ก๊อก ก๊อก ก๊อก!เฮือก!
เสียงเคาะประตูทำให้ผมสะดุ้งรู้สึกตัว จริงด้วย นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้วเนี่ย? ผมหันซ้ายหันขวามองหานาฬิกาแต่ก็ไม่เห็นเลยตะกายตัวลงจากเตียง เดินหัวฟูหน้าไม่ล้างไปเปิดประตู พอเงยหน้าขึ้นมองก็แทบอยากจะปิดประตูมันซะเดี๋ยวนั้น อยากจะตายยยย ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอพี่นะครับบบบ ทำไมถึงได้มาเคาะประตูตั้งแต่เช้าแบบนี้กัน!? แน่นอนครับคนที่มาเคาะประตูก็คือ
‘พี่เฮดีส’ โจทก์ที่ผมไม่อยากเจอในตอนนี้ที่สุด! เขาหันมามองแต่ผมรีบหลบสายตาในทันที แย่แน่ๆ! แม้แต่หน้าผมยังไม่กล้ามองเล๊ย แค่แวบเดียวมันก็ทำให้ผมคิดถึงไอ้ความฝันโคตรหื่นกามของตัวเองแบบชัดแจ๋ว ขอร้องล่ะ อย่าให้หน้าของผมแดงแปร๊ดเหมือนก้นลิงเลย!
“อีกเดี๋ยวก็ถึงเวลากินข้าวแล้ว เพิ่งตื่นเหรอ?”
“เอ่อ...ครับ เพิ่งตื่น” ผมพยักหน้าตอบโดยไม่มองหน้าเขา พยักหน้าให้กับประตูแทน พี่เฮดีสเงียบไปแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนปกติ แต่ทำไมผมถึงได้คิดถึงเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำในฝันได้ล่ะเนี่ย!? ให้ตายเถอะ พอสักทีโว้ย จะหื่นไปไหน!?
“เรื่องแต่งงานอะไรนั้น...”
“แต่งงาน!?” ผมอุทานแทรกเสียงแหลมหันควับไปมองเขาแล้วเบิกตากว้าง พอสบตากับดวงตาเย็นชาตรงหน้าก็เกิดสะเทินอายที่ดันเอาเขาไปฝันสนองตัณหาก็ค่อยๆ เลี่ยงสายตาไปมองทางอื่นด้วยความไวแสง บ้าเอ๊ย ไม่กล้าจะมองนานเกินสองวินาที!
“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้ มันก็แค่เรื่องสมมติไม่ได้แต่งจริงๆ สักหน่อย ฉันพูดไปแบบนั้นเพื่อให้พวกพี่ๆ ไว้ใจในตัวนายโดยเฉพาะพี่โพซ จริงๆ แล้วพี่โพซโหดร้ายกับคนอื่นยิ่งกว่าฉันซะอีก ถ้าเกิดเขารู้ว่านายไม่ใช่แฟนฉันล่ะก็...ถูกเฉือนทั้งเป็นแน่”
ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ยิ่งตอนพูดว่าเฉือนทั้งเป็นนั้นน่ะน้ำเสียงชวนขนลุกเป็นบ้าเลย แต่พี่โพไซดอนเนี่ยนะจะโหดร้ายเป็น? ถึงจะดูเหมือนอย่างนั้นก็เถอะ ผมลังเลไม่กล้าเชื่อเหตุผลที่เขาใช้อ้างแต่ตอนที่เขาพูดสีหน้าไม่เปลี่ยนเลยสักนิด เอ๊ะ หรือว่ามันจะเป็นเรื่องจริง!? ผมชักจะลังเลเมื่อคนที่พูดคือพี่เฮดีสซึ่งเป็นน้องชายของผู้ถูกพาดพิง
“เพราะฉะนั้นอย่าให้ถูกจับได้ล่ะว่าโกหก นายแกล้งทำตัวเป็นว่าที่เจ้าสาวไปพลางๆ ล่ะกัน พวกพี่ๆ ถามอะไรก็ตอบเออออตามน้ำไปอย่าให้ถูกสงสัยได้ เข้าใจไหม?”
“ว่าที่เจ้าสาว...? เอ่อ...แต่ผมเป็นผู้ชายนะครับ” ผมทำหน้างุนงงหรือว่าผมยังไม่ตื่นดีวะ อีกฝ่ายพูดออกมาหน้านิ่งอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญสุดๆ พี่เฮดีสเหลือบสายตามามองอย่างเย็นชาตามปกติแล้วยกคิ้วถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
“แล้วไง?”
“ว่าแต่...ไม่มีใครพูดอะไรเลยหรือครับที่จู่ๆ พี่พาผมมาแนะนำให้ฐานะนี้นะ? ไม่มีใครคัดค้านหรือประท้วงบ้างเหรอครับ?” ผมข้องใจมากจนต้องถามออกไปเพราะดูจากท่าทีของพี่เฮดีสกับคนอื่นๆ ในครอบครัวแล้วทำเหมือนมันเป็นเรื่องปกติซะงั้น ไม่มีใครออกมาแสดงการคัดค้านหรือต่อต้านเลยหรือไงที่จู่ๆ สมาชิกในครอบครัวพาผู้ชายมาบ้านแล้วบอกว่าจะแต่งงานด้วยน่ะ!? พี่เฮดีสชักสีหน้าเหมือนไม่พอใจ
“หา? ฉันอยากแต่งงานกับใครมันก็เรื่องของฉัน ใครจะกล้าค้าน!”
“เอ่อ...สรุปว่าไม่มีใครว่าอะไรเลยเหรอครับ?”
“ก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไร”
บ้าไปแล้วววว!!! ครอบครัวนี้เขาใช้ตรรกะยังไงคิดวะ!?
ผมยืนอึ้งอยู่ตั้งนาน ไม่รู้จะพูดยังไงดี มีแต่เรื่องที่ทำให้ประหลาดใจชะมัดยากไอ้ครอบครัวนี้นิ พอพี่เฮดีสทำเหมือนจะเดินเข้ามาในห้อง ผมก็สะดุ้งแล้วรีบถอยออกห่างเพื่อรักษาระยะ แถมตาก็เหล่มองไปทางอื่น ท่าทางโคตรน่าสงสัยอย่างที่สุด! เขาขมวดคิ้วมองผม พี่เฮดีสคงไม่สงสัยว่าผมจะขโมยของในบ้านเขาหรอกใช่ไหม?
“รีบไปอาบน้ำเข้าสิ ยืนทำบื้ออะไรอยู่”
“ละ...แล้วพี่จะเข้ามาทำไมล่ะครับ?” ผมถามออกไปแบบใจคอไม่ค่อยดี อย่าเข้ามาเลยครับ ขอร้อง! ตอนนี้ผมยังอารมณ์ค้างจากความฝันอยู่เลย ถ้าเกิดผมบ้าบิ่นคิดจะทำอะไรพี่ขึ้นมา เดี๋ยวจะหาว่าไอ้รัญไม่เตือนนะ! (พูดเหมือนกูจะไปทำอะไรเขาได้อย่างนั้นแหละ)
พี่เฮดีสไม่สนใจสีหน้าขอร้องแกมอ้อนวอนของผมเลยสักนิด เขาชนผมจนกระเด็นแล้วเดินเข้าไปในห้อง โธ่ คนๆ นี้เคยฟังผมบ้างหรือเปล่าวะ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ พี่ท่านหาญกล้าไปนอนอล่างฉ่างอยู่บนเตียงพร้อมทำหน้าเหมือนจะถามว่า ‘ทำไม? มีอะไร? ฉันจะอยู่ที่นี้ มีปัญหาเหรอ?’ คร้าบ ใครมันจะไปกล้ามีเรื่องกับคุณพี่ได้ล่ะ เฮ้อ! ผมปิดประตูห้อง เตรียมตัวจะอาบน้ำ แต่...ทำไมไอ้หัวใจข้างในอกซ้ายมันเต้นรัวขนาดนี้วะ!? นี่ผมคิดอะไรอยู่
อ๊ากกกก หยุดที! ไอ้สมองลามกนี่!!! ผมใช้เวลาไม่นานสำหรับการแปรงฟันอาบน้ำจัดการธุระส่วนตัว พอเดินออกมาก็เห็นพี่เฮดีสหลับตานอนนิ่ง เฮ้ย ผมอาบน้ำนานขนาดที่เขาเผลอหลับระหว่างรอเลยงั้นเหรอ!? ไม่จริงมั้งงงง นี่ผมอาบน้ำเร็วสุดๆ แล้วนะเนี่ย ผมเดินมาชะเง้อมองคนนอนบนเตียง ปิดตาเฉยๆ หรือว่าหลับไปจริงๆ เนี่ย? ยืนรออยู่นานคนบนเตียงก็ไม่มีท่าทางจะตื่นขึ้นมาเลยสักนิด งั้นแสดงว่าเขาหลับไปจริงๆ ด้วย! ผมยืนจ้องพี่เฮดีสที่หลับอยู่บนเตียงนานสองนาน คุณพระ!? ถ้าคนในความฝันของคุณมานอนหลับไม่ทันระวังตัวต่อหน้าแบบนี้ ขอถาม! คุณจะทำยังไงครับบบบ!? ให้ตายยยย เหมือนโดนล่อลวงยังไงก็ไม่รู้
อดทนไว้นะไอ้เนรัญญญ!!!
“เอ่อ...พี่ครับ พี่ครับ! พี่เฮดีส!!”
พี่เฮดีสค่อยๆ ขยับตัวเมื่อผมกัดฟันปลุกเขาเสียงดัง กว่าจะทำใจให้ปลุกเขาได้มันต้องใช้ความกล้ามากขนาดไหนรู้บ้างไหม!? รีบๆ ตื่นเลยครับ! มานอนให้ท่าแบบนี้ เดี๋ยวผมหน้ามืดขึ้นมาจะทำยังไงเล่า!? พี่เฮดีสค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง หน้าของเขาบูดขยี้ตาเหมือนเด็กๆ เพิ่งตื่นนอน ผมต้องรีบหันหน้าหนี ไม่งั้นไม่ไหวแน่ๆ แอ๊กกกกก น่ารักเกินแล้วววว!!!
“เฮ้ย ชักช้าอะไรอยู่ รีบๆ เดินมาได้แล้ว”
“ครับๆ!” ผมรีบวิ่งตามพี่เฮดีสที่เดินนำหน้าไป แค่เพ้อฝันบ้าบอคนเดียวเท่านั้นแหละครับ ได้โปรดอย่าใส่ใจเลยยย!
ระหว่างเดินไปห้องทานข้าว พี่เฮดีสก็บอกว่าต้องลงไปพร้อมกันไม่งั้นคนในบ้านจะผิดสังเกตได้ ว่าแต่ผิดสังเกตอะไร? เอ๊ะ อย่าบอกนะว่าคนพวกนั้นเข้าใจว่าผมกับพี่เฮดีสนอนห้องเดียวกัน! ผมทำหน้าตกใจเมื่อคิดได้ เป็นแบบนั้นแน่ๆ! ไม่งั้นจะลงมาด้วยกันเพื่ออะไรล่ะ!? เหมือนเป็รการบอกว่าเมื่อคืนพวกเราอยู่ด้วยกันถึงได้ลงมาพร้อมกันแบบนี้! ผมจับแก้มที่ร้อนวูบด้วยความอายเต็มกำลัง พี่เฮดีสก็มองมาด้วยสีหน้าแปลกๆ เหมือนกำลังมองคนบ้าไม่เต็มอย่างไรอย่างนั้นเลย!
พอลงมาถึงห้องทานข้าวซึ่งมีสมาชิกน้อยกว่าเมื่อวาน เก้าอี้ที่ถูกจับจองมีไม่กี่ตัว ตรงหัวโต๊ะแน่นอนว่าต้องเป็นพี่ซูสที่นั่งรอเหล่าสมาชิกครอบครัวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสว่างสไวดังแสงแดดยามเช้า ถัดมาคือพี่โพไซดอนที่กางหนังสือพิมพ์ขึ้นอ่านซะปิดหน้าปิดตา อีกฝั่งคืออะโฟรไดท์ที่กำลังคุยกับพี่ซูส ปิดท้ายด้วยสองฝาแฝดที่ร่าเริงกันตั้งแต่เช้า เฮเลนไม่อยู่ผมไม่แปลกใจเพราะจำได้ว่าเธอขออนุญาตไปค้างบ้านเพื่อนแต่พี่เรเนียไม่อยู่นี่สิแปลกจัง
“มัมมมมม!!” ไมนอสกับแมนทีสรีบกระโดดลงจากเก้าอี้ถลามากอดผม ทั้งสองยิ้มแฉ่งสดใส ผมก้มหน้ายิ้มตอบกลับเอ่ยทักทายเด็กๆ สงสัยจะนอนเต็มอิ่มถึงได้อารมณ์ดีกันตั้งแต่เช้าแบบนี้ แถมแมนทีสยังหายงอนแล้ว เอ๊ะหรือลืมงอนวะ? พวกเด็กๆ มักจะลืมโกรธง่ายๆ แบบนี้แหละครับ
“แหม น่าอิจฉาจัง ครอบครัวสุขสันต์ อยากมีแฟนบ้างจัง” อะโฟรไดท์เอ่ยด้วยน้ำเสียงล้อเลียนพร้อมกับหัวเราะ เธอมองมาที่พวกเราด้วยความสนอกสนใจ ครอบครัวสุขสันต์อะไรกันครับ? ผมอุ้มไมนอสขึ้นแต่พอหันไปมองคนข้างๆ ซึ่งอุ้มแมนทีสอยู่ ผมก็บางอ้อในทันทีพร้อมกับหน้าแดงด้วยความขัดเขินที่ยากจะปิดให้มิด แอร๊ยยยย!!! ไม่ใช่นะครับ มันแค่ดูคล้าย ไม่ได้ตั้งใจให้มันดูเป็นครอบครัวแสนสุขแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้เลยนะ!
ผมพยายามหาข้อแก้ต่างให้กับตัวเอง แต่พอเห็นพี่ซูสยิ้มอบอุ่นมาให้เหมือนเขากำลังยินดีกับน้องชายจากใจจริง ผมก็คิดอะไรไม่ออกเลย นี่ถ้าพี่เขารู้ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นแค่เรื่องที่กุขึ้นมาจะเป็นยังไงกันนะ โอ๊ยยย หวังว่าเขาจะไม่เกลียดขี้หน้าผม! พอเราสองคนเดินลงมานั่งเตรียมพร้อมทานมื้อเช้า เหล่าเด็กๆ ในบ้านก็ยกอาหารออกมาวางตระเตรียมทุกสิ่งอย่างรวดเร็ว ไม่มีขาดตกบกพร่องภายใต้การควบคุมของลุงพ่อบ้านสุดเนี้ยบนั่นเอง
“แล้วนี่เรเนียไปไหนตั้งแต่เช้า มีใครรู้ไหม?” พี่ซูสขมวดคิ้วเอ่ยขึ้นระหว่างที่กำลังลงมือทานข้าว คนบนโต๊ะมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครตอบได้สักคน
“เฮี้ยเป็นผัวยังไม่รู้แล้วคนอื่นจะไปรู้เหรอวะ?” พี่โพไซดอนที่ยังจดจ่อกับหนังสือพิมพ์ตอบแทนพรรคพวกที่ได้แต่หันมองกันไปมา พี่ซูสเหลือกตาใส่น้องชายทันทีเพราะคำตอบมันตรงไปนิด ถึงจะตรงกับใจที่ผมคิดไว้ก็เถอะ แต่ช่วยพูดให้มันละมุนละม่อมกว่านี้หน่อยเถอะ คนโดนเขม่นไม่มีกลัว โชว์ลูกคอสิบชั้นพร้อมกับโยกตัวไปมาเข้าจังหวะอีกแน่ะ
“มีเมียเด็ก ต้องหมั่นตรวจเช็กใครโทรมา อย่าเอาหูไปนา และอย่าเอาตาไปไร่~~ ได้เมียยังสาว โบราณกล่าวอย่าไว้ใจ ควายไม่ล้อมคอกโบราณบอกจะเสียใจ ถ้าถูกขโมยลักไปจะเอาควายไหนไถนา~~”“เวรนี่! กินข้าวได้แล้วโว้ย ถ้าจะอ่านหนังสือพิมพ์ก็ออกไปอ่านที่อื่น!” พี่ซูสเริ่มไม่ทนน้องชายที่คึกแดกดันเขาตั้งแต่หัววัน พี่ซูสกัดฟันเอ่ยเตือนเสียงเข้ม พี่โพไซดอนพับหนังสือพิมพ์ยื่นไปด้านหลัง เด็กๆ ที่ยืนรอรับคำสั่งเดินเข้ามารับไว้แล้วถอยห่างออกไป
“อย่าอารมณ์เสียแต่เช้าน่าคุณพี่ ระวังตีนกาจะขึ้นถาวรน่ะเออ เดี๋ยวจะหาว่าหล่อไม่เตือน”
“เออ มึงก็ระวังตีนกูไว้ล่ะกัน!”
“คร้าบ ส่วนพี่ก็ระวัง...
เมียพี่มีชู้ คนเขารู้กันทั่ว~~”
“ไอ้ @$#%^&”
ครั้งนี้เป็นผมที่ต้องตกใจแบบเซอร์ไพร้ส์เหี้ยๆ เอ๊ย! เซอร์ไพร้ส์มากๆ ไม่ใช่ที่พี่ซูสพ่นด่าชนิดรุนแรงไม่ควรออกอากาศแบบนั้นหรอกนะครับ แต่เป็นหนุ่มหล่อมาดแมนตรงหน้านี้ต่างหาก! นี่ถ้าไม่ได้ยินเสียงก่อนล่ะก็ผมคงคิดว่าเป็นคนอื่นไปแล้วแน่ๆ! ผมตะลึงกับโฉมหน้าอันเกลี้ยงเกลาของพี่โพไซดอน มันแตกต่างจากเมื่อวานแบบลิบโลก พอโกนหนวดโกนเคราตัดผมเข้าทรงก็เปลี่ยนจากลุคหมีป่าสุดเถื่อนมาเป็นหนุ่มหล่อสุดเท่ทันที!
ถึงจะไม่หล่อเหลาสง่างามสว่างไสวอบอุ่นดั่งเจ้าชายที่ยิ้มทีสาวๆ แทบละลายเหมือนพี่ซูส และจะไม่หล่อเหลาลึกลับชวนหลงใหลแบบราชาแห่งความมืดที่ไม่ต้องทำอะไรแค่นั่งเฉยๆ ก็ทำให้เหล่าสาวน้อยสาวใหญ่ยอมสยบแทบเท้าเหมือนพี่เฮดีส แต่เขาก็หล่อดิบเถื่อนเปี่ยมเสน่ห์ชายชาตรีอย่างยอดนักรบในตำนาน ถ้าสาวๆ ได้เห็นคงแดดิ้นเพราะพีโรโมนอันเข้มข้นที่ชวนให้คลั่งตายแน่ๆ สมแล้วที่เป็นพี่น้องกับพี่ซูสและพี่เฮดีส สามคนสามสไตล์ เป็นผมก็เลือกไม่ถูกเหมือนกัน (คงไม่มีโอกาสได้เลือกด้วย เฮอะๆ)
“อะแฮ่ม ขอเตือนไว้ก่อน ฉันไม่สนใจเมียน้องชายหรอกนะ ไม่ชอบคนอายุน้อยกว่าด้วย!” พี่โพไซดอนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเอ่ยออกตัวด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างสุดๆ ดวงตาสีฟ้าครามจ้องเขม็งตรงมาที่ผมอย่างดุดัน
ผมทำหน้าตกใจจะปฏิเสธแต่ก็ถูกพี่เฮดีสถวายหลังแหวนแทบจะหัวปักลงจานข้าวตรงหน้า แม่ง ตบมาได้ไม่แคร์คนเจ็บบ้างเลย! ผมมองเฉยๆ ไม่ได้คิดอกุศลแบบนั้นเลยนะ แค่อยากหล่อเข้มๆ อย่างนี้บ้าง! ผมถูกคนนั่งข้างๆ มองด้วยสายตาเย็นเฉียบก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้าตักข้าวยัดท้องว่างๆ ของตัวเองไปเงียบๆ
ทานไปได้สักพักพี่ซูสก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่เรเนียก็รีบร้อนออกไปทันที ปล่อยให้คนที่เหลือมองตามและสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงได้ทำท่าทางร้อนร้นขนาดนั้น และจากนั้นพ่อบ้านก็เข้ามากระซิบอะไรบางอย่างกับพี่เฮดีส เมื่อรายงานเสร็จพี่เฮดีสก็ลุกเดินตามพ่อบ้านออกไปโดยกระชับผมให้รอเขาอยู่ที่นี้ แถมยังฝากฝังพี่โพไซดอนช่วยดูแลอีกแรง ต่อมาอะโฟรไดท์ก็อิ่มแล้วลุกขึ้นกลับห้องตัวเอง เหลือแค่ผม พี่โพไซดอนและฝาแฝด พวกเรานั่งเล่นรอคนอื่นๆ อยู่ที่ห้องโถง ระหว่างนั้นพี่โพไซดอนก็คุยโทรศัพท์ไปด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“เอ่อ...พี่เฮดีสกับพี่ซูสเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ผมเอ่ยถามพี่โพไซดอนหลังจากที่เขาวางสายไป มันอดเป็นห่วงไม่ได้นี่ครับ จู่ๆ ก็หายไปแบบนี้แถมยังหายไปนานแล้วด้วย! พี่โพไซดอนหันมามองผมแล้วเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะยักไหล่
“คงไม่เป็นอะไรหรอก ไอ้ดีสแค่ไปหาแม่มัน ส่วนเฮียเนี่ย...กำลังฆ่าชู้รักของเมียเด็กอยู่ล่ะมั้ง หึๆ” พูดเองขำเองเสร็จสรรพ ตามคอนเซ็บต์ ใครไม่ขำข้าขำเองของพี่โพไซดอน ผมกะพริบตาปริบๆ ไม่รู้จะโฟกัสส่วนไหนของประโยคดี แต่ที่ผมสนใจมากที่สุดจนลืมขำตามมารยาทอันดีคือส่วนแรกของประโยคนั้นแหละ
แม่ของพี่เฮดีส!? หมายถึงยัยป้าแม่มดเล็บแดงคนนั้นน่ะเหรอ? นี่คุณเธอมาถึงที่นี้เลยหรือไงกันน่ะ มิน่าตอนที่ได้ยินพี่เฮดีสถึงได้ทำหน้าเคร่งเครียดแบบนั้น ยัยป้านั้นจะมาแก้แค้นผมหรือว่าจะมาเอาเด็กๆ ไปหรือเปล่า? ผมหันไปมองพวกเด็กๆ ที่นั่งเล่นของเล่นจำนวนมากมายกองพะเนินให้เลือกสรรอย่างอดเป็นกังวลไม่ได้ ผมเงยหน้ามองพี่โพไซดอนแล้วถามต่อ
“คุณแก้วตาเธอมาทำอะไรที่นี้งั้นเหรอครับ?”
“หา? ยัยบ้า เอ๊ย ยัยป้าแก้วตาเนี่ยนะมาที่นี้? ฮ่าฮ่าฮ่า! ฝันกลางวันอยู่หรือไงไอ้หนู!? ลองมาดูสิพ่อจะไล่หวดให้จำทางกลับไม่ได้เลย” พี่โพไซดอนชะงักแล้วมองผมด้วยสายตางุนงง ก่อนจะทำหน้าเหมือนเย้ยหยันหัวเราะเสียงดังลั่น เมื่อหยุดหัวเราะเขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเหี้ยมโหดชวนขนลุกขนพอง
แม่ง! ตกลงพี่ท่านจะอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่!? จะงง จะขำหรือเหี้ยมก็เลือกเอาสักอย่างสิครับ นี่เล่นประโยคเดียวเปลี่ยนมันครบถ้วนทุกอารมณ์ ผมชักจะกลัวคนๆ นี้ขึ้นมาซะแล้วสิ หัวเราะเฮฮาอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนสีหน้าเหี้ยมได้ฉับพลัน!
ผมลอบสังเกตการณ์อารมณ์ของพี่โพไซดอนด้วยความระมัดระวัง นึกว่าจะรอดจากพี่เฮดีสที่ทำหน้าเรียบเฉยเดาอารมณ์ไม่ถูกแล้วเชียว แต่ดันมาเจอคนหนักกว่าที่แสดงอารมณ์ทุกอย่างออกทางสีหน้าชัดยิ่งกว่าชัดแต่เล่นเปลี่ยนทุกสองวินาที แบบนี้ผมก็เดาทางไม่ออกเหมือนกันนะ! พอเห็นอารมณ์ของพี่โพไซดอนกลับมาเป็นปกติ ผมก็กลั้นใจถามออกไป
“ขอโทษนะครับ คือผมไม่เข้าใจ ถ้าไม่ใช่คุณแก้วตาแล้วพี่เฮดีสไปหาคุณแม่คนไหนอีกเหรอครับ?”
“มันก็มีแม่เดียวมาตั้งแต่เกิดแล้วนะ”
“หะ?” ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่เข้าใจ พี่โพไซดอนก็ขมวดคิ้วมองผมด้วยความหงุดหงิดที่เหมือนคนหัวขี้เลื่อยเข้าใจอะไรยากจนน่ารำคาญ ผมกำลังสับสน พยายามอธิบายทุกอย่างที่วิ่งชนกันไปชนกันมาในหัวให้พี่โพไซดอนฟัง
“แม่ของพี่ไนซ์คือคุณแก้วตา แล้วพี่เฮดีสก็มีแม่อีกคนหนึ่ง หมายความว่าพี่ไนซ์กับพี่เฮดีสไม่ใช่พี่น้องกันเหรอครับ?”
“อ้อ~ ปริศนาทั้งหมดไขกระจ่างแล้ว ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!”
พอเห็นคนหล่อๆ มาโพสท่าบ้าบอแบบนี้แล้วผมไม่รู้จะฮาหรือสะพรึงดีวะ? พี่โพไซดอนพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจว่าทำไมผมถึงได้เข้าใจได้ยากเย็นขนาดนี้ เขาหัวเราะแล้วโบกมือด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“เป็นเมียไอ้ใบ้ก็ต้องทำใจหน่อยแหละ มีอะไรให้พี่อย่างฉันพูดแทนตลอด เวลาทำลูกมันจะให้กูพูดแทนอีกเปล่าวะ?” เขาหยุดมองผมแล้วยิ้มขำๆ ก่อนทำสีหน้ามีเลศนัย “แต่...คงจะไม่หรอกมั้ง เพราะตอนทำไม่จำเป็นต้องพูด แค่ใส่มันลูกเดียว เคี๊ยกกกก!”
ผมนั่งหน้าแดงพูดอะไรไม่ออก เสียงหัวเราะสะใจของพี่โพไซดอนทำเอาผมอับอายยิ่งกว่าเดิม สมองเพี้ยนๆ นี่ก็เอาแต่จะย้อนภาพความฝันบ้าบอนั้นอยู่ได้ เรื่องชักจะออกอ่าวออกทะเลเกินไปแล้วล่ะครับ พี่โพไซดอนกระแอมเบาๆ ในลำคอแล้วเริ่มแก้ปมในหัวของผม
“เฮ้อออ...เรื่องยุ่งๆ ทั้งหลายทั้งแหล่มันเกิดขึ้นเพราะเสน่ห์อันล้นหลามของคุณป๋าตัวดีนั้นแหละน่า มันช่วยไม่ได้ คุณป๋านับว่าหล่อพอตัวถึงจะหล่อไม่เท่าฉันก็เถอะ!” พี่โพไซดอนพยักหน้าบ่นพึมพำกับตัวเอง พี่หล่อมากครับ แต่ช่วยๆ ข้ามมันไปแล้วเล่าประเด็นสำคัญได้ไหมครับ? ตกลงมันอะไรกันแน่!? คุณพ่อทำอะไรไว้อย่างนั้นเหรอ? โอ๊ย! ครอบครัวนี้มันจะยุ่งเหยิงไปไหน!?
“จะให้เล่าตั้งแต่เมียคนแรกของคุณป๋าเลยไหม? อืม...ตั้งแต่...โอ๊ย เยอะๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องย้อนกันนานหน่อยนะ”
“ขอข้ามมาเรื่องแม่ของพี่เฮดีสเลยเถอะครับ” ผมรวบรัดอย่างรวดเร็ว ดูท่ามันจะเยอะกว่าจะถึงคิวของแม่พี่เฮดีสก็คงจะหมดไปสองตอนแล้ว! พี่โพไซดอนพยักหน้าแล้วใช้เวลาครุ่นคิดเล็กน้อย เขาถอนหายใจแล้วเริ่มเล่าอย่างจริงจัง เอ่อ...ก็นับว่าจริงจังล่ะนะ
“ฉันเองก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ คุณป๋าเล่าให้ฉันฟังน่ะ เรื่องมีอยู่ว่าตอนคุณป๋าอายุย่างสี่สิบแต่ดันคิดว่าตัวเองยี่สิบ อยากได้ลูกอีกสักคนก็เลยเสาะหาผู้หญิงที่คู่ควรเป็นแม่พันธุ์ ฉันไม่ได้พูดดูถูกหรอกนะแต่ว่าคุณป๋าเป็นอย่างนั้นจริงๆ คุณป๋าเลือกเป้าหมายเป็นตระกูล ‘ภฤตย์ปรเมษฐ์’ ซึ่งเป็นตระกูลเก่าแก่ แน่นอนพวกเขาพิเศษตรงที่เป็นตระกูลผู้ใช้มนตรา...” พี่โพไซดอนเล่าไปเรื่อยๆ แต่ความคิดของผมสะดุดตั้งแต่ได้ยินชื่อของตระกูลนั้นแล้ว!
ภฤตย์ปรเมษฐ์!?
นั้นมันนามสกุลของไอ้มอตโตไม่ใช่เหรอ!!!? TBC
รีบอัพแล้วรีบเข้านอน เรียนเช้าาาาาาา TT_TT
เพลินไปหน่อย โอ๊ยหนอ กำลังจะได้เล่าอยู่แล้วเชียว!
แต่มีคนเดาได้แล้วล่ะนะว่าใครเป็นแม่ของเฮดีส เห็นเม้นเอาไว้
จับหลักได้ถูกต้องแล้วล่ะ ชื่อมันคล้องจองกันไง 555
และใครจะไปรู้ว่าแก๊งของเนรัญเองก็ไม่ธรรมดาซะทีเดียวหรอกนะ
จริงๆ เค้าก็แอบแง้มๆ ว่ามอตโตมีซัมติ้งที่อยากจะพูดแต่มันเล่นตัวไม่พูด!
มอตโต พี่ยูและ(เปิดตัว)แฟนพี่ยูกำลังจะมีบทบาทอีกครั้ง
เอ๊ะ!? ยังมีตัวละครพวกนี้อยู่เหรอ? หายไปนานมากกกกก อ่า~ ขอโทษนะยู!
และขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้นะคะ
-+-+-+ แถม {สภามหาเทพ} +-+-+-
ตอนที่เฮดีสนวดตัวให้กับเนรัญ มีคนอ่านท่านหนึ่งเม้นถามไว้ว่า
'พี่เฮดีสนวดเก่งเพราะเข้าอาบอบนวดบ่อยใช่ไหม?'
ไปฟังคำตอบกันนนน~~
เฮดีส : ใช่ -_- ช่วงแตกเนื้อหนุ่มเท่านั้นแหละ ยังไม่รู้เรื่องอะไรเท่าไร มีคนๆ หนึ่ง(เขาห้ามไม่ให้บอกชื่อน่ะ)
บอกว่าจะพาไปหาประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ ก็เลยยอมตามไปด้วย ปัจจุบันก็ไปบ้าง
เพราะต้องไปตามคนๆ นั้นที่ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง จริงๆ แล้วไม่อยากไปหรอก
แต่ทำยังไงได้ พี่ชายเล่นไม่กลับบ้านเป็นอาทิตย์ก็เลยต้องไปตาม จำเป็นจริงๆ
โพไซดอน : ถุย ตอแหลได้อีกกกก!
ซูส : ก็อย่างว่าล่ะนะครับ ^_^ ทุกคนคงรู้อยู่ว่าใครมันพาน้องไปเสียคน ฮึ!
โพไซดอน : ผายลม! พาไปเสียคนที่ไหนกัน พาไปเปิดจิ้นต่างหาก!
( -3-) (-_-;;) (-*- )
โพไซดอน : อะไรเล่า ฉันเลิกไปนานแล้วนะเฟ้ย
ซูส & เฮดีส : ก็(มึง/พี่)ไปร้านเ(ห)ล้าแทนน่ะซี หนักกว่าเดิมอีก!
โพไซดอน : -^- ชิ (พวกมันรู้ได้ไงวะ?)
ซูส & เฮดีส : สันดาน(น้อง/พี่)ทำไมจะไม่รู้วะ!? =_=;;