CHAPTER 25
“คุณไฟค่ะ เมื่อวานป้าขึ้นไปทำความสะอาดห้องคุณผู้หญิงเห็นรูปภาพแผ่นนี้ เลยหยิบมาให้ดูค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มหยิบรูปภาพแผ่นนั้นขึ้นมาดู ก่อนจะพินิจพิจารณานิ่ง มือหนาสั่นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะวางมันไว้บนเตียงตามเดิม
เวลาผ่านพ้นไปวันแล้ววันเล่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เวลาที่ผ่านไปแค่ปีเดียวแต่นาฬิกามันเหมือนจะผ่านไปนานแสนนาน…
ร่างสูงหนุ่มใหญ่รูปร่างกำยำ ขึ้นรถไปพร้อมกับสัมภาระสองกระเป๋าเดินทางใหญ่ อธิปโบกมือลากับแซม เด็กน้อยหน้าตาน่ารัก ส่วนสูงก็เพิ่มขึ้นนิดหน่อยตามอายุ รถยุโรปคันหรูเคลื่อนออกไปจากตัวบ้านไปอย่างช้าๆ …
“สวัสดีครับคุณอากร พี่ต้นข้าว”เสียงใสของแซมเอ่ย พร้อมยกมือไหว้ ต้นข้าวยิ้ม หรี่ตรงเข้าไปดึงแซมมากอดด้วยความเอ็นดู
“แล้วไอ้ไฟมันล่ะครับ”
“คุณไฟไปดูงานที่ฝรั่งเศสค่ะ”ป้าอรตอบพร้อมกับรับปิ่นโตและดอกไม้ช่อโตที่ต้นข้าวซื้อมาและให้ภัทรกรถือ
“ออ ครับ”ภัทรกรนั่งลงบนโซฟา พร้อมกับมองใบหน้าที่ผ่องใสอยู่เป็นระยะ แซมทำใจได้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน ส่วนอธิปเองนั้นเริ่มนิ่งจนกลายเป็นขรึม เริ่มกลับมาทำการทำงาน ถ้าย้อนกลับไปสัก 6 เดือนก่อน คงเมามายอยู่กับสุรา เพราะความเสียใจที่มีต่อวริณ
วริณไม่มีโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมาเลย…
1 ปีเต็ม…
สำหรับการนอนหลับที่ยาวนาน…
“น่าเห็นใจแซมนะครับ แกเป็นเด็กที่เข้มแข็งมาก…”ต้นข้าวเอ่ยขึ้นแผ่วเบาขณะกำลังเดินออกจากโรงพยาบาล
“เดี๋ยวคุณดินเขาก็ฟื้นขึ้นมา”ภัทรกรว่าก่อนจะจับมือเล็กๆกุมไว้เบาๆ
“คุณกร เดี๋ยวคนอื่นเขาจะเห็นนะครับ”ต้นข้าวบอกปัด เงยหน้ามองร่างของคนที่สูงกว่า
“ข้าว…สองปีแล้วนะที่เรารู้จักกันมา ตอนนี้พร้อมแล้วรึยังที่จะฝ่าฟันอุปสรรคมันไป”
“ผมพร้อมเสมอ…ถ้าพี่…อึกก…รักผม”
“อย่าร้องนะ ไอ้เด็กขี้แย จะไม่ทำให้เสียใจอีกเลย”
“ครับ…ขอบคุณครับ”
.
.
.
“จะมาก็ไม่เห็นบอกกันสักคำเลยนะค่ะ”หญิงสาวในชุดลูกไม้ ยกชาอุ่นๆเสิร์ฟพร้อมกับนั่งลง
“มาดูงาน ไม่นานก็กลับ อาจจะเป็นพรุ่งนี้”
“ค่ะ แล้วที่โน่นเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีกันไหม?”
“สบายดี คุณกับลูกล่ะ”
“สบายดีค่ะ ตอนนี้แกยังหลับอยู่เลย นอนเล่นอยู่กับพ่อเขาบนเตียงแหนะ”หญิงสาวว่าเสียงใส
“มาทั้งทีไม่มีโอกาสอุ้มหลานเลย”ชายหนุ่มกล่าวน้ำเสียงเสียดายน้อยๆ
“เอาไว้ตอนที่มิมกลับไทยก็ได้ค่ะ ตอนนี้วริณล่ะค่ะเป็นอย่างไรบ้าง”
“ยังไม่ฟื้นเลย หมอบอกว่าต้องรอไปอีกหน่อย เดี๋ยวก็คงฟื้น ผมรอได้ไม่เป็นไร”
“วริณเป็นผู้ชายที่โชคดีมากที่สุดเลยนะค่ะ คุณก็เช่นเดียวกัน มิมทราบแล้วว่าความรักมันเป็นอย่างไร มิมเชื่อว่าเกิดมาคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันหรอกค่ะ”
“คุณสดใสขึ้นเยอะเลยนะ เขาดูแลคุณกับลูกดีใช่ไหม?”
“ค่ะ เขาดีกับมิมและลูกมาก มากจนมิมคิดไม่ถึงว่าเขาจะรักผู้หญิงอย่างมิมได้”
“อืม ดีแล้วล่ะ ผมจะได้หายห่วง ตอนนี้ผมก็รอให้ดินฟื้นอยู่เช่นกัน ผมจะรักเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะรักได้”
“ค่ะ อุ้ย! น้องหนูร้องแล้ว มิมต้องไปให้นมลูกแล้วล่ะค่ะ”
“อืม งั้นไปเถอะ ผมก็ลาล่ะ”
“อ้าว เพิ่งมาเอง”
“อืม คุณจะได้ไปดูน้องหนูไง”
“ออค่ะ งั้นลานะค่ะ”
“ครับ”
เสียงนาฬิกาเรือนใหญ่ดังขึ้น เป็นเวลาบอกถึงเช้าวันใหม่ที่แสนจะวุ่นวายอีกเช่นเคย
เสียงหนึ่งก็กำลังปลุกคนที่หลับใหลให้ตื่นเช่นกัน เสียงนาฬิกาดังแล้วดังเล่า…
ร่างที่หลับใหลกระตุกนิ้วมือช้าๆก่อนเปลือกตาสีนวลจะปรือขึ้นในความมืด ดวงตาสีใสกรอกไปมา นิ่งสงบราวกับงุนงง ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ก็ไม่สามารถที่จะกลับไปยังโลกใบเดิมได้…
‘พี่ชายอยู่ไหน???’
ชายหนุ่มลุกนั่งขึ้นอย่างช้า ร่างกายที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมาเป็นเวลานาน เกิดอาการปวดเมื่อยนิดหน่อย เขาเห็นร่างสองร่างกำลังหลับอยู่บนโซฟามืดอีกฝั่งหนึ่งของห้อง ชายหนุ่มหันไปมา ก่อนจะลุกขึ้น ก้าวขาออก แต่ก็ต้องสะดุดกับสายน้ำเกลือที่ตรึงแขนตนเอาไว้ มือบางค่อยๆแกะมันออกอย่างช้า ก่อนที่เลือดสีสดจะซึมออกมา เมื่อสายน้ำเกลือได้ถูกดึงออกไป
อธิปนั่งรถแท็คซี่กลับจากสนามบินด้วยความอ่อนล้า เพราะหลังจากดูงานเสร็จเขาก็กลับทันทีไม่ได้อยู่เที่ยวต่อมากนัก ร่างสูงอาบน้ำอาบท่า กะจะขับรถไปที่โรงพยาบาลแต่สุดท้ายก็เผลอฟุบหลับลงกับเตียง…
“คุณดินหาย ! คุณแซมค่ะ คุณดินหายไปไหนกันค่ะ !?”ป้าอรที่เพิ่งตื่นจากนอนเพราะแสงอรุณที่สาดส่องเข้ามาในหน้าต่าง แซมที่เพิ่งตื่น หันไปมองที่เตียงก็ไม่เห็นร่างของพ่อดินที่เคยนอนอย่างสงบนิ่งก็ลุกพรวดพราดตื่นตกใจ
“คุณพยาบาลพาไปเข้าห้องตรวจรึเปล่าฮ่ะ”แซมว่า เสียงสั่น
“ไม่น่าจะเป็นไปได้นะค่ะ นี่ยังเช้าตรู่อยู่แท้ๆ ถ้าคุณพยาบาลเข้ามา ป้าก็ต้องรู้สึกตัวไปแล้ว”
“งั้นลองออกไปถามดีไหมครับ”
“ค่ะๆ”
.
.
.
“คุณดินหายไปจริงด้วยค่ะ คุณแซม…”ป้าอรว่าเสียงสั่น ทั้งกลัวและตระหนกจับใจ
“แสดงว่าพ่อดินฟื้นแล้วใช่ไหมฮ่ะป้า แต่ทำไมพ่อดินต้องหนี แซมกลัว…แซมกลัวว่าเราจะตามหาพ่อดินไม่เจออีกเลย”แซมว่าเสียงสั่นเช่นกันทั้งดีใจปนหวาดกลัว อยากเจออยากพูดคุยเรื่องที่ผ่านมา มีอะไรให้เล่าเยอะแยะเลย
“ป้าว่าเราโทรศัพท์ไปหาคุณไฟดีไหมค่ะ?”
“ครับ แต่ว่าพ่อไฟอยู่ฝรั่งเศส ไม่ใช่เหรอฮ่ะ?”
“โธ่ ! ป้าลืมไปแล้ว ตายจริงๆ จะทำยังไงดีค่ะเนี่ย”
“ช่วยๆกันหาก่อนดีไหมฮ่ะ”
“ค่ะๆ ป้าว่าคุณดินคงไม่ไปไหนไกลนัก เดี๋ยวเราลงไปให้ลุงชัยช่วยกันอีกแรง”
“ครับ”
.
.
.
.
ชายหนุ่มในชุดพยาบาลหอบร่างกายของตนวิ่งออกมาได้ไกล ก่อนจะนั่งคุดคู้กอดเข่าตัวเองอยู่ในมุมลับตาคน ร่างทั้งร่างสั่นไม่มาด้วยความกลัว ตกใจจนเผลอวิ่งออกมา รู้แค่เพียงว่าตัวเองเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาล แต่จะหาทางกลับไปก็ลืมเสียแล้ว เมื่อได้สติ ก็ไม่รู้จะพาตัวเองไปทางไหนดี จึงยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไปเรื่อยจนถึงเช้า ผู้คนและเสียงรถดังตลอดจนยามค่ำคืน ชายหนุ่มพาตัวเองออกมาจากมุมอับใต้สะพานลอย เดินกุมท้องด้วยความหิวบวกกับแรงกายที่มีอยู่น้อยนิด เขาจำอะไรแทบไม่ได้ทั้งสิ้น แม้แต่ผู้คนและตึกราบ้านเรือนเองเช่นกัน เหมือนตัวเขาเองเป็นเด็กที่เพิ่งลืมตาดูโลกขึ้นมาใหม่ เด็กที่ไร้พ่อกับแม่ ไม่มีแม้แต่ความสมบูรณ์แบบและความสุขสบาย
“ที่นี่ที่ไหนนะ…”
อธิปตื่นนอนในช่วงสายของวัน ลุกขึ้นอาบน้ำและแต่งตัวด้วยท่าทีเหน็ดเหนื่อย น้ำอุ่นไหลผ่านอาบร่างแกร่ง มือหนาดึงผ้าขนหนูที่แขวนไว้คลุมหัวก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำด้วยความอ้างว้างจับใจ
มือหนาจับแหวนเงินวงพอเหมาะสำหรับนิ้วนางข้างซ้ายของวริณ ในช่วงเวลาเล็กๆที่ปารีสเขาได้มีโอกาสไปซื้อแหวนเงินวงนี้มา เป็นแหวนคู่รัก ชายหนุ่มเคยตั้งใจไว้นานแล้ว หากวริณตื่นมาเมื่อไหร่จะสละโสดแต่งงานกับวริณให้รู้แล้วรู้รอด ประกาศให้คนเขารู้ไปทั่ว วริณจะได้ไม่มีโอกาสแอบคิดน้อยใจเขาอีก ชายหนุ่มแอบยิ้มเล็กน้อย เอาแหวนสองวงลองมาเทียวกับดู นิ้วมือของตนใหญ่ว่าวริณมากนัก ถ้าวันนี้ได้สวมให้วริณ เจ้าชายนิทราของเขาจะได้ตื่นขึ้นมาเสียที…
ระจอและรอ…
รอจนผมจะแก่ตาย…
ต่อให้ผมตาย ผมก็ยังรัก วริณ…
“หิวจัง…”มือเรียวลูบหน้าท้องปอยๆ หรี่ตามองไปยังถนอีกฟาก ใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็ก ขายาวก้าวข้ามถนนถามกลางแดดอาทิตย์ที่ส่องเปรี้ยง
ปี๊ดดด !!!
เสียงแตรบีบดังลั่น ใบหน้าเรียวซีดสะดุ้งหยุดนิ่ง เลนส์ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ขาเรียวหยุดนิ่งไม่ไหวติ่ง มองรถที่กำลังพุ่งเข้ามา
เอี๊ยดดดดดดด !!!
“ไม่มีที่จะตายรึไงฮ่ะ !!!” ร่างสูงก้าวขาลงจากรถ พร้อมกับถอดแว่นตาดำออก นัยน์ตาดุมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจ ดวงตาที่คุ้นเคยจ้องมองซึ่งกันและกัน ใบหน้าเรียวมีสีแดงจัดขึ้นนิดหน่อย เมื่อถูกคนตรงหน้าจ้องเอาเสียนาน
“วริณ !!!”
.
.
.
“คุณ! ปล่อยผมนะ…”แขนเรียวพยายามขัดคืนจากการเกาะกุมของมือสากหนา อธิปขมวดคิ้วหนาจนเป็นบม ก่อนจะผลักร่างบางลงเข้าไปในรถ
“ออกมาได้ไง ! มันอันตรายรู้ไหม ทำไมถึงอยู่ที่นี่!?”อธิปเสียงดังจนคนโดนตะคอกถึงกับต้องหงายหลังหนี ก่อนจะยกมือปิดหน้า ด้วยความตกใจกลัว
“คุณรู้จักผมด้วยเหรอ?”เสียงแหบถามซื่อๆ อธิปหันมามองก่อนจะขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจยาว
“ลืมกันแล้วจริงๆเหรอ?”
.
.
.
“ผมเป็นพ่อบ้านให้คุณเหรอ?”
“อืม”
“แล้วผมก็มีลูกด้วยใช่ไหม?”
“ใช่”
“เขาชื่อว่าอะไรเหรอครับ?”
“แซม”
“ออ ผมจำแกไม่ได้เลย ทำไมผมถึงเป็นพ่อที่แย่ขนาดนี้นะ”คนกล่าวถอนหายใจเบาๆก่อนจะหลุบตามองต่ำ
“ไม่หรอก คุณประสบอุบัติเหตุร้ายแรงมาก ”
“ครับ แต่ว่าคนที่ขับรถชนผมเขาเป็นยังไงบ้างครับ?”ชายหนุ่มถาม สีหน้าอยากรู้อยากเห็น ช่วงเวลาของตนที่เผลอลืมไป
“เห็นว่าเสียชีวิต”
“งั้นผมก็โชคดีแล้ว ที่ตื่นขึ้นมาได้ใช่ไหมครับ?”
“มั้ง?”อธิปทำหน้าล่อๆก่อนจะยิ้มมุมปาก
“แล้วผมทำงานกับคุณนานรึยังครับ”
“ก็ เกือบ 2 ปีแล้ว”
“โห งั้นคุณก็ต้องรู้จักผมมากๆแน่เลย”
“ใช่ รู้จักมากด้วย”
“แล้วคุณชื่ออะไรเหรอครับ?”
“อธิป หรือไฟ”
“คุณไฟ?”…พี่ไฟ?
“แล้วผมชื่อดิน รึเปล่าครับ”
“คุณจำได้!?”
“ผมเดาเอาจากในฝันครับ”
“ออ คุณกับพี่ชายของคุณนั้นเหรอ?”
“ครับ”
“แต่คุณไฟครับ ทำไมถึงเรียกผมว่าคุณล่ะครับ ในเมื่อผมเป็นแค่พ่อบ้านเอง”ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย
“งั้นเรียกนายก็ได้ ดีไหม ? จะเอาอะไรอีกล่ะ ?”อธิปถาม ก่อนจะยิ้มให้อย่างเอ็นดู
“ไม่แล้วครับ คุณไฟคงเป็นเจ้านายที่ใจดีมากเลยใช่ไหมครับ?”
“มั้ง”
“ภายนอกคุณดูร้าย แต่จิตใจดี…”วริณยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่อธิปไม่ได้เห็นมานานแสนนาน มือหนาเผลอตัวยื่นไปกอบกุมมือนุ่มนั้นอย่างลืมตัว
“ผมดีใจนะที่นายฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง วริณ…”
-----------------------------------****
ไม่รู้มีคำผิดเยอะรึเปล่า อยากอัพ หากไม่อัพเสาร์ก็จะไม่ค่อยมีเวลาและโอกาสแล้ว
ไปแล้วค่ะ จะเป็มลมกับการบ้าน
