ความรักในแบบของเรา มันไม่ใช่ความรักในแบบที่ธรรมชาติอยากให้เป็น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่มีรักที่ผิดธรรมชาติอย่างเราจะไม่มีทางพบรักแท้ เพราะหลายๆคู่ที่เราเคยเห็นหรือเคยได้รับรู้เรื่องราวของเค้า
ไม่ว่าจะเป็นความรักของเกย์กับเกย์หรือผู้ชายกับกระเทยอย่างเรา
ก็มีอยู่หลายต่อหลายคู่ที่เค้ารักกันอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
แต่สำหรับเราเราคงไม่ใช่คนที่โชคดีอย่างเค้า....
เพราะในที่สุดความรักของเรากะภีมก็เกิดปัญหาขึ้นจนได้......
-------- #### เรื่อง “ รักของเราสามคน ” ๑๖ #### ---------
ช่วงนั้นเป็นช่วงเดือนตุลาคม .......
ในที่สุดช่วงเวลาของการปิดเทอมก็หมดไป
เราก็ต้องกลับมาอยู่หอเหมือนเดิมกลับมาใช้ชีวิตแบบเด็กมหาลัยอีกครั้ง....
ความสัมพันธ์ของเรากะภีมก็ยังเป็นเหมือนเดิม
เราไม่เคยไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างแฟนคู่อื่นๆ
แต่เราจะทดแทนเวลาเหล่านั้นด้วยการโทรศัพท์คุยกันทุกคืน
คืนละหลายๆชั่วโมงหรือบางทีเราก็แอบนัดเจอกันมาคุยกันตรงรั้วที่กั้น
ระหว่างรอของเราสองคน... ซี่งเราก็มีความสุขดี....
แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วสำหรับการที่เราสองคนมีให้กัน...
แต่แล้วปัญหามันก็เกิดขึ้นจนได้...
ในคืนหนึ่ง... ตอนนั้นเรากำลังคุยโทรศัพท์กันอย่างที่คุยกันทุกๆวัน
“ แกรักเค้ามากมั้ย??? ” ภีมถามเราขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ออกจะทะเล้นๆหน่อย
“ นี่ยังไม่รู้อีกเหรอ..... ป่านนี้แล้ว ” เราพูด
“ ทำไมแกถึงรักเค้าอ่ะ.... คนอื่นๆดีกว่าเค้าตั้งเยอะ.. หล่อกว่าเค้าด้วย ” ภีมพูด
“ คนที่เค้าจะรัก.. ไม่ได้ต้องดีหรือต้องหล่ออะไรมากมายหรอกนะ...
ถ้าเห็นแล้วชอบคุยกันรู้เรื่อง... ก็โอเคแล้ว และที่สำคัญ... หล่อไม่หล่อไม่สำคัญ..
แค่เป็นคนที่มีเสน่ห์เป็นพอ..” เราพูด
“ อืม... แล้วตกลงทำไมแกถึงรักเค้าล่ะ... ” ภีมพูด
“ ไม่รู้ดิ... แต่แกมีเสน่ห์น่ะ ” เราพูดไปตามที่คิด
“ เค้าไม่ค่อยจะดีกะแกเลย... หลายต่อหลายครั้งเค้าก็ทำไรที่แกไม่ชอบ..” ภีมพูด
“ ไอ้เรื่องทำดีกะเค้าอ่ะ... ไม่เห็นต้องชีเรียสเลย...
เค้าก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายซะหน่อย...” เราพูด
“ เค้ามีอะไรที่แกไม่ชอบมั้ย??? ” ภีมพูด
“ ก็มีนะ... เค้าไม่ชอบเวลาที่แกไม่ดูแลตัวเอง.. ไม่ชอบเวลาที่แกไปกินเหล้า
แล้วได้นอนน้อย... ไม่ชอบเวลาที่แกกินข้าวไม่ตรงเวลา...
ไม่ชอบเวลาที่แกมีปัญหาอะไรแล้วแกไม่บอกเค้า... ไม่ชอบเวลาที่แกป่วย... แค่นี้ล่ะมั้ง” เราพูด
“ อืม... ” ภีมมันตอบกลับมาเบาๆ จนเราอดแปลกใจไม่ได้... ตอนนั้นเราก็เงียบ...
มันก็เงียบ... เราถึงได้เอาสิ่งที่ภีมถามๆมามาคิด การคุยในครั้งนี้มันแปลกไปจากทุกๆครั้ง
คำถามที่ภีมถามเรามันเป็นคำถามที่ภีมไม่เคยถามเลย ภีมมันต้องมีอะไรแน่ๆ
“ แกมีอะไรรึป่าว??? วันนี้แกดูแปลกๆนะ ” เราพูด
“ เค้าว่าเค้าจะเปลี่ยนเบอร์มือถืออ่ะ... ” ภีมพูดเสียงเรียบ
“ คงไม่ใช่เรื่องนี้หรอกนะที่แกอยากจะบอกเค้าหนะ...” เราพูด
“ แกจะสามารถรักใครได้เท่าเค้าป่ะ ?? ” ภีมพูด
“ อนาคตไม่รู้หรอก... แกก็รู้ว่าเค้ารักใครยาก... แต่ถ้าตอบตอนนี้...
เค้าคงรักใครได้ไม่เท่าที่รักแกหรอก...” เราพูด
“ แกจะเลิกรักเค้าได้มั้ย??? ” ภีมพูดประโยคนี้ด้วยเสียงสั่นๆ
“ ทำไมล่ะ??? ” เอาถามไปทั้งๆที่ตอนนั้นรู้สึกใจหายมากที่ได้ยินที่ภีมพูด
“ ระหว่างเราคงไปกันไม่ได้หรอก... แกก็รู้.. เราจะอยู่กันยังไง... ไหนจะที่บ้านเค้าอีก...
สังคมรอบๆตัวเราอีก ” ภีมพูด
“ ทำไมเราไม่มองแค่วันนี้ล่ะ.... แค่ทุกวันนี้เรามีความสุขมันก็โอเคแล้ว ” เราพูดทั้งที่น้ำตากำลังไหล
“ ยังไงวันนึงเราก็ต้องเลิกกันอยู่ดี... เลิกกันตั้งแต่ตอนนี้ไม่ดีกว่าเหรอ...
จะคบกันไปจนถึงวันที่เรารักกันมากๆแล้วค่อยเลิกกันเหรอ...” ภีมพูดด้วยเสียงที่สั่นๆของมัน
“ ถ้าแกคิดแบบนั้นก็ตามใจแกแล้วกัน.... เค้าคงเปลี่ยนความคิดแกไม่ได้ ”
เราพยายามทำใจแข็งแล้วพูดออกไป
“ เค้าจะช่วยแกทำใจนะ... ” ภีมพูด
“ ไม่ต้องหรอก.... ” เราพูด แล้วเราก็กดวางสายไปเลย.....
เรานั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่ไม่รู้.......
นี่สินะ.... ความรักที่มันผิดธรรมชาติ
ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิง............ ในที่สุด.. เรามันก็แค่ส่วนเกินอยู่ดี
เราโง่เองแหละ.. ที่อยากจะฝืน...
สุดท้ายก็ต้องมานั่งร้องไห้คนเดียว.....
เรานั่งคิดไปเรื่อยเปื่อยปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา............ ไหลออกมาให้หมด.................
ภาพทุกภาพที่เรากะภีมเคยมีร่วมกัน..........
ทุกคำพูด....
ทุกความรู้สึกที่เราเคยมอบให้กัน..
เคยช่วยเหลือกัน........
มันยังวนเวียนอยู่ในความรู้สึก....
แล้วเราก็อดที่จะทำใจยอมรับไม่ได้...
หากสิ่งต่างๆเหล่านั้นมันไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแล้ว..........................
****************************************
เรานั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นจนมันไม่มีน้ำตาให้ร้อง..................
เราก็เดินขึ้นไปบนห้องที่พวกเพื่อนๆเรามันนั่งสุมกันอยู่
“ แหม...... คุยกันเสร็จแล้วเหรอ ” บิวแซวเราเป็นคนแรก
“ หวานกันมาอีกล่ะสิ... ” แช็ปแซวบ้าง
เราไม่ได้ตอบอะไรพวกมันไปทั้งนั้น..... เพียงแต่มองพวกมันด้วยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา.....
พวกมันก็ตกใจกันใหญ่ ลุกขึ้นมาที่เราที่นั่งอยู่บนเตียง
“ เป็นอะไร.... ทำไมร้องไห้ ” บิวพูดด้วยเสียงตกใจ
“ ภีมมันบอกเลิกเค้าอ่ะ... ” เราพูดแล้วก็ร้องไห้อีก
“ ทำไม... มีอะไรไหนเล่ามาดิ๊.. ” น๊อตพูด
เราก็เลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้พวกเพื่อนๆเราฟังรวมทั้งฮัทด้วย เพราะมันก็นั่งอยู่ในห้อง
เราเล่าไปก็ร้องไห้ไปด้วย........................... พวกมันก็ช่วยปลอบเรา
***************************************************
หลังจากวันนั้น..........
พวกเพื่อนๆเรามันก็พาเราไปเที่ยวหลายๆที่ ทั้งดูหนัง....
โยนโบว์ ร้องคาราโอเกะ หรือขี่รถเล่นกัน เพื่อที่จะให้เราสบายใจ
ไม่หมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องภีม ระหว่างเรากะภีมก็ไม่ได้คุยกันไม่ได้เจอกันอีกตั้งแต่วันนั้น....
พอมานึกๆดูในสิ่งที่ภีมมันพูด ก็พอจะรู้แล้วว่าภีมมันจะต้องมีเรื่องอะไรในใจแน่ๆมันถึงเป็นแบบนี้...
แต่ในเมื่อมันเลิกที่จะตัดสินใจด้วยตัวเองโดยที่ไม่ถามหรือปรึกษาอะไรเรา
เราก็จะเคารพการตัดสินใจของมันและทำตามทางที่มันเลือก
แม้ว่ามันจะทำให้เราต้องร้องไห้หรือเสียใจมากๆก็เถอะ...
แต่ในเมื่อคนเค้าเลือกทางเดินของเค้าแล้วและที่สำคัญบนทางเดินที่เค้าเลือกมันไม่ได้มีเราอยู่ด้วย
เราจะทำอะไรได้.... ก็คงต้องก้มหน้ารับกับสิ่งที่ภีมมันเลือก...
ผ่านไปประมาณหนึ่งอาทิตย์ แน่นอนว่าเรายังทำใจไม่ได้อยู่ดี
มีหลายครั้งที่เราอยากจะโทรไปหามันแต่แล้วสุดท้ายเราก็ล้มเลิกความตั้งใจนั้น....
ในหลายๆคืนเรามักจะนอนไม่หลับ เพราะในหัวมันมีแต่คำถามว่าทำไม? ทำไม? และทำไม?
ภาพที่เราเคยทำอะไรด้วยกันคุยกัน... ภาพเหล่านั้นมันวนเวียนในสมองจนเรานอนไม่หลับ...
จนหลายครั้งเราหลับไปพร้อมกับน้ำตา... ทุกๆครั้งที่มองไปตรงที่ๆเราเคยยืนด้วยกัน
เคยแอบไปคุยกัน เราก็อดที่จะน้ำตาไหลไม่ได้.... มันจะไม่มีอีกแล้วจริงๆใช่มั้ย???....
วันหนึ่ง ( ประมาณหนึ่งอาทิตย์จากวันนั้น...) ................................
วันนั้นเป็นวันที่พวกโมเดลด้วยกันนัดเจอกันที่คณะ
เพราะต้องซ้อมการแสดงเนื่องจากจะมีกีฬาสัมพันธ์ระหว่างมหาลัย
และโมเดลเราก็ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนลงโชว์ในงานนี้ด้วย...
พอซ้อมเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ... ตอนนั้นก็ประมาณสี่ทุ่มแล้ว...
แต่พอดีมีเพื่อนที่เป็นโมเดลไม่มีรถกลับ เราก็เลยขี่รถไปส่งมันก่อนแล้ว
เดี๋ยวจะเวียนมารับเติ้งที่คณะอีกรอบนึง เพื่อนเราคนนี้อยู่หอในที่ติดกับหอภีมนั่นแหละ
เราขี่รถไปส่งมันที่หน้าหอ เราก็จอดเราให้มันลงที่หน้าหออะแหละ
แต่ตอนที่เรากลับเรากำลังจะขี่ออกมาจากตรงนั้น
เราก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งขี่รถจ็อกเข้ามาจอดที่ตรงหน้าหอนั้นพอดี ซึ่งรถคันนั้นก็จอดข้างๆกับเรานี่แหละ
จากสายตาที่มองดูก็รู้ทันทีว่าชายหญิงคู่นั้นต้องเป็นมากกว่าเพื่อนกันแน่นอน
ผู้ชายขี่ผู้หญิงซ้อนมือของผู้หญิงคนนั้นก็กอดอยู่ที่เอวของชายหนุ่ม... ทั้งคู่ดูรักกัน..
มันคงเป็นภาพที่เห็นได้ทั่วไปในชีวิตมหาลัยที่จะเห็นชายหญิงที่เป็นแฟนกันขี่รถมาด้วยกันแบบนี้...
แต่ที่มันไม่ใช่ภาพที่เห็นทั่วไปหากผู้ชายคนนั้นมันคือคนที่เรารักมากที่สุด.... ภีมนั่นเอง...
หลังจากที่ภีมมันลงจากรถจ็อก ก็มีการนัดแนะว่าเดี๋ยวจะโทรหากัน จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ขี่รถจ็อกออกไป
เธอเป็นผู้หญิงที่สวยเชียวหละ... ขาว... ผมยาว... หุ่นดี... เราคงจะมองเธอสวยกว่านี้ถ้าเธอไม่ได้มากะภีม
(แววนางร้ายเริ่มออก... ) ภีมยืนโบกมือให้ผู้หญิงคนนั้นจนเธอหันหน้ากลับไป
ส่วนภีมมันก็กำลังจะเดินเข้าหอ พอมันหันกลับมาสายตามันก็สบตากะเราที่มองอยู่ก่อนแล้ว
มันมีท่าทางตกใจในครั้งแรกที่มันเห็นว่าเราอยู่ตรงนั้น
ทั้งเราและมันมองกันอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา...
จนเราทนไม่ไหวจึงพูดออกมาก่อนว่า
“ เค้าขอคุยกะแกหน่อยได้ป่ะ... ” เราพูดด้วยเสียงสั่นๆเพราะตอนนั้นเราแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว...
แต่เรากลั้นไว้เพราะไม่อยากให้มันเห็นน้ำตาของเรา
“ อืม... ได้สิ...เดี๋ยวเค้ารอตรงนี้นะ ” ภีมมันพูดเสียงเรียบ
“ เดี๋ยวเค้ามา... ขอไปรับเพื่อนแปปนึง ” เราพูด แล้วเราก็ขี่รถออกมาจากตรงนั้น
ทันทีที่ขี่รถมาไอ้น้ำตาที่กลั้นไว้ตอนแรกมันก็ไหวออกมาตามที่ใจต้องการ....
เราเช็ดน้ำตาออกจนหมดก่อนที่เราจะขี่รถกลับไปที่คณะเพื่อรับเติ้งกลับหอ...
แต่พอขี่ไปตรงที่จอดรถหน้าคณะเราก็เห็นเจมส์นั่งอยู่กะเพื่อนมัน...
( ถ้าจำกันได้.. เจมส์มันเรียนคณะเดียวกะเรา )
“ เติ้งฝากบอกว่ามันกลับไปแล้วแหละ... เดี๋ยวไปเจอกันที่หอ ” เจมส์พูด
“ เหรอ.... ” เราตอบนิ่งๆ เพราะในตอนนั้นในสมองก็คิดถึงแต่เรื่องภาพที่เพิ่งได้เห็นเมื่อครู่
“ เป็นไรรึป่าว?? ทำไมหน้าตาดูไม่ดีเลย ” เจมส์พูดแล้วเดินมาหาเราที่คล่อมรถอยู่
“ ภีมมันมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่... ” เราถามในสิ่งที่ค้างคาใจ เจมส์มันน่าจะรู้เพราะมันสองคนสนิทกันมาก
“ ก็พักนึงแล้ว.... ” เจมส์พูด
“ ไม่บอกกันเลยนะ ” เราพยายามพูดด้วยเสียงร่าเริง ไม่อยากจะให้มันรู้ว่าเราจะร้องไห้ออกมาแล้ว
“ ขอโทษนะ... ที่ไม่ได้บอก ” เจมส์พูดด้วยหน้าที่รู้สึกผิด
“ เฮ้ย.....ไม่เป็นไรหรอก... ” เรายังพูดด้วยเสียงที่ดูไม่คิดอะไรเช่นเดิม
“ ปอมีไรก็คุยกะไอ้ภีมเองแล้วกันนะ... ” เจมส์พูด
“ อืม... งั้นเค้ากลับก่อนนะ ” เราพูด
“ ดีๆนะ... ” เจมส์พูดแล้วเอามือมาจับมือเรา
“ อืม... ไม่เป็นไรหรอกน่า... ไปแล้ว ” เราพูดแล้วก็ขี่รถออกมาจากตรงนั้น
เราขี่รถกลับไปที่หน้าหอภีม........... ซึ่งมันก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้น
แต่มันเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงขายาวและแต่งตัวดีขึ้นสงสัยคงจะออกไปเที่ยวอีกนั่นแหละ...
พอเราจอดรถเราก็เดินไปที่มัน...
“ มีอะไรจะคุยเหรอ ?? ” ภีมพูดขึ้นขณะที่เรากำลังลงนั่งข้างๆมัน
“ รีบเหรอ... ” เราพูด
“ ก็ไม่มากหรอก เดี๋ยวจะออกไปเที่ยวกะเพื่อนหนะ.. ” ภีมพูด
“ ผู้หญิงคนนั้นแฟนแกเหรอ ?? ” นั่นเป็นคำถามแรกที่เราอยากรู้ที่สุด
“ อืม....... ” ภีมมันตอบหน้านิ่งๆแล้วมันก็ก้มหน้าลง ตลอดเวลาที่คุยกันทั้งเราและมัน
ไม่มีใครมองหน้ากันเลย ต่างฝ่ายต่างก้มหน้ากันทั้งคู่
แต่ก่อนที่เราจะพูดอะไรขึ้นมาอีกเพื่อนภีมก็เดินออกมาจากหอแล้วก็พูดว่า
“ เฮ้ย...ไอ้ภีมเสร็จยังว้ะ... เร็วๆดิเดี๋ยวไม่มีโต๊ะ....” ภีมเลยหันไปบอกเพื่อนมันๆว่า
“ แปปเดียว.... จะเสร็จแล้ว... ”
เราเห็นแบบนี้เรายิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังวุ่นวาย... กำลังเป็นส่วนเกินของมันเข้าไปใหญ่...
เราก็เลยพูดว่า
“ งั้นแกไปเหอะ.... เพื่อนรอแล้ว”
“ แกไม่มีอะไรคุยกะเค้าแล้วเหรอ... ” ภีมพูดด้วยหน้างงๆ
“ ไม่มีแล้ว.... ไม่มีอะไรอีกแล้ว... เค้าไปแล้ว” เราพูดแล้วก็เดินออกมาจากตรงนั้น....
ที่ตรงนั้นที่เราเป็นส่วนเกินของเค้า.................................
เรามีเพลงๆเพลงนึงที่เราชอบมาก.... มันเป็นเพลงที่ตรงกับความรู้สึกของเรามากในตอนนั้น.....
: : ด้านมืดของพระจันทร์ by มิ้นท์: :
ในค่ำคืนดวงจันทร์ถักทอ
ฉายแสงด้านหนึ่งจากฟ้า
แสงจันทร์ด้านนั้นที่เธอใฝ่หา
สวยจับใจเธอ
มองกลับกันที่ฉันอยู่นี้
เป็นเพียงด้านนึงข้างหลัง
ไร้แสงมืดมิดเธอไม่เห็นฉัน
เฝ้าอยู่อย่างเดียวดาย
อีกฝั่งนึงของพระจันทร์
...ฉันคนที่เหงาอยู่ตรงนี้
เธอคงไม่รู้ว่ามีฉัน
เธอได้แต่เห็นฝั่งแสงจันทร์
ฉันแค่ด้านมืดของจันทร์ลางๆ
...ฉันคนที่เหงาอยู่ตรงนี้
ฉันอยู่ตรงนี้อย่างเหน็บหนาว
ได้แต่อ้างว้างปวดร้าวในใจ
ที่เธอไม่เคยเห็นเลย
ด้านมืดแห่งจันทร์
(ซ้ำทั้งหมด)