ตอนที่22
ฟังกันนะคะ อินนนนนมว๊ากกกกกกกกกกกกก
http://www.youtube.com/watch?v=dmsZW2s9b3c“ไม่เอา!” เสียงของมู่ดังแทรกขึ้น ชนิดที่เรียกได้ว่าคนทั้งล็อบบี้โรงแรมในเพลินวานไม่หันมามองนี่คือหูหนวกมาก ซอถึงกับพ่นลมหายใจออกมาแล้วส่ายหน้าเอือม มองหน้านุชที่ตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้
เหอๆ ไม่วายตามใจเมียอีกแน่ๆ
“ทำไมต้องเปิดห้องสามห้อง จับคู่เหรอ ไม่เอาหรอกนะ เปิดแค่สองห้องพอ ห้องละสาม นี่ไง ฉัน ผิง พี่แฮมพักห้องเดียวกัน ส่วนพวกมึงสามตัวไปอยู่ด้วยกันเลย” มู่เจ้ากี้เจ้าการทันที ก่อนจะเบ้หน้าเบ้ปากใส่ซอที่บอกกับพนักงานต้อนรับตอนแรกว่าเปิดห้องพักสามห้อง..
“กูหวังดีเนี่ย มึงกับผัวมึงก็ฮันนีมูนกันไปไง ไอ้เจกับไอ้ผิงอยู่ด้วยกันก็ดีแล้ว มันจะเป็นอะไรถ้ากูจะอยู่กับแฮมอีกห้อง”
“เป็นแน่ หน้าหื่นอย่างมึงอะปล้ำพี่แฮมขึ้นมาทำไง ไอ้ฟายยยย”
“ผัวมึงไม่หื่นเลยว่างั้น” ก่อนที่สงครามน้ำลายของมู่และซอจะทำให้ชาวบ้านชาวเมืองอายไปมากกว่านี้ นุชตัดรำคาญด้วยการยกมือขึ้นปิดปากคนรักของตัวเอง แล้วพยักเพยิดให้เจจัดการต่อ
“ขดโทษนะครับ เอาแค่สองห้องก็พอครับ ห้องละสามคน พอจะมีมั้ยครับ” เจติดต่องานเสียเอง ได้ยินเท่านั้นมู่ก็ดี้ด้าหันมายิ้มให้กับนุช ส่วนซอก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
แล้วกูจะชวนหมอมาทำไมในเมื่อได้อยู่ด้วยกัน! ว้ากกก ไอ้บู้บี้!
“สองห้องนะคะ คงต้องขออนุญาตให้ใช่เตียงเสริมห้องละหนึ่งเตียงค่ะ เป็นหนึ่งเตียงคู่แหละหนึ่งเตียงเดี่ยวนะคะ”
“ได้ครับ” เจตอบตกลง แล้วหันมาบอกเพื่อนๆ ว่า “เฮ้ย ห้องละสองพันห้า” ซอพยักหน้า ล้วงกระเป๋าตังค์ออกมา แต่ช้ากว่าคุณหมอ
“ขอโทษนะครับ ผมมีกิ๊ฟวอทเชอร์อันนี้สองใบสามารถใช้ได้มั้ยครับ แล้วถ้าใช้คู่กับบัตรใบนี้จะมีส่วนลดอีกใช่มั้ยครับ?” พนักงานต้อนรับรับกิ๊ฟวอทเชอร์ไปดูก่อนจะยิ้ม
“ได้คะ แต่ต้องเลือกใช้หนึ่งสิทธิ์ค่ะ ว่าจะใช้กิ๊ฟวอทเชอร์หรือส่วนลดจากบัตร”
“งั้นใช้จากกิ๊ฟวอทเชอร์ครับ” แฮมตอบพร้อมกับส่งบัตรของตัวเองให้ด้วย
“ทางโรงแรมของคิดราคาครึ่งหนึ่งก่อนนะคะ ในตอนเช็คเอาท์จึงจะคิดจำนวนที่เหลือเนื่องจากคุณไม่ได้ทำการจองเข้ามาก่อน”
“ไม่เป็นไรครับ” แฮมยิ้ม ก่อนจะรอชำระค่าบริการต่างหา ที่เหลือก็มายืนรวมกันต่างพากันคิดว่าต้องแบ่งจ่ายคืนให้แฮมคนละเท่าไหร่ พอรู้ตัวอีกทีแฮมก็หมุนตัวกลับมาพร้อมกับคีย์การ์ดและกุญแจห้องพัก
“เรียบร้อยแล้วล่ะ ไปกัน” แฮมว่า...
“ขอบคุณนะครับพี่แฮม” ทุกคนพูดพร้อมกับยกมือไหว้คนอายุมากกว่าทำเอาคุณหมอไปไม่เป็นเพราะไม่เว้นแม้แต่ซอก็ไหว้เขา
“เดี๋ยวขึ้นห้องจะเคลียร์คืนให้นะครับ” ผิงว่า แต่แฮมยิ้ม
“ไม่ต้องรีบ” แล้วทุกคนก็เคลื่อนตัวไปตามพนักงานต้อนรับอีกคนที่จะพาเดินไปยังห้องพัก
การแบ่งห้องอย่างน้อยๆ ก็มีสองคนล่ะที่ไม่พอใจแบบนี้...
“มึงอยากอยู่กับไอ้มู่สองคนก็รู้” ซอพูดหลังจากวางของไว้บนเตียงเล็กในห้อง
“ทำไงได้ล่ะ ไอ้มู่มันฟังห่าอะไรที่ไหน เอาแต่ใจขนาดนั้น”
“มึงก็ตามใจมัน”
“กูขี้เกียจรำคาญ” นุชว่า ก่อนจะล้วงมือถือออกมา เมื่อเห็นว่าก่อนหน้านี้มันสั่นไม่หยุดอยู่ในกระเป๋ากางเกง
“อะไรวะ”
“แม่ใหญ่น่ะ พักนี้โทรมาทุกวัน อยากให้กูพาลิลลี่ไปเที่ยว”
“คิดจะจับคู่มึงเหรอ?” ซอถามพลางหย่อนกายลงนั่งที่เตียงก้มลงถอดถุงเท้า
“คงงั้น กูว่ามันไร้สาระ แต่อย่างว่ากูขัดแม่ใหญ่ไม่ค่อยได้”
“ไอ้มู่ล่ะ ว่าไง” นุชส่ายหน้า... ไม่ใช่มู่ไม่ว่าอะไรนะ แต่ไม่รู้ว่าถ้าเรื่องนี้ยังเป็นไปรูปแบบนี้มู่จะทำยังไงต่างหาก “เจ...มึงลืมเอาปากมาเหรอ?” ซอเงยหน้าขึ้นมาถามเพื่อนตัวสูง ที่ยืนเท้าแขนมองวิวด้านนอก
“เออ...” ทั้งซอและนุชหันมาสบตากันทันที ก่อนจะหันไปมองแผ่นหลังของเพื่อน
“เฮ้ย...เป็นไรวะ? โกรธที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับไอ้ผิงเหรอ? ไอ้ซอมันก็ไม่ได้แอ้มหมอเหมือนกันแหละ”
“เปล่า...” แป่ว.... คราวนี้ทั้งซอและนุชหันไปสนใจเจอย่างจริงจัง จะว่าไปเพิ่งจะเอะใจเหมือนกันว่าตั้งแต่ขึ้นรถมาเจพูดแบบแทบจะนับคำได้ ยิ่งกับผิง...
มันทั้งสองคนยังไม่อ้าปากคุยกันสักแอะ!
“มึงเป็นไรปะวะ?” ซอเอ่ย
เจถอนหายใจ มองวิวด้านนอกอีกหนึ่งรอบ แล้วจึงหันมายืนพิงระเบียงมองพื้น ไม่สบตาเพื่อน เขาไม่รู้ว่าจะเอ่ยคำพูดไหนออกมาก่อน รู้ดีว่าวันนี้ตัวเองทำตัวไม่เป็นปรกตินัก แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว...
“กู...ก็ไม่รู้ว่ะ”
“ไม่เห็นมึงคุยกับไอ้ผิงเลย ทะเลาะกันเหรอวะ? แต่เมื่อคืนมึงก็อยู่หอนี่” นุชเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับที่เจส่ายหน้า เดินมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง
“กู...กลับไปคิดเรื่องของผิง....” เจเอ่ยเสียงเบา “ทั้งคืน” เสียงแผ่วไหวราวกับคนหมดแรง
“แล้ว” อีกสองคนลุ้นฟัง แต่กลับไม่มีคำตอบจากเจนอกจากความเงียบ ทำเอามองตากันปริบๆ
“คือ... กูว่านะ มึงคิดมากไปปะวะ” ซอเอ่ยขึ้น แต่เจก็ยังคงเงียบ นอนปิดเปลือกตา ถ้าเกิดว่าความจริงแล้วเจมันหลับ รับรองว่าเกิดเหตุฆ่าหมกห้องพักแน่ แต่อาการเม้มปากของอีกฝ่ายทำให้เจรอดชีวิตหวุดหวิด
“เรื่องแบบนี้แกไม่ต้องเร่งก็ได้นะเว้ยเจ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป”
“ใช่ อย่างที่ไอ้นุชพูดนั่นแหละ ช้าๆ ไม่ต้องรีบ”
“เมื่อคืนนะมึง” ทุกคนเงียบเมื่อเจพูดขึ้น มองลุ้นเสียยิ่งกว่าลุ้นเกรดเสียอีก
“....”
“กูคิดถึงไอ้พิงอย่างที่พวกมึงลองให้กูคิด แบบอยากจูบมันมั้ย อยากกอดมันมั้ย แล้ว อยากทำมันมั้ย”
“แล้ว”... ไม่มีเสียงตอบนอกจากอาการพลิกกายนอนหันหลังให้ทุกคน ทำเอาทั้งสองคนไปต่อไม่เป็น
“เฮ้ยยย มีเรื่องอะไรก็บอกกันตรงๆ สิวะเจ พวกกูเพื่อนมึงนะเว้ย”
“แม่ง...กูแม่งเลว” เสียงอู้อี้ของเจทำเอาทั้งนุชและซอต่างมองหน้ากัน ชักเริ่มจะพอเข้าใจ “กูแม่งเหี้ย คิดงั้นกับเพื่อนตัวเองได้ไงวะ”
“มึงช่วยตัวเองเหรอวะ” คำถามของซอทำเอาทั้งห้องเงียบกริบ นุชอยากจะซัดหัวไอ้เพื่อนเวรนี่สักผัวะ เรื่องยิ่งเปราะบางอยู่ ยังจะนะ...
“....” เจไม่ตอบ แต่นั่นยิ่งกว่ายอมรับเสียอีก งานนี้เฮ...
“มึงอย่าคิกมาก” นุชว่า เดินไปตบไหล่เพื่อนแปะๆ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะพื้นฐานก็เป็นพวกปลอบใครไม่เป็น
“มันเป็นเรื่องธรรมชาติว่ะ” ไอ้เหี้ย!!! คราวนี้นุชตบหัวซอจริงๆ ข้อหาปากไวเกินหน้าเกินตา คนยิ่งเครียดอยู่ ไอ้นี่!
“คือความหมายของไอ้ซอก็คือ...”
“เฮ้!!! ไปเที่ยวกันเถอะนะ...ชะมดน้อยยยยย” ณ ตอนนี้นุชกำลังจินตนาการเป็นแอนิเมชั่น กระโดดถีบยอดหน้าแฟนตัวเอง เข้ามาได้ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยจริงๆ “ไปเหอะ อยากได้...บลา บลา บลา” ไม่ได้ฟังเพราะไปจริงมันไม่เคยซื้ออะไรอย่างที่บอกกับเขา
“ไปหมดเลยปะ?” มู่พยักหน้า พยักเพยิดไปที่หน้าห้องมีผิงกับแฮมยืนคุยกันรออยู่ “งั้นเอารถไป” มู่ยิ้มร่าทันที ไม่รู้ทำไม คิดไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้ว่านุชตามใจเขาตลอด... แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ดีเสียเมื่อไหร่ล่ะ
“กูไม่ไปนะ ตามสบายเลย อยากนอน” เจพูดโดยที่ไม่หันมามองเพื่อนสักนิด มู่ทำหน้าตาอยากรู้อยากเห็น นุชเลยรีบคว้ากระเป๋าเงินมาพร้อมกับกุญแจรถ แล้วลากมู่ออกไปก่อนที่เจ้าคนปากไวจะเอ่ยถามอะไรแทงใจพ่อคนหล่อ
“มีอะไรกันเหรอ”
“เจมันง่วง เลยไม่ไป ไปไหนกันดี?” นุชเอ่ยขึ้น มองหน้านั้นทีคนนี้ทีรอซอออกจากห้องมาอีกคน
“แถวนี้น่าจะมีตลาดพวกของฝากนะพี่ว่า เลยอยากลองไปดู” นุชพยักดันให้มู่เดินนำไปและซอก็มาเดินเคียงข้างกับแฮม
ส่วนผิง ยืนมองประตูห้องที่ปิดเงียบอยู่...
เจเป็นอะไร...
เขาเฝ้าถามตัวเองอย่างนี้ตั้งแต่เช้า จนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ว่า เจ...เป็นอะไร
ตลาดของฝากไม่ไกลจากโรงแรมที่พักนัก ซอกับแฮมแยกไปเดินอีกทาง แน่นอนว่านุชกับมู่ก็แยกกลุ่มไปสองต่อสอง เหลือแค่ผิงที่เดินเรื่อยเฉื่อยมองดูนั่น ดูนี่...
เสื้อตัวนั้นเจน่าจะใส่แล้วดูดี
หมวกใบนั้นเหมาะกับเจ
สร้อยเส้นนั้นเจใส่คงเท่มาเที่ยวทั้งทีแต่ต้องเดินคนเดียว... ขำดีเนอะ
เขาไม่ได้อยากคิดเข้าข้างตัวเองนะ แต่ถ้าคนอื่นไม่มาให้ความหวัง เขาก็มักจะมีความหวังเสียเอง ซึ่งบางทีผลลัพธ์ที่ออกมามันก็เป็นอะไรอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้นี่แหละ
ที่ผ่านมา เจมีใจ เขาคิดอย่างนั้นมาตลอด... จริงๆ นะ
ผู้ชายอย่างเจไม่จำเป็นต้องหว่านเสน่ห์หรอก ดังนั้นอีกฝ่ายไม่ต้องมาเนียนมาอะไรกับเขา ก็ได้ใจของผิงไปเต็มๆ อยู่แล้ว แต่เจก็มาใกล้มาสนิทมาทำนั่นนี่ให้เขาคิด...
คิดแล้วเป็นยังไงล่ะ....
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกันแน่ ไม่กล้าถาม ไม่กล้าพูดอะไรออกไป...กลัว
กลัวว่าถ้าพูดอะไรไปแล้วมันจะไม่เป็นอย่างที่คิด ไม่เป็นอย่างที่หวัง แล้วจะไม่เหลืออะไรเลย...
ได้แต่เก็บคำพูดที่อยากจะบอกไว้ในใจ.... ทั้งที่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้และสัมผัสได้ถึงความรักที่มีให้...
“เฮ่อ... เจเป็นอะไรว้า...”
......................................
นิมาอยากเขียนเรื่องให้สนุกๆ ไม่ต้องห่วงนะคะ นิมาเขียนมาม่าไม่เป็นค่ะ(พอๆ กับเอนซีนั่นแหละค่ะ) เพราะนิมาชอบหม่ำยำยำ (เกี่ยว?)

แต่นิมาเห็นคนเขียนท่านอื่นเขาแต่งนิยายยาวได้ตั้งสามสี่สิบตอนแนะ เก่งจัง นิมาเลยอยากเขียนยาวๆ อย่างนั้นบ้าง ดังนั้น เลยลงบ่อยๆ แล้วก็สั้นๆ จำนวนตอนจะได้เยอะ ฮี่ๆ (เกี่ยว?)

เป็นทฤษฎีที่ยืมมาจากน้องคนหนึ่งน่ะค่ะ ฮ่าๆ

ฟังเพลงไปด้วยตลอดเลยตอนที่เขียนตอนนี้... เพราะมากอะเสียงของลิเดีย(จำหน้าตาเธอไม่ได้แล้ว จำได้แต่เสียง) อยากให้ทุกคนฟังเหมือนๆ นิมาเนอะ จะได้อิน

(มีคนอินนิยายของแก?) แว๊ดดดด
เอนจอยนะค้า....

[attachment deleted by admin]