---------------------------------------------2----------------------------------------
วันนี้ฉันลงไปกับบอม
“วันนี้ครูอุ้ยจะลงไปเหรอครับ”
“ใช่ บอม” ฉันพูดด้วยสีหน้าวิตกกังวล มองดูบอม ดูท่าทางเขาก็กังวลด้วยเช่นกัน ในเวลาแบบนี้ เขามักจะเป็นคู่คิดให้ฉันตลอดเลย
(ระหว่างทาง)
“ครูอุ้ย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ต้องมีสตินะครับ ยังมีคนอีกหลายคนที่เป็นห่วงและเฝ้ารออุ้ยอยู่นะ”
“อืม”
ฉันตอบเค้าได้เพียงแค่นี้ เพราะฉันไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะทำอย่างไร ระหว่างทางลงดอยนั้น ครูบอมเขากุมมือฉันไว้ตลอดเวลา (ยกเว้นตอนเปลี่ยนเกียร์) เขาเป็นคนที่คอยปลอบใจฉันเสมอ ฉันอยากได้บอมเป็นแฟนจังเลย แต่มันเป็นไปไม่ได้แล้ว เราเป็นเพื่อนสนิทกัน แล้วเขาก็มีครอบครัวแล้วด้วย ฉันไม่อยากทำลายความเป็นกัลยาณมิตรด้วยกิเลสตัณหาเหล่านี้
และในสถานการณ์ตอนนี้ ฉันคิดเพียงแต่เรื่องราวระหว่างฉันกับป๊อปเท่านั้น
ฉันลงที่หน้าทางเข้าบ้านพักตำรวจ บรรยากาศมันไม่เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่ฉันเดินผ่านแถวๆ นี้เลย โดยปกติฉันจะเดินจากจุดนี้ไปตลาดด้วยหัวใจพองโตมีความสุข แล้วหิ้วสิ่งของต่างๆ มาทำอาหารประดุจแม่ศรีเรือน แต่วันนี้ ฉันเดินเข้าเขตบ้านพักตำรวจอย่างโดดเดี่ยว เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวฉันมันอึมครึม ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างเป็นที่สุด
(ความรัก มันทำร้ายคนคนนึงได้ขนาดนี้เชียวหรือ)
ฉันเป็นประตูเข้าบ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกนี่สิ มันดูไม่คุ้นเคยอย่างที่เป็นเอาซะเลย ฉันมุ่งหน้าเดินเข้าไปในห้องนอนของเขา สายตาสอดส่อง และพยายามค้นหาความจริงอะไรบางอย่าง แต่ฉันก็ไม่พบอะไร นอกจากเสียงหัวใจฉันที่มันเต้นรัวๆ เท่านั้น
(ป๊อป เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ ฉันรู้สึกยังไง ทำไมเธอทำกับฉันแบบนี้)
ฉันนั่งลงบนขอบเตียง มือกุมหน้าผาก ถอนหายใจอย่างไร้สติ ใกล้จะถึงเวลาเขาเลิกงานแล้วล่ะสิ ฉันจะต้องทำยังไงดี ฉันจะพูดยังไง เริ่มยังไง บทสนทนาที่จะเกิดขึ้นมันจะเป็นยังไงนะ ฉันสับสนเหลือเกิน ฉันคิดอะไรไม่ออกแล้ว ฉันเหงา อยากมีคนคุยด้วยจริงๆ ฉันจับโทรศัพท์โทรหาครูบอม
“หวัดดีครับ”
“เออ บอม...........เอ่อ ถึงไหนแล้วน่ะ”
“ก็เลยแยก XXXXX ออกมาแล้วล่ะ ครูอุ้ยมีอะไร”
“เปล่า คือว่า.................”
“อยู่บ้านเค้าแล้วเหรอ”
“อืม”
“ได้คุยกันหรือยัง”
“ยังหรอก เขายังไม่กลับมาเลย”
“แล้วนี่ เหงาเหรอถึงโทรหาผม”
“เอ่อ....อืม ฉันไม่รู้จะทำยังไงต่อดีบอม ถ้าเขากลับมา ฉันจะทำยังไง”
“ครูอุ้ย ผมไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของคนสองคนนะครับ ยังไงครูอุ้ยก็ต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่องไปเลยจะดีกว่านะครับ ผมเข้าใจนะว่ามันจะเจ็บปวด ทรมานขนาดไหน แต่ครูอุ้ยอย่าลืมนะครับว่า ไม่ว่าเราจะเจ็บยังไงนะครูอุ้ย เราไม่ใช่มีแต่เราเท่านั้น เรายังมีคนอื่นที่เขายังรักเราอยู่นะครับ ครูอุ้ยไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะ ยังไงก็เสียใจไปเถอะครับ เจ็บให้พอ แล้วมันจะสอนเราให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ด้วยตัวของเราเองนะครับ”
คำพูดต่างๆ ของบอม ทำให้ฉันมีกำลังใจขึ้นมามากๆ ใช่ ฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ฉันไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียว แล้วทั้งชีวิตของฉันก็ไม่ได้มีเพียงป๊อปคนเดียวเท่านั้น ฉันยังมีครอบครัวของฉัน มีน้องของฉัน มีเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน มีเหล่านักเรียนน่ารักๆ ที่เป็นอนาคตของชาติอีก นี่เป็นอีกบทพิสูจน์บทหนึ่ง ที่ฉันจะต้องก้าวข้ามมันไปให้ได้ แต่ฉันก็ต้องยอมรับว่า ป๊อปเขาเป็นส่วนหนึ่งของฉันไปแล้ว หากจะต้องเสียเขาไป มันก็ต้องกระทบกระเทือนจิตใจฉันอย่างหนักแน่นอน หลีกเลี่ยงไม่ได้ และที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ คือความจริง ที่วันนี้ฉันไม่รู้ว่าจะต้องพบเจออะไร
สักพักฉันก็ได้ยินเสียงรถของเขามาจอด ฉันรีบลงไปด้านล่าง เพราะใจลึกๆ อยากรู้ว่า เขาเอาใครมาด้วยหรือไม่ (แต่ก็ไม่มีใคร) เขาลงจากรถ เข้ามาบ้าน ครั้งแรกที่เขาเห็นฉัน เขาเพียงแค่อุทานออกมาว่า
“อ้าว อุ้ย” ฉันก็ยืนฝืนยิ้มให้เขา เขาจ้องหน้าฉันสักพัก ใจของฉันเต้นรัวอย่างไร้จังหวะ เขาหลบสายตาฉัน แล้วค่อยๆ เดินเบียดจะทำท่าขึ้นบ้าน โดยที่ไม่พูดอะไรทั้งนั้น เขาหยุดมองฉันที่บันไดอีกครั้ง ฉันก็บิดหน้าหันไปมองเขา แล้วละสายตาไปทางอื่นที่ไม่ใช่เขา ดูเหมือนเขายังมองฉันอยู่ ฉันทนไม่ไหวแล้ว ป๊อป อย่านิ่งเฉยอะไรแบบนี้เลย
“ป๊อป”
“หื้ม”
ฉันถอนหายใจยาว “มีอะไรก็พูดมาเถอะ ฉันพร้อมรับฟัง”
เขาถกขากางเกงนิดนึง แล้วนั่งลงตรงขั้นบันได
ป๊อป : “อุ้ย......................................” เขาทำท่าเหมือนสับสน
ป๊อป : “อุ้ย.......... ป๊อปขอโทษ”
อุ้ย : “เป็นอะไรเหรอ”
ป๊อป : “คือ.........................
อุ้ย : “พลอยใช่ไหม”
ป๊อป : “อะไรนะ”
อุ้ย : “คนนั้นเขาชื่อพลอยใช่ไหม”
ป๊อป : “เอ่อ อืม”
ฉันฝืนยิ้มให้เขา
อุ้ย : “น่ารักดีนี่นา”
อุ้ย : “อุ้ยอยากให้ป๊อปพูดออกมาเถอะ ถึงยังไง อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด”
ป๊อป : “พลอยเค้ามาขอคืนดีกับป๊อป”
อุ้ย : “ป๊อปอยากกลับไปหาเขาใช่ไหม”
ป๊อป : “ใช่”
แค่คำตอบสั้นๆ ของเขาแค่นี้ ฉันก็แทบล้มทั้งยืนแล้ว เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างมันพังครืนลงมาในทันที ฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว แต่ฉันอยากประคองการสนทนานี้ให้มันดำเนินต่อไปจนพบทางออกของมัน
ป๊อป : “ป๊อปรักพลอย มันเป็นอะไรที่ฝังใจป๊อป ป๊อปลืมเขาไม่ได้”
อุ้ย : “แล้วป๊อปจะเอายังไงกับฉันต่อไปล่ะ”
ป๊อป : “..................................”
ป๊อป : “อุ้ย............... ป๊อปขอโทษ”
อุ้ย : “มันหมายถึงอะไร” น้ำตาของฉัน มันเริ่มที่จะไหลรินออกมาแล้ว (ประคองตัวเองไว้นะอุ้ย สู้ไว้นะ อย่าตีโพยตีพายนะอุ้ย ปล่อยเขาไปเถอะ ปล่อยเขาไป เรากลับไปรักษาตัวเองดีกว่า)
ป๊อป : “คือว่า................... เราจบกันแค่นี้ได้ไหม”
ทันที่ที่เขาพูดประโยคนั้นออกมา ประตูเขื่อนน้ำตาของฉันมันก็เปิดออกทุกบาน ฉันเดินตาลอยประคองตัวเองไปที่ผนัง แล้วนั่งทรุดลง กอดเข่าตัวเองร้องไห้อย่างน่าเวทนา
“อุ้ย ป๊อปขอโทษ”
“อุ้ย..............”
เสียงเขาแทรกออกมาตลอด มันยิ่งเป็นเหมือนตัวกระตุ้นให้ฉันสะอื้นมากขึ้นไปอีก สักพักฉันก็ได้ยินเขาเดินขึ้นบ้าน เปิดประตูห้องด้านบน เขาปล่อยให้ฉันนั่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้ฉันนั่งร้องไห้โดดเดี่ยวเพียงลำพัง
(ใช่สิ ฉันมันเป็นแบบนี้หนิ ใครมันจะมารักฉันจริงๆ)
(เป็นแบบนี้ก็ถูกแล้วหนิอุ้ย จะมาเสียใจทำไม ระหว่างเรากับเค้า มันก็เริ่มต้นด้วยความเกลียดชังนี่นา)
(จำไว้สิ เมื่อก่อนเขาทำอะไรกับเราไว้ เลิกรากันไปได้ก็น่าจะดีแล้วหนิ)
(ก็เพราะมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายระหว่างฉันกับเขานี่ล่ะ มันถึงเป็นเหตุให้ฉันจดจำเขาไว้ในสมองตลอดเวลาแบบนี้)
(อุ้ย พอเถอะ อย่าร้องอีกเลย)
ฉันนั่งร้องจนไม่รู้เวลามันผ่านไปนานหรือไม่ ฉันค่อยเดินขึ้นไปบนห้องเสื้อผ้า เมื่อฉันเปิดประตูเข้าไป ภาพต่างๆ ของความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขาที่มันเริ่มมาจากจุดนี้ มันลอยเข้ามาในหัวสมอง ทำให้ฉันต้องนั่งลงร้องไห้อีกครั้งในห้องนี้ ยิ่งนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันก็ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวด
ฉันเดินไปเก็บเสื้อผ้าของฉัน และของใช้ต่างๆ ที่เป็นของฉัน สักพักป๊อปก็เดินเข้ามา ฉันพยายามเช็ดน้ำตา แล้วมองหน้าเขา เขาไม่กล้าสู้สายตาของฉัน ฉันไม่ได้ต้องการที่จะเรียกร้องสิทธิ์ หรือความเห็นใจอะไรจากเขาหรอก ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว สมองฉันตอนนี้ มันไม่สั่งการ มันคิดอะไรไม่ได้อีกแล้ว ฉันอยากรีบหนีออกไปจากที่แห่งนี้
“ทำอะไรเหรออุ้ย”
“เก็บของ มันไม่จำเป็นแล้วที่ฉันจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไปหนิ”
ฉันลุกขึ้น มองหน้าเขา
“ป๊อป ฉันขอร้องเธอเป็นสิ่งสุดท้าย”
“อะไรเหรอ”
“ช่วยไปส่งฉันบนโรงเรียนหน่อยได้ไหม ตอนนี้”
“อืม”
ฉันรีบเก็บของของฉัน มีบ้างที่สะอึกสะอื้น แต่เหมือนกับว่าตอนนี้ หัวใจมันเริ่มด้านชาไปแล้ว หรือว่าน้ำตามันหมดบ่อก็ไม่รู้ เสียใจ เศร้า แต่น้ำตามันหมดไปแล้ว เหลือเพียงแต่ใจช้ำๆ ของตุ๊ดคนนึง ที่หลงนึกว่าตัวเองโชคดีขนาดที่ได้มีสามีเป็นตัวเป็นตน
Love of my life - you've hurt me
ป๊อป เธอคือคนที่ฉันรัก....แต่เธอทำให้ฉันเจ็บ
You've broken my heart and now you leave me
เจ็บที่เธอหักอกฉัน....แล้วเธอก็ทิ้งฉันไป
Love of my life can't you see
ป๊อป.......เธอมองไม่เห็นค่าความรักที่ฉันให้เธอไปเลยใช่ไหม
Bring it back, bring it back
กลับมาได้ไหม
Don't take it away from me, because you don't know -
อย่าทอดทิ้งฉันไปเลย..........เพราะเธออาจไม่รู้ว่า-
What it means to me
เธอนั้น.............มีความหมายสำคัญสำหรับฉันขนาดไหน
Love of my life don't leave me
ป๊อป......อย่าทอดทิ้งกันไปได้มั๊ย
You've taken my heart and now desert me
เธอทำให้ฉันรักและทุ่มเทหัวใจ..........แล้วตอนนี้เธอกลับทิ้งฉันไป
Love of my life can't you see
ป๊อป.......เธอมองไม่เห็นค่าความรักที่ฉันให้เธอไปเลยใช่ไหม
Bring it back, bring it back
กลับมาได้ไหม
Don't take it away from me, because you don't know -
อย่าทอดทิ้งฉันไปเลย..........เพราะเธออาจไม่รู้ว่า-
What it means to me
เธอนั้น.............มีความหมายสำคัญสำหรับฉันขนาดไหน
You won’t remember -
อีกไม่นาน.........เธอคงลืมเลือน
When this is blown over
เมื่อทุกอย่างมันสิ้นสุดลง
And everything's all by the way -
และเราดำเนินชีวิตของเรา..........ไปตามปกติ
When I get older
แต่เมื่อเวลามันยิ่งผ่านพ้นไป
I will be there at your side to remind you
ฉันอยากจะย้ำให้เธอรู้ไว้............ว่าตัวฉันคนนี้-
How I still love you - I still love you
ยังคงรักเธอ........................เหมือนเดิม
(เพลง Love of my life ขับร้องโดย Eddy Mercury ศิลปินวง Queen ราชาเพลงร็อคในคราบราชินี แปลให้เข้ากับเนื้อเรื่องโดย ครูอุ้ย)
ถึงโรงเรียนฉันแล้ว ก้าวนับต่อจากนี้ ฉันจะไม่มีเขาอีกต่อไปแล้ว ฉันมองหน้าเขาครั้งสุดท้าย ก่อนจะกล่าวคำลาเพียงแค่ว่า
“โชคดีนะ” ฉันยิ้มให้เขาพร้อมกับก้าวออกจากตัวรถ
“อุ้ย” เขาเรียกฉัน ทำให้ฉันต้องหยุดชะงัก แต่ฉันไม่ได้หันไปมองเขา
“ป๊อปขอโทษนะ ในเรื่องราวทั้งหมด”
ฉันหันหน้าไปมองเขา แล้วพูดประโยคสุดท้ายกับเขาว่า
“ป๊อป เธอบอกว่า เค้าเป็นอะไรที่ฝังใจเธอ เธอลืมเขาไม่ได้ ฉันก็อยากบอกกับเธอเหมือนกันว่า เธอเป็นอะไรที่ฝังใจฉันเหมือนกัน ฉันก็ลืมเธอไม่ได้เช่นกัน”
ฉันพูดแล้วรีบก้าวเดินออกมาจากตรงนั้นทั้งน้ำตา โดยไม่อยากฟัง และไม่อยากหันกลับไปมองเขาอีกเลย
เปิดประตูห้องเข้าไป ทิ้งตัวนอนลงบนที่นอน กอดหมอนกอดผ้าห่มนอนร้องไห้อยู่คนเดียว ทำไมมันช่างเจ็บปวดเช่นนี้
มันผิดหรือไร ที่คนอย่างฉันนี้มันจะมีความรักบ้าง มันผิดมากใช่ไหมที่ฉันจะรักใครสักคนนึง........
คืนนี้ ช่างทรมานจริงๆ ฉันจะหลับลงในสภาพจิตใจมันบอบช้ำนี้ไปได้อย่างไร ฉันเลยเดินไปหยิบยาคลอเฟนิรามิน (ที่มันเอาไว้แก้แพ้ ลดน้ำมูก เวลากินแล้วมันจะง่วง) ฉันซัดไปเลย 5 เม็ด ไม่รู้ล่ะ มันคงไม่เป็นไรหรอก อยากข่มตาหลับให้ได้ ไม่อยากปล่อยให้ใจมันฟุ้ง มันเพ้อ
ฉันไม่อยากถามเขาหรอกว่า ทำไมเขาถึงทำกับฉันแบบนี้ ถ้าคนมันจะไป ยังไงมันก็ต้องไป ไม่อยากถามอะไรให้มันเจ็บปวดรวดร้าวไปอีก
ไม่อยากเรียกร้อง หรือให้เขารับผิดชอบอะไรกับการกระทำของเขาหรอก เพราะที่ผ่านมา เราเองก็ยินยอมที่จะให้มันเกิดเรื่องราวเหล่านั้นขึ้นมา
ได้แต่บอกใจเราตอนนี้ว่า ต้องเข็มแข็ง ต้องผ่านพ้นคืนวันอันโหดร้ายเหล่านี้ไปให้ได้ เราโตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว อนาคตเรายังมีอีกยาวไกล นี่เป็นอีกอุปสรรคหนึ่งที่หนึ่งชีวิตของคนต้องพบเจอ และเราก็กำลังประสบกับมันอยู่ในตอนนี้ เราต้องสู้ และเอาชนะมันให้ได้
แล้วฉันก็หลับไปเพราะพิษยา........................................................
---------------------------------------------------------------------------
เรื่องดำเนินมาจะถึงจุดจบของเรื่องสั้น กะเทยดอย แล้วล่ะค่ะ (สั้นหรือยาวเนี่ย)
คาดว่า ตอนจบคงจะเป็นพรุ่งนี้นะคะ
เฮ้ออออออออ