได้เรียนรู้เรื่องการเดินทางด้วยเครื่องบินของคนพิการด้วยครับ พี่แตซองต้องติดแท็กที่วีลแชร์แล้วต้องนำไปโหลดก่อนขึ้นเครื่อง เราสามารถใช้วีลแชร์ของเราเองได้ตอนอยู่ในสนามบิน พอถึงตอนขึ้นเครื่อง คนพิการจะได้ขึ้นก่อนครับ มีเจ้าหน้าที่สนามบินมาช่วยอำนวยความสะดวกด้วย เราลงมาตามงวงช้าง พอมาถึงหน้าประตูขึ้นเครื่อง ก็จะมีวีลแชร์คันเล็กๆ สำหรับใช้ในเครื่องมาให้พี่แตซองเปลี่ยน แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะเอาวีลแชร์ของพี่แตซองไปโหลดใต้ท้องเครื่อง


เจ้าหน้าที่เข็นพี่แตซองมาถึงที่นั่งแล้วผมก็ช่วยยกตัวพี่แตซองขึ้นยืนด้วยท่ากอดกันเหมือนเดิม แล้วถ่ายตัวพี่แตซองไปนั่งที่ที่นั่ง รัดเข็มขัด แล้วผมก็นั่งลงบนที่นั่งข้างๆ พี่แตซอง เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วครับ


เครื่องออกแล้ว ผมก็เริ่มง่วงเพราะไม่ค่อยได้นอนเพราะต้องช่วยทำพรีเซนเทชั่น แถมก่อนไปก็ยังไปเที่ยวที่ตึก 63 จนดึกดื่น แล้วผมก็เผลอหลับไป มารู้ตัวอีกทีผมก็รู้ว่ากำลังนอนซบไหล่ใครบางคนอยู่ พอสติเริ่มตื่นผมก็พอจำกลิ่นกายได้ว่าเป็นพี่แตซองแน่ๆ คงไม่ใช่กำลังซบใหล่คนอื่นที่อยู่ข้างๆหรอก ผมก็เลยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ครับ นอนต่อเสียอย่างนั้น ผมมีความสุขเหลือเกิน พี่แตซองจะรู้ไหมว่าผมมีความสุขแค่ไหนที่ได้อยู่ใกล้ชิดพี่แตซองแบบนี้


พี่แตซองคงรู้สึกว่าผมขยับตัวแล้ว ก็เลยเขย่าตัวผมเบาๆ เพื่อจะปลุกให้ตื่นมากินข้าว


"เก้า ตื่นแล้วหรือ หิวหรือเปล่า ข้าวมาแล้วนะ"


ผมก็เลยต้องงัวเงียตื่นขึ้นมาครับ พี่แตซองเอาถาดอาหารของผมกับของพี่แตซองเองไปวางบนถาดรองของพี่แตซองครับ จากนั้นพี่แตซองก็ช่วยเอาถาดรองของผมลง แล้วก็เอาถาดอาหารมาวางให้อีกที


"ขอบคุณครับพี่" ผมขอบคุณพลางยิ้ม


เห็นไหมครับว่าคนพิการก็มีน้ำใจเหมือนคนทั่วไปได้เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว พอผมหันไปสังเกตคนข้างๆ ก็เห็นว่าหลายคนกินข้าวกันไปจนหมดแล้ว บางคนก็นอนหลับไปแล้วด้วยซ้ำ สงสัยว่าข้าวคงจะมานานแล้วล่ะ แต่พี่แตซองก็ไม่ยอมกิน อุตส่าห์รอกินพร้อมกับผม เล่นเอาผมรู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาแทบจะไหลเลย


"พี่แตซองยังไม่ได้กินข้าวอีกหรือครับ"


"ไม่เป็นไรหรอก พี่ยังไม่หิวเลย พี่ไม่ค่อยชอบกินข้าวตอนดึกๆ" พี่แตซองบอก ผมรู้ว่าพี่แตซองพูดเพื่อไม่ให้ผมรู้สึกผิดมากกว่าครับ


"ขอโทษนะครับพี่" ผมบอกเสียงอ่อยๆ รู้สึกผิดที่ขึ้นมาถึงก็หลับไปเลย ปล่อยให้พี่แตซองรอกินข้าวด้วยอยู่ตั้งนาน


"ขอโทษทำไม เก้าไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย กินเหอะ เย็นหมดแล้ว" พี่แตซองตัดบท


ตอนกินข้าว ผมก็เอาของที่ไม่ชอบให้พี่แตซองไปกินด้วย นิสัยดีใช่ไหมครับ พี่แตซองก็ไม่ว่าอะไรแถมยังกินจนหมดเลย ทั้งของตัวเองกับของที่ผมเอาไปให้ ไม่รู้ว่าหิวหรือว่าเพราะอะไรกันแน่


"โห กินหมดเลยเหรอครับพี่แตซอง หิวเหรอครับ" ผมถามกึ่งแซว


"เปล่าหรอก เสียดาย" พี่แตซองตอบปนขำ


กินเสร็จแล้วสักพักผมก็ง่วงอีก พี่แตซองหยิบผ้าห่มที่วางอยู่บนตักมาให้ แกเตรียมไว้ให้ทุกอย่างเลย ผมก็เลยเอามาห่ม ตอนนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กเลย ผมก็เป็นอย่างนี้แหละครับ บางทีก็ชอบอ้อน ทำตัวเป็นเด็กตามประสาลูกคนเดียวอย่างผม


"ง่วงอีกแล้วเหรอ"


ผมพยักหน้าพร้อมกับหัวเราะแหะๆ


"กินเสร็จปุ๊บก็ง่วงปั๊บเลยนะเรา" พี่แตซองขำอย่างเอ็นดู


"นอนไปเหอะ พี่ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย"


"ขอบคุณที่ดูแลผมนะครับพี่แตซอง พี่แตซองใจดีจังเลย"


"ไม่เป็นไร เก้าช่วยพี่เยอะแล้ว แค่นี้...นิดหน่อยเอง อ้อ ถ้าเมื่อยคอก็นอนบนไหล่พี่เหมือนเดิมก็ได้นะ"


พี่แตซองยิ้มแปลกๆ ในช่วงประโยคท้ายๆ ไม่รู้ล่ะครับ พอเปิดช่องอย่างนั้นผมก็เลยซบเลยครับ ไม่ต้องนั่งเมื่อยคอให้ลำบากเพราะกว่าจะถึงก็คงอีกหลายชั่วโมง อีกอย่างมันก็ดึกมากแล้วด้วย


พี่แตซองเอามือมาขยี้หัวผมเล่นแล้วขำเบาๆ "ขี้อ้อนเหมือนกันนะเรา"


แล้วต่างคนก็หลับไป ไม่รู้เหมือนกันว่าใครซบใครเพราะต่างคนก็คงต่างเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่


TBC


ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์วัฒนธรรมแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2015 08:18:45 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399
 :z13: :z13: :z13: :laugh: :laugh: :laugh:



น่ารักแล้วก็อบอุ่นมากๆเลย  :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2012 17:37:08 โดย SungMinKRu »

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เก้า เนียนๆ ซบไหล่

Way

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นมากๆเลย

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้น่ารักจังอ่ะ

ออฟไลน์ ratnalin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
น่ารักอบอุ่นมากเลยค่ะ ^^
ชอบๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
รู้สึกอบอุ่นกับพี่ชายน้องชายคู่นี้จังเลย :กอด1:

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
อ่านไปก็.. นั่งยิ้มอีกแล้ว ^-^
เก้าทำเนีนซบนะ
แต่อาการยิ้มแปลกๆของพี่แตซอง มันหมายความว่ายังไงน้อ

ออฟไลน์ Monochrome

  • โคอาล่า มาร์ช *O*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนนี้น่ารักมากเป็นพิเศษ> ______ <

ออฟไลน์ คนอ่าน

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-13
น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลย
เป็นกำลังใจให้เจ้าของเรื่องและคนโพส

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
เก้าคงจะมีความสุขมากในการเดินทางครั้งนี้  :-[

Peppermint

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักกกกก
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ

ออฟไลน์ Allure-Q

  • Just the way you are
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
โอยยยย....น่ารักจัง อ่านแล้วเคลิ้มเลย :-[

t-unseen

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักสุดๆไปเลยค่ะ!! >.<

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
▙▜ รักนี้มีล้อ ◯ น้องเก้า VS พี่แตซอง ▛▟
CHAPTER 08 ◉☥ แม่ซูซานคนสวย





เรามาถึงประเทศฟิลิปปินส์ตอนเช้าพอดีครับ มีคนมารับเราที่สนามบินด้วย เข้าใจว่าคงมารอกันตั้งแต่เช้ามืดแล้ว แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นผู้ประสานงาน ไม่รู้ว่าชื่ออะไรกันแน่ครับ เห็นเขาเรียกกันว่า "ซูซาน" ที่มารอรับด้วย ผู้หญิงคนนี้นี่แหละครับที่เข้ามาสร้างความยุ่งยากให้กับงาน PA ผมพอสมควรเลยทีเดียว


เมื่อเจอกันแล้วซูซานก็พาเราขึ้นรถมาที่โรงแรมแห่งหนึ่ง อยู่ติดๆ ทะเล ผมก็เพิ่งรู้นี่แหละครับว่ากรุงมะนิลา เมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์ติดทะเลด้วย แต่ก็เป็นทะเลที่ไม่สวยหรอกครับ ทะเลหน้าโรงแรมเป็นที่จอดเรือยอชเสียเป็นส่วนใหญ่


พอได้ห้องแล้ว พี่แตซองกับผมก็ขอตัวขึ้นไปนอนครับ ลงมาอีกทีก็เกือบบ่ายสอง แล้วก็พากันออกไปหาอะไรกินแถวๆ โรงแรม ค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควรเนื่องจากสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการในประเทศนี้มีค่อนข้างน้อย ผมก็เลยต้องเหนื่อยพอสมควร


"ประเทศไทยมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการหรือเปล่าเก้า คงไม่แย่เหมือนที่นี่หรอกใช่ไหม"


พอพี่แตซองถามมาอย่างนั้นผมก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ เรื่องของเรื่องคือผมไม่เคยสังเกตเลยเพราะไม่เคยสนใจคนพิการก่อนหน้านี้ ก็ผมไม่ค่อยเห็นคนพิการในชีวิตประจำวันเท่าไหร่นี่นา


"ไม่รู้เหมือนกันครับพี่ แต่ถ้าวันไหนพี่แตซองไปเยี่ยมผมที่กรุงเทพนะ พี่แตซองไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมพาพี่ไปได้ทุกที่แน่นอน"


พี่แตซองหันมามองแล้วก็ยิ้ม "ครับ เก่งจังนะน้องพี่"


ผมหัวเราะเบาๆ สายตาคอยมองไปข้างหน้าเพราะทางที่ผมเข็นรถพี่แตซองไปนั้นค่อนข้างขรุขระ เกิดล้อหน้าของวีลแชร์สะดุดก้อนหินเข้า รถวีลแชร์อาจจะหยุดกะทันหัน คนที่นั่งอยู่ก็อาจจะหล่นไปกองกับพื้นได้


พอกลับมาถึงโรงแรมก็เจอคุณซูซานที่เคาน์เตอร์โรงแรมครับ คงกำลังติดต่อประสานงานเรื่องโรงแรม ที่พัก ห้องประชุมหรืออะไรทำนองนี้อยู่ พอหันมาเห็นเรา เธอก็รีบเดินมาหาผมกับพี่แตซองทันที หน้าตายิ้มระรื่นทีเดียว
 

"คุณคิมคะ อย่าลืมไปทานอาหารเย็นตอนหกโมงครึ่งนะคะ เราจะมี welcome dinner สำหรับแขกที่มาในงานทุกคนค่ะ"


พี่แตซองคนฟังออกไม่หมด ผมก็เลยต้องแปลเป็นภาษาเกาหลีให้พี่แตซองฟังอีกที พอเข้าใจแล้วพี่แตซองก็พยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ซูซานไปด้วย


"โอเค" พี่แตซองตอบเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ เพราะให้พูดยาวกว่านี้คงลำบากพอดู


"ร้านอาหารเย็นของเราเป็นร้านอาหารจีนนะคะ อยู่ใกล้ๆ โรงแรมนี่แหละค่ะ คุณคิมออกจากโรงแรมไปแล้วก็เลี้ยวซ้าย ตรงไปอีกหน่อยก็จะเห็นร้านเลยค่ะ หาไม่ยากเพราะว่าเป็นร้านอาหารจีนร้านเดียวที่มีอยู่แถวนี้"


ซูซานสาธยายพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผมชักจะรู้สึกว่าเธอมองพี่แตซองแปลกๆ ยังไงไม่รู้ครับ แต่เอาเถอะ ตอนนั้นผมไม่อยากคิดมาก คงไม่น่ามีอะไรหรอก เธอก็คงยิ้มแย้มแจ่มใสเพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองไปตามมารยาทเท่านั้น


"ขอบคุณครับ" พี่แตซองขอบคุณซูซานเป็นภาษาอังกฤษหลังจากที่ฟังผมแปลให้ฟังแล้ว


แม่ซูซานยิ้มใหญ่เลยคราวนี้ แค่พี่แตซองขอบคุณตามมารยาททำไมจะต้องยิ้มขนาดนี้ด้วยนะ ผมแอบสงสัยแต่ก็ยังใจร่มๆ ได้อยู่ในตอนนั้น จากนั้นพวกเราก็ขอตัวขึ้นมาบนห้องพักเพื่อพักผ่อนอีกสักหน่อยก่อนจะออกไปทานอาหารเย็นตามคำเชิญ


"อาหารประเทศนี้ไม่ค่อยถูกปากเลยนะเก้า จืดไปหน่อย" พี่แตซองบ่นแล้วก็ขำเบาๆ นอนดูทีวีบนเตียงอย่างสบายอารมณ์


"ผมก็ว่างั้นแหละครับ วันหลังเราเอากิมจิซองไปด้วยดีกว่า ว่าน่าจะช่วยได้เยอะเลย"


พี่แตซองซื้อกิมจิซองเตรียมเผื่อไว้ด้วยครับเพราะเดากันว่าอาหารที่นี่อาจจะไม่ค่อยถูกปาก เมื่อกลางวันนี้ก็ว่าจะพกไปด้วยแล้วล่ะแต่กลัวเจ้าของประเทศเสียใจ แต่หลังจากที่ได้กินไปแล้วคราวนี้คงไม่กลัวเสียใจแล้วล่ะครับ จืดชืดเสียจนแทบจะกินไม่ลงเลย อย่างนี้จะน่าเสียใจมากกว่า


"อืม...เก้าว่า...ซูซานเขาเป็นยังไงบ้าง"


อยู่ดีๆ พี่แตซองก็เปลี่ยนมาคุยเรื่องนี้เสียอย่างนั้น ผมขมวดคิ้วสงสัยเล็กน้อย


"ก็ดีมั้งครับ" ผมตอบห้วนๆ โดยไม่หันไปมองพี่แตซอง


"พี่ว่าเขาก็น่ารักดีนะ"


อ้าว...ทำไมพี่แตซองชมแม่ซูซานซะแล้วล่ะ ผมกลัวจะน้อยหน้าก็เลยลุกจากโซฟาไปนั่งคุกเข่าข้างๆ เตียง ทำหน้าเง้าหน้างอนิดๆ


"แล้วผมไม่น่ารักเหรอ"


พี่แตซองหันมามองอย่างแปลกใจ


"อะไร อิจฉาเหรอ"


ผมนิ่วหน้า ไม่ตอบคำถาม


"ครับ เก้าก็น่ารักครับ น้องของพี่น่ารักจะตาย"


พี่แตซองลูบผมผมเบาๆ ในขณะที่พูด ผมก็เลยยิ้มออก เรื่องอะไรจะยอมให้แม่ซูซานมาแย่งตำแหน่งนี้ไป


✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


พอถึงหกโมงผมกับพี่แตซองก็ลงมาอีกครั้ง จากนั้นก็พาพี่แตซองเข็นไปที่ร้านอาหารที่ว่านั้นซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก พอไปถึงก็ปรากฎว่ามีคนมาเกือบครบแล้ว มีการจองโต๊ะไว้อยู่สามสี่โต๊ะใหญ่ๆ ผมก็พาพี่แตซองไปที่โต๊ะหนึ่งที่บังเอิญมีที่ว่างเหลืออยู่สองที่พอดี ผมดึงเก้าอี้ออกตัวหนึ่งเพื่อให้พี่แตซองเข็นรถเข้าไปนั่งตรงโต๊ะอาหารได้สะดวก พอช่วยจัดรถเข็นแล้วผมจึงเอ่ยปากขอตัว


"เดี๋ยวผมไปห้องน้ำแป๊บเดียวนะครับ พี่จะไปด้วยไหมครับ"


พี่แตซองส่ายหน้า ผมก็เลยต้องรีบไปเพราะปวดฉี่ พอกลับมาอีกครั้ง ก็ต้องแปลกใจที่คุณซูซานกลับมานั่งที่ที่ผมจะนั่งกับพี่แตซองเสียอย่างนั้นครับ เข้าใจว่าพี่แตซองแกพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่งก็อาจจะสื่อสารกับคุณซูซานเรื่องที่นั่งไม่เข้าใจกัน เธอก็เลยไปนั่งตรงนั้นเสียเลย ครั้นจะบอกให้ลุกไปก็ดูจะน่าเกลียด พี่แตซองก็เลยพยักเพยิดให้ผมไปนั่งที่อื่นก่อน พอดีผมได้ยินเสียงคนพูดภาษาไทย ก็เลยไปนั่งด้วย เป็นคนไทยที่มางานนี้ด้วยครับ มีคนพิการไทยมาด้วยคนหนึ่งพร้อมกับ PA และล่ามแปลไทย-อังกฤษ พอได้คุยกันผมจึงได้รู้ว่าประเทศไทยกำลังจะเริ่มทำระบบ PA เหมือนกัน เห็นว่ากฎหมายทำเสร็จแล้ว จะเริ่มใช้ปีหน้า อะไรประมาณนั้น ทางฟิลิปปินส์ก็เลยเชิญตัวแทนของคนพิการไทยมาเป็นวิทยากรแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานด้วย


พออาหารเริ่มมา แม่ซูซานก็ดูจะเอาใจพี่แตซองของผมเป็นพิเศษ ตักนั่นตักนี่ให้ตลอด แม้ว่าจะสื่อสารกันได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ดูเธอก็มีความสุขมากทีเดียว หัวเราะร่าเริงกับพี่แตซองของผมแทบตลอดเวลา ผมเองก็ชักเซ็งๆ กินข้าวก็ไม่ค่อยจะลง ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะอาหารไม่อร่อยด้วยนั่นแหละ ตอนแรกก็ดีใจที่ได้ยินว่าเป็นร้านอาหารจีน แต่ก็เป็นอาหารจีนที่รสชาติประหลาดสิ้นดี จืดชืดจนไม่น่าจะเรียกว่าอาหารจีนได้


ผมนั่งกินไปก็มองพี่แตซองกับแม่ซูซานไป บางทีพี่แตซองก็เหลียวหันมามองผมบ้าง คล้ายๆ จะสงสัยว่าผมอยู่ตรงไหน พอเห็นแล้วก็หันกลับไปตามเดิม อีกสักพักก็หันมาทางผมอีก แล้วก็กวักมือเรียกผมไปหา ผมจึงเดินไปหาพี่แตซองด้วยสีหน้าเซ็งๆ แม้จะไม่แสดงออกมากแต่พี่แตซองก็คงดูรู้แล้วล่ะ อยู่ด้วยกันมาหลายวันจนเริ่มรู้นิสัยกันพอสมควรแล้ว


"พี่จะไปห้องน้ำครับ" พี่แตซองบอก


ผมจึงเข็นรถพี่แตซองถอยหลังออกมาจากโต๊ะอาหารแล้วก็พาไปห้องน้ำ ทางเดินในร้านค่อนข้างแคบ แถมยังไม่มีห้องน้ำคนพิการอีก ผมก็ใช้วิธีคล้ายๆ เดิมครับ คือพอไปถึงหน้าห้องน้ำ ก็ช่วยให้พี่แตซองยืนขึ้น แล้วก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวพี่ซองเข้าไปในห้องน้ำ พอไปถึงโถก็ให้พี่แตซองนั่งลง จากนั้นผมก็ออกมาปิดประตู พอเรียบร้อยก็พาพี่แตซองออกมาจากห้องน้ำด้วยวิธีการคล้ายๆ เดิม ไม่ได้คุยอะไรกันเลยครับ แล้วผมก็พาพี่แตซองไปล้างมือ ออกมาจากห้องน้ำแล้วก็พากลับมานั่งที่เดิมกับแม่ซูซาน ดูๆ ไปเธอก็สวยอยู่นะครับแม้ว่าผิวจะคล้ำๆ ไปหน่อย


จากนั้นผมก็แยกกลับมานั่งกับกลุ่มคนไทยเหมือนเดิม แม่ซูซานแย่งเก้าอี้ผมไปถาวรเสียแล้วล่ะคืนนี้ ผมได้แต่แอบค่อนขอดในใจว่าทำไมไม่รู้จักเดินไปคุยกับโต๊ะอื่นบ้าง แขกของเธอมีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมมาคุยกับพี่แตซองคนเดียวอยู่ได้


ก็สรุปว่าผมก็ไม่ได้อยู่กับพี่แตซองอีกเลยจนถึงตอนกลับ ผมกำลังเข็นพี่แตซองอยู่ดีๆ แม่ซูซานก็วิ่งตามมาจากไหนไม่รู้


"ให้ฉันลองเข็นมั่งได้ไหมคะ ฉันไม่เคยเข็นเลย ให้ฉันช่วยนะคะ"


ผมกับพี่แตซองมองหน้ากัน พี่แตซองทำสีหน้าเหมือนกับจะบอกว่าโอเคผมก็เลยถอยออกให้แม่ซูซานเข้ามาเข็นแทน เข็นไปคุยกันไป อันไหนที่พี่แตซองไม่เข้าใจก็จะหันมาถามผม ให้ผมแปลให้ ผมก็แปลไปอย่างแกนๆ


"เอ๊ ทำไมคุณดูไม่เหมือนคนเกาหลีเลยนะคะ" จู่ๆ แม่ซูซานก็หันมาคุยกับผม


"อ๋อ ผมเป็นคนไทยครับ" ผมตอบพลางเดินก้มหน้าก้มตา


"จริงเหรอคะ แล้วมากับคุณคิมได้ยังไงคะ"


"พอดีผมไปเยี่ยมญาติที่เกาหลีครับ แล้วก็ไปสมัครเป็น PA ก็เลยได้มาที่นี่"


ผมพยายามตอบให้สั้นที่สุด รู้สึกไม่ค่อยอยากเสวนากับผู้หญิงคนนี้เท่าไรนัก เธอคงจะสัมผัสความรู้สึกไม่ค่อยอยากคุยของผมได้มั้งครับก็เลยเลิกสนใจผมไป แล้วก็หันไปคุยกับพี่แตซองเหมือนเดิม ส่วนผมก็เดินตามไปอย่างเงียบๆ


ตกลงเธอก็มาส่งพี่แตซองของผมถึงหน้าห้องเลยครับ ยิ่งทำให้ผมชักสงสัยใหญ่ว่าแม่ซูซานคนนี้คงต้องคิดอะไรกับพี่แตซองแน่ๆ เลย


พอแม่ซูซานไปแล้ว ผมจึงได้มีโอกาสอยู่กับพี่แตซองตามลำพังเหมือนเดิมเสียที


"ซูซานนี่เขาก็น่ารักดีนะ ขนาดพี่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ก็ยังอดทนคุยกับพี่ได้ตั้งนานแน่ะ" พูดพลางหัวเราะ


"ครับ" ผมตอบสั้นๆ


"ถ้าตอนนั้นพี่ตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษก็น่าจะเก้า เดี๋ยวกลับไปพี่ไปหาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษดีกว่า พี่ว่าพี่น่าจะได้ใช้บ่อยขึ้นแน่ๆ เลย"


"ครับ"


ผมตอบสั้นๆ อีกเหมือนเคย แล้วก็แอบค่อนขอดในใจว่าจะฝึกมาพูดกับแม่ซูซานหรือไงนะ หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยอะไรมากครับ ผมพาพี่แตซองไปอาบน้ำ เสร็จแล้วผมก็อาบมั่ง แล้วก็นอนครับ  นอนกันคนละเตียง พี่แตซองแอบชำเลืองมองผมอยู่เหมือนกันที่เห็นผมเงียบๆ ไป แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับพี่แตซองอีกจนหลับไปเลยครับ


✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


เช้าวันต่อมา พี่แตซองของผมดูหล่อเป็นพิเศษเลยครับ เพราะใส่สูทผูกไทด์เตรียมตัวสำหรับการเป็นวิทยากร พี่แตซองไม่ได้พูดช่วงเช้าหรอกครับ คิวบรรยายจริงๆ เป็นช่วงบ่าย


ผมสังเกตว่ามีสาวๆ ทั้งพิการและไม่พิการของประเทศฟิลิปปินส์มาขอถ่ายรูปกับพี่แตซองหลายคน จริงๆ ประเทศนี้ก็บ้าเกาหลีไม่แพ้บ้านเราหรอกครับ พอมาเจอคนเกาหลีหล่อๆ ก็เลยพากันคลั่งไคล้ ถึงจะเป็นคนพิการก็เถอะ ผมก็แอบคิดในใจว่าถ้าพี่แตซองเจอแบบนี้บ่อยๆ คงไม่รอดแน่เลย แต่ก็แปลกอย่างหนึ่ง ตอนอยู่ที่เกาหลี ผมไม่ค่อยเห็นสาวๆ เกาหลีสนใจพี่แตซองเท่าไหร่ พอมาอยู่ที่นี่กลับมีคนให้ความสนใจเสียเยอะเลย


ตอนบ่าย พี่แตซองก็ขึ้นนำเสนอครับ นำเสนอได้ดีเลยทีเดียว พี่แตซองเคยไปดูงานที่ญี่ปุ่นมาด้วยครับสมัยที่พิการใหม่ๆ พอได้เรียนรู้แนวคิดก็เลยทำให้ฟื้นสภาพจิตใจและยอมรับความพิการได้ค่อนข้างเร็ว


พี่แตซองนำเสนอความเป็นมาว่าแนวคิดการดำรงชีวิตอิสระเกิดขึ้นที่เกาหลีได้อย่างไร และเริ่มระบบบริการ PA ได้อย่างไร มีผมคอยแปลให้ พอพี่แตซองพูดจบประโยคหรืออาจจะซักไม่เกินสองสามประโยค ผมก็จะแปลเป็นภาษาอังกฤษอีกที ก็ใช้เวลาพอสมควรครับ ภาษาอังกฤษของผมสู้ภาษาเกาหลีไม่ค่อยได้เท่าไหร่หรอกครับ ดีที่ว่าซ้อมกันมาก่อนหน้านี้แล้วก็เลยพอเอาตัวรอดกันไปได้


พอตกเย็น แม่ซูซานก็มาชวนพี่แตซองกับผมไปกินข้าวข้างนอกด้วยกันครับ แล้วก็ชวนคนพิการที่ประเทศฟิลิปปินส์รวมทั้งของไทยไปด้วย แล้วเธอก็ทำเหมือนเดิมครับ คือแย่งหน้าที่ PA ไปจากผมเสียอย่างนั้น ทำให้ผมอารมณ์เริ่มขุ่นเคืองพอสมควร ผมไม่รู้ว่าพี่แตซองสังเกตเห็นหรือเปล่า ผมเริ่มเงียบอีกแล้ว รู้สึกว่าการมาประเทศฟิลิปปินส์ของผมชักจะไม่ค่อยสนุกเสียแล้วสิ แม่ซูซานนะแม่ซูซาน ฮึ่ม!


TBC


ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์วัฒนธรรมแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2015 06:20:42 โดย sarawatta »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด