CHAPTER 26
“พ่อดิน !!!”แซมลงจากรถพร้อมกับโผกอดวริณด้วยความคิดถึงอ้อมกอดนั้นนานแสนนาน ชายหนุ่มมึนงงเล็กน้อยแต่ก็กอดตอบด้วยความเอ็นดู
“พ่อดินเขายังจำอะไรไม่ได้น่ะแซม”อธิปว่า
“เหรอฮ่ะ อือ…แค่พ่อดินฟื้นขึ้นมาแซมก็ดีใจแล้วครับ”แซมคลายกอด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองวริณตาใสแป๋ว ขอบตารื้นแดง ก่อนเรียวปากบางจะคลี่ยิ้ม
“สวัสดีฮ่ะพ่อดิน คราวหลังอย่าลืมแซมอีกนะ อย่านอนไปนานแบบนี้ด้วย ไม่งั้นแซมจะโกรธพ่อดินจริงๆ”แซมว่าก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก วริณยิ้มบางๆมืออีกข้างลูบหัวแซมเบาๆก่อนจะยิ้มอ่อนโยนอย่างเคย
“แซม…ลูกพ่อ”
“ครับ กลับมาจำพวกเราได้เหมือนก่อนเร็วๆนะครับพ่อดิน”
“อืม”อธิปยิ้มก่อนจะเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน แซมจูงมือวริณเข้าบ้านพร้อมกับพูดคุยเรื่องราวที่ผ่านไปในช่วงเวลาที่วริณนั้นหลับไปนานแสนนาน
“แซม แล้วลูกอายุเท่าไหร่แล้ว”
“ปีนี้ก็ 10 ขวบฮ่ะ”
“แล้วพ่อล่ะ”
“ก็ 30 ฮ่ะ”
“หา ! ปีนี้พ่อ30แล้วเหรอ?”วริณทำหน้าไม่เชื่อพลางทำตาปริบๆมองตัวเองในกระจก
“ฮ่ะ พ่อไฟก็ 30 กว่าแล้วเหมือนกัน”แซมว่า พลางนอนนั่งลงบนเตียงแล้วยิ้มๆ
“หื้อ !? คุณไฟยังดูหนุ่มอยู่เลย”
“พ่อดินก็ยังหล่อเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
“แล้วแม่ของแซมเธออยู่ไหน”วริณเอ่ยถามก่อนจะหันไปมองแซม
“สวรรค์ฮ่ะ”
“อืม…งั้นตลอดเวลาเราก็อยู่ด้วยกันสองคนพ่อลูกใช่ไหม?”
“ฮ่ะ”
“อือ”ชายหนุ่มครางในคอสงสัยในคำถามมากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่พูดไป แซมเอียงคอมองตาม ก่อนจะลุกขึ้นกอดวริณอีกครั้ง
“พ่อดินอย่าคิดมาก ไปอาบน้ำดีกว่านะ”แซมว่าอ้อนๆ ชายหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย เพราะตามเนื้อตัวนี้มอมแมมเสียไปหมด ก่อนจะผละสายตาจากกระจกและเข้าห้องน้ำพร้อมกับแซมที่ถือขาขนหนูตามเข้าไปให้
“แซมแล้วพ่อดินล่ะ?”อธิปเข้ามาพอดี พลางกวาดสายตามองหาวริณ
“โน้นฮ่ะ”แซมชี้มือไปทางห้องน้ำ
“อืม แซมช่วงนี้พ่อดินอาจยังจำอะไรไม่ค่อยได้ พ่อจะให้พ่อดินไปเป็นพ่อบ้านเหมือนเดิมเผื่อจะจำอะไรได้บ้าง”อธิปว่า ก่อนจะนั่งลงลูบหัวแซม
“ฮ่ะ แซมอยากให้พ่อดินจำเราได้ไวไว แล้วถ้าเจ้าดุ๊กดิ๊กมันรู้ มันต้องดีใจมากแน่ๆใช่ไหมฮ่ะ?”แซมถามตาแป๋วรื้นน้ำตา เมื่อนึกถึงเจ้าสุนัขที่จากไปแล้ว
“พ่อดินต้องไม่ลืมเราง่ายๆหรอกแซม ถ้าเจ้าดุ๊กดิ๊มันรู้ มันจะรีบส่ายตูดมาขออาหารพ่อดินเชียวแหละ”อธิปว่า ก่อนจะยิ้มเศร้าๆ
“ใช้แล้วฮ่ะ”แซมตอบก่อนจะยิ้มบางๆ
ตลอดเวลาที่รอคอยมันต่างผ่านเรื่องราววุ่นวายมากมายอหลายอย่างเหลือเกิน…
วริณนั่งแช่ในห้องน้ำอยู่นานแสนนานเพราะมัวแต่นั่งนึกถึงเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่ตนได้ลืมไป แต่ก็กลับจำมันไม่ได้เสียที ชายหนุ่มถอนใจครั้งแล้วครั้งเล่า อาจเป็นเพราะสายตาที่ดูเป็นห่วงเป็นใยของอธิปทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอบอุ่นใจแปลกๆหรือแม้แต่สายตาของแซมที่ทำให้เขารู้สึกผิด…
ปังๆ
“ดิน ! เป็นอะไรไหมน่ะ!?”เสียงทุ้มตะโกนถามอยู่หน้าประตูด้วยความเป็นห่วง วริณสะดุ้งจากภวังค์ก่อนจะตะโกนกลับจากในห้องน้ำ
“เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร”
“งั้นก็รีบออกมาทานข้าวเที่ยงได้แล้ว”
“อะครับ”
วริณเดินออกจากห้องน้ำ ก่อนจะเห็นอธิปยืนหันหน้าอยู่ที่ริมหน้าต่าง ชายหนุ่มหันมาช้าๆอนจะสบตากับวริณ
“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ?”
“ครับ”
“งั้นก็รีบแต่งตัวได้แล้ว จะได้ลงไปทานข้าว”อธิปบอกเสียงดุ
“แต่ว่า…ผมจะแต่งตัวได้ไงเมื่อคุณไฟยังยืนอยู่เอ่อ…ตรงนี้”วริณเอ่ยปากถามอย่างช้าๆด้วยความเกรงกลัว ก่อนจะรีบก้มหน้าหนี
“ไม่เห็นเป็นไรเลย เมื่อก่อนเราก็แก้ผ้าด้วยกันออกจะบ่อย”อธิปว่าพลางลอบยิ้ม สังเกตเห็นสีหน้าตกใจของวริณแทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่
“จริงเหรอครับ?”ชายหนุ่มทำหน้าไม่เชื่อ ว่าเขาและเจ้านายจะสนิทกันปานนั้น
“จริงสิ ฉันจะโกหกนายทำไม”
“แต่ว่า…ตอนนี้ผมจำอะไรไม่ได้เลย คุณไฟออกไปก่อนไม่ได้เหรอ…”
“จะใส่ก็ใส่สิ จำไม่ได้เดี๋ยวก็จะจำได้เอง”ชายหนุ่มพูดขัด ก่อนจะยกมือกอดอกจ้องวริณเขม่ง
“ก็ได้ครับ”ชายหนุ่มจำใจ ก่อนจะถอดชุดคลุมออก ก็ผู้ชายเหมือนกันนี่ คงไม่เป็นอะไรหรอก วริณคิดก่อนจะใช้ผ้าขนหนูคลุมท่อนล่างไว้หลวมๆ เปิดตู้เสื้อผ้าและค้นเสื้อและกางเกงที่เป็นขนาดตัวของตนเอง อธิปจ้องร่างบางที่เงอะงะของวริณพลางยิ้มในใจ แต่ก็ต้องทำหน้าขรึมต่อ เผื่อความน่านับถือ วริณใส่เสื้อทีจับผ้าขนหนูที่เอวที ก่อนจะสวมกางเกงในและตามด้วยกางเกงขาสั้นอย่างเร็ว และเงยหน้ามองอธิปแล้วรีบหลบ จัดการตัวเองหน้ากระจกให้เรียบร้อย
“ลงไปได้รึยัง?”
“ครับ แล้วแซม?”
“มีเพื่อนมารับไปเล่นด้วยน่ะ”
“ชื่ออะไรเหรอครับ?”
“โจ เอ่อ โจ้อะไรสักอย่างนี่แหละ”
“อ้อ แล้วแซมทานข้าวยังล่ะครับ”
“ทานเรียบร้อยแล้ว ก็นายอาบน้ำอยู่ตั้งนานนี่”
“อะ…ผมขอโทษครับ”
“อืม ทีหลังก็อย่าทำแบบนี้อีกล่ะกัน”อธิปกล่าวเสียงเข้ม ก่อนจะบิดลูกบิดประตู
“เพราะมีคนเป็นห่วง…”
ปัง !
.
.
.
“วริณทานข้าวเสร็จขึ้นไปพบผมบนห้องด้วยนะ”อธิปลุกจากโต๊ะอาหาร พร้อมชายหนุ่มที่เงยหน้าขึ้นตาตื่นพลางพยักหน้า
“ครับ”
“คุณไฟคิดจะทำไรของเขานะ”ป้าอรเอ่ยเบาๆแต่กระนั้นชายหนุ่มก็ได้ยิน วริณมองอย่างสงสัย
“อะไรเหรอครับ?”
“ก็คุณดินอุสส่าห์ฟื้นขึ้นมาแล้ว คุณไฟยังทำท่าทีเย็นชาแบบนั้นอีก”ป้าอรว่า
“ท่าทีเย็นชา? …คุณป้าพูดแปลกๆกับผมอีกแล้ว”วริณปริบตางุนงง ส่วนป้าอรก็ส่ายหน้า ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงเก็บอาหาร จานและชาม ยกเข้าไปในครัวโดยมีป้าอรคอยห้ามอยู่ตลอดเวลา
“คุณดิน เดี๋ยวป้าเก็บเอง”
“ไม่เป็นไรครับ คุณป้าไปพักผ่อนเถอะ งานบ้านเดี๋ยวผมจะทำเอง รบกวนคุณไฟเขามามากแล้ว”
“รบกวนอะไรค่ะ คุณดินราวกับว่าตัวเป็นแค่คนใช้ธรรมดา”
“ก็ผมเป็นพ่อบ้านให้คุณไฟไม่ใช่เหรอครับ แล้วที่ผมประสบอุบัติเหตุแค่คุณไฟเมตตาดูแลผมกับแซมก็เป็นพระคุณมากแล้ว ผมน่ะเป็นภาระให้ใครต่อใครเยอะแล้ว ถึงเวลาที่ผมจะตอบแทนบ้าง”
“คุณดินไม่เคยเป็นภาระให้ใครหรอนะค่ะ”
“ครับ ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ทุกคนดีกับผมมาก”วริณยิ้มสุดท้ายป้าอรก็ยอมเลิก อาสาช่วยล้างจานเอง ส่วนวริณให้ไปพบอธิปก่อน เพราะเดี๋ยวท่านรอนานก็จะหงุดหงิดเอาได้
ก๊อกๆ
“เข้ามา”
“ครับ คุณไฟมีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ”ชายหนุ่มก้มหน้าถาม
“มานั่งนี่สิ”อธิปตบที่เตียง วริณเลยเดินเข้าไปแล้วนั่งลงข้างๆอธิป
“เอามือมา”
“ฮะ ครับ”ชายหนุ่มยกมือขึ้น มือหนาของงอธิปจับมือนั้นเบาๆก่อนจะหยิบแหวนในกระเป๋าเสื้อสวมให้วริณที่นิ้วนางข้างซ้าย
“คุณไฟ !”
“จองไว้ก่อน จำผมได้เมื่อไหร่เราค่อยแต่งงานกัน”อธิปเอ่ยหน้าขรึม ส่วนอีกคนก็หน้าซีด
“แต่งงาน???”
“อืม กล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ?”
“คุณไฟครับ แต่ว่าผมเป็นผู้ชาย !!”วริณเถียงตาโต
“แล้วไง?”
“แต่ว่า แต่…”
“ไม่มีแต่ ฉันให้เวลา 3 เดือน จำฉันกับแซมให้ได้ซะ ! ไม่งั้นนายจะโดนดี”
“แต่ว่า…แต่..แต่”วริณรู้สึกเหมือนลิ้นคับปาก พูดอะไรก็ต้องสะดุด ทั้งช็อคและตกใจปนกันเสียหมด
“ไม่ต้องแต่ ถ้า 3 เดือนนายยังจำอะไรไม่ได้ ฉันจะข่มขืนนายซะ เผื่อจะจำอะไรดีๆได้บ้าง”อธิปทำเสียงดุ แอบลอบยิ้มทางสายตา วริณหน้าซีดเผือก ก่อนจะทำตาโตอึ้งๆ
“ข่มขืน !?”
“ใช่ ! หรือว่าอยากโดนเลยรึเปล่าล่ะ นายบังอาจมากที่ลืมฉัน รู้ตัวไหม!?”
“คุณไฟ…แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ”
“แล้วไงล่ะ ก็ฉันสั่งให้จำอยู่นี่ไง”อธิปเอ่ยขึ้นอย่างวางอำนาจ
“คะครับๆ แล้วคุณไฟมีอะไรให้ผมรับใช้อีกไหมครับ”วริณถาม หลบตา ตกใจจนตัวสั่น
“ก็ไม่มีอะไร ช่วงนี้นายยังจำอะไรไม่ได้ก็ช่วยงานป้าอรในบ้านไปก่อน บ้านหลังนี้ใหญ่มาก ภาระก็เลยตกที่ป้าอรคนเดียว ฉะนั้นนายก็ต้องรับผิดชอบไปด้วนส่วนหนึ่ง”
“คะ…ครับ แล้วแหวนนี่”วริณชูนิ้วให้ดู เป็นแหวนเงินที่เขาตั้งใจทำให้วริณนั้นเอง
“สวมไว้ ห้ามถอด ห้ามหาย เข้าใจไหม !?”
“คะครับ…งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
“อืม”
“ป้าอรครับ ตรงนี้ฝังอะไรไว้เหรอครับ”วริณเอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นเนินดินนูนขึ้นมาพร้อมกับต้นดอกไม้เล็กๆปลูกโปรยไว้
“ฝังศพค่ะ”
“หา ! ศพอะไรครับ”วริณรีบหันกลับไปมอง เชิงสงสัย
“เจ้าหมาน่ะค่ะ มันเพิ่งโดนรถชนไปไม่นานนี่เอง เสียดายที่คุณดินตื่นช้าไปนะค่ะ”ป้าอรว่ายิ้มๆพลางรดน้ำต้นไม้ต่อ
“น่าสงสารมันจังเลยนะครับ แล้วเสียดายอะไรเหรอครับ?”ชายหนุ่มถาม
“ก็มันรักคุณดินมากยังไงล่ะค่ะ มันเป็นหมาของคุณดินที่เก็บมันมาเลี้ยงเองเชียวนะค่ะ”
“หมาของผมเหรอ!? แล้วมันชื่ออะไรครับ”วริณถามเศร้าๆรู้สึกใจโหวงพิกล
“ดุ๊กดิ๊กค่ะ ป้ามีรูปเจ้าดุ๊กดิ๊กกับคุณแซมตอนที่ไปเยี่ยมคุณดินที่โรงพยาบาลด้วยนะค่ะ คุณไฟถ่ายไว้เยอะเลย กลั๊วกลัวค่ะว่าถ้าหากคุณดินฟื้นมาแล้วจะจำอะไรไม่ได้”ป้าอรว่ายิ้มๆ
“ออ ครับ งั้นตอนค่ำๆผมขอดูหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ แต่ตอนนี้เราต้องรดน้ำเจ้าพวกดอกไม้พวกนี้ให้เสร็จก่อนไม่งั้นมันคงต้องเหี่ยวเฉาตายไปอีกแน่”
“ครับ”ชายหนุ่มว่าพลางลงมือกวาดใบไม้ที่ร่วงโปรยใต้ต้นไม้ใหญ่หลายต้นนั้นอีกครั้ง โดยมีป้าอรดูแลสวนดอกไม้อยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มทอดสายตาไปไกล พลางยกมือขึ้นดูแหวนเงินที่เด่นอยู่ตรงนิ้วนางข้างซ้าย
“ฮึกกๆ…”เสียงร้องไห้ที่ดังอยู่ไม่ไกลนัก ทำให้มือเรียวที่กำลังกวาดใบไม้ชะงักลง วริณเดินตามไปยังต้นเสียง เห็นเด็กน้อยกำลังนั่งขยี้ตาจนแดงก่ำ
“แซม ร้องไห้ทำไม?”
“พ่อดิน…”
“ร้องไห้ทำไมฮึ?”วริณนั่งลงข้างๆพร้อมโอบมือให้ศีรษะแซมซบลงไหล่
“เปล่าฮ่ะ”
“ก็ตาดง ถ้าไม่ร้องไห้แล้วเป็นอะไร?”วริณถามเสียงใส
“ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆนะ แล้วพ่อดินทำไมแต่งตัวแบบนี้ ทำอะไรฮ่ะ?”แซมถามพลางมองวริรที่แต่งกาย ปอนๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้นตัวเก่า
“ทำสวน ทำไมพ่อหล่อผิดหูผิดตาใช่ไหมล่ะ?”ชายหนุ่มว่าอย่างอารมณ์ แซมยิ้มโชว์ฟัน ก่อนจะทำหน้างอตามประสา
“แล้ววันนี้ไปเล่นกับเพื่อนเป็นไงบ้าง เพื่อนเราดีไหม?”ชายหนุ่มถาม
“โจ้? ก็ดีฮ่ะ”เด็กน้อยถอนใจ
“ทะเลาะกันมาล่ะสิ”วริณถามอย่างรู้ทัน
“เปล่านะ มันแกล้งแซมก่อน”แซมรีบพูด
“เพื่อนกันน่ะ ต้องให้อภัยกันรู้ไหม?”
“ฮ่ะ ผมล้อแซมเรื่องพ่อ แซมทนไม่ได้!”แซมว่า
“เขาว่าพ่อ ไม่ได้ว่าแซม”วริรตอบ มองใบหน้าที่งอง่ำของแซม
“แต่พ่อดินเป็นพ่อของแซม แซมไม่ชอบให้ใครมาล้อ”แซมบอก
“แล้วโจ้เขาล้ออะไรล่ะ?”
“เขาบอกว่าพ่อดินเป็นตุ๊ด แล้วมันด่าแซมว่าไอ้ลูกกำพร้าแม่”แซมว่าเสียงแผ่ว
“แล้วพ่อเป็นอย่างนั้นไหม?”
“ไม่ฮ่ะ”
“แล้วแซมรู้สึกว่าตัวเองกำพร้าไหม?”
“ไม่ฮ่ะ แซมรู้ ว่าแม่อยู่บนสวรรค์ แม่มองเราอยู่ แค่เรามองไม่เห็น”
“ใช่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ต้องสนใจคำพูดพวกนั้นหรอกจริงไหม?”
“ฮ่ะ”
“แซมวันนี้พ่อดินอาจจะจำอะไรไม่ได้ แต่ไม่นานพ่อจะจำเราได้แน่นอน”วริณบอกเสียงหนักแน่น
“จริงเหรอ? พ่อดินจะจำแซมได้จริงๆนะ”แซมถามน้ำเสียงตื่นเต้น
“จริงสิ!”วริณขยิบตาให้ พร้อมกับหัวเราะอายๆ ก่อนจะลุกขึ้น
“พ่อไปจัดการเจ้าไม้ใบแห้งก่อนนะ”
“แซมจะช่วยด้วย”
“งั้นตามมาเลย”
“ฮ่ะ!!”
เสียงใสสองเสียงประสานเสียงกนหัวเราะ บ้างครั้งก็เป็นเสียงพูดคุย อธิปที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน ทอดสายตาลงมายังสวน มองเห็นรอยยิ้มของวริณและแซมที่จางหายไปเสียนาน ก่อนจะยิ้มได้อย่างเต็มปาก ถ้าเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก เรื่องวุ่นๆมันคงไม่เกิดขึ้นแล้ว…
-------------------------------------@
ขอเพิ่มสัญลักษณ์ที่ชื่อเรื่องนิดหนึ่งนะค่ะ เพราะกว่าแจงจะหานิยายตัวเองเจอเนี่ย เล่นเอาตาสายไปหมดเลย
ขอบคุณค่ะ