I'm Sorry โทษครับ ที่ผมโหด 1
วริณชายหนุ่มวัย 28 ปี วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาพยายามหางานที่สามารถเลี้ยงชีวิตเขากับลูกชายวัย 8 ขวบ ให้อยู่รอด เขาถือเอกสารเข้าไปในโรงแรมหรู เงินเดือนดี จะเป็นงานอะไรก็ได้ ขอแค่ทำให้ได้เงินก็เพียงพอ
วันนี้ครบรอบที่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน
ค่าเทอมลูกก็ไม่ได้จ่าย
อีกทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ เงินก้อนสุดท้ายก็กำลังจะหมด หากวันนี้ไม่ได้งาน
มีหวังต้องอดตายในวันพรุ่งนี้แน่
“คุณวริณ เชิญค่ะ”
“ครับ”ชายหนุ่มลุกขึ้น เข้าไปในห้อง เขายื่นใบสมัครงาน การศึกษาเขาไม่ได้สูงนัก จบแค่ ม.6
เขาออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วมาทำงานตามสถานที่ต่างๆ ใช้ชีวิตเพื่อความอยู่รอดไปแต่ละวัน แต่ชีวิตเงียบๆสันโดษของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อ วันนั้นหลังจากกลับมาจากทำงานร้านอาหารเล็กๆ เขาเก็บกวาดห้องและนำขยะไปทิ้งที่ถังขยะเปลี่ยวของถนนเทศบาล ก่อนหันหลังกลับ เขาได้ยินเสียงเด็กร้องแว่วๆ ตอนแรกก็ตกใจคิดว่าผีหลอก สุดท้ายยิ่งเสียงนั้นชัดเจนมากเท่าไหร่ เขาก็แน่ใจว่าไม่ได้โดนผีหลอกแต่กลับเป็นเสียงเด็กทารกน้อยที่ถูกทิ้งลงไม่ใกล้ไม่ไกลนัก เขาอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา ในใจโลเลว่าจะทำอย่างไรดี จะทิ้งไปก็น่าสงสาร คนเป็นแม่ก็ช่างใจร้ายนัก เขาคิด เพราะเขาเองก็โดนทิ้งไม่ต่างจากเด็กน้อยคนนี้ เขาจึงตัดสินใจเอาเด็กทารกน้อยมาเลี้ยง จากหนุ่มโสดตัวคนเดียว ก็กลับถูกมองเป็นหนุ่มม้ายทั้งๆที่ตอนนั้นอายุเพิ่งได้แค่ 20 ปี
“ตอนนี้บริษัทของเรากำลังจะฟื้นตัว ต้องการพนักงานจำนวนมาก แต่คุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะทำงานในโรงแรมของเรา …”
“เอ่อ…รับผมเข้าทำงานเถอะนะครับ จะเป็นงานอะไรผมก็ทำได้หมด ผมไม่เกี่ยง”เขารีบพูดอย่างร้อนรน ชายวัยกลางคนกรุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้ายอมรับเขาเข้ามาทำงานเป็นพ่อบ้าน ทำความสะอาดทั่วๆไป พิเศษหน่อยก็คือต้องทำความสะอาดห้องน้ำชาย แจ้งงาน คุยธุระเสร็จเขาก็ออกจากห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ต่างจากตอนแรกที่มา ใบหน้าแสดงความกังวลปนทุกข์
วันนี้ป๊าได้งานแล้วนะ ‘แซม’ ลูกพ่อ…
โรงแรงดังย่านหนึ่งใจกลางกรุง กำลังมีงานต้อนรับลูกชายท่านประธานคนแรกที่จะเข้ามารับภาระสืบทอดกิจการต่อจากบิดามารดาที่เพิ่งเสียชีวิตไปได้ไม่นาน
อธิป ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านประธานเพิ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหลายเดือนก่อน ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาอย่างร้อนรน ก่อนจะเอ่ยปากคนขับรถให้เร่งเครื่องเร็วขึ้น เพราะสายจากเวลางานไปมาก วันนี้เป็นงานเปิดตัวเขา เขาจะสายไม่ได้อันขาด ถึงมันจะล่วงเวลาไปมากแล้วก็ตาม ไม่งั้นจะเสียต่อภาพพจน์ของเขา พวกญาติๆก็จะดิฉิน ด้วยความริษยา เพราะบริษัทและโรงแรงใหญ่ๆต่างๆตกอยู่ในความดูแลของเขา มีพวกญาติๆจำนวนไม่น้อยที่หลังจะโกงสมบัติของพ่อและแม่เขา แต่โชคดีที่อธิปเป็นหนุ่มนักธุรกิจหัวใหม่ ส่งตรงจากนอก ไม่ได้ทำตัวเหลวแหลกดังพวกคุณหนูคุณชายคนอื่นๆ ไม่งั้นโรงแรงและบริษัทใหญ่ต่างๆมีหวังได้ล่มละลายเป็นแน่
“ลุงครับ เร่งอีกหน่อยสิครับ”
“นี่ลุงก็เร่งสุดๆแล้ว ถ้าเร่งกว่านี้มันจะเป็นอันตรายเอานะครับ”
“อืม ครับ งั้นลุงก็ขับไปเรื่อยๆเถอะ ไม่เป็นไร”ชายหนุ่มใจเย็นลง มองหันออกไปมองนอกหน้าต่าง ถึงจะเร่งรีบอยู่บ้าง ชวนหงุดดหงิด เพราะรถติดหนัก แต่ยังไงชีวิตของตนก็สำคัญกว่างานบ้าๆนั้นเป็นไหนๆ
โธ่เว้ยย !! ทำไมชีวิตมันถึงได้น่าเบื่อขนาดนี้ เบื่อๆ !!! ชายหนุ่มได้สบถอยู่ในใจ เมื่อความเริงรมย์ของตนได้ถูกตัดลง เพราะงานต่างๆที่กรูเข้ามามากมาย เกินวัยสนุกของตนนัก
“ป๊า ! กลับมาแล้ว แซมหิว”
“เห็นป๊ากลับมาก็บ่นว่าหิวเลยนะ รู้ไหมวันนี้ป๊าเหนื่อย…มากกกกก”วริณหยิกแก้มผู้ชายตัวเองเบาๆก่อนจะยกถุงกับข้าวที่ซื้อมาไปไว้ในครัว ออกมาก็เห็นแซมกำลังนั่งดูทีวีอยู่
“แซมทำการบ้านยังครับ”เด็กชายส่ายตัวยิ้มแห้งๆ ผู้เป็นพ่อทำหน้าดุเชิงเป็นการสั่ง แซมลุกขึ้นไปทำการบ้านที่โต๊ะไม้อันเล็ก ชายหนุ่มปิดทีวี เดินเข้าห้องถอดเสื้ออาบน้ำด้วยความเหนื่อยล้า
“ป๊า ! ป๊ะ ป๊าครับบ”
“ครับบ”
“แซมหิว แซมมทำการบ้านเสร็จแล้วด้วย แซมเก่งไหม?”เด็กชายอ้อน พลางยิ้มอย่างภูมิใจ วริณลูบหัวลูกด้วยความรัก ก่อนจะไล่ให้แซมไปดูทีวี เด็กน้อยดีใจ ชายหนุ่มหยิบของออกจากตู้เย็น คืนนี้จะทำอะไรกินดี มีแต่ไข่กับผัก น่าจะทำผักผัดไข่ ชายหนุ่มคิด เพราะแซมไม่ได้กินนมแม่มาตั้งแต่เด็กจึงขาดพัฒนาการด้านต่างๆไปมาก
“มาแล้วคร๊าบบบ วันนี้คุณชายต้องกินผักนะ”
“คุณชายไม่ชอบกินผักเลย”เด็กหนุ่มแบะปาก ตักข้าวให้พ่อและของตนเอง วริณส่ายหน้ายิ้มๆ แซมไม่ชอบกินผัก เขารู้ดี แต่แซมก็ไม่ได้เป็นเด็กเรื่องมาก มีไรกินก็กิน ว่านอนสอนง่ายแถมยังเป็นเด็กน่ารักมากทีเดียว เสียดายแต่ว่าผอมแห้งไม่สมวัยไปหน่อย แถมยังอ่อนแอ กลับจากโรงเรียนทีไร เนื้อตัวมอมแมมเพราะโดนเพื่อนแกล้งมาตลอด
“อิ่มแล้วเหรอ”
“ฮ่ะ พ่อดินก็ต้องกินเยอะๆ เดี๋ยวนี้พ่อไม่สบายบ่อย”แซมยกมือแตะหน้าผากพ่อเบาๆ ก่อนจะทำหน้ามุ้ย ดุพ่อของตน
“พ่อดินตัวร้อนอีกแล้ว”
“ดูทำหน้า พ่อไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย”
“แต่พ่อตัวร้อนฮ่ะ”
“ก็แค่ตัวร้อนฮ่ะ หนูแซมเข้านอนได้แล้ว ดึกแล้วครับ”ชายหนุ่มไล่ลูกชายให้เข้านอน แซมวิ่งเข้านอนอย่างว่าง่าย เขาหยิบเงินก้อนสุดท้ายขึ้นมานับ เงินไม่พอ…พรุ่งนี้ต้องจ่ายค่าบ้านเช่า…
ซวยแล้วไงเฮ้อ…
บทที่ 2
“วันนี้ทานประธานคนใหม่จะเข้าบริษัทแหละแก ฉันเห็นในหนังสือแล้วลูกคุณหญิงนี่หล๊อหล่อยังกับเจ้าชายเลย”
“คุณอธิป นั้นเหรอ ฉันว่าเขาดูหยิ่งๆนะ แต่ฉันก็ว่าหล่อจริงๆนั้นแหละแก”
“พวกเธอสองคน ! คุยอะไรในเวลางาน หยุดซุบซิบเจ้านายแล้วไปทำงานได้แล้ว อีกไม่นานท่านก็เข้ามาทำงานในบริษัทครั้งแรก ถ้าไม่อยากโดนไล่ออกก็หมั่นทำตัวให้ถูกกาลเทศะ”
“ค่ะ คุณอเนก”
พนักงานสาวต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่การงานของตน อีกไม่นาน อธิป ประธานบริษัทโรงแรงชื่อดังก็เข้าทำงานในวันแรก พนักงานฝ่ายต่างๆ ต่างวุ่นกับการเตรียมตัวต้อนรับในตอนเช้า
“คุณอธิปมาแล้ว ~”
“ยินดีต้อนรับ คุณ อธิป ท่านประธานบริษัทคนใหม่ พวกเราจะตั้งใจทำงานเป็นอย่างดี”
พนักงานฝ่ายๆหยุดกึกการกระทำของตัวเอง ก่อนจะโค้งเคารพให้กับท่านประธานหนุ่มคนใหม่ อธิป โค้งตอบ ก่อนจะยิ้มให้กับพนักงานทุกคนตั้งแต่แม่บ้านยันผู้จัดการฝ่ายต่างๆ เขาดูเป็นมิตร ภายใต้ใบหน้าอันหล่อเหล่า แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า ความเป็นมิตรนั้นกลับซ่อนความเจ้าเล่ห์ซุกซนและมีเสน่ห์เต็มเปี่ยม
“ขอบคุณทุกคนที่มาต้อนรับผมในวันนี้ ผมก็จะทำงานให้ดีที่สุด ให้สมกับทุกคนที่ให้ความไว้วางใจ และเพื่อบริษัทของเรา J GROP”
“คุณอเนกครับ ช่วยพาผมไปห้องทำงานด้วยครับ”
“ครับ พนักงานทุกคนแยกย้ายไปทำงานก็ตนซะ”
“วันนี้อาจจะเหนื่อยหน่อยนะ สำหรับการทำงานวันแรกของหลาน”อเนกชายวัยกลางคนกล่าว คุณพ่อคุณแม่นับถือคุณลุงอเนกเหมือนญาติคนเก่าคนแก่คนหนึ่ง เช่นเดียวกับอธิปที่ให้ความนับถือกับคุณลุงคนนี้เช่นเดียวกัน
“ครับ ผมไม่ได้จบการโรงแรมมา แต่ก็จบเกี่ยวกับงานธุรกิจ การบริหาร ก็น่าจะพอประคับประคองไปได้”อธิปกล่าว
“ครับ หลังจากที่คุณท่านทั้งสองเสียไป บริษัทและโรงแรมในเครือของเราซบเซาลงไป จึงต้องการพนักงานใหม่จำนวนหนึ่ง โชคดีช่วงนี้งานในบริษัทไม่เยอะมาก หลานก็ดูๆงานไปก่อนละกัน”
“ครับ”
“งั้น อาไปดูแลงานก่อนนะ”
“ครับ ขอบคุณครับอา”
เมื่อผู้เป็นอาได้ออกไปแล้ว อธิปจึงผ่อนคลาย เดินมองไปรอบๆที่ทำงานของตน ช่วงเช้างานก็ไม่เยอะมาก จะทำอะไรดี น่าเบื่อชะมัด
“คุณ..เอ่อ…อ้าวเลขาหายไปไหน งั้น นี่คุณ นาย…นายอะ”
“ผมเหรอ?”ชายหนุ่มชุดพ่อบ้านชี้มือที่หนาอกอย่างงงๆ ก่อนจะเดินก้มหน้าเข้าไปหา คาดว่าคนตรงหน้าจะเป็นท่านประธานคนใหม่ หากทำอะไรไม่พอใจ กลัวว่าจะโดนไล่ออกตั้งแต่เสียงันแรก
“นาย..ช่วยไปชงอะไรเย็นๆให้ฉันดื่มหน่อยสิ อืมม กาแฟเย็นก็ดีนะ ไม่ต้องใส่น้ำตาลเยอะ”
“เอ่อ…”
“ขนมด้วยก็ดี ตอนเช้าฉันรีบยังไม่ได้ทานอะไรมา ผมกำลังคุยกับคุณ ทำไมคุณถึงได้หลบตาผมหล่ะ !?” ประธานหนุ่มเปลี่ยนน้ำเสียงส่อแววไม่พอใจนัก เมื่อชายหนุ่มตรงหน้ามัวแต่ก้มหน้าก้มตา เขามองสำรวจคนตรงหน้า ฝ่ายชื่อพนักงานเขียนไว้ว่า ‘วริณ’ ฝ่ายพ่อบ้านที่แท้ก็พวกทำความสะอาดนี่เอง
“ผมต้องเงยหน้าด้วยเหรอครับ?”วริณตอบ แต่ไม่ได้มีเจตนาต่อล้อต่อเถียง เพียงแต่ไม่เข้าใจ พี่ๆเขาบอกว่าถ้าให้คุยกับคนแปลกหน้าให้หลบตาเขาไว้ พอเราจ้องก็หาว่าเราหาเรื่อง พวกชั้นสูงๆหรือพวกรวยๆเขาชอบถ้าเรื่องคนจนๆอย่างเรา
ผยอง !
อธิปคิดแต่ก็ยังยิ้มไว้เช่นเดิมเมื่อคนตรงหน้ามีท่าทีนิ่ง หลบตา ไม่รู้อะไรดลใจให้เขายื่นมือไปเชยคางเรียวของคนตรงหน้าขึ้น แววตาแสดงถึงความตะหนกตกใจอย่างชัดเจนเมื่อเขาสัมผัสกับใบหน้าของพนักงานหนุ่ม
“ทีหลังเวลาคุยกับผม ช่วยเงยหน้าขึ้นด้วย !...นะครับ”
“ออ ครับๆๆ ปล่อยผมเถอะครับ ผมเสียมารยาทต้องขอโทษด้วย”วริณเอ่ยอย่างร้อนรน ถึงใบหน้าเขาจะเงยขึ้นแต่ สายตาของเค้าไม่กล้าแม้แต่จะจับจ้องที่ใบหน้าของอธิป ไม่ใช่อะไร กลัวโดนไล่ออกตั้งแต่ไม่ทันได้เริ่มทำงานมากกว่า
“ไปได้แล้ว อย่าลืมกาแฟ กับขนมผมด้วยนะ คุณวริณ”
“ครับๆ เรียกผมว่าวริณเฉยๆก็ได้ครับ…”
ชายหนุ่มยืนค้าง เมื่อพบว่าหัวหน้าของเขาเข้าไปในห้องทำงานเสียแล้ว แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา ถึงเขาจะเป็นพ่อบ้าน แต่มีหน้าที่แค่ทำความสะอาดไม่ใช่เหรอ เขาคงชงกาแฟให้ถูกปากท่านประธานไม่ได้หรอก ซวยยิ่งกว่าซวยเสียอีก ! วริณคิดก่อนจะเดินเข้าไปในห้องชงเครื่องดื่มและขนม
“มันก็แค่ชงๆไปนั้นแหละ...”วริณบ่นกับตัวเอง ยกแก้วกาแฟเย็นขึ้นเสริ์ฟพร้อมกับขนมหลายชนิดไม่รู้ว่าท่านประธานชอบกินอะไรเขาจึงยกไปหลากหลาย วริญหยุดอยู่ตรงที่หน้าประตู วางถาดลงกับโต๊ะเลขา ก่อนจะยกมือเคาะประตูห้อง เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอนรับเขาจึงลองบิดลูกปิดประตู ประตูไม่ได้ล็อค เขาจึงค่อยๆยกถาดเครื่องดื่มกับขนมเข้าไปอย่างระมัดระวัง อธิปกำลังขะมักเขม้นกับงานชิ้นแรกที่ตนได้รับมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อ มือเล็กๆของพ่อบ้านมือใหม่ยกแก้วกาแฟเย็นๆตรงหน้าเขาพร้อมขนม
“ผมเป็นพ่อบ้าน ฝ่ายทำความสะอาด อาจจะชงกาแฟไม่อร่อยนัก แต่วันนี้ผมเพิ่งเข้ามาทำงานวันแรก หากท่านมีอะไรไม่ชอบใจ ก็อย่าเพิ่งไล่ผมออกเลยนะครับ”วริณก้มหน้า อธิปแทบจะพ้นกาแฟออกมาเมื่อได้ยินคำกล่าวสำนึกผิดของวริณ ที่จริงกาแฟมันก็อร่อยอยู่หรอก แต่คนตรงหน้านี่สิ ทำให้เขาสำนักจนแทบจะไม่อยากดื่มต่อ
“แค่กๆ…ผมไม่ไล่คุณออกเพราะเรื่องแค่นี้หรอก สงสัยผมจะผิดที่ใช่งานคุณผิดประเภท งั้นคุณก็มาช่วยทำความสะอาดห้องทำงานผมหน่อยสิ ผมว่าฝุ่นมันเยอะนะ”
“ครับ งั้นผมขอตัวไปเอาอุปกรณืทำความสะอาดก่อนแล้วกัน”วริณโค้งเป็นการเคารพก่อนจะเดินออกจากห้อง อธิปจะยิ้มไม่หาย เมื่อเห็นท่าทีและคำพูดของวริณที่ไม่มีอารมณ์ชวนให้ขำและก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ วริณเป็นคนแปลกที่คนอย่างอธิปไม่เคยเจอ ดูตรงไปตรงมาดี แม้แต่แวววาก็ยังดูไร้เดียงสา ไม่มีพิษภัย
“คุณอธิปมีอะไรเรียกใช้ อริสาเหรอค่ะ”
“ผมอยากให้คุณไปหาประวัติเกี่ยวกับ วริณมาให้ผมหน่อย”
“วริณ พนักงานคนที่เพิ่งออกไปตะกี้เหรอค่ะ”เลขาสาวขึ้นเสียงสูงถามอย่างไม่แน่ใจ
“ครับ ทำไมเหรอ”
“ออ ปล่าวค่ะ แค่แปลกใจที่ท่านประธานให้ความสนใจกับแค่พ่อบ้านธรรมดาคนหนึ่ง”เธอตอบอย่างมั่นใจ อธิปยิ้มเยาะในความหยิ่งของเธอ ท่าทางแบบนั้นกลับทำให้ความสวยของเธอดูด้อยลง
“ครับ แต่คุณอริสาคิดแบบผมไหมครับ ว่าเขาก็หล่อดี”
“แหม น่าเสียดายนะค่ะ หน้าตาเขาก็จัดว่าหล่อ เดี๋ยวฉันจะจัดการให้นะค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ผู้หญิงก็เป็นซะอย่างนี้ ตัดสินผู้ชายอยู่ที่เงินกับหน้าตา
ก๊อก ก๊อก ๆ
“เชิญ”
ครืดด…
“คุณ…ออกไปก่อนก็ได้ครับ ผมจะรีบทำความสะอาดให้”
“ผมอธิปครับ เดี๋ยวนี้พนักงานเค้าไล่ท่านประธานกันด้วยเหรอ”อธิปแกล้ง วริณส่ายตัว รีบขอโทษขอโพย
“ปล่าวนะครับ ผมไม่ได้จงใจจะไล่คุณ ผมกลัวว่าพวกฝุ่นจะทำให้คุณไม่พอใจ…”
“ไม่เป็นไร อยากทำไรก็ทำไปเถอะ”
“งั้นผมขอตัว เช็ดกระจกนะครับ”
“อืม”
วริณเช็ดกระจกบานใหญ่หลังโต๊ะทำงานของอธิป ที่จริงห้องทำงานของท่านประธานก็ถูกทำความสะอาดมาอย่างดีแล้ว ไม่รู้อธิปอยากจะยุ่งกับเขาไปทำไม วริณเช็ดไปได้แค่คิด หรือว่าตนทำอะไรไม่ถูกใจอธิปเขาถึงอยากแกล้ง ปกติพวกคนใหญ่คนโตเขาไม่ลดตัวมาคุย หลอกล้อกับพ่อบ้านทำความสะอาดหรอก วริณส่ายตัวช้าๆ หรือว่าเขาจะมองโลกในแง่ร้ายไปเสียแล้ว
“เที่ยงแล้ว ออกไปหาอะไรทานกันไหม?”
.
.
.
“นี่คุณ !!”
“หา ! ครับ”วริณตกใจตัวโยน อยู่ๆท่านประธานก็ขึ้นเสียง อธิปตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีหวาดหวั่นของวริณ ก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน ตรงเข้าไปหาชายหนุ่มที่กำลังเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่ ท่าทีของชายหนุ่มดูอ่อนล้า เพราะทำงานติดต่อกันมาหลายชั่วโมง เพราะเขาแท้ๆที่แกล้งให้วริณเข้ามาทำงานจนลืมไปว่ามีพ่อบ้านหนุ่มอยู่ในห้องด้วย
“คุณทำงานเรียบร้อยดีนะ ขอโทษทีที่ใช้งานคุณหนักไปหน่อย งั้นลงไปหาไรกินกันเถอะ”
“ไม่เป็นไรครับ งานสบายๆดี ผมยังไม่หิว คุณ…ลงไปก่อนเถอะ”
“อธิปครับ อย่ามากเรื่องเลย ออกไปหาไรกินกันเหอะ”
“ครับคุณอธิปแต่ผมไม่หิวจริงๆ”
เล่นตัว !
นี่รึเปล่าคำที่ผู้ชายชอบใช้บ่อยๆกับผู้หญิงที่ชอบบ่ายเบี่ยงเล่นตัว แต่คนตรงหน้าเป็นบุรุษเพศชาย แล้วเขาจะมาสนใจทำไม
“หาอะไรทานด้วยหล่ะ”
“ครับ”
อธิปออกจากห้องด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ วริณเข็นรถทำความสะอาดออกจากห้องท่านประธาน
เข็นไปเก็บที่ห้องอุปกรณ์ก่อนจะลงลิฟท์ลงไปยังชั้นล่าง ด้วยความหิว แต่ร้านอาหารที่โรงแรมค่าอาหารมันแพงไปหน่อย เขาจึงต้องออกไปกินร้านข้างปากทางด้านอก ราคาประหยัด อร่อย แถมยังอิ่มดี
“คุณอธิปค่ะ ดิฉันได้จัดการเรื่องประวัติส่วนตัวของนายวริณแล้วนะค่ะ เอกสารตามแฟ้มนี้เลยค่ะ”
“เร็วดีจริงๆนะครับ ขอบคุณมากครับ”
“ค่ะ ไม่เป็นไร ท่านประธานสั่งอะไรมาฉันก็ต้องทำเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”
“ครับ”อริสาเดินเฉิดฉายออกจากห้อง อธิปเปิดแฟ้มประวัติของวริณดูอย่างรีบร้อน เขาไล่สายตาไปเรื่อยๆ เมื่อในใบประวัติได้เขียนไว้ว่า วริณได้มีบุตรชายวัย 8 ปีแล้ว แต่ไม่ยักจะมีชื่อภรรยาหรือว่าจะเป็นม้ายหนุ่มเขาคิด อ่านลงไปเรื่อยๆ จนได้ทราบว่าวริณเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก อย่างนี้นี่เอง คงจะลำบากพอดูเลยสินะ แต่ผู้ชายอย่างวริณจะมีอะไรพิเศษให้เขาสนใจกัน อธิปโยนแฟ้มประวัติลงอย่างเมินเฉย ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงาน
พิมพ์เสร็จเร็วเกินคาด แอบมานั่งพิมนิยายต้องไปอ่านหนังสือล่ะ ฝากติดตามเน้ออ
