บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 68 “ณัฐวนิช”
ใจของฉันมันเป็นของเธอ ไม่ว่านานเท่าไร และมันจะเป็นของเธอตลอดไป ใจของฉันมันเป็นของเธอ คนเดียวทั้งใจ จะรอเธอ รักเธอจนตายใจเอย
ในวันที่สามผมตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้นมา เมื่อดูหน้าจอก็ต้องรีบกระโดดขึ้นมานั่งบนเตียงใจเต้นระส่ำ อาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้งทันที มันเป็นชื่อของน้องหยกที่โทรเข้ามา
“ฮัลโหล” ผมกลืนน้ำลายก่อนจะสไลด์รับสายด้วยความระทึก
“มึงเตรียมเงินไว้พร้อมหรือยัง” เสียงห้วนเข้มตอบกลับมา
“เตรียมไว้แล้ว น้องหยกเป็นยังไงบ้าง ขอกูคุยหน่อย” ผมร้องขออกไปอย่างร้อนรน
“หึหึ มึงไม่คิดจะถามถึงพ่อมึงเลยใช่ไหม อยากได้ยินแต่เสียงเมียมึงเท่านั้นสินะ” ไอ้เลวนั่นมันเหน็บแนมผม
“พี่กฤษครับ หยกสบายดี ตอ...” อยู่ๆ เสียงน้องหยกก็ขาดหายไป
“พอแล้ว วันนี้มึงเอาเงินใส่กระเป๋าไปวางไว้ที่ปากซอยบ้านมึง หาต้นไม้ที่มีเชือกสีแดงมัดอยู่ตรงริมถนนใหญ่ให้เจอ วางกระเป๋าเอาไว้ตรงนั้น ส่วนเมียของมึงกูจะเอาไว้หย่อนไว้ตรงไหน กูค่อยบอกมึงอีกที” ไอ้พวกเลวมันสั่งผม
“แล้วกูจะรู้ได้ยังไงว่ามึงจะคืนนองหยกให้กูจริงๆ ถ้ามึงได้เงินแล้วหนีไปล่ะ” ผมขอความมั่นใจจากมัน
“หึหึ ไอ้โง่ มึงมีสิทธิ์อะไรมาต่อรองพวกกู มึงได้เมียมึงคืนแน่ๆ พวกกูแค่อยากได้เงินกับดอกเบี้ยคืน เมียมึงกูไม่เอาไว้แน่นอน ถ้าเมียมึงเป็นผู้หญิงก็ไม่แน่ ไอ้พวกวิปริต” มันด่าผมเข้าให้ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากต่อปากต่อคำกับมัน
“จะให้กูเอาเงินไปให้ตอนกี่โมง แล้วมึงจะคืนคนให้กูเลยหรือเปล่า” ผมยังถามรายละเอียดต่อไป
“ตอนเที่ยงตรง กูต้องเห็นกระเป๋าเงินของมึงแล้ว ส่วนคนของมึงกูจะเอาไว้ทิ้งไว้ตรงไหนให้มึงตามมาดูที่ต้นไม้ตรงนั้น” มันตอบผมเสร็จก็วางสายทันที ตอนนี้รู้สึกในใจมันเหมือนจะระเบิดออกมา แล้วอยู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งเพราะมือน้องเจที่เอื้อมมาจับไหล่ผมไว้
“พี่พลัส พวกมันติดต่อมาแล้วเหรอครับ พี่หยกเป็นยังไงบ้างครับ” น้องเจขยี้ตาลุกขึ้นมานั่งบนเตียงหัวฟู ถามผม
“มันให้พี่เอาเงินไปวางไว้แถวบ้านของพี่ก่อนเที่ยง ส่วนพี่หยกสบายดี พี่ต้องรีบแล้วล่ะ” ผมรีบลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมาอีกทีน้องเจก็เดินสวนเข้าห้องน้ำไป เมื่อจัดการธุระเสร็จผมก็ลงมาด้านล่าง เจอไอ้ทองกับน้องพลอยกำลังวางจานอาหารเช้าง่ายๆ ให้กับทุกคนบนโต๊ะอาหาร
“เจโทรมาบอกกูแต่เช้าว่าพวกมันติดต่อมึงมาแล้ว กูเตรียมกระเป๋าใส่เงินสดให้มึงแล้วพลัส นี่ยังมีเวลาอีกเยอะมานั่งกินอาหารเช้ารอเวลาก่อน ยังไงก็รู้แล้วว่าน้องหยกยังปลอดภัยดี มึงอย่าเป็นห่วงมากไปแล้วกัน” ไอ้ทองมันเตรียมงานให้ผมเสร็จสรรพ แถมท่าทางจะยังไม่ได้อาบน้ำอีกด้วย
“ทอง...กูขอบใจมึงมากนะเพื่อนรัก” ผมเดินเข้าไปกอดมันแน่น ไอ้ทองเพียงเอามือมาตบหลังผมเบาๆ พอผมปล่อยมันออกจากอ้อมกอด น้องพลอยหันมายิ้มให้กับภาพที่เห็นตรงหน้า ผมเห็นจานอาหารเช้ามีเพียงขนมปังปิ้ง แฮม ไข่ดาว ไส้กรอกสองชิ้นเท่านั้น
“มึงเป็นเพื่อนรักกู ยังไงกูก็ต้องช่วยมึงถึงที่สุดอยู่แล้วไอ้พลัส” ไอ้ทองมันตอบพลางยิ้มให้ แล้วขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมจึงรับหน้าที่เตรียมอาหารเช้าเพิ่มให้อีก ผมเข้าครัวไปทำสลัดผักใส่ไข่ต้ม ข้าวต้มทะเลอีกหม้อ เผื่อใครอยากทานอาหารหนักๆ บ้าง และคั้นน้ำส้มให้กับทุกคนอีกด้วย
“กฤษ..เอ้ย พลัสตื่นมาเตรียมอาหารแต่เช้าเชียวนะครับ มารอรับพี่ชายเหรอครับ” โตโต้ทักผมที่กำลังจัดแจงวางอาหารบนโต๊ะให้กับทุกคน พี่บาสเดินตามลงมาด้วยสีหน้าสดใสเช่นกัน ทุกคนพอเห็นผมมีอาการดีขึ้นจากสองวันก่อนก็คงสบายใจกันมากขึ้น
“ผมตื่นเพราะไอ้พวกที่จับน้องหยกมันติดต่อมาหาแต่เช้าครับ มันบอกให้ผมเอาเงินไปวางให้มันก่อนเที่ยง แล้วจะนัดที่ปล่อยตัวน้องหยกอีกที” ผมตอบโตโต้ไปอย่างใจคิด ตอนนี้ลืมเรื่องพี่พีทไปเสียสนิทว่ากำลังจะเดินทางมาหาผมในวันนี้เช่นกัน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดผมคงได้เจอคนที่อยากเจอที่สุดทั้งสองคนในวันนี้
“แล้วน้องหยกเป็นยังไงบ้าง” พี่บาสถามทันทีที่นั่งลงบนโต๊ะอาหารข้างโตโต้ ในมือถือช้อนส้มค้างเอาไว้เหมือนรอคำตอบของผมอย่างใจจดใจจ่อ
“สบายดีครับ พวกมันคงไม่ได้ทำอะไรน้องหยก ถ้าได้เงินแล้วมันคงปล่อยตัวน้องหยกคืนมา” ผมภาวนาขอให้เป็นไปตามนี้ด้วยเหมือนกัน เมื่อผมนั่งลงที่โต๊ะอาหาร ทุกคนก็ทยอยกันลงมาทานอาหาร พูดคุยกันเป็นปกติ แต่ในใจผมนั้นกลับตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมไม่อยู่
“ทองไปเป็นเพื่อนกูหน่อย” ผมบอกไอ้ทองหลังจากใกล้จะได้เวลานัด เราทั้งคู่หยิบกระเป๋าเงินมาถือไว้ อาหนึ่งรับอาสาขับรถไปส่งพวกเรา ส่วนคนอื่นๆ รอข่าวอยู่ที่งานศพคุณตาคุณยายที่วัด ผมกับไอ้ทองนั่งรถอาหนึ่งไปถึงปากซอยบ้าน เราสองคนเดินหาต้นไม้ที่มีเชือกสีแดงริมถนนใหญ่
“โน่นไงไอ้พลัส” ผมหันไปตามนิ้วที่ไอ้ทองชี้ให้ดู เห็นต้นไม้ใหญ่มีเชือกไนล่อนสีแดงสดพันเอาไว้ ห่างจากถนนใหญ่ไม่ถึงเมตร จึงรีบวิ่งไปวางกระเป๋าไว้ตรงโคนต้นไม้ ก้มดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือด้วยความระทึก อีกสิบนาทีจะถึงเวลาเที่ยงแล้ว เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นมา จึงรีบล้วงออกมารับสาย
“มึงวางกระเป๋าแล้วก็ออกมาให้ห่างที่สุด เดี๋ยวกูจะส่งคนไปหยิบมาตรวจเงินดู กูจะรอจนแน่ใจว่ามึงไม่ได้แจ้งความกับตำรวจ แล้วกูจะโทรมาบอกมึงว่าจะหาเมียมึงได้ที่ไหน เข้าใจไหม” เสียงไอ้เลวคนเดิมมันบอกผมมาทันทีที่รับสาย
“กูเข้าใจแล้ว กูวางกระเป๋าเอาไว้ตรงต้นไม้ แล้วก็ไม่ได้แจ้งตำรวจแน่นอน ตอนนี้กูกำลังจะกลับไปที่รถ มึงให้คนไปหยิบมาดูได้” ผมบอกให้พวกมันมั่นใจแล้วจึงรีบวิ่งกลับมาที่รถของอาหนึ่ง ซึ่งจอดหลบไว้ในซอยบ้านของผมห่างจากถนนพอสมควร พวกเรานั่งรอในรถโดยไม่ได้คุยอะไรกัน ใจผมเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ขอบใจเรื่องเงิน กูเอาเมียมึงไปมัดไว้ที่ต้นมะพร้าวท้ายสวนมึงตั้งแต่เช้าแล้ว ส่วนโทรศัพท์เครื่องนี้กูขอแล้วกันนะ” ไอ้เลวมันพูดด้วยความรวดเร็วแล้ววางสายทันที
“อาหนึ่ง พวกมันมัดหยกไว้ที่ท้ายสวนของผม ขับรถเข้าซอยไปที่บ้านผมด่วนเลยครับ” ผมร้องบอกอาหนึ่งเสียงดัง เพียงเท่านั้นอาหนึ่งก็รีบถอยกลับรถเข้าไปในซอยมาถึงหน้าบ้านผมอย่างรวดเร็ว ผมลงจากรถก็วิ่งเข้าไปในสวน ไอ้ทองวิ่งตามมาติดๆ มาถึงท้ายสวนติดบริเวณคลอง ผมกวาดตามองหาน้องหยกด้วยอาการร้อยรน วิ่งพล่านไปมากับไอ้ทองสองคน
“หยก พี่มาแล้ว” ผมเห็นน้องหยกถูกมัดติดกับต้นมะพร้าวอยู่ใกล้กับคลองที่สุด จึงรีบวิ่งไปหาโดยมีไอ้ทองรีบตามมา ผมมาถึงก็ลงมือแก้มัดผ้าที่ปากน้องหยก แล้วจึงแก้ผ้าที่ปิดตาน้องหยกเอาไว้ ไอ้ทองก้มตัวลงแก้เชือกที่มัดร่างน้องหยกออก ใช้เวลาเพียงชั่วครู่น้องหยกก็เป็นอิสระอยู่ในอ้อมกอดของผม
“พี่กฤษ...หยกหิวน้ำ” น้องหยกบอกผมทันทีที่ลืมตาขึ้นมา ผมรีบก้มช้อนตัวอุ้มคนรักขึ้นมา แล้ววิ่งกลับไปที่รถอาหนึ่ง ไอ้ทองวิ่งนำผมมาเปิดประตูรถหยิบขวดน้ำเปล่ามาเปิดฝา ผมนั่งคุกเข่าลงกับพื้นโดยวางตัวน้องหยกลงบนตักแล้วประคองศีรษะคนรักเอาไว้
“น้ำครับที่รัก ค่อยๆ ดื่มนะครับ” ผมรับขวดน้ำมาจ่อริมฝีปากน้องหยก เท่านั้นคนรักก็รีบดื่มน้ำเข้าไปจนเกือบหมดขวด น้องหยกไม่มีบาดแผลอะไรมากมาย เพียงเห็นรอยฟกช้ำบริเวณใบหน้าบ้างเท่านั้น ตามร่างกายมีรอบแมลงกัดนิดหน่อย พอรู้สึกว่าคนรักมีอาการดีขึ้นผมก็อุ้มขึ้นมาอีกครั้ง
“ทอง เปิดประตูรถให้กูหน่อย แล้วมึงไปนั่งหน้ากับอาหนึ่งนะ อาครับพาน้องหยกไปโรงพยาบาลได้ไหมครับ” ผมสั่งไอ้ทองแล้ววางน้องหยกลงเบาะหลังนั่งข้างๆ ผมเสร็จก็หันมาถามอาหนึ่งที่นั่งอยู่ในรถ อาหนึ่งพยักหน้าตอบ แล้วขับรถออกไปทันที
พอมาถึงโรงพยาบาลก็มีเจ้าหน้าที่มารับน้องหยกไปนอนบนเตียงเข็นเข้าห้องตรวจ ผมกับไอ้ทองลงมารอที่โถง ส่วนอาหนึ่งก็เอารถไปจอดที่ลานจอดรถ ไม่นานคุณหมอก็ออกมาแจ้งว่าน้องหยกปลอดภัยดี ผมกับไอ้ทองก็โล่งใจ อาหนึ่งเดินตามมาหาพวกเราที่กำลังคุยกับคุณหมออยู่
“คนไข้มีเพียงอาการเพลีย และหน้ามืดจากการไม่ได้ทานน้ำ หรืออาหารหลายชั่วโมงเท่านั้น ตอนนี้นอนให้น้ำเกลือพักผ่อนเพียงไม่นานก็กลับบ้านได้ครับ ส่วนรอยฟกช้ำหมอจะให้ยาไปทานะครับ” คุณหมอพูดจบก็ขอตัวกลับไปทำงาน พวกเรากล่าวขอบคุณแล้วรีบเดินเข้าไปดูคนไข้ที่นอนหลับอยู่บนเตียง
“น้องหยกปลอดภัยแล้วนะมึง ไอ้พลัส กูดีใจด้วยนะ” ไอ้ทองบอกผมพร้อมส่งรอยยิ้มมาให้ ผมก็ยิ้มตอบมันออกไป ตอนนี้รู้สึกโล่งใจมากที่สุด แม้ว่าคนรักจะมีสภาพแย่อย่างที่เห็นอยู่ก็ตาม เพียงมีชีวิตกลับมาผมก็ดีใจที่สุดแล้ว ได้แต่ภาวนาขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยเหลือ
“ผมขอบคุณอาหนึ่งมากนะครับที่ช่วยเหลือ ถ้าไม่ได้อาผมก็คงจะไม่มีทางได้น้องหยกคืนมา” ผมก้มลงกราบอาหนึ่ง ทำเอาเจ้าตัวตกใจรีบก้มตัวมาดึงผมเอาไว้ก่อนจะถึงพื้น ไอ้ทองก้รีบเข้ามาช่วยดึงผมให้ลุกขึ้น
“อย่าทำแบบนี้สิ พลัสเป็นเพื่อนรักกับทอง อาเป็นแฟนทองก็ต้องช่วยพลัสเป็นธรรมดา อย่าคิดมากเลยนะ เราเป็นคนกันเองแล้วนะ คราวหน้าห้ามกราบอาแบบนี้อีก แค่ไหว้อาก็รู้สึกแก่จะแย่แล้วรู้ไหม” อาหนึ่งยังมีอารมณ์ขัน ไอ้ทองยืนหน้าแดงอยู่ข้างๆ คงเขินกับคำพูดของอาหนึ่ง ทำให้ผมต้องหัวเราะออกมาเบาๆ
“วันนี้ผมคงต้องเฝ้าน้องหยกที่โรงพยาบาลก่อนนะครับ ไว้เย็นๆ พอน้องหยกอาการดีขึ้นแล้วผมจะโทรศัพท์ให้มารับอีกทีนะครับ ไอ้ทองกูฝากดูที่งานศพให้หน่อยนะ กลางวันคงยังไม่มีอะไรวุ่นวาย เย็นๆ ค่อยเจอกันที่งานนะเพื่อน” ผมขอรบกวนอาหนึ่งกับไอ้ทองให้ช่วยดูงานศพคุณตาคุณยายให้ก่อน ส่วนตัวผมนั้นคงทิ้งคนรักที่นอนป่วยอยู่ตรงนี้ไปไม่ได้จริงๆ
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวกูไปบอกทุกคนให้ว่าน้องหยกปลอดภัยแล้ว เย็นๆ กูจะให้คนมารับมึงกับหยกที่นี่แล้วกันนะ อ้อ...เย็นนี้มึงไม่ต้องทำอาหารที่งานล่ะ กูจะจัดการให้” ไอ้ทองเพื่อนรักช่างเป็นห่วงผมไปเสียทุกเรื่อง ผมยิ้มตอบมันไปด้วยความตื้นตัน พอทั้งคู่ออกจากห้องไปแล้ว ผมก็กลับมานั่งข้างเตียงคนรัก สำรวจดูทุกส่วนของร่างกายว่าเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อเห็นว่าไม่มีส่วนไหนที่น่าเป็นห่วง อีกทั้งน้องหยกก็นอนหลับสนิทหายใจเข้าออกเสียดัง เหมือนเพลียจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเจอมา ผมก็เบาใจก้มหน้าลงไปหอมแก้มคนรักเบาๆ นั่งกุมมือคนรักรอเพียงเวลาตื่นขึ้นมาเท่านั้น