สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินhttp://www.youtube.com/watch?v=t1ucTYFcEl4เพียงแค่มองในตา ก็รู้ว่าเราชอบกัน
แต่เราสองคนต้องเก็บมันไว้
ในเมื่อความเป็นจริง ก็รู้กันในหัวใจ
เรายังเป็นได้แค่เพียงเพื่อนกัน
แม้ใจเราจริงจังเท่าไร ไม่มีใครเต็มใจให้รักกัน
คงยังไม่ถึงเวลาของเรา
อดทนเก็บความในใจ แล้วรอแค่วันเวลา
ให้มันหมุนช้าๆแล้วเดินไปกับมัน
อดทนเก็บความในใจ แล้วเรียนรู้กันและกัน
เพื่อให้เรามีความมั่นใจ
ว่าเรานั้นมีความลึกซึ้งเพียงใด พรุ่งนี้ไม่สายที่จะรักกัน
วันนี้แม้จะเป็นเพียงเพื่อนก็ไม่สำคัญ
เมื่อใจให้กันจะหวั่นอะไร
วันข้างหน้าจะมา จะช้าจะนานเท่าไหร่
คงเป็นอะไรได้มากกว่านั้น
แม้ใจเราจริงจังเท่าไร ไม่มีใครเต็มใจให้รักกัน
คงยังไม่ถึงเวลาของเรา
อดทนเก็บความในใจ แล้วรอแค่วันเวลา
ให้มันหมุนช้าๆแล้วเดินไปกับมัน
อดทนเก็บความในใจ แล้วเรียนรู้กันและกัน
เพื่อให้เรามีความมั่นใจ
ว่าเรานั้นมีความลึกซึ้งเพียงใด พรุ่งนี้ไม่สายที่จะรักกัน
หากว่าเรามีความมั่นใจ หากว่าเรามีความรักแท้ในใจ
พรุ่งนี้ไม่สายที่จะรักกัน
แก้มยุ้ยพองลมจนป่องริมฝีปากบางยู่เข้าหากัน ก่อนที่ร่างผอมบางจะขยับตัวดุ๊กดิ๊กไปตนชิดกับพนังของขบวนรถไฟใต้ดิน
ในช่วงที่ใครต่อใครก็เฮโล่กันออกจากงานคอมมาร์ท มู่ลี่ก็เตรียมใจไว้แล้วล่ะว่าคนจะต้องเจอสภาพปลากระป๋องอย่างนี้ กะว่าจะมาเชยชมของที่ซื้อมาเสียหน่อย... เฮ่อออ
มู่ลี่พยายามทำตัวให้ลีบที่สุดเมื่อเห็นว่าข้างๆ ของเขามีนักศึกษาสาวมายืนเบียด ไม่ใช่รังเกียจเธอ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะพยายามหลบผู้คนที่เบียดเข้ามา ซึ่งส่วนมากตรงนี้ก็มีแต่ผู้ขาย
“คุณฮะ” มู่ลี่เรียกเธอเบาๆ “เปลี่ยนที่กันมั้ย? อย่างน้อย อีกด้านหนึ่งของมู่ลี่ก็เป็นผู้หญิงวัยทำงานอีกสองคนล่ะนะ เธอน่าสะดวกใจมากกว่าอยู่กลางดงผู้ชายถึกๆ แถวนั้น (ความจริงมู่ลี่ชอบ?)
“อุ้ย..ขอบคุณมากนะคะ” เธอรีบขอบคุณเขา แล้วเปลี่ยนที่ทันที เธอดูโล่งอกขึ้น ก็แหงนักศึกษาสาวหน้าตาน่ารักหุ่นดีๆ แถมมาในชุดนักศึกษาต่อให้ไม่ได้สั้นจู๋หรือรัดติ้วมากมาย มันก็เร้าใจหนุ่มตลอดนั่นแหละ
มู่ลี่เปลี่ยนที่เสร็จเขาก็แอบกลืนน้ำลายเอื้อก...เมื่อเจอเข้ากับสายตาหนุ่มที่มากันเป็นกลุ่มนั้น
เสมือนกูไปมารขัดคอพี่แกเลยวุ้ย!เขาเป็นคนปากเก่งก็จริงนะ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะฟัดกับใครเก่ง เคยแต่โดนแฟนฟัด ซึ่งในกรณีนี้ไม่คงไม่ใช่ฟัดเดียวกัน...
พูดถึงแฟน...
เฮ่ออออ...
“คนดีจังนะมึง ระวังจะโดนรุม”พูดถึงแฟน
(เก่า) แม่ง....แฟน
(เก่า)ก็โผล่
ไม่ต้องเงยหน้า ไม่ต้องสบตา แค่ได้ยินเสียงเบาๆ ที่กระซิบมานั้นก็รู้ว่าใคร กลิ่นน้ำหอมที่ผสมกลิ่นเหงื่อเป็นเอกลักษณ์ ยิ่งคำพูดคำจากวนตีนขนาดนี้...
“...” มู่ลี่ไม่พูดอะไร ไม่เอ่ยถามว่านุชมาได้ยังไง... มายืนอยู่ตรงหน้าเขาได้ยังไง เอาเป็นว่ามันมาแล้ว แค่นั้นพอ
ไม่ได้เป็นอะไรกัน นอกจากเพื่อน...เหมือนเมื่อก่อน ทำตัวเหมือนตอนเป็นเพื่อนกัน ไปกินข้าวพร้อมกัน(บ้าง) เดินไปเรียนพร้อมกัน(บ้าง) เจอกันบ่อยๆ (บ้าง) เหมือนเดิมทุกอย่าง แม้กระทั่ง...
“พรุ่งนี้กูต้องจ่ายค่าเทคบุ๊ก”
“เดี๋ยวขึ้นไปข้างบนก่อนเอาให้”
“เอาไปจ่ายให้เลยแล้วกัน ไอ้จุนเป็นคนเก็บเหมือนทุกทีแหละ”
เอ่อ...ใช่ เหมือนทุกที...
แม่งเอาเงิน เอาบัตร เอาสารพัดมาให้เขาเก็บ ติดตัวของพ่อชะมดตาหวานก็มีแค่ใบขับขี่กับเงินไม่กี่ร้อยเท่านั้นแหละ เวลาจะซื้ออะไรแพงๆ หรือจ่ายค่างาน ค่าหนังสือ ทุกคนต่างรู้กันว่าส่วนของนุชให้มาเอาที่มู่ลี่เด็ก วิศฯคอม
เมื่อก่อนเป็นยังไงก็เหมือนเดิม คบกันก็ยังเหมือนเดิม จนทุกวันนี้กลับไปเป็นเพื่อนกันก็ยังเหมือนเดิม...
ช่วยไม่ได้...ตอนเป็นเพื่อนกับตอนเป็นแฟนมันต่างกันอยู่ไม่กี่อย่างนี่หว่า
อันนี้แม่ใหญ่พลาดเอง...ที่ไม่จำเพาะเจาะจง...
พวกเขาไม่ได้ตุกติกอะไรด้วย...ก็มันเป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรก
“ถ้ากูเจอเดี๋ยวจ่ายให้ แต่ถ้ามันเจอมึงก่อนก็บอกมันแล้วกัน” นุชพยักหน้า ยืนนิ่งๆ เอามือล้วงกระเป๋าเสื้อฮู๊ดที่สวมทับชอป ไม่มีท่าทีเดือดร้อนกับจำนวนคนที่เบียดเข้ามา บางครั้งก็จำเป็นต้องขยับเข้าไปใกล้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าบ้าง ก็พื้นที่มันมีเหลือน้อยนี่หว่า
“...” มีแต่เสียงจอแจภายในขบวนรถ และเสียงประกาศบอกระยะทางแต่ละสถานี คนสองคนในหมู่คนมากมาย อื่นห่างกันไม่ถึงศอก
มูลี่เลือกที่จะวางสายตาของตัวเองไว้ที่ต่างหูรูปดาวของอีกฝ่ายที่เห็นวอบๆ แวบๆ เพราะโดนเสื้อฮู๊ดที่อีกฝ่ายเอาสวมศีรษะไว้บัง ส่วนนุช....ก็เลือกที่จะมองพวงแก้มสีเรื่อนั้น
อยู่ใกล้กันทุกวัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน แทบทุกอย่างมันเหมือนเดิม... แต่บางอย่างที่ตั้งแต่วันนั้น...
สิ่งที่เปลี่ยนไปแม้คนรอบตัวก็ดูออก...
ทั้งสองคนไม่เคยสบตากันตรงๆ แม้เพียงสักครั้ง...
ต่อให้เกิดความบังเอิญก็จะรีบเบนสายตาหนี
ไม่ใช่ไม่อยากมองหน้า ไม่ใช่ไม่อยากมองตากัน...
แต่หากต้องสบตากันแล้วได้รับรู้ถึงความรู้สึกของกันและกันที่ส่งผ่านออกมา....
ความเจ็บปวดที่คิดว่าไม่สามารถทำอะไรหัวใจตัวเองได้มันจะกัดกร่อนความรู้สึกจนอ่อนแอลง...เรารักกัน...แต่ก็รักกันไม่ได้...เข้าใจความรู้สึกเช่นนี้ของกันและกัน...ไม่อยากทำร้ายกัน
ยืนอยู่ด้วยกันนิ่งๆ อย่างนี้ ให้เวลาของคนทั้งสองคนที่หยุดนิ่งนั้นถูกกาลเวลารอบกายพัดพาไป....
แล้วสักวัน...ก็จะถึงเวลาของเราทั้งสองคน....จบ....
............................
แค่นี้แหละค่ะ ...ห๊ะ!! อะไร? ยังไง?
คือนิมาเป็นคนเขียนนิยายไม่เก่งค่ะ ยิ่งถ้าเป็นตอนจบ ก็จะแบบนี้แหละค่ะ เป็นคนสรุปไม่เป็นนั่นเอง
เพิ่งเริ่มเขียนเรื่องแรก ทุกอย่างเป็นครั้งแรกหมดเลย...ต้องขอบคุณทุกคอมเม้นต์ทุกรายละเอียดที่ทุกท่านบอกกล่าวกันมา ทุกกำลังใจ ทุกอย่างเลยนะคะ
แม้ว่านิยายเรื่องนี้มันจะผิดพลาดเยอะมากก็ตาม ที่ไม่น่าให้อภัยเลยก็คือ...ทำให้คู่หลักเป็นคู่รองได้อย่างมึนงงเป็นที่สุด กร้ากกก ความสามารถพิเศษที่นิมาเป็นแต่เกิด?
แต่จะพยายามแก้ตัวเรื่องหน้านะคะ (ยังจะเขียนอีก?)
แต่อย่างที่รู้กัน เจผิงเขาอิ่มตัวแล้ว แล้วนิมาก็ยังมีความสามารถในการเขียนน้อยนิด ละไว้งั้นเถอะค่ะ อย่าเอาเขามาเลย ส่วนซอกับแฮม...ไม่อยากหน่วงอีกละ รักน้องปั๊บ เบื่ออิซอ
ดังนั้น... จะพยายามขึ้นอีกนะคะ ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปน้า อยู่กับนิมาอย่างมึนๆ งงๆ ไปก่อนนะคะ
เจอกันเรื่องหน้าค่ะ (ถ้ามีเวลาเขียน)
“Sandglass’’
หรือจะ...น้องปั๊บกับ??? ก่อนดี???
ขอบคุณค่ะ^^