ตอนที่44
เวลาในนาฬิกาทราย...มันไม่มีทางหมดไป...เมื่อทรายเม็ดสุดท้ายร่วงหล่นไป ก็แค่จับมันพลิกกลับ...เวลาก็เริ่มหมุนเดินใหม่...
แต่ถ้านาฬิกาทรายอันนั้น...ถูกกักเก็บเอาไว้อยู่ในที่เกินไขว่คว้าได้... เวลาที่เหลืออยู่น้อยนิด เราจะทำอย่างไรดี...“ก็ซื้ออันใหม่ดิ อีกอย่าง...เดี๋ยวนี้เขาใช้นาฬิกาดิจิตอลแล้ว”
กูกำลังซึ้ง...
“แล้วถ้าถ่ายมันหมดล่ะ”
“ก็เปลี่ยนถ่านตั้งเวลาใหม่”
กูขอบคุณสำหรับคำตอบ... กูรักมึงมาก
ให้ตาย!
“มึงเป็นผู้ชายที่ปากซ้นตีนมากไอ้ชะมด”
“กูเห็นมึงชอบจูบปากกับกูนะ” มู่เบ้หน้าก่อนจะจิกสายตาค้อนเข้าใส่ไอ้คนที่นั่งเล่นเกมส์ในมือถือ อุตส่าห์นั่งแอ๊บอ่านอะไรซึ้งๆ ให้ฟัง แต่ดูพ่อคุณทูนหัวตอบแทนกลับมาได้ซึ้งในอก!
มันน่านัก!
“ออกไปข้างนอกเถอะ เลิกเล่นเกมส์ก่อนได้มะ นี่มึงอยู่กับกูนะไอ้ชะมด” มู่ฟาดมือใส่ไหล่ของคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ อีกฝ่ายไม่ได้หลบหลีกกลับนั่งยิ้ม และขำเบาๆ คนขี้โมโหเลยคว้าเอามือถือมาดู...
ไม่ได้เป็นแอพเกมส์นี่!
มันแกล้งกดเล่น?
“อีกแล้วนะไอ้ชะมด! มึงแกล้งกูเรื่อยเลย!” มู่โวยวาย ตีแขนอีกฝ่ายแรงๆ นุชหัวเราะร่า ก่อนจะลุกเดินหนีออกมาที่ระเบียงกว้างของบ้านพักที่จองไว้ในสวนผึ้ง
กลางดึก มีแสงไฟริบรี่ตามรายทาง แสงจากบ้านพักที่ห่างออกไป ค่อนข้างมืดและเย็น...ท้องฟ้ามีดวงดาวเต็มไปหมด...
นุชเลือกนั่งที่ที่นั่งยาวติดขอบระเบียงเอนกายกับมุมที่สร้างเป็นที่ปลูกดอกไม้เล็กๆ เขาไม่รู้หรอกว่ามันดอกอะไร เขาไม่เคยสนใจ และไม่คิดจะสนด้วย...
กลิ่นธรรมชาติ... นี่คือคืนสุดท้ายของการท่องเที่ยว
“จะงอนก็เอาแค่พองามนะ กูไม่ง้อ”
ไอ้....สัน.....
โอ้ย!!!!
มู่กระฟัดกระเฟียดวางมือถือของตัวเองไว้ที่เตียงหลังจากที่นุชชอบเอาไปเล่นเกมส์แล้วเดินกระแทกเท้าตรงไปหาคนที่แทบจะนอนเลื้อยอยู่บนขอบที่นั่งนั่นแล้ว
“มึงนี่นะ พรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว แล้วดูมึงดิ” มู่บ่นแต่ก็มานั่งเบียดและเอนซอบอกของนุช กอดร่างนั้นไว้แน่น หมั่นเขี้ยวกัดลงที่อกแน่นๆ นั้นหนึ่งที
“เชี่ย! กูเจ็บ” มู่ไม่เถียงกลับเกยใบหน้ากับอกแกร่งนั้น มองปลายคางของอีกฝ่าย ฝ่ามือของนุชเลื่อนมาลูบไล้เกลี่ยเส้นผมของเขาเล่น
ไม่มีคำพูดอะไรอีกแล้วนอกจากเสียงจากรอบกาย...
“มึงรักกูตั้งแต่ตอนไหนนะ” มีอาการสะอึกขำของคนที่ตัวเองเกยร่างทับอยู่ ก่อนจะเงียบไปเล็กน้อย
“มึงเดินสะดุดบันไดห้าง แล้วเนียนนั่งลงเล่นมือถืออะ กูนั่งมองอยู่ในแม็ค ขำชิบหาย”
“มึงตอบไม่ตรงคำถาม!” มู่แทบคำราม ก่อนจะจิกเล็บลงบนกล้ามหน้าอกของอีกฝ่ายนั่นแหละ สะใจดี
“ก็...กูว่ากูคงชอบท่าทางประหลาดๆ ของมึงตั้งแต่แรกนั่นแหละ แต่รักเมื่อไหร่...ก็ไม่รู้” นุชว่าแล้วก็ขำ นึกถึงตอนที่เห็นมู่ลี่ครั้งแรกก็ยิ่งขำ...
เด็กผู้ชายตัวผอม ตรงเรียนตรงกระเป๋าเสื้อบ่งบอกถึงยี่ห้อโรงเรียนคุณหนูที่ใครๆ ก็รู้จัก อีกฝ่ายมัวแต่ก้มดูมือถือจนเดินสะดุดทางขึ้นห้าง แต่ไม่ยักกะล้มคะมำทำเนียนนั่งเล่นมือถือต่อหน้าตาเฉย แต่เขาอยู่ไม่ไกลนัก ในร้านแม็คนั่งติดกระจกตรงทางเดินขึ้นพอดี เห็นนะว่าอายจนหน้าแดง ไอ้แก้มป่องๆ ยุ้ยๆ นั่นเห็นแล้วอยากจะฟัดเป็นบ้า...
หมั่นเขี้ยวตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นนั่นแหละ
“กูรู้นะว่ามึงมองกูบ่อยๆ” ไอ้แสนรู้!!!
“กูไม่มีอะไรจะมอง”
“เหรออออออ” นุชลากเสียงหันมากดจูบที่หน้าผากของอีกฝ่าย
ปากแข็งไม่เลิก... ก็เห็นอยู่ว่าแอบมอง ก็เลยเตร็ดเตร่แถวนั้นให้มองบ่อยๆ ลงทุนเรียนกวดวิชาที่เดียวกัน ทั้งที่เขาไม่สนใจสักนิด...
“เรารักกันมานานแค่ไหนแล้ว” มู่ลี่พึมพำ ไม่รู้ว่าถามคนที่กอดตัวเองอยู่หรือถามตัวเอง เพราะอยู่ๆ ก็ตอบมาเองว่า “จะสี่ปีแล้วเนอะ”
“ราวๆ นั้น...”
“ปีหน้าเราก็จะยังรักกันใช่มะ?”
“อืม...”
“ปีต่อไปด้วยใช่มะ?”
“อืม...”
“ปีต่อๆไปด้วยใช่มะ”
“อืม...” ทุกครั้งที่เอ่ยถาม เสียงมันก็เริ่มสั่นๆ ทุกครั้งที่ตอบใจมันก็หาย...
“แม่ใหญ่โคตรใจร้ายอะมึง” มู่ตัดพ้อ ซุกตัวในอ้อมกอดที่กระชับแน่นเข้ามา...แทบจะหายใจไม่ออกแต่ก็ไม่อยากให้คลายออกไป
“ทนได้ใช่ไหม...กูจะรอมึง”
“กูก็รอมึงเหมือนกันนั่นแหละ”
.....
ในวันที่นั่งรถออกจากแปดริ้ว...
คำพูดของแม่ใหญ่ถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของนุช... “คบกันมานานแค่ไหนแล้ว” นุชนั่งลงตรงที่นั่งของตัวเองกระพริบตาก่อนจะตอบ...
“ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ครับ”
“แล้วที่บอกว่ารู้จักกันมานานนั่นล่ะ” น้ำเสียงเอ่ยถามราบเรียบ ไม่บ่งบอกห้วงอารมณ์ของผู้สูงวัย
“เราเป็นเพื่อนกันมาก่อนจริงๆ ครับ นอกจากเรื่องคบกัน ทุกอย่างเป็นความจริง” ไม่มีความจำเป็นต้องโกหก ที่สำคัญนุชเองโกหกไม่เป็น
“ตั้งใจจะปิดเรื่องนี้ไปถึงเมื่อไหร่”
“เรื่อยๆ ครับ ผมรู้ว่าแม่แม่ไม่มีทางรับได้หรอก”
“ถ้ารู้แล้วทำไมยังทำ!” เสียงของแม่ใหญ่เข้มขึ้น นุชไม่ได้มองใบหน้าของแม่ เขาจึงไม่รู้ว่าแววตาหลังกรอบแว่นสี่ทองนั้นสั่นไหวแค่ไหน และเจ้าตัวเองพยายามกลั้นหยดน้ำตาเพียงไร
มีบุตรชายเพียงคนเดียว แต่กลับแปลกแยกไปจากคนอื่น!
หัวอกคนเป็นแม่... ถึงจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข แต่ก็รักยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
“ถ้ามู่มันเป็นผู้หญิงผมก็รักมัน ถ้ามันเป็นทอม ผมก็รักมัน ให้มันเป็นกระเทย ผมก็รักมัน มันจะเป็นอะไรผมก็รักมัน มันไม่มีเหตุผลว่าทำไมต้องทำ ทำไมต้องรัก ผมรู้แค่ว่าต้องเป็นมัน”
เธอไม่เคยเห็นลูกชายของตนเองเอ่ยถึงความรู้สึกของตัวเองมาก่อน นุชเก็บตัว ขีดเส้นกรอบรอบตัวเองออกจากทุกคน... เธอมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของลูกชายตั้งแต่มู่ลี่มาอยู่ที่นี่ด้วย...
แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย...มันไม่ใช่การแกล้งทำเป็นไม่รับรู้หรือแกล้งยอมรับจะได้จบๆไป ทุกอย่างต้องออกมาจากใจจริง ในตอนนี้หญิงสูงวัยยังไม่สามารถทำใจรับได้จริงๆ
“เลิกกันซะ...”
“ไม่! ผมไม่เลิก”
“อยากเห็นแม่ตายตอนนี้เลยหรือไงตานุช! อยากให้คนแก่อย่างแม่ตายตาไม่หลับใช่มั้ย!”
“แม่!” นุชโผล่งออกมา มองหน้าแม่ใหญ่อย่างไม่อยากเชื่อว่าแม่ที่แสนจะเข้มงวด เข้มแข็งจะพูดอะไรแบบนี้
“ทำไมแม่จะไม่รู้ว่าห้ามไม่ได้... ไม่คิดจะให้เวลาแม่บ้างเลยรึไง!” แม่ใหญ่สะอื้น แม้จะไม่หนักมากนัก แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นแม่ของตัวเองเสียน้ำตาเลยอย่างนุชแทบจะไม่มีแรงทำอะไร นอกจากลงไปนั่งกับพื้นแล้วคลานเข้าไปหา ก้มลงกราบที่เท้า....
“ผมขอโทษ....”
“แม่ขอร้องล่ะตานุช...เลิกกันไปเถอะนะ...แม่ขอ...” เหมือนจะขาดใจตายตรงนั้นนั่นแหละ
ถ้าใครรู้ ใครมีคำตอบช่วยบอกเขาทีว่าเขาควรทำอย่างไร....
.......................
คลิกฟังกันเถิดดดดดดดดดดด (เขียนไม่ค่อยอิน อาศัยเอาเพลงช่วย)
http://www.youtube.com/watch?v=t1ucTYFcEl4“นานแค่ไหนกันวะ” คำถามลอยๆ ได้คำตอบแค่เพียงอาการส่ายหน้าที่คนพูดไม่มีทางได้เห็นเพราะเอาแต่เหม่อมองฝ่าความมืดสลัวออกไป... “ใจร้ายกับคนน่ารักอย่างกูได้ยังไง” ตัดพ้อเสียพองาม ก่อนจะเลื่อนมือมาลูบไล้ต้นคอและสันกรามของหนุ่มหน้าหวาน ที่หันมางับหลายนิ้วของเขาเล่น
“มันทรมานนะมึง ถ้าทำแบบนี้ส่งมึงไปเรียนเมืองนอกเลยดีกว่า กูต้องเห็นมึงทุกวัน กูต้องอยู่ใกล้มึงทุกวัน แต่...ไม่ได้เป็นอะไรกัน...ฆ่ากูเลยเหอะ” ว่าแล้วก็ซบหน้าลง กับอกของคนที่ไม่พูดอะไรออกมาเลยยอกจากประคองเขาไว้ในอ้อมกอด
ความชื้นเล็กๆ ซึมลงที่เสื้อยืดสีขาว...มันแค่เล็กน้อย แต่กลับเจ็บปวดมากกว่าอะไรเสียอีก
“กูจะมองหน้า จะสบตากับมึงได้ยังไง...ในเมื่อกูรักมึงขนาดนี้...”“ต้องมีวันของเราสิวะ” นุชกอดร่างนั้นไว้แน่น กดปลายจมูกกับขมับ....
“กูรักมึง...กูรักมึง...กูรัก...” บอกรัก...
บอกกันไปเรื่อยๆ บอกกันจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย... เมื่อถึงเวลาที่เม็ดทรายในนาฬิการ่วงหล่นจนหมดเม็ดสุดท้าย เวลาของทั้งคู่จะหยุดลง เพราะนาฬิกาทรายอันนี้...มันจะไม่พลิกกลับด้านอีก...
จนกว่าจะถึงเวลาของมันอีกครั้ง....
เมื่อไหร่...
ไม่รู้....
...................................................................
สารภาพ...ตอนหน้าจบละค่ะ...ห๊ะ!
แป่วววววว...แง่ววววว...
หนีดีกว่า...