วันนี้มาแล้วค่ะ คิดถึงคุณผู้อ่านมาก ๆ ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ให้การติดตามอย่างอบอุ่นมาตลอด ขอบคุณมากค่ะ +เป็ด&+โหวต
28
เดือนที่สามของปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าเชื่องช้าในความรู้สึกของอธิปพงศ์และนิธินที่นับวันรอคอยที่จะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน โดยนิธินที่ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นนอกจากงานหนักที่ถาโถมเข้ามาทุกวัน แต่เขาก็ยังคงหมั่นทักทายคนรักผ่านหน้า Facebook อย่างสม่ำเสมอ เขากับคนรักยังมีความรู้สึกดี ๆ ให้กันเหมือนเดิม เพียงแค่ได้เห็นหน้าคนรักและพูดคุยกันสั้น ๆ ก็ทำให้หัวใจของชายหนุ่มชุ่มชื่นขึ้นมามาก ก่อนจะกลับไปสู้งานหนักในบรรยากาศตึงเครียดอย่างเดิม
ส่วนอธิปพงศ์ก็คอยให้กำลังใจคนรักอยู่ไม่ขาด เขาเข้าใจดีว่าช่วงนี้คนรักทุ่มเทให้กับงานที่ได้รับมอบหมายแค่ไหน ถึงแม้เขาจะว้าเหว่โดยมีความเหงาอยู่เป็นเพื่อน แต่ก็พยายามทำใจและมองทุกอย่างในด้านดีเสมอ ที่สำคัญเขายังมีงานที่รักและเพื่อนร่วมงานและลูกค้าดี ๆ ที่ร้าน รวมถึงเพื่อน ๆ ของนิธินที่ยังติดต่อกับเขาอยู่ไม่ขาด และมีเพื่อนอย่างกรวัฒน์ที่แม้ช่วงนี้จะหายหน้าไปเพราะติดงาน แต่ก็ทำให้อธิปพงศ์รู้สึกดีที่ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับความเหงาอย่างที่เคยกลัว
เลิกงานวันนี้อธิปพงศ์มากินข้าวที่ร้านของเขียว ลูกค้าประจำที่กลายมาเป็นเพื่อนรุ่นน้องคนสนิทของเขา หญิงสาวยังคงดูสดใสร่าเริงเหมือนเดิม ด้วยความที่เขาและเธอสนิทกันอธิปพงศ์จึงสามารถมารับประทานอาหารได้ในเวลาที่ร้านจะปิดแล้วอย่างนี้
"ช่วงนี้พี่หมูเป็นไงมั่งคะ"
“เรื่อย ๆ หน่ะจ้ะ” อธิปพงศ์ตอบยิ้ม ๆ ถึงแม้ช่วงนี้เขากับนิธินจะไม่ได้ออนไลน์คุยกันเลย แต่การพูดคุยสั้น ๆ ในหน้า Facebook ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าเขายังคงใกล้ชิดกับคนรัก
“อืม ตอนนี้คอนโดของเพื่อนมาร์โค่เค้าขายไปแล้วนะคะ เขียวขอโทษที่ช่วยคุยให้ไม่ได้ เพราะเค้าก็อยากได้เงินเร็ว ๆ หน่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ” อธิปพงศ์ไม่ถือสา “พี่ก็ยังไม่แน่ใจเลยอ่ะ เพราะก็ไม่ได้คุยกับนิธินเลย”
“อ่าวเหรอคะ”
“จ้ะ เค้างานยุ่งหน่ะ ส่วนใหญ่ก็คุยกันสั้น ๆ ในหน้าเฟชบุ๊ค”
“ก็ดีแล้วหล่ะค่ะพี่หมู ยังติดต่อกันบ้าง ดีกว่าหายไปเลย”
“อืม” เขาถามรุ่นน้องต่อ “น้องเขียวเคยห่างกับแฟนนาน ๆ มั๊ย”
อธิปพงศ์พูดออกมาเหงาๆ เพราะไม่สามารถปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองได้เมื่ออยู่กับผู้หญิงอย่างเขียว ส่วนหญิงสาวได้ยินอย่างนั้นก็หันมาตอบเพื่อนรุ่นพี่อย่างใจดี
“เคยค่ะ แต่เขียวว่าไม่น่าจะเหมือนพี่หมูกับคุณนิธินหรอก”
“ยังไงอ่ะ”
“ตอนนั้น เขียวเคยสอบปลัดอำเภอได้นะ รู้มั๊ยคะว่าเขียวได้ทำงานที่ไหน...อำเภอศรีสาคร นราธิวาสค่า”
“เหรอ..” อธิปพงศ์ตกใจเล็กน้อยและฟังต่อ
“ค่ะ อันที่จริงเขียวก็ไม่ใช่คนดีนักหรอกนะคะ เพราะก็ไม่ได้คบใครจริงจัง แต่ก็ไม่แคร์นะ มีความสุขก็พอแล้ว พอเขียวได้งานอย่างนั้น พี่หมูเชื่อมั๊ยไอ้ที่เคยคุยด้วยหายไปหมดเลย เหลืออยู่คนเดียวนี่แหล่ะ ก็คือมาร์โค่”
“อืม..”
“มีวันนึง มีชาวบ้านมาหาเขียวและบอกว่า มีฝรั่งพูดไทยไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่ที่ในตลาด เหมือนจะมาหาคนชื่อเขียว เขียวเลยรีบขับมอเตอร์ไชค์มาดู ก็เลยเห็นมาร์โค่ยืนอยู่หน้าร้านน้ำชา”
“โห...” อธิปพงศ์ตกใจกับเรื่องราวของรุ่นน้อง “แล้วไงต่อ”
“เขียวก็วิ่งเข้าไปหาเลยสิคะ ตกใจมากว่าเค้ามาได้ยังไง อีกอย่างตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นแฟนกันเลยด้วยซ้ำ เค้าบอกว่า เค้าเป็นห่วงเขียวมากๆ” หญิงสาวอมยิ้มน้อย ๆ
“ตอนนั้นเขียวน้ำตาซึมเลยนะคะ ทั้ง ๆ ที่เค้าไม่เคยไปไหนนอกจากในกรุงเทพฯแต่อุตส่าห์ดั้นด้นมาหาเพราะอยากมาดูว่าเขียวเป็นยังไง ทั้งที่ความจริงเค้าหน่ะน่าเป็นห่วงกว่าเขียวตั้งเยอะ”
“ก็จริงนะ..”
“เค้าเล่นไม่กลัวระเบิดอย่างนี้ ก็ได้ใจเขียวไปเลยค่ะ เราก็ลองคบกันดูหลังจากนั้น โดยที่เค้าอยู่กรุงเทพฯแต่เขียวยังอยู่ที่นราฯ อยู่อย่างนั้นสักปีหน่ะค่ะ จนช่วงนั้นเค้าเห็นว่ามีระเบิดบ่อย เค้าเลยขอให้เขียวลาออก มาแต่งงานกับเค้าดีกว่า”
“อืม...”
“ช่วงที่ห่างกันก็คิดถึงนะคะ แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ อาจจะเพราะเขียวเพิ่งจะจริงจังกับเค้ามั๊งพี่ แต่ก็กลัวนะ กลัวว่าเค้าจะเจอคนใหม่และก็เลิกกับเรา มันเป็นความกลัวมากกว่าความคิดถึงหน่ะพี่ บางทีเค้าก็ไม่รับโทรศัพท์ไม่ตอบอีเมลล์ ไม่ได้ติดต่อกันจนเขียวคิดว่าเค้าจะเลิกกับเราไปแล้ว แต่มารู้ตอนหลังว่าเค้าทำงานเก็บเงินจนไม่มีเวลาคุยกับเราต่างหาก ฮ่ะๆ”
“อย่างนี้นี่เอง...” อธิปพงศ์ยิ้มรับ
“ช่วงที่อยู่ห่างกันสำหรับเขียวมันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนะคะ ว่าตกลงเรารักกันจริง ๆเหรอ ตอนนั้นมันยังไม่ชัวร์ว่าเราคบกันจริงจังหรือเปล่าด้วยไง มันอาจจะไม่ได้คิดถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่มีด้วยกัน แต่มันเป็นการคบกันผ่านทางไกลที่เขียวก็ดันมาจริงจังซะด้วย แต่ก็โชคดีค่ะ ที่เวลาหนึ่งปีกับระยะทางมันทำให้เรารู้ว่าจริง ๆแล้วเรารักกัน”
“จ้ะ” เขารับคำรุ่นน้องยิ้ม ๆ เพราะรู้สึกดีที่ได้พูดคุยกับหญิงสาว
ในตอนนี้ชายหนุ่มพอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมเกย์ถึงต้องมี “เพื่อนสาว” สักคนไว้เคียงข้าง คอยปรับทุกข์ พูดคุย แลกเปลี่ยนทัศนคติในหลายเรื่องที่เพื่อนผู้ชายด้วยกันไม่มีทางอ่อนไหวพอที่จะเข้าใจและยอมรับความเป็นจริงของมนุษย์ที่มีมุมโศกเศร้าและอ่อนแอ ในเมื่อความรักเปลี่ยนเขาให้เป็นคนที่มีความรู้สึกซับซ้อนและอ่อนไหวมากขึ้น การได้พูดคุยและปรับทุกข์กับผู้หญิงอย่างเขียวก็ทำให้เขามีสติและมีความสบายใจกลับมาทุกครั้ง
ความรักครั้งนี้ของเขาก็คงคล้ายกับเขียวที่เป็นการคบกันจริงจังผ่านทางไกล เมื่อได้ฟังประสบการณ์ของรุ่นน้องแล้ว ก็ทำให้ใจชื้นขึ้นมามากกับเรื่องราวความรักของตัวเอง
กรวัฒน์ในชุดครึ่งเครื่องแบบกลับถึงคอนโดมิเนียมแถวลาดพร้าวของตัวเองในยามดึก ในมือเขาถือลังกระดาษขนาดกลางมาด้วย ชายหนุ่มเปิดประตูห้องและนั่งลงกับโซฟารับแขก ก่อนจะหยิบอัลบั้มรูปถ่ายในลังกระดาษที่วางอยู่ขึ้นมา
เขายิ้มให้กับอัลบั้มรูปถ่ายด้วยฟิล์มพวกนี้ที่เพิ่งแวะไปเอามาจากบ้านที่ลพบุรี เมื่อเขาเปิดดูก็พบรูปถ่ายของตัวเองและอธิปพงศ์ในวัยอนุบาลจึงยิ้มขำออกมาเบา ๆ ที่ตัวเองกับเพื่อนกำลังแก้ผ้าเล่นน้ำในสระเป่าลมด้วยกัน ต่อมาเป็นรูปที่โรงเรียนอนุบาลและเป็นรูปตอนไปเที่ยวงานวันเด็ก เขานึกขำที่ตัวเองกับเพื่อนเคยไปเล่นซนในที่ต่าง ๆ มาด้วยกัน และอัลบั้มต่อมาก็เป็นรูปในตอนประถม ทำให้เขานึกถึงสมัยเด็กที่ชอบไปเตะบอลและขี่จักรยานรอบค่ายที่เขาอาศัยอยู่ ไม่ก็ไปเล่นในสวนของแม่อีกฝ่ายในวันหยุด จนมาถึงตอนมัธยมต้นที่ทั้งสองยังคงสนิทสนมกันเหมือนเดิม แต่พอขึ้นมัธยมปลายเขากับอธิปพงศ์ก็เริ่มห่างกันมากขึ้น จนเมื่อเข้าสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ตอนม.5 เขาก็ไม่ได้เจอกับอธิปพงศ์จนเพิ่งมาเจอในงานฤดูหนาวลพบุรีเมื่อปลายปีที่แล้ว
เขาถอนหายใจและพิงกายกับโซฟานุ่ม ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขามองเพื่อนในสายตาที่เปลี่ยนไป
กรวัฒน์ยิ้มเมื่อนึกถึงความสุขตอนที่ได้อยู่กับอธิปพงศ์ ถึงแม้อีกฝ่ายจะวางตัวปกติแต่เขาก็รู้สึกว่าเพื่อนมีเสน่ห์มากกว่าแต่ก่อน นึกแล้วชายหนุ่มก็ตลกตัวเอง ที่ตอนนี้กำลังหลงรักเพื่อนของตัวเองเข้าให้แล้ว และเป็นความรักที่ช้าไปมากเสียด้วย เพราะอีกฝ่ายก็มีความรักกับคนรักที่จริงจังมั่นคง เห็นทีว่าเขาคงต้องรีบตัดใจก่อนที่จะเสียความเป็นเพื่อน และเสียใจไปมากกว่านี้
“เฮ้ออ..เสร็จซะที” นิธินเดินตัวปลิวออกมาจากห้องประชุมพร้อมทีมโปรแกรมเมอรเขาดีใจและโล่งใจเพราะงานหนักที่เขาและเพื่อนร่วมงานทุกคนทุ่มเทมานั้นผ่านการเห็นชอบจากผู้บริหาร ทำให้เขารู้สึกหายเหนื่อยขึ้นมาเป็นปลิดทิ้ง และก็อุ่นใจขึ้นเล็กน้อยว่าโอกาสที่จะกลับไปรับตำแหน่งใหม่ที่กรุงเทพฯนั้น พอปรากฏเค้าลางแห่งความเป็นไปได้มาบ้างแล้ว
“นิธินๆๆ” เพื่อนร่วมงานผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาเรียก
“วันนี้ไปฉลองกัน”
“ที่ไหนเหรอ”
“ไปแถวอาบูฮาลีไง เนี่ยพวกเราไปกันหมดเลย นายไปด้วยกันสิ”
“ได้ครับ ขอบคุณมากนะ” นิธินรับคำอย่างง่ายดาย ถึงแม้จะอยากกลับห้องไปนอนพักผ่อนและตื่นมาคุยกับคนรักยามดึก แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เพราะถือเป็นการเสียมารยาทกับเพื่อนร่วมงาน
“ดีๆๆ งั้นเดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกันและไปต่อเลยนะ” คนชวนตอบรับก่อนจะลากชายหนุ่มไปรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมงานที่เหลือ นิธินยิ้มให้ทุกคนอย่างเป็นมิตร ถึงแม้จะยังไม่สนิทกันเหมือนเพื่อนร่วมงานที่กรุงเทพฯ แต่ทุกคนก็ดูเป็นมิตรกับเขาตามประสาชาวอินเดียด้วยกัน
เขาและเพื่อนร่วมงานมากินดื่มให้กับความเหน็ดเหนื่อยที่ผับอินเดียในโรงแรมแถวถนนอาบูฮาลี เพราะที่ดูไบนี้ไม่สามารถซื้อหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เสรีมีเพียงเฉพาะในที่มิดชิดอย่างโรงแรมและผับเท่านั้นที่ได้รับอนุญาต ทุกคนชนแก้วฉลองให้กับความสำเร็จและเต้นรำกันอย่างสุดเหวี่ยง ยกเว้นนิธินที่แค่ดื่มพอเป็นพิธี เมื่อเห็นว่าหลายคนเริ่มเมาแล้ว เขาจึงค่อยปลีกตัวออกมาจากผับเพื่อจะกลับไปพักผ่อน นิธินทั้งง่วงทั้งอ่อนเพลียกับการใช้ร่างกายอย่างหนักมาหลายวันติดกัน เขารู้สึกขอบคุณเจ้านายที่เห็นว่างานของพวกเขาเข้าตา และขอบคุณที่พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์*เขาจะได้หยุดเพื่อนอนให้เต็มอิ่มชดเชยเวลาที่ผ่านมา เขามองบรรยากาศของดูไบยามราตรี ที่ท้องฟ้ามืดมืดถูกแต่งแต้มด้วยแสงไฟถนนสีนวลตา และไฟจากอาคารรูปทรงทันสมัยที่แข่งกันเปล่งแสงล้อดาวบนท้องฟ้า คืนนี้อากาศกำลังดี ไม่ได้หนาวแห้งๆ เหมือนทุกคืนที่ผ่านมา นิธินมองไปรอบตัวและคิดถึงคนที่เขารัก อยากให้อธิปพงศ์มาอยู่ที่นี่ในตอนนี้ด้วยกัน เดินจับมือกันดูแสงสีและนั่งแอบอิงกันริมน้ำเหมือนคู่รักรอบๆ แต่พอนึกถึงความเป็นจริงแล้วก็ยิ้มขำกับความคิด เพราะที่นี่ไม่ได้ยอมรับเกย์เหมือนเมืองไทย แม้จะมีเกย์อยู่ไม่น้อยก็ตาม นิธินกำลังคิดต่อว่า นี่กำลังเข้าสู่เดือนที่สี่ของการห่างไกลแล้ว ชายหนุ่มถอนหายใจออกมากับเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
"เหลืออีกสามเดือนสินะกับการทำงานที่นี่"
นิธินคิดอย่างนั้น ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปบรรยากาศตัวเมืองในมุมโรแมนติก และก็อัพโหลดในเฟชบุ๊คของตัวเอง โดยไม่ลืมแท็กคนรักและพิมใต้รูปว่า
"Beautiful Dubai night, but it would be better if you stay with me"
อธิปพงศ์กลับมาที่ห้องและอาบน้ำ ต่อด้วยบำรุงผิวและกินวิตามินก่อนนอนตามปกติ พร้อมกับเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อออนไลน์พูดคุยกับคนรัก เมื่อเปิดดูวอลล์ของตัวเองเขาก็ยิ้มออกเมื่อเห็นว่าคนรักมาโพสไว้
“ดีใจจังโปรเจ็กต์นี้ผ่านแล้ว แต่ต้องไปฉลองกับเพื่อน ๆ เสียดายที่ไม่ได้มาคุยกับคุณ.. คิดถึงนะครับ พรุ่งนี้เจอกันในSkype นะ ^ - ^ ”
อธิปพงศ์ยิ้มกว้างดีใจที่เห็นอย่างนั้น แต่ก็ดีใจยิ่งขึ้นเมื่อได้เห็นรูปที่คนรักเพิ่งจะแบ่งบันในหน้าวอลล์ให้ เมื่ออธิปพงศ์อ่านคำบรรยายใต้รูปภาพก็สามารถรับรู้ความรู้สึกที่คนรักส่งมาให้ได้ทันที เขากดไลค์ให้รูปนั้น ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาเปิด Whatsapp แล้วพิมไปว่า
“ที่รัก ทำอะไรอยู่”
นิธินยิ้มดีใจที่ได้รับการทักทายจากคนรัก เพราะนี่เป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์กว่าที่จะได้คุยตอบโต้กันสดๆ อย่างนี้
"กำลังกลับห้องหน่ะ"
"อ่าวเหรอ ตอนนี้ที่ดูไบกี่ทุ่มหน่ะ สี่ทุ่มครึ่งเองไม่ใช่เหรอ"
"ครับ แต่ผมเพลียๆ หน่ะเลยขอกลับมาก่อน"
"อ่าวเหรอ เป็นไง ปาร์ตี้สนุกมั๊ย"
"ก็ดีครับ" และนิธินก็พิมต่อมาว่า "ที่นี่ตอนกลางคืนสวยมากนะ อยากให้คุณมาอยู่ด้วยจังเลย"
"อืม สวยดีผมเห็นแล้ว...ผมก็อยากไปเดินกับคุณเหมือนกัน"
นิธินเลยลองชวนคนรักดู
"มามั๊ยล่ะ"
"พูดเป็นเล่นน่า "
"ถ้าคุณมา ผมออกค่าตั๋วให้เอามั๊ย"
อธิปพงศ์ได้ยินอย่างนั้นก็รีบค้าน
"ไม่ได้นะครับ ตั๋วไปที่นู่นแพงจะตาย เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า"
นิธินอมยิ้มเมื่อได้ยินอย่างนั้น "หมายถึงเอาไปใช้เรื่องบ้านใช่มั๊ย"
"อื้ม ก็ทำนองนั้น"
นิธินยิ้มกว้างดีใจเมื่อรู้ว่าคนรักเห็นความสำคัญของสิ่งเดียวกัน โดยที่พยายามเก็บหอมรอบริบสำหรับที่อยู่ถาวรอันเป็นที่พำนักในอนาคตของพวกเขา
"เอ้อ..ผมว่าคุณกลับหอแล้วค่อยออนสไกป์ดีกว่า เดี๋ยวผมรอนะ"
"ครับ ได้เลย แล้วเจอกันนะ"
คนทั้งสองยิ้มให้มือถืออย่างมีความสุข อธิปพงศ์รู้สึกดีใจที่การรอคอยผ่านพ้นไปครึ่งทางแล้ว เขากับคนรักก็ยังมีใจตรงกันเหมือนเดิม ทว่ารู้สึกผูกพันและแนบแน่นยิ่งกว่าเก่าด้วยซ้ำ เขาเปิดรูปคนรักในมือถือแล้วอมยิ้ม ถึงแม้จะแอบค่อนขอดตัวเองเล็กน้อยว่าสุดท้ายแล้วเขาก็มาตกลงปลงใจกับผู้ชายด้วยกันตอนสามสิบ แต่เขาก็มีความสุขและโชคดีที่ได้พบเจอกับความรักอันแสนจะอบอุ่นอย่างนี้
และอธิปพงศ์กับนิธินก็ได้รับข่าวดีเรื่องที่อยู่ใหม่ เพราะว่ามีคอนโดมิเนียมใหม่ย่านเอกมัยแห่งหนึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้ทุกอย่าง ชายหนุ่มจึงไปขอดูห้องตัวอย่างและคิดว่าที่นี่ลงตัวที่สุดแล้วเท่าที่เคยดูมาทั้งที่ตั้ง,สิ่งอำนวยความสะดวกและราคา จึงนำไปปรึกษากับคนรัก เมื่อนิธินเห็นดีด้วยทุกอย่างแล้วอธิปพงศ์จึงไปจับจองตามกำหนด และโชคดีที่ว่าเขาผ่านคุณสมบัติทางการเงินที่กำหนดไว้และสามารถจับจองได้ทันท่วงที เมื่อตกลงสัญญาและวางเงินดาวน์เรียบร้อยแล้วก็สามารถเข้าอยู่ได้ทันที อธิปพงศ์จึงไม่ลังเลที่จะย้ายเข้ามาอยู่เพื่อรอคนรักที่จะกลับมาในไม่ช้านี้ และวันนี้หลังเลิกงานอธิปพงศ์ก็กำลังขนย้ายสิ่งของไปที่อยู่ใหม่โดยมีกรวัฒน์อาสามาช่วย
“มึงไม่ลืมอะไรแน่นะ” กรวัฒน์หันมาถามอธิปพงศ์ก่อนจะปิดท้ายรถฟอร์จูนเนอร์คันโตของเขา
“ไม่ลืม กูเช็กเรียบร้อยแล้ว”
“เออ งั้นก็ไป”
ชายหนุ่มทั้งสองขึ้นรถโดยมีกรวัฒน์เป็นคนขับ นายทหารหนุ่มจะหันมาคุยกับเพื่อน แต่พอเห็นอธิปพงศ์กำลังคุย Whatsapp กับคนรักเลยต้องชะงักและเงียบไป
“เป็นไรวะเงียบเชียว” อธิปพงศ์ถามเพื่อน แต่ก็กำลังคุยกับนิธินอยู่เช่นกัน
“อ่าว ก็เห็นมึงกำลังคุยกับแฟน จะให้กูคุยอะไรล่ะ”
“หึหึหึ ไม่รู้ เห็นปกติมึงต้องโม้ตลอด”
“แหม่ ๆ กูก็มีกาลเทศะนะโว้ย”
“เออ ๆ ครับ ผู้พัน”
อธิปพงศ์ตอบรับโดยไม่ได้หันมามอง จึงไม่ได้เห็นสายตาของเพื่อนที่มองเขาด้วยความรู้สึกที่ไม่เหมือนแต่ก่อน แม้จะยังพูดจาเล่นหัวกันอยู่ แต่ในใจของชายหนุ่มนั้นก็ทั้งสุขและเศร้าไปพร้อม ๆ กัน กรวัฒน์รู้ดีว่าเขากำลังทำอะไร เขาไม่ได้คิดจะเปลี่ยนอธิปพงศ์ให้เป็นของเขา แต่ขอแค่ได้ช่วยเหลือและคบหากันแบบเพื่อน ก็ทำให้เขามีความสุขมากพอแล้ว
อธิปพงศ์กับกรวัฒน์ถึงที่อยู่ใหม่ในไม่ช้า พวกเขาช่วยกันขนย้ายสิ่งของที่มีแค่เสื้อผ้า เครื่องนอน กับของใช้อีกเล็กน้อยมาไว้ที่ห้องใหม่ของอธิปพงศ์ กรวัฒน์ขอเดินดูทั้งห้องและมานั่งคุยกับเพื่อนที่โซฟารับแขก
“โห ห้องมึงสวยว่ะ” เขาพูดได้แค่นั้นเพราะกลืนคำว่า “วันหลังกูมาได้มั๊ย” ลงคอไปแล้ว
“อืม ใช่ นิธินก็ชอบ” อธิปพงศ์พูดยิ้ม ๆ โดยไม่ทันได้เห็นสายตาเจ็บปวดของกรวัฒน์ที่แอบซ่อนอยู่ในรอยยิ้มร่าเริง
“กูว่าดีแล้วหล่ะ ใกล้ ๆ บีทีเอส ใกล้โรงหนัง แถมไม่ไกลจากแอร์พอร์ตลิงค์อย่างนี้ เฮ้ออ คอนโดที่กูอยู่นี่กลายเป็นบ้านนอกไปเลย ฮ่ะๆๆ”
“วันหลังมึงมานอนเล่นห้องกูก็ได้” อธิปพงศ์บอกกับเพื่อน แต่กรวัฒน์ใจเต้นแรงที่ได้ยินคำพูดนั้น แต่ก็ยังฝืนยียวนตามประสา
“ไว้กูมาเมาแถวนี้นะ”
“เออ ฮ่ะๆๆ” อธิปพงศ์ยิ้มขำกับเพื่อน กรวัฒน์หัวเราะสบทบเหมือนไม่มีอะไร แต่ในใจของเขากลับระคนไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนักที่ต้องฝืนทำแบบนี้ เขาเตือนตัวเองเสมอ ไม่ว่าอย่างไรอธิปพงศ์จะต้องเป็นของนิธินคนเดียวเท่านั้น เขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับความรักของเพื่อนได้ ในเมื่อเขาเป็นคนเริ่มเขาก็จะหาทางจบความรู้สึกนี้ที่ก่อตัวในใจของเขาด้วยตัวเขาเอง
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
ปล.*วันหยุดสุดสัปดาห์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรส คือวันศุกร์(เพื่อให้ประชาชนไปละหมาดยุมอะฮฺตามหลักศาสนาอิสลาม) และวันเสาร์ค่ะ