ตอนที่ 13ผมละอยากจะบ้าตาย ไม่รู้ว่าไอ้หมอภีมบ้านั่นมันจะตามหาผมจนเจอ ผมรึอุตส่าห์รีบออกมาก่อนมันจะกลับและตั้งใจไม่เอาโทรศัพท์ที่มันทิ้งไว้ให้มาด้วย แต่มันก็สามารถตามหาผมจนเจอและที่สำคัญดันมาเจอกับบรรดาเพื่อนสนิทผมครบเซ็ทซะด้วย ได้เห็นมันที่ร้านอาหารก็ตกใจมากครับแต่หนีไม่ได้ต้องฝืนนั่งให้ไอ้พวกเพื่อนๆมันจ้องจับผิด และมันก็ดันทำเป็นเก่งปากดีจะแสดงตัวด้วยว่าผมกับมันมีอะไรมากกว่าแค่คนรู้จัก ซึ่งผมว่าเพื่อนผมมันต้องสงสัยมากและการที่ ‘มน’ คู่ซี้ผมไล่ผมกลับบ้านแต่กลับรั้งตัวไอ้หมอภีมไว้นั้น มนคงซักมันจนขาวแล้วแน่ๆครับ โธ่ชีวิตผมล่ะหมดกันความหนุ่มแน่นที่มีมาถูกพรากไปโดยผู้ชายถึกๆคนหนึ่งพยายามจะปิดและลืมๆมันไปแต่ก็ถูกบรรดาเพื่อนๆมันรู้เข้าจนได้ ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนครับเนี่ย พวกมันไม่ล้อผมยันลูกผมบวชเลยเหรอครับ
“ไอ้ธีมึงจะถอนใจไปถึงไหน ปลงเถอะวะไหนๆก็ไหนๆแล้ว ฮึๆๆ” เสียงห้าวปนขำของไอ้วินที่ขับรถอยู่ดังขึ้นทำลายความหมกมุ่นของผมซะกระเจิง แต่เดี๋ยวนะครับไอ้ที่มันพูดนี่หมายความว่ายังไง ไอ้ที่ว่าไหนๆก็ไหนๆของมันเนี่ยแล้วอะไรคือไหนของมันวะครับ ผมที่กำลังงงปนมึนเพราะพิษไข้อ่อนๆยังไม่ทันตอบอะไรจนกัสแฟนมันแทรกขึ้นมา
“วิน อย่าพูดแบบนั้นกับธีซิ ธี กัสว่าตอนนี้อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะครับ ค่อยๆคิดเรื่องหมอภีมก็ได้ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วกัสว่าหมอภีมก็เป็นคนดีนะ ธีลองพิจารณาหมอภีมดูก็ไม่เสียหายหรอกครับ พวกเราเข้าใจธีเสมอ วิน! หัวเราะทำไมกัสพูดอะไรผิด”
“ฮ่าๆๆ ที่รักพูดไม่ผิดหรอกครับ ไอ้ธีที่กัสของกูพูดน่ะมึงเอาไปคิดซะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ฮึๆๆ”
ทีแรกที่ได้ฟังไอ้คู่รักที่นั่งด้านตอนหน้าของรถผมก็ยังงงๆอยู่นะครับ แต่ก็เริ่มคิดได้ที่ว่าไหนๆของพวกมันน่ะคืออะไร ไอ้พวกนี้มันจับทางเรื่องผมกับไอ้หมอภีมนั่นได้จริงๆด้วย ผมเลยคิดจะโวยวายปฏิเสธไว้ก่อนแต่ก็โดนขัดจนได้
“มึงไม่ต้องคิดจะปฏิเสธ นี่กูเพื่อนสนิทมึงนะอย่าลืม กูเห็นสภาพมึงวันนี้ที่มีรอยจูบเต็มคอขนาดนั้นกับอาการของหมอภีมกูก็รู้แล้ว” ผมได้แต่มองไอ้วินมันตาโต เราสบตากันผ่านกระจกหลังสายตาของมันที่ผมกลัวว่าจะได้เห็นร่องรอยหยอกล้อนั้นกลับไม่มีอย่างที่คิดไว้ แต่สายตาของไอ้วินมีแต่ความจริงจังและเข้าใจ มันทำเอาผมจุกหุบปากไม่กล้าปฏิเสธคำของมันเลยครับ
“มึงอย่าห่วง ถ้าไอ้หมอภีมนั่นไม่ดีจริงวันนี้มันโดนไอ้มนกระทืบอยู่ที่ร้านแน่ๆ แต่ถ้ามันผ่านด่านไอ้มนและเพื่อนของเรากูว่า..........มึงลองพิจารณาดูก็ไม่เสียหายนะ กูเชื่อว่าลึกๆมึงคงไม่รังเกียจไอ้หมอนั่นหรอกเพราะไม่อย่างนั้นไอ้รอยพวกนั้นมันคงไม่มีแน่ๆ มึงว่ามั้ย แต่ยังไงพวกกูอยู่ข้างมึงอยู่แล้ว พวกกูเพื่อนมึงนะโว้ย”
ผมฟังประโยคยาวๆของไอ้วินพลางคิดตามสิ่งที่มันพูด อยากจะค้านมันอยู่ว่ามันคิดผิดเพราะผมก็แค่เมาเลยเกิดเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้น แต่ใจลึกๆนั้นรู้ครับว่าไอ้เพื่อนสนิทคนนี้ของผมมันรู้ใจผมจริงๆหรืออาจจะรู้ดีกว่าตัวผมเองด้วยซิ ผมก็ได้แต่นั่งนิ่งมาตลอดทางโดยไม่ได้ตอบโต้อะไรไอ้วินต่อเลยครับ จนรถมาจอดหน้าบ้านตัวเองผมที่กำลังเปิดประตูรถก็ต้องชะงักเพราะเสียงหวานๆ
“ธีค่อยๆคิดนะครับ อย่าคิดมาก กัสว่าคืนนี้หน้าตาธีไม่ค่อยดีเลยหายาทานและนอนพักเยอะๆนะครับ” กัสน่ารักแบบนี้นี่เองไอ้วินเพื่อนผมมันถึงไปไหนไม่รอด เฮ้อ ถ้าผมได้แฟนน่ารักๆแบบกัสก็คงไม่ต้องคิดมากแบบนี้หรอกมั้งครับ
“ขอบคุณนะครับกัส แต่ถ้าให้ดีได้พยาบาลน่ารักๆแบบกัสเนี่ย ธีคงหายเร็วขึ้น” ผมไม่อยากให้กัสเป็นห่วงมากเลยเอ่ยปากแซวซะเลย แต่ดันลืมไปว่าเจ้าของเขาหวงครับ
“ลามปามนะมึงนี่เมียกู ไอ้ธีมึงไม่ต้องอยากได้พยาบาลหรอกกูว่าเอาหมอดีกว่าหายเร็วกว่ากันเยอะ เอามั้ยเดี๋ยวกูโทรตามหมอภีมมาให้”
“ไอ้เชี่ยวิน กูแค่ล้อเล่น แต่มึงแม่ง!! เออๆไปเลยไป ขอบใจที่อุตส่าห์มาส่ง กัสครับฝันดีนะครับฝันถึงธีบ้างน้า ฮ่าๆๆ” ผมอดหยอดแฟนเพื่อนไม่ได้ครับ ก็ไอ้วินมันดันปากมากเองผมก็ขอกวนมันนิดหน่อยก่อนปิดประตูรถมันและเดินหนีเข้าบ้าน แต่ผมก็แว่วเสียงมันเจริญพรใส่ผมด้วยครับ ขำมันไอ้คนหวงเมียกับเพื่อนสนิทแท้ๆก็ไม่ยังเว้น
ผมเข้าบ้านมาไม่เจอใครสงสัยเฮียธัชจะยังไม่กลับแต่ก็ดีแล้วครับถ้าเจอเฮียตอนนี้ผมโดนเฉ่งเรื่องงานแน่ๆโทษฐานทิ้งงานไม่บอกกล่าว ผมเดินไปเอายาแก้ไข้มากินรู้สึกได้ว่าตัวเองจะยังมีไข้อยู่ ดีที่เมื่อเช้าไอ้หมอภีมมันจัดยาให้ชุดใหญ่ไม่งั้นผมแย่แน่ๆครับ อยู่ๆก็นึกถึงหน้าหล่อๆของมันขึ้นมาผมไม่อยากจะคิดว่าตอนนี้มันจะโดนมนทำอะไรบ้าง ตอนที่อยู่ที่ร้านอาหารมนน่ากลัวมากเลยครับผมที่เป็นเพื่อนคู่ซี้ยังไม่กล้าสบตาเธอเลย หวังว่าไอ้หมอภีมจะไม่เป็นอะไรนะครับ แต่ทำไมผมต้องเป็นห่วงมันด้วย ‘เลิกคิดครับเลิกคิด’ ผมพาตัวเองกลับขึ้นห้องจัดการอาบน้ำและพยายามไม่ส่องกระจกเพราะไม่อยากเห็นร่องรอยที่กระจายอยู่ทั้งตัว มันพาลให้นึกถึงที่มาของร่องรอยพวกนั้นครับ และผมก็พยายามฝืนความง่วงจากฤทธิ์ยาพาตัวเองมานอนบนเตียงที่คุ้นเคยได้ แต่เหมือนมันจะต่างจากที่เคยเพราะอะไรกันทำไมมันไม่อุ่นเหมือนเดิม ทั้งๆที่ผมก็ห่มผ้าไว้ทั้งตัวแล้ว แต่ด้วยฤทธิ์ยาทำให้ผมไม่สามารถหาคำตอบได้ และภาพสุดท้ายที่อยู่ในหัวผมก็คือภาพรอยยิ้มสว่างสดใสของใครบางคนพร้อมคำพูดที่ผ่านหูมาเมื่อคืน
‘ให้พี่รักธีนะครับ’
.............................................................
เช้านี้ผมตื่นเต็มตาด้วยความกระปรี้กระเปร่ามีเจ็บจี๊ดที่สะโพกบ้างเมื่อก้มหรือเอี้ยวตัวเร็วๆ ซึ่งทำให้ผมต้องคิดถึงไอ้คนที่เป็นต้นเหตุไม่ได้ อยากจะให้ร่างกายหายเป็นปกติซะทีจะได้ไม่ต้องคิดถึงมันอีก ผมมาทำงานพร้อมเฮียธัชเพราะโดนเฮียลากให้มาด้วยและโดนบ่นไปตามระเบียบในเรื่องไม่รับผิดชอบงานลาโดยไม่แจ้ง ผมก็นั่งทำหน้าหงอยๆฟังเฮียไปและก้มหน้ายอมรับผิด ถ้าขืนแก้ตัวและโดนจับได้ว่าเพราะอะไรที่เป็นสาเหตุที่แท้จริงให้ขาดงานล่ะก็มีหวังเรื่องใหญ่แน่ๆครับ กว่าจะถึงบริษัทผมก็แทบไข้กลับก่อนรีบขอตัวแยกมาห้องทำงานตัวเอง ผมนั่งทำงานไปเรื่อยเมื่อได้เวลาก็เข้าโรงงานไปดูแลการผลิตและคุยกับพนักงานสอบถามเรื่องทั่วไปหรือมีปัญหาอะไรก็จะช่วยแก้ไขให้ทันทีถ้าทำได้ ไม่ต้องรอผ่านขั้นตอนที่สำนักงาน จนได้เวลาเที่ยงเลขาผมก็เดินมาตามตัวถึงที่ว่าเฮียธัชตามตัว เฮียธัชคงโทรเข้ามือถือผมแล้วไม่ติดนั่นแหละครับ สงสัยผมต้องหาเวลาไปเดินซื้อเครื่องใหม่ซะแล้ว ช่างหัวเครื่องเดิมที่อยู่กับไอ้บ้าภีมมันไปครับ
“เฮียตามตัวผมทำไมจะเลี้ยงข้าวเหรอคร้าบบบบบ” ผมเปิดประตูห้องเฮียธัชได้ก็กวนอารมณ์เฮียเลยครับอยากให้ตกใจเล่น แต่ดันเป็นผมเองที่ต้องตกใจยืนนิ่งตาค้างตรงประตู
“อ้าวไอ้นี่มาถึงก็เสียงดังเลย เฮียไม่ได้จะเลี้ยงหรอกแต่มีคนมาให้เป็นเจ้ามือถึงที่ว่ะ” เฮียธัชที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเงยหน้ามามองผมหลังพูดจนจบประโยคแล้ว จึงพอมีเวลาให้ผมปรับตัวให้เป็นปกติและเดินหนีไปนั่งที่โซฟาที่อยู่ถัดไป แทนการไปนั่งคู่กับไอ้คนที่ทำผมตกใจ
“ว่าไงครับธี สบายดีมั้ย” คำถามมาพร้อมรอยยิ้มกว้างของไอ้หมอภีมทำเอาผมต้องตั้งสติ และหันไปอีกทางไม่มองหน้ามันครับ ไม่รู้มันจะมาอีกทำไมแต่ดูท่าทางเมื่อคืนเพื่อนๆผมมันคงไม่ได้ทำอะไรไอ้หมอภีมมันครับ ใบหน้ายังใสไร้รอยฟกช้ำมากล้ำกราย
“ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่หน่า เฮียธัชผมเพิ่งคิดได้ว่ามีงานที่โรงงานเดี๋ยวผมขอตัวดีกว่า” ผมว่าผมไม่ไปกับเฮียธัชดีกว่าครับ กลัวใจตัวเองว่าจะเผลอใจไม่ใช่ล่ะ ว่าจะเผลอตัวเตะปากไอ้หน้าหล่อที่ยิ้มไม่หุบอยู่ได้
“เฮ้ย อะไรธี นี่พักกลางวันยังไงก็ต้องกินข้าว เรื่องงานน่ะเอาไว้ก่อน ทีเมื่อวานนี่โดดงานไปกับสาววันนี้นึกจะขยันอะไรขึ้นมา” เฮียธัชบ่นคิ้วขมวดเลยครับเพราะที่บ้านผมถือว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้องห้ามอดข้าวเด็ดขาด ผมแอบเหล่ตาไปทางไอ้หมอภีม แอบเห็นว่ามันหัวเราะผมด้วยตอนที่เฮียธัชดุผม
“ธัชงั้นเรารีบไปเถอะว่ะ ธีจะได้รีบกลับมาทำงานต่อ” ไอ้หมอภีมมันหันไปคุยกับเฮียธัชและดูท่าทางเฮียผมจะเห็นด้วย หรือว่าเฮียธัชเห็นแก่ของฟรีเหมือนผมวะครับ แต่งานนี้ผมไม่อยากไปเลยอึดอัดใจชอบกลครับ แต่คงขัดใจเฮียไม่ได้แล้ว เฮียจะรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าเปิดโอกาสให้เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อของตัวเองเข้าหาน้องชายอยู่ ผมก็ได้แต่คิดเพราะพูดไม่ได้ครับ
พวกเราจึงมานั่งกันที่ร้านอาหารเล็กๆหน้าโรงงาน ร้านนี้เป็นร้านประจำของผมครับอาหารอร่อยราคาเหมาะสมแถมใกล้โรงงานด้วย คนเยอะครับส่วนใหญ่ก็บรรดาพนักงานโรงงานผมทั้งนั้น แต่ผมน่ะระดับแขกวีไอพีมีโต๊ะประจำที่เจ้าของเค้าจะกันไว้ให้เป็นพิเศษ เพราะความที่มาบ่อยและสามารถตีซี้สาวเจ้าของร้านไว้ได้ครับ ก็หน้าตาพี่สาวออกจะน่ารักขนาดนั้นผมก็ขอนิดล่ะครับถึงแม้พี่สาวจะมีลูกแล้วก็ตามเถอะ และระหว่างมื้ออาหารก็มีเพียงบทสนทนาของเฮียธัชกับไอ้หมอภีมครับ ผมเป็นเพียงผู้ฟังเอาเสียงเข้าหูซ้ายทิ้งออกหูขวาส่วนตาก็จับจ้องเพียงอาหารบนโต๊ะ แต่ความรู้สึกผมน่ะมันบอกว่าไอ้คนที่นั่งตรงข้ามมันคอยมองผมอยู่ตลอดแต่ก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องไปครับ เมื่อกินกันเสร็จเฮียธัชก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ คราวนี้ก็เหลือผมกับไอ้หมอภีมสองคนแล้วเอาไงดีวะครับ แต่ยังไม่ทันคิดอะไรออกมันก็ดันพูดขึ้นซะก่อน
“ธี เป็นยังไงบ้างไข้หายรึยังครับ พี่เป็นห่วงมากนะ” เสียงอ่อนหวานเอื้ออาทรดังแหวกความเงียบมา นี่ถ้าเป็นสาวน้อยมาได้ยินเข้าคงละลายเป็นวุ้นอยู่บนโต๊ะไปแล้ว แต่เผอิญผมเป็นชายแท้จึงเก๊กนิ่งได้อยู่
“หายแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงผมดูแลตัวเองได้น่า” ผมแกล้งยกน้ำขึ้นดื่มและหันหน้าหนีสายตาอ่อนโยนที่ส่งมา
“จะไม่ให้พี่ห่วงธีได้ยังไงก็ในเมื่อธีเป็น มะ...” ผมหันควับมามองไอ้หมอภีมทันที นี่มันกำลังจะพูดอะไรออกมาครับผมรับไม่ได้จริงๆ เหมือนมันจะรู้ตัวหยุดพูดแต่สายตาพราวระยับที่ผมจ้องอยู่นี่ล่ะ ไอ้นี่มันไม่กลัวผมเลยใช่มั้ยเนี่ย
“ฮึๆ ทำไมธีไม่เอาโทรศัพท์ของพี่ไปล่ะ พี่ติดต่อเราไม่ได้เลยนะ” ยังมีหน้ามาตีหน้ามึนทั้งๆที่มันน่าจะคืนโทรศัพท์ของผมได้แล้วนะครับเนี่ย
“ผมว่าเฮียเอาโทรศัพท์ผมคืนมาดีกว่ามั้ย และเลิกตามผมได้แล้ว ผมว่าต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะ” ผมอยากตัดมันไปจากชีวิตมากครับเพราะการที่มันมาอยู่ใกล้ทีไรผมไม่เป็นตัวของตัวเองทุกทีเลย แต่ไอ้หมอภีมมันยังคงยิ้มกว้างไม่สะทกสะท้านเหมือนคราแรกที่ผมตัดรอนมันไป
“งั้นพี่คืนโทรศัพท์ให้ธีก็ได้ แต่ถ้าพี่โทรมาธีต้องรับไม่อย่างนั้นพี่จะโทรเข้าเครื่องไอ้ธัชให้มันรู้ไปเลยว่าธีกับพี่เป็นอะไรกัน” โทรศัพท์ผมถูกยื่นมาตรงหน้าแต่ผมอยากจะขว้างมันใส่หน้าไอ้หมอบ้านี่แทนจริงๆ ขู่ได้ขู่ดีนะมึงน่ะ จริงๆถ้าเฮียธัชรู้ผมว่าคนที่โดนหนักน่าจะเป็นมันนะครับ แต่ผมก็ไม่อยากให้เฮียรู้ตอนนี้จริงๆ
“มึงนี่มัน...” ผมสรรหาคำพูดมาด่ามันไม่ออกเลยครับ ส่วนไอ้บ้าตรงหน้านี่ชักสีหน้าขึ้นมาอีกแล้ว อะไรวะมึงโกรธไรกูอีกเนี่ย
“ธี ต่อไปให้เรียกพี่ว่าพี่ภีมหรือจะเรียกเฮียภีมก็ได้ตามแต่ใจเรา แต่อย่ามาขึ้นมึงกูกับพี่เข้าใจมั้ยครับ และอีกอย่างเรื่องที่จะให้ต่างคนต่างอยู่ลืมไปได้เลย เพราะธีเป็นของพี่แล้วพี่ถือสิทธิ์ความเป็นเจ้าของไม่คิดจะปล่อยธีไปแน่ๆ” เสียงเข้มหน้าติดดุถูกส่งมาให้ผมทันที ทำเอาผมอยากหาอะไรทุบหน้าไอ้บ้านี่สักทีจริงๆ และผมก็ได้แต่คิดครับเพราะเฮียธัชเดินกลับมาที่โต๊ะพอดี
“อ้าวธี ทำไมหน้าบึ้งขนาดนั้นปวดท้องเรอะเรา ฮึๆๆ” เฮียธัชก็ไม่รู้เป็นอะไรอารมณ์ดีเกินสงสัยอาหารใส่กัญชาเฮียผมมันถึงเอาแต่หัวเราะอยู่แบบนี้ แต่อย่าให้เฮียรู้เชียวว่าผมคิดยังไงกับแกไม่งั้นไอ้ธีเหลือแต่ชื่อแน่
“ใช่ ผมปวดท้องกินของ ‘แสลง’ เข้าไปน่ะ เพื่อนเฮียจ่ายใช่มั้ยงั้นผมกลับโรงงานก่อนนะมีงานคอยอยู่ ไปล่ะ” ผมเดินออกมาจากร้านทันทีเลยครับ ยังได้ยินเฮียธัชบ่นตามหลังว่าผมน่ะไปไม่ลาไอ้หมอภีมที่เป็นเจ้ามือเลย ณ จุดนี้ผมไม่คิดจะสนใจเดินกลับห้องทำงานทันที
ผมเร่งแอร์โดยลดอุณหภูมิให้ความเย็นเข้าครอบคลุมห้อง เพราะตอนนี้ใจผมมันร้อนรุ่มโกรธโมโหคนขี้บังคับมากเลย ไม่รู้จะจัดการกับมันยังไงให้มันไปไกลจากผม แต่อยู่ๆคำพูดไอ้วินเมื่อคืนมันก็ดังขึ้นมาหรือผมจะลองพิจารณาไอ้หมอภีมมันดู แต่ผมไม่เคยจะนึกชอบผู้ชายจริงๆนะครับยิ่งถึกๆแบบมันด้วยยิ่งไกลจากสเป็คมากมาย อยากจะโทษไวน์ที่ทำให้ผมกับมันลงเอ่ยกับแบบนั้น ลึกๆผมรู้ล่ะครับว่าไวน์มันแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นอีกส่วนก็เพราะเป็นมันผมถึงยอม คิดๆไปเหมือนผมจะคุ้นหน้าไอ้หมอภีมนะครับและรู้สึกคุ้นเคยกับมันมาก ต้องมีอะไรที่ติดค้างอยู่ในใจเรื่องของไอ้หมอนี่แน่ๆ แต่ทำไมผมถึงคิดไม่ออกวะครับพาลจะปวดหัวขึ้นมาดื้อๆอีกด้วย พอคิดมาถึงตรงนี้ผมมันช่างอนาถนักความจำสั้นยิ่งกว่าปลาทองซะอีก เฮ้อออ
อย่างนั้นจะผิดมั้ยถ้าผมจะขอใช้เหตุผลงี่เง่าๆที่ว่าจะตามสืบหาสิ่งที่ค้างคาใจว่าลืมเรื่องอะไรระหว่างผมกับไอ้หมอภีมไป เอามาเป็นข้ออ้างในการพิจารณาผู้ชายคนนี้ให้เข้ามาในชีวิตผม ไหนๆผมกับมันก็ก้าวกระโดดมาอยู่จุดนี้มันคงไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้วล่ะครับ แล้วทำไมผมถึงมีอาการหน้าร้อนวูบวาบแบบนี้ด้วยไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ
................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ >O<
ความรู้สึกของตี๋น้อยตอนนี้แบ่งเป็นสองฝ่าย
คือไม่อยากข้องเกี่ยวอยากจะตัดๆภีมออกจากชีวิตซะ
กับอยากจะลองศึกษาเฮียดูสักตั้งโดยมีข้ออ้างเรื่อง
เหตุการณ์ในอดีตที่จำไม่ได้ และไอ้ความอยากรู้ก็ชนะ
ซึ่งเข้าทางเฮียภีม ดังนั้นตอนหน้ามาตามดูกันว่าเมื่อ
อาตี๋อยากตามหาความจริงและเอาตัวเข้าแลก เฮ้ยยย ไม่ใช่
เอาตัวเข้าหาเฮียภีมเองจะเกิดไรขึ้นบ้าง
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์เหมือนเดินค่ะ เจอธีภีมตอนหน้าวันพุธนะคะ