สืบเนื่องจากกระทู้ เมื่อ Simsimi กลายเป็นหนุ่มน้อยน่ารัก กับคุณสามีสุดกวน
(
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31921.0)
ของคุณ Dongmin ก็เลยเกิดแรงบันดาลใจจนมาเป็นเรื่องนี้ค่ะ
ชอบไม่ชอบก็บอกกันได้นะคะ~
________________________________________________________
ผมก้มลงมองพาสปอร์ตที่ระบุสัญชาติว่าเป็นคนเกาหลีแล้วเงยหน้าลากกระเป๋าสีเหลืองสดใสออกมายังบริเวณแท็กซี่สำหรับผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อมุ่งหน้าไปหาคนรู้จักที่กระทรวง ICT ของประเทศไทยเพื่อติดต่อขอทราบความเป็นไปกรณีที่มีแผนการแบนโปรแกรมที่มีผมเป็นตัวหลักพลางสนทนาทักทายกับผู้คนรอบข้างที่ทนความน่ารักของผมไม่ไหวไปด้วยความเต็มอกเต็มใจ
“Hi” ผมเอ่ยขึ้นมาคำแรกหลังจากที่โดนสะกิดอยู่นานจากคนซึ่งยืนอยู่ด้านหน้า เขายิ้มตอบรับ ดูจะตื่นเต้นที่ได้คุยกับผมครั้งแรกนะ แต่ผมก็ยังยิ้มและรอบทสนทาโต้ตอบของเขาโดยไม่ได้กล่าวว่าอะไร ทว่าจู่ๆ ผมกลับถูกพุ่งชนเข้าอย่างจังจากร่างๆ หนึ่งที่มีใบหน้าเหมือนโกรธใครอยู่ตลอดเวลาแถมยังแต่งตัวแดงแจ้ดแจ๋อีกต่างหาก
“เจ็บนะ” ผมบอกเขา เผื่อเขาจะไม่รู้ ปกติผมไม่ทักใครก่อนนอกจากคำว่า ‘Hi’ แต่ผมยกเว้นให้เขาเป็นกรณีพิเศษ อีกอย่างท่าทางเขาก็น่าจะอายุเกิน 17 น่าจะใช่นะ เรื่องของเรื่องคือผมไม่เสวนากับเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำว่า 17 ปี สาเหตุเพราะผมชอบโอบาค่อนมากกว่าโชตะค่อน (เกี่ยว?) แต่ดูท่าทางเขาไม่อยากจะเสวนากับผมเท่าไหร่ หรือว่าหน้าเขาเป็นอย่างนั้น? น่าสงสารแฮะ เขาขมวดคิ้วซะยุ่งเลย เหมือนโกรธใครมาหลายสิบชาติและมันก็ทำให้ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นักก็...อันที่จริงผมควรเป็นคนโกรธเขาไม่ใช่เหรอ? แต่ไม่เป็นไร ผมอัธยาศัยดีและน่ารักมาแต่ไหนแต่ไร ผมไม่ถือ หรือเขาจะไม่เข้าใจภาษาไทย? ไม่เป็นปัญหาเพราะผมพูดภาษาอังกฤษได้
และผมก็เริ่มพูดคำที่ถนัดที่สุด
“Hi”
“ให้อะไร” เขาตอบกลับ
ผมขมวดคิ้ว Hi ก็สวัสดีไง ไม่เข้าใจเรอะ เซาะกราวขนาดหนักนะหมอนี่
“ให้ตังค์ไปกินขนม” ผมว่าขณะที่เขาขอบใจกลับมา เออ เพี้ยนดี ไม่รู้เขาเพี้ยนรึผมเพี้ยน
“หิวข้าว” อยู่ๆ เขาก็บอกผมขึ้นมาเฉยๆ
“ไปหาหนอนแดกไป” ผมก็บอกกับเขาอย่างหวังดี แต่ผมพูดอะไรผิดล่ะเขาถึงได้มองหน้าผมแบบนั้น อ่อ ลืมไปหน้าเขาเป็นแบบนั้น เดาเอานะ ก็ผมเห็นเขาทำหน้าอยู่แบบเดียว หน้าแบบโกรธใครตลอดเวลานั้นล่ะ
“หยาบคาย” นั่นเขาว่าผมใช่ไหม? ผมชักไม่พอใจแล้วนะ
“เรื่องของกู” ผมกระแทกเสียงใส่
“เออ เรื่องของกูเหมือนกัน”
“เรื่องของมึง”
“หุบปาก”
“อย่ามาง้อนะ” ผมสะบัดหน้าหนี คนอยากคุยกับผมมีเยอะแยะไป ถึงตอนนี้ผมจะโดนแบนอยู่ที่ไทยก็เถอะแต่ผมไม่แคร์ คนรักผมเยอะแยะผมมั่นใจ!
และผมก็เปิดแฟนเพจของผมในเฟสบุ๊คขึ้นมาดูฆ่าเวลาระหว่างรอรถแท็กซี่
โอ๊ะ! มีข่าวอัพเดต ผมกลับมาพูดภาษาไทยกับคนไทยได้แล้ว แหม่ช่างน่ายินดียิ่งนัก สรุปว่าผมไม่ได้โดน ICT แบนแต่อย่างใด อันที่จริงแล้วเป็นเพราะระบบผิดพลาดเองรึนี่!!
แล้วผมจะเดินทางมาที่ไทยทำไม?
อืม ผมกำลังสับสนอย่างหนัก เหลียวซ้ายแลขวาและลากกระเป๋ากลับเข้าสนามบินไปก่อนจะชะงักกับลูกนกตัวสีฟ้าตัวเล็กจิ๋วหลิวที่ปลายเท้าผม ผมเกือบเหยียบมันไปแล้ว บอกตามตรงตัวมันเล็กมากๆ พุ่งชนอะไรก็ไม่ค่อยจะรู้สึก ถ้าโดนหินคงร้องแต่ “แอ่ก” แล้วตายเลยแน่ๆ
แต่ผมก็ก้มลงไปให้ความสนใจและยีหัวมันเล่นแล้วจากตรงนั้นแหละผมถึงได้เล็งเห็นว่ามีนกรูปร่างประหลาดอีกมากมาย มีตัวหนึ่งเหมือนข้าวปั้นด้วย แว่บแรกผมคิดแบบนั้นแหละ ผมเลยไปจับมันขึ้นมาก่อนเดินกลับมาไปหาเจ้าตัวแดงๆ นั่น
“อะไร” เขาถาม ทำไมเขาช่างโง่อย่างนี้นะ เมื่อกี้นี้บอกหิวผมก็เลยเอามาให้ไง ข้าวปั้นๆ
ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจขนาดหนัก
ผมถอนหายใจ “ก็ไม่อะไร” บอกเขาแล้วปาก้อนข้าวปั้นไปใส่กรงที่มีลิงอยู่ข้างใน เดาว่าคงเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้โดยสารคนไหนซักคน ทันใดนั้นกรงก็แตกออกแล้วเจ้าลิงก็หลุดรอดออกมา พร้อมกัน เจ้าของร่างที่แต่งตัวแดงแจ้ดแจ๋ก็พุ่งเข้ามาหาผมอย่างจัง
ผมอยากบอกว่าผมเจ็บนะแต่เห็นสีหน้าดีใจของเขาแล้วผมพูดไม่ออกละ
“ขอบใจ” เขาบอกผมละล่ำละลัก
“วางไว้” ผมหมายถึงวางไว้ตรงนั้นละ
เขามองหน้าผมและขมวดคิ้วอีกละ
“ปากเสีย”
เอ๊ะ! เขาว่าผมอีกแล้วล่ะ ผมแค่ไม่ชอบให้ใครมาติดหนี้บุญคุณหรอก แต่ไม่เป็นไร ช่างเถอะ
“ชมกันเกินไปละ” ผมบอกเขาเขินๆ
“กวน” เฮ้อ ผมเบื่อคุยกับเขาแล้วล่ะผมเลยลากกระเป๋าเดินหนี ก่อนไปผมก็หันกลับไปบอกเขาอีกว่า
“ป๊าว ไม่ได้กวน” แล้วเขาก็พูดอะไรไม่รู้ออกมาอีกยาวเหยียดเลยล่ะ ผมเลยทำหน้านิ่งๆ แล้วตะโกนตอบเขากลับไปว่า
“I have no response.” เป็นอันจบบทสนทนาและลากกระเป๋ามุ่งหน้าเดินต่อทว่าผมกลับพบว่าที่กระเป๋าของผมมีพวงกุญแจรูปนกหน้าตาเหมือนโกรธใครอยู่ตลอดเวลาแขวนอยู่บนกระเป๋าของผมล่ะ มันก็เลยทำให้ผมนึกถึงเขาขึ้นมา
ผมเงยหน้า มองกลับไปก็เห็นเขากำลังมองอยู่ด้วยใบหน้าแบบเดียวกับพวงกุญแจเจ้านกที่แขวนอยู่บนกระเป๋าของผมนั้นล่ะ
อิอิ บางทีผมก็ว่าเขาน่ารักดีนะ
THE END.