ตอนใหม่มาแว้วค๊าบบ
วันนี้อะไร ๆ ก็ดูรวดเร็วจนชายหนุ่มอดใจหายและแอบคิดตั้งคำถามขึ้นในใจไม่ได้ว่าเหตุใดวันอื่น ๆ ถึงดูเชื่องช้ายาวนานกว่ามากนัก รถเมร์ก็ดูวิ่งช้ากว่าวันนี้ การจราจรก็ดูติดขัดมากกว่านี้ ผู้คนก็ดูรีบร้อนน้อยกว่านี้ อาจเป็นเพราะเขาไม่มีอะไรให้เร่งรีบแล้วก็ได้กระมัง ทุกสิ่งจึงดูเร็วกว่าเดิมและเร็วกว่าทุก ๆ วัน รถเมล์วิ่งรวดเร็วดูไม่เชื่องช้าหวานเย็นเหมือนเก่าก่อนอีกทั้งถนนก็ดูรกร้างราวกับเมืองทั้งเมืองว่างเปล่าไร้ผู้อาศัยจนชายหนุ่มใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีก็มาถึงซอยเข้าบ้าน
ตลาดยามบ่ายแก่แบบนี้ดูคึกคักขึ้นมาอีกครั้งด้วยร้านรวงและร้านค้าอาหารที่ตั้งเรียงรายไปตามบาทวิทียาวหลายสิบเมตรคู่ไปกับท้องถนนที่การจราจรติดขัดเพราะทางเดินรถแคบลง ผู้คนเดินกันไปมาจับจ่ายอาหารเย็นกันอย่างสนุกสนาน เสียงพ่อค้าแม่ขายร้องตะโกนกันไปมาโฆษณาสินค้าของตัวเองพร้อมกับเสียงต่อรองสินค้าของเหล่าลูกค้า เจนศิลป์เดินอยู่หลายรอบก่อนจะซื้อข้าวพัดไปฝากมารดาและซื้อขนมถังแตกของนางทองมาเป็นอาหารเย็นของตัวเอง
ชายหนุ่มหยีตาพรางยกมือขึ้นป้องใบหน้าสู้กับแสงแดดบ่ายแก่ที่แผดเผาร้อนแรงจนแผ่นหลังเขาเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ พรางเดินเข้าซอบบ้านของตัวเองด้วยสีหน้าและแววตาที่ว่างเปล่าอย่างประหลาดอีกราวร้อยเมตรก็จะถึงบ้านของเขาแล้วแต่สายตาเขาก็พลันเหลือบไปเห็นร่าง ๆ หนึ่งยืนอยู่หน้าประตูบ้านพร้อมกับลูกบอลสีชมพูในมือ ชายหนุ่มชะลอฝีเท้าลงพรางถอนหายใจยาวอย่างว่างเปล่าก่อนจะเดินต่อไป
“เจ้ามาแล้ว เด็กน้อยเอ๋ย.....” เสียงเด็กหญิงคนนั้นว่าพรางตีลูกบอลลงพื้นเล่น มันเด้งกลับมาที่มือเธออีกครั้งในอีกวินาทีต่อมา
ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเก่งก่อนหยิบเอาลูกกุนแจออกมาไขประตูบ้านให้เปิดออก
“เข้ามาสิ” เจนศิลป์เอ่ยเบา ๆ อีกฝ่ายทำตามแต่โดยดี
“บ้านเจ้า น่าอยู่กว่าที่ข้าคิดไว้มากนัก”อมรว่าพรางนั่งลงบนโซฟาตัวยาวที่สีซีดเก่าดูน่าเกลียด ในมือเธอยังกอดลูกบอลไว้หลวม ๆ
“มีอะไรอีกละทีนี้” ชายหนุ่มพูดพรางถอดลองเท้าโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าอีกฝ่าย
เธอถอนหายใจยาว “เจ้าจะให้ข้าพูดอีกหรือ ข้างเบื่อที่จะพูดแล้ว เด็กน้อยเอ๋ย”
ชายหนุ่มเงียบไปพักหนึ่ง “งั้นจะทำอะไรก็ทำไปนะ....ผมอยู่ชั้นสอง” ว่าแล้วเจนศิลป์ก็เดินดุ่ม ๆ ไปในครัวพรางหยิบเอาจาน ช้อน แก้วน้ำเปล่าและขวดน้ำเย็นขึ้นไปด้านบน
ห้องของมาดาเขานั้นดูไม่เปลี่ยนไปจากวันอื่น ๆ เลย หญิงกลางคนนอนหลับเมามายไม่ได้สติอยู่บนเตียง จานข้าวว่างเปล่าตั้งอยู่บนโต๊ะใกล้ ๆ กันมีขวดเหล้าที่เหลือเพียงน้อยนิดตั้งอยู่ ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งพรางเดินไปที่เตียง วางถุงข้าวพัดและของอื่น ๆ ไว้บนโต๊ะตัวเล็ก
“แม่....แม่....กินข้าว” เขาว่าพรางเขย่าตัวมารดาเบา ๆ เธอตอบเพียงเสียงประหลาดในลำคอก่อนจะเงียบไปอีกครั้ง เจนศิลป์สัมพัทธ์เนื้อตัวเธอจึงรู้ว่ามันชุ่มเหงื่อจนชื้นเหนียวไปหมด “จะอาบน้ำมั้ย”
เธอไม่ตอบ เขาจึงเดินไปหยิบเอาถังใบเล็กในห้องน้ำใส่น้ำมาครึ่งหนึ่งพร้อมกับผ้าขนหนูสะอาด
พอเจนศิลป์เริ่มถูผ้าขนหนูไปตามเนื้อตัวของหญิงการคนจึงรู้ได้ในทันทีว่าเธอนั้นดูซูบผอมกว่าเดิมมาก แขนขาลีบเล็กติดไปกับแนวกระดูกดูน่ากลัว เป้าตาลึกและดำคล้ำ แก้มตอบจนโหนกแก้มลอยเด่นเห็นกระดูกสีขาวด้านในชัดเจน อีกทั้งสีผิวก็คล้ำเหลืองกว่าเดิมที่เขาจำได้มาก
เห็นแบบนี้ชายหนุ่มยิ่งเจ็บปวดในใจราวกับอกถูกบีบอัดด้วยแรงกดมหาสาร ความรู้สึกสมเพชในความไร้ค่าไม่เอาไหนของตัวเองเริ่มก่อตัวขึ้นในใจที่ละน้อย ถ้าเพียงเขาทำสิ่งต่าง ๆ ให้ได้ดีมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกอย่างคงไม่ลงเอยแบบนี้ ถ้าตอนนั้นเขาสามารถห้ามไม่ให้พ่อไปได้..... ถ้าตอนนี้เขาสามารถห้ามไม่ให้มารดาของเขาทำร้ายตัวเองแบบนี้ได้......ถ้าเพียงเขาเข้มแข็งมากกว่านี้......ถ้าเพียงเขาพยายามมากว่านี้.......
ยิ่งคิดก้อนเนื้ออันใหญ่ก็เริ่มก่อตัวบีบอันในอกเขาจนทรมาน มันสมควรแล้วที่เป็นแบบนี้ สมควรแล้วที่เขาจะเจ็บปวด สมควรแล้วที่เขาจะเสียใจ เพราะสิ่งเหล่านี้ ที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา เพราะเขาคนเดียว......
“เหตุไดเจ้าจึงทำเช่นนั้น......”เสียงหนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง ชายหนุ่มไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นอมรในร่างของเด็กหญิงชุดกระโปรงยาวสีชมพู
“มันเป็นหน้าที่.....”เขาตอบพรางถูร่างของหญิงกลางคนต่อไป
“มิใช่เพราะ รักหรือ.......”เด็กหญิงคนนั้นว่า “เจ้ารักมารดาของเจ้าหรือไม่ เด็กน้อยเอ๋ย”
“คงรักมั้ง”ชายหนุ่มตอบพรางยิ้ม “ทั้งรักทั้งหน้าที่ มันสองอย่างรวม ๆ กันนะ”
อมรเงียบไปหลายนาทีพรางจ้องมองคนทั้งสองด้วยดวงตากลมโตไร้เดียงสาก่อนจะพูดขึ้น “เหตุไดนางจึงเป็นเช่นนั้นละ”
เจนศิลป์ตอบด้วยการชี้ไปที่ขวดเหล้าบนโต๊ะ
“ข้าไม่ได้หมายถึงเช่นนั้นเด็กน้อยเอ๋ย.....ที่ข้าอยากรู้ก็คือเหตุไดนางจึงเมามายเช่นนั้น......เหตุไดนางจึงเป็นทุกข์ถึงขนาดนั้น”
“คุณรู้ได้ไงว่าเขาทุกข์ บางทีเขาอาจจะมีความสุขก็ได้นะที่เป็นแบบนี้” ชายหนุ่มพูดจบก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ
“เช่นนั้นหรือ.....”เด็กหญิงว่าพรางทำสีหน้าครุ่นคิด “นางอาจะมีความสุขอยู่อย่างนั้นหรือ”
เจนศิลป์หยุดถูตัวให้มารดา ถอนหายใจยาวพรางและหันมาเอาผ้าขนหนูชุบน้ำในถัง “ผมพูดเล่นนะ......ที่จริงที่แม่เขาเป็นแบบนี้ก็เพราะทุกข์ใจนั่นละ.....เขาคงคิดว่าเมาแล้วจะลืมได้มั้ง”
“ลืมความทุกข์งั้นหรือ.......แล้วนางลืมได้หรือไม่”
ชายหนุ่มสายหน้าเบา ๆ ด้วยสีหน้าเจ็บปวด ไม่มีใครรู้ความหมายของมัน....ทั้งตัวเขาเองและอมร
“แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี.....เด็กน้อยเอ๋ย......เหตุไดนางจึงเป็นเช่นนั้น เหตุไดเจ้าจึงยอมเหนื่อยอ่อนกับภาระหน้าที่มากมาย.......ทั้งที่นางก็สามารถหยุดดื่มกินสิ่งเหล่านั้นได้ หยุดโศกเศร้าเสียใจได้.......และเจ้า....เด็กน้อยเอ๋ย.....เจ้าสามารถทิ้งนางไปได้ทุกเมื่อ ......ไปมีชีวิตที่ดีกว่า.....ไปมีชีวิตของตัวเอง.....”
คำพูดนั้นควรทำให้เจนศิลป์โกรธและไล่อีกฝ่ายออกไปให้พ้นหน้าและบ้านของเขาได้ แต่ด้วยเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นถามด้วยเจตนาบริสุทธิ์ เขาจึงไม่รู้จะโกรธไปเพื่ออะไร “นั้นสินะ.....คุณพูดถูก”เขาตอบ “แต่ไม่ทั้งหมดหลอกนะ......แม่เขาหยุดไม่ได้หลอก....ที่จะเศร้านะ......ส่วนผมก็ไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว”
“เพราะอะไรกัน....ข้าไม่เข้าใจ”
ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส “ที่แม่เขาหยุดเศร้าไม่ได้ก็เพราะ....เขารักพ่อไง........เขาเสียใจที่พ่อไม่อยู่แล้ว......ส่วนที่ผมไปไหนไม่ได้ก็เพราะ ผมรักแม่....มันเป็นหน้าที่ลูกที่ต้องดูแลพ่อแม่ของตัวเองยามเจ็บป่วยนะสิ”
“ที่ต้องรักด้วยหรือ......”อมรเอ่ยขึ้น
ชายหนุ่มหันไปมองอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้าด้วยสีหน้าว่างเปล่า “คงงั้นมั้ง....”
“ข้าไม่เข้าใจ เด็กน้อย ในโลกที่เจ้าอาศัยอยู่นั้นมีหญิงสาวมากมายเป็นแสนเป็นล้านรอคอยให้เจ้าไปพบเจอ พวกนางงดงาม ฉลาด แข็งแกร่ง และอ่อนหวาน แต่เจ้ากลับอยู่ที่นี่ กับหญิงคนนี้ หญิงเมามายไร้สติที่แทบไปไหนได้ไม่เกินสิบก้าวเดิน.....ข้าไม่เข้าใจ”
ชายหนุ่มยิ้ม “นั้นสินะ.....”เขาเงียบไปครู่หนึ่งพรางถูผ้าขนหนูไปตามฝ่าเท้าของหญิงกลางคน “คนเรานะ....ไม่เหมือนกันทุกคนหลอกนะ” เขาว่า “กับบางคนเราอาจจะเลือกที่จะรักก็ได้ เลือกที่จะไม่รักก็ได้ เหมือนอย่างกับผู้หญิงพวกนั้นที่คุณว่านั้นละ ผมเลือกที่จะรักใครก็ได้.....ไม่รักใครก็ได้......ขึ้นอยู่กับผมคนเดียว....แต่กับบางคน เราเลือกไม่ได้เลยว่าจะรักหรือไม่รัก......เพราะมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครคนไดคนหนึ่ง....ทั้งตัวผมเอง....หรือแม่ผม.....อย่างเดียวที่ทำได้ก็แค่รักเขาก็เท่านั้นเอง”ชายหนุ่มหยุดพรางมองสีหน้าของอมรที่แสดงถึงความงุนงงและไม่เข้าใจอย่างเด่นชัด ชายหนุ่มจึงลุกขึ้น โยนผ้าขนหนูลงถังน้ำและพูดต่อ “ก็เพราะสิ่งที่เขามอบให้เรามามันมีค่ามาก สิ่งที่เขาศูนย์เสียเพื่อเราก็มีอีกหลายอย่าง สิ่งที่เขาต่อสู้เพื่อเรา สิ่งที่เขายอมตายเพื่อเรา.....มันมากเหลือเกิน มากเสียจนเราไม่สามารถทำนิ่งเฉยดูดายไม่รักและตอบแทนสิ่งที่อีกฝ่ายให้มาได้.....แม้ว่ามันจะน้อยนิดเพียงไดก็ตามเมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาต้องเสียไปเพื่อเรา”
“แต่มันต้องมากถึงเพียงนี่เชียวหรือ......มีค่ามากถึงครึ่งชีวิตของเจ้าเองเชียวหรือ......”
“งั้นหลอ”ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก “....ความรักมันเรียกร้องการเสียสละจากเรามากใช่มั้ยละ.....แต่เชื่อผมเถอะอมร....ต่อให้ต้องแลกด้วยทั้งชีวิตของผมเอง ผมก็ให้ได้”ชายหนุ่มยกถังน้ำเดินผ่านเด็กหญิงคนนั้นไป “คุณสัญญาแล้วนะ.....ถ้าอีกหกวันผมตาย....แม่ผมจะมีชีวิตที่มีความสุขไปอีกนานแสนนาน”
เด็กหญิงมองดูหญิงกลางคนที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าว่างเปล่า ทั้งดวงตา ใบหน้า ริมฝีปาก เส้นผม ใบหู ทุกอย่างดูว่าเปล่าไร้อารมณ์ได้ ๆ แต่ในความว่างเปล่านั้นกลับมีความเจ็บปวดเย็นยะเยือกซ่อนตัวลึกอยู่ “อย่างนั้นหรือ.....เพียงเพราะรัก.....เท่านั้นเองหรือ......”